แชร์

บทที่ 10

ผู้เขียน: ฮุยสี่เชว่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-07 13:23:20
คิดได้เช่นนั้น ไป๋ซื่อก็แย้มยิ้มหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากหัวเราะเบาๆ แต่ในไม่ช้าก็หัวเราะไม่ออกแล้ว

พระชายารัชทายาทอมยิ้มตั้งแต่ต้นจนจบ กระทั่งถามเรื่องสัพเพเหระกับฝ่ายตรงข้ามอย่างสนิทสนม

อวี๋เหลียงเยว่มีท่าทางเคารพระคนตื่นเต้นยินดี ตอบคำถามพระชายารัชทายาทอย่างระมัดระวัง คนทั้งสองโต้ตอบกันไปมา ถึงขั้นมีทีท่าว่าจะคุยกันถูกคออีกด้วย

รอยยิ้มของไป๋ซื่อสลายไปโดยสิ้นเชิง เห็นสีหน้ายิ้มแย้มของคนทั้งสองแล้วในใจก็บังเกิดความอึดอัดคับข้องขึ้นมา

น่าเบื่อจริงๆ พระชายารัชทายาทนางเฒ่าผู้นี้ คิดว่าคงต้องการดึงอวี๋ซื่อไปเป็นพวก แต่น่าเสียดาย

สตรีที่ฐานะต่ำต้อยคนหนึ่ง ดึงมาเป็นพวกแล้วมีประโยชน์อันใดเล่า

คุยกับอวี๋เหลียงเยว่เสร็จ พระชายารัชทายาทก็หันมาถามไป๋ซื่อ “สุขภาพเจ้าดีขึ้นหรือยัง ก่อนหน้านี้ได้ยินคนพูดว่าสุขภาพเจ้าไม่ดีมาตลอดจึงไม่อาจมาคารวะเช้า ยามนี้หงอวิ๋นอายุเพียงหนึ่งขวบ เป็นวัยกำลังซนพอดี ถ้าเจ้าลำบากเกินไปก็มมิสู้ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี ข้าสามารถดูแลหงอวิ๋นแทนเจ้าได้สักหลายวัน...”

“ไม่ต้อง!” นางพูดจบค่อยตระหนักว่าน้ำเสียงตนเองแหลมสูงจึงปรับน้ำเสียงให้อ่อนโยนลงหลายส่วน “ขอบพระทัยพระชายาเพคะ แต่ไม่กี่วันมานี้สุขภาพหม่อมฉันดีขึ้นแล้ว ดูแลหงอวิ๋นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่จำเป็นต้องรบกวนพระชายาหรอกเพคะ”

พระชายารัชทายาทคลี่ยิ้มบาง “เช่นนั้นก็ดี”

อวี๋เหลียงเยว่ยิ้มบางในใจ จุดชีวิตของไป๋ซื่อก็คือพระนัดดาคนโตฉินหงอวิ๋น ชาติที่แล้วนางอาศัยลูกคนนี้สร้างเรื่องไม่น้อย ทุกสามวันสองวันหากมิใช่ลูกคิดถึงเสด็จพ่อก็เป็นลูกไม่สบาย ร่ำร้องหาเสด็จพ่อ เรียกฉินซือเหิงมาจากที่อื่น

ยังตัดหน้านางเสียหลายครั้ง

เดิมนึกว่าฉินหงอวิ๋นอายุหลายขวบแล้ว นางจะสงบเสงี่ยมลงเสียที ผู้ใดจะคาดว่าท้องนางกลับโตขึ้นมาอีก สิ่งที่คลอดออกมานั้น...ก็ช่างอัปมงคลโดยแท้

พูดคุยกันครึ่งค่อนวัน พระชายารัชทายาทค่อยส่งแขกกลับไป ไป๋ซื่อฐานะสูงที่สุดจึงลุกขึ้นเชิดหน้าเดินออกไปเป็นคนแรก ชิวเฉิงฮุยรีบร้อนตามไป

อวี๋เหลียงเยว่กลับคารวะอย่างสุภาพนอบน้อมเสร็จแล้วค่อยจากไป

มองดูแสงอาทิตย์อบอุ่นด้านนอกตกกระทบลงบนพื้นหิน แสงทองมลังเมลืองไปทั่วทิศ นางคลี่ยิ้ม บรรยากาศดีขึ้นนี้ หากไม่สังหารคนก็น่าเสียดายน่ะสิ

ตอนกลางคืน ท้องฟ้าราตรีปราศจากแสงสว่าง จันทราหลบอยู่ท่ามกลางเมฆครึ้ม ทำให้คนไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน

รอบด้านคือความเงียบสงัดที่ไร้ขอบเขต ช่วงเวลายามอิ๋น ตำหนักบูรพาเงียบสงบ

ภายในหอชมจันทร์ยิ่งเงียบสงบไร้สุ้มเสียง เงาร่างลึกลับสายหนึ่งมุดออกมาจากมุมกำแพง จากนั้นก็เปิดหน้าต่างหอชมจันทร์ออกอย่างเบามือเบาเท้า กระโดดเข้าไปในข้างในอย่างปราดเปรียว

เห็นบางอย่างนูนขึ้นน้อยๆ ใต้ผ้าห่มบนเตียง นางยิ้มมุมปาก ไม่ฟังคำสั่งแล้วอย่างไรเล่า นางจะทำให้นางฟังคำสั่งเอง

ไม่สนใจนาง นางก็จะตามมาหาถึงที่ด้วยตนเอง

อีกฝ่ายจะทำอย่างไรก็หนีไม่พ้นจากเงื้อมมือของนายท่านอยู่ดี

คิดถึงตอนที่นางเคยเห็นในจวน นายท่านของตนเป็นชนชั้นไหน แต่กลับหยอกเย้ากับคนชั้นต่ำนั่นอยู่ใต้ต้นดอกกุ้ย รอยยิ้มอ่อนโยนในแววตาก็มอบให้แต่คนชั้นต่ำนั่น นางยิ่งรู้สึกทรมานใจยิ่งนัก

เหตุใดนางจึงพิเศษกว่าคนอื่น เป็นเพราะใบหน้างามพิลาสดวงนั้นอย่างนั้นหรือ? นางคิดถึงตรงนี้ก็โกรธกริ้วยิ่งนัก มือที่จับเข็มเล่มบางกำแน่น คิดถึงจุดประสงค์ที่มาที่นี่ในวันนี้ มุมปากของนางก็เผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมา

เดินไปถึงข้างเตียง เพิ่งเลิกผ้าห่มขึ้น รอยยิ้มตรงมุมปากนางก็พลันอันตรธานหายไป

สิ่งที่อยู่ใต้ผ้าห่มไม่ใช่อวี๋เหลียงเยว่ที่คิดไว้เลยสักนิด แต่เป็นผ้าห่มที่ถูกคนจงใจจัดให้อยู่ในลักษณะคนนอนก็เท่านั้นเอง

นางตกหลุมพรางแล้ว!

ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน นางรู้ได้อย่างไรว่าตนเองจะ...

สมองทำงานเร็วจี๋ นางอยากกลับออกไปทางหน้าต่างที่เข้ามาโดยสัญชาตญาณ เพิ่งก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าวก็สัมผัสได้ว่าบริเวณลำคอ ผ้าแพรต่วนนุ่มลื่นผืนหนึ่งพันรอบคอนาง

“หึๆ เจ้ากลับเป็นคนใจกล้าทีเดียว เห็นข้าไม่สนใจสัญญาณลับก็มาหาเองถึงที่ เพื่อนายของเจ้าแล้ว เจ้าช่างทุ่มเทเสียจริง เจ้ามาที่นี่คิดจะทำอันใด เตือนให้ข้าทำภารกิจดีๆ งั้นรึ”

นี่คือน้ำเสียงของอวี๋เหลียงเยว่

สิ้นเสียง อึดใจถัดมา ผ้าแพรต่วนผืนนั้นพลันรัดแน่น เรี่ยวแรงมหาศาลทำให้นางเริ่มดิ้นรนอย่างรุนแรง ความประหลาดใจเพิ่มมากขึ้นทุกที

นางกล้าได้อย่างไร!

นางคนชั้นต่ำผู้นี้!

นางยิ่งดิ้นรน เรี่ยวแรงที่ผ้าแพรต่วนรัดรอบลำคอนางก็ยิ่งเพิ่มขึ้นหลายส่วน การดิ้นรนของนางแลดูไร้พลังอย่างที่สุด

ดวงตาที่เบิกโพลงฉับพลันเริ่มถลนออกมาข้างนอกเพราะออกแรงมากเกินไปและมีเลือดคั่ง

แลดูน่ากลัวเป็นพิเศษ

แถบผ้าแพรต่วนในมืออวี๋เหลียงเยว่กระชับกว่าเดิม เถิงว่านดิ้นรนไม่หยุด แต่พอมีวรยุทธ์ติดตัวบ้าง มิฉะนั้นก็คงไม่ถูกส่งตัวมาเป็นเส้นสายในตำหนักบูรพา เล็งจังหวะได้แล้ว นางก็พลิกจากฝ่ายรับเป็นฝ่ายรุก แย่งชิงแถบผ้าแพรต่วนจากมืออวี๋เหลียงเยว่

ไอโขลกหลายที ดวงตานางหรี่ลงเล็กน้อย ด่าอย่างกราดเกรี้ยว “เจ้ากล้าลงมือกับข้าเชียวหรือ เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะนำความไปฟ้องนายท่านงั้นรึ”

อวี๋เหลียงเยว่ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย แม้ตอนนี้สถานการณ์จะกลับตาลปัตร นางก็ไม่กลัวเลยสักนิด “นายท่านของเจ้าต้องการข้า ยามนี้รัชทายาทโปรดปรานข้าอยู่สองส่วน เขาไม่มีทางทำอันใดต่อข้า”

เถิงว่านใบหน้าเผือดสี ตามด้วยกระตุกมุมปาก “ในตำหนักบูรพา คนที่สามารถทำให้เจ้ากับนายท่านติดต่อกันได้ก็มีแต่ข้า ถึงนายท่านจะไม่จัดการเจ้า แต่ข้าก็จะลงโทษเจ้าอยู่ดี ยามนี้นายท่านปกป้องเจ้าไม่ได้แล้ว”

กล่าวจบก็ค้อมเอวก้มลงหยิบเข็มเล่มบางบนพื้น รอยถูกรัดบนลำคอเจ็บแสบร้อนผ่าว นางเกาอย่างไม่สบายตัวอยู่บ้าง สายตาที่มองไปทางอวี๋เหลียงเยว่ทอประกายชั่วร้ายกว่าเดิมหลายส่วน

“เจ้าทำร้ายข้า ดูซิว่าวันนี้ข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร...”

อวี๋เหลียงเยว่ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ นางกำลังรอ...

นางเดิมพันว่าคนผู้นั้นไม่มีทางปล่อยปละนางโดยไม่สนใจ ชาติที่แล้วอีกฝ่ายสามารถมองดูอยู่ข้างๆ โดยไม่เปิดเผยตัวตน คิดว่าคงเป็นเพราะการข่มขู่เหล่านี้ไม่ถึงกับเอาชีวิตนาง ยามนี้เถิงว่านดูแล้วไม่มีทางยอมเลิกราง่ายๆ

แต่นี่ก็เป็นเจตนาของนางเช่นกัน นางจงใจไม่สนใจสัญญาณลับของเถิงว่าน ลวงให้นางมาที่นี่ เพื่อล่อให้คนผู้นั้นออกมายืนอยู่ในที่สว่าง

นางต้องการให้คนผู้นั้นยืนอยู่ข้างกายนางโดยสิ้นเชิง

อวี๋เหลียงเยว่ยืนอยู่ตรงนั้น นางดูแล้วก็เป็นคนงามอ่อนแอที่บอบบางนุ่มนวล แค่เพียงลมพัดก็ทำท่าจะล้มลงแท้ๆ!

ทว่าใบหน้าดวงนั้นกลับหนักแน่นหาใดเปรียบ ความตระหนักนี้ยิ่งทำให้เถิงว่านโมโหกว่าเดิม แววตาเผยความดุร้ายออกมาหลายส่วนเหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกยั่วยุไม่มีผิด

นางเพิ่งเดินเข้าไปใกล้อวี๋เหลียงเยว่ เงื้อเข็มเงินในมือขึ้นทำท่าจะทิ่มแทงลงไป

ทันใดนั้นด้านหลังพลันมีลมเอื่อยพัดมา จากนั้นมือทรงพลังข้างหนึ่งก็บีบรัดลำคอนางเอาไว้

ต่างจากแถบผ้าต่วนก่อนหน้านี้ มือข้างนี้แข็งแกร่งทรงพลัง เรี่ยวแรงที่ส่งมาทำให้นางตระหนักว่าวรยุทธ์ของฝ่ายตรงข้ามสูงส่งกว่านาง

แต่ผู้มาเป็นใคร่กันเล่า? เหตุใดจึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่เพื่อปกป้องอวี๋เหลียงเยว่?

เถิงว่านไม่เข้าใจ

มือนั้นรัดลำคอนางแน่นจนนางส่งเสียงออกมาไม่ได้แม้แต่น้อย สองมือที่กุมอยู่ไขว่คว้าไปในอากาศตรงหน้า แต่กลับคว้าสิ่งใดไม่ได้ทิ้งสิ้น

เข็มเงินในมือร่วงลงพื้น เข็มเงินเล่มนั้นเปล่งประกายวาววับเสียดแทงนัยน์ตาเป็นพิเศษท่ามกลางความมืดนั้น

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 11

    เหมือนกับชาติก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าฉินมู่จะสามารถจับตาดูทุกการกระทำของนางในตำหนักบูรพาได้ รับประกันว่านางจะฟังคำสั่งและปฏิบัติตาม บางครั้งยังมาทรมานนาง เพราะอวี๋เหลียงเยว่ไม่สามารถทำให้ฉินซือเหิงพึงพอใจได้กลางดึกลอบเข้าห้องชั้นในเพื่อกล่าวเตือนล้วนเป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อย บางครั้งโหดเหี้ยมถึงขั้นใช้เข็มแทงเข้าที่ปลายนิ้วของนาง ตำแหน่งนั้นถูกคนพบเห็นได้ยาก อีกทั้งยังสามารถทำให้ผู้ถูกกระทำเจ็บปวดเกินทนเถิงว่านเกลียดนางอย่างแท้จริง อีกทั้งยังรักฉินมู่มาก วันเวลาเหล่านั้นยามอยู่ในจวนฉินมู่ ยามนางและฉินมู่ลอบพบกันเป็นการส่วนตัว ได้เห็นสายตาเปี่ยมรักของเถิงว่านยามสบมองฉินมู่มิใช่เพียงแค่ครั้งเดียว กลับเผยด้านอำมหิตต่อหน้านาง น่าเสียดาย ฉินมู่ไม่เคยมอบความรักให้ผู้ใด เว้นเสียแต่ใช้ประโยชน์เท่านั้นผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ภายในห้องเงียบงันลงเงาดำคลายมือออก เงาร่างสายหนึ่งที่ถูกรัดไว้นั้นสูญเสียการทรงตัวในที่สุด หันหน้าเข้าหาพื้นล้มลงอย่างกะทันหัน ปังเสียงกระแทกพื้นดังขึ้น หมดลมหายใจไปตั้งนานแล้วนางไม่รีบร้อนไม่ร่ำไรก้าวเท้าเข้ามาหยุดข้างกายเถิงว่าน หยิบเข็มเงินบนพื้นมาดูแวบหนึ่ง ถอนหายใจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 12

    ใคร่ครวญภายในใจว่าตกลงเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ ตำหนักบูรพานี้ต่อสู้กันไม่หยุด วันนี้ไม่ใช่นางทำให้นางลำบาก ก็คือถูกคนใช้ประโยชน์“พระชายารัชทายาทเพคะ ภายในบ่อน้ำลานส่วนหลังพบคนตาย...ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เหลียงตี้ตกใจจนหมดสติไป หมอหลวงเดินทางมาแล้ว...พูดว่านางตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือน เดิมทีครรภ์ยังไม่แข็งแรง ตกใจหนักถึงเพียงนี้เกือบรักษาเด็กไว้ไม่ได้ บัดนี้ทางฝั่งนั้นกำลังตกอยู่ในความชุลมุนวุ่นวายเพคะ...”สาวใช้คาดเดาแล้วพูดออกมาคนตาย นั่นคือเรื่องใหญ่ต่อสู้กันก็ช่างเถอะ หากเกี่ยวข้องกับการฆาตรกรรม นี่ก็จัดการยากแล้ว...“คนตายเป็นใคร”“นางกำนัลคนหนึ่งชื่อว่าเถิงว่านเพคะ”ภายในหอหยกหิมะ ประตูมีคนผ่านไปมาไม่ขาดสายไป๋เหลียงตี้นอนบนตั่งเตียงสีหน้าเผือดซีด จับผ้าห่มนุ่มบนตั่งเตียงเอาไว้แน่น ภายในสมองเต็มไปด้วยภาพศพหญิงบวมอืดในบ่อน้ำใบหน้าสีม่วงคล้ำเผือดซีดบวมเปล่งจนมองเห็นหน้าได้ไม่ชัด ผมดำสยายอยู่ภายในบ่อน้ำ ไฉนเลยนางจะเคยเห็นภาพน่ากลัวเช่นนี้“แหวะ...”“เหลียงตี้ เหลียงตี้ ท่านอย่าทำให้บ่าวตกใจเลยเพคะ” ซู่จิ่นตบหลังของนาง ภายในสายตาสะท้อนความร้อนใจอย่างสุดระงับไป๋ซื่อเงยหน้าขึ้นอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 13

    ฉินซือเหิงนั่งบนตำแหน่งประธาน พระชายารัชทายาทนั่งถัดจากเขา“ตรวจสอบเป็นเช่นไร ได้ข้อสรุปแล้วหรือไม่”นักชันสูตรศพล้างมือในอ่างน้ำที่นางกำนัลยกมาให้ หันหลังเอ่ยตอบอย่างมีมารยาท “กระหม่อมมีคำตอบแล้ว นางกำนัลคนนี้มองดูคล้ายจมน้ำตาย แต่ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว สามารถมองเห็นรอยรัดลึกเข้าเนื้อบริเวณคอได้ จะต้องตายก่อนจมน้ำแน่พ่ะย่ะค่ะ”เงียบงันครู่หนึ่ง ฉินซือเหิงเอ่ยถามเสียงเครียด “สามารถมองออกว่าที่รัดคอนางตายเป็นสิ่งใดหรือไม่”นักชันสูตรศพเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยตอบ “กระหม่อมคิดว่า น่าจะเป็นของจำพวกผ้าต่วน แต่...”ฉินซือเหิงโบกมือ “เจ้าพูดมาก็พอ”“กระหม่อมคิดว่า สามารถทิ้งรอยลึกเช่นนี้ไว้ได้ คนร้ายจะต้องมีแรงมหาศาล น่ากลัวว่าเป็นฝีมือของผู้ชาย...แต่ กระหม่อมยังพบ ภายในนิ้วมือของฝ่ายหญิง มีเส้นด้ายบางๆ อยู่ กระหม่อมประเมินคร่าวๆ น่าจะเป็นด้ายเงาจันทร์พ่ะย่ะค่ะ”ผู้ชาย? ภายในตำหนักบูรพานอกจากขันทีแล้วก็มีแค่ขันทีองครักษ์หรือผู้ชายทั่วไป เดิมทีก็ไม่สามารถเข้ามาในตำหนักบูรพาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลานส่วนหลังส่วนด้ายเงาจันทร์...นี่คือเครื่องราชบรรณาการภายในวัง ตำหนักบูรพาย่อมมีเฉกเดียวกัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 14

    “พอแล้ว” ฉินซือเหิงพูดตัดบทนางด้วยเสียงเย็นชา “เรื่องนี้ให้จบลงเท่านี้ นางกำนัลคนนั้นฆ่าตัวตายเป็นความผิดใหญ่หลวง ต้องถูกประหารทั้งตระกูล เกิดเรื่องเช่นนี้ภายในตำหนักบูรพา ภายภาคหน้าเพิ่มการลาดตระเวนให้เข้มงวดทั้งภายในภายนอกยิ่งขึ้น หากยังเกิดเรื่องเช่นนี้อีก คนลาดตระเวนเหล่านั้น รวมถึงคนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมดจะต้องถูกลงโทษตามความผิด”พูดจบ ถึงขั้นมีความคิดปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปชิวเฉิงฮุยร้อนใจมากยิ่งขึ้น หลักฐานเหล่านั้นล้วนชี้มาที่นาง รัชทายาทปล่อยผ่านไปอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ เช่นนั้นภายภาคหน้า...ความร้อนใจภายในใจนางถูกสายตาของฉินซือเหิงขัดขึ้น เพราะสายตาของเขาตกลงบนตัวอวี๋เหลียงเยว่ตั้งแต่เริ่มจนจบอวี๋เหลียงเยว่นั่งฟังพวกเขาพูดอยู่ทางด้านข้าง บางครั้งหลังได้ยินข้อสรุปของนักชันสูตรศพ สีหน้าก็เผือดซีดขึ้นเล็กน้อย เงาร่างเล็กๆ นั่งสั่นเทาอยู่ตรงนั้น ท่าทางน่าสงสารอย่างมาก“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า...เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ไม่มีเรื่องใดก็ไม่ต้องออกจากเรือน อยู่พักผ่อนภายในเรือนดีๆ”สิ้นคำก็หันไปพูดกับพระชายารัชทายาท “หอชมจันทร์มีคนปรนนิบัติน้อยเกินไป ข้าได้ยินจ้าวเฉียนพูด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 15

    จ้าวเฉียนขยับขึ้นไปค้อมตัวลง “พรุ่งนี้บ่าวจะสั่งให้คนนำของมาส่งเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ”“อืม” ฉินซือเหิงนี่ถึงรับคำอย่างพึงพอใจภายในใจจ้าวเฉียนมีความทุกข์ใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่เขาไม่มอบของให้ อีกทั้งยังไม่ใช่ตำหนักบูรพาปฏิบัติอย่างเข้มงวด แต่รัชทายาทเขา...ไม่เห็นอวี๋เจาซวิ่นสำคัญตั้งแต่แรก เจ้านายของเขาไม่ใส่ใจ พวกเขาบ่าวรับใช้ยิ่งไม่ใส่ใจอวี๋เหลียงเยว่ไม่มีท่าทีตอบสนองใดต่อบทสนทนาของทั้งคู่ แต่ยืนว่าง่ายอยู่ที่ฝั่งหนึ่ง บางครั้งเงยหน้าขึ้นลอบมองฉินซือเหิงอย่างซุกซนฉินซือเหิงไฉนเลยจะมองไม่เห็นสายตาของนาง โบกมือ เป็นสัญญาณให้นางเข้ามา“ยืนอยู่ทำอะไร นั่งลงเถอะ พูดเป็นเพื่อนเรา”“เพคะ”“ได้ยินมาว่าหลายวันนี้เจ้าไม่ชอบออกจากบ้าน เราเห็นเจ้าผอมแล้ว ได้รับความตกใจจากวันนั้นหรือ?”ถ้อยคำนี้มองแล้วคล้ายกำลังสงสัย แต่แท้จริงแล้วกลับมั่นใจหลายวันมานี้ภายนอกร้อนอยู่บ้าง นางคร้านจะลุกขึ้น ไม่ชอบออกนอกบ้าน อากาศร้อนความอยากอาหารเองก็ไม่ดี นี่ถึงผอมลงแต่ความเข้าใจผิดอันแสนงดงามนี้ อวี๋เหลียงเยว่คิดว่าดียิ่งนัก“หม่อม...หม่อมฉันนึกถึงเรื่องวันนั้น จึงรู้สึกกลัวอยู่บ้างเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 16

    จ้าวเฉียนอยู่เฝ้าหน้าประตู ได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้านาย กวาดตามองชิงหลิ่วสองสามคนแวบหนึ่ง พูดอย่างกะทันหันว่า “ปรนนิบัติดีๆ เจ้านายของเจ้ามีวาสนาแล้ว”สองสามคนขานรับพร้อมกัน “เจ้าค่ะ”บนตั่ง ภายในม่านมุ้งฉินซือเหิงรู้สึกคล้ายถูกบางอย่างกดทับไว้อย่างกะทันหัน ลืมตามองแวบหนึ่ง ที่แท้อวี๋เหลียงเยว่ก็หลับสนิทไปแล้ว มิได้สำรวมกิริยา ถึงขั้นวางแขนข้างหนึ่งบนอกของเขานางกำลังนอนหลับสนิท กลีบปากสีชมพูเผยอออกน้อยๆ ภายในปากคล้ายกำลังบ่นงึมงำอะไรเขาพยายามฟังอยู่ครู่หนึ่ง กลับไม่ได้ยินจนจบประโยคได้เห็นใบหน้ายามหลับสนิทของฝ่ายหญิง ขณะเขาคิดจะยื่นมือเข้าจับมือแขนของอวี๋เหลียงเยว่ออก ทันใดนั้นภายในสมองพลันปรากฎภาพหนึ่ง สายตายามนางร้องไห้พลางสบมองตน ท่าทางไว้เนื้อเชื่อใจอย่างสมบูรณ์ นั่นคือเห็นเขาเป็นทั้งหมด...ท่าทางนั้นทำให้เขาหวั่นไหว คล้ายหนึ่งประโยคของเขา สามารถทำให้นางเปล่งประกายมีชีวิตใหม่ได้ อีกทั้งยังสามารถทำให้นางแหลกสลายตายไปได้ นั่นคือความรู้สึกตกอยู่ในการควบคุมอย่างสมบูรณ์ช่างเถอะ นางสูญเสียมิดามารดาไป มาที่ตำหนักบูรพานี่ก็ลำบากมากแล้ว มิหนำซ้ำยังอ่อนแอหลายส่วน...ก็ไม่นับเป็นเร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 17

    ซู่จิ่นสบมองสีหน้าของเจ้านายตนแวบหนึ่ง ตวาดสีหน้าเคร่งขรึม “ชิวเฉิงฮุย พระชายาของพวกเรากำลังบำรุงครรภ์ ไม่สะดวกฟังเรื่องเหล่านี้”ชิวเฉิงฮุยรีบหยุดปาก เงยหน้าสบมองสีหน้าเผือดซีดของไป๋ซื่อ ไม่รู้ภายในใจเป็นอะไรไปแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาที่ผ่านมารัชทายาทโปรดปรานนางที่สุด นางเองก็อาศัยความโปรดปรานเย่อหยิ่งโอหัง ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา คราวนี้ถึงตาคนอื่นแล้ว...ครรภ์นี้ของไป๋ซื่อไม่แข็งแรง เดิมทีก็กระเทือนครรภ์อยู่แล้ว คราวนี้ได้ยินเรื่องเหล่านี้ ภายในใจรู้สึกทั้งเสียใจทั้งน้อยใจ รู้สึกเจ็บท้องแทบทนไม่ไหว“ซู่...ซู่จิ่น ช่วยข้าตามหมอหลวงมา...ข้าเจ็บท้อง...”ชิวเฉิงฮุ่ยได้เห็นสีน้าขาวดุจกระดาษของนาง ลอบว้าวุ่นขึ้นมาภายในใจ นางเกลียดไป๋ซื่อจริง อยากใช้นางข่มอวี๋ซื่อคนนั้น แต่นางกลับไม่คิดทำลายชีวิตของนาง...หอหยกหิมะชุลมุนวุ่นวายขึ้นมาถึงช่วงเย็น“พระชายารัชทายาท ได้ยินว่าหอหยกหิมะท่านนั้น น่ากลัวว่าเด็กในท้องแย่แล้วเพคะ...” หมัวมัวเข้ามากระซิบเสียงค่อยถ้อยคำนี้ทำให้สีหน้าพระชายารัชทายาทเข้มขึ้น แม้ว่าวันนั้นนางถูกพูดกระตุ้นจนหวั่นไหว แต่ลงท้ายนางก็คือพระชายารัชทายาท ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 18

    อวี๋เหลียงเยว่มองปิ่นดอกไม้พันกิ่งราคาสูงลิบที่อยู่ในมือ แต่ละใบคล้ายมีชีวิตก็มิปาน แม้แต่เส้นใยที่บริเวณก้านดอกก็สามารถสลักลวดลายได้อย่างละเอียดประณีตถึงเพียงนี้ เพียงมองดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดายังมีต่างหูทับทิมทางด้านข้าง เม็ดเล็กๆ ประดับอยู่ด้านบน เป็นสีแดงไปหมดยังไม่ต้องพูดถึงขนาด ก็พูดเพียงสีแดงสดนี้ ภายนอกคล้ายหาไม่พบเพลินเพลินอยู่ท่ามกลางความสุข อวี๋เหลียงเยว่ตอบชิงหลิ่ว “อืม” อย่างไม่ใส่ใจชิงหลิ่วเห็นนางเป็นเช่นนี้ ภายในใจยังคิดว่า นายหญิงลำบากมาทั้งชีวิต ก่อนนี้ถูกฉินมู่ใช้ประโยชน์ บัดนี้รัชทายาทดีต่อนาง ทำให้นางหวั่นไหวอย่างอดไม่ได้ นี่ถึงเล่นสิ่งของที่รัชทายาทมอบให้อยู่ตลอด คาดว่ากำลังนึกถึงรัชทายาทจากนั้นนางมองเงาด้านหลังของอวี๋เหลียงเยว่อย่างกังวลแวบหนึ่ง นายหญิงชมชอบรัชทายาทถึงเพียงนี้ แต่ความชอบนี้ภายในตำหนักบูรพา เป็นเรื่องดีจริงหรือ...สตรีฝ่ายในของรัชทายาทจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ภายภาคหน้าจะต้องเตือนนายหญิง ห้ามมิให้ทุ่มเทไปทั้งหมด!ไม่รู้ดอกอวี๋เหม่ยเหริน ถูกสับเปลี่ยนตั้งแต่ยามใด แทนที่ด้วยต้นทับทิมบานสะพรั่งทุกดอกล้วนบานสะพรั่ง สีแดงสดแฝงอยู่ท่ามกลางใบสีเขียว เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07

บทล่าสุด

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 40

    “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ” ชิงหลิ่วตอบกลับ จากนั้นสิ่งที่ตอบรับนางก็คือเสียงลมหายใจของอวี๋เหลียงเยว่ที่หลับไหลไปแล้ว......สถานที่ที่มีสตรีมากมาย เรื่องราวก็ยิ่งมาก ฉากหน้าเป็นพี่น้องที่แสนดี ทุกคนล้วนให้ความเกรงใจกัน สนิมสนมกลมเกลียวกันมากแต่เบื้องหลังกลับแทบอยากจะฉีกหน้าอีกฝ่ายจนเละ ดึงทึ้งเครื่องประดับบนศีรษะของอีกฝ่ายให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ เรื่องราวต่อหน้าและลับหลังเกิดขึ้นในมุมมากมาย......“ได้ข่าวแล้วหรือยัง เหตุใดถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้!” ฉินมู่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ จมอยู่ท่ามกลางเงาดำมืด แค่เสียงก็ทำให้คนรู้สึกกลัวจนตัวสั่นสะท้านที่ปรึกษาที่กำลังคุกเข่าอยู่ตัวสั่นระริก หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่หยดลงพื้น “กระหม่อมสืบมาแล้ว ถึงได้ข่าวว่าคนผู้นั้น...มีความสัมพันธ์ย่ำแย่กับภรรยาที่บ้านมานานแล้ว ถึงขนาดที่พูดได้ว่า...จงเกลียดจงชัง ดังนั้นเมื่อเราเอาภรรยาของเขามาบีบบังคับ เขาจึงแกล้งรับปาก แต่ความจริงแล้วกลับสืบหาจุดมุ่งหมายและดูลาดเลาของพวกเรา สุดท้ายก็ตลบหลัง ไม่ทำตามที่เราสั่งพ่ะย่ะค่ะ...”นับตั้งแต่ที่ฉินมู่ได้รับข่าวจากทางอวี๋เหลียวเยว่เมื่อครั้งก่อน เขาก็ดำเนินการอย่างรวดเร็วเข

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 39

    “อวี๋เจาซวิ่น” “น้อมคารวะฉือเฉิงฮุยเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่ยิ้มพลางคารวะฉือชิวเยียนรีบส่งสัญญาณให้สาวใช้ไปประคองด้วยความเกรงใจมาก ก่อนจะรีบกล่าวว่า “ข้าไม่ถือเรื่องพวกนี้ ข้าเพิ่งเข้าตำหนักบูรพา ยังมีเรื่องมากมายที่ไม่เข้าใจ วันหน้ายังต้องรบกวนให้อวี๋เจาซวิ่นช่วยดูแลอีกมาก” อวี๋เหลียงเยว่ไม่เปลี่ยนสีหน้า “ฉือเฉิงฮุยกล่าวอันใดกันเพคะ ตำแหน่งของท่านสูงกว่าหม่อมฉัน ชาติตระกูลก็ดี วันหน้าจะต้องก้าวขึ้นตำแหน่งสูงอย่างรวดเร็วแน่นอนเพคะ”นี่เป็นการปฏิเสธคำขอของนางอย่างสุภาพฉือชิวเยียนหน้าทะมึนลง แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “เจ้าไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวไป พอข้ามาถึงก็ได้ยินว่าเจ้าเข้ามาที่ตำหนักบูรพาก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทมาก ไฉนจะเหมือนกับพวกเราที่ได้ร่วมราตรีเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีโอกาสได้พบองค์รัชทายาทอีก” ฉือซื่อพูดพลางทำหน้าหม่นหมองเล็กน้อย“องค์รัชทายาทจะพบใครหรือไม่พบใคร หม่อมฉันก็ไม่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้เช่นกัน พี่ฉือเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันรู้สึกง่วงเล็กน้อย ขอกลับเรือนก่อนนะเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่กล่าวจบก็เดินจากไป ไม่ให้โอกาสฉือชิวเยียนได้พูดคุยต่อเลยคนหน้าเนื้อใจเส

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 38

    เมื่อสูญเสียบุตรไปแล้ว ฉินซือเหิงได้รับข่าวก็รีบไปที่หอหยกหิมะ เมื่อเผชิญหน้ากับเขา ไป๋ซื่อก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจอีกครั้งราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ช่างน่าสะเทือนใจ ถึงอย่างไรก็เป็นสตรีที่ตอนเคยโปรดปรานมาก่อน เมื่อเห็นนางเสียใจถึงเพียงนี้ เขาเองก็เศร้าใจกับกาสูญเสียบุตรไปเช่นกัน จึงปลอบใจดี ๆ อยู่นาน อีกทั้งยังพำนักอยู่ในเรือนของนางหลายวันต่อมา ไป๋ซื่อรั้งองค์รัชทายาทให้พำนักอยู่ในเรือนของนางทุกคืน หอหยกหิมะที่ก่อนหน้านี้ยังไร้ชีวิตชีวา ไม่นานก็คึกคักขึ้นมาอีกครั้งภายในหอดุจจันทร์ พระชายารัชทายาทลูบสร้อยประคำในมือโดยที่ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร วันนี้ตำแหน่งด้านขวาล่างว่างเปล่าอีกครั้งคนอื่น ๆ มากันครบแล้วใบหน้าของนางดูไม่ออกถึงความรู้สึกใด ๆ อวี๋เหลียงเยว่เริ่มสังเกตสองคนที่มาใหม่อย่างละเอียดอีกครั้ง คนหนึ่งแซ่อวี้ มีนามว่าอวี้หานเซียง ชื่อช่างเหมาะสมกับตัวคน เล่ากันว่าเมื่อเกิดมาก็มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ติดกาย รูปโฉมงดงามแต่ไม่ได้เย้ายวน ตรงกันข้ามใบหน้ากลับให้ความรู้สึกเย็นชานับตั้งแต่ที่เข้ามาในหอดุจจันทร์ อวี๋เหลียงเยวก็สังเกตเห็นว่านางนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเชิดคางมองตร

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 37

    ฮวาต้วนก็มองอย่างตะลึงงัน แต่บทเรียนจากหลายครั้งที่ผ่านมาทำให้นางใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว รีบตัดสินใจส่งน้ำแก้วหนึ่งไปที่ริมฝีปากของไป๋ซื่อ “เหลียงตี้เพคะ ท่านรีบดื่มน้ำเถิดเพคะ! อาจจะดีขึ้นบ้าง! ยังต้องใช้เวลาสักพักกว่าหมอหลวงจะมาถึง ท่านไม่ได้เสวยอะไรมาทั้งวัน เวลานี้ก็ไม่มีแรงแล้วด้วย”ไป๋ซื่อกำลังคิดจะบันดาลโทสะ เมื่อได้ยินคำพูดของนางก็รู้สึกว่ามีเหตุผลมาก จึงรับไปดื่มรวดเดียวจนหมดหลังจากดื่มหมดก็เป็นการรอคอนที่แสนยาวนานเวลานี้นางรู้สึกนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หมอหลวงกำชับอย่างเด็ดขาดแล้วว่าให้นางพักผ่อนให้ดี อย่าได้มีอารมณ์รุนแรงแต่ว่าตอนนี้นึกเสียใจก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เนื่องจากไม่นานก็มีดอกไม้โลหิตสีสันสดใสเบ่งบานเป็นดวงใหญ่ที่ใต้ชายกระโปรง ย้อมจนเป็นสีแดงผืนใหญ่ เมื่อฮวาต้วนเห็นสีแดงนั้นในดวงตาก็เหมือนกับเห็นกระบี่ที่แย่งชิงชีวิตก็ไม่ปาน ทำให้นางกรีดร้องด้วยความตกใจ!“ใครก็ได้ แย่แล้ว! ใครก็ได้รีบมาที เหลียงตี้แย่แล้ว!” นางเหมือนกับเป็นบ้าไม่สนใจภาพลักษณ์ ปิ่นมุกบนศีรษะก็หลุดรุ่ย ก่อนจะกรีดร้องตะโกนเสียงดังตรงหน้าประตูไม่นานข้ารับใช้ด้านล่างก็รีบกรูกันเข้ามา บ้างก็ไปตามหมอห

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 36

    “พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท กระหม่อมทราบแล้ว” จ้าวเฉียนเดินตามหลัง ข่มกลั้นความตกตะลึงในใจ บังคับตัวเองไม่ให้หันห้าไปมองอวี๋ซื่อ องค์รัชทายาทไม่เคยลุ่มหลงในความงดงามของอิสตรี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเอาใจใส่สตรีนางหนึ่ง อวี๋เจาซวิ่นเพิ่งร่วมราตรีได้ไม่นาน ก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทถึงเพียงนี้ ทำให้เขาตกใจจริง ๆ...แต่ก็เห็นได้ถึง ความเฉียบแหลมของอวี๋เจาซวิ่น“หยกสมปรารถนาชิ้นนั้นเป็นของที่อดีตฮ่องเต้ทรงทิ้งไว้ พระราชทานให้กับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และฝ่าบาทได้พระราชทานให้องค์รัชทายาท บัดนี้องค์รัชทยาททรงมอบให้อวี๋เจาซวิ่น ช่างเป็นการเอาใจใส่เกินไปหน่อยจริงๆ” พระชายารัชทายาทหยุดพลิกดูสมุดบัญชีในมือ แล้วทำสีหน้าใคร่ครวญออกมาพระชายารัชทายาทชอบดูชอบฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความอวดดีไร้เหตุผลของไป๋ซื่อ ประการแรกเป็นเพราะกำลังสนับสนุนจากตระกูลมารดาของนาง ประการที่สองเป็นเพราะความโปรดปรานจากองค์รัชทายาท อีกทั้งยังให้กำเนิดพระนัดดารัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวแต่อวี๋ซื่อผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหรือว่าสิ่งอื่นใดล้วนห่างชั้นจากไป๋ซื่อมากนัก แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานี้ รู้สึกได้ราง ๆ ว่านางยัง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 35

    เขายื่นมือไปโอบเอวบางของอวี๋เหลียงเยว่ ให้นางนั่งตักของเขาแล้วหัวเราะเบา ๆ ว่า “เจ้ามาอยู่ตำหนักบูรพาได้นานพอสมควรแล้ว ได้ยินว่าเจ้าให้ความเคารพต่อพระชายารัชทายาทมาก” ได้รับความโปรดปรานแต่ไม่เย่อหยิ่ง ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งยามค่ำคืนอวี๋เหลียงเยว่ก็ถอดปิ่นมุกมากมายบนศีรษะออกเช่นกัน เส้มผมสีดำสยายอยู่ด้านหลังศีรษะ มีหลายเส้นตกลงมาบนไหปลาร้าของนางอย่างซุกซน ทำให้ฉินซือเหิงอดมองนานขึ้นไม่ได้ “พระชายาทรงมีเมตตาต่อหม่อมฉันมากมาตลอด หม่อมฉันย่อมเคารพนางเป็นธรรมดาเพคะ”นางกล่าวด้วยใบหน้าไร้เดียงสา จากนั้นก็ยื่นแขนขาวนวลไปโอบคอของรัชทายาทอย่างกล้าหาญมากอีกครั้ง ท่าทางดูพึ่งพิงมาก ทำให้ฉินซือเหิงรู้สึกสบายใจมากเขายกมือขึ้นมาลูบดวงหน้าเล็กนุ่มละมุนของนาง “เจ้ารู้ความ เราย่อมโปรดปรานเจ้ามากยิ่งขึ้น” อวี๋เหลียงเยว่ฟังแล้วก็ปล่อยผ่านไป ไม่ได้เก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย หากชอบเจ้า เจ้าก็จะเป็นของล้ำค่าในดวงใจ ไม่ว่าทำสิ่งใดล้วนดีไปหมด หากชิงชังเจ้า เกรงว่าเจ้าไม่อาจเทียบได้แม้กระทั่งฝุ่นบนพื้น ฝุ่นยังมีคนปัดกวาด ชาติที่แล้วนางไม่ได้รับความโปรดปราน ทำได้เพียงปล่อยให้คนเหยียบย่ำ อวี๋เหลียงเย

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 34

    หลังจากนี้ต่อให้จับได้ พอถึงตอนนั้นก็สายไปแล้วลองถามดูเถิด ใครเล่าจะเชื่อคำพูดของนักโทษคนหนึ่ง? คำพูดเพ้อเจ้อของนักโทษ หากเชื่อขึ้นมา ตนเองก็คงเป็นคนบ้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ? นางหัวเราะเบา ๆ แล้วไม่อธิบายอะไรอีก ก่อนจะแกว่งเท้าเล็ก ๆ ดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ในชามจนหมดในอึกเดียว จากนั้นก็เงยหน้าเผยให้เห็นความจริงใจเล็กน้อย “ชิงหลิ่วคนดี อีกประเดี๋ยวเจ้านี่ก็หมดแล้ว ไม่สู้...เจ้าช่วยไปที่ห้องเครื่องเอามาให้ข้าอีกสักชามเถิด” นางกล่าวพลางทำทางไร้เดียงสา ชิงหลิ่ว “นายหญิงเพคะ ส่วนของท่านมีแค่ชามเดียว หมดแล้วเพคะ”อวี๋เหลียงเยว่ไม่หลงกล ขณะที่กำลังเตรียมตัวอ้อนวอนต่อ สายตามองไปเห็นเงาดำด้านนอกประตู จึงเปลี่ยนน้ำเสียงในพริบตาว่า “บัดนี้องค์รัชทายาททรงโปรดปรานข้า ข้าขอเครื่องดื่มเย็น ๆ เพิ่มอีกชามคงไม่เป็นไรหรอก! องค์รัชทายาททรงมีความสามารถถึงเพียงนี้ ยังจะถูกข้ากินจนหมดตัวได้อีกหรือ!” “พูดได้ดี เราต้องพยายามเสียแล้ว เพื่อไม่ให้เราโดนเจ้ากินจนหมดตัว”ฉินซือเหิงสาวเท้าเดินเข้ามาอย่างฉับไว ใบหน้ามีรอยยิ้มบาง ๆ แค่เห็นก็รู้ว่าอารมณ์ดีมากปลาติดเบ็ดแล้ว ได้มาอย่างไม่เปลืองแรงเลยแต่สิ่ง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 33

    ข่าวที่ชิงหลิ่วส่งออกไปถูกส่งต่อไปถึงมือของฉินมู่ เขามองชื่อที่เขียนบนกระดาษจดหมายแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “สืบประวัติคนผู้นี้แล้วหรือยัง”ที่ปรึกษาใต้บังคับบัญชาพยักหน้า เอ่ยเสียงเบาว่า “กระหม่อมไปสืบแล้วพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบขององค์รัชทายาทมาโดยตลอดจริง ๆ หากเขาอยู่ในกองขนส่งเสบียง กระหม่อมคิดว่าข่าวนี้เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ” ฉินมู่ผงกศีรษะ แนวกรามที่เรียบคมเผยให้เห็นความเย็นชาอำมหิต เขานั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน แสงไฟภายในห้องสลัว ครู่ต่อมาเขาจึงถามอีกว่า “แม่นางอวี๋ในตำหนักบูรพาสบายดีหรือไม่” ที่ปรึกษามองเขาอย่างยากจะสังเกตเห็นแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้ากล่าวออกมาว่า “สบายดีไปหมดทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินคำนี้ แววตาของเขาก็ทะมึนลง จากนั้นก็คลี่ยิ้มหยันออกมา “ดี” ไม่มีใครเห็นว่าบนโต๊ะของเขามีภาพวาดภาพหนึ่ง สตรีบนภาพเลอโฉมเฉิดฉัน ดวงหน้างดงามดุจดังเทพเยนในภาพวาด นัยน์ตาดูเฉลียวฉลาด หางตาและคิ้วมีเสน่ห์เย้ายวนใจราวกับพรายน้ำเขายกมือขึ้นมา นิ้วที่มีข้อต่อชัดเจนลูบไล้แก้มของสตรีในภาพวาด ผ่านไปสักพักก็มีเสียงแผ่วเบาดังมาจากในห้องที่มืดสลัวว่า “เจ้าเป็นของข้า...

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 32

    ชิงหลิ่วไม่รู้ว่าเหตุใดจึงถามเช่นนี้ จึงทำได้เพียงพยายามเอ่ยอย่างคลุมเครือให้มากที่สุด ยิ่งเอ่ยมากก็ยิ่งผิดมากฉินซือเหิงเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว หนึ่งเดือนมานี้มีคนใหม่เข้ามาในตำหนักบูรพา อวี๋เหลียงเยว่จึงอยากพึ่งพิงเขามากขึ้นเล็กน้อย...คิดว่าคงไม่สบายใจ ทว่าเมื่อเกิดการคาดเดาเช่นนี้ขึ้นมา ในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายให้ชัดเจนขึ้นมาเล็กน้อยความรู้สึกนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งเขาเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงถึงค่อย ๆ จางหายไป...... หลังจากเข้าเฝ้าเสร็จสิ้นแล้วกลับมาที่ตำหนักบูรพา จ้าวเฉียนก็มาช่วยเขาเปลี่ยนเป็นสวมชุดฉางฝู ยังไม่ทันนั่งลง สาวใช้ด้านนอกก็มาแจ้งว่าไป๋เหลียงตี้อาเจียนไม่หยุด ขอให้องค์รัชทายาทไปดูความหมายในคำพูดนี้มีไม่น้อยเลยจริง ๆ อาเจียนสินะ เมื่อคำนวณดูแล้วไป๋เหลียงตี้เพิ่งจะตั้งครรภ์นี้ได้แค่หนึ่งเดือน น่าจะยังไม่ถึงช่วงเวลานี้ อีกอย่างการที่สตรีมีครรภ์อาเจียน ปกติแล้วเป็นเพราะว่าได้กลิ่นอะไรบางอย่าง หรือว่ากินอะไรบางอย่าง ไม่ว่าเป็นเพราะอะไร คิดว่าไป๋เหลียงตี้คงจะสร้างเรื่องอีกแล้ว จ้าวเฉียนคิดเช่นนี้ ฉินซือเหิงลูบสร้อยประคำมันเงาบนมือแล้วสั่งการว่า “ไปเช

DMCA.com Protection Status