Share

บทที่ 12

Author: ฮุยสี่เชว่
last update Last Updated: 2025-01-07 13:23:20
ใคร่ครวญภายในใจว่าตกลงเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ ตำหนักบูรพานี้ต่อสู้กันไม่หยุด วันนี้ไม่ใช่นางทำให้นางลำบาก ก็คือถูกคนใช้ประโยชน์

“พระชายารัชทายาทเพคะ ภายในบ่อน้ำลานส่วนหลังพบคนตาย...ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เหลียงตี้ตกใจจนหมดสติไป หมอหลวงเดินทางมาแล้ว...พูดว่านางตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือน เดิมทีครรภ์ยังไม่แข็งแรง ตกใจหนักถึงเพียงนี้เกือบรักษาเด็กไว้ไม่ได้ บัดนี้ทางฝั่งนั้นกำลังตกอยู่ในความชุลมุนวุ่นวายเพคะ...”

สาวใช้คาดเดาแล้วพูดออกมา

คนตาย นั่นคือเรื่องใหญ่

ต่อสู้กันก็ช่างเถอะ หากเกี่ยวข้องกับการฆาตรกรรม นี่ก็จัดการยากแล้ว...

“คนตายเป็นใคร”

“นางกำนัลคนหนึ่งชื่อว่าเถิงว่านเพคะ”

ภายในหอหยกหิมะ ประตูมีคนผ่านไปมาไม่ขาดสาย

ไป๋เหลียงตี้นอนบนตั่งเตียงสีหน้าเผือดซีด จับผ้าห่มนุ่มบนตั่งเตียงเอาไว้แน่น ภายในสมองเต็มไปด้วยภาพศพหญิงบวมอืดในบ่อน้ำ

ใบหน้าสีม่วงคล้ำเผือดซีดบวมเปล่งจนมองเห็นหน้าได้ไม่ชัด ผมดำสยายอยู่ภายในบ่อน้ำ ไฉนเลยนางจะเคยเห็นภาพน่ากลัวเช่นนี้

“แหวะ...”

“เหลียงตี้ เหลียงตี้ ท่านอย่าทำให้บ่าวตกใจเลยเพคะ” ซู่จิ่นตบหลังของนาง ภายในสายตาสะท้อนความร้อนใจอย่างสุดระงับ

ไป๋ซื่อเงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน มือข้างหนึ่งจับข้อมือของซู่จิ่นเอาไว้แน่นๆ ออกแรงมาก จนนางรู้สึกเจ็บ

“ใช่หรือไม่ว่ามีคนต้องการทำร้ายข้า เรื่องข้าตั้งครรภ์หนึ่งเดือน มีเพียงคนภายในหอเท่านั้นรู้เรื่อง เหตุใด...”

หลังนางดึงสติกลับมาได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบมาพากล เหตุใดบังเอิญถึงเพียงนั้น ตนเองเพิ่งพบว่ากำลังตั้งครรภ์ ก็บังเอิญพบศพในสถานที่ที่ชอบไป ถูกทำให้ตกใจจนกระเทือนครรภ์ เกือบรักษาลูกเอาไว้ไม่ได้

เมื่อครู่หมอหลวงพูดแล้ว ภายภาคหน้านางต้องดูแลครรภ์อย่างระมัดระวัง มิเช่นนั้นเด็กคนนี้...

นางก้มหน้ามองท้องแบนราบ เกิดรู้สึกกลัวภายหลังขึ้นภายในใจ อีกทั้งยังอ่อนโยน

นับตั้งแต่หงอวิ๋นเกิด นางก็ไม่มีการเคลื่อนไหวมาโดยตลอด หากรัชทายาทรู้ว่านางตั้งครรภ์อีกครั้ง เพียงคิดดูก็รู้ว่าจะดีใจมากเพียงใด

คิดอีกครั้งก็รู้สึกขมปร่าภายในใจ เพิ่งจะได้เดือนเดียวครรภ์ก็ไม่แข็งแรงแล้ว ทำได้เพียงพักผ่อนบำรุงครรภ์บนเตียง จากนี้ยังมีอีกเก้าเดือนนะ

“ไม่ได้การ เจ้าจงลอบนำคนที่รู้เรื่องภายในหอหยกหิมะข้า ไปสอบสวนหนึ่งรอบ หาก...” ภายในสายตาเปี่ยมจิตสังหาร “หากมีการกระทำหรือท่าทีตอบสนองผิดปกติ ไม่ต้องมารายงานข้า ฆ่าได้เลย ห้ามละเว้น”

ถึงขั้นขวัญกล้าลงมือกับลูกของนาง ก็อย่าโทษนางที่ฆ่าเลย

ซู่จิ่นพยักหน้ารับคำสีหน้าจริงจัง “นายหญิง ท่านวางใจเถิด บ่าวจะต้องช่วยจับตาดูแทนท่านดีๆ แน่เจ้าค่ะ”

ได้ยินซู่จิ่นเอ่ยปากรับประกัน นางพยายามทำให้จิตใจของตนกลับมาสงบลงอีกครั้ง ใช่แล้ว นางยังมีซู่จิ่น ฮวาต้วน สองคนนี้พามาจากบ้าน แต่ไหนแต่ไรมาภักดีต่อนาง มีพวกเขาจับตาดู ตนเองก็สามารถพักผ่อนบำรุงครรภ์ได้อย่างสบายใจ

“พระชายารัชทายาทเสด็จ”

ยังไม่ทันตอบสนองได้ทัน พระชายารัชทายาทก็มาถึงแล้ว นางเดินเข้าไปภายใน ก็มองเห็นสีหน้าเผือดซีดของไป๋เหลียงตี้ ขมวดคิ้วมุ่น “หมอหลวงว่าอย่างไร”

ครั้งนี้ไป๋ซื่อได้รับความตกใจ ไม่ว่าได้พบใครก็สงสัยไปเสียหมด ในสายตานางพระชายารัชทายาท ก็คือคนน่าสงสัยที่สุด

สามารถจัดการเรื่องนี้โดยไร้สุ้มเสียงได้ นอกจากพระชายารัชทายาท ยังจะสามารถเป็นใครได้อีก!

ไม่น่าจะเป็นนังแพศยาต่ำต้อยของหอชมจันทร์คนนั้น!

เห็นนางไม่ตอบ พระชายารัชทายาทเบือนสายตามองสาวใช้ข้างกาย ซู่จิ่นเอ่ยตอบ “ทูลพระชายา หมอหลวงพูดว่ากระเทือนครรภ์ของเหลียงตี้ จะต้องพักผ่อนดีๆ เหลียงตี้ของพวกเราได้รับความตกใจ น่ากลัวว่าไม่สามารถตอบได้เพคะ...”

พระชายารัชทายาทไม่ได้ตาบอด ย่อมมองเห็นสายตาหวาดระแวงของไป๋ซื่อ นางนึกเหยียดหยันภายในใจ หากนางต้องการลงมือกับไป๋ซื่อ ไฉนเลยจะลงมือในตอนนี้

“ข้ารู้แล้ว ปรนนิบัติเจ้านายของเจ้าดีๆ เถอะ”

สิ้นคำก็ลุกขึ้นจากไปแล้ว

ช่วงค่ำ ภายในหอหยกหิมะ ไป๋ซื่อเอนกายภายในอ้อมอกของฉินซือเหิงพลางร้องไห้จนกลายเป็นคนเจ้าน้ำตา “รัชทายาทเพคะ ลูกของพวกเรา เกือบตายไปแล้ว”

ฉินซือเหิงเห็นนางเสียใจ ปลอบโยนอย่างใจเย็น “อย่ากลัวไปเลย ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ดีๆ”

ไป๋ซื่อได้ยิน เงยหน้าขึ้นในทันใด ดวงตาแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้จับจ้องเขา “หม่อม หม่อมฉันคิดว่า เพราะมีคนรู้ว่าหม่อมฉันตั้งครรภ์ จึงตั้งใจลงมือกับลูก หาไม่แล้วไฉนเลยจะบังเอิญถึงเพียงนี้...”

ฉินซือเหิงได้ยินคำพูดนางก็เข้าใจความนัยแล้ว ทันใดนั้นขมวดคิ้วพลางพูด “หมอหลวงพูดแล้ว เจ้าตั้งครรภ์เด็กคนนี้ได้หนึ่งเดือน ถึงสามารถจับชีพจรออกมาได้ ใครจะล่วงรู้ว่องไวถึงเพียงนี้ ยังสามารถวางอุบายนี้ได้อีก...เจ้าอย่าคิดมากเลย บำรุงครรภ์สำคัญที่สุด”

เพียงได้ยินถ้อยคำนี้ ไป๋ซื่อก็รู้แล้วว่าเขาไม่เชื่อตนเอง

ทันใดนั้นรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไร้ขีดจำกัด ร้องไห้รุนแรงมากยิ่งขึ้น น้ำตาทำให้เสื้อบริเวณอกเปียกชื้นอย่างว่องไว ไอเย็นระลอกหนึ่งซึมผ่านเข้ามาถึงอกของเขา

ปลอบประโลมไป๋ซื่อ ราชรถของฉินซือเหิงเดินทางมาถึงหน้าประตูหอดุจจันทร์ บนราชรถ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสง่างามกำลังใช้สายตาเย็นชาทอดมองพระชายารัชทายาทหมิ่นซื่อที่ออกมาต้อนรับหน้าประตู

ดวงตาของเขาดำมืด ยามอยู่ในความมืดกลับเข้มเสียยิ่งกว่า

มองดูแล้วไม่มีอุณหภูมิเลยสักนิด

เขาเป็นรัชทายาท เป็นผู้ปกครองในภายภาคหน้าของราชสำนักเหวินซี เป็นผู้ถูกคาดหวังอย่างสูงให้รับสืบทอดตำแหน่งกษัตริย์

“พระชายารัชทายาท ภายในตำหนักบูรพาเกิดคดีถึงแก่ชีวิตเช่นนี้ เจ้ามีข้อสรุปแล้วหรือไม่”

เขามิได้ลงจากราชรถ สุ้มเสียงเรียบเฉยสายตาสบมองหมิ่นซื่อคุกเข่าอยู่บนพื้น เอ่ยปากสอบถามนิ่งๆ

นี่มองผิวเผินดูแล้วก็คือนางกำนัลฆ่าตัวตาย บ้างก็ไม่ทันระวังจึงตกลงไปตายในนั้น แต่ฉินซือเหิงเอ่ยปากก็พูดว่านี่คือคดีถึงแก่ชีวิต เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อว่าเป็นเช่นนี้จริง

หากนางกำนัลฆ่าตัวตาย นี่คือความผิดร้ายแรง ต้องยึดทรัพย์ฆ่าล้างตระกูล

บันทึกของนางกำนัลเถิงว่านที่ตายไป วางไว้บนโต๊ะของหอดุจจันทร์ตั้งแต่แรกแล้ว นางกำนัลคนนี้มีครอบครัวอยู่ภายนอก มีทั้งคนแก่ หลานชายหลานสาว

คนเช่นนี้ จะฆ่าตัวตายหรือ?

ยิ่งไปกว่านั้น นางตายไปแล้วก็ช่างเถอะ แต่ยังตายอยู่ที่สถานที่ที่ไป๋เหลียงตี้ชอบไปเป็นประจำ เลือกเวลาลงมือไว้อย่างแม่นยำ แผนการนี้โหดเหี้ยมอำมหิต ทำให้คนได้ยินแล้วก็รู้สึกหวาดกลัว

สายตาพระชายารัชทายาทวูบไหว เอ่ยออกมาเพียงสองสามคำ “เป็นความผิดของหม่อมฉันเอง หม่อมฉันดูแลตำหนักบูรพาได้ไม่ดี”

นางย่อมรู้จักฉินซือเหิงคนนี้ดี แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็แค่ถามถึงเรื่องเรือนส่วนในเท่านั้น อำนาจทั้งหมดล้วนมอบให้นางจัดการ

การต่อสู้ภายในตำหนักบูรพา เรื่องฉาวโฉ่ นางไม่เชื่อหรอกว่าฉินซือเหิงไม่รู้เลยสักกระผีกจริงๆ เขาก็แค่ไม่สนใจดูแล อีกทั้งยังหมิ่นแคลนที่จะดูแล

ตราบใดที่ไม่กระทบต่อความสงบสุขมั่นคงของตำหนักบูรพา ไม่กระทบต่อตำแหน่งของเขา นั่นเขาก็สามารถไม่ใส่ใจทั้งหมดเลยได้

แต่เกิดคดีถึงแก่ชีวิตภายในตำหนักบูรพา ข่าวนี้เล่าลือออกไปย่อมไม่น่าฟัง...

ดังนั้นเขาจึงมาถามหาเอาความผิด

ไม่สนใจว่าเป็นฝีมือใคร

ตอนนี้ไม่แน่ว่าไป๋ซื่ออาจกำลังลอบอารมณ์ดี คิดว่ารัชทายาทมาออกหน้าแทนนาง กลับไม่เห็นว่าสิ่งที่ชายคนนี้ใส่ใจอย่างแท้จริง และต้องการอย่างแท้จริงคืออะไร

ขอเพียงไม่ทะเลาะกันต่อหน้าเขา เขาย่อมไม่สนใจ

คุกเข่าอยู่ครู่หนึ่ง ฉินซือเหิงลงจากราชรถ พูดเสียงเยียบเย็น “ลุกขึ้นได้” เดินตรงเข้าหอดุจจันทร์ไปแล้ว

พระชายารัชทายาทเองก็ลุกขึ้น เร่งฝีเท้าตามหลังไป

คืนนี้ นอกจากนักชันสูตรศพที่หามาและหมอหลวงมาตรวจสอบศพ คนอื่นล้วนไม่สามารถออกไปได้ จะต้องอยู่ภายในบริเวณที่ตนดูแล

Related chapters

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 13

    ฉินซือเหิงนั่งบนตำแหน่งประธาน พระชายารัชทายาทนั่งถัดจากเขา“ตรวจสอบเป็นเช่นไร ได้ข้อสรุปแล้วหรือไม่”นักชันสูตรศพล้างมือในอ่างน้ำที่นางกำนัลยกมาให้ หันหลังเอ่ยตอบอย่างมีมารยาท “กระหม่อมมีคำตอบแล้ว นางกำนัลคนนี้มองดูคล้ายจมน้ำตาย แต่ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว สามารถมองเห็นรอยรัดลึกเข้าเนื้อบริเวณคอได้ จะต้องตายก่อนจมน้ำแน่พ่ะย่ะค่ะ”เงียบงันครู่หนึ่ง ฉินซือเหิงเอ่ยถามเสียงเครียด “สามารถมองออกว่าที่รัดคอนางตายเป็นสิ่งใดหรือไม่”นักชันสูตรศพเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยตอบ “กระหม่อมคิดว่า น่าจะเป็นของจำพวกผ้าต่วน แต่...”ฉินซือเหิงโบกมือ “เจ้าพูดมาก็พอ”“กระหม่อมคิดว่า สามารถทิ้งรอยลึกเช่นนี้ไว้ได้ คนร้ายจะต้องมีแรงมหาศาล น่ากลัวว่าเป็นฝีมือของผู้ชาย...แต่ กระหม่อมยังพบ ภายในนิ้วมือของฝ่ายหญิง มีเส้นด้ายบางๆ อยู่ กระหม่อมประเมินคร่าวๆ น่าจะเป็นด้ายเงาจันทร์พ่ะย่ะค่ะ”ผู้ชาย? ภายในตำหนักบูรพานอกจากขันทีแล้วก็มีแค่ขันทีองครักษ์หรือผู้ชายทั่วไป เดิมทีก็ไม่สามารถเข้ามาในตำหนักบูรพาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลานส่วนหลังส่วนด้ายเงาจันทร์...นี่คือเครื่องราชบรรณาการภายในวัง ตำหนักบูรพาย่อมมีเฉกเดียวกัน

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 14

    “พอแล้ว” ฉินซือเหิงพูดตัดบทนางด้วยเสียงเย็นชา “เรื่องนี้ให้จบลงเท่านี้ นางกำนัลคนนั้นฆ่าตัวตายเป็นความผิดใหญ่หลวง ต้องถูกประหารทั้งตระกูล เกิดเรื่องเช่นนี้ภายในตำหนักบูรพา ภายภาคหน้าเพิ่มการลาดตระเวนให้เข้มงวดทั้งภายในภายนอกยิ่งขึ้น หากยังเกิดเรื่องเช่นนี้อีก คนลาดตระเวนเหล่านั้น รวมถึงคนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมดจะต้องถูกลงโทษตามความผิด”พูดจบ ถึงขั้นมีความคิดปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปชิวเฉิงฮุยร้อนใจมากยิ่งขึ้น หลักฐานเหล่านั้นล้วนชี้มาที่นาง รัชทายาทปล่อยผ่านไปอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ เช่นนั้นภายภาคหน้า...ความร้อนใจภายในใจนางถูกสายตาของฉินซือเหิงขัดขึ้น เพราะสายตาของเขาตกลงบนตัวอวี๋เหลียงเยว่ตั้งแต่เริ่มจนจบอวี๋เหลียงเยว่นั่งฟังพวกเขาพูดอยู่ทางด้านข้าง บางครั้งหลังได้ยินข้อสรุปของนักชันสูตรศพ สีหน้าก็เผือดซีดขึ้นเล็กน้อย เงาร่างเล็กๆ นั่งสั่นเทาอยู่ตรงนั้น ท่าทางน่าสงสารอย่างมาก“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า...เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ไม่มีเรื่องใดก็ไม่ต้องออกจากเรือน อยู่พักผ่อนภายในเรือนดีๆ”สิ้นคำก็หันไปพูดกับพระชายารัชทายาท “หอชมจันทร์มีคนปรนนิบัติน้อยเกินไป ข้าได้ยินจ้าวเฉียนพูด

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 15

    จ้าวเฉียนขยับขึ้นไปค้อมตัวลง “พรุ่งนี้บ่าวจะสั่งให้คนนำของมาส่งเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ”“อืม” ฉินซือเหิงนี่ถึงรับคำอย่างพึงพอใจภายในใจจ้าวเฉียนมีความทุกข์ใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่เขาไม่มอบของให้ อีกทั้งยังไม่ใช่ตำหนักบูรพาปฏิบัติอย่างเข้มงวด แต่รัชทายาทเขา...ไม่เห็นอวี๋เจาซวิ่นสำคัญตั้งแต่แรก เจ้านายของเขาไม่ใส่ใจ พวกเขาบ่าวรับใช้ยิ่งไม่ใส่ใจอวี๋เหลียงเยว่ไม่มีท่าทีตอบสนองใดต่อบทสนทนาของทั้งคู่ แต่ยืนว่าง่ายอยู่ที่ฝั่งหนึ่ง บางครั้งเงยหน้าขึ้นลอบมองฉินซือเหิงอย่างซุกซนฉินซือเหิงไฉนเลยจะมองไม่เห็นสายตาของนาง โบกมือ เป็นสัญญาณให้นางเข้ามา“ยืนอยู่ทำอะไร นั่งลงเถอะ พูดเป็นเพื่อนเรา”“เพคะ”“ได้ยินมาว่าหลายวันนี้เจ้าไม่ชอบออกจากบ้าน เราเห็นเจ้าผอมแล้ว ได้รับความตกใจจากวันนั้นหรือ?”ถ้อยคำนี้มองแล้วคล้ายกำลังสงสัย แต่แท้จริงแล้วกลับมั่นใจหลายวันมานี้ภายนอกร้อนอยู่บ้าง นางคร้านจะลุกขึ้น ไม่ชอบออกนอกบ้าน อากาศร้อนความอยากอาหารเองก็ไม่ดี นี่ถึงผอมลงแต่ความเข้าใจผิดอันแสนงดงามนี้ อวี๋เหลียงเยว่คิดว่าดียิ่งนัก“หม่อม...หม่อมฉันนึกถึงเรื่องวันนั้น จึงรู้สึกกลัวอยู่บ้างเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 16

    จ้าวเฉียนอยู่เฝ้าหน้าประตู ได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้านาย กวาดตามองชิงหลิ่วสองสามคนแวบหนึ่ง พูดอย่างกะทันหันว่า “ปรนนิบัติดีๆ เจ้านายของเจ้ามีวาสนาแล้ว”สองสามคนขานรับพร้อมกัน “เจ้าค่ะ”บนตั่ง ภายในม่านมุ้งฉินซือเหิงรู้สึกคล้ายถูกบางอย่างกดทับไว้อย่างกะทันหัน ลืมตามองแวบหนึ่ง ที่แท้อวี๋เหลียงเยว่ก็หลับสนิทไปแล้ว มิได้สำรวมกิริยา ถึงขั้นวางแขนข้างหนึ่งบนอกของเขานางกำลังนอนหลับสนิท กลีบปากสีชมพูเผยอออกน้อยๆ ภายในปากคล้ายกำลังบ่นงึมงำอะไรเขาพยายามฟังอยู่ครู่หนึ่ง กลับไม่ได้ยินจนจบประโยคได้เห็นใบหน้ายามหลับสนิทของฝ่ายหญิง ขณะเขาคิดจะยื่นมือเข้าจับมือแขนของอวี๋เหลียงเยว่ออก ทันใดนั้นภายในสมองพลันปรากฎภาพหนึ่ง สายตายามนางร้องไห้พลางสบมองตน ท่าทางไว้เนื้อเชื่อใจอย่างสมบูรณ์ นั่นคือเห็นเขาเป็นทั้งหมด...ท่าทางนั้นทำให้เขาหวั่นไหว คล้ายหนึ่งประโยคของเขา สามารถทำให้นางเปล่งประกายมีชีวิตใหม่ได้ อีกทั้งยังสามารถทำให้นางแหลกสลายตายไปได้ นั่นคือความรู้สึกตกอยู่ในการควบคุมอย่างสมบูรณ์ช่างเถอะ นางสูญเสียมิดามารดาไป มาที่ตำหนักบูรพานี่ก็ลำบากมากแล้ว มิหนำซ้ำยังอ่อนแอหลายส่วน...ก็ไม่นับเป็นเร

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 17

    ซู่จิ่นสบมองสีหน้าของเจ้านายตนแวบหนึ่ง ตวาดสีหน้าเคร่งขรึม “ชิวเฉิงฮุย พระชายาของพวกเรากำลังบำรุงครรภ์ ไม่สะดวกฟังเรื่องเหล่านี้”ชิวเฉิงฮุยรีบหยุดปาก เงยหน้าสบมองสีหน้าเผือดซีดของไป๋ซื่อ ไม่รู้ภายในใจเป็นอะไรไปแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาที่ผ่านมารัชทายาทโปรดปรานนางที่สุด นางเองก็อาศัยความโปรดปรานเย่อหยิ่งโอหัง ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา คราวนี้ถึงตาคนอื่นแล้ว...ครรภ์นี้ของไป๋ซื่อไม่แข็งแรง เดิมทีก็กระเทือนครรภ์อยู่แล้ว คราวนี้ได้ยินเรื่องเหล่านี้ ภายในใจรู้สึกทั้งเสียใจทั้งน้อยใจ รู้สึกเจ็บท้องแทบทนไม่ไหว“ซู่...ซู่จิ่น ช่วยข้าตามหมอหลวงมา...ข้าเจ็บท้อง...”ชิวเฉิงฮุ่ยได้เห็นสีน้าขาวดุจกระดาษของนาง ลอบว้าวุ่นขึ้นมาภายในใจ นางเกลียดไป๋ซื่อจริง อยากใช้นางข่มอวี๋ซื่อคนนั้น แต่นางกลับไม่คิดทำลายชีวิตของนาง...หอหยกหิมะชุลมุนวุ่นวายขึ้นมาถึงช่วงเย็น“พระชายารัชทายาท ได้ยินว่าหอหยกหิมะท่านนั้น น่ากลัวว่าเด็กในท้องแย่แล้วเพคะ...” หมัวมัวเข้ามากระซิบเสียงค่อยถ้อยคำนี้ทำให้สีหน้าพระชายารัชทายาทเข้มขึ้น แม้ว่าวันนั้นนางถูกพูดกระตุ้นจนหวั่นไหว แต่ลงท้ายนางก็คือพระชายารัชทายาท ว

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 18

    อวี๋เหลียงเยว่มองปิ่นดอกไม้พันกิ่งราคาสูงลิบที่อยู่ในมือ แต่ละใบคล้ายมีชีวิตก็มิปาน แม้แต่เส้นใยที่บริเวณก้านดอกก็สามารถสลักลวดลายได้อย่างละเอียดประณีตถึงเพียงนี้ เพียงมองดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดายังมีต่างหูทับทิมทางด้านข้าง เม็ดเล็กๆ ประดับอยู่ด้านบน เป็นสีแดงไปหมดยังไม่ต้องพูดถึงขนาด ก็พูดเพียงสีแดงสดนี้ ภายนอกคล้ายหาไม่พบเพลินเพลินอยู่ท่ามกลางความสุข อวี๋เหลียงเยว่ตอบชิงหลิ่ว “อืม” อย่างไม่ใส่ใจชิงหลิ่วเห็นนางเป็นเช่นนี้ ภายในใจยังคิดว่า นายหญิงลำบากมาทั้งชีวิต ก่อนนี้ถูกฉินมู่ใช้ประโยชน์ บัดนี้รัชทายาทดีต่อนาง ทำให้นางหวั่นไหวอย่างอดไม่ได้ นี่ถึงเล่นสิ่งของที่รัชทายาทมอบให้อยู่ตลอด คาดว่ากำลังนึกถึงรัชทายาทจากนั้นนางมองเงาด้านหลังของอวี๋เหลียงเยว่อย่างกังวลแวบหนึ่ง นายหญิงชมชอบรัชทายาทถึงเพียงนี้ แต่ความชอบนี้ภายในตำหนักบูรพา เป็นเรื่องดีจริงหรือ...สตรีฝ่ายในของรัชทายาทจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ภายภาคหน้าจะต้องเตือนนายหญิง ห้ามมิให้ทุ่มเทไปทั้งหมด!ไม่รู้ดอกอวี๋เหม่ยเหริน ถูกสับเปลี่ยนตั้งแต่ยามใด แทนที่ด้วยต้นทับทิมบานสะพรั่งทุกดอกล้วนบานสะพรั่ง สีแดงสดแฝงอยู่ท่ามกลางใบสีเขียว เ

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 19

    เสียงของเขาค่อยๆ เข้มขึ้น ผู้อยู่ใต้อาณัตินึกแปลกใจภายในใจ แม่นางอวี๋ได้รับความโปรดปรานภายในตำหนักบูรพา สำหรับนายท่านแล้ว นี่เป็นเรื่องดีอย่างมาก แผนของพวกเขา ก็สามารถทำได้อย่างราบรื่น แต่เหตุใดเขาฟังดูแล้วคล้ายภายในเสียงของนายท่านเจือ...โทสะ“เช่นนั้นจะให้ข้าน้อยส่งข่าวถึงแม่นางอวี๋หรือไม่ ฝ่าบาทส่งคนไปแจกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจำนวนไม่น้อย หากถึงเวลานั้นเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยมีปัญหา คาดว่าต่อให้ท่านนั้นของตำหนักบูรพาได้รับความโปรดปรานมากเพียงใด เกรงว่าก็หนีไม่พ้นถูกตำหนิ...”ครั้งนี้ผู้ที่รับผิดชอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยคือรัชทายาท หากอวี๋ซื่อสามารถทำอะไรบางอย่างในตำหนักบูรพาได้ ได้รู้เส้นทางขนส่ง พวกเขาก็สามารถวางอุบายได้“ไม่ อย่าเพิ่งวู่วามตอนนี้ ข้ามีแผนของตน” ฉินมู่ยกมือเกยหน้าผาก โบกมือไล่เขาออกไปหลังรายงานจบ เขาก็ลุกขึ้นจากไปประตูห้องหนังสือปิดลง ขาของเขาเพิ่งขยับไปได้สองก้าว ก็ได้ยินเสียงถ้วยชาแตกละเอียดจากภายในขาของเขาก้าวว่องไวยิ่งขึ้น........เทียบความสงบในที่แห่งอื่น บรรยากาศภายในหอหยกหิมะอึมครึมอย่างมากพระนัดดาองค์โตถลันมาหยุดข้างตั่งเตียง มองดูเหงื่อเย

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 20

    เหล่าขันที่ประคองเขาขึ้น อีกคนหนึ่งจับสุนัขไว้ท่านหญิงร้อนใจแล้ว รีบปัดมือสาวใช้ วิ่งเข้ามา “ทั้งๆ ที่เจ้าเดินเข้าหาสุนัขของข้า นี่ถึงได้ชนกัน! เจ้ารีบปล่อยมันเดี๋ยวนี้”ท่านหญิงยิ่งร้อนใจ ฉินหงอวิ๋นก็ยิ่งมีความสุข นึกถึงความเจ็บปวดของมารดา ลอบปาดน้ำตา เขาเดินสองสามก้าวไปหยุดข้างขันที อุ้มสุนัขขึ้นมา ออกแรงกระแทกลงกับพื้นเหล่าขันทีและนางกำนัลล้วนตกตะลึงเหม่อไป รอจนกระทั่งเขากระแทกสุนัขลงพื้นแล้ว ท่านหญิงก็กรีดร้อง วิ่งไปทางสุนัขน้อยสุนัขน้อยมองดูแล้วยังเด็กมาก เพิ่งจะไม่กี่เดือนเท่านั้น กระแทกลงไปเช่นนี้ ปากก็ส่งเสียง “หงิงๆ” ด้วยความเจ็บปวดไม่หยุดฉินผิงหว่านขอบตาแดงเรื่อ หันมองฉินหงอวิ๋นพลางตะคอก “เสวี่ยถวนของข้า เจ้าจะฆ่าเสวี่ยถวนของข้า”ฉินหงอวิ๋นเองก็ร้องไห้ตาม เสแสร้งได้รับความตกใจ ชี้เสวี่ยถวน “ทั้งๆ ที่เดรัจฉานตัวนั้นชนข้า ทำให้ข้าล้ม”ทั้งสองฝ่ายโวยวายอย่างหนัก เหล่านางกำนัลและขันทีล้วนรับมือไม่ทัน“พวกเจ้ากำลังมองอะไรกัน ไม่เห็นหรือว่าสุนัขของท่านหญิงได้รับบาดเจ็บ หากไม่รักษาตอนนี้ก็ช่วยไว้ไม่ได้แล้ว” เสียงของอวี๋เหลียงเยว่ดังมาจากที่ไกลๆเมื่อครู่นางได้เห็นทั้งหม

    Last Updated : 2025-01-07

Latest chapter

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 40

    “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ” ชิงหลิ่วตอบกลับ จากนั้นสิ่งที่ตอบรับนางก็คือเสียงลมหายใจของอวี๋เหลียงเยว่ที่หลับไหลไปแล้ว......สถานที่ที่มีสตรีมากมาย เรื่องราวก็ยิ่งมาก ฉากหน้าเป็นพี่น้องที่แสนดี ทุกคนล้วนให้ความเกรงใจกัน สนิมสนมกลมเกลียวกันมากแต่เบื้องหลังกลับแทบอยากจะฉีกหน้าอีกฝ่ายจนเละ ดึงทึ้งเครื่องประดับบนศีรษะของอีกฝ่ายให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ เรื่องราวต่อหน้าและลับหลังเกิดขึ้นในมุมมากมาย......“ได้ข่าวแล้วหรือยัง เหตุใดถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้!” ฉินมู่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ จมอยู่ท่ามกลางเงาดำมืด แค่เสียงก็ทำให้คนรู้สึกกลัวจนตัวสั่นสะท้านที่ปรึกษาที่กำลังคุกเข่าอยู่ตัวสั่นระริก หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่หยดลงพื้น “กระหม่อมสืบมาแล้ว ถึงได้ข่าวว่าคนผู้นั้น...มีความสัมพันธ์ย่ำแย่กับภรรยาที่บ้านมานานแล้ว ถึงขนาดที่พูดได้ว่า...จงเกลียดจงชัง ดังนั้นเมื่อเราเอาภรรยาของเขามาบีบบังคับ เขาจึงแกล้งรับปาก แต่ความจริงแล้วกลับสืบหาจุดมุ่งหมายและดูลาดเลาของพวกเรา สุดท้ายก็ตลบหลัง ไม่ทำตามที่เราสั่งพ่ะย่ะค่ะ...”นับตั้งแต่ที่ฉินมู่ได้รับข่าวจากทางอวี๋เหลียวเยว่เมื่อครั้งก่อน เขาก็ดำเนินการอย่างรวดเร็วเข

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 39

    “อวี๋เจาซวิ่น” “น้อมคารวะฉือเฉิงฮุยเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่ยิ้มพลางคารวะฉือชิวเยียนรีบส่งสัญญาณให้สาวใช้ไปประคองด้วยความเกรงใจมาก ก่อนจะรีบกล่าวว่า “ข้าไม่ถือเรื่องพวกนี้ ข้าเพิ่งเข้าตำหนักบูรพา ยังมีเรื่องมากมายที่ไม่เข้าใจ วันหน้ายังต้องรบกวนให้อวี๋เจาซวิ่นช่วยดูแลอีกมาก” อวี๋เหลียงเยว่ไม่เปลี่ยนสีหน้า “ฉือเฉิงฮุยกล่าวอันใดกันเพคะ ตำแหน่งของท่านสูงกว่าหม่อมฉัน ชาติตระกูลก็ดี วันหน้าจะต้องก้าวขึ้นตำแหน่งสูงอย่างรวดเร็วแน่นอนเพคะ”นี่เป็นการปฏิเสธคำขอของนางอย่างสุภาพฉือชิวเยียนหน้าทะมึนลง แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “เจ้าไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวไป พอข้ามาถึงก็ได้ยินว่าเจ้าเข้ามาที่ตำหนักบูรพาก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทมาก ไฉนจะเหมือนกับพวกเราที่ได้ร่วมราตรีเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีโอกาสได้พบองค์รัชทายาทอีก” ฉือซื่อพูดพลางทำหน้าหม่นหมองเล็กน้อย“องค์รัชทายาทจะพบใครหรือไม่พบใคร หม่อมฉันก็ไม่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้เช่นกัน พี่ฉือเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันรู้สึกง่วงเล็กน้อย ขอกลับเรือนก่อนนะเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่กล่าวจบก็เดินจากไป ไม่ให้โอกาสฉือชิวเยียนได้พูดคุยต่อเลยคนหน้าเนื้อใจเส

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 38

    เมื่อสูญเสียบุตรไปแล้ว ฉินซือเหิงได้รับข่าวก็รีบไปที่หอหยกหิมะ เมื่อเผชิญหน้ากับเขา ไป๋ซื่อก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจอีกครั้งราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ช่างน่าสะเทือนใจ ถึงอย่างไรก็เป็นสตรีที่ตอนเคยโปรดปรานมาก่อน เมื่อเห็นนางเสียใจถึงเพียงนี้ เขาเองก็เศร้าใจกับกาสูญเสียบุตรไปเช่นกัน จึงปลอบใจดี ๆ อยู่นาน อีกทั้งยังพำนักอยู่ในเรือนของนางหลายวันต่อมา ไป๋ซื่อรั้งองค์รัชทายาทให้พำนักอยู่ในเรือนของนางทุกคืน หอหยกหิมะที่ก่อนหน้านี้ยังไร้ชีวิตชีวา ไม่นานก็คึกคักขึ้นมาอีกครั้งภายในหอดุจจันทร์ พระชายารัชทายาทลูบสร้อยประคำในมือโดยที่ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร วันนี้ตำแหน่งด้านขวาล่างว่างเปล่าอีกครั้งคนอื่น ๆ มากันครบแล้วใบหน้าของนางดูไม่ออกถึงความรู้สึกใด ๆ อวี๋เหลียงเยว่เริ่มสังเกตสองคนที่มาใหม่อย่างละเอียดอีกครั้ง คนหนึ่งแซ่อวี้ มีนามว่าอวี้หานเซียง ชื่อช่างเหมาะสมกับตัวคน เล่ากันว่าเมื่อเกิดมาก็มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ติดกาย รูปโฉมงดงามแต่ไม่ได้เย้ายวน ตรงกันข้ามใบหน้ากลับให้ความรู้สึกเย็นชานับตั้งแต่ที่เข้ามาในหอดุจจันทร์ อวี๋เหลียงเยวก็สังเกตเห็นว่านางนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเชิดคางมองตร

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 37

    ฮวาต้วนก็มองอย่างตะลึงงัน แต่บทเรียนจากหลายครั้งที่ผ่านมาทำให้นางใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว รีบตัดสินใจส่งน้ำแก้วหนึ่งไปที่ริมฝีปากของไป๋ซื่อ “เหลียงตี้เพคะ ท่านรีบดื่มน้ำเถิดเพคะ! อาจจะดีขึ้นบ้าง! ยังต้องใช้เวลาสักพักกว่าหมอหลวงจะมาถึง ท่านไม่ได้เสวยอะไรมาทั้งวัน เวลานี้ก็ไม่มีแรงแล้วด้วย”ไป๋ซื่อกำลังคิดจะบันดาลโทสะ เมื่อได้ยินคำพูดของนางก็รู้สึกว่ามีเหตุผลมาก จึงรับไปดื่มรวดเดียวจนหมดหลังจากดื่มหมดก็เป็นการรอคอนที่แสนยาวนานเวลานี้นางรู้สึกนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หมอหลวงกำชับอย่างเด็ดขาดแล้วว่าให้นางพักผ่อนให้ดี อย่าได้มีอารมณ์รุนแรงแต่ว่าตอนนี้นึกเสียใจก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เนื่องจากไม่นานก็มีดอกไม้โลหิตสีสันสดใสเบ่งบานเป็นดวงใหญ่ที่ใต้ชายกระโปรง ย้อมจนเป็นสีแดงผืนใหญ่ เมื่อฮวาต้วนเห็นสีแดงนั้นในดวงตาก็เหมือนกับเห็นกระบี่ที่แย่งชิงชีวิตก็ไม่ปาน ทำให้นางกรีดร้องด้วยความตกใจ!“ใครก็ได้ แย่แล้ว! ใครก็ได้รีบมาที เหลียงตี้แย่แล้ว!” นางเหมือนกับเป็นบ้าไม่สนใจภาพลักษณ์ ปิ่นมุกบนศีรษะก็หลุดรุ่ย ก่อนจะกรีดร้องตะโกนเสียงดังตรงหน้าประตูไม่นานข้ารับใช้ด้านล่างก็รีบกรูกันเข้ามา บ้างก็ไปตามหมอห

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 36

    “พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท กระหม่อมทราบแล้ว” จ้าวเฉียนเดินตามหลัง ข่มกลั้นความตกตะลึงในใจ บังคับตัวเองไม่ให้หันห้าไปมองอวี๋ซื่อ องค์รัชทายาทไม่เคยลุ่มหลงในความงดงามของอิสตรี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเอาใจใส่สตรีนางหนึ่ง อวี๋เจาซวิ่นเพิ่งร่วมราตรีได้ไม่นาน ก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทถึงเพียงนี้ ทำให้เขาตกใจจริง ๆ...แต่ก็เห็นได้ถึง ความเฉียบแหลมของอวี๋เจาซวิ่น“หยกสมปรารถนาชิ้นนั้นเป็นของที่อดีตฮ่องเต้ทรงทิ้งไว้ พระราชทานให้กับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และฝ่าบาทได้พระราชทานให้องค์รัชทายาท บัดนี้องค์รัชทยาททรงมอบให้อวี๋เจาซวิ่น ช่างเป็นการเอาใจใส่เกินไปหน่อยจริงๆ” พระชายารัชทายาทหยุดพลิกดูสมุดบัญชีในมือ แล้วทำสีหน้าใคร่ครวญออกมาพระชายารัชทายาทชอบดูชอบฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความอวดดีไร้เหตุผลของไป๋ซื่อ ประการแรกเป็นเพราะกำลังสนับสนุนจากตระกูลมารดาของนาง ประการที่สองเป็นเพราะความโปรดปรานจากองค์รัชทายาท อีกทั้งยังให้กำเนิดพระนัดดารัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวแต่อวี๋ซื่อผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหรือว่าสิ่งอื่นใดล้วนห่างชั้นจากไป๋ซื่อมากนัก แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานี้ รู้สึกได้ราง ๆ ว่านางยัง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 35

    เขายื่นมือไปโอบเอวบางของอวี๋เหลียงเยว่ ให้นางนั่งตักของเขาแล้วหัวเราะเบา ๆ ว่า “เจ้ามาอยู่ตำหนักบูรพาได้นานพอสมควรแล้ว ได้ยินว่าเจ้าให้ความเคารพต่อพระชายารัชทายาทมาก” ได้รับความโปรดปรานแต่ไม่เย่อหยิ่ง ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งยามค่ำคืนอวี๋เหลียงเยว่ก็ถอดปิ่นมุกมากมายบนศีรษะออกเช่นกัน เส้มผมสีดำสยายอยู่ด้านหลังศีรษะ มีหลายเส้นตกลงมาบนไหปลาร้าของนางอย่างซุกซน ทำให้ฉินซือเหิงอดมองนานขึ้นไม่ได้ “พระชายาทรงมีเมตตาต่อหม่อมฉันมากมาตลอด หม่อมฉันย่อมเคารพนางเป็นธรรมดาเพคะ”นางกล่าวด้วยใบหน้าไร้เดียงสา จากนั้นก็ยื่นแขนขาวนวลไปโอบคอของรัชทายาทอย่างกล้าหาญมากอีกครั้ง ท่าทางดูพึ่งพิงมาก ทำให้ฉินซือเหิงรู้สึกสบายใจมากเขายกมือขึ้นมาลูบดวงหน้าเล็กนุ่มละมุนของนาง “เจ้ารู้ความ เราย่อมโปรดปรานเจ้ามากยิ่งขึ้น” อวี๋เหลียงเยว่ฟังแล้วก็ปล่อยผ่านไป ไม่ได้เก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย หากชอบเจ้า เจ้าก็จะเป็นของล้ำค่าในดวงใจ ไม่ว่าทำสิ่งใดล้วนดีไปหมด หากชิงชังเจ้า เกรงว่าเจ้าไม่อาจเทียบได้แม้กระทั่งฝุ่นบนพื้น ฝุ่นยังมีคนปัดกวาด ชาติที่แล้วนางไม่ได้รับความโปรดปราน ทำได้เพียงปล่อยให้คนเหยียบย่ำ อวี๋เหลียงเย

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 34

    หลังจากนี้ต่อให้จับได้ พอถึงตอนนั้นก็สายไปแล้วลองถามดูเถิด ใครเล่าจะเชื่อคำพูดของนักโทษคนหนึ่ง? คำพูดเพ้อเจ้อของนักโทษ หากเชื่อขึ้นมา ตนเองก็คงเป็นคนบ้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ? นางหัวเราะเบา ๆ แล้วไม่อธิบายอะไรอีก ก่อนจะแกว่งเท้าเล็ก ๆ ดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ในชามจนหมดในอึกเดียว จากนั้นก็เงยหน้าเผยให้เห็นความจริงใจเล็กน้อย “ชิงหลิ่วคนดี อีกประเดี๋ยวเจ้านี่ก็หมดแล้ว ไม่สู้...เจ้าช่วยไปที่ห้องเครื่องเอามาให้ข้าอีกสักชามเถิด” นางกล่าวพลางทำทางไร้เดียงสา ชิงหลิ่ว “นายหญิงเพคะ ส่วนของท่านมีแค่ชามเดียว หมดแล้วเพคะ”อวี๋เหลียงเยว่ไม่หลงกล ขณะที่กำลังเตรียมตัวอ้อนวอนต่อ สายตามองไปเห็นเงาดำด้านนอกประตู จึงเปลี่ยนน้ำเสียงในพริบตาว่า “บัดนี้องค์รัชทายาททรงโปรดปรานข้า ข้าขอเครื่องดื่มเย็น ๆ เพิ่มอีกชามคงไม่เป็นไรหรอก! องค์รัชทายาททรงมีความสามารถถึงเพียงนี้ ยังจะถูกข้ากินจนหมดตัวได้อีกหรือ!” “พูดได้ดี เราต้องพยายามเสียแล้ว เพื่อไม่ให้เราโดนเจ้ากินจนหมดตัว”ฉินซือเหิงสาวเท้าเดินเข้ามาอย่างฉับไว ใบหน้ามีรอยยิ้มบาง ๆ แค่เห็นก็รู้ว่าอารมณ์ดีมากปลาติดเบ็ดแล้ว ได้มาอย่างไม่เปลืองแรงเลยแต่สิ่ง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 33

    ข่าวที่ชิงหลิ่วส่งออกไปถูกส่งต่อไปถึงมือของฉินมู่ เขามองชื่อที่เขียนบนกระดาษจดหมายแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “สืบประวัติคนผู้นี้แล้วหรือยัง”ที่ปรึกษาใต้บังคับบัญชาพยักหน้า เอ่ยเสียงเบาว่า “กระหม่อมไปสืบแล้วพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบขององค์รัชทายาทมาโดยตลอดจริง ๆ หากเขาอยู่ในกองขนส่งเสบียง กระหม่อมคิดว่าข่าวนี้เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ” ฉินมู่ผงกศีรษะ แนวกรามที่เรียบคมเผยให้เห็นความเย็นชาอำมหิต เขานั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน แสงไฟภายในห้องสลัว ครู่ต่อมาเขาจึงถามอีกว่า “แม่นางอวี๋ในตำหนักบูรพาสบายดีหรือไม่” ที่ปรึกษามองเขาอย่างยากจะสังเกตเห็นแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้ากล่าวออกมาว่า “สบายดีไปหมดทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินคำนี้ แววตาของเขาก็ทะมึนลง จากนั้นก็คลี่ยิ้มหยันออกมา “ดี” ไม่มีใครเห็นว่าบนโต๊ะของเขามีภาพวาดภาพหนึ่ง สตรีบนภาพเลอโฉมเฉิดฉัน ดวงหน้างดงามดุจดังเทพเยนในภาพวาด นัยน์ตาดูเฉลียวฉลาด หางตาและคิ้วมีเสน่ห์เย้ายวนใจราวกับพรายน้ำเขายกมือขึ้นมา นิ้วที่มีข้อต่อชัดเจนลูบไล้แก้มของสตรีในภาพวาด ผ่านไปสักพักก็มีเสียงแผ่วเบาดังมาจากในห้องที่มืดสลัวว่า “เจ้าเป็นของข้า...

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 32

    ชิงหลิ่วไม่รู้ว่าเหตุใดจึงถามเช่นนี้ จึงทำได้เพียงพยายามเอ่ยอย่างคลุมเครือให้มากที่สุด ยิ่งเอ่ยมากก็ยิ่งผิดมากฉินซือเหิงเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว หนึ่งเดือนมานี้มีคนใหม่เข้ามาในตำหนักบูรพา อวี๋เหลียงเยว่จึงอยากพึ่งพิงเขามากขึ้นเล็กน้อย...คิดว่าคงไม่สบายใจ ทว่าเมื่อเกิดการคาดเดาเช่นนี้ขึ้นมา ในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายให้ชัดเจนขึ้นมาเล็กน้อยความรู้สึกนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งเขาเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงถึงค่อย ๆ จางหายไป...... หลังจากเข้าเฝ้าเสร็จสิ้นแล้วกลับมาที่ตำหนักบูรพา จ้าวเฉียนก็มาช่วยเขาเปลี่ยนเป็นสวมชุดฉางฝู ยังไม่ทันนั่งลง สาวใช้ด้านนอกก็มาแจ้งว่าไป๋เหลียงตี้อาเจียนไม่หยุด ขอให้องค์รัชทายาทไปดูความหมายในคำพูดนี้มีไม่น้อยเลยจริง ๆ อาเจียนสินะ เมื่อคำนวณดูแล้วไป๋เหลียงตี้เพิ่งจะตั้งครรภ์นี้ได้แค่หนึ่งเดือน น่าจะยังไม่ถึงช่วงเวลานี้ อีกอย่างการที่สตรีมีครรภ์อาเจียน ปกติแล้วเป็นเพราะว่าได้กลิ่นอะไรบางอย่าง หรือว่ากินอะไรบางอย่าง ไม่ว่าเป็นเพราะอะไร คิดว่าไป๋เหลียงตี้คงจะสร้างเรื่องอีกแล้ว จ้าวเฉียนคิดเช่นนี้ ฉินซือเหิงลูบสร้อยประคำมันเงาบนมือแล้วสั่งการว่า “ไปเช

DMCA.com Protection Status