แชร์

แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ
แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ
ผู้แต่ง: ต้าซินซิน

ตอนที่ 1 ก่อนจากโลกปัจจุบัน

ณ บ้านเช่าราคาถูกเก่า ๆ ในมุมหนึ่งของเมืองใหญ่ มีหญิงสาว

วัยยี่สิบปีเธอมีชื่อว่า ‘หยก’ ตั้งแต่เล็กจนโตเธอถูกเลี้ยงดูจาก

บ้านเด็กกำพร้า ไม่เคยรู้ที่มาที่ไปว่าเธอเองมาจากไหนพ่อแม่เป็นใคร

และเธอไม่สนใจที่จะตามหาอดีตให้เจ็บปวดหากพบเจอความจริง

อันโหดร้าย จึงเลือกใช้ชีวิตด้วยการทำงาน หาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่เรียนจบมัธยมปลาย

หยก พยายามใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากในวันที่เธออายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์มีบางอย่างเกิดขึ้น

ซึ่งมันเป็นเรื่องดีและร้ายในคราวเดียวกัน เมื่อลืมตาตื่นหลังผ่านวันเกิด

อายุครบสิบแปดปี หยกสามารถมองเห็นชะตาชีวิตของคนที่บังเอิญ

มาสัมผัสโดนตัวของเธอ หยกสติแตกไปหลายวันกว่าจะรวบรวมสติกลับมาได้ เธอตัดสินใจเล่าให้เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวอย่างไพลินฟัง

และเพื่อนสนิทคนนี้นี่เอง ที่สนับสนุนให้หยกใช้ความสามารถนี้

เพื่อหาเงินจากพวกคนรวยที่เชื่อเรื่องทำนายดวงชะตา

“ลินฉันเล่าให้แกฟังแค่คนเดียวแล้ว อย่าเอาไปเล่าให้ใครฟังล่ะ

ฉันไว้ใจที่แกเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของฉัน หวังว่าจะไว้ใจแกได้

ในเรื่องนี้นะลิน ฉันไม่อยากถูกคนอื่นมองว่าเป็นคนบ้า” เพราะคนที่ไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาตินั้นมีอยู่มาก บางคนคิดว่าเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ

มองคนที่ชอบการทำนายดวงชะตาเป็นคนโง่

“เอาน่าไอ้หยกแกจะคิดมากไปทำไมวะเพื่อน ในเมื่อแกเองสามารถทำนายดวงชะตา จากการสัมผัสเพียงผิวเผินได้ ก็ใช้มันหาเงิน

ไม่ดีกว่าเหรอ ยิ่งพวกคนรวยที่ชอบดูดวงน่ะ คนพวกนี้จ่ายหนักมากเลยนะยิ่งแกทำนายได้แม่นรับรองดูแค่เดือนละสองสามคนก็รวยแล้ว”

“มันจะดีเหรอวะ เกิดทำนายไปแล้วมันไม่แม่นล่ะแก ฉันไม่โดนพวกมันพาคนมารุมกระทืบจนตายเลยเหรอ” หยกกลัวจะถูกทำร้ายมากกว่าหากมันไม่เป็นอย่างที่ทำนายไว้

“แต่แกเคยทักแม่ฉันไว้ และมันก็เป็นเรื่องจริงไม่ใช่เหรอเพื่อน

เอางี้แกลองทำนายชะตาให้แม่ของไอ้เชนห้องหนึ่งเป็นไง ฉันแอบรู้มาว่าแม่ไอ้เชนทำธุรกิจฐานะร่ำรวยใช้ได้ แล้วอีกอย่างแม่ไอ้เชนก็ชอบ

ไปมูเตลูมากซะด้วยนะเว้ย ไอ้หยกแกลองคิดดูให้ดี ๆ เพื่อน แกไม่ยอมเรียนต่อเงินเดือนก็ได้ไม่ถึงหมื่นไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่ากินค่าอยู่อีกสารพัด” ไพลินก็ใช่ว่าจะมีฐานะร่ำรวยอะไร เธอก็แค่ลูกแม่ค้าขายข้าวแกงทั่วไป

“ก็ได้พรุ่งนี้เป็นวันหยุดแกพาแม่ไอ้เชนไปที่บ้านฉันก็แล้วกัน

ส่วนเรื่องค่าบริการไว้เก็บหลังจากผ่านพ้นคำนายเถอะ ลูกค้าจะได้ไม่คิดว่าพวกเราโกหกหลอกลวงเอาเงินเท่านั้น”

“โอเค ไว้ฉันจะดักรอลูกค้าคนแรกของเราตอนฉันเลิกเรียนให้ พรุ่งนี้แกก็เตรียมสถานที่ให้มันดูน่าเชื่อถือหน่อยล่ะ เผื่อว่าเราจะได้

ลูกค้าเพิ่มจะทำให้ขายหน้าแม่หมอสุดแม่นไม่ได้นะเว้ย ฮ่า ๆ ๆ”

“เออ ๆ ๆ รู้แล้วน่าบ้านเช่าก็หลังแค่นั้นจะจัดให้ดูดีแค่ไหนกันเชียวไอ้ลิน ถ้างานนี้สำเร็จพวกเราจะแบ่งเงินกันยังไงดีวะ” หยกไม่อยาก

เอาเปรียบเพื่อนถ้าจะเธอจะรับส่วนแบ่งมากกว่า

“อย่าคิดมากเลยแกคนที่มีพลังวิเศษคือตัวแกไม่ใช่ฉัน เอาเป็นว่าจบงานฉันสามสิบแกเจ็ดสิบตกลงป่ะ” เธอก็แค่หาลูกค้าให้เพื่อนเท่านั้น

“เอาตามนี้ก็แล้วกันกลับเข้าห้องเรียนเถอะ จะหมดเวลาพักแล้ว อย่าลืมรูดซิปปากให้สนิทนะไอ้ลิน นี่เป็นความลับสุดยอด ที่พวกเรารู้กัน

แค่สองคนเท่านั้นถ้าแกยังไม่อยากถูกล้อว่าเป็นบ้าน่ะ” หยกไม่ลืมกำชับกับเพื่อนสาวให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับอีกครั้ง

“รู้แล้ว ๆ ๆ แกพูดรอบที่ร้อยแล้วนะไอ้หยก ไป ๆ เข้าห้องเรียนกันได้แล้ว” ไพลินรับปากเพื่อนก็ชักชวนกันกลับห้องเรียน

หลังเลิกเรียนไพลินดักรอแม่ของเชน เด็กเรียนสมัยมัธยม

ที่หน้าบริษัท และใส่สีตีไข่เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับการทำนายดวงชะตา

จนคนที่ได้ฟังอยากจะพบแม่หมอเสียวันนี้ แต่ก็ต้องอดทนทั้งสองคน

จึงได้นัดพบกัน ตามสถานที่ที่ไพลินบอกเป็นที่เรียบร้อย

สิบโมงเช้าของวันต่อมา ไพลินพากชนิภาแม่ของเชนมาหาหยก

ที่บ้านเช่า ถึงจะเป็นบ้านไม้เก่า ๆ แต่หยกก็ทำความสะอาดจัดข้าวของอย่างเป็นระเบียบ ภายในห้องโล่ง ๆ หยกได้ปูเสื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมชุด

สีขาว พร้อมกับมีผ้าผืนบางปิดหน้าใส่แว่นตา ปิดบังใบหน้าของเธอเอาไว้

“นี่หนูลินแม่หมอจะทำนายแม่นจริงหรือเปล่าจ๊ะ อย่าทำให้น้าเสียเวลาเชียวนะ แต่ถ้าแม่หมอทำนายแม่นกว่าตำหนักอื่นที่น้าเคยไปละก็ รับรองค่าไหว้ครูน้าจัดเต็มอย่างแน่นอน และจะพาเพื่อนมาที่นี่แทน”

“โธ่ คุณน้ากชเชื่อได้เต็มร้อยค่ะว่าแม่หมอคนนี้ ทำนายได้แม่นอย่างกับตาเห็น ถ้าครั้งนี้คุณน้าผู้ชายเจรจาธุรกิจหลายร้อยล้านสำเร็จ คุณน้าอย่าลืมสนับสนุนค่าน้ำค่าไฟ ทำบุญกับแม่หมอเยอะ ๆ ด้วยนะคะ” ถ้าไม่ได้หยกทักแม่ของเธอ ป่านนี้พ่อของเธอคงจะเป็นม่ายไปแล้ว

“เชิญนั่งก่อนสิ ไม่ทราบว่าคุณนายต้องการให้ฉันทำนาย

เรื่องอะไร บอกชื่อและนามสกุลคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาด้วยล่ะ”

หยกเริ่มถามกับลูกค้าคนแรกทันทีที่ไพลินพาเข้ามาด้านในบ้านเช่า

“เอ่อ แม่หมอช่วยทำนายเรื่องเจรจาธุรกิจของสามีฉันหน่อย

เจ้าค่ะ สามีฉันชื่อชนิน นามสกุลญาณณนนท์ เจ้าค่ะ พอดีสามีของฉัน

จะเดินทางไปเจรจาเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวที่ต่างประเทศ ก็เลย

อยากรู้ว่าครั้งนี้จะสำเร็จอย่างที่หวังไว้หรือไม่น่ะเจ้าค่ะ” เพราะสามี

ของกชนิภายอมทุ่มเงินหมดหน้าตักกับธุรกิจในครั้งนี้

“รบกวนคุณนายวางมือบนโต๊ะด้านหน้า จะได้เริ่มทำนาย

เรื่องที่คุณนายอยากรู้กันเลย”

เมื่อกชนิภาวางมือลงบนโต๊ะ หยกจึงใช้มือสัมผัสลงไปที่ฝ่ามือ เพียงชั่วพริบตาเรื่องเกี่ยวกับสามีของกชนิภาก็ปรากฏให้เห็น

ภาพต่าง ๆ ที่หยกเห็นมันเกิดขึ้นเร็วมาก แค่หนึ่งนาทีเธอ

ก็สรุปเรื่องราวได้ทันที

“เฮ้อ คุณนายสามีของคุณนายเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่บ้างใช่ไหม”

“ชะ ชะ ใช่เจ้าค่ะแม่หมอ คุณชนินมักจะอารมณ์ร้อน เวลาทำอะไรมักต้องการให้สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก” กชนิภาไม่คิดว่าหยกจะรู้ถึง

นิสัยของสามีเธอ ซึ่งคนอื่นที่เธอเคยไปดูดวงไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเธอสักครั้ง

“ทีนี้เชื่อหรือยังคะคุณน้าว่าแม่หมอของลินแม่นมากจริง ๆ”

“หากคุณนายอยากให้สามีเจรจาธุรกิจครั้งนี้สำเร็จ ต้องทำตามคำแนะนำของฉันอย่างเคร่งครัด หลังจากประสบความสำเร็จแล้ว

สามีของคุณนายรวมถึงทุกคนในครอบครัว จงทำบุญครั้งใหญ่กราบไหว้บรรพบุรุษและทำทานกับบ้านเด็กกำพร้า หากทำเป็นประจำทุกปีได้

จะยิ่งส่งผลให้ธุระกิจมีคนอยากมาร่วมลงทุนมากขึ้น” แม้จะมีวิธีแก้ให้

แต่หยกก็อยากให้คนที่ประสบความสำเร็จ ได้ช่วยเหลือผู้อื่นที่ลำบากบ้างถึงจะไม่มากก็ตาม

“จริงเหรอคะแม่หมอเชิญแม่หมอบอกมาได้เลย ฉันจะให้สามี

ทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเจ้าค่ะ” กชนิภาดีใจมาก

“ให้สามีของคุณนายงดเว้นเนื้อสัตว์เป็นเวลาเจ็ดวัน นั่งสมาธิควบคุมลมหายใจและอารมณ์ให้นิ่ง มีสติให้มากยามที่เจรจาเรื่องธุรกิจหากทำได้ย่อมสมหวังอย่างแน่นอน”

“ขอบคุณแม่หมอมากเจ้าค่ะ แล้วแม่หมอคิดค่าดูเท่าไหร่เจ้าคะ”

“อยู่ที่ความศรัทธาของคุณนาย รอให้เรื่องที่ทำนายผ่านพ้น

ไปก่อน แล้วค่อยกลับมาทำบุญกับแม่หมอคนนี้เถิด” หยกบอกกับกชนิภาอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

“ใช่ค่ะคุณน้าถือว่าเป็นการซื้อใจกันในครั้งแรกเถอะนะคะ ถึงยังไงแม่หมอก็อยู่ที่นี่ไม่ย้ายไปไหนอยู่แล้วค่ะ อย่างที่ลินบอกกับคุณน้า

ไว้ก่อนหน้านี้ยังไงล่ะคะ”

“เอางั้นเหรอ ตกลงฉันจะทำตามที่แม่หมอบอกก็นะเจ้าคะ

วันนี้ต้องขอตัวกลับไปคุยกับสามีเสียก่อนไว้เจอกันใหม่เจ้าค่ะ”

ไพลินอาสาเดินออกไปส่งกชนิภาถึงหน้าปากซอย ก่อนจะกลับมานั่งเล่นกับหยกอย่างที่เคยทำที่บ้านเช่าอีกครั้ง ทั้งสองคนเฝ้ารอให้ถึงวัน

ที่คำทำนายจะเกิดขึ้นจริง และภาวนาให้สามีของกชนิภาทำตามคำแนะนำของหยกด้วยเช่นกัน

ด้านกชนิภากลับไปบอกเล่าเรื่องคำทำนายกับสามี และขอให้เขาทำตามที่หยกได้แนะนำเอาไว้ ยังดีที่สามีของเธอไม่ได้ต่อต้าน ลองทำตามก็ไม่เสียหายเพราะว่าแม่หมอคนนี้พูดถูก เรื่องที่เขาเป็นคนอารมณ์ร้อนยามต้องการให้งานได้ดั่งใจเสมอ เมื่อถึงกำหนดบินไปต่างประเทศ

เพื่อเจรจาธุรกิจ ทำให้ชนินมีสติควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดี จนประสบผลสำเร็จอย่างที่หยกพูดไว้ เขาได้เป็นตัวแทนเพียงแห่งเดียวในประเทศ

คนที่ดีใจมากและเชื่อสุดใจ กับคำทำนายคงหนีไม่พ้นกชนิภา

เมื่อได้รับข่าวดีจากสามี เธอจึงรีบนำเงินสดใส่ซองมามอบให้กับหยก

ถึงหนึ่งแสนบาท หากเทียบกับธุรกิจที่สามีเจรจากลับมาได้ เงินแค่

หนึ่งแสนถือว่าเป็นเรื่องเล็กจ้อยสำหรับกชนิภาไปแล้วในตอนนี้

จนกระทั่งเหล่าเพื่อน ๆ ในวงธุรกิจ หรือคุณหญิงคุณนายทั้งหลาย ต่างพากันมาสอบถามเรื่องแม่หมอกับกชนิภามากมาย ตั้งแต่

นั้นเป็นต้นมา หยกจึงมีลูกค้าประจำที่มีฐานะร่ำรวยเท่านั้น เพราะเธอ

ไม่อยากถูกคนที่ทำอาชีพดูดวงรุมกระทืบตาย

นับตั้งแต่ได้เงินก้อนแรกจากกชนิภา หยกและไพลินก็พอมีเงินเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น รวมถึงแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปทำบุญกับพี่น้อง

บ้านเด็กกำพร้า ที่ได้ดูแลเลี้ยงดูเธอจนเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ หยกยังคงทำงานเป็นลูกจ้างธรรมดา และไพลินยังคงเป็นนายหน้าหาลูกค้า

มาให้หยกเช่นเดิม

แต่ชีวิตคนเราจะอยู่บนโลกนี้ เพื่อชดใช้เวรกรรมได้นานกี่ปี

ไม่มีใครรู้ เพราะหยกก็ไม่สามารถรู้อนาคตของตนเองได้เช่นกัน ว่าในวัน

ที่เธอมีอายุครบยี่สิบปีจะเป็นวันตายของเธอเอง หยกได้พบกับลูกค้า

คนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลมากเขามาหาเธอด้วยความเครียด และต้องการรู้ชะตาชีวิตของตัวเองเพื่อหลบเลี่ยงศัตรู หยกได้ทำการดูดวงชะตาให้

และพบว่าเขาจะต้องเผชิญกับอันตรายที่ใหญ่หลวง ต้องทำตามคำแนะนำของเธอเท่านั้นถึงจะผ่านไปได้

แต่เมื่อเธอบอกคำทำนายนี้ เขากลับไม่พอใจและคิดว่าเธอ

เป็นเพียงนักต้มตุ๋น และสั่งให้บอดี้การ์ดข้างกายจัดการฆ่าปิดปากหยก

พร้อมกับเผาบ้านเช่าหลังน้อย กว่าจะมีคนแจ้งเจ้าหน้าที่บ้านที่อยู่

มาหลายปี ก็เหลือเพียงเศษเถ้าถ่าน และร่างที่ดำเป็นตอตะโกของหยกเท่านั้น

“เกิดชาติหน้าฉันท์ใด ขอให้หนูได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว

ที่มีฐานะร่ำรวยมีกินมีใช้ ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเหมือนชาตินี้ด้วยเทอญ”

“หืม เอิ้กกก อืม พรึ่บ!! ตุบ คร่อกกกก”

“เฮ้ย!! ตาแก่ตายแน่เรื่องใหญ่แล้วไหมเล่าเรื่องนี้ข้าไม่เกี่ยวนะ เจ้าส่งนางไปเองก็รับผิดชอบคนเดียวก็แล้วกันข้าไปล่ะ พรึ่บ!”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status