แชร์

ตอนที่ 7 จำนนต่อหลักฐาน

ผู้เขียน: ต้าซินซิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-03 22:37:45

เมื่อทั้งสามคนเดินมาถึงห้องส่วนตัวขนาดกลาง มีนักบวชคอยเฝ้าเอาไว้สองคน ก่อนจะเข้าไปได้ย่อมมีค่าผ่านประตู เรื่องนี้อวี้จิ่นย่อมเห็นจากภาพนิมิตมาแล้วจึงอาสาจัดการเอง

“เดี๋ยวก่อนประสกทั้งสาม หากต้องการใช้ห้องสวนมนต์แห่งนี้ พวกท่านทราบถึงกฎเกณฑ์ของทางวัดแล้วหรือไม่”

“คารวะไต้ซือเจ้าค่ะ คุณชายของข้าเพิ่งมาจากต่างเมือง เพื่อมาขอพรเกี่ยวกับการทำงานครั้งใหญ่ เห็นว่าที่วัดของตระกูลอวี่มีผู้คนเคารพนับถืออย่างมาก จึงอยากมากราบไหว้สักครั้ง ส่วนเรื่องกฎของทางวัด ข้าทราบเป็นอย่างดีว่าต้องทำอย่างไร ของในตะกร้าใบนี้หวังว่าไต้ซือจะอนุญาตให้คุณชายของข้า ได้เข้าไปสวดมนต์เป็นการส่วนตัวนะเจ้าคะ” พวกเห็นแก่เงินจะไม่รับไว้ได้อย่างไร ในตะกร้านั่นมีก้อนตำลึงเงินอยู่หลายก้อนเชียวนะ

“อืม เมื่อประสกตัวน้อยรู้จักทำตามกฎของวัด คุณชายของท่านย่อมสามารถเข้าไปสวดมนต์ด้านในได้ เชิญ” ไต้ซือตัวปลอมมัวแต่สนใจก้อนตำลึงในถุงผ้าใบเล็กในตะกร้าจึงไม่เอะใจคำพูดของอวี้จิ่นเท่าใดนัก

“ขอบคุณไต้ซือเจ้าค่ะ ที่เห็นใจชาวบ้านอย่างเรา เชิญคุณชายเข้าไปสวดมนต์เถิด งานที่ท่านหวังไว้จะได้สำเร็จโดยเร็วนะเจ้าคะ” อวี้จิ่นหันไปเชื้อเชิญฟู่หลงเหยียนเข้าไปในห้องสวดมนต์

“คงไม่เป็นการรบกวนไต้ซือมากนัก หากคนของข้าจะยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้าประตู เป็นเพื่อนพวกท่านใช่หรือไม่” เขาต้องการให้เฉิ่นอิ่นจับตาดูไต้ซือสองคนนี้เอาไว้ต่างหาก

“ไม่เป็นการรบกวนอันใด นี่เป็นเรื่องปกติของเหล่าประสก เพราะต้องการความเป็นส่วนตัวไม่ต้องการให้มีใครมารบกวน” เมื่อมีคนจ่ายเงินให้คนเหล่านั้นจะทำอะไรก็ได้ตามสบาย

ฟู่หลงเหยียนก้มศีรษะเล็กน้อยตามมายาท ก่อนจะเดินเข้าห้องไปด้านหลังคืออวี้จิ่น ผู้ทำหน้าที่เป็นสาวใช้และต้องไปเปิดที่ซ่อนหลักฐาน ทั้งสองต้องแสร้งทำเป็นไหว้พระสวดมนต์เสียก่อน เพื่อให้ไต้ซือสองคนนั่นไม่ระแวงจนเกินไป เมื่อแน่ใจแล้วว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน อวี้จิ่นพาฟู่หลงเหยียนเดินไปด้านหลังพระพุทธรูปองค์ใหญ่ทันที

“นี่ ๆ คุณชายฟะ..”

“หือ..”

“อะ เอ่อ พี่ชายฟู่ท่านรอรับหลักฐานอยู่ด้านล่างก็แล้วกัน เพราะข้ารู้ว่ากลไกเปิดช่องลับอยู่ส่วนไหน อีกอย่างท่านช่วยส่งข้าขึ้นไปยืนตรงฐานด้านบนหน่อยสิเจ้าคะ ตัวข้าก็แค่นี้วรยุทธ์ก็ไม่มีขึ้นไปเองไม่ได้เจ้าค่ะ แหะ ๆ ๆ” อวี้จิ่นพูดจบทำเอาคนฟังถึงกับส่ายหน้า

“ได้ เจ้าเองขึ้นไปยืนด้านบนก็ระวังตัวด้วยเล่า เกิดเหยียบพลาดร่วงลงมาจะบาดเจ็บเอาได้เข้าใจไหม”

“เจ้าค่ะข้าจะระวังตัวให้มาก แต่ถ้าเกิดร่วงลงมาจริง ๆ ก็ยังมีพี่ชายฟู่รอรับอยู่มิใช่หรือเจ้าคะ หรือท่านจะปล่อยให้ข้าลงไปนอนบนพื้น คิ คิ คิ”

“พรึ่บ! รีบลงมือเข้าเถิด นานเกินไปพวกนั้นจะสงสัยเอาได้”

“อื้ม”

ฟู่หลงเหยียนไม่ตอบ เขาพาอวี้จิ่นขึ้นยืนบนฐานพระด้วยวิชาตัวเบา และลงมายืนรอรับหลักฐานตามที่นางบอกเอาไว้ ส่วนอวี้จิ่นเมื่อหาที่จับได้แล้ว ก็เอื้อมมือไปดันกลไกที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน จากนั้นช่องลับค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ ด้านในช่องลับเต็มไปด้วยหลักฐาน ที่เจ้าเมืองเฉียนโจวให้คนสนิทนำมันมาซ่อนไว้ที่นี่

หลักฐานเล่มแล้วเล่มเล่าถูกอวี้จิ่นหยิบออกมา และโยนให้ฟู่หลงเหยียนรับไว้ ขณะที่นางกำลังจะบอกฟู่หลงเหยียนให้พานางลงไปด้านล่าง กลับเกิดเหตุการณ์ที่อวี้จิ่นคิดว่า มันเป็นความประมาทของตน แต่แท้จริงแล้วนางถูกคนที่มองไม่เห็นกลั่นแกล้งให้แล้วต่างหาก

“พี่ชายฟู่ อ๊ะ!!”

“อวี้จิ่นระวัง!!”

“หมับ!! ตุบ! อึก จุ๊บ!! ”

“ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!”

‘เสียงหัวใจเต้นแรงเช่นนี้เฉินอิ่นต้องได้ยินเป็นแน่’

‘นางหนูข้าช่วยเจ้าเพิ่มความใกล้ชิดกับเนื้อคู่ให้แล้วนะ ฮ่า ๆ ๆ”

ฟู่หลงเหยียนช่วยรับร่างของอวี้จิ่น ที่ร่วงลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ร่างของเขาล้มลง โดยมีร่างบางทับร่างของเขาเอาไว้ แต่เสียงหัวใจจะไม่ดังถึงเพียงนี้ หากว่าริมฝีบางของอวี้จิ่นจะไม่ประกบลงมา บนริมฝีปากหนาของฟู่หลงเหยียนอย่างจัง และแน่นอนว่าสิ่งที่ฟู่หลงเหยียนคิดนั้น เฉินอิ่นย่อมได้ยินเพียงแต่เฉินอิ่นจะบุ่มบ่ามเข้ามาด้านในไม่ได้ หากเจ้านายไม่เรียก

‘เกิดอะไรขึ้นด้านในกันแน่ เหตุใดเสียงหัวใจของทั้งสองถึงเต้นแรงเช่นนั้น’

แม้จะรู้สึกถึงแรงเต้นของหัวใจตนเอง แต่ยังคงเป็นฟู่หลงเหยียนที่ได้สติ และถามไถ่อวี้จิ่นด้วยกลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บ

“จิ่นเอ๋อร์! เจ้าบาดเจ็บที่ใดหรือไม่ พี่บอกให้ระวังอย่างไรเล่า หากพี่ไม่อยู่ตรงนี้เกิดร่วงลงมาแขนขาหักจะทำอย่างไร”

“เอ่อ ไม่เจ็บตรงไหนเลยเจ้าค่ะ แต่คำถามนี้ควรเป็นข้าที่ต้องถามท่านมากกว่า ว่าเจ็บที่ใดหรือไม่เพราะว่าท่านเข้ามารับข้าเอาไว้ แล้วก็ล้มหลายหลังไปเช่นนี้ อย่างไรก็น่าจะเจ็บอยู่ไม่น้อยนะเจ้าคะ” อวี้จิ่นคิดว่าต้องเป็นนางที่ถามมากกว่า

“อย่าทำเป็นเล่นนะจิ่นเอ๋อร์ ถ้าหากครั้งต่อไปเจ้าไม่โชคดีเช่นนี้เล่า ช่างเถอะ ๆ ต่อไปอย่าเอาตัวเจ้าไปเสี่ยงกับอันตรายอีกเข้าใจไหม” ฟู่หลงเหยียนเอ่ยเตือนร่างบางอย่างจริงจัง เพราะเขาคิดว่านางน่าจะดื้อรั้นไม่น้อย

“เจ้าค่ะ”

“เฮ้อ ที่ดุเจ้าเพราะเป็นห่วงอย่าได้แปลความหมายเป็นอื่น เอาล่ะมาช่วยกันเก็บหลักฐานทั้งหมดก่อนเถิด จะได้ไปจากที่นี่เสียที” ฟู่หลงเหยียนเห็นอวี้จิ่นรับคำเสียงอ่อย จึงรีบอธิบายถึงเหตุผลที่เขาดุนาง

“พี่ชายฟู่ท่านสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่มา เช่นนั้นเก็บหลักฐานพวกนี้ วางบนผ้าห่อให้มิดชิด แล้วผูกไว้กับตัวของท่านเถิดเจ้าค่ะ พวกไต้ซือตัวปลอมนั่นจะได้ไม่สงสัยนะเจ้าคะ”

“อืม ทำตามวิธีของเจ้าก็แล้วกัน”

เมื่อทำตามวิธีที่อวี้จิ่นบอกเสร็จเรียบร้อย ฟู่หลงเหยียนไม่ลืมเรื่องช่องลับ เขากระโดดขึ้นไปกดกลไกให้ช่องลับปิดไว้เช่นเดิมอีกครั้งและทั้งสองคนยืนอยู่เงียบ ๆ ราวหนึ่งถ้วยชา ก่อนที่ฟู่หลงเหยียนจะส่งเสียงเรียกเฉินอิ่นให้เปิดประตู

“เฉินอิ่น”

“เชิญนายน้อยขอรับ”

“ข้าต้องขอบคุณไต้ซือทั้งสองที่ต้อนรับเป็นอย่างดี หากงานของข้าสำเร็จลุล่วงตามที่ได้ขอพรไว้ รับรองว่าข้าจะกลับมาตอบแทนให้กับวัดประจำตระกูลอวี่อย่างยิ่งใหญ่แน่นอน” ใช่แล้วเขาจะตอบแทนให้ที่นี่กลายเป็นวัดร้าง

“โอ้ ขอบคุณประสกที่มีจิตเมตตามาทำบุญที่วัดแห่งนี้ งานของท่านต้องประสบความสำเร็จท่านสบายใจเถิด” ไต้ซือตัวปลอมทั้งสอง มองแขกของวัดว่าคนเหล่านี้เป็นคนโง่เขลา

“เช่นนั้นข้าต้องขอตัวกลับก่อน”

เฉินอิ่นเห็นเจ้านายแอบยกยิ้มพร้อมสายตาที่ดุร้าย เขาก็เดาออกได้อย่างง่ายดาย ว่าภารกิจในครั้งนี้ใกล้จะสำเร็จแล้วนั่นเอง

หลังจากลงมาถึงเชิงเขาอวี้จิ่นยังคงขี่เจ้าเสี่ยวเฟิง โดยมีเจ้าของอย่างฟู่หลงเหยียนนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง ทั้งสามคนขี่ม้าเข้าเมืองเฉียนโจวและมุ่งหน้าไปยังจวนหลังหนึ่ง ที่ยามนี้ใช้เป็นสถานที่คุมขังเจียนฉือลูกน้องของเจ้าเมือง ฟู่หลงเหยียนต้องการให้อวี้จิ่นอยู่ที่จวนหลังนี้กับตงลู่ตอนที่เขาไม่อยู่ เนื่องจากเขามีภารกิจให้อู๋จิ้งไปทำ ระหว่างที่เข้าไปจับกุมเจ้าเมืองเฉียนโจว

“ยู๊วววว!! ตุบ”

“หืม พี่ชายฟู่เหตุใดไม่พาข้าไปส่งที่โรงเตี๊ยมล่ะเจ้าคะ ท่านพาข้ามาที่จวนหลังนี้ทำไมกัน”

“จิ่นเอ๋อร์ที่พี่ต้องพาเจ้ามาที่นี่ เพราะอีกประเดี๋ยวกลางเมืองเฉียนโจวจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น และผู้คนอาจจะทำให้สถานการณ์วุ่นวาย เจ้าอยู่ที่นี่กับตงลู่จะปลอดภัยมากกว่า หากจบเรื่องแล้วอีกสองวันพวกเราจะออกเดินทางกลับเมืองหลวง เจ้าเข้าใจที่พี่พูดหรือไม่” เพราะยามเกิดเหตุวุ่นวายพวกคนชั่ว มักฉวยโอกาสทำเรื่องผิดกฎหมายอยู่เสมอ

“อ้อ เรื่องนี้เองหรือเจ้าคะ ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะพี่ชายฟู่ทำงานอย่างสบายใจเถิด ข้าจะรออยู่ที่นี่กับพี่ตะ เอ๊ย! น้าตงลู่เจ้าค่ะ” พูดผิดแค่นิดเดียวก็ทำหน้าบูดบึ้งเลยเชียว

“อืม เข้าใจก็ดีแล้ว”

แต่คนที่ไม่เข้าใจคงจะเป็นเฉินอิ่นและอีกสองคน ที่เพิ่งเดินมาถึงและทันได้ยินสิ่งที่เจ้านายของตน พูดกับสตรีร่างบางคนนี้ต่างหาก

‘จิ่นเอ๋อร์? พี่? ข้าเป็นน้าของนางตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

“ตงลู่”

“ขอรับนายน้อย”

“พาจิ่นเอ๋อร์เข้าไปอยู่ในจวนดูแลนางให้ดีข้ารู้ว่าเจ้าเข้าใจคำสั่งนี้”

“รับทราบขอรับนายน้อย เชิญคุณหนูอวี้จิ่นเข้าไปพักผ่อนในจวนขอรับ” ลองทำอะไรไม่ถูกใจหญิงสาวให้เจ้านายรู้ดูสิ แล้วจะรู้ว่านรกบนดินที่แท้จริงเป็นอย่างไร

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” อวี้จิ่นจำต้องทำตามที่ฟู่หลงเหยียนบอก เพราะยามนี้นางอยากออกเดินทางไปเมืองหลวงแล้ว

“ส่วนเจ้าอู๋จิ้ง”

“เชิญนายน้อยมีคำสั่งมาเถิดขอรับ”

“เจ้าใช้ป้ายคำสั่งไปที่หน่วยทหารรักษาเมืองเฉียนโจว จากนั้นนำกำลังทหารตามไปล้อมจวนเจ้าเมืองเอาไว้ หากมีใครหลบหนีออกมาจับตัวเอาไว้ทุกคน ถ้ามีใครกล้าต่อสู้ขัดขืนประหารได้ทันที” เนื่องจากฟู่หลงเหยียนมีป้ายทองผู้สำเร็จราชการจากฮ่องเต้ เขาสามารถลงโทษประหารก่อนแล้วค่อยถวายรายงานทีหลังได้

“รับทราบขอรับนายน้อย”

“เฉินอิ่นวันนี้เจ้าคงจะได้ออกแรงมากหน่อย อย่าปล่อยให้พวกมันหลุดมาถึงมือของข้าล่ะ”

“นายน้อยโปรดวางใจใครกล้าขัดขืนย่อมได้รับโทษตายขอรับ”

“อืม ไปกันได้แล้ว”

“ขอรับ”

ฟู่หลงเหยียนไม่ห่วงเรื่องอวี้จิ่นเมื่อมีตงลู่คอยดูแล สิ่งที่เขาคิดคือการทำภารกิจให้สำเร็จโดยเร็ว และพานางกลับเมืองหลวงเพื่อตามหาครอบครัว ซึ่งคาดว่าจิ้งโม่คงใกล้สืบได้ข้อมูลตามที่ต้องการแล้ว

ณ จวนเจ้าเมืองเฉียนโจว

ผู้ครองตำแหน่งอย่างอวี่เซิน กำลังนั่งเอกเขนกท่ามกลางเหล่าอนุคนงามทั้งหลาย ที่ล้อมหน้าล้อมหลัง ป้อนน้ำชาป้อนผลไม้ราคาแพงอย่างเอาใจ ส่วนฮูหยินเอกมิได้สนใจเรื่องนี้ เนื่องจากนางกำลังตรวจสมุดบัญชีที่มีเงินมากมายมหาศาล ที่ตัวนางและบรรดาบุตรชายบุตรสาวจะใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมด แต่ความสุขมักจะอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเงินทองได้มาอย่างไม่ถูกต้อง

อู๋จิ้งทำงานได้รวดเร็วเช่นทุกครั้ง หลังจากฟู่หลงเหยียนมาถึงจวนเจ้าเมืองไม่ถึงหนึ่งเค่อ อู๋จิ้งก็นำทหารรักษาเมืองมาสมทบกับเขาที่นี่แล้ว

“ข้าน้อยนายกองจั๋ว คารวะใต้เท้าฟู่ขอรับ”

“นายกองจั๋วรบกวนท่านแบ่งทหารล้อมจวนไว้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนที่เหลือตามเข้าไปด้านใน เพื่อยึดทรัพย์สินทั้งหมดของนักโทษ” ฟู่หลงเหยียนสั่งการกับนายกองจั๋วให้เริ่มลงมือ

“รับทราบขอรับใต้เท้าฟู่ ซวนเหอเจ้าคอยดูแลกำลังทหารที่ล้อมจวน และทำตามคำสั่งของใต้เท้าฟู่อย่าให้เกิดข้อผิดพลาดได้”

“ขอรับ”

เมื่อข้ามธรณีประตูจวนเข้ามา ฟู่หลงเหยียนออกคำสั่งให้ทหารค้นจวนหลังนี้ให้ทั่ว และจับตัวทุกคนมารวมไว้ที่ลานกว้างหน้าเรือนใหญ่

“ค้นให้ทั่วจับทุกคนไม่มีการยกเว้น ยึดทรัพย์สินทั้งหมด อย่าให้เหลือแม้แต่เศษเหรียญอีแปะไว้ที่จวนหลังนี้เด็ดขาด”

“ขอรับ!”

“เฉินอิ่น! อู๋จิ้ง! เปิดทาง” แค่คำพูดสั้น ๆ คนสนิทอย่างเฉินอิ่นย่อมเข้าใจได้ไม่ยาก

“ทราบแล้วขอรับนายน้อย”

เฉินอิ่นกับอู๋จิ้งได้ยินคำสั่งนี้ จึงออกเดินนำหน้าเจ้านาย พบเจอองครักษ์ของอวี่เซินคนไหนก็สังหารคนนั้น จนเสียงการต่อสู้ดังเข้าไปใกล้เรือนใหญ่เรื่อย ๆ อวี่เซินถึงกับตะโกนถามพวกบ่าวไพร่ ว่าเกิดอะไรขึ้นในจวนของตน

อ๊ากกกก!! ฉัวะ เคร้ง เคร้ง ฉัวะ อึก กรี๊ดดด!! ช่วยด้วย!

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!! พวกเจ้าวิ่งหนีอะไรกัน หรือว่าจะมีกลุ่มโจรบุกเข้ามาปล้นจวนของข้างั้นรึ ไม่ได้การแล้วข้าต้องไปซ่อนเงินไว้ให้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นพวกโจรต้องขนไปจนไม่เหลือแน่” อวี่เซินยังคงเข้าใจว่า คนที่บุกมาเป็นกลุ่มโจร เนื่องจากมีเสียงการต่อสู้ให้ได้ยิน

“ใต้เท้า ๆ รีบหนีเร็วเข้าคนที่มาฝีมือร้ายกาจนัก พวกข้าต้านไว้ไม่อยู่แล้ว ยังมีนายกองจั๋วที่พากำลังทหารมาสมทบด้วยขอรับ” หวู่ชิงรีบวิ่งมาบอกให้อวี่เซินหลบหนี เพราะลูกน้องของตนไม่สามารถต้านกำลังทหาร รวมถึงเฉินอิ่นและอู๋จิ้งได้

“จะ จะ เจ้าว่าพวกนั้นไม่ใช่โจรแล้วยังมีนายกองจั๋วเฟิงนั่นอีกรึ”

“ถึงวันนี้เจ้าจะมีปีกบินก็หนีไปไหนไม่พ้น นักโทษอวี่เซินเจ้าจงคุกเข่าลง ยอมให้พวกข้าจับตัวเสียดี ๆ หากยังไม่อยากตายตอนนี้” ฟู่หลงเหยียนทันได้ยินหวู่ชิงบอกให้นายของตนรีบหลบหนี

“เจ้าเป็นใคร! ถึงได้กล้าพานายกองจั๋วบุกเข้ามาในจวนของข้า รู้หรือไม่ว่าผู้อยู่เบื้องหลังของข้าเป็นใคร หากคนผู้นั้นรู้ถึงสิ่งที่เจ้าทำในวันนี้ รับรองว่าชีวิตของเจ้ากับครอบครัวจะหายไปในพริบตา” อวี่เซินอ้างบารมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังของตนเพื่อข่มขู่ฟู่หลงเหยียน

“หึ ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ นี่เจ้ากำลังข่มขู่นายน้อยของพวกข้าเช่นนั้นหรือ แม้แต่ฮ่องเต้นายน้อยของพวกข้ายังไม่กลัว เจ้าคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของเจ้า นายน้อยของข้าจะกลัวจนตัวสั่นยามที่เจ้าพูดถึงหรืออย่างไร” เฉินอิ่นตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้า

“ก็แค่องค์ชายหกกับเสนาบดีกรมขุนนาง จะมีอำนาจเหนือฝ่าบาทได้อย่างไร พวกเจ้ากล้าทำเรื่องผิดกฎหมายร้ายแรงของแคว้นจ้าว ย่อมรู้ดีถึงโทษที่จะได้รับเมื่อถูกทางการจับตัวได้” อู๋จิ้งไม่ยอมน้อยหน้าสหายจึงพูดสำทับขึ้นไปอีก

“หึ จะจับคนต้องมีหลักฐานมิใช่หรือ ว่าข้ากระทำความผิดร้ายแรงตามกฎหมายของแคว้นจ้าว หากมีหลักฐานก็เอาออกมายืนยันสิอย่าพูดปากเปล่าใส่ร้ายผู้อื่น” อวี่เซินยังคงหาทางรอดให้ตนเอง

“อ้อ หลักฐานที่เจ้าพูดถึง ใช่ที่นำไปซ่อนไว้ในช่องลับด้านหลังพระพุทธรูป บนวัดประจำตระกูลอวี่ของเจ้าหรือไม่ ถ้าเจ้าหมายถึงหลักฐานพวกนั้นแล้วละก็ ยามนี้มันอยู่ในมือข้าทั้งหมดแล้ว เช่นสมุดบัญชีเล่มนี้เป็นอย่างไร เท่าที่ข้าอ่านผ่าน ๆ น่าจะเป็นรายได้เมื่อสามเดือนก่อน” ฟู่หลงเหยียนรู้ว่าอวี่เซินจะมาไม้นี้ เขาจึงเตรียมหลักฐานมาด้วยหนึ่งเล่ม

“มะ มะ ไม่จริงเป็นไปไม่ได้!! เจ้าจะรู้ที่ซ่อนนั้นได้อย่างไร แม้แต่คนในครอบครัวของข้ายังไม่มีใครรู้ นั่นต้องเป็นของปลอมแน่เจ้าทำมันขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายข้า ใช่! ใช่แล้วในมือเจ้าเป็นหลักฐานปลอม” อวี่เซินไม่ยอมรับความจริง ว่าสมุดบัญชีที่อยู่ในมือฟู่หลงเหเยียนคือของจริง

“ใต้เท้ารีบหนีไปข้าจะขวางพวกมันไว้ท่านรีบไปเร็วเข้า!”

อวี่เซินได้ยินเช่นนั้นก็หันหลังวิ่งหาทางหนีทันที แต่ฟู่หลงเหยียนจะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร

“เฉินอิ่นเจ้าจัดการทาสผู้ซื่อสัตย์คนนี้ให้ข้า ส่วนนักโทษอวี่เซินยกให้อู๋จิ้งไปตามจับตัวกลับมา ข้าให้เวลาแค่หนึ่งจิบชาเท่านั้น”

“ขอรับนายน้อย/ขอรับนายน้อย”

ฟู่หลงเหยียนเดินไปนั่งรอคนสนิท ยังโต๊ะกลางสวนดอกไม้ปล่อยให้คนสนิทได้ทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนนายกองจั๋วพาทหารอีกส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจค้นในเรือนใหญ่ เผื่อว่าอวี่เซินจะซุกซ่อนสิ่งใดไว้ที่เรือนแห่งนี้

ทางด้านของเฉินอิ่นใช้แค่ไม่กี่กระบวนท่า ก็สังหารหวู่ชิงได้แล้ว ส่วนอวี่เซินวิ่งหนีไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกอู๋จิ้งจับตัวกลับมา ซึ่งตอนนี้ทุกคนในครอบครัวพร้อมกับบ่าวไพร่ทั้งหมด ถูกนำตัวมานั่งรวมกันยังลานกว้างหน้าเรือนใหญ่

“นักโทษอวี่เซินกระทำความผิดร้ายแรงฐาน ลักลอบค้าเกลือเถื่อนไม่ทำหน้าที่เจ้าเมือง ปล่อยปละละเลยความเป็นอยู่ของชาวบ้าน อีกสองวันจะนำตัวนักโทษอวี่เซินและครอบครัว เดินทางกลับเมืองหลวง เพื่อรับการไต่สวนจากกรมอาญา และรอรับโทษจากฮ่องเต้

ส่วนบ่าวไพร่ทั้งหมดเนรเทศไปใช้แรงงานที่ชายแดน รบกวนนายกองจั๋วช่วยจัดการขังนักโทษ รวมถึงส่งบ่าวไพร่

ไปชายแดนด้วย” ฟู่หลงเหยียนประกาศความผิดของอวี่เซิน ต่อหน้าคนในครอบครัวเมื่อทุกคนถูกจับมานั่งรวมกันทั้งหมด

“ข้าน้อยจะจัดการให้เรียบร้อยขอใต้เท้าฟู่โปรดวางใจ เกวียนที่ใช้ขนนักโทษเข้าเมืองหลวง และทรัพย์สินที่ยึดได้ทั้งหมด

ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าน้อย กับทหารรักษาเมืองเองขอรับ” ที่ผ่านมาเขาถูกข่มขู่เอาชีวิตคนในครอบครัว จึงไม่สามารถขัดขวางการค้าเกลือเถื่อนของอวี่เซินได้

“ขอบใจนายกองจั๋วเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”

“ใต้เท้าฟู่ค่อย ๆ เดิน”

ที่ฟู่หลงเหยียนฝากฝังกับนายกองจั๋ว ไม่ใช่เพราะเขาขี้เกียจแต่อย่างใด แค่ต้องการกลับไปดูอวี้จิ่นว่ายามนี้นางกำลังทำสิ่งใด จะดื้อรั้นจนตงลู่ปวดหัวจนตามใจนางหรือไม่มากกว่า แต่ฟู่หลงเหยียนคิดผิดไปมากอวี้จิ่นมิได้ดื้อรั้น นางแค่ทำอาหารหลายอย่างจนตงลู่อยากกินทั้งหมดคนเดียว ซึ่งตงลู่ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น เพราะอาหารบนโต๊ะยังต้องแบ่งไว้ สำหรับเจ้านายอย่างฟู่หลงเหยียนและสหายของตนอีกสองคน ที่ยามนี้ทั้งสามคนกำลังขี่ม้ากลับมาด้วยความรวดเร็ว

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 8 ตระกูลเจียงของแม่ทัพใหญ่

    บนโต๊ะอาหารในจวนเช่าของฟู่หลงเหยียน ยามนี้มันเต็มไปด้วยอาหารหน้าตาแปลก ๆ แต่กลิ่นมันกลับหอมชวนให้ท้องร้องอยากกินเสียเดี๋ยวนั้น สาเหตุมาจากอวี้จิ่นไม่อยากนั่งอยู่เฉย ๆ นางจึงลุกไปยังห้องครัว และลงมือทำอาหารจากเนื้อและผักจากในมิติของตนโดยมีข้ออ้างกับตงลู่ว่า ตนเองแอบออกไปซื้อที่ตลาดมา และห้ามตงลู่บอกกับฟู่หลงเหยียนว่านางออกไปด้านนอก แต่ให้บอกว่าเขาคือคนที่ไปซื้อเนื้อกับผักพวกนี้ ตามคำขอของนาง อวี้จิ่นข่มขู่ตงลู่ด้วยอาหารบนโต๊ะนั่น ถ้าไม่ยอมทำตามที่นางบอกเขาจะอดกินมันอย่างแน่นอนคำข่มขู่ของอวี้จิ่นย่อมเป็นผล เมื่อตงลู่อยากชิมอาหารบนโต๊ะ ซึ่งมันไม่เหมือนอาหารที่เขาเคยทานมาก่อน ตงลู่ต้องออกจากห้วงความคิดของตน เมื่อได้ยินเสียงประตูจวนถูกเปิด เขารีบบอกให้อวี้จิ่นไปซ่อนตัวไว้ ส่วนตนเองจับดาบไว้แน่น ออกไปยืนซ่อนตัวอยู่ด้านหลังประตู แต่คนที่มากลับเป็นเจ้านายของตนมิใช่คนร้าย“แอ๊ดดด!! ชิ้ง!! พวกเจ้าปะ นายน้อย!!”“ตงลู่! นี่เจ้าอยากประลองฝีมือกับนายน้อย ถึงกับถือดาบมาดักรออยู่หลังประตูเชียวรึ” อู๋จิ้งเห็นตงลู่ชักดาบเมื่อประตูเรือนด้านหน้าเปิดออกจึงเรียกสหายทันที“ขออภัยขอรับนายน้อย บ่าวคิดว่ามี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-07
  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 9 แผนเพิ่มอำนาจของบ้านรองเจียง

    จิ้งโม่และมู่ฉีกลับที่พักของพวกตนทันที หลังจากออกมาจากค่ายทหาร ในจดหมายจิ้งโม่เขียนไว้อย่างละเอียด รวมถึงเรื่องที่เจียงหยวนกำลังออกเดินทางไปรอเจ้านาย อาจจะเป็นที่เมืองชางโจว เมื่อภารกิจสำเร็จทั้งสองจึงไปดื่มฉลองกันเล็กน้อยตามประสาบุรุษด้านแม่ทัพใหญ่ที่กลับมาถึงจวนในยามเซิน ได้สั่งให้พ่อบ้านเจียงไปแจ้งที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าว่า เย็นนี้เขาจะพาฮูหยินไปรับสำรับเย็นที่นั่น และบอกให้แม่ครัวเตรียมอาหารไว้มากกว่าเดิมสักหน่อย ก่อนที่ตัวของแม่ทัพใหญ่จะกลับไปชำระล้างร่างกายเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อไปพบฮูหยินที่ไม่ยอมออกจากจวนมาหลายปีมู่เสียสาวใช้คนสนิทของจางฮูหยิน เมื่อเห็นว่านายท่านของจวน มาพบนายหญิงของตนเร็วกว่าทุกวัน จึงจะเข้าไปบอกเจ้านายแต่ว่านางถูกนายท่านเรียกตัวเอาไว้เสียก่อน“มู่เสีย”“คารวะนายท่านเจ้าค่ะ”“เจ้าไม่ต้องไปรายงานน้องหญิง แต่ไปเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ดูชุดที่มีสีสันสดใสสักเล็กน้อยก็แล้วกัน วันนี้ข้าจะพานางไปรับอาหารเย็นที่เรือนท่านแม่” แม่ทัพใหญ่สั่งงานกับมู่เสีย ก่อนจะเข้าไปหาฮูหยินของตน ที่ยังคงมีสีหน้าไร้ชีวิตชีวาเช่นทุกวัน“เอ่อ เจ้าค่ะนายท่าน” มู่เสียทำท่าคล้ายมีคำถาม แต่ก็ต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-07
  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 10 เมืองหลวงรอข้าก่อนเถิด

    ตระกูลเจียงสายหลักและสายรองในเมืองหลวง กำลังต่อสู้กันอยู่อย่างเงียบ ๆ มีเพียงคนที่เป็นสหายเท่านั้น ที่รับรู้ว่าสองพี่น้องต่างแม่เกลียดกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร คนที่เป็นฝ่ายชนะมักจะเป็นแม่ทัพใหญ่อยู่เสมอทางด้านเมืองเฉียนโจว นายกองจั๋วได้เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เหลือเวลาอีกหนึ่งวัน ฟู่หลงเหยียนจะนำตัวนักโทษออกเดินทางเสียที แต่ในต้นยามเฉินฟู่หลงเหยียนก็ได้รับจดหมายจากจิ้งโม่“นายน้อยขอรับจดหมายจากจิ้งโม่น่าจะเพิ่งมาถึง คงเกี่ยวกับเรื่องของคุณหนูอวี้จิ่นนะขอรับ” เฉินอิ่นนำจดหมายออกจากขานกพิราบ ที่บินมาจากเมืองหลวงมอบให้เจ้านายของเขา“อืม ขอบใจ”ฟู่หลงเหยียนรับจดหมายมาเปิดอ่านที่เขียนมาสั้น ๆ แต่สามารถเข้าใจความหมายที่จิ้งโม่บอกมาเป็นอย่างดี‘ตระกูลเจียง คาดว่าทารกถูกสับเปลี่ยนและเป็นแผนร้ายของตระกูลสายรอง สหายของนายน้อยกำลังเดินทางไปสมทบ’“หึ นางเป็นบุตรสาวของตระกูลนี้จริง ๆ สินะ” เมื่อได้รับการยืนยันจากข่าวของจิ้งโม่ ฟู่หลงเหยียนจึงมั่นใจเต็มส่วน ว่าอวี้จิ่นคือบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ บิดาของสหายของตนอย่างเจียงหยวน“เอ่อ นายน้อยข่าวของจิ้งโม่ว่าอย่างไรบ้างหรือขอรับ เจอตระกูลครอบค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-07
  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 11 ข้าคือผู้ฟื้นจากความตาย

    หลังจากเข้ามาในเมืองซวนเหอ ฟู่หลงเหยียนพาอวี้จิ่นเข้าออกร้านเครื่องปรับไปสองร้านแล้ว แต่ว่านางก็ยังไม่เจอสิ่งที่ถูกใจ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนกันไปหมด ถึงกับบ่นในใจเงียบ ๆ ว่าคนที่ออกแบบเครื่องประดับไม่คิดลวดลายใหม่ ๆ บ้างหรืออย่างไร ขณะที่ทั้งสามกำลังจะเดินไปร้านใหม่ ก็มีเสียงเอะอะและเสียงร้องไห้ อวี้จิ่นที่ได้ยินเสียงเด็กที่ร้องไห้ก็ออกตัวเดินนำไปก่อนใคร“พวกไร้ประโยชน์!! เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ ให้ช่วยทำงานอะไรก็ไม่ได้เรื่อง พวกเจ้าสองคนทำข้าวของในบ้านข้าเสียหายไปเท่าไหร่แล้ว คิดว่าบ้านข้าร่ำรวยมีเงินซื้อชิ้นใหม่ทุกวันรึ ข้าเลี้ยงพวกเจ้าสองคนพี่น้องไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาต้องตอบแทนบุญคุณ พวกเจ้าถูกซื้อตัวโดยเศรษฐีเย่าแล้วรีบลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ข้าเหนื่อยจะพูดเต็มทีแล้วนะ!” เสียงสตรีวัยกลางคนที่ตะคอกเด็กสองพี่น้อง ที่ไม่มีการตอบโต้มิหน้ำซ้ำยังถูกทุบตีอย่างทารุณอวี้จิ่นแหวกทางผู้คนเข้ามาก็เห็นสตรีร่างท้วมดูมีอายุ สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาทั่วไปคล้ายชาวบ้าน ที่พอจะมีกินมีใช้กำลังพยายามดึงเชือกที่มัดเด็กชายกับเด็กหญิง พวกเขาน่าจะเป็นพี่น้องกันอายุคงไม่เกินสิบเอ็ดหรือสิบสองหนาว เสื้อผ้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-08
  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 12 นางคือน้องสาวของข้า

    เมื่อจบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองซวนเหอ วันต่อมาขบวนนักโทษจึงออกเดินทางอีกครั้ง แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นหลังจากพวกเขาไปแล้ว เริ่มเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง เรื่องที่มีสตรีฟื้นจากความตายพร้อมพรวิเศษเพื่อจัดการคนชั่ว เริ่มแพร่กระจายออกไปตามพื้นที่ต่าง ๆ อย่างรวดเร็วและมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อแต่สำหรับฟู่หลงเหยียนเขาเชื่ออย่างสนิทใจกับเรื่องนี้ มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาอยากรู้ว่า เกิดเหตุการณ์อะไรกับอวี้จิ่น ถึงทำให้นางต้องตาย และเหตุผลที่นางได้ฟื้นขึ้นมาจากความตายคืออะไร หรือจะเกี่ยวกับเรื่องที่นางไม่ได้รับความยุติธรรม จากฝีมือของตระกูลเจียงสายรอง แม้อยากรู้รายละเอียดมากเพียงใด ก็ไม่คิดจะถามเพราะนั่นเป็นความลับของนางการเดินทางยังคงเป็นไปอย่างราบรื่น เช่นที่ผ่านมาหลายหัวเมือง ซึ่งพวกเขาใกล้จะถึงเขตของเมืองเหลียนโจว ที่นี่มีเจียงหยวนกับหลี่อี้ที่เดินทางมาถึงได้สองวัน และกำลังพักให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง แต่คนเป็นพี่ชายที่จะได้เจอน้องสาว ที่ไม่เคยเห็นหน้ากำลังตื่นเต้นจนชักชวนหลี่อี้ไปเดินหาซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับไว้รอน้องสาว“หลี่อี้เจ้าว่าน้องสาวของข้า นางจะเหมาะกับเสื้อผ้าสีอะไร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-08
  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 13 พี่ชายผู้ตามใจน้องสาว

    เมื่อทำความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อย หลี่อี้ที่ไปตามเฉินอิ่นก็เดินเข้ามาพร้อมกันพอดี จึงเริ่มหารือแผนการรับมือนักฆ่าขึ้น“นายน้อย/คุณชาย”“พวกเจ้ามาก็ดีแล้วนั่งลงเถิด ข้ากับอาหยวนมีเรื่องต้องบอกกับพวกเจ้า คืนนี้กำชับทุกคนให้ระวังตัวเอาไว้ เพราะจิ่นเอ๋อร์เห็นว่ามีนักฆ่าติดตามมาเพื่อสังหารอาหยวน และตอนนี้คงหลบซ่อนตัวอยู่ น่าจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล จากบริเวณจุดพักของพวกเรา ดังนั้นคืนนี้ตงลู่เจ้ามีหน้าที่คอยอารักขาจิ่นเอ๋อร์ที่รถม้า หากมีนักฆ่าหลุดรอดไปถึงที่นั่นฆ่าพวกมันให้หมดส่วนเฉินอิ่นกับอู๋จิ้งแยกกันไปอยู่กับกลุ่มทหาร หลี่อี้เจ้าอยู่กับพวกข้าที่นี่พวกมันต้องแยกกันสังหารทุกคน แต่ตัวหัวหน้ากับลูกน้องบางส่วน คงตรงมาหาอาหยวนที่เป็นเป้าหมายหลัก” ฟู่หลงเหยียนสั่งการแบ่งหน้าที่ เพื่อปกป้องทหารจากเมืองเฉียนโจวด้วย พวกเขายังต้องกลับไปหาครอบครัวเช่นกัน“รับทราบขอรับนายน้อย” เฉินอิ่นที่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ย่อมเกิดขึ้นจริง จึงสะกิดสหายให้ทำตามคำสั่งของเจ้านาย เพราะพวกเขายังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองซวนเหอ ตงลู่กับอู๋จิ้งจึงอ่านปากของเฉินอิ่น ที่บอกว่าจะเล่าเรื่องราวให้ฟังทีหลัง“รับทราบขอรับ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-09
  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 14 กลับคืนสู่ตระกูลเจียง

    ยามเฉินวันต่อมาขบวนนักโทษของฟู่หลงเหยียน เริ่มออกเดินทางมุ่งหน้ากลับสู่เมืองหลวงอีกครั้ง หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่นักฆ่าติดตามมา เพื่อสังหารรองแม่ทัพเจียง ทุกคนในขบวนจึงเพิ่มความระแวดระวังมากขึ้น คอยสังเกตผู้คนและบรรยากาศ ที่ทำให้คิดไปในทางร้ายไว้ก่อน แล้วค่อยทำการตรวจสอบอีกครั้ง ว่ามีปัญหาหรือไม่แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีจากเมืองเหลียนโจว ขบวนนักโทษใช้เวลาอีกยี่สิบห้าวัน ในที่สุดก็มองเห็นกำแพงอันกว้างใหญ่ของเมืองหลวงเสีย ผู้คนมากมายที่รออยู่ด้านหน้า ต่างก็หลีกทางให้ขบวนนักโทษ เมื่อมีรองแม่ทัพเจียงเป็นผู้เปิดทางด้วยตนเอง ก่อนจะแยกย้ายไปทำภารกิจของตนให้สำเร็จลุล่วง ฟู่หลงเหยียนไม่ลืมเข้าไปบอกกล่าวกับอวี้จิ่น ที่กำลังตะลึงกับความคึกคักของเมืองหลวงแคว้นจ้าวแห่งนี้“ว้าว! นี่คือเมืองหลวงงั้นหรือผู้คนดูพลุกพล่านไม่น้อยเลยนะเนี่ย”“จิ่นเอ๋อร์”“หืม เจ้าคะพี่ชายฟู่”“เจ้ากลับไปที่ตระกูลเจียงกับพี่ชายของเจ้าก่อนนะ ไว้พี่จัดการเรื่องนักโทษพวกนี้เสร็จสิ้นแล้ว จะไปเยี่ยมเจ้าที่จวนจำที่พี่เคยเตือนไว้ได้หรือไม่เรื่องของตระกูลเจียงสายรองน่ะ”“จำได้สิเจ้าคะ พี่ชายฟู่ไม่ต้องห่วงข้าจะระวังให้มาก หากมีใค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-09
  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 15 ฟู่หลงเหยียนอาฆาตสตรี

    วันนี้เป็นที่จางฮูหยินมีความสุขในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากวันนี้นางได้ช่วยบุตรสาวอาบน้ำ ทำความสะอาดเส้นผมรวมถึงทำผมเช่นคุณหนูที่ปักปิ่นแล้ว ด้วยเครื่องประดับราคาแพงและเสื้อผ้าชุดใหม่ ที่ทำจากผ้าไหมชั้นดีจากร้านผ้าชื่อดังแห่งเมืองหลวงเมื่อหญิงสาวที่ไร้เครื่องประทินโฉม หน้าตามอมแมมจากชนบทได้ลอกคราบเก่าทิ้งไป กลายเป็นคุณหนูแห่งจวนแม่ทัพใหญ่เจียง ที่ใบหน้ายามนี้ยิ่งน่ามองกว่าเดิม โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของนางเมื่อจางฮูหยินได้พาอวี้จิ่นกลับมาพบบิดาและพี่ชายอีกครั้ง บุรุษทั้งสองยังต้องตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงนี้ของนาง แม้แต่เจียงเล่อกับหลี่อี้ก็ยังเห็นด้วยกับเจ้านายของตน ที่ลูกเป็ดขี้เหร่ได้กลายร่างเป็นนางหงส์ไปแล้ว“นะ นี่เจ้าใช่จิ่นเอ๋อร์น้องสาวของข้าจริงรึ ท่านแม่ลอกคราบน้องสาวของข้าจนจำคนก่อนไม่ได้แล้วขอรับ ไม่ได้ ๆ ท่านพ่อข้าไม่ยอมให้น้องสาวออกจากจวนตัวคนเดียวแน่ ท่านพ่อต้องช่วยคัดเลือกสาวใช้หรือองครักษ์ที่มีวรยุทธ์ เพื่อคอยติดตามดูแลจิ่นเอ๋อร์ ยามที่นางออกไปนอกจวนนะขอรับ หาไม่แล้วต้องมีคนหมายตานางเป็นแถวเชียวนะขอรับท่านพ่อ” จางหยวนเห็นความงามของอวี้จิ่น ก็หาพรรคพวกอย่างบิดาของตน เน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-10

บทล่าสุด

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนพิเศษ 2 แค่สาดผงยาพิษก็ได้สิทธิ์เป็นท่านหญิง

    ฟู่หลงเหยียนและเจียงหยวนยังคงซ่อนตัวอยู่ พวกเขาอยากรู้ว่าสองพี่น้องจะรับมือคนพวกนี้ เพื่อหาทางเอาตัวรอดอย่างไร “พวกเจ้าเอาตัวเด็กสองคนนั่นลงมา อย่ามัวชักช้ายืดยาด หากงานไม่สำเร็จละก็ จะกลายเป็นพวกเราที่ต้องตายแทน” ซานถูลงไปยืนรอยังจุดที่เลือกไว้ สำหรับการขุดหลุมฝังเจียงข่ายเหวินและฟู่เจียฉี“ถุ้ย!! อย่าเอามือสกปรกของเจ้ามาถูกตัวน้องสาวข้า” เจียงข่ายเหวินตะคอกลูกน้องซานถูทันที เมื่อมือหยาบนั้นกำลังจะดึงตัวฟู่เจียฉี ออกไปจากอ้อมกอดของตน“เหวินเกอไม่ต้องกลัวนะ ฉีเอ๋อร์จะปกป้องท่านเองเจ้าค่ะ” ฟู่เจียฉีมิใช่เด็กหญิงตัวน้อยขี้แย เพราะมีบิดาคอยสอนให้เข้มแข็งมีสติ ถึงจะเป็นเด็กแต่เมื่อมีสติก็สามารถเอาตัวรอดได้“ฮ่า ๆ ๆ ลูกพี่ดูเจ้าเด็กสองคนนี่สิ ช่างเป็นญาติพี่น้องที่รักกันดีเสียเหลือเกิน” เกาจิ่งหัวเราะกับท่าทางของฟู่เจียฉี“เหอะ ก็คงเห็นตัวอย่างจากบิดมารดากระมัง เร็ว ๆ ๆ พาตัวลงจากรถม้าได้แล้ว ยังต้องขุดหลุมอีกพวกเจ้าอย่าลืมสิ” ซานถูเร่งลูกน้องของตนให้ทำตามคำสั่งขณะที่เกาจิ่งหันไปพูดคุยกับซานถู ฟู่เจียเฟยได้หยิบห่อยาพิษที่บิดาเพิ่งมอบให้ ก่อนจะแบ่งให้เจียงข่ายเหวินอีกสองห่อ เด็กชายมองหน้า

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนพิเศษ 1 ญาติผู้พี่กับญาติผู้น้อง

    ณ จวนตระกูลเจียงหลังจากอวี้จิ่นออกเรือนแต่งเข้าตระกูลฟู่ ลูกสะใภ้ของตระกูลเจียงอย่างจ้าวเจียเฟย ก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย ซึ่งในอนาคตเขาขคือผู้สืบทอดตระกูลเจียงต่อจากบิดา ชื่อของหลานชายฮ่องเต้ผู้เป็นเสด็จตา ประทานนามให้ว่า ‘ข่ายเหวิน’ หมายถึง ผู้ชนะและมีความรู้ และชื่อนี้ก็เข้ากับลักษณะนิสัยของเจ้าตัวน้อยได้เป็นอย่างดีนอกจากมารดาจะเป็นที่โปรดปรานแล้ว เมื่อให้กำเนิดหลานชายย่อมได้รับความโปรดปราน ไม่ต่างจากผู้เป็นมารดาเช่นกัน สร้างความอิจฉาริษยาให้กับองค์ชายองค์หญิงที่มีหลานให้กับฮ่องเต้ องค์ชายองค์หญิงที่รู้จักประมาณตน จะอบรมสั่งสอนบุตรของตนให้รักญาติพี่น้อง แต่สำหรับคนที่จิตใจดำมืดเกินเยียวยา ย่อมสั่งสอนและปลูกฝังความริษยาลงในจิตใจของบุตร ตระกูลเจียงมีทายาทแล้ว ทางด้านตระกูลฟู่จะไม่มีได้อย่างไร หลังจากเจียงข่ายเหวินอายุได้สองหนาว อวี้จิ่นแต่งเข้าจวนฟู่ได้ครึ่งปีก็ตั้งครรค์ และให้กำเนิดบุตรสาวนามว่าฟู่เจียฉี หากจะกล่าวว่าญาติผู้พี่เจียงข่ายเหวินหล่อเหลาตั้งแต่เยาว์วัย ญาติผู้น้องอย่างฟู่เจียฉีจะน้อยหน้าได้หรือ เด็กหญิงเกิดมาพร้อมกับดวงหน้ารูปหยดน้ำ จมูกโด่งได้รูปรับกับใบหน้า ริ

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 61 งานแต่งธรรมดาแต่ท่านเทพจะมาทำไมเจ้าคะ (จบ)

    หลังจากตระกูลฟู่และตระกูลเจียง ได้แลกหนังสือหมั้นหมายของบุตรชายบุตรสาว ข่าวลือเรื่องทั้งสองตระกูลจะเกี่ยวดองกัน ก็แพร่กระจายไปตามร้านรวงต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว คนที่อวยพรให้ทั้งสองสุขสมก็มีอยู่มาก คนที่อิจฉาริษยาก็มีไม่น้อย ล้วนเป็นสตรีที่ยังไม่ออกแต่แล้วอย่างไรในเมื่อฟู่หลงเหยียนมิได้สนใจ พวกนางก็เป็นได้แค่เศษฝุ่นที่ลอยไปกับสายลมเท่านั้น เพราะในสายตาของฟู่หลงเหยียน ไม่เคยละไปจากคู่หมั้นที่เริ่มจะเปล่งประกายความงามหลังจากนั้นอีกสามเดือนต่อมา ปรากฏว่าองค์หญิงใหญ่ตั้งครรภ์ อย่างที่อวี้จิ่นเคยบอกพวกเขาเอาไว้จริง ๆ เจียงหยวนแอบไปพบน้องสาว เพราะเขาอยากรู้ว่าเด็กในครรภ์องค์หญิงใหญ่ เป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง เขาจะได้เตรียมรับมือบุตรคนได้ถูก พอได้รู้ว่าตนเองจะได้บุตรชาย การวางแผนเลี้ยงดูจึงถูกคิดขึ้นทันทีตั้งแต่อวี้จิ่นกลายเป็นคู่หมั้นของหัวสำนักตรวจการ หากไม่มีภารกิจลับและออกเดินทางไปต่างเมือง ข้างกายของอวี้จิ่นย่อมมีบุรุษร่างสูงใหญ่กำยำ นามว่าฟู่หลงเหยียนอยู่กับนางเสมอ จนเหล่าบุรุษที่มั่นใจว่าตนเองหน้าตาหล่อเหลา ต้องวิ่งหาที่หลบแทบไม่ทัน แค่ฟู่หลงเหยียนจ้องมองพวกเขาก็หายไม่ออกกันแล้วทุก

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 60 หมั้นหมายอย่างเป็นทางการ

    ฟู่หลงเหยียนพาอวี้จิ่นกลับมาส่งที่จวน ภายหลังที่พลุถูกจุดจนหมดเรียบร้อยแล้ว ด้วยตอนมาร่วมงานเขานั่งรถม้า ยามนี้จำเป็นต้องยืมเจ้าเสี่ยวหงกลับจวนไปก่อน และค่อยนำมันมาคืนอวี้จิ่นทีหลังอวี้จิ่นยืนส่งฟู่หลงเหยียนขี่เจ้าเสี่ยวหง จนแผ่นหลังของเขาหายลับไปจากสายตา ถึงได้เดินเข้าจวนอย่างอารมณ์ดี ทำให้คนเดินตามหลังอย่างตงลู่กับเฟยอิน เอ็นดูกับท่าทางที่เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวเขินอาย อยากจะหัวเราะแต่ต้องอดกลั้นเอาไว้แต่พอมาถึงเรือนของตนอวี้จิ่นพบว่า เป่าจูสาวใช้ของพี่สะใภ้ กำลังเดินไปมาชะเง้อมองหาใครอยู่ “หืม นั่นใช่พี่เป่าจูสาวใช้ของพี่สะใภ้ใช่ไหมพี่เฟยอิน”“ใช่จริง ๆ ด้วยเจ้าค่ะคุณหนู ว่าแต่นางมาทำอะไรที่เรือนของท่าน ยามนี้มิใช่ต้องอยู่รอรับใช้องค์หญิงใหญ่หรอกรึ?”เป่าจูเมื่อเห็นอวี้จิ่นกลับมาที่เรือน จึงสาวเท้าไปหานางดั่งพายุ สร้างความงุนงงจนอดคิดไม่ได้ว่า จะเกิดเรื่องอันใดที่เรือนของพี่ชายตนหรือไม่“คุณหนูเจียงในที่สุดท่านก็กลับมาเสียทีเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของเป่าจูดูร้อนรนแปลก ๆ“พี่เป่าจูท่านมารอพบข้ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่เจ้าคะ”“คือบ่าวมารอพบคุณหนูที่นี่ เพราะมีเรื่องจะรบกวนท่านจริง ๆ เจ้าค่ะ”“พี่เ

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 59 งานมงคลกับคนสารภาพรัก

    ซีอ๋องอยู่ร่วมงานเลี้ยงชนะสงครามเท่านั้น อีกสองวันต่อมาจึงออกเดินทางพร้อมหีบยาจำนวนมาก ยังมีเมล็ดพันธุ์ผักที่อวี้จิ่นใจดีมอบให้อีกหนึ่งหีบ ที่สำคัญทรงอยากกลับไปชำระความ กับสตรีชั่วที่ปองร้ายบุตรชายเพียงคนเดียวของตน ซึ่งตอนนี้นางกำลังตั้งตนเป็นเจ้าของตำหนักอ๋อง จนลืมไปว่านางเป็นแค่ชายารองเท่านั้นข่าวลือที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว เรื่องฤกษ์มหามงคลที่มีขึ้น ในอีกสามสัปดาห์ต่อจากนี้ ทำเอาวังหลวงวุ่นวายจนเวียนหัว เพื่อเตรียมงานอภิเษกสมรสขององค์หญิงใหญ่ พระธิดาคนโปรดของฮ่องเต้ให้ออกมาดีที่สุด ห้ามขาดตกบกพร่องแม้แต่นิดเดียวส่วนตระกูลเจียงถือว่าโชคดีมาก ที่อวี้จิ่นได้บอกมารดาไว้ก่อนหน้านี้ ทุกอย่างในจวนจึงพร้อมต้อนรับสะใภ้ใหญ่ หลังจบงานเลี้ยงวันถัดมายามปลายยามเฉิน ขบวนสินสอดนับร้อยหีบผูกด้วยผ้าสีแดง พร้อมสามหนังสือหกพิธีการนำไปส่งมอบให้กับฮองเฮา ก็ทยอยออกจากจวนตระกูลเจียงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงทันทีชาวบ้านสองข้างทางต่างหยุดมอง และเริ่มพูดถึงเรื่องสมรสพระราชทานอีกครั้ง ตระกูลใดที่รอจัดงานพร้อมแม่ทัพเจียง ต่างเร่งจัดเตรียมข้าวของเรือนหอ อาหารการกินที่ต้องใช้เลี้ยงแขกในงาน เผื่อว่าการแต่งงานในฤก

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 58 ขอรางวัลสมรสพระราชทาน

    หลังจากหวาอานส่งจดหมายกลับไปยังเหอหยาง เมื่อแม่ทัพเสียนมู่ได้อ่านเนื้อหาในจดหมาย จึงนำกำลังทหารบางส่วนมุ่งหน้าไปยังจวนซีอ๋อง เพื่อรับตัวซื่อจื่อมาดูแลเป็นการชั่วคราว คราแรกพระชายารองไม่ยินยอม แต่พอได้เห็นป้ายผู้แทนของซีอ๋อง ที่อยู่ในมือของแม่ทัพเสียนมู่แล้ว ถึงได้ยอมปล่อยซื่อจื่อให้แม่ทัพเสียนมู่พาตัวกลับจวนส่วนเจ้าของคำสั่งที่พักอาศัยในจวนแม่ทัพใหญ่ ได้เห็นแปลงผักที่หลากหลายก็เกิดความสนใจ ซีอ๋องคิดว่าหากกองทัพหรือราษฎรที่เหอหยาง สามารถปลูกพืชผักได้เช่นจวนแม่ทัพใหญ่ ย่อมมีเสบียงสำรองมากพอยามฤดูเหมันต์มาเยือน ทุกคนต้องผ่านความอดอยากได้แน่เมื่อซีอ๋องถามกับบ่าวไพร่เรื่องการปลูกผัก คำตอบที่ได้ก็เกี่ยวกับบุตรสาวแม่ทัพใหญ่อีกแล้ว จนกระทั่งได้มานั่งพูดคุยเรื่องการค้า ซีอ๋องจึงถือโอกาสสอบถามอวี้จิ่นเรื่องผักที่ปลูกด้วยเสียเลย“คุณหนูเจียงเรื่องสัญญาการค้ายาสมุนไพร เปิ่นหวางยินดีทำตามข้อเสนอของเจ้า เพียงแต่ว่ามีอีกเรื่องที่เปิ่นหวางอยากรู้”“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ยอมทำการค้า กับร้านยาเล็ก ๆ ของหม่อมฉันเพคะ ว่าแต่ท่านอ๋องทรงอยากทราบเรื่องอันใดหรือเพคะ”“เปิ่นหวางอยากถามเกี่ยวกับวิธีปลูกผัก ให้ไ

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 57 บิดาและพี่ชายกลับมาพร้อมแขกสูงศักดิ์

    เรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงบุปผาในวังหลวง ถูกพูดถึงในเช้าวันต่อมาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องของเลี่ยวหลวนเฉิน สมรู้ร่วมคิดกับโจรหยางเสวียน กดขี่ข่มเหงขูดรีดเงินภาษีจากชาวเมืองซุยโจว เมื่อถึงเวลานำตัวทาสทุกคนออกเดินทาง จึงใช้เวลานานกว่าทุกครั้งเพราะผู้คนสองข้างทาง ต่างเฝ้ารอขว้างปาสิ่งของและด่าทอสาปแช่ง กว่าจะหลุดพ้นจากประตูเมืองหลวง ก็บาดเจ็บกันไปไม่น้อยกับทาสทั้งหลายหลังจากงานเลี้ยงจบลงได้ไม่ดีเท่าใดนัก อีกสามวันต่อมารัชทายาทจ้าวเจาเยี่ยน ก็กลับมาจากการทำภารกิจตามราชโองการ แต่รัชทายาทกลับไปชำระล้างพระวรกายที่ตำหนักบูรพา จากนั้นจึงเสด็จไปเข้าเฝ้ากราบทูลรายงานต่อพระบิดา“ถวายพระพรเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”“อืม ลุกขึ้นเถิดรัชทายาท เจ้าเพิ่งกลับมาถึงเช่นนั้นรึ” ฮ่องเต้ทรงเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของโอรสก็ทรงทราบแล้ว“พ่ะย่ะค่ะ ลูกเพิ่งกลับมาถึงเมื่อยามซื่อ และต้องการรายงานเรื่องน้ำที่เมืองสุยโจวพ่ะย่ะค่ะ” รัชทายาทมิอาจรั้งรอได้นาน เนื่องจากต้องรีบคัดเลือกขุนนางไปรับตำแหน่งเจ้าเมือง“ปัญหาเรื่องน้ำที่เมืองสุยโจวเป็นอย่างไร สาเหตุเกิดจากภัยธรรมชาติหรือฝีมือของมนุษย์กันแน่”“ทูลเสด็จพ่อเป็น

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 56 งานเลี้ยงบุปผาหรืองานเลี้ยงหงเหมิน

    ภายหลังที่ได้หลักฐานและล่วงรู้แผนชั่วแล้ว ฟู่หลงเหยียนมาส่งอวี้จิ่นด้วยวิธีเดิม และไม่ลืมพูดถึงเรื่องงานเลี้ยงบุปผา ที่ฮองเฮาจะจัดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า เขาบอกให้อวี้จิ่นและมารดารออยู่ที่จวน แล้วเขาจะเป็นคนมารับอวี้จิ่นด้วยตนเองพอกลับมาถึงจวนฟู่หลงเหยียนย่อมไปพบบิดา เพื่อบอกเล่าแผนการของเลี่ยวหลวนคุน และยังมีหลักฐานที่สายของตนได้มา“ก๊อก ๆ ๆ ท่านพ่อข้าเองขอรับ”“เข้ามาเถิดอาเหยียน”เมื่ออนุญาตให้บุตรชายเข้ามาในห้องหนังสือได้ ก็มีห่อผ้าวางลงตรงหน้าของฟู่กั๋วกง คำถามจึงเกิดจากสายตาโดยไม่ต้องมีคำพูด“เรียนท่านพ่อ ในห่อผ้านี้เป็นสมุดบัญชีที่ใต้เท้าเลี่ยว แอบนำไปฝังไว้ใต้ดินหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม สายของเราที่อยู่ในจวนสังเกตเห็นท่าทางมีพิรุธ ถึงได้ตามไปเงียบ ๆ จากนั้นก็ขุดมันออกมามอบให้ข้าขอรับ”“หมายความว่าสิบปีที่ผ่านมา ใต้เท้าเลี่ยวติดต่อกับโจรป่าหยางเสวียน และแบ่งปันทรัพย์สินจากการปล้น รวมถึงเงินที่เก็บภาษีจากชาวบ้านด้วยงั้นรึ” ฟู่กั๋วกงไม่คิดมาก่อนว่าใต้เท้าเลี่ยว จะเก็บซ่อนความลับนี้ได้นานถึงสิบปี โดยไม่มีผู้ใดระแคะระคายแม้แต่น้อย“คาดว่าจะเป็นเช่นที่ท่านพ่อพูดมาขอรับ ส่วนเรื่อง

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 55 ว่าที่พี่สะใภ้ข้าใครก็ห้ามแย่ง

    หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลเศรษฐีม่าย เมื่อพยานอย่างม่ายจิ่นเม่ยให้การกับใต้เท้ากวน และลูกน้องทั้งสองของท่านหมอซัง ยอมสารภาพทุกอย่างต่อใต้เท้ากวน เพราะพวกเขาถูกดวงวิญญาณหญิงสาว ตามมาคอยหลอกหลอนจนนอนไม่หลับ ไหนจะความเจ็บปวดจากยาพิษของอวี้จิ่น ทำให้พวกเขาอยากตายเพื่อหลุดพ้นความทรมานเมื่อมีทั้งพยานที่ยังรอดชีวิตและคำสารภาพ จากคนเป็นลูกน้องของซังปินจีทั้งสองคน โทษประหารชีวิตย่อมเกิดขึ้นแน่นอน เพียงแค่ก่อนจะลงดาบประหารนั้น ใต้เท้ากวนได้ให้ทั้งสามคนได้รู้ซึ้งถึงความทรมาน ของหญิงสาวที่ตกตายด้วยน้ำมือของพวกเขาเสียก่อน ด้วยการให้เจ้าหน้าที่ทำการแขวนคอนักโทษ พอใกล้จะขาดใจก็หย่อนเชือกให้หายใจต่อ ทำเช่นนั้นอยู่ถึงสามครั้งถึงจะนำตัวไปตัดหัว“เจ้าหมอชั่วจงตกนรกอย่าได้กลับมาเกิดเป็นคนอีกเลย”“ถ้าพวกเจ้ากลับมาเกิดขอให้เป็นสัตว์เดรัจฉาน ที่เป็นเหยื่อให้สัตว์ใหญ่ไล่ล่ากินเนื้อพวกเจ้า”“สงสารหญิงสาวที่ต้องตายเพราะคนชั่วจริง ๆ ขอให้พวกเจ้าไปสู่สุขคติด้วยเถิด”ในวันประหารชีวิตมีชาวบ้านไม่น้อยมามุงดู หนึ่งในนั้นย่อมเป็นครอบครัวตระกูลม่าย ที่ได้รับความเป็นธรรมและยังมีชีวิตอยู่ต่อไปก่อนครอบครัวตระกูล

DMCA.com Protection Status