หน้าหลัก / โรแมนติก / แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ / ตอนที่ 6 บุรุษผู้นี้คือเนื้อคู่ของเจ้า

แชร์

ตอนที่ 6 บุรุษผู้นี้คือเนื้อคู่ของเจ้า

ผู้เขียน: ต้าซินซิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-03 01:47:21

ยามค่ำคืนที่ผ่านมาเป็นครั้งแรก ที่ฟู่หลงเหยียนไม่ฝันถึงเรื่องราวในอดีต เมื่อลืมตาตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ จึงรู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคย

รู้สึกมาหลายปี เขาไม่รู้จะขอบคุณสตรีที่แสนจะธรรมดาไม่เหมือนใคร แม้แต่ชื่อแซ่ก็ลืมถามไถ่กับนางไว้ ก่อนจะจากกันไปเสียได้ ฟู่หลงเหยียนตั้งใจไว้ว่าเช้านี้เขาจะถามชื่อของนางเป็นอย่างแรก

ทางด้านอวี้จิ่นที่เพิ่งตื่นนอนในต้นยามเฉิน พอตั้งสติได้ก็เกือบ

หัวทิ่มหัวตำลงจากเตียงด้วยความเร่งรีบ เมื่อนางนึกขึ้นได้ว่าใกล้ถึงเวลา

ที่ฟู่หลงเหยียนจะมารับนาง เพื่อไปเก็บหลักฐานการกระทำความผิด

ของเจ้าเมืองเฉียนโจว อวี้จิ่นรีบล้างหน้าบ้วนปากอาบน้ำอย่างรวดเร็ว

ผมเผ้าทำเพียงเก็บรวบมัดยกเป็นหางม้าเท่านั้น

เมื่อเดินออกมาด้านหน้าโรงเตี๊ยม บุรุษในชุดคลุมสีดำสองคน

มายืนรอนางอยู่ก่อนแล้วพร้อมม้าอีกสองตัว ทำเอาอวี้จิ่นละอายใจเล็กน้อยได้แต่กล่าวขอโทษ ที่นางตื่นสายทำให้ทั้งสองคนต้องรอนาน

“อุ๊ย! แหะ ๆ ๆ ขออภัยเจ้าค่ะ ที่ปล่อยให้พวกท่านรอนานเช่นนี้

ถ้าวันไหนข้าเข้านอนดึกมักจะตื่นสายเช่นนี้ประจำเจ้าค่ะ”

“ไม่เป็นไร พวกข้าสองคนเพิ่งจะมาถึงไม่นานเช่นกัน เจ้าพอ

จะบอกที่ซ่อนของหลักฐานทั้งหมดได้ไหม ว่ามันถูกซ่อนไว้ที่ใด”

ฟู่หลงเหยียนไม่ถือสาถึงจะนานเขาก็รอนางได้

“ท่านเจ้าเมืองให้คนสนิทนำหลักฐานทั้งหมดนั้น ไปซ่อนไว้

ใต้ฐานพระพุทธรูปในวัดประจำตระกูลอวี่ บนภูเขาซานลู่ที่ตั้งอยู่

นอกเมืองไปประมาณห้าสิบลี้เจ้าค่ะ” อวี้จิ่นประมาณระยะทางตามภาพ

ที่เห็นเพราะวัดนี้ไม่น่าจะอยู่ไกลมากนัก

“นายน้อยบ่าวจำได้ว่าวัดแห่งนั้น เป็นทางผ่านก่อนที่จะถึง

เมืองเฉียนโจว และที่นั่นยังมีผู้คนไปทำบุญ กราบไหว้ขอพรมากพอสมควรขอรับ” เฉินอิ่นจำวัดนี้ได้เพราะเขาสงสัย ทำไมถึงสร้างวัดอยู่ติดเส้นทางหลักเช่นนี้

“อืม นี่ก็ไม่เช้าแล้วพวกเรารีบไปกันเถิด หากได้หลักฐานมาเร็วเท่าไหร่จะได้จับตัวขุนนางที่กระทำผิด และเดินทางกลับเมืองหลวง

และเจ้า....เจ้าชื่อแซ่ว่าอันใดตัวข้าฟู่หลงเหยียน ส่วนคนสนิทของข้า

ชื่อเฉินอิ่นอีกสองคนที่เหลือไว้ค่อยทำความรู้จักทีหลังเถิด” ฟู่หลงเหยียนไม่ลืมถามชื่อแซ่ของอวี้จิ่น ตามที่ตนได้ตั้งใจเอาไว้ หลังจากมาส่งนางที่โรงเตี๊ยม

“อ่อ ข้าไม่มีแซ่ถูกเลี้ยงดูโดยหมอตำแยท่านหนึ่ง นางตั้งชื่อให้ข้าว่าอวี้จิ่น ท่านก็เรียกชื่อนี้เถิดเจ้าค่ะคุณชายฟู่” เพราะนางไม่มีแซ่จริง ๆ แม้แต่แซ่ของยายเฒ่าลิ่วนางยังไม่รู้

“เอาล่ะอวี้จิ่นพวกเรารีบไปที่วัดนั่นกันเถิด หากสายกว่านี้

แดดจะแรงเสียก่อน” ฟู่หลงเหยียนชักชวนอวี้จิ่นที่ทำหน้าเหมือนมีคำถาม

“ข้าก็อยากไปให้เร็วอยู่นะเจ้าคะ แต่ว่ามีม้าแค่สองตัวแล้วมีคนสามคนจะไปกันอย่างไรหรือจะ...ว้ายยยย!!” อวี้จิ่นยังพูดไม่ทันจบ

ร่างของนางก็ถูกมือหนายกขึ้นไปนั่งบนหลังม้าเป็นที่เรียบร้อย

“พรึ่บ! หมับ! ทีนี้ก็ไปได้แล้วสินะ หึ ๆ”

ฟู่หลงเหยียนไม่ฟังคำถามของอวี้จิ่นให้จบ เขาก็เดาได้จึงรีบพานางขึ้นนั่งบนหลังเจ้าเสี่ยวเฟิง พร้อมกับตัวของฟู่หลงเหยียน ที่นั่ง

ซ้อนด้านหลังอวี้จิ่นไว้ส่วนมือของเขาก็กำเชือกไว้แน่น รอออกคำสั่ง

ให้เสี่ยวเฟิงพุ่งทะยานไปตามถนนมุ่งหน้าออกนอกเมือง

“กะ กะ ก็ไปได้เจ้าค่ะ ข้าแค่ตกใจนิดหน่อยแบบเพิ่งเคยขี่ม้า

เป็นครั้งแรกเจ้าค่ะ ไม่ได้กลัวนะเจ้าคะแค่รู้สึกตื่นเต้นเท่านั้นเอง แฮร่”

ที่พูดโดยรวมความหมายของมันคือนางกลัวตก

“หืม ไม่กลัวก็ไม่กลัวจับไว้แน่น ๆ ก็แล้วกัน ย๊า!!”

ฟู่หลงเหยียนแอบขำเล็กน้อยกับการแก้ตัวของอวี้จิ่น นางบอกว่าไม่กลัวแต่กลับนั่งตัวแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด เขาจำต้องลดความเร็ว

ของเสี่ยวเฟิงลง ด้วยไม่อยากให้อวี้จิ่นกลัวการขี่ม้า ทั้งสามคนเดินทาง

มามาถึงเชิงเขาซานลู่ตอนต้นยามซื่อ ซึ่งเริ่มมีผู้คนเดินขึ้นไปทำบุญ

บ้างประปราย ฟู่หลงเหยียนจึงอยากลงมือให้เร็วที่สุดยามที่มีคนน้อยเช่นนี้ อวี้จิ่นที่ยืนนิ่งก้าวขาไม่ออกเรียกอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน เพราะพวกเขา

จะเดินขึ้นไปโดยไม่มีท่าทีจะมาทำบุญไม่ได้

“เดี๋ยวเจ้าค่ะคุณชายฟู่”

“หืม มีอะไรหรืออวี้จิ่นหรือว่าเจ้ายังไม่หายกลัวการขี่ม้า”

เขาหยุดเท้าเมื่อถูกอวี้จิ่นเรียกและคิดว่า นางยังไม่หายกลัวจึงเย้าแหย่

นางออกไป

“ชิ ไม่ใช่เรื่องขี่ม้าเจ้าค่ะ แต่พวกเราจะเดินขึ้นตรง ๆ เช่นนี้ไม่ได้

นะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นจะถูกพวกที่เป็นนักบวชบนวัดนั่นสงสัยเอาได้เจ้าค่ะ

ท่านช่วยซื้อพวกดอกไม้จากชาวบ้าน ที่นำมาวางขายติดไม้ติดมือ

ไปสักหน่อยเถิด”

“วิธีของคุณหนูอวี้จิ่นก็ดีนะขอรับนายน้อย พวกเราจะได้ไม่ดู

แปลกแยกกับผู้คนที่มาทำบุญ แค่สวมเสื้อคลุมมาเช่นนี้ก็ดูน่าแปลก

พออยู่แล้วนะขอรับ” เฉินอิ่นเห็นด้วยกับอวี้จิ่น

“อืม งั้นเจ้าไปซื้อดอกไม้จากชาวบ้านมาหลาย ๆ ช่อก็แล้วกัน

แล้วเจ้าก็เป็นคนถือเดินตามข้ากับอวี้จิ่นขึ้นไปด้านบน เข้าใจไหมเฉินอิ่น” ฟู่หลงเหยียนสั่งเฉินอิ่น โดยไม่มองสีหน้าของคนสนิทที่กำลังตกตะลึง

‘นี่นายน้อยไม่คัดค้านเลยรึ ทั้งที่เกลียดดอกไม้มากถึงเพียงนั้น หรือว่าจะเป็นคุณหนูอวี้จิ่น ที่จะทำให้นายน้อยอยากมีความรักอีกครั้ง’

“เอ่อ คุณชายฟู่ทำไมพี่เฉินอิ่นถึงยืนนิ่งอยู่กับที่ล่ะเจ้าคะ” อวี้จิ่นได้ยินฟู่หลงเหยียนสั่งคนสนิทที่เห็นด้วยกับนาง แต่คนสนิทดันไม่ยอม

ขยับตัวทำตามคำสั่ง

“หืม เจ้าเรียกข้าว่าคุณชายฟู่ แต่กับเฉินอิ่นกลับเรียกว่าพี่งั้นหรือ ทั้งที่ข้าอายุน้อยกว่าเฉินอิ่นถึงห้าปีเชียวนะอวี้จิ่น คนที่เจ้าควรเรียกว่าพี่คือข้า ส่วนเฉินอิ่นเจ้าต้องเรียกเขาว่าน้าเข้าใจไหม” ฟู่หลงเหยียนไม่สนใจคำถามของอวี้จิ่น แต่เขากลับไม่พอใจเรื่องที่นาง เรียกสรรพนาม

ของตนเองอย่างห่างเหิน และกับเฉินอิ่นนางดันเรียกอย่างสนิท

“ห๊ะ!!/ห๊า!!”

เฉินอิ่นที่ยืนนิ่งกับความคิดของตนเองอยู่นั้น พอได้ยินเจ้านายบอกให้อวี้จิ่นเรียกตนว่าน้า และต้องเรียกเจ้านายว่าพี่ นี่ยิ่งทำให้เฉินอิ่น

ตกใจยิ่งกว่าการให้เขาไปซื้อดอกไม้เสียอีก แม้แต่อดีตคนรักของเจ้านายยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้คำนี้ ไม่ต่างกับอวี้จิ่นที่งงกับคำพูดของคนร่างสูงเพราะเสียงที่พูดออกมา นางรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจและพอจะอธิบาย

เขาก็สะบัดหน้าเดินขึ้นบันไดไปเสียทื่อ ๆ

 “เอ่อ ตะ ตะ แต่ว่าพี่เฉินอิ่นอายุน่าจะไม่มากนะทะ...”

“หึ พรึ่บ!!”

“อะ อ้าว เดี๋ยวสิเจ้าคะ!! ข้ายังพูดไม่จบทำไมต้องเดินหนีด้วยเล่า ทำเป็นคนแก่หัวล้านขี้น้อยใจไปได้ ฮึ่ย!”

“คะ คะ คุณหนูอวี้จิ่น ข้าว่าท่านทำตามที่นายน้อยบอกเถิดนะ

ถ้าได้เจอตงลู่กับอู๋จิ้ง ท่านก็เรียกสองคนนั้นว่าน้าด้วยเช่นกัน ถือว่าเมตตาสงสารพวกข้าสามคนสักครั้งนะคุณหนูอวี้จิ่น”

“อะไรกันทั้งนายทั้งบ่าวช่างเถอะ ๆ ท่านรีบไปซื้อดอกไม้จะดีกว่า โน่นเจ้านายท่านเดินไปได้จะครึ่งทางอยู่แล้วนะ ขอบอกไว้ก่อนว่า

ข้าไม่มีทางวิ่งตามขึ้นไปเด็ดขาด เพราะมันจะเหนื่อยเกินไป ถ้าเจ้านาย

ของท่านอยากขึ้นไปให้ถึงโดยเร็ว ก็เดินกลับลงมาอุ้มข้าก็แล้วกัน เชอะ”

อวี้จิ่นลืมไปว่าในโลกนี้คนที่มีวรยุทธ์ มักจะมีประสาทสัมผัสที่ไว

ฉะนั้นที่นางพูดกับเฉินอิ่นฟู่หลงเหยียนได้ยินมันทั้งหมด

“งั้นคุณหนูเดินไปก่อนเถิด ข้าจะไปซื้อดอกไม้แล้วจะรีบตามไปขอรับ” เฉินอิ่นไม่อยากถูกทำโทษ จึงวิ่งไปซื้อดอกไม้อย่างรวดเร็ว

อวี้จิ่นที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินขึ้นบันได และบ่นพึมพำเงียบ ๆ

จึงไม่เห็นว่าด้านหน้าของตนอีกไม่กี่ขั้นมีคนยืนรอนางอยู่

“ฮึ ตนเองฐานะสูงส่งเป็นเจ้านาย ข้าเรียกคุณชายกลับไม่พอใจ แต่อยากให้เรียกพี่แล้วให้เรียกคนสนิทว่าน้าเนี่ยนะ คนเขาไม่ได้อายุมากถึงขั้นต้องเรียกว่าน้าเสียหน่อย” อวี้จิ่นเดินไปบ่นไปเอาแต่จ้องมองขั้นบันได

“เจ้ากำลังบ่นถึงใครเช่นนั้นรึ”

“ก็บ่นให้คนขี้น้อยใจอย่างไร อายุก็ยังน้อยไม่รู้จะเอาแต่ใจตนเองทำไมนัก เอ๋? เฮ้ยย!! ละ ละ แล้วท่าน เดินย้อนกลับมาทำไมเจ้าคะ”

อวี้จิ่นตอบพร้อมเงยหน้าจนเกือบหยุดไม่ทัน ก่อนจะเปลี่ยนคำตอบแทบไม่ทัน เมื่อคนที่นางตอบคำถาม กลายเป็นคนที่นางกำลังบ่นอยู่พอดี

“ข้าเดินย้อนกลับมา เพราะได้ยินใครบางคนพูดว่า ถ้าอยากขึ้นไปให้ถึงด้านบนวัดโดยเร็ว ข้าต้องอุ้มนางเท่านั้น เนื่องจากนางขี้เกียจวิ่งตามมันจะทำให้นางเหน็ดเหนื่อยเกินไป ซึ่งข้าก็คิดว่าเป็นความคิดที่เข้าท่า

ไม่น้อย ดังนั้นถึงได้มาหยุดรออยู่ตรงนี้อย่างไรเล่า หึ ๆ ๆ” ฟู่หลงเหยียน

ตอบอวี้จิ่นด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

“คระ คระ ใครกันที่พูดแบบนั้นไม่น่ารักเลยนะเจ้าคะ เดินแค่นี้

ก็บ่นกลัวจะเหนื่อยน่าตียิ่งนักเจ้าค่ะ ข้าว่าพวกเรารีบเดินต่อเถิด

หากชักช้าคนจะมาที่นี่มากกว่าเดิมนะเจ้าคะ” พอรู้ว่าฟู่หลงเหยียน

ย้อนคำพูดของตน อวี้จิ่นทำทีสงสัยและบอกว่าคนผู้นั่นควรถูกลงโทษพร้อมกับก้าวเท้าขึ้นบันได

“อืม เจ้าพูดถูกคนผู้นั้นน่าตีจริง ๆ แต่ข้าทำไม่ลง ครั้งนี้จะยกโทษให้ก็แล้วกัน” ฟู่หลงเหยียนนึกภาพอวี้จิ่นถูกตีก็รับไม่ได้แล้ว

“ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่าท่านต้องเป็นคนมีใจเมตตาเจ้าคะ..ว้ายย!!”

“แบบนี้เจ้าจะได้ไม่เหนื่อยและพวกเรา คงถึงวัดเร็วกว่าเดิมมากจริงไหม รีบเดินเข้าเฉินอิ่นเมื่อกลับเข้าเมืองข้าจะไปจับตัวเจ้าเมืองทันที” ฟู่หลงเหยียนช้อนร่างบางขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนอย่างง่ายดาย เขาคิดว่า

อุ้มนางเดินเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะอวี้จิ่นมีน้ำหนักตัวไม่เยอะเลยสักนิด

จนฟู่หลงเหยียนเริ่มคิดหาวิธีบำรุงร่างกายของนางในใจเงียบ ๆ

“ขอรับนายน้อย”

เฉินอิ่นไม่กล้าแสดงสีหน้าดีอกดีใจ เรื่องของเจ้านายมากนัก เพราะนั่นเป็นเรื่องส่วนตัว แม้สถานการณ์ยามนี้ถือว่าเริ่มต้นได้ดี

แต่ถ้าวันหนึ่งเจ้านายของตน ได้พบกับอดีตคนรักอย่างพระชายารองเซียง จะยังรู้สึกเจ็บปวดและกลายเป็นคนเงียบขรึมเย็นชา เอาแต่เคร่งเครียด

กับงานเช่นที่ผ่านมาอีกหรือไม่

อวี้จิ่นที่ถูกบุรุษร่างสูงอุ้มเดินขึ้นบันได ก็เอามือปิดหน้าตนไว้ เพราะมีคนที่เดินอยู่คอยมองมาที่นางตลอดเวลา ที่สำคัญนางไม่กล้า

มองหน้าคนที่อุ้มนางอยู่ แต่อวี้จิ่นกำลังถามและตอบตนเองอยู่

ในความคิด ว่าเหตุใดนางถึงได้รู้สึกอุ่นใจ ยามมีฟู่หลงเหยียนอยู่ใกล้ ๆ

จนนางนึกถึงเรื่องที่เคยขอกับเทพจันทราเอาไว้ขึ้นมาได้

‘อย่าบอกนะว่าเนื้อคู่ที่เคยขอกับท่านเทพไว้ จะเป็นคุณชายฟู่

คนนี้ ไม่เร็วไปหน่อยหรือท่านเทพ ข้าเพิ่งมาอยู่ในร่างของอวี้จิ่นไม่ถึง

หนึ่งเดือน ท่านก็ส่งเนื้อคู่มาให้นี่ร่างกายนี้ยังผอมแห้งแรงน้อยอยู่เลยนะ อายุก็เพิ่งจะสิบห้าย่างสิบหกเอง ที่สำคัญข้ายังไม่ได้ดูแลหน้าตาให้งดงาม ท่านเทพท่านไม่คิดจะให้ข้าได้เปิดหูเปิดตา ดูบุรุษรูปงามคนอื่นบ้าง

หรืออย่างไร’

‘ฮัดเช้ย!! บ๊ะ นางหนูคนนี้เนื้อคู่ของเจ้า ข้าย่อมคัดเลือกให้อย่างดี ยังจะบ่นอยู่อีกบุรุษอื่นหน้าตาหล่อเหลาแต่นิสัยต่ำช้า ข้าจะให้เป็นเนื้อคู่ของเจ้าได้อย่างไรเล่า แม้คนนี้จะเหี้ยมโหดสักหน่อย แต่มีทุกข้อที่เจ้าขอ

กับข้าเชียวนะนางหนู ยอมรับความจริงเถิดอย่าบ่นข้าอีกล่ะ ฮ่า ๆ ๆ’

“อวี้จิ่น? อวี้จิ่น!”

“เจ้าคะ! อยู่ใกล้ถึงเพียงนี้ท่านจะเสียงดังทำไมเล่า”

“ที่ข้าเรียกเพราะพวกเราขึ้นมาถึงด้านบนวัดกันแล้วน่ะสิ แต่เจ้าดูกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ข้าจำเป็นต้องเรียกเสียงดังเล็กน้อย”

“อ่อ งั้นท่านก็วางข้าลงได้แล้วกระมังเจ้าคะ จะได้เดินไปยังห้อง

ที่เจ้าเมืองใช้ซ่อนหลักฐานกันเสียที”

“อืม เจ้าเดินนำทางไปเถิด”

อวี้จิ่นพาฟู่หลงเหยียนเดินอ้อมไปอีกด้านของภูเขา ซึ่งที่นั่น

จะมีห้องแยกออกมาเป็นส่วนตัว สำหรับพวกเศรษฐีหรือคนร่ำรวย

ที่ชอบมาทำบุญเอาหน้าให้ชาวบ้านชื่นชมความมีน้ำใจ แต่หารู้ไม่ว่านักบวชในวัดแห่งนี้ล้วนเป็นนักบวชปลอมทั้งสิ้น

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 7 จำนนต่อหลักฐาน

    เมื่อทั้งสามคนเดินมาถึงห้องส่วนตัวขนาดกลาง มีนักบวชคอยเฝ้าเอาไว้สองคน ก่อนจะเข้าไปได้ย่อมมีค่าผ่านประตู เรื่องนี้อวี้จิ่นย่อมเห็นจากภาพนิมิตมาแล้วจึงอาสาจัดการเอง“เดี๋ยวก่อนประสกทั้งสาม หากต้องการใช้ห้องสวนมนต์แห่งนี้ พวกท่านทราบถึงกฎเกณฑ์ของทางวัดแล้วหรือไม่”“คารวะไต้ซือเจ้าค่ะ คุณชายของข้าเพิ่งมาจากต่างเมือง เพื่อมาขอพรเกี่ยวกับการทำงานครั้งใหญ่ เห็นว่าที่วัดของตระกูลอวี่มีผู้คนเคารพนับถืออย่างมาก จึงอยากมากราบไหว้สักครั้ง ส่วนเรื่องกฎของทางวัด ข้าทราบเป็นอย่างดีว่าต้องทำอย่างไร ของในตะกร้าใบนี้หวังว่าไต้ซือจะอนุญาตให้คุณชายของข้า ได้เข้าไปสวดมนต์เป็นการส่วนตัวนะเจ้าคะ” พวกเห็นแก่เงินจะไม่รับไว้ได้อย่างไร ในตะกร้านั่นมีก้อนตำลึงเงินอยู่หลายก้อนเชียวนะ“อืม เมื่อประสกตัวน้อยรู้จักทำตามกฎของวัด คุณชายของท่านย่อมสามารถเข้าไปสวดมนต์ด้านในได้ เชิญ” ไต้ซือตัวปลอมมัวแต่สนใจก้อนตำลึงในถุงผ้าใบเล็กในตะกร้าจึงไม่เอะใจคำพูดของอวี้จิ่นเท่าใดนัก“ขอบคุณไต้ซือเจ้าค่ะ ที่เห็นใจชาวบ้านอย่างเรา เชิญคุณชายเข้าไปสวดมนต์เถิด งานที่ท่านหวังไว้จะได้สำเร็จโดยเร็วนะเจ้าคะ” อวี้จิ่นหันไปเชื้อเชิญฟู่หลงเหย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-03
  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 8 ตระกูลเจียงของแม่ทัพใหญ่

    บนโต๊ะอาหารในจวนเช่าของฟู่หลงเหยียน ยามนี้มันเต็มไปด้วยอาหารหน้าตาแปลก ๆ แต่กลิ่นมันกลับหอมชวนให้ท้องร้องอยากกินเสียเดี๋ยวนั้น สาเหตุมาจากอวี้จิ่นไม่อยากนั่งอยู่เฉย ๆ นางจึงลุกไปยังห้องครัว และลงมือทำอาหารจากเนื้อและผักจากในมิติของตนโดยมีข้ออ้างกับตงลู่ว่า ตนเองแอบออกไปซื้อที่ตลาดมา และห้ามตงลู่บอกกับฟู่หลงเหยียนว่านางออกไปด้านนอก แต่ให้บอกว่าเขาคือคนที่ไปซื้อเนื้อกับผักพวกนี้ ตามคำขอของนาง อวี้จิ่นข่มขู่ตงลู่ด้วยอาหารบนโต๊ะนั่น ถ้าไม่ยอมทำตามที่นางบอกเขาจะอดกินมันอย่างแน่นอนคำข่มขู่ของอวี้จิ่นย่อมเป็นผล เมื่อตงลู่อยากชิมอาหารบนโต๊ะ ซึ่งมันไม่เหมือนอาหารที่เขาเคยทานมาก่อน ตงลู่ต้องออกจากห้วงความคิดของตน เมื่อได้ยินเสียงประตูจวนถูกเปิด เขารีบบอกให้อวี้จิ่นไปซ่อนตัวไว้ ส่วนตนเองจับดาบไว้แน่น ออกไปยืนซ่อนตัวอยู่ด้านหลังประตู แต่คนที่มากลับเป็นเจ้านายของตนมิใช่คนร้าย“แอ๊ดดด!! ชิ้ง!! พวกเจ้าปะ นายน้อย!!”“ตงลู่! นี่เจ้าอยากประลองฝีมือกับนายน้อย ถึงกับถือดาบมาดักรออยู่หลังประตูเชียวรึ” อู๋จิ้งเห็นตงลู่ชักดาบเมื่อประตูเรือนด้านหน้าเปิดออกจึงเรียกสหายทันที“ขออภัยขอรับนายน้อย บ่าวคิดว่ามี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-07
  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 9 แผนเพิ่มอำนาจของบ้านรองเจียง

    จิ้งโม่และมู่ฉีกลับที่พักของพวกตนทันที หลังจากออกมาจากค่ายทหาร ในจดหมายจิ้งโม่เขียนไว้อย่างละเอียด รวมถึงเรื่องที่เจียงหยวนกำลังออกเดินทางไปรอเจ้านาย อาจจะเป็นที่เมืองชางโจว เมื่อภารกิจสำเร็จทั้งสองจึงไปดื่มฉลองกันเล็กน้อยตามประสาบุรุษด้านแม่ทัพใหญ่ที่กลับมาถึงจวนในยามเซิน ได้สั่งให้พ่อบ้านเจียงไปแจ้งที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าว่า เย็นนี้เขาจะพาฮูหยินไปรับสำรับเย็นที่นั่น และบอกให้แม่ครัวเตรียมอาหารไว้มากกว่าเดิมสักหน่อย ก่อนที่ตัวของแม่ทัพใหญ่จะกลับไปชำระล้างร่างกายเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อไปพบฮูหยินที่ไม่ยอมออกจากจวนมาหลายปีมู่เสียสาวใช้คนสนิทของจางฮูหยิน เมื่อเห็นว่านายท่านของจวน มาพบนายหญิงของตนเร็วกว่าทุกวัน จึงจะเข้าไปบอกเจ้านายแต่ว่านางถูกนายท่านเรียกตัวเอาไว้เสียก่อน“มู่เสีย”“คารวะนายท่านเจ้าค่ะ”“เจ้าไม่ต้องไปรายงานน้องหญิง แต่ไปเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ดูชุดที่มีสีสันสดใสสักเล็กน้อยก็แล้วกัน วันนี้ข้าจะพานางไปรับอาหารเย็นที่เรือนท่านแม่” แม่ทัพใหญ่สั่งงานกับมู่เสีย ก่อนจะเข้าไปหาฮูหยินของตน ที่ยังคงมีสีหน้าไร้ชีวิตชีวาเช่นทุกวัน“เอ่อ เจ้าค่ะนายท่าน” มู่เสียทำท่าคล้ายมีคำถาม แต่ก็ต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-07
  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 10 เมืองหลวงรอข้าก่อนเถิด

    ตระกูลเจียงสายหลักและสายรองในเมืองหลวง กำลังต่อสู้กันอยู่อย่างเงียบ ๆ มีเพียงคนที่เป็นสหายเท่านั้น ที่รับรู้ว่าสองพี่น้องต่างแม่เกลียดกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร คนที่เป็นฝ่ายชนะมักจะเป็นแม่ทัพใหญ่อยู่เสมอทางด้านเมืองเฉียนโจว นายกองจั๋วได้เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เหลือเวลาอีกหนึ่งวัน ฟู่หลงเหยียนจะนำตัวนักโทษออกเดินทางเสียที แต่ในต้นยามเฉินฟู่หลงเหยียนก็ได้รับจดหมายจากจิ้งโม่“นายน้อยขอรับจดหมายจากจิ้งโม่น่าจะเพิ่งมาถึง คงเกี่ยวกับเรื่องของคุณหนูอวี้จิ่นนะขอรับ” เฉินอิ่นนำจดหมายออกจากขานกพิราบ ที่บินมาจากเมืองหลวงมอบให้เจ้านายของเขา“อืม ขอบใจ”ฟู่หลงเหยียนรับจดหมายมาเปิดอ่านที่เขียนมาสั้น ๆ แต่สามารถเข้าใจความหมายที่จิ้งโม่บอกมาเป็นอย่างดี‘ตระกูลเจียง คาดว่าทารกถูกสับเปลี่ยนและเป็นแผนร้ายของตระกูลสายรอง สหายของนายน้อยกำลังเดินทางไปสมทบ’“หึ นางเป็นบุตรสาวของตระกูลนี้จริง ๆ สินะ” เมื่อได้รับการยืนยันจากข่าวของจิ้งโม่ ฟู่หลงเหยียนจึงมั่นใจเต็มส่วน ว่าอวี้จิ่นคือบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ บิดาของสหายของตนอย่างเจียงหยวน“เอ่อ นายน้อยข่าวของจิ้งโม่ว่าอย่างไรบ้างหรือขอรับ เจอตระกูลครอบค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-07
  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 11 ข้าคือผู้ฟื้นจากความตาย

    หลังจากเข้ามาในเมืองซวนเหอ ฟู่หลงเหยียนพาอวี้จิ่นเข้าออกร้านเครื่องปรับไปสองร้านแล้ว แต่ว่านางก็ยังไม่เจอสิ่งที่ถูกใจ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนกันไปหมด ถึงกับบ่นในใจเงียบ ๆ ว่าคนที่ออกแบบเครื่องประดับไม่คิดลวดลายใหม่ ๆ บ้างหรืออย่างไร ขณะที่ทั้งสามกำลังจะเดินไปร้านใหม่ ก็มีเสียงเอะอะและเสียงร้องไห้ อวี้จิ่นที่ได้ยินเสียงเด็กที่ร้องไห้ก็ออกตัวเดินนำไปก่อนใคร“พวกไร้ประโยชน์!! เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ ให้ช่วยทำงานอะไรก็ไม่ได้เรื่อง พวกเจ้าสองคนทำข้าวของในบ้านข้าเสียหายไปเท่าไหร่แล้ว คิดว่าบ้านข้าร่ำรวยมีเงินซื้อชิ้นใหม่ทุกวันรึ ข้าเลี้ยงพวกเจ้าสองคนพี่น้องไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาต้องตอบแทนบุญคุณ พวกเจ้าถูกซื้อตัวโดยเศรษฐีเย่าแล้วรีบลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ข้าเหนื่อยจะพูดเต็มทีแล้วนะ!” เสียงสตรีวัยกลางคนที่ตะคอกเด็กสองพี่น้อง ที่ไม่มีการตอบโต้มิหน้ำซ้ำยังถูกทุบตีอย่างทารุณอวี้จิ่นแหวกทางผู้คนเข้ามาก็เห็นสตรีร่างท้วมดูมีอายุ สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาทั่วไปคล้ายชาวบ้าน ที่พอจะมีกินมีใช้กำลังพยายามดึงเชือกที่มัดเด็กชายกับเด็กหญิง พวกเขาน่าจะเป็นพี่น้องกันอายุคงไม่เกินสิบเอ็ดหรือสิบสองหนาว เสื้อผ้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-08
  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 12 นางคือน้องสาวของข้า

    เมื่อจบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองซวนเหอ วันต่อมาขบวนนักโทษจึงออกเดินทางอีกครั้ง แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นหลังจากพวกเขาไปแล้ว เริ่มเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง เรื่องที่มีสตรีฟื้นจากความตายพร้อมพรวิเศษเพื่อจัดการคนชั่ว เริ่มแพร่กระจายออกไปตามพื้นที่ต่าง ๆ อย่างรวดเร็วและมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อแต่สำหรับฟู่หลงเหยียนเขาเชื่ออย่างสนิทใจกับเรื่องนี้ มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาอยากรู้ว่า เกิดเหตุการณ์อะไรกับอวี้จิ่น ถึงทำให้นางต้องตาย และเหตุผลที่นางได้ฟื้นขึ้นมาจากความตายคืออะไร หรือจะเกี่ยวกับเรื่องที่นางไม่ได้รับความยุติธรรม จากฝีมือของตระกูลเจียงสายรอง แม้อยากรู้รายละเอียดมากเพียงใด ก็ไม่คิดจะถามเพราะนั่นเป็นความลับของนางการเดินทางยังคงเป็นไปอย่างราบรื่น เช่นที่ผ่านมาหลายหัวเมือง ซึ่งพวกเขาใกล้จะถึงเขตของเมืองเหลียนโจว ที่นี่มีเจียงหยวนกับหลี่อี้ที่เดินทางมาถึงได้สองวัน และกำลังพักให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง แต่คนเป็นพี่ชายที่จะได้เจอน้องสาว ที่ไม่เคยเห็นหน้ากำลังตื่นเต้นจนชักชวนหลี่อี้ไปเดินหาซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับไว้รอน้องสาว“หลี่อี้เจ้าว่าน้องสาวของข้า นางจะเหมาะกับเสื้อผ้าสีอะไร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-08
  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 13 พี่ชายผู้ตามใจน้องสาว

    เมื่อทำความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อย หลี่อี้ที่ไปตามเฉินอิ่นก็เดินเข้ามาพร้อมกันพอดี จึงเริ่มหารือแผนการรับมือนักฆ่าขึ้น“นายน้อย/คุณชาย”“พวกเจ้ามาก็ดีแล้วนั่งลงเถิด ข้ากับอาหยวนมีเรื่องต้องบอกกับพวกเจ้า คืนนี้กำชับทุกคนให้ระวังตัวเอาไว้ เพราะจิ่นเอ๋อร์เห็นว่ามีนักฆ่าติดตามมาเพื่อสังหารอาหยวน และตอนนี้คงหลบซ่อนตัวอยู่ น่าจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล จากบริเวณจุดพักของพวกเรา ดังนั้นคืนนี้ตงลู่เจ้ามีหน้าที่คอยอารักขาจิ่นเอ๋อร์ที่รถม้า หากมีนักฆ่าหลุดรอดไปถึงที่นั่นฆ่าพวกมันให้หมดส่วนเฉินอิ่นกับอู๋จิ้งแยกกันไปอยู่กับกลุ่มทหาร หลี่อี้เจ้าอยู่กับพวกข้าที่นี่พวกมันต้องแยกกันสังหารทุกคน แต่ตัวหัวหน้ากับลูกน้องบางส่วน คงตรงมาหาอาหยวนที่เป็นเป้าหมายหลัก” ฟู่หลงเหยียนสั่งการแบ่งหน้าที่ เพื่อปกป้องทหารจากเมืองเฉียนโจวด้วย พวกเขายังต้องกลับไปหาครอบครัวเช่นกัน“รับทราบขอรับนายน้อย” เฉินอิ่นที่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ย่อมเกิดขึ้นจริง จึงสะกิดสหายให้ทำตามคำสั่งของเจ้านาย เพราะพวกเขายังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองซวนเหอ ตงลู่กับอู๋จิ้งจึงอ่านปากของเฉินอิ่น ที่บอกว่าจะเล่าเรื่องราวให้ฟังทีหลัง“รับทราบขอรับ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-09
  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 14 กลับคืนสู่ตระกูลเจียง

    ยามเฉินวันต่อมาขบวนนักโทษของฟู่หลงเหยียน เริ่มออกเดินทางมุ่งหน้ากลับสู่เมืองหลวงอีกครั้ง หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่นักฆ่าติดตามมา เพื่อสังหารรองแม่ทัพเจียง ทุกคนในขบวนจึงเพิ่มความระแวดระวังมากขึ้น คอยสังเกตผู้คนและบรรยากาศ ที่ทำให้คิดไปในทางร้ายไว้ก่อน แล้วค่อยทำการตรวจสอบอีกครั้ง ว่ามีปัญหาหรือไม่แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีจากเมืองเหลียนโจว ขบวนนักโทษใช้เวลาอีกยี่สิบห้าวัน ในที่สุดก็มองเห็นกำแพงอันกว้างใหญ่ของเมืองหลวงเสีย ผู้คนมากมายที่รออยู่ด้านหน้า ต่างก็หลีกทางให้ขบวนนักโทษ เมื่อมีรองแม่ทัพเจียงเป็นผู้เปิดทางด้วยตนเอง ก่อนจะแยกย้ายไปทำภารกิจของตนให้สำเร็จลุล่วง ฟู่หลงเหยียนไม่ลืมเข้าไปบอกกล่าวกับอวี้จิ่น ที่กำลังตะลึงกับความคึกคักของเมืองหลวงแคว้นจ้าวแห่งนี้“ว้าว! นี่คือเมืองหลวงงั้นหรือผู้คนดูพลุกพล่านไม่น้อยเลยนะเนี่ย”“จิ่นเอ๋อร์”“หืม เจ้าคะพี่ชายฟู่”“เจ้ากลับไปที่ตระกูลเจียงกับพี่ชายของเจ้าก่อนนะ ไว้พี่จัดการเรื่องนักโทษพวกนี้เสร็จสิ้นแล้ว จะไปเยี่ยมเจ้าที่จวนจำที่พี่เคยเตือนไว้ได้หรือไม่เรื่องของตระกูลเจียงสายรองน่ะ”“จำได้สิเจ้าคะ พี่ชายฟู่ไม่ต้องห่วงข้าจะระวังให้มาก หากมีใค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-09

บทล่าสุด

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนพิเศษ 2 แค่สาดผงยาพิษก็ได้สิทธิ์เป็นท่านหญิง

    ฟู่หลงเหยียนและเจียงหยวนยังคงซ่อนตัวอยู่ พวกเขาอยากรู้ว่าสองพี่น้องจะรับมือคนพวกนี้ เพื่อหาทางเอาตัวรอดอย่างไร “พวกเจ้าเอาตัวเด็กสองคนนั่นลงมา อย่ามัวชักช้ายืดยาด หากงานไม่สำเร็จละก็ จะกลายเป็นพวกเราที่ต้องตายแทน” ซานถูลงไปยืนรอยังจุดที่เลือกไว้ สำหรับการขุดหลุมฝังเจียงข่ายเหวินและฟู่เจียฉี“ถุ้ย!! อย่าเอามือสกปรกของเจ้ามาถูกตัวน้องสาวข้า” เจียงข่ายเหวินตะคอกลูกน้องซานถูทันที เมื่อมือหยาบนั้นกำลังจะดึงตัวฟู่เจียฉี ออกไปจากอ้อมกอดของตน“เหวินเกอไม่ต้องกลัวนะ ฉีเอ๋อร์จะปกป้องท่านเองเจ้าค่ะ” ฟู่เจียฉีมิใช่เด็กหญิงตัวน้อยขี้แย เพราะมีบิดาคอยสอนให้เข้มแข็งมีสติ ถึงจะเป็นเด็กแต่เมื่อมีสติก็สามารถเอาตัวรอดได้“ฮ่า ๆ ๆ ลูกพี่ดูเจ้าเด็กสองคนนี่สิ ช่างเป็นญาติพี่น้องที่รักกันดีเสียเหลือเกิน” เกาจิ่งหัวเราะกับท่าทางของฟู่เจียฉี“เหอะ ก็คงเห็นตัวอย่างจากบิดมารดากระมัง เร็ว ๆ ๆ พาตัวลงจากรถม้าได้แล้ว ยังต้องขุดหลุมอีกพวกเจ้าอย่าลืมสิ” ซานถูเร่งลูกน้องของตนให้ทำตามคำสั่งขณะที่เกาจิ่งหันไปพูดคุยกับซานถู ฟู่เจียเฟยได้หยิบห่อยาพิษที่บิดาเพิ่งมอบให้ ก่อนจะแบ่งให้เจียงข่ายเหวินอีกสองห่อ เด็กชายมองหน้า

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนพิเศษ 1 ญาติผู้พี่กับญาติผู้น้อง

    ณ จวนตระกูลเจียงหลังจากอวี้จิ่นออกเรือนแต่งเข้าตระกูลฟู่ ลูกสะใภ้ของตระกูลเจียงอย่างจ้าวเจียเฟย ก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย ซึ่งในอนาคตเขาขคือผู้สืบทอดตระกูลเจียงต่อจากบิดา ชื่อของหลานชายฮ่องเต้ผู้เป็นเสด็จตา ประทานนามให้ว่า ‘ข่ายเหวิน’ หมายถึง ผู้ชนะและมีความรู้ และชื่อนี้ก็เข้ากับลักษณะนิสัยของเจ้าตัวน้อยได้เป็นอย่างดีนอกจากมารดาจะเป็นที่โปรดปรานแล้ว เมื่อให้กำเนิดหลานชายย่อมได้รับความโปรดปราน ไม่ต่างจากผู้เป็นมารดาเช่นกัน สร้างความอิจฉาริษยาให้กับองค์ชายองค์หญิงที่มีหลานให้กับฮ่องเต้ องค์ชายองค์หญิงที่รู้จักประมาณตน จะอบรมสั่งสอนบุตรของตนให้รักญาติพี่น้อง แต่สำหรับคนที่จิตใจดำมืดเกินเยียวยา ย่อมสั่งสอนและปลูกฝังความริษยาลงในจิตใจของบุตร ตระกูลเจียงมีทายาทแล้ว ทางด้านตระกูลฟู่จะไม่มีได้อย่างไร หลังจากเจียงข่ายเหวินอายุได้สองหนาว อวี้จิ่นแต่งเข้าจวนฟู่ได้ครึ่งปีก็ตั้งครรค์ และให้กำเนิดบุตรสาวนามว่าฟู่เจียฉี หากจะกล่าวว่าญาติผู้พี่เจียงข่ายเหวินหล่อเหลาตั้งแต่เยาว์วัย ญาติผู้น้องอย่างฟู่เจียฉีจะน้อยหน้าได้หรือ เด็กหญิงเกิดมาพร้อมกับดวงหน้ารูปหยดน้ำ จมูกโด่งได้รูปรับกับใบหน้า ริ

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 61 งานแต่งธรรมดาแต่ท่านเทพจะมาทำไมเจ้าคะ (จบ)

    หลังจากตระกูลฟู่และตระกูลเจียง ได้แลกหนังสือหมั้นหมายของบุตรชายบุตรสาว ข่าวลือเรื่องทั้งสองตระกูลจะเกี่ยวดองกัน ก็แพร่กระจายไปตามร้านรวงต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว คนที่อวยพรให้ทั้งสองสุขสมก็มีอยู่มาก คนที่อิจฉาริษยาก็มีไม่น้อย ล้วนเป็นสตรีที่ยังไม่ออกแต่แล้วอย่างไรในเมื่อฟู่หลงเหยียนมิได้สนใจ พวกนางก็เป็นได้แค่เศษฝุ่นที่ลอยไปกับสายลมเท่านั้น เพราะในสายตาของฟู่หลงเหยียน ไม่เคยละไปจากคู่หมั้นที่เริ่มจะเปล่งประกายความงามหลังจากนั้นอีกสามเดือนต่อมา ปรากฏว่าองค์หญิงใหญ่ตั้งครรภ์ อย่างที่อวี้จิ่นเคยบอกพวกเขาเอาไว้จริง ๆ เจียงหยวนแอบไปพบน้องสาว เพราะเขาอยากรู้ว่าเด็กในครรภ์องค์หญิงใหญ่ เป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง เขาจะได้เตรียมรับมือบุตรคนได้ถูก พอได้รู้ว่าตนเองจะได้บุตรชาย การวางแผนเลี้ยงดูจึงถูกคิดขึ้นทันทีตั้งแต่อวี้จิ่นกลายเป็นคู่หมั้นของหัวสำนักตรวจการ หากไม่มีภารกิจลับและออกเดินทางไปต่างเมือง ข้างกายของอวี้จิ่นย่อมมีบุรุษร่างสูงใหญ่กำยำ นามว่าฟู่หลงเหยียนอยู่กับนางเสมอ จนเหล่าบุรุษที่มั่นใจว่าตนเองหน้าตาหล่อเหลา ต้องวิ่งหาที่หลบแทบไม่ทัน แค่ฟู่หลงเหยียนจ้องมองพวกเขาก็หายไม่ออกกันแล้วทุก

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 60 หมั้นหมายอย่างเป็นทางการ

    ฟู่หลงเหยียนพาอวี้จิ่นกลับมาส่งที่จวน ภายหลังที่พลุถูกจุดจนหมดเรียบร้อยแล้ว ด้วยตอนมาร่วมงานเขานั่งรถม้า ยามนี้จำเป็นต้องยืมเจ้าเสี่ยวหงกลับจวนไปก่อน และค่อยนำมันมาคืนอวี้จิ่นทีหลังอวี้จิ่นยืนส่งฟู่หลงเหยียนขี่เจ้าเสี่ยวหง จนแผ่นหลังของเขาหายลับไปจากสายตา ถึงได้เดินเข้าจวนอย่างอารมณ์ดี ทำให้คนเดินตามหลังอย่างตงลู่กับเฟยอิน เอ็นดูกับท่าทางที่เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวเขินอาย อยากจะหัวเราะแต่ต้องอดกลั้นเอาไว้แต่พอมาถึงเรือนของตนอวี้จิ่นพบว่า เป่าจูสาวใช้ของพี่สะใภ้ กำลังเดินไปมาชะเง้อมองหาใครอยู่ “หืม นั่นใช่พี่เป่าจูสาวใช้ของพี่สะใภ้ใช่ไหมพี่เฟยอิน”“ใช่จริง ๆ ด้วยเจ้าค่ะคุณหนู ว่าแต่นางมาทำอะไรที่เรือนของท่าน ยามนี้มิใช่ต้องอยู่รอรับใช้องค์หญิงใหญ่หรอกรึ?”เป่าจูเมื่อเห็นอวี้จิ่นกลับมาที่เรือน จึงสาวเท้าไปหานางดั่งพายุ สร้างความงุนงงจนอดคิดไม่ได้ว่า จะเกิดเรื่องอันใดที่เรือนของพี่ชายตนหรือไม่“คุณหนูเจียงในที่สุดท่านก็กลับมาเสียทีเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของเป่าจูดูร้อนรนแปลก ๆ“พี่เป่าจูท่านมารอพบข้ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่เจ้าคะ”“คือบ่าวมารอพบคุณหนูที่นี่ เพราะมีเรื่องจะรบกวนท่านจริง ๆ เจ้าค่ะ”“พี่เ

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 59 งานมงคลกับคนสารภาพรัก

    ซีอ๋องอยู่ร่วมงานเลี้ยงชนะสงครามเท่านั้น อีกสองวันต่อมาจึงออกเดินทางพร้อมหีบยาจำนวนมาก ยังมีเมล็ดพันธุ์ผักที่อวี้จิ่นใจดีมอบให้อีกหนึ่งหีบ ที่สำคัญทรงอยากกลับไปชำระความ กับสตรีชั่วที่ปองร้ายบุตรชายเพียงคนเดียวของตน ซึ่งตอนนี้นางกำลังตั้งตนเป็นเจ้าของตำหนักอ๋อง จนลืมไปว่านางเป็นแค่ชายารองเท่านั้นข่าวลือที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว เรื่องฤกษ์มหามงคลที่มีขึ้น ในอีกสามสัปดาห์ต่อจากนี้ ทำเอาวังหลวงวุ่นวายจนเวียนหัว เพื่อเตรียมงานอภิเษกสมรสขององค์หญิงใหญ่ พระธิดาคนโปรดของฮ่องเต้ให้ออกมาดีที่สุด ห้ามขาดตกบกพร่องแม้แต่นิดเดียวส่วนตระกูลเจียงถือว่าโชคดีมาก ที่อวี้จิ่นได้บอกมารดาไว้ก่อนหน้านี้ ทุกอย่างในจวนจึงพร้อมต้อนรับสะใภ้ใหญ่ หลังจบงานเลี้ยงวันถัดมายามปลายยามเฉิน ขบวนสินสอดนับร้อยหีบผูกด้วยผ้าสีแดง พร้อมสามหนังสือหกพิธีการนำไปส่งมอบให้กับฮองเฮา ก็ทยอยออกจากจวนตระกูลเจียงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงทันทีชาวบ้านสองข้างทางต่างหยุดมอง และเริ่มพูดถึงเรื่องสมรสพระราชทานอีกครั้ง ตระกูลใดที่รอจัดงานพร้อมแม่ทัพเจียง ต่างเร่งจัดเตรียมข้าวของเรือนหอ อาหารการกินที่ต้องใช้เลี้ยงแขกในงาน เผื่อว่าการแต่งงานในฤก

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 58 ขอรางวัลสมรสพระราชทาน

    หลังจากหวาอานส่งจดหมายกลับไปยังเหอหยาง เมื่อแม่ทัพเสียนมู่ได้อ่านเนื้อหาในจดหมาย จึงนำกำลังทหารบางส่วนมุ่งหน้าไปยังจวนซีอ๋อง เพื่อรับตัวซื่อจื่อมาดูแลเป็นการชั่วคราว คราแรกพระชายารองไม่ยินยอม แต่พอได้เห็นป้ายผู้แทนของซีอ๋อง ที่อยู่ในมือของแม่ทัพเสียนมู่แล้ว ถึงได้ยอมปล่อยซื่อจื่อให้แม่ทัพเสียนมู่พาตัวกลับจวนส่วนเจ้าของคำสั่งที่พักอาศัยในจวนแม่ทัพใหญ่ ได้เห็นแปลงผักที่หลากหลายก็เกิดความสนใจ ซีอ๋องคิดว่าหากกองทัพหรือราษฎรที่เหอหยาง สามารถปลูกพืชผักได้เช่นจวนแม่ทัพใหญ่ ย่อมมีเสบียงสำรองมากพอยามฤดูเหมันต์มาเยือน ทุกคนต้องผ่านความอดอยากได้แน่เมื่อซีอ๋องถามกับบ่าวไพร่เรื่องการปลูกผัก คำตอบที่ได้ก็เกี่ยวกับบุตรสาวแม่ทัพใหญ่อีกแล้ว จนกระทั่งได้มานั่งพูดคุยเรื่องการค้า ซีอ๋องจึงถือโอกาสสอบถามอวี้จิ่นเรื่องผักที่ปลูกด้วยเสียเลย“คุณหนูเจียงเรื่องสัญญาการค้ายาสมุนไพร เปิ่นหวางยินดีทำตามข้อเสนอของเจ้า เพียงแต่ว่ามีอีกเรื่องที่เปิ่นหวางอยากรู้”“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ยอมทำการค้า กับร้านยาเล็ก ๆ ของหม่อมฉันเพคะ ว่าแต่ท่านอ๋องทรงอยากทราบเรื่องอันใดหรือเพคะ”“เปิ่นหวางอยากถามเกี่ยวกับวิธีปลูกผัก ให้ไ

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 57 บิดาและพี่ชายกลับมาพร้อมแขกสูงศักดิ์

    เรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงบุปผาในวังหลวง ถูกพูดถึงในเช้าวันต่อมาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องของเลี่ยวหลวนเฉิน สมรู้ร่วมคิดกับโจรหยางเสวียน กดขี่ข่มเหงขูดรีดเงินภาษีจากชาวเมืองซุยโจว เมื่อถึงเวลานำตัวทาสทุกคนออกเดินทาง จึงใช้เวลานานกว่าทุกครั้งเพราะผู้คนสองข้างทาง ต่างเฝ้ารอขว้างปาสิ่งของและด่าทอสาปแช่ง กว่าจะหลุดพ้นจากประตูเมืองหลวง ก็บาดเจ็บกันไปไม่น้อยกับทาสทั้งหลายหลังจากงานเลี้ยงจบลงได้ไม่ดีเท่าใดนัก อีกสามวันต่อมารัชทายาทจ้าวเจาเยี่ยน ก็กลับมาจากการทำภารกิจตามราชโองการ แต่รัชทายาทกลับไปชำระล้างพระวรกายที่ตำหนักบูรพา จากนั้นจึงเสด็จไปเข้าเฝ้ากราบทูลรายงานต่อพระบิดา“ถวายพระพรเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”“อืม ลุกขึ้นเถิดรัชทายาท เจ้าเพิ่งกลับมาถึงเช่นนั้นรึ” ฮ่องเต้ทรงเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของโอรสก็ทรงทราบแล้ว“พ่ะย่ะค่ะ ลูกเพิ่งกลับมาถึงเมื่อยามซื่อ และต้องการรายงานเรื่องน้ำที่เมืองสุยโจวพ่ะย่ะค่ะ” รัชทายาทมิอาจรั้งรอได้นาน เนื่องจากต้องรีบคัดเลือกขุนนางไปรับตำแหน่งเจ้าเมือง“ปัญหาเรื่องน้ำที่เมืองสุยโจวเป็นอย่างไร สาเหตุเกิดจากภัยธรรมชาติหรือฝีมือของมนุษย์กันแน่”“ทูลเสด็จพ่อเป็น

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 56 งานเลี้ยงบุปผาหรืองานเลี้ยงหงเหมิน

    ภายหลังที่ได้หลักฐานและล่วงรู้แผนชั่วแล้ว ฟู่หลงเหยียนมาส่งอวี้จิ่นด้วยวิธีเดิม และไม่ลืมพูดถึงเรื่องงานเลี้ยงบุปผา ที่ฮองเฮาจะจัดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า เขาบอกให้อวี้จิ่นและมารดารออยู่ที่จวน แล้วเขาจะเป็นคนมารับอวี้จิ่นด้วยตนเองพอกลับมาถึงจวนฟู่หลงเหยียนย่อมไปพบบิดา เพื่อบอกเล่าแผนการของเลี่ยวหลวนคุน และยังมีหลักฐานที่สายของตนได้มา“ก๊อก ๆ ๆ ท่านพ่อข้าเองขอรับ”“เข้ามาเถิดอาเหยียน”เมื่ออนุญาตให้บุตรชายเข้ามาในห้องหนังสือได้ ก็มีห่อผ้าวางลงตรงหน้าของฟู่กั๋วกง คำถามจึงเกิดจากสายตาโดยไม่ต้องมีคำพูด“เรียนท่านพ่อ ในห่อผ้านี้เป็นสมุดบัญชีที่ใต้เท้าเลี่ยว แอบนำไปฝังไว้ใต้ดินหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม สายของเราที่อยู่ในจวนสังเกตเห็นท่าทางมีพิรุธ ถึงได้ตามไปเงียบ ๆ จากนั้นก็ขุดมันออกมามอบให้ข้าขอรับ”“หมายความว่าสิบปีที่ผ่านมา ใต้เท้าเลี่ยวติดต่อกับโจรป่าหยางเสวียน และแบ่งปันทรัพย์สินจากการปล้น รวมถึงเงินที่เก็บภาษีจากชาวบ้านด้วยงั้นรึ” ฟู่กั๋วกงไม่คิดมาก่อนว่าใต้เท้าเลี่ยว จะเก็บซ่อนความลับนี้ได้นานถึงสิบปี โดยไม่มีผู้ใดระแคะระคายแม้แต่น้อย“คาดว่าจะเป็นเช่นที่ท่านพ่อพูดมาขอรับ ส่วนเรื่อง

  • แม่หมอหลงยุคมาเป็นหมอดูผู้มีญาณวิเศษ   ตอนที่ 55 ว่าที่พี่สะใภ้ข้าใครก็ห้ามแย่ง

    หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลเศรษฐีม่าย เมื่อพยานอย่างม่ายจิ่นเม่ยให้การกับใต้เท้ากวน และลูกน้องทั้งสองของท่านหมอซัง ยอมสารภาพทุกอย่างต่อใต้เท้ากวน เพราะพวกเขาถูกดวงวิญญาณหญิงสาว ตามมาคอยหลอกหลอนจนนอนไม่หลับ ไหนจะความเจ็บปวดจากยาพิษของอวี้จิ่น ทำให้พวกเขาอยากตายเพื่อหลุดพ้นความทรมานเมื่อมีทั้งพยานที่ยังรอดชีวิตและคำสารภาพ จากคนเป็นลูกน้องของซังปินจีทั้งสองคน โทษประหารชีวิตย่อมเกิดขึ้นแน่นอน เพียงแค่ก่อนจะลงดาบประหารนั้น ใต้เท้ากวนได้ให้ทั้งสามคนได้รู้ซึ้งถึงความทรมาน ของหญิงสาวที่ตกตายด้วยน้ำมือของพวกเขาเสียก่อน ด้วยการให้เจ้าหน้าที่ทำการแขวนคอนักโทษ พอใกล้จะขาดใจก็หย่อนเชือกให้หายใจต่อ ทำเช่นนั้นอยู่ถึงสามครั้งถึงจะนำตัวไปตัดหัว“เจ้าหมอชั่วจงตกนรกอย่าได้กลับมาเกิดเป็นคนอีกเลย”“ถ้าพวกเจ้ากลับมาเกิดขอให้เป็นสัตว์เดรัจฉาน ที่เป็นเหยื่อให้สัตว์ใหญ่ไล่ล่ากินเนื้อพวกเจ้า”“สงสารหญิงสาวที่ต้องตายเพราะคนชั่วจริง ๆ ขอให้พวกเจ้าไปสู่สุขคติด้วยเถิด”ในวันประหารชีวิตมีชาวบ้านไม่น้อยมามุงดู หนึ่งในนั้นย่อมเป็นครอบครัวตระกูลม่าย ที่ได้รับความเป็นธรรมและยังมีชีวิตอยู่ต่อไปก่อนครอบครัวตระกูล

DMCA.com Protection Status