แชร์

ตอนที่ 5 ข้อแลกเปลี่ยนที่เข้าทางฟู่หลงเหยียน

ล่วงเลยเข้าปลายยามห้าย อวี้จิ่นออกจากห้องพักแสร้งเดินเล่น

ไปตามถนนในเมืองเฉียนโจว ในมือข้างซ้ายถือลูกผิงกั่วกัดกินไปด้วย ท่ามกลางความเงียบสงัดอย่างที่คนบังคับรถม้าบอก ทำให้รู้สึกวังเวง

อยู่ไม่น้อย แต่นั่นไม่ช่วยให้ความอยากรู้ลดลงแต่อย่างใด ด้านบนหลังคายังมีคนกลุ่มหนึ่งคอยตามอวี้จิ่นไปเงียบ ๆ

หลังจากเดินเลี้ยวไปเลี้ยวมาอยู่หลายมุม จนเริ่มจะเมื่อยขาและอวี้จิ่นคิดว่า คืนนี้ไม่น่ามีเหตุการณ์ในข่าวลือเกิดขึ้น จึงคิดจะเดิน

กลับโรงเตี๊ยมเพื่อนอนพักเอาแรง ยามที่กำลังคิดเรื่องกลับห้องพัก

ก็มีเสียงหัวเราะแทรกเข้ามา ด้วยบรรยากาศที่เงียบเชียบ พอมีเสียงหัวเราะกลับกลายเป็นความรู้สึกน่ากลัว สำหรับคนในเมืองเฉียนโจวยิ่งนัก  แต่อวี้จิ่นทำเพียงหยุดเดินและรอคอยอย่างตั้งใจ ว่าผีสาวตนนี้จะทำอะไรกับนาง ถ้าหากนางถามคำถามออกไป มันจะตอบคำถามของนาง

ได้หรือไม่

“ฮิ ๆ ๆ อาหารของข้า”

“โอ๊ะ!! ในที่สุดก็ออกมาจนได้ ขอดูหน้าหน่อยก็แล้วกัน ว่าจะเป็น

ผีสาวใบหน้างดงามหรือน่าขยะแขยง”

“ฮ่า ๆ ๆ มาเป็นอาหารให้ข้าเสียเถิดเด็กน้อย แผล่บ ๆ”

“ขวับ!! สวัสดีตอนดึกเจ้าค่ะ เป็นผีทำไมถึงรู้สึกหิวได้ล่ะ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะว่า วิญญาณคนตายจะรู้สึกหิวเหมือนคนปกติ”

“...?...”

“อ๋า เมื่อกี้ยังพูดอยู่เลยทำไมเงียบไปไม่ตอบคำถามข้าล่ะ หรือว่าจะหิวจนพูดไม่ออก เอานี่ไปกินรองท้องก่อนไหม ผลไม้นี้เรียกว่าผิงกั่ว

มันอร่อยมากเลยนะ ลองชิมดูแล้วเจ้าจะติดใจ” อวี้จิ่นหันไปถามกับผี

ชุดขาวผมเผ้ารุงรังไม่เห็นใบหน้า และยังมีน้ำใจยื่นผลผิงกั่วให้ผีได้ชิมอีก

‘อึก...!? นางเด็กนี่มีผลไม้ราคาแพงได้อย่างไร จากเสื้อผ้าที่ใส่อยู่

ดูก็รู้ว่าฐานะยากจน แต่กลับมีผลผิงกั่วกินอย่างเอร็ดอร่อย ข้าทำงาน

ให้ใต้เท้าอวี่มาตั้งนานยังไม่กล้าซื้อมากิน ฮึ่ม นี่นางกล้าหยามข้าซึ่งหน้าเช่นนี้เชียวรึคงต้องสั่งสอนเสียหน่อยแล้ว’

เจียนฉือลูกน้องอีกคนของเจ้าเมืองเฉียนโจว คิดอย่างดูถูกฐานะของอวี้จิ่นจากเสื้อผ้าที่นางใส่อยู่ เขาทำหน้าที่แต่งตัวเป็นผีสาวออกมาอาละวาดหลายเดือน เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้าน ทั้งในเมือง

และนอกเมือง สำหรับเปิดทางให้เจ้าเมืองเฉียนโจวและคนใต้บัญชา

ขององค์ชายหก ลักลอบนำเกลือเถื่อนเข้ามาก่อนจะกระจายออกไปขาย

และวิธีนี้ช่วยให้องค์ชายหก ได้เงินจากการค้าเกลือเถื่อนแต่ละครั้ง

หลายหมื่นตำลึงทอง ซึ่งจะนำไปเลี้ยงดูกองกำลังที่แอบซ่องสุมไว้

“พี่สาวอย่าได้เกรงใจ มีของดีก็แบ่งกันกินคนละนิดคนละหน่อย กินคนเดียวมันจะไปอร่อยได้อย่างไรกัน อ่ะ ท่านถือไว้แล้วค่อยกัดทีละนิดจะได้รู้ว่ามันอร่อยมากแค่ไหน” อวี้จิ่นฉวยโอกาสที่เจียนฉือยืนนิ่งจ้องมา

ที่นางเดินเข้าไปใกล้และจับมือของเขาขึ้นมา

แต่สิ่งที่อวี้จิ่นคาดไม่ถึงคือ ภาพที่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อได้สัมผัสมือของเจียนฉือและนางเอาแต่ยืนนิ่ง เพราะกำลังปะติดปะต่อเรื่องราวจากภาพที่เห็น ว่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างที่นางคิด

ข่าวลือที่เกิดขึ้นคือฝีมือของคนและยังเป็นขุนนางอีกด้วย

ขณะนั้นเองกลุ่มคนที่คอยตามอวี้จิ่นมา เห็นว่านางยืนนิ่ง

ไม่ยอมขยับ ฟู่หลงเหยียนกำลังคิดว่านางคงถูกทำร้าย จึงกระโดดลงไปด้านล่างทันที เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เจียนฉือ ใช้มือทั้งสองข้างผลัก

ร่างของอวี้จิ่น เนื่องจากนางไม่ทันระวังตัว เมื่อถูกผลักออกอย่างแรง

ร่างของอวี้จิ่นจึงหงายหลัง เกือบจะบาดเจ็บเพราะความไม่รอบคอบ

ของตน แต่เป็นฟู่หลงเหยียนที่กระโดดเข้ามารับร่างของนางเอาไว้เสียก่อน

“ปึก อ๊ะ!!”

พรึ่บ! หมับ! ตุบ

“พวกเจ้าสามคนช่วยกันจับตัวมันไว้ อย่าปล่อยให้หนีรอดไปได้”

ฟู่หลงเหยียนเมื่อรับร่างบางไว้แล้ว จึงออกคำสั่งกับคนสนิททั้งสามทันที

“ขอรับ/ขอรับ/ขอรับ”

“บาดเจ็บที่ใดหรือไม่” เมื่อร่างบางยืนได้มั่นคง ฟู่หลงเหยียน

จึงถามถึงอาการบาดเจ็บกับร่างบางในอ้อมแขน

อวี้จิ่นที่ยังหลับตาอยู่ เพราะคิดว่าตนเองต้องเจ็บตัวแน่ ๆ

แต่พอได้ยินเสียงทุ้มติดไปทางดุเล็กน้อยถามกับตนเอง จึงตอบกลับไป

ทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่เช่นเดิม

“มะ มะ ไม่เจ้าค่ะ ดีที่ท่านมารับข้าไว้ทันจึงไม่บาดเจ็บ

ขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้าเอาไว้เจ้าค่ะ”

“หึ ควรมองหน้าผู้มีพระคุณยามต้องพูดคำว่าขอบคุณมิใช่หรือ”

“อ่อ ขอบคุณคุณชายมากที่ช่วยรับข้าเอาไว้จะ จะ เจ้าค่ะ” อวี้จิ่น

พูดจบและเงยหน้ามองผู้มีพระคุณก่อนจะอึกอัก เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างทั้งยินดีและเกรงกลัวในคราวเดียวกัน

“หึ ๆ ๆ ไม่เป็นอะไรก็ดี เจ้าหลบอยู่ด้านหลังข้าจะปลอดภัยกว่านะ และหวังว่าต่อไปจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้กับเจ้าอีก”

“เชอะ! ครั้งนี้ข้าแค่ไม่ทันระวังตัวเท่านั้นแหละ เจ้าผีบ้านั่นถึงมีโอกาสทำร้ายข้าได้ เป็นคนดี ๆ ไม่ชอบกลับชอบทำตัวปลอมเป็นผีสาว

มาทำร้ายคน เจ้านายสารเลวของเจ้าถือว่าฉลาดมากที่ใช้วิธีนี้ แต่แผนการทั้งหมดมันจบลง เมื่อเจ้าต้องมาพบเจอคนอย่างอวี้จิ่น ฮึ” อวี้จินไม่ชอบใจที่ถูกบุรุษตรงหน้าดูถูกความสามารถ จึงลืมตัวพูดถึงแผนการของเจียนฉือที่รับคำสั่งจากเจ้าเมืองเฉียนโจวออกไปไม่รู้ตัว

“เจ้านายสารเลว? แผนการร้าย? ที่เจ้าพูดมาหมายความว่าอย่างไร เรื่องข่าวลือมีคนบงการอยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่!” ฟู่หลงเหยียน

ได้ยินเต็มสองรูหูและคิดว่าเขาฟังไม่ผิดแน่

“ใช่น่ะสิพวกขุนนางชั่วเห็นแก่เงินสมควรถูกทำโทษ อุ๊บ!!”

อวี้จิ่นมัวแต่โมโหจึงลืมตัวบ่นเรื่องขุนนางกังฉินออกไป

“เจ้าจะปิดปากตนเองไปทำไมกัน พูดมาเสียขนาดนี้แล้วอย่าคิดจะแก้ตัวว่า เจ้าแค่พูดออกมาตามสถานการณ์เพราะมันไม่ทันแล้วล่ะ”

ยังไม่ทันจะโต้ตอบคนรู้ทัน เสียงเอะอะจากคนที่ถูกจับตัวได้

เรียกสายตาคนทั้งสองให้หันไปมอง เมื่อภายใต้ผมเผ้าที่บดบังใบหน้าไว้ แท้จริงแล้วเป็นบุรุษรูปร่างคล้ายสตรีมิใช่สตรีจริง ๆ

“เจ้าจะดิ้นไปทำไมให้เหนื่อยถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นอยู่ดี”

อู่จิ้งเริ่มรำคาญเจียนฉือที่ไม่ยอมหยุดดิ้น

“ปล่อยข้า!! หากพวกเจ้าไม่อยากเดือดร้อน จงรีบปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้ ถ้านายท่านของข้ารู้ว่าพวกเจ้าสอดมือเข้ามายุ่ง รับรองว่าพวกเจ้าต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่เมืองเฉียนโจวแห่งนี้แน่นอน” เจียนฉือแอบอ้างบารมีเจ้าเมืองมาข่มขู่กลุ่มคนที่จับตัวเขาไว้

“ไอหยา ข้ากลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้วเจ้านายของเจ้าต้องมีอำนาจมากใช่ไหม ถึงได้กล้าให้ลูกน้องอย่างเจ้ามาสร้างข่าวลือเช่นนี้” ตงลู่ทำทีว่าเกรงกลัวอำนาจของอีกฝ่ายเหลือเกิน

“นายน้อยจับตัวคนผู้นี้ได้แล้วจะให้พาไปที่ใดดีขอรับ” เฉินอิ่น

สอบถามถึงสถานที่สำหรับการไต่สวนหาความจริง

“ปิดปากให้เงียบแล้วพาไปยังตรอกร้างทิศตะวันตก ข้าต้องการรู้ความจริงทั้งหมดในคืนนี้ก่อนจะวางแผนขั้นต่อไป” แต่นั่นต้องขึ้นอยู่กับสตรีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาด้วย

“รับทราบขอรับ รีบเอาตัวมันไปที่นั่น ก่อนจะมีชาวบ้านมาเห็น

เข้าเสียก่อน” เฉินอิ่นหันไปกำชับกับสหายอีกสองคน ก่อนจะฉีกชายเสื้อของเจียนฉือออกมาอุดปากของเจ้าตัวไว้

“อื้อ ๆ ๆ”

อวี้จิ่นที่ยืนมองคนแปลกหน้าพาตัวเจียนฉือไป นางคิดว่าคงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตนแล้วจึงจะกลับโรงเตี๊ยม แต่กลับมีมือหนาจับเข้า

ที่ข้อมือของนางเอาไว้ พร้อมกับแรงดึงให้เดินตามคนกลุ่มนั้นไป หมับ!!

“เฮ้ย!! ดะ ดะ เดี๋ยวก่อน ๆ ๆ ท่านจะจับมือข้าไว้ทำไมกันเจ้าคะ

แล้วจะพาไปที่ใดข้าจะกลับโรงเตี๊ยมของข้านะเจ้าคะ”

“หืม ใครบอกว่าจะให้เจ้ากลับไปโรงเตี๊ยมในยามนี้ เจ้าต้องตามข้าไปและเรื่องในคืนนี้ เจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก เพราะเจ้ารู้ในสิ่ง

ที่ข้าไม่รู้ดังนั้นเดินตามไปเสียดี ๆ หากเจ้ายังดื้อดึง ข้าจะอุ้มเจ้าแทนการจับมือว่าอย่างไรจะเลือกอย่างไหนรึ” ฟู่หลงเหยียนข่มขู่อวี้จิ่น

เมื่อนางบอกว่าจะกลับโรงเตี๊ยม

“ข้าเดินเองได้ท่านแค่เดินนำทางไปก็พอเจ้าค่ะ” จะเลือกได้ยังไง

ที่เขาพูดมานางเสียเปรียบทั้งสองทาง

“เอาตามที่ข้าตัดสินใจจับมือเจ้าไว้น่ะดีแล้วจะได้ไม่หลงทางเพราะตรอกร้างที่จะไปมันมืดมาก รีบตามพวกนั้นไปเถิดได้เบาะแสทั้งหมดเมื่อไหร่ ข้าจะไปส่งเจ้าที่โรงเตี๊ยมด้วยตัวเอง” ฟู่หลงเหยียน

ได้จับมือบางที่เขาสามารถกำได้รอบ ก็ได้แต่คิดว่าที่ผ่านมานางได้กิน

อิ่มท้องบ้างหรือไม่เหตุใดถึงผอมเหลือเกิน

“ข้าจะโต้แย้งไปทำไมในเมื่อท่านตัดสินใจแล้วนี่”

พอเห็นอวี้จิ่นทำหน้าไม่พอใจด้วยการทำแก้มป่องนั่น ทำเอา

คนเย็นชาถึงกับแอบยกยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว เขามองว่าท่าทาง

ของอวี้จิ่นยามนี้ช่างน่ารักมากเสียจริง และอยากจะแกล้งนางบ่อย ๆ

ทั้งที่เขาไม่ใช่คนนิสัยขี้แกล้งเลยสักนิด

เมื่อมาถึงตรอกร้าง การเค้นเอาความจริงจากเจียนฉือก็เริ่มขึ้น

ฟู่หลงเหยียนหาที่นั่งให้อวี้จิ่น ในระยะที่ห่างจากคนร้ายพอสมควร

เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายฉวยโอกาสใช้นางเป็นข้อต่อรอง

“บอกความจริงเกี่ยวกับนายของเจ้ามาทั้งหมด สิ่งที่ทำอยู่

โดยใช้ข่าวลือเรื่องผีสาวฆ่าคนเพื่ออะไร หากสารภาพโทษหนักจะได้

กลายเป็นเบา แต่หากไม่ยอมสารภาพเจ้าย่อมรู้ดีว่าจะได้รับโทษเยี่ยงไร”

ฟู่หลงเหยียนยืนอยู่ด้านหน้าเจียนฉือเพื่อสอบถามความจริง

“เพ้ย!! คิดว่าข้าโง่มากไม่รู้ความคิดของพวกเจ้ารึ ไม่ว่าจะพูดหรือไม่พูดก็ต้องรับโทษตายอยู่ดี แล้วข้าจะพูดให้เปลืองน้ำลายทำไม

ฮ่า ๆ ๆ” เจียนฉือรู้ดีว่าการทำงานอันตรายเช่นนี้ หากถูกจับได้ขึ้นมา

ย่อมถูกไต่สวนอย่างทรมาน สุดท้ายก็รับโทษตามกฎหมายของแคว้น

“อ่อ ถามดี ๆ ไม่ชอบต้องเจ็บตัวก่อนกระมังถึงจะยอมพูด ตงลู่

เจ้าช่วยถามแบบเจ็บ ๆ กับคนร้ายทีสิข้าอยากรู้ว่าจะปากแข็งได้นาน

แค่ไหน” ฟู่หลงเหยียนไม่อยากเสียเวลา จึงสั่งตงลู่ออกแรงสั่งสอนเล็กน้อย แต่คำว่าเล็กน้อยของเขามันไม่เหมือนผู้อื่นนี่สิ

“ขอรับนายน้อย”

ผัวะ! อ่ะ ผัวะ! อั่ก แค่ก ๆ ๆ

ฟู่หลงเหยียนเห็นตงลู่ลงมือ เขาจึงนึกขึ้นได้ว่ายังมีอวี้จิ่นนั่งดูอยู่ จึงรีบเดินไปขวางหน้าของนางไว้ เพราะไม่อยากให้เห็นความรุนแรงนี้

“อ้าว นี่คุณชายท่านจะมายืนบังไว้ทำไมกันเจ้าคะ หรือท่านคิดว่าข้าจะหวาดกลัวกับเรื่องเช่นนี้ ท่านสบายใจเถิดข้าไม่ได้อ่อนแอ

ถึงเพียงนั้น” เพราะเรื่องต่อยตีไม่ว่ากับบุรุษหรือสตรี ในโลกก่อนอวี้จิ่นล้วนผ่านมาแล้วทั้งสิ้น

“งั้นหรือ?” ฟู่หลงเหยียนหันไปมองหน้าอวี้จิ่น ที่กำลังบอกว่าเขาบดบังเรื่องสนุก อย่างการให้ผู้ติดตามของตน ทำการสั่งสอนเพื่อให้คนร้ายยอมสารภาพ

“อืม ข้าขึ้นเขาต้องพบเจอสัตวดุร้ายเป็นประจำ แค่เรื่องลงมือ

เพื่อเค้นเอาความจริงกับคนร้ายถือว่าเรื่องเล็กเจ้าค่ะ แต่ข้าว่าถึงท่าน

จะสั่งสอนไปก็เท่านั้น บุรุษผู้นี้ไม่มีทางยอมสารภาพแน่ เอาเป็นว่า

ครั้งนี้ข้าจะช่วยเหลือให้ท่านจับคนชั่วมาลงโทษก็แล้วกัน ท่านรับปาก

ได้หรือไม่ว่าจะไม่บอกใครว่ารู้มาจากข้าน่ะ” อวี้จิ่นอยากให้ชาวบ้าน

ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ต้องคอยระแวงเกี่ยวกับเรื่องภูตผีอีก

อย่างไรเสียความสามารถของนางก็มีไว้ช่วยเหลือคนดี

“ได้ข้ารับปากเจ้าจะไม่บอกใครเด็ดขาด ว่ารู้เรื่องทั้งหมด

มาจากเจ้า และยินดีช่วยเหลือหากเจ้าต้องการให้ข้าช่วย ทีนี้บอกมา

ได้หรือยังว่าเจ้ารู้อะไรบ้าง เกี่ยวกับเรื่องข่าวลือของเมืองเฉียนโจว”

ฟู่หลงเหยียนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง แม้ในใจจะเกิดความสงสัยว่าสตรีร่างบางที่เขายังไม่รู้จักชื่อแซ่ รู้รายละเอียดเบื้องหลังการปลอม

เป็นภูตผีได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่เขากับนางเข้าเมืองเฉียนโจวในวันเดียวกัน

“อืม ข้ารู้ว่าข่าวลือที่สร้างขึ้นบังหน้านี้ เพราะต้องการให้ชาวบ้านหวาดกลัว ไม่กล้าออกจากบ้านยามค่ำคืน เนื่องจากเจ้าเมืองเฉียนโจว ต้องการเปิดทางให้พรรคพวก ลักลอบขนเกลือเถื่อนเข้ามาขายทุก ๆ

สามเดือน ส่วนคนที่เป็นขุนนางตำแหน่งสูงกว่านั้น ข้าได้ยินเจ้าเมืองเรียกว่าใต้เท้าจินและมีอีกคนที่เป็นองค์ชายด้วยเจ้าค่ะ”

“นี่เจ้า!! เจ้าเป็นสายลับของใคร เหตุใดถึงรู้ความลับเรื่องนี้ได้?”

เจียนฉือตกใจกับความจริงที่อวี้จิ่นพูดออกมา เรื่องนี้เป็นความลับที่น้อยคนจะรู้ ไม่มีทางที่คนอย่างอวี้จิ่นจะรู้ลึกถึงเพียงนี้แน่

“ห๊ะ!! แค่รู้ความลับชั่ว ๆ ของพวกเจ้า ข้าต้องเป็นสายลับด้วยรึ

แต่ข้าเพิ่งจะมาถึงเมืองเฉียนโจวเมื่อกลางวันนี้เองนะ จะมีความสามารถปลอมตัวเป็นสายลับเข้าจวนเจ้าเมืองทันได้อย่างไร” อวี้จิ่นงุนงงที่คนร้ายกล่าวหาว่านางเป็นสายลับของฝ่ายตรงข้าม

“ใต้เท้าจินและองค์ชายงั้นหรือ ที่แท้คนพวกนี้ก็มีแผนการร้าย

ต่อราชบัลลังก์จริง ๆ อู๋จิ้งเจ้าไปหาเช่าจวนหลังเล็กแล้วนำตัวมันไปขังไว้

ที่นั่น อย่าให้หลบหนีออกมาได้ตงลู่เจ้าไปช่วยอู๋จิ้ง ส่วนข้าและเฉินอิ่น

จะตามหาหลักฐานที่ซ่อนไว้ทั้งหมดเอง เมื่อได้หลักฐานค่อยนำตัวนักโทษกลับเมืองหลวง” ฟู่หลงเหยียนคิดไว้แล้วว่าขุนนางในราชสำนักต้องมีส่วน

“รับทราบขอรับนายน้อย”

อวี้จิ่นพอได้ยินคำว่าเมืองหลวงจากปากของฟู่หลงเหยียน

จึงนึกบางอย่างขึ้นมาได้และต้องการทำข้อแลกเปลี่ยน เพื่อจะขอติดตามเดินทางไปเมืองหลวงกับฟู่หลงเหยียน

“เอ่อ คุณชายพวกท่านมาจากเมืองหลวงหรือเจ้าคะ หากข้า

มีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง อยากเสนอกับท่านจะได้ไหมเจ้าค่ะ”

“หืม เจ้ามีข้อแลกเปลี่ยนกับข้า แล้วสิ่งที่เจ้าต้องการแลกเปลี่ยนคือสิ่งใดหรือ” เขาแปลกใจเล็กน้อยที่จู่ ๆ นางก็บอกว่ามีข้อแลกเปลี่ยน

"ข้าแค่จะขอติดตาม ขบวนเดินทางของพวกท่านไปเมืองหลวงเท่านั้นเจ้าค่ะ” ขอเพียงได้ติดตามขบวนของขุนนาง การเดินทางของตนย่อมปลอดภัย อวี้จิ่นคิดเพียงเท่านี้จริง ๆ

“แค่นี้หรือที่เจ้าต้องการทำการแลกเปลี่ยนกับข้า?”

“ใช่เจ้าค่ะ ข้าคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับท่าน และคนติดตามแต่อย่างใด” พวกเขาเก่งกาจถึงเพียงนี้ แค่สตรีร่างเล็กอย่างนาง

คงไม่มีปัญหากระมัง

“ตกลง ข้ายินดีให้เจ้าติดตามขบวนเดินทางไปด้วย ว่าแต่สิ่งที่เจ้าจะใช้แลกเปลี่ยนในครั้งนี้คืออะไร”

“ข้ารู้ว่าหลักฐานที่คุณชายต้องการนั้นซ่อนอยู่ที่ไหน และสามารถพาท่านไปเก็บหลักฐานทั้งหมด เพื่อลงโทษขุนนางชั่วได้เจ้าค่ะ” อวี้จิ่น

พูดด้วยสีหน้าท่าทางจริงจังมาก แต่มันกลับดูน่ามองสำหรับบุรุษร่างสูงอย่างฟู่หลงเหยียนเสียเหลือเกิน

“อืม เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะส่งเจ้ากลับโรงเตี๊ยม นอนพักผ่อนให้มาก แล้วพรุ่งนี้ยามเฉินข้ากับเฉินอิ่น จะไปรอเจ้าอยู่ตรงหน้าโรงเตี๊ยม

เพื่อไปค้นหาหลักฐานจากที่ซ่อนตามที่เจ้าได้บอกเอาไว้” ฟู่หลงเหยียนพยายามสังเกตอวี้จิ่นว่านางโกหกหรือไม่ แต่แววตาของนางกลับไม่เหมือนคนโกหกแม้แต่น้อย

“เจ้าค่ะ”

อวี้จิ่นรู้สึกโล่งอก เมื่อไม่ต้องเดินทางเพียงลำพังอีก แต่เรื่องนี้

กลับทำให้ฟู่หลงเหยียนชอบใจมากกว่า ตลอดการเดินทางกลับเมืองหลวงเขาจะได้ทำความรู้จักกับอวี้จิ่นให้มากกว่านี้ เพราะฟู่หลงเหยียนแน่ใจ

แล้วว่า นางคือคนที่ทำให้หัวใจที่ไม่เคยเต้นแรงกับสตรีใดอีก กลับมา

มีชีวิตชีวาอีกครั้งด้วยการกระทำที่เป็นธรรมชาติของนาง ซึ่งมันแตกต่างกับอดีตคนรักของเขา ที่เป็นสตรีมีใบหน้างดงาม กิริยามารยาทอ่อนหวานได้รับคำชื่นชมอยู่เสมอ แต่แท้จริงแล้วเขาไม่เคยรู้จักตัวตนจริง ๆ ของนางเลยแม้แต่น้อย

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status