ยามเฉินวันต่อมาขบวนนักโทษของฟู่หลงเหยียน เริ่มออกเดินทางมุ่งหน้ากลับสู่เมืองหลวงอีกครั้ง หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่นักฆ่าติดตามมา เพื่อสังหารรองแม่ทัพเจียง ทุกคนในขบวนจึงเพิ่มความระแวดระวังมากขึ้น คอยสังเกตผู้คนและบรรยากาศ ที่ทำให้คิดไปในทางร้ายไว้ก่อน แล้วค่อยทำการตรวจสอบอีกครั้ง ว่ามีปัญหาหรือไม่แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีจากเมืองเหลียนโจว ขบวนนักโทษใช้เวลาอีกยี่สิบห้าวัน ในที่สุดก็มองเห็นกำแพงอันกว้างใหญ่ของเมืองหลวงเสีย ผู้คนมากมายที่รออยู่ด้านหน้า ต่างก็หลีกทางให้ขบวนนักโทษ เมื่อมีรองแม่ทัพเจียงเป็นผู้เปิดทางด้วยตนเอง ก่อนจะแยกย้ายไปทำภารกิจของตนให้สำเร็จลุล่วง ฟู่หลงเหยียนไม่ลืมเข้าไปบอกกล่าวกับอวี้จิ่น ที่กำลังตะลึงกับความคึกคักของเมืองหลวงแคว้นจ้าวแห่งนี้“ว้าว! นี่คือเมืองหลวงงั้นหรือผู้คนดูพลุกพล่านไม่น้อยเลยนะเนี่ย”“จิ่นเอ๋อร์”“หืม เจ้าคะพี่ชายฟู่”“เจ้ากลับไปที่ตระกูลเจียงกับพี่ชายของเจ้าก่อนนะ ไว้พี่จัดการเรื่องนักโทษพวกนี้เสร็จสิ้นแล้ว จะไปเยี่ยมเจ้าที่จวนจำที่พี่เคยเตือนไว้ได้หรือไม่เรื่องของตระกูลเจียงสายรองน่ะ”“จำได้สิเจ้าคะ พี่ชายฟู่ไม่ต้องห่วงข้าจะระวังให้มาก หากมีใค
วันนี้เป็นที่จางฮูหยินมีความสุขในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากวันนี้นางได้ช่วยบุตรสาวอาบน้ำ ทำความสะอาดเส้นผมรวมถึงทำผมเช่นคุณหนูที่ปักปิ่นแล้ว ด้วยเครื่องประดับราคาแพงและเสื้อผ้าชุดใหม่ ที่ทำจากผ้าไหมชั้นดีจากร้านผ้าชื่อดังแห่งเมืองหลวงเมื่อหญิงสาวที่ไร้เครื่องประทินโฉม หน้าตามอมแมมจากชนบทได้ลอกคราบเก่าทิ้งไป กลายเป็นคุณหนูแห่งจวนแม่ทัพใหญ่เจียง ที่ใบหน้ายามนี้ยิ่งน่ามองกว่าเดิม โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของนางเมื่อจางฮูหยินได้พาอวี้จิ่นกลับมาพบบิดาและพี่ชายอีกครั้ง บุรุษทั้งสองยังต้องตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงนี้ของนาง แม้แต่เจียงเล่อกับหลี่อี้ก็ยังเห็นด้วยกับเจ้านายของตน ที่ลูกเป็ดขี้เหร่ได้กลายร่างเป็นนางหงส์ไปแล้ว“นะ นี่เจ้าใช่จิ่นเอ๋อร์น้องสาวของข้าจริงรึ ท่านแม่ลอกคราบน้องสาวของข้าจนจำคนก่อนไม่ได้แล้วขอรับ ไม่ได้ ๆ ท่านพ่อข้าไม่ยอมให้น้องสาวออกจากจวนตัวคนเดียวแน่ ท่านพ่อต้องช่วยคัดเลือกสาวใช้หรือองครักษ์ที่มีวรยุทธ์ เพื่อคอยติดตามดูแลจิ่นเอ๋อร์ ยามที่นางออกไปนอกจวนนะขอรับ หาไม่แล้วต้องมีคนหมายตานางเป็นแถวเชียวนะขอรับท่านพ่อ” จางหยวนเห็นความงามของอวี้จิ่น ก็หาพรรคพวกอย่างบิดาของตน เน
ภายในเรือนชุ่ยฮวาของฮูหยินผู้เฒ่า มารดาของแม่ทัพใหญ่เจียงมีทั้งเสียงหัวเราะและความเอ็นดู สงสารบุตรหลานที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางป่าเขาที่แสนอันตราย ไม่ว่าสิ่งใดก็ต้องลงมือทำด้วยตนเองเท่านั้นไม่มีบ่าวไพร่คอยรับใช้แม้สายตาของทุกคนในเรือนแห่งนี้จะรื้นไปด้วยน้ำตา แต่น้ำเสียงที่บอกเล่าประสบการณ์ชีวิตของตนอย่างอวี้จิ่น กลับไม่มีการเรียกร้องความสงสารจากผู้ใดสักนิด นางเล่าด้วยความภูมิใจที่มีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรจากยายเฒ่าลิ่ว ฝีมือการทำอาหารที่นางสัญญาว่า จะเข้าครัวทำให้ทุกคนได้ทาน ทุกเรื่องที่ออกจากปากของนางเต็มไปด้วยความสุข“หลานย่าช่างเป็นสตรีที่เข้มแข็งมากจริง ๆ แม้หมอตำแยคนนั้นจะพาเจ้าไป แต่อย่างน้อยนางก็ยังเลี้ยงดูเจ้าให้เติบโต แม้จะลำบากไปสักหน่อยก็ตาม ถือว่านางได้ทำคุณไถ่โทษพวกเราอโหสิกรรมให้นางเถิด ยามนี้นางคงจะไปรับโทษทัณฑ์ในปรโลกแล้วล่ะ แค่ก ๆ ๆ” ฮูหยินผู้เฒ่าพูดจบก็มีอาการไอเล็กน้อยนางเป็นเช่นนี้มาสักพักแล้ว“ท่านแม่!!/ท่านย่า!!”“ไม่เป็นไร ๆ พวกเจ้าไม่ต้องตกใจไปหรอก น่าจะเป็นหวัดเท่านั้นดื่มยาสักสองสามเทียบก็หายแล้วล่ะ”“แม่นมฮวนเจ้าคะท่านย่ามีอาการไอบ่อยแค่ไหนในหนึ่งวัน” อวี
ค่ำคืนที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่อวี้จิ่นได้นอนหลับอย่างสบายจริง ๆ แม้จะรู้สึกสบายแค่ไหน แต่นางไม่เคยเสียนิสัยยังคงตื่นเช้าเช่นเดิม สาวใช้ที่นำน้ำล้างหน้ามาปรนนิบัติคุณหนูของจวนยังแปลกใจ พวกนางคิดว่าอวี้จิ่นจะลืมตัวนอนตื่นสาย คอยเรียกพวกนางมารับใช้เสียอีกทางด้านตระกูลฟู่นายน้อยของจวน กำลังจะไปยังกรมอาญา เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาจึงบอกับคนสนิทว่าตนเองนั้น จะแวะไปที่จวนตระกูลเจียงเสียก่อน จากนั้นค่อยไปพบเจ้ากรมอาญาทีหลัง“ข้าจะแวะไปจวนแม่ทัพใหญ่ก่อนพวกเจ้าตามมาก็แล้วกัน”“เอ่อ นายน้อยแต่จวนแม่ทัพใหญ่ อยู่คนละทิศมิใช่หรือขอรับ” อู๋จิ้งถามออกไปโดยที่สหายห้ามไม่ทัน“แล้ว...?” ฟู่หลงเหยียนหันไปมองด้วยสีหน้านิ่งสนิท“นายน้อยบ่าวว่าพวกเรารีบไปเถิดขอรับ เผื่อว่าคุณหนูเจียงจะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ และออกมาเดินเล่นดูตลาดในเมืองหลวงก็เป็นได้ หากเป็นเช่นนั้นจะคลาดกันเสียก่อนนะขอรับ” เฉินอิ่นรีบบอกกับเจ้านาย ก่อนที่เขาจะอารมณ์เสียแต่เช้า ยิ่งมีเรื่องของอดีตคนรักมาวุ่นวายเมื่อวานอีกเรื่องถือว่าเฉินอิ่นยังรู้สถานการณ์ มิเช่นนั้นอู๋จิ้งมีหวังถูกลงโทษแน่ ๆ“อืม ถ้าจิ่นเอ๋อร์อยากออกมาเดินเที่ยวเล่น ข้าจะเป็น
ภายในรถม้าคันใหญ่ของตระกูลฟู่คนหนึ่งนั่งมองนิ่ง ๆ แต่อีกคนกลับนั่งขยุกขยิกด้วยความดีใจที่จะได้เดินเที่ยวตามร้านค้าต่าง ๆ ซึ่งมีหลายร้านที่อวี้จิ่นสนใจแม้แต่ตลาดยามเช้านางก็อยากไป เพื่อดูว่าจะมีผักที่คล้ายกับโลกที่จากมาหรือไม่แม้มิติตลาดคลอบจักรวาลจะมีของอยู่มากมายให้เลือกใช้ได้ก็ตาม อวี้จิ่นคิดว่าต้องรออีกสักพักนางจะค่อย ๆ บอกให้คนในครอบครัวได้รู้เรื่องของมิตินี้จนรถม้าผ่านเข้ามาในเขตที่เป็นร้านค้าฟู่หลงเหยียนจึงได้สั่งให้หยุดรถ เพราะเขาจะพาอวี้จิ่นลงเดินตั้งแต่มุมนี้เป็นต้นไป โดยให้อู๋จิ้งประจำอยู่ที่รถม้าส่วนเฉินอิ่นกับตงลู่คอยติดตามทั้งสองคน ฟู่หลงเหยียนรับอวี้จิ่นลงจากรถม้าได้นางก็เริ่มเดินดูสิ่งของที่วางขายทันที ทั้งร้านแผงลอยที่มีสินค้าแปลก ๆ หรือจะเป็นสมุนไพรที่นางรู้จักก็มีวางขาย ฟู่หลงเหยียนคอยเดินอยู่ข้าง ๆ เพื่อตอบคำถามของอวี้จิ่น ที่มีคำถามไม่สิ้นสุดแต่ทั้งสองคนยังไม่รู้ตัวว่ามีสายตาคู่หนึ่ง ที่มองอวี้จิ่นดั่งต้องการฉีกร่างของนางเป็นชิ้น ๆเหมาซูเจียวคุณหนูใหญ่แห่งจวนเสนาบดีกรมพิธีการ นางหลงรักฟู่หลงเหยียนตั้งแต่ยังไม่ถึงวัยปักปิ่นเมื่อสี่ปีที่ผ่านมา แค่นางเห็นเขาเดินเคี
ด้านจวนตระกูลเจียงแม่ทัพใหญ่นั่งทำงานกับบุตรชายในห้องหนังสือของตน แต่ทั้งสองไม่คิดเลยว่าบุตรสาวและน้องสาวที่ออกไปเดินเล่นเพียงครึ่งชั่วยาม จะมีสตรีใจกล้ามาหาเรื่องถึงขึ้นทำให้นางได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ ตงลู่ที่มาถึงอย่างรีบร้อนเล่าอย่างกระชับไม่เยิ่นเย้อ เนื่องจากเจ้านายของเขาต้องการให้แม่ทัพใหญ่ไปที่ศาลต้าหลี่โดยเร็ว“ตึก ตึก ตึก ก๊อก ๆ ๆ นายท่านมะ...” พ่อบ้านเจียงที่พาตงลู่มายังห้องทำงานของเจ้านายยังพูดไม่ทันจบ ประตูก็ถูกเปิดตัวของคนก็พุ่งเข้าไปด้านในเช่นกัน“พรึ่บ! ขออภัยท่านแม่ทัพใหญ่ที่ข้าน้อยเสียมารยาทขอรับ แต่นายน้อยมีคำสั่งให้มารายงานกับท่านว่า บุตรสาวคนโตของเสนาบดีกรมพิธีการมากลั่นแกล้งคุณหนูเจียง แย่งชิงสิ่งที่อยู่ในมือด้วยแรงของการยื้อแย่ง ทำให้คุณหนูเจียงเสียเปรียบและได้รับบาดเจ็บที่มะ....” ตงลู่พูดถึงแค่อวี้จิ่นได้รับบาดเจ็บแม่ทัพใหญ่ก็เริ่มโมโหแล้ว“ปัง!!! เจ้าบอกว่าใครมาหาเรื่องบุตรสาวของข้านะ! ไม่พอยังกล้าแย่งชิงของที่อยู่ในมือนางจนบาดเจ็บงั้นรึ พูดมาว่าสตรีนางนั้นเป็นบุตรสาวของผู้ใด ถึงจะเป็นองค์หญิงข้าก็ไม่ไว้หน้าหรอกนะ ในเมื่อมาทำร้ายจิ่นเอ๋อร์จนบาดเจ็บเช่นนี้” ทุกคนใน
เมื่ออวี้จิ่นถูกบิดาและพี่ชายพากลับมาถึงจวนก็มีจางฮูหยินและฮูหยินผู้เฒ่า ต่างพากันมานั่งรออยู่ภายในห้องรับแขกแล้ว เพราะเรื่องที่อวี้จิ่นบาดเจ็บจากการถูกเหมาซูเจียวทำร้าย รู้ถึงหูของทั้งสองจากพ่อบ้านเจียง เพราะจางฮูหยินได้สั่งเอาไว้ว่าเรื่องของอวี้จิ่น ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ต้องรายงานกับนางทุกเรื่อง“พรึ่บ! ลูกแม่!/หลานย่า!”“จิ่นเอ๋อร์มาให้แม่ดูหน่อยสิลูกเจ็บมากหรือไม่ เหมาซูเจียวนางกล้าดีอย่างไรถึงมาทำร้ายลูกของแม่เช่นนี้”“นั่นสิอากุ่ย แล้วศาลต้าหลี่มีคำตัดสินว่าอย่างไร หากนางไม่ถูกลงโทษแม่ไม่ยอมแน่และเรื่องนี้ จะต้องถึงพระกรรณของไทเฮา” ฮูหยินผู้เฒ่ามีความสนิทสนมกับไทเฮา ครั้งสามีของนางยังมีชีวิตอยู่“ท่านแม่ไม่ต้องห่วงนางถูกลงโทษโบยห้าไม้ จากเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่แล้วขอรับ ท่านแม่ลองคิดดูว่าน้ำหนักมือที่ตีในแต่ละครั้ง ย่อมทำให้ผิวของนางแตกจนได้เลือดเชียวนะขอรับ”“ใช่เจ้าค่ะท่านย่านางต้องนอนรักษาตัวนานกว่าข้าแน่นอน เพราะบาดแผลที่มืออีกไม่กี่วันก็หายไม่ทิ้งรอยแผลเป็นด้วยเจ้าค่ะ ถึงตอนนั้นพวกท่านจะได้ชิมอาหารฝีมือของข้าแล้วล่ะ” อวี้จิ่นดึงความสนใจจากท่านย่าของตนไปเรื่องอื่น
เช้าของวันต่อมาคนรอบโต๊ะทานอาหารของจวนตระกูลเจียง ต่างถือตะเกียบค้างไว้กลางอากาศเมื่อเห็นอวี้จิ่นใช้ตะเกียบอย่างคล่องแคล่ว ประหนึ่งไม่ใช่คนที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บที่ฝ่ามือเมื่อวานก็ไม่ปาน ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ามือของนางก็ไม่มีรอยแผลให้เห็นจริง ๆ “หืม อึก เอ่อ พวกท่านจ้องกันเช่นนี้ข้าก็เขินอายเป็นนะเจ้าคะ หากมีคำถามได้โปรดถามได้เลยเจ้าค่ะข้ายินดีตอบทุกเรื่อง” อวี้จิ่นที่รู้ตัวว่าไม่มีใครคีบอาหารเช่นนางก็หยุดไปด้วยอีกคน“จะ จะ จิ่นเอ๋อร์ มะ มะ มือของเจ้าไม่มีรอยแผลแล้วจะเป็นไปได้อย่างไรกัน หรือว่า!! เจ้าเป็นปีศาจเจ้ากลืนร่างน้องสาวของข้าไปแล้วใช่หรือมะ...อ๊ะ!!” เจียงหยวนยังพูดไม่จบก็ถูกบิดาใช้ตะเกียบในมือเคาะศีรษะไปหนึ่งที“เจ้าพูดไร้สาระอันใดกันอาหยวนปีศาจบ้าบอจากที่ใดไม่มีอย่างที่เจ้าพูดหรอกน่า พวกเราควรถามจิ่นเอ๋อร์มากกว่าว่าทำไมแผลของเจ้า ถึงได้หายเร็วดั่งทายาวิเศษหรือมีใครใช้เวทมนต์ช่วยรักษาเจ้ากันนะ...อ๊ะ!!” แม่ทัพใหญ่ก็โดนเช่นที่ตนทำกับบุตรชาย“นี่อากุ่ยเจ้ายังจะไร้สาระตามหลานชายข้าไปอีกคนรึ เวทมนต์อันใดกันไม่มีแน่ ๆ แม่ไม่เชื่อที่พวกเจ้าพูดแต่ถ้าเป็นเทพบนสวรรค์ช่วยรักษาให้ละ...”“ท่าน
ฟู่หลงเหยียนและเจียงหยวนยังคงซ่อนตัวอยู่ พวกเขาอยากรู้ว่าสองพี่น้องจะรับมือคนพวกนี้ เพื่อหาทางเอาตัวรอดอย่างไร “พวกเจ้าเอาตัวเด็กสองคนนั่นลงมา อย่ามัวชักช้ายืดยาด หากงานไม่สำเร็จละก็ จะกลายเป็นพวกเราที่ต้องตายแทน” ซานถูลงไปยืนรอยังจุดที่เลือกไว้ สำหรับการขุดหลุมฝังเจียงข่ายเหวินและฟู่เจียฉี“ถุ้ย!! อย่าเอามือสกปรกของเจ้ามาถูกตัวน้องสาวข้า” เจียงข่ายเหวินตะคอกลูกน้องซานถูทันที เมื่อมือหยาบนั้นกำลังจะดึงตัวฟู่เจียฉี ออกไปจากอ้อมกอดของตน“เหวินเกอไม่ต้องกลัวนะ ฉีเอ๋อร์จะปกป้องท่านเองเจ้าค่ะ” ฟู่เจียฉีมิใช่เด็กหญิงตัวน้อยขี้แย เพราะมีบิดาคอยสอนให้เข้มแข็งมีสติ ถึงจะเป็นเด็กแต่เมื่อมีสติก็สามารถเอาตัวรอดได้“ฮ่า ๆ ๆ ลูกพี่ดูเจ้าเด็กสองคนนี่สิ ช่างเป็นญาติพี่น้องที่รักกันดีเสียเหลือเกิน” เกาจิ่งหัวเราะกับท่าทางของฟู่เจียฉี“เหอะ ก็คงเห็นตัวอย่างจากบิดมารดากระมัง เร็ว ๆ ๆ พาตัวลงจากรถม้าได้แล้ว ยังต้องขุดหลุมอีกพวกเจ้าอย่าลืมสิ” ซานถูเร่งลูกน้องของตนให้ทำตามคำสั่งขณะที่เกาจิ่งหันไปพูดคุยกับซานถู ฟู่เจียเฟยได้หยิบห่อยาพิษที่บิดาเพิ่งมอบให้ ก่อนจะแบ่งให้เจียงข่ายเหวินอีกสองห่อ เด็กชายมองหน้า
ณ จวนตระกูลเจียงหลังจากอวี้จิ่นออกเรือนแต่งเข้าตระกูลฟู่ ลูกสะใภ้ของตระกูลเจียงอย่างจ้าวเจียเฟย ก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย ซึ่งในอนาคตเขาขคือผู้สืบทอดตระกูลเจียงต่อจากบิดา ชื่อของหลานชายฮ่องเต้ผู้เป็นเสด็จตา ประทานนามให้ว่า ‘ข่ายเหวิน’ หมายถึง ผู้ชนะและมีความรู้ และชื่อนี้ก็เข้ากับลักษณะนิสัยของเจ้าตัวน้อยได้เป็นอย่างดีนอกจากมารดาจะเป็นที่โปรดปรานแล้ว เมื่อให้กำเนิดหลานชายย่อมได้รับความโปรดปราน ไม่ต่างจากผู้เป็นมารดาเช่นกัน สร้างความอิจฉาริษยาให้กับองค์ชายองค์หญิงที่มีหลานให้กับฮ่องเต้ องค์ชายองค์หญิงที่รู้จักประมาณตน จะอบรมสั่งสอนบุตรของตนให้รักญาติพี่น้อง แต่สำหรับคนที่จิตใจดำมืดเกินเยียวยา ย่อมสั่งสอนและปลูกฝังความริษยาลงในจิตใจของบุตร ตระกูลเจียงมีทายาทแล้ว ทางด้านตระกูลฟู่จะไม่มีได้อย่างไร หลังจากเจียงข่ายเหวินอายุได้สองหนาว อวี้จิ่นแต่งเข้าจวนฟู่ได้ครึ่งปีก็ตั้งครรค์ และให้กำเนิดบุตรสาวนามว่าฟู่เจียฉี หากจะกล่าวว่าญาติผู้พี่เจียงข่ายเหวินหล่อเหลาตั้งแต่เยาว์วัย ญาติผู้น้องอย่างฟู่เจียฉีจะน้อยหน้าได้หรือ เด็กหญิงเกิดมาพร้อมกับดวงหน้ารูปหยดน้ำ จมูกโด่งได้รูปรับกับใบหน้า ริ
หลังจากตระกูลฟู่และตระกูลเจียง ได้แลกหนังสือหมั้นหมายของบุตรชายบุตรสาว ข่าวลือเรื่องทั้งสองตระกูลจะเกี่ยวดองกัน ก็แพร่กระจายไปตามร้านรวงต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว คนที่อวยพรให้ทั้งสองสุขสมก็มีอยู่มาก คนที่อิจฉาริษยาก็มีไม่น้อย ล้วนเป็นสตรีที่ยังไม่ออกแต่แล้วอย่างไรในเมื่อฟู่หลงเหยียนมิได้สนใจ พวกนางก็เป็นได้แค่เศษฝุ่นที่ลอยไปกับสายลมเท่านั้น เพราะในสายตาของฟู่หลงเหยียน ไม่เคยละไปจากคู่หมั้นที่เริ่มจะเปล่งประกายความงามหลังจากนั้นอีกสามเดือนต่อมา ปรากฏว่าองค์หญิงใหญ่ตั้งครรภ์ อย่างที่อวี้จิ่นเคยบอกพวกเขาเอาไว้จริง ๆ เจียงหยวนแอบไปพบน้องสาว เพราะเขาอยากรู้ว่าเด็กในครรภ์องค์หญิงใหญ่ เป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง เขาจะได้เตรียมรับมือบุตรคนได้ถูก พอได้รู้ว่าตนเองจะได้บุตรชาย การวางแผนเลี้ยงดูจึงถูกคิดขึ้นทันทีตั้งแต่อวี้จิ่นกลายเป็นคู่หมั้นของหัวสำนักตรวจการ หากไม่มีภารกิจลับและออกเดินทางไปต่างเมือง ข้างกายของอวี้จิ่นย่อมมีบุรุษร่างสูงใหญ่กำยำ นามว่าฟู่หลงเหยียนอยู่กับนางเสมอ จนเหล่าบุรุษที่มั่นใจว่าตนเองหน้าตาหล่อเหลา ต้องวิ่งหาที่หลบแทบไม่ทัน แค่ฟู่หลงเหยียนจ้องมองพวกเขาก็หายไม่ออกกันแล้วทุก
ฟู่หลงเหยียนพาอวี้จิ่นกลับมาส่งที่จวน ภายหลังที่พลุถูกจุดจนหมดเรียบร้อยแล้ว ด้วยตอนมาร่วมงานเขานั่งรถม้า ยามนี้จำเป็นต้องยืมเจ้าเสี่ยวหงกลับจวนไปก่อน และค่อยนำมันมาคืนอวี้จิ่นทีหลังอวี้จิ่นยืนส่งฟู่หลงเหยียนขี่เจ้าเสี่ยวหง จนแผ่นหลังของเขาหายลับไปจากสายตา ถึงได้เดินเข้าจวนอย่างอารมณ์ดี ทำให้คนเดินตามหลังอย่างตงลู่กับเฟยอิน เอ็นดูกับท่าทางที่เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวเขินอาย อยากจะหัวเราะแต่ต้องอดกลั้นเอาไว้แต่พอมาถึงเรือนของตนอวี้จิ่นพบว่า เป่าจูสาวใช้ของพี่สะใภ้ กำลังเดินไปมาชะเง้อมองหาใครอยู่ “หืม นั่นใช่พี่เป่าจูสาวใช้ของพี่สะใภ้ใช่ไหมพี่เฟยอิน”“ใช่จริง ๆ ด้วยเจ้าค่ะคุณหนู ว่าแต่นางมาทำอะไรที่เรือนของท่าน ยามนี้มิใช่ต้องอยู่รอรับใช้องค์หญิงใหญ่หรอกรึ?”เป่าจูเมื่อเห็นอวี้จิ่นกลับมาที่เรือน จึงสาวเท้าไปหานางดั่งพายุ สร้างความงุนงงจนอดคิดไม่ได้ว่า จะเกิดเรื่องอันใดที่เรือนของพี่ชายตนหรือไม่“คุณหนูเจียงในที่สุดท่านก็กลับมาเสียทีเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของเป่าจูดูร้อนรนแปลก ๆ“พี่เป่าจูท่านมารอพบข้ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่เจ้าคะ”“คือบ่าวมารอพบคุณหนูที่นี่ เพราะมีเรื่องจะรบกวนท่านจริง ๆ เจ้าค่ะ”“พี่เ
ซีอ๋องอยู่ร่วมงานเลี้ยงชนะสงครามเท่านั้น อีกสองวันต่อมาจึงออกเดินทางพร้อมหีบยาจำนวนมาก ยังมีเมล็ดพันธุ์ผักที่อวี้จิ่นใจดีมอบให้อีกหนึ่งหีบ ที่สำคัญทรงอยากกลับไปชำระความ กับสตรีชั่วที่ปองร้ายบุตรชายเพียงคนเดียวของตน ซึ่งตอนนี้นางกำลังตั้งตนเป็นเจ้าของตำหนักอ๋อง จนลืมไปว่านางเป็นแค่ชายารองเท่านั้นข่าวลือที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว เรื่องฤกษ์มหามงคลที่มีขึ้น ในอีกสามสัปดาห์ต่อจากนี้ ทำเอาวังหลวงวุ่นวายจนเวียนหัว เพื่อเตรียมงานอภิเษกสมรสขององค์หญิงใหญ่ พระธิดาคนโปรดของฮ่องเต้ให้ออกมาดีที่สุด ห้ามขาดตกบกพร่องแม้แต่นิดเดียวส่วนตระกูลเจียงถือว่าโชคดีมาก ที่อวี้จิ่นได้บอกมารดาไว้ก่อนหน้านี้ ทุกอย่างในจวนจึงพร้อมต้อนรับสะใภ้ใหญ่ หลังจบงานเลี้ยงวันถัดมายามปลายยามเฉิน ขบวนสินสอดนับร้อยหีบผูกด้วยผ้าสีแดง พร้อมสามหนังสือหกพิธีการนำไปส่งมอบให้กับฮองเฮา ก็ทยอยออกจากจวนตระกูลเจียงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงทันทีชาวบ้านสองข้างทางต่างหยุดมอง และเริ่มพูดถึงเรื่องสมรสพระราชทานอีกครั้ง ตระกูลใดที่รอจัดงานพร้อมแม่ทัพเจียง ต่างเร่งจัดเตรียมข้าวของเรือนหอ อาหารการกินที่ต้องใช้เลี้ยงแขกในงาน เผื่อว่าการแต่งงานในฤก
หลังจากหวาอานส่งจดหมายกลับไปยังเหอหยาง เมื่อแม่ทัพเสียนมู่ได้อ่านเนื้อหาในจดหมาย จึงนำกำลังทหารบางส่วนมุ่งหน้าไปยังจวนซีอ๋อง เพื่อรับตัวซื่อจื่อมาดูแลเป็นการชั่วคราว คราแรกพระชายารองไม่ยินยอม แต่พอได้เห็นป้ายผู้แทนของซีอ๋อง ที่อยู่ในมือของแม่ทัพเสียนมู่แล้ว ถึงได้ยอมปล่อยซื่อจื่อให้แม่ทัพเสียนมู่พาตัวกลับจวนส่วนเจ้าของคำสั่งที่พักอาศัยในจวนแม่ทัพใหญ่ ได้เห็นแปลงผักที่หลากหลายก็เกิดความสนใจ ซีอ๋องคิดว่าหากกองทัพหรือราษฎรที่เหอหยาง สามารถปลูกพืชผักได้เช่นจวนแม่ทัพใหญ่ ย่อมมีเสบียงสำรองมากพอยามฤดูเหมันต์มาเยือน ทุกคนต้องผ่านความอดอยากได้แน่เมื่อซีอ๋องถามกับบ่าวไพร่เรื่องการปลูกผัก คำตอบที่ได้ก็เกี่ยวกับบุตรสาวแม่ทัพใหญ่อีกแล้ว จนกระทั่งได้มานั่งพูดคุยเรื่องการค้า ซีอ๋องจึงถือโอกาสสอบถามอวี้จิ่นเรื่องผักที่ปลูกด้วยเสียเลย“คุณหนูเจียงเรื่องสัญญาการค้ายาสมุนไพร เปิ่นหวางยินดีทำตามข้อเสนอของเจ้า เพียงแต่ว่ามีอีกเรื่องที่เปิ่นหวางอยากรู้”“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ยอมทำการค้า กับร้านยาเล็ก ๆ ของหม่อมฉันเพคะ ว่าแต่ท่านอ๋องทรงอยากทราบเรื่องอันใดหรือเพคะ”“เปิ่นหวางอยากถามเกี่ยวกับวิธีปลูกผัก ให้ไ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงบุปผาในวังหลวง ถูกพูดถึงในเช้าวันต่อมาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องของเลี่ยวหลวนเฉิน สมรู้ร่วมคิดกับโจรหยางเสวียน กดขี่ข่มเหงขูดรีดเงินภาษีจากชาวเมืองซุยโจว เมื่อถึงเวลานำตัวทาสทุกคนออกเดินทาง จึงใช้เวลานานกว่าทุกครั้งเพราะผู้คนสองข้างทาง ต่างเฝ้ารอขว้างปาสิ่งของและด่าทอสาปแช่ง กว่าจะหลุดพ้นจากประตูเมืองหลวง ก็บาดเจ็บกันไปไม่น้อยกับทาสทั้งหลายหลังจากงานเลี้ยงจบลงได้ไม่ดีเท่าใดนัก อีกสามวันต่อมารัชทายาทจ้าวเจาเยี่ยน ก็กลับมาจากการทำภารกิจตามราชโองการ แต่รัชทายาทกลับไปชำระล้างพระวรกายที่ตำหนักบูรพา จากนั้นจึงเสด็จไปเข้าเฝ้ากราบทูลรายงานต่อพระบิดา“ถวายพระพรเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”“อืม ลุกขึ้นเถิดรัชทายาท เจ้าเพิ่งกลับมาถึงเช่นนั้นรึ” ฮ่องเต้ทรงเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของโอรสก็ทรงทราบแล้ว“พ่ะย่ะค่ะ ลูกเพิ่งกลับมาถึงเมื่อยามซื่อ และต้องการรายงานเรื่องน้ำที่เมืองสุยโจวพ่ะย่ะค่ะ” รัชทายาทมิอาจรั้งรอได้นาน เนื่องจากต้องรีบคัดเลือกขุนนางไปรับตำแหน่งเจ้าเมือง“ปัญหาเรื่องน้ำที่เมืองสุยโจวเป็นอย่างไร สาเหตุเกิดจากภัยธรรมชาติหรือฝีมือของมนุษย์กันแน่”“ทูลเสด็จพ่อเป็น
ภายหลังที่ได้หลักฐานและล่วงรู้แผนชั่วแล้ว ฟู่หลงเหยียนมาส่งอวี้จิ่นด้วยวิธีเดิม และไม่ลืมพูดถึงเรื่องงานเลี้ยงบุปผา ที่ฮองเฮาจะจัดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า เขาบอกให้อวี้จิ่นและมารดารออยู่ที่จวน แล้วเขาจะเป็นคนมารับอวี้จิ่นด้วยตนเองพอกลับมาถึงจวนฟู่หลงเหยียนย่อมไปพบบิดา เพื่อบอกเล่าแผนการของเลี่ยวหลวนคุน และยังมีหลักฐานที่สายของตนได้มา“ก๊อก ๆ ๆ ท่านพ่อข้าเองขอรับ”“เข้ามาเถิดอาเหยียน”เมื่ออนุญาตให้บุตรชายเข้ามาในห้องหนังสือได้ ก็มีห่อผ้าวางลงตรงหน้าของฟู่กั๋วกง คำถามจึงเกิดจากสายตาโดยไม่ต้องมีคำพูด“เรียนท่านพ่อ ในห่อผ้านี้เป็นสมุดบัญชีที่ใต้เท้าเลี่ยว แอบนำไปฝังไว้ใต้ดินหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม สายของเราที่อยู่ในจวนสังเกตเห็นท่าทางมีพิรุธ ถึงได้ตามไปเงียบ ๆ จากนั้นก็ขุดมันออกมามอบให้ข้าขอรับ”“หมายความว่าสิบปีที่ผ่านมา ใต้เท้าเลี่ยวติดต่อกับโจรป่าหยางเสวียน และแบ่งปันทรัพย์สินจากการปล้น รวมถึงเงินที่เก็บภาษีจากชาวบ้านด้วยงั้นรึ” ฟู่กั๋วกงไม่คิดมาก่อนว่าใต้เท้าเลี่ยว จะเก็บซ่อนความลับนี้ได้นานถึงสิบปี โดยไม่มีผู้ใดระแคะระคายแม้แต่น้อย“คาดว่าจะเป็นเช่นที่ท่านพ่อพูดมาขอรับ ส่วนเรื่อง
หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลเศรษฐีม่าย เมื่อพยานอย่างม่ายจิ่นเม่ยให้การกับใต้เท้ากวน และลูกน้องทั้งสองของท่านหมอซัง ยอมสารภาพทุกอย่างต่อใต้เท้ากวน เพราะพวกเขาถูกดวงวิญญาณหญิงสาว ตามมาคอยหลอกหลอนจนนอนไม่หลับ ไหนจะความเจ็บปวดจากยาพิษของอวี้จิ่น ทำให้พวกเขาอยากตายเพื่อหลุดพ้นความทรมานเมื่อมีทั้งพยานที่ยังรอดชีวิตและคำสารภาพ จากคนเป็นลูกน้องของซังปินจีทั้งสองคน โทษประหารชีวิตย่อมเกิดขึ้นแน่นอน เพียงแค่ก่อนจะลงดาบประหารนั้น ใต้เท้ากวนได้ให้ทั้งสามคนได้รู้ซึ้งถึงความทรมาน ของหญิงสาวที่ตกตายด้วยน้ำมือของพวกเขาเสียก่อน ด้วยการให้เจ้าหน้าที่ทำการแขวนคอนักโทษ พอใกล้จะขาดใจก็หย่อนเชือกให้หายใจต่อ ทำเช่นนั้นอยู่ถึงสามครั้งถึงจะนำตัวไปตัดหัว“เจ้าหมอชั่วจงตกนรกอย่าได้กลับมาเกิดเป็นคนอีกเลย”“ถ้าพวกเจ้ากลับมาเกิดขอให้เป็นสัตว์เดรัจฉาน ที่เป็นเหยื่อให้สัตว์ใหญ่ไล่ล่ากินเนื้อพวกเจ้า”“สงสารหญิงสาวที่ต้องตายเพราะคนชั่วจริง ๆ ขอให้พวกเจ้าไปสู่สุขคติด้วยเถิด”ในวันประหารชีวิตมีชาวบ้านไม่น้อยมามุงดู หนึ่งในนั้นย่อมเป็นครอบครัวตระกูลม่าย ที่ได้รับความเป็นธรรมและยังมีชีวิตอยู่ต่อไปก่อนครอบครัวตระกูล