แชร์

ตอนที่ 3 เดินทางปุ๊บได้งานแรกปั๊บ

อวี้จิ่นบอกลาเพื่อนบ้าน หลังจากผ่านงานศพของยายเฒ่าลิ่ว

ได้เจ็ดวัน โดยใช้ข้ออ้างว่าจะไปตามหาบุตรหลานของยายเฒ่าลิ่วเท่านั้น เพื่อนบ้านต่างอวยพรให้อวี้จิ่นปลอดภัยและทำภารกิจสำเร็จ บางคน

มีมอบอาหารให้นางนำติดตัวไปคนละเล็กละน้อย ทำเอาอวี้จิ่น

ถึงกับน้ำตาซึมที่เห็นความมีน้ำใจจากชาวบ้าน

เพราะหมู่บ้านอยู่ไม่ไกลจากตำบล จึงใช้การเดินเท้าอวี้จิ่นสำรวจสองข้างทางไปเรื่อย ๆ เพื่อเรียนรู้ทุกสิ่งในโลกใบใหม่ แต่ถ้านางต้องการเข้าเมืองย่อมไม่อาจเดินเท้าไปเองได้ ด้วยระยะทางที่ไกลจึงอาศัย

การนั่งเกวียนหรือรถม้าเท่านั้น ยังดีที่อวี้จิ่นมีเงินติดตัวมาห้าตำลึงเงิน

กับเศษเหรียญอีแปะอีกเล็กน้อย นางถึงได้นั่งเกวียนวัวเข้าเมือง

จ้าวโจวรอบสุดท้ายพอดี กว่าจะมาถึงเมืองจ้าวโจวก็เป็นเวลาพลบค่ำ

อวี้จิ่นอาศัยอารามร้างนอกเมืองเป็นที่หลับนอน เนื่องจากตอนนี้นางต้องประหยัดเงินไว้ก่อน ซึ่งที่นี่มีชาวบ้านที่นำของป่าที่ดูมีราคามาขายในเมือง พวกเขาก็เลือกที่จะพักในอารามร้างเช่นเดียวกัน แต่เป็นข่าวดีสำหรับอวี้จิ่นเมื่อชาวบ้านที่นั่งผิงไฟ เริ่มพูดถึงบุตรสาวของท่านเจ้าเมือง

ที่หายออกจากจวน แม้จะส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตามหาก็ยังไม่พบตัว

“นี่เจ้าว่าบุตรสาวท่านเจ้าเมืองหายไปที่ใดรึ หลายวันแล้ว

ที่เจ้าหน้าที่ออกตามหาแต่ยังไร้วี่แวว”

“ข้าว่านะคุณหนูว่านต้องถูกคนลักพาตัวไปแน่ ๆ”

“หรือว่าจะมีโจรภูเขาออกอาละวาดปล้นฆ่า และฉุดสตรีที่งดงาม พากลับไปปรนเปรอบำเรอกาม ในกลุ่มโจรหรือไม่ถึงไม่มีใครตามหา

ตัวนางพบนี่ก็ผ่านไปสิบกว่าวันแล้วนะ”

‘หืม ลูกสาวเจ้าเมืองหายตัวไปงั้นเหรอน่าสนใจดี ไว้พรุ่งนี้เช้า

เข้าเมืองได้ค่อยไปถามผู้คนในเมืองอีกรอบก็แล้วกัน’

“แต่ข้าว่านางอาจจะหนีตามคนรัก ที่ฐานะยากจนก็เป็นได้นะ

หากเป็นข้อนี้ก็น่าสงสารฝ่ายบุรุษที่ฐานะต่ำต้อย มิใช่คุณชายจากตระกูลสูงศักดิ์ทำให้ทั้งสองคนตัดสินใจทำเช่นนี้ะ”

“นั่นน่ะสิหากฐานะเช่นพวกเรา นั่นคงเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวง ระหว่างบุตรสาวขุนนางกับชาวนายากจนแน่นอน”

“เฮ้อ โชคชะตาช่างเล่นตลกร้ายกับมนุษย์อย่างเราเสียจริง”

อวี้จิ่นนั่งอยู่ในมุมหนึ่งเงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร ยังดีที่เสื้อผ้าค่อนข้างเก่าจึงไม่มีใครสนใจนางเท่าใดนัก จนกระทั่งคนอื่น ๆ นอนพัก

เอาแรงกันหมดแล้ว อวี้จิ่นถึงได้แอบเข้าไปในมิติเพื่อหาของกินให้อิ่มท้อง

ภายในมิติแห่งนี้กว้างใหญ่สมกับเป็นตลาดครอบจักรวาล

ทั้งอาหารสด อาหารแห้ง ผัก ผลไม้ ร้านขายยาหน้าตาแปลก ๆ ที่บอกว่าเป็นยาวิเศษรักษาได้ทุกโรค อวี้จิ่นหยุดชะเง้อมองเข้าไปด้านในเล็กน้อย แต่เพียงประเดี๋ยวก็เดินไปหาของกินต่ออีกทาง

อวี้จิ่นเดินไปหาร้านซาลาเปาที่ยังคงความร้อนอยู่ และร้านติดกันก็เป็นร้านหมูปิ้ง ที่กลิ่นหอมของมันชวนให้ท้องร้องหนักมาก อวี้จิ่นใช้เวลาเติมพลังอยู่ในมิติเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น จึงกลับออกมานอนที่เดิม

ยามเหม่าของวันต่อมา อวี้จิ่นตื่นทีหลังชาวบ้านคนอื่นเล็กน้อย ก่อนจะล้างหน้าบ้วนปาก เตรียมตัวไปต่อแถวเข้าเมืองจ้าวโจว หากไปสายต้องยืนต่อแถวยาวเหยียดตากแดดร้อน ๆ กันพอดี

เมื่อผ่านการตรวจป้ายประจำตัวเข้าเมืองมาได้ อวี้จิ่นไม่รอช้า

รีบหาลู่ทางสืบข่าว เกี่ยวกับบุตรสาวของจวนเจ้าเมืองทันที

แต่รายละเอียดของเรื่องราวมิได้มีใจความสำคัญเท่าใดนัก เพราะฉะนั้นอวี้จิ่นจึงตัดสินใจ ที่จะไปพบท่านเจ้าเมืองที่ศาลาว่าการแทน

ซึ่งมันไม่ง่ายเลยเมื่อเจ้าหน้าที่ด้านหน้า ไม่ยอมให้นางได้พบท่านเจ้าเมือง

“พี่ชายเจ้าคะไม่ทราบว่าท่านเจ้าเมือง ยังต้องการคนช่วยตามหาบุตรสาวอยู่หรือไม่เจ้าคะ”

“หืม เจ้าถามไปทำไม เป็นสตรีจะช่วยเรื่องตามหาคนได้อย่างไร เจ้าเข้าเมืองมาหางานทำก็ไปหาที่อื่น อย่าได้มาสร้างความวุ่นวายที่นี่”

“พี่ชายข้าสามารถช่วยตามหาคุณหนูว่านได้จริง ๆ นะเจ้าคะ

ท่านช่วยพาข้าไปพบท่านเจ้าเมืองด้วยเถิด หากปล่อยเวลาให้ผ่านไป

เรื่อย ๆ เช่นนี้อาจจะไม่ทันการณ์ได้นะเจ้าคะ” อวี้จิ่นยังคงยืนกราน

จะขอเข้าพบท่านเจ้าเมือง

“เอ๊ะ! เจ้าฟังภาษาคนไม่เข้าใจหรืออย่างไร อย่าได้วุ่นวายอีก

รีบไปเสีย เพราะเรื่องคนที่จะช่วยตามหาคุณหนูว่าน พวกเรารับเฉพาะ

บุรุษเท่านั้นไม่รับสตรีมาเป็นภาระหรอกนะ”

“ทำไมพวกท่านถึงดะ”

ขณะที่อวี้จิ่นถกเถียงกับเจ้าหน้าที่อยู่ด้านหน้าประตู ก็มีเสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นมาเสียก่อน ทุกคนจึงหันไปทางต้นเสียง พอได้เห็นท่าทาง

ของเจ้าหน้าที่อวี้จิ่นจึงเดาได้ว่า เจ้าของเสียงนี้คือท่านเจ้าเมือง

อย่างแน่นอน

“มีเรื่องอะไรกันถึงได้เสียงดังไปถึงด้านใน ใครพอจะอธิบายให้ข้าฟังได้บ้างไหม” ว่านเหิงหลวนได้รับรายงานจากคนสนิท ว่ามีเด็กคนหนึ่งยืนถกเถียงกับเจ้าหน้าที่ด้านหน้าประตู เพราะต้องการพบตนเอง

เกี่ยวกับเรื่องของบุตรสาว

“เรียนใต้เท้าเด็กสาวคนนี้บอกว่าต้องการพบท่าน เนื่องจากนางสามารถช่วยตามหาคุณหนูได้ขอรับ ข้าได้บอกไปแล้วว่าจะรับเฉพาะ

บุรุษเท่านั้นไม่รับสตรี แต่นางก็ไม่ยอมยืนกรานที่จะพบใต้เท้าให้ได้ขอรับ”

“หืม เจ้าบอกว่า สามารถช่วยตามหาบุตรสาวของข้าได้เช่นนั้นรึ ทุกคนออกตามหาอยู่หลายวัน ยังไร้วี่แววว่าจะพบตัว แล้วเจ้ามีวิธีใด

ที่จะช่วยตามหาตัวนางให้พบได้เล่า” ใต้เท้าว่านพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งมิได้โมโหแต่อย่างใด

“แน่นอนว่าข้าย่อมมีวิธีที่ใครก็ไม่อาจทำได้ ขอเพียงท่านเจ้าเมืองอนุญาตให้ข้าได้พบฮูหยิน และสาวใช้คนสนิทของคุณหนูว่าน รับรองว่าวันนี้ท่านเจ้าเมือง จะได้ตัวคุณหนูว่านกลับมาอย่างปลอดภัย แต่หากท่านคิดว่าสิ่งที่ข้าพูดเป็นเรื่องไร้สาระของเด็กสาวคนหนึ่ง ท่านกับฮูหยิน

จะไม่ได้พบกับบุตรสาวคนนี้อีกตลอดกาล” อวี้จิ่นไม่ได้พูดล้อเล่น

กับเจ้าเมืองว่าน เพราะความรู้สึกของนางบอกเช่นนั้นจริง ๆ

“ได้ ข้าจะลองเชื่อเจ้าดูสักครั้ง ตามข้าไปพบฮูหยินที่จวนเถิด

หากเจ้าช่วยตามหาบุตรสาวของข้าได้จริง เงินรางวัลห้าสิบตำลึงทอง

จะเป็นของเจ้า แต่หากกลับกันเจ้าคงรู้นะว่า จะเกิดอะไรหากทำไม่ได้อย่างที่พูดเอาไว้”

“เจ้าค่ะเรื่องนั้นข้าย่อมรู้และเข้าใจดี”

“อืม”

อวี้จิ่นตามเจ้าเมืองว่านไปยังจวนหลังใหญ่ ซึ่งเป็นที่พักสำหรับตำแหน่งเจ้าเมืองจ้าวโจวแห่งนี้ เจ้าเมืองว่านให้พ่อบ้านไปเชิญฮูหยินเอกของตน และสาวใช้ของบุตรสาวอีกสองคนมายังห้องรับแขกของจวน

“ท่านพี่ให้พ่อบ้านไปตามข้ากับสาวใช้ของชิงเอ๋อร์มาที่นี่ หรือว่า

มีเรื่องเกี่ยวกับลูกของเราแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ” หั่วฮูหยินเป็นห่วงบุตรสาวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวัน เอ่ยถามกับสามีเมื่อได้ยินจากพ่อบ้านว่าสามีต้องการพบนาง

“น้องหญิงใจเย็น ๆ นั่งลงก่อนเถิดนะ ที่พี่ให้คนไปตามเจ้ามาพบ เนื่องจากเด็กสาวคนนี้นางบอกว่าสามารถช่วยตามหาชิงเอ๋อร์ได้”

“คารวะฮูหยินเจ้าค่ะ” อวี้จิ่นทำความเคารพอย่างที่เคยดูในซีรี่ย์จีนโบราณเรื่องโปรด

“เจ้าพูดจริงหรือไม่ เรื่องการตามหาชิงเอ๋อร์ของข้าน่ะ เจ้าไม่ได้โกหกให้ข้ากับสามีดีใจเก้อใช่ไหม” หั่วฮูหยินได้ยินสามีพูดถึงอวี้จิ่นเช่นนั้นก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง

“เรียนฮูหยิน ข้าไม่คิดสร้างเรื่องโกหกให้ตนเองต้องเดือดร้อน

ทีหลังแน่เจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าคนไหนคือสาวใช้ของคุณหนูว่านหรือเจ้าคะ”

“อ้อ เป็นนางสองคนอาฟานกับอาส่าง ที่คอยดูแลชิงเอ๋อร์

ของข้าน่ะ” หั่วฮูหยินหันไปชี้ตัวสาวใช้ทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านข้างกับอวี้จิ่น

“ข้าอาฟาน”

“ข้าอาส่าง”

‘อ้าว ทำไมต้องเสียงแข็งกับข้าล่ะ ท่าทางจะมีพิรุธนะสาวใช้

ที่ชื่ออาส่างนี่ หึ อีกเดี๋ยวเจ้าจะห้าวไม่ออกแน่’

“สวัสดีพี่สาวทั้งสองเจ้าค่ะ พี่อาฟานข้ารบกวนท่านยื่นมือออกมาให้ข้าสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ”

“ได้สิ”

หมับ! วูบ!

อวี้จิ่นยื่นมือไปจับมือของอาฟานไว้ และภาพต่าง ๆ ในวันเกิดเหตุก็ฉายชัดอยู่ในห้วงความคิดของตนทันที เห็นได้ชัดว่าอาฟานซื่อสัตย์

รักและเป็นห่วงเจ้านายอย่างแท้จริง นางปกป้องว่านอี้ชิงจนถูกคนทำร้ายจากด้านหลัง เป็นเหตุให้หมดสติเปิดโอกาสให้คนร้ายได้ตัวของว่านอี้ชิงไป

“อืม ต่อไปก็ตาท่านแล้วเจ้าค่ะพี่อาส่าง”

“ฮึ เจ้าเช็ดมือเสียหน่อยเถิดข้าเห็นแล้วขยะแขยง”

“อาส่างอย่าเสียมารยาทนาง แค่จับมือประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น” เจ้าเมืองว่านหันไปอบรมสาวใช้ของบุตรสาว

“เจ้าค่ะนายท่าน”

“หึ ขอบคุณพี่สาวท่านวางใจเถิดมือข้าสะอาดกว่าท่านเยอะ”

และแล้วเหตุการณ์ที่เห็นผ่านการสัมผัสมือของอาส่าง ทำให้อวี้จิ่นค่อย ๆ เม้มปากพยายามหายใจเข้าออกช้า ๆ เพื่อระงับความโกรธ

อันเกิดจากภาพที่เห็น ช่างเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยากจริง ๆ สำหรับเรื่อง

ความริษยาของสตรี แต่ที่ทำให้อวี้จิ่นรับไม่ได้ และตัดสินใจหักข้อมือ

ของอาส่าง คือการที่สาวใช้คนนี้ใช้แจกันใบใหญ่ ทุบไปที่ศีรษะของอาฟานอย่างแรง เพื่อทำให้แผนการของเจ้านายตัวจริงสำเร็จ

“พรึ่บ! กร๊อบบบ!! กรี๊ดดดด!!”

“โอ๊ย เจ้าทำร้ายข้าทำไม ปล่อยมือข้าเดี๋ยวนี้นะเจ้าทำข้อมือ

ข้าเจ็บไปหมดแล้ว”

“จะ จะ เจ้าทำเช่นนั้นกับอาส่างทำไมหรือแม่นาง เหตุใดไม่พูดจากันดี ๆ เล่า” หั่วฮูหยินตกใจรีบลุกขึ้นไปหาสามีทันที ที่อาส่างกรีดร้อง

ด้วยความเจ็บ

“เรียนท่านเจ้าเมือง ให้คนของท่านนำเชือกมามัดนางไว้ก่อนเถิดเจ้าค่ะ เพราะท่านยังต้องทำการลงโทษสาวใช้คนนี้พร้อมกับผู้ร้ายที่เหลือ”

“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร!”

“นายท่านนางใส่ร้ายบ่าวเจ้าค่ะ บ่าวไม่รู้ว่านางพูดถึงเรื่องอันใด นายท่านอย่าได้เชื่อคำพูดไร้สาระของนางนะเจ้าคะ” อาส่างเริ่มกังวลว่าอวี้จิ่นจะมีเบาะแสเกี่ยวกับว่านอี้ชิง จึงพยายามพูดให้ตนเองน่าสงสาร

“หุบปาก!! ข้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อนาง ไม่จำเป็นให้เจ้ามาสอน

ถ้ายังไม่เงียบปากของเจ้าข้าจะให้คนตบปากเจ้าทันที”

“มีคนต้องการให้บุตรสาวของตน แต่งงานกับว่าที่บุตรเขย

ของท่าน จึงได้วางแผนลักพาตัวคุณหนูว่าน เพื่อทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียง ความอิจฉาริษยาของสตรี เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากนะเจ้าคะ

ท่านเจ้าเมือง” อวี้จิ่นพูดชี้นำเพราะนางคิดว่าเพียงเท่านี้ เจ้าเมืองว่าน น่าจะพอคาดเดาผู้อยู่เบื้องหลังได้แล้วว่าเป็นใคร

“ปัง!! บัดซบ!! นางกล้าดีอย่างไร ถึงวางแผนทำร้ายชิงเอ๋อร์

ได้ถึงเพียงนี้ แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานางวางแผนสกปรก อยู่ภายใต้ใบหน้าที่อ่อนหวานนั่นมาเสมอสินะ” เจ้าเมืองว่านรู้ได้ในทันทีว่า

คนที่อวี้จิ่นพูดถึงคือใคร

“ยามนี้ท่านเจ้าเมือง ควรไปช่วยคุณหนูว่านออกมาจากที่นั่นเสียก่อน เพราะคณหนูว่านไม่ได้ทานอะไรมาหลายวันแล้ว มีเพียงน้ำเปล่าที่ช่วยต่อเวลาชีวิตให้นางเพียงเท่านั้น และนางอยู่ในห้องลับของเรือน

คนที่ท่านเจ้าเมืองได้คาดเดาเอาไว้นั่นแหละเจ้าค่ะ เรื่องอื่นค่อยจัดการ

ทีหลังเมื่อคุณหนูว่านปลอดภัยเถิดเจ้าค่ะ” การมีภรรยาหลายคน

มักจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้ แต่บุรุษยุคโบราณคิดแค่เรื่องการขยาย

วงศ์ตระกูลมากกว่า

“เช่นนั้นรบกวนเจ้าอยู่กับฮูหยินที่นี่ก่อน ข้าจะพาคนไปจัดการเรื่องนี้แล้วเราค่อยมาพูดคุยกันอีกครั้ง”

“เจ้าค่ะ ข้าน้อยรอได้เชิญท่านเจ้าเมืองเถิด”

“อาจู้ร์นำกำลังคนไปล้อมเรือนฮูหยินรองไว้ทุกด้าน ส่วนพ่อบ้านพาคนไปตรวจสอบบ่าวไพร่ในจวนทุกคน ใครที่มีพิรุธจับตัวเอาไว้

แล้วพามาพบข้าทีหลัง” แม้จะอยู่ในอารมณ์โกรธแค้น แต่เจ้าเมืองว่านก็ยังห่วงฮูหยินเอกของตน

“ขอรับนายท่าน/ขอรับนายท่าน”

ในที่สุดการตามหาบุตรสาวก็ได้สิ้นสุดลงเสียที เมื่อเจ้าเมืองว่านนำคนไปค้นจนพบห้องลับในเรือนของฮูหยินรอง ที่บุตรสาวอีกคนของตนกำลังทรมานว่านอี้ชิงอยู่ เมื่อถูกจับได้คาหนังคาเขาฮูหยินรอง

ไม่อาจปฏิเสธได้ นางอ้างถึงความรักและสงสารบุตรสาว จึงได้ทำเรื่อง

ชั่วช้าลงไป นางพยายามร้องขอความเห็นใจจากสามี แต่นางคงคาดไม่ถึงว่าบุรุษอย่างเจ้าเมืองว่าน จะเด็ดขาดกับการทำผิดเช่นนี้

“นำตัวฮูหยินรองกับบุตรสาวของนาง รวมถึงสาวใช้และบ่าวไพร่

ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ไปรับโทษโบยยี่สิบไม้จากนั้นเนรเทศไปเป็นทาสในเหมืองของแคว้น เอาตัวไปลงทัณฑ์!” เพราะฮูหยินรองคนนี้ได้มาจากความไม่เต็มใจ เมื่อมีโอกาสกำจัดนางออกไปจากจวนได้ เจ้าเมืองว่าน

จึงไม่ลังเลที่จะตัดสินโทษร้ายแรงให้พวกนาง

“นายท่าน!!/ท่านพ่อ!!”

“นายท่านโปรดเมตตาด้วย!” ฮูหยินรองถึงกับรีบร้องขอความเมตตา เมื่อสามีที่นางใช้วิธีสกปรกเพื่อให้ได้มาซึ่งฐานะนี้ ตัดสินโทษหนักให้นางกับบุตรสาว โดยไม่พิจารณาถึงคำว่าภรรยาและลูกสักนิด

“ท่านพ่อ! ข้าเป็นลูกของท่านเช่นกันนะ ท่านพ่อ! ฮือ ๆ ๆ”

เจ้าเมืองว่านไม่เห็นแก่สัมพันธ์ส่วนตัว ในเมื่อกระทำความผิด ย่อมได้รับโทษตามกฎหมายหากเขาเห็นแก่ตัว จะมีชาวบ้านเคารพนับถือว่าเป็นเจ้าเมืองที่มีความยุติธรรมได้อย่างไร

เมื่อจบเรื่องอวี้จิ่นได้เงินรางวัลห้าสิบตำลึงทองมาอยู่ในมือ

จึงเตรียมหาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ไว้ผลัดเปลี่ยนยามเดินทาง อวี้จิ่นกลับมาใส่ชุดสตรีเนื้อผ้าธรรมดาทั่วไปที่ดูไม่โดดเด่น ถึงอย่างไรร่างนี้เพิ่งจะพ้น

วัยปักปิ่นเท่านั้น ใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มจึงไม่น่าดึงดูด และมันเป็นการดีซึ่งช่วยให้ไม่มีบุรุษใด มองอวี้จิ่นอย่างเสน่หาถือว่าปลอดภัยในระดับหนึ่ง

ก่อนจะออกเดินทางไปยังเมืองถัดไป ด้วยรถม้าที่เจ้าเมืองว่าน

หามาให้ อวี้จิ่นไม่ลืมเตือนให้เจ้าเมืองว่าน ยึดมั่นปณิธานการเป็นขุนนางตงฉินต่อไป เพราะนางได้บอกกับเจ้าเมืองว่านกลาย ๆ ว่าในอนาคต

เขาจะได้เลื่อนตำแหน่ง และเจ้าเมืองว่านก็เชื่อว่าที่อวี้จิ่นพูดมาย่อมเป็นเรื่องจริง เนื่องจากมีตัวอย่างให้เห็นในเรื่องของบุตรสาวมาแล้วนั่นเอง

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status