"ฉันเพิ่งรู้ว่าแม่ของฉันเก่งกาจที่สุดในโลกก็ตอนที่แม่ทำทุกอย่างเพื่อฉันและทำให้ฉันเป็นเด็กที่มีความสุขที่สุดมาตลอด ฉันจะเก่งเหมือนแม่และแข็งแกร่งให้เท่าแม่ให้ได้"ซูหนิงเซียว
View Moreณ คฤหาสน์ครอบครัวจ้าวในเมืองหลวง
วันนี้ซูหนิงจิงไปรับลูกสาวกลับจากโรงเรียนในตอนเย็น เมื่อกลับมาถึงบ้านเธอกลับพบว่าสามีพาผู้หญิงสวยคนหนึ่งพร้อมกับเด็กชายหญิงอีกสองคนนั่งรอเธอกับลูกอยู่ที่ห้องรับแขก ซูหนิงจิงบอกให้ลูกขึ้นไปรอที่ห้องก่อน
“แม่คะ หนูจะอยู่กับแม่”
“แม่ไม่เป็นไรลูก ลูกขึ้นไปรอแม่อยู่ในห้องดี ๆ ก่อน แล้วเดี๋ยวแม่จะเล่าให้ฟังทีหลัง”
“ก็ได้ค่ะ แม่ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
“แม่รู้จ๊ะลูก ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ รีบไปเถอะ”
จ้าวหนิงเซียวได้แต่หันมองแม่ของเธอระหว่างที่เดินกลับขึ้นไปยังห้องของตนเองที่อยู่บนชั้นสองของบ้านด้วยความเป็นห่วง เธอไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้ความ สิ่งที่เธอเห็นก่อนหน้านี้เธอพอจะเดาได้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเธอ
ซูหนิงจิงเดินไปนั่งที่เก้าอีกอีกตัวที่ว่างอยู่ เธอมองสามีด้วยสายตาเย็นชา ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดในสิ่งที่เธอไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ยินจากคนที่เป็นสามีและคนที่ช่วยกันสร้างบริษัทขึ้นมาจนมีฐานะร่ำรวยอยู่ในทุกวันนี้
“นี่หลิวอ้ายโหรวภรรยาอีกคนของผม ส่วนเด็กสองคนนั้นก็เป็นลูกของผมเช่นกัน บ้านหลังนี้ไม่ใช่เล็ก ๆ ผมอยากให้เธอกับลูกเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย คุณคิดว่ายังไง”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า จ้าวไห่ถัง ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณจะกล้าหักหลังฉันมานานถึงขนาดนี้ คุณฟังฉันให้ดี ๆ ถ้าคุณต้องการสามคนนี้ให้เข้ามาอยู่ในบ้าน คุณจะต้องหย่ากับฉันก่อน ส่วนเรื่องหุ้นในบริษัท ฉันจะยังถือครองในส่วนของฉันเหมือนเดิม แต่จะไม่เข้าไปบริหาร หลังจากหย่าเสร็จแล้ว คุณต้องให้เงินสดฉันกับลูกไปตั้งตัวสิบล้าน นี่เป็นทางเลือกเดียวที่ฉันจะให้คุณกับคนของคุณ” ซูหนิงจิงไม่แม้แต่จะเสียน้ำตาให้กับคนอย่างจ้าวไห่ถังที่เธอพอจะรู้เรื่องมาสักพักแล้ว
จ้าวไห่ถังได้แต่ขมวดคิ้วอย่างยุ่งยากใจ ความจริงเขาอยากขอซื้อหุ้นคืนจากซูหนิงจิง แต่ในเมื่อเธอต้องการถือหุ้นเอาไว้แต่ไม่เข้าไปบริหารร่วมกับเขาเหมือนเมื่อก่อน เขาจึงไม่อาจทำสิ่งใดได้ หากเขาต้องการให้หลิวอ้ายโหรวกับลูก ๆ เข้ามาอยู่ด้วยกัน เขาจำเป็นที่จะต้องแลกเปลี่ยนตามที่ซูหนิงจิงร้องขอ อย่างไรซูหนิงจิงก็ไม่มีลูกชายให้เขาอยู่แล้ว จ้าวไห่ถังจึงยอมตกลงแต่โดยดี
“ได้ ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปหย่ากันพรุ่งนี้ ผมจะโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของคุณสิบล้านตามที่คุณขอ หลังจากนั้นผมจะให้อ้ายโหรวกับลูกเข้ามาอยู่ในบ้านนี้แทน”
“ตกลง สิ่งของส่วนตัวของฉันที่อยู่ในบ้านนี้ ฉันจะให้บริษัทขนส่งมาขนไปวันพรุ่งนี้ รอให้ฉันกับลูกออกจากบ้านหลังนี้ก่อน คุณค่อยพาคนของคุณเข้ามาก็แล้วกัน”
“ตกลง ถ้าอย่างนั้นผมจะพาพวกเขากลับไปก่อน คืนนี้ผมจะอยู่กับพวกเขาที่บ้านอีกหลังก็แล้วกัน คุณก็อยู่ที่นี่จนกว่าเรื่องหย่ากับเรื่องขนของของคุณเสร็จแล้วค่อยบอกผมก็แล้วกัน”
“เชิญ ฉันขอตัวไปดูลูกก่อน พรุ่งนี้เก้าโมงเช้าเจอกันที่เขต”
“ได้ เจอกันที่เขตพรุ่งนี้”
ซูหนิงจิงไม่สนใจว่าจ้าวไห่ถังจะพาพวกเขาไปอยู่ที่ไหนจนกว่าที่เธอจะขนของออกจากบ้านหลังนี้ที่เป็นน้ำพักน้ำแรงของเธอกับเขาที่สร้างร่วมกันมา ซูหนิงจิงใช่ว่าจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมาตลอดหลายปีของสามี เพียงแต่เธอไม่อยากทะเลาะกับเขาจนทำให้ลูกไม่สบายใจเท่านั้นเอง ก่อนที่จะขึ้นไปที่ห้องของจ้าวหนิงเซียว เธอก็ต่อสายหาเพื่อนสนิทที่ทำงานเป็นเลขาให้กับเธอมาตลอดสิบปี
[ เหลียงฟาง พรุ่งนี้ฉันจะไปหย่ากับจ้าวไห่ถัง หลังจากนี้ฉันจะไม่เข้าไปบริหารบริษัทอีก คุณช่วยดูแลบริษัทระหว่างที่ฉันไม่อยู่ด้วยก็แล้วกัน เพราะหุ้นของฉันในบริษัทยังคงถือครองอยู่ 45% เหมือนเดิม ]
[ แล้วหลังจากนี้คุณกับลูกจะไปอยู่ที่ไหนหนิงจิง คุณอย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิ ]
[ ฉันจะพาลูกกลับไปอยู่ที่ก้านโจว คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉันกับลูกมากนักหรอก คุณก็รู้ดีว่าฉันต้องแข็งแกร่งเพื่อลูก ]
[ เฮ้อ ผมเสียใจเรื่องครอบครัวของคุณด้วยนะหนิงจิง ผมสัญญาว่าจะดูแลบริษัทแทนคุณให้ดี เพื่อที่คุณจะยังได้เงินปันผลทุกปีจนกว่าวันที่คุณพร้อมจะกลับมา ]
[ ขอบคุณมากนะเหลียงฟาง คุณเป็นเพื่อนที่ฉันเชื่อใจที่สุดแล้วในเมืองหลวง ]
[ ไม่เป็นไร ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณหนิงจิง ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกมาได้เลย ]
[ ไม่มีแล้วล่ะ ฉันขอตัวไปคุยกับลูกก่อนนะ ถ้าฉันออกจากเมืองหลวงเมื่อไหร่ ฉันจะโทรบอกคุณก็แล้วกัน ]
[ ตกลง งั้นคุณไปคุยกับหลานเถอะ ขอให้ทุกอย่างราบรื่นนะหนิงจิง ]
[ ขอบคุณมาก แค่นี้นะ ]
หลังจากวางสายแล้ว ซูหนิงจิงนั่งคิดอยู่สักพักว่าเธอจะเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ลูกฟังอย่างไรดี ด้วยเธอไม่อยากให้ลูกเกลียดพ่อของตัวเอง แต่ในเมื่อจ้าวไห่ถังพาพวกเขามาให้ลูกเห็นแบบนี้แล้ว เธอก็คงได้แต่ต้องบอกความจริงและปรึกษาเรื่องการย้ายโรงเรียนของลูกสาวเธอที่จะต้องย้ายไปอยู่ที่ก้านโจวบ้านเกิดเธอ
เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะคุยอะไรกับลูกสาว ซูหนิงจิงไปที่ห้องของจ้าวหนิงเซียวทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“หนูไม่ได้ล็อกประตูค่ะ”
“งั้นแม่เข้าไปเลยนะลูก”
แอ๊ด…
“แม่มีอะไรก็พูดกับหนูได้นะคะ หนูโตแล้วไม่ต้องกังวลว่าหนูจะคิดมาก” จ้าวหนิงเซียวยิ้มให้กำลังใจแม่ของตัวเอง
“เฮ้อ แม่รักลูกนะหนิงเซียว เพียงแต่ว่าแม่กับพ่อไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้แล้ว ลูกอยากอยู่กับพ่อหรือเปล่า หลังจากแม่หย่ากับพ่อของลูกในวันพรุ่งนี้ แม่จะได้วางแผนการเรียนเอาไว้ให้ลูกก่อนออกจากที่นี่”
“หนูจะอยู่กับแม่ค่ะ พ่อไม่เคยดูแลหนูมาตั้งแต่เด็กแล้ว แม่ก็รู้ แล้วแม่คิดว่าหนูจะอยู่กับพ่อได้ยังไงล่ะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นหากแม่ให้ลูกเปลี่ยนนามสกุลมาใช้แซ่ของแม่ล่ะ ลูกเต็มใจไหม”
“แน่นอนว่าหนูเต็มใจค่ะแม่ ไม่ว่าแม่จะให้ทำอะไรหรืออยู่ที่ไหน หนูจะอยู่กับแม่เสมอนะคะ หนูรู้ว่าแม่เองก็เสียใจ เพียงแต่แม่ต้องเข้มแข็งเพื่อหนูเท่านั้นเอง ถ้าแม่อยากจะร้องไห้หรือระบายออกมาบ้าง หนูก็จะคอยกอดเป็นกำลังใจให้แม่นะคะ”
จ้าวหนิงเซียวเข้าไปกอดซูหนิงจิงอย่างที่เธอว่าเพื่อรอคอยว่าแม่ของเธอจะมีความรู้สึกเสียใจออกมาบ้างหรือไม่ เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เธอเลยอยากจะให้แม่ของเธอระบายความเศร้าออกมาบ้าง
ซูหนิงจิงที่ได้ยินลูกบอกออกมาแถมยังเข้ามากอดให้กำลังใจเธอ ซูหนิงจิงก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลออกมา เธอกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้แล้วลูบหัวลูกสาวคนเดียวของเธอที่คอยเป็นกำลังใจมาให้เธอตลอดตั้งแต่ลูกสาวเริ่มรู้ความ หลายปีมานี้ จ้าวไห่ถังไม่ค่อยกลับบ้าน แต่ลูกสาวเธอก็ไม่เคยถามถึงพ่อเลยแม้แต่ครั้งเดียว ยิ่งทำให้เธออดสงสารลูกสาวไม่ได้ หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ซูหนิงจิงจึงบอกเล่าเรื่องในอนาคตให้กับลูกสาวได้รับฟัง
“หนิงเซียว พรุ่งนี้ลูกไปที่เขตกับแม่เลยนะ หลังหย่าแล้วแม่จะได้พาลูกเปลี่ยนแซ่ให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปทำเรื่องลาออกที่โรงเรียนของลูก จากนั้นแม่จะพาลูกกลับมาเก็บของที่บ้านให้หมดแล้วขนไปที่เมืองก้านโจว แม่อยากเปิดร้านอาหารมานานแล้ว ถ้าเราได้ทำเลดี ๆ เราก็จะได้มีรายได้บ้าง ส่วนเรื่องโรงเรียนที่ก้านโจวก็ไม่น่าจะมีปัญหา แม่จะขอให้ทางโรงเรียนเขียนใบรับรองให้ลูกไปยื่นที่โรงเรียนใหม่ ลูกคิดว่ายังไงถ้าจะต้องย้ายไปที่เมืองอื่นกับแม่”
“หนูยินดีตามแม่ไปทุกที่ค่ะ ขอแค่มีแม่อยู่ หนูอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น แม่ก็รู้นี่คะว่าลูกแม่เก่งแค่ไหน ฮิ ฮิ”
จ้าวหนิงเซียวอยากให้แม่หายเศร้า เธอจึงพูดติดตลกเพื่อให้ซูหนิงจิงยิ้มออกมาได้บ้าง
“แน่นอนว่าลูกสาวของแม่เก่งมาก เอาล่ะ เดี๋ยวแม่จะลงไปดูว่าอาหารพร้อมหรือยัง ลูกค่อยตามลงไปทีหลังก็แล้วกันนะ”
“ได้ค่ะแม่”
ซูหนิงจิงลูบหัวลูกสาวอย่างแสนรักก่อนจะลุกออกจากห้องของลูกสาวไปล้างหน้าล้างตาและไปดูว่าแม่บ้านทำอาหารเรียบร้อยหรือยัง
ระหว่างอาหารค่ำวันหนึ่ง ซูหนิงเซียวที่กำลังจะกินทอดมันกลับรู้สึกเหม็นกลิ่นอาหารยังไงพิกลจนเธอต้องลุกขึ้นวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ ทำเอาทุกคนแตกตื่นตกใจกันไปหมดเพราะคิดว่าเธอพักผ่อนไม่เพียงพอจากการไลฟ์สดต่อเนื่องกันมานานหลายวัน จ้านเการีบสั่งคนให้เตรียมรถไปโรงพยาบาลทันที เมื่อเห็นซูหนิงเซียวเดินหน้าซีดออกมาจากห้องน้ำ เขาก็รีบเข้าไปอุ้มเธอและเดินดุ่ม ๆ ออกไปหน้าบ้านโดยไม่รอใครสักคน ทำเอาคนอื่น ๆ ต้องรีบเดินตามเขาไปแทบไม่ทัน บอดี้การ์ดพาทุกคนไปถึงโรงพยาบาลใกล้ ๆ ในเวลาเพียง 20 นาที ซูหนิงเซียวเห็นจ้านเกาจะอุ้มเธอลงไปอีกก็เกิดอายคนในบ้านขึ้นมา เธอจึงขอเดินเองจนจ้านเกาต้องยอมแพ้ภรรยาตัวน้อยและประคองเธอลงจากรถตู้เอง หลังส่งซูหนิงเซียวเข้าไปในห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจอาการแล้ว บรรดาผู้อาวุโสที่คาดเดาว่าครั้งนี้น่าจะเป็นข่าวดีต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใส แต่จ้านเกาที่เป็นห่วงภรรยากลับไม่รู้เรื่องอะไร เขาเอาแต่เดินไปเดินมาหน้าห้องฉุกเฉินเพราะกลัวว่าภรรยาจะเจ็บป่วยร้ายแรง
ในห้องหอที่เป็นห้องของจ้านเกา ซูหนิงเซียวนั่งอยู่ที่เตียงอย่างเขินอาย ก่อนที่จ้านเกาจะจูบหน้าผากภรรยาตัวน้อยของเขาอย่างอ่อนโยน“น้องหนิงเซียวไม่ต้องเครียดมากนะครับ พี่ไม่ทำอะไรน้องก่อนจะเรียนจบแน่นอนครับ เราไปกินข้าวมงคลกันดีกว่า” จ้านเกาจับมือเล็กของซูหนิงเซียวแล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้างเธอและเริ่มตักอาหารใส่ถ้วยข้าวให้เธอกินไม่ต่างจากตอนที่พวกเขาอยู่บนโต๊ะอาหารร่วมกับครอบครัว ซูหนิงเซียวอดคิดไม่ได้ว่าทำไมสามีเธอไม่อยากมีอะไรกับเธอ หรือว่าเธอจะไม่สวยพอที่เขาจะหลงใหล จ้านเกาเห็นภรรยาหน้านิ่วคิ้วขมวดก็อดจะถามไม่ได้“น้องหนิงเซียวคิดอะไรอยู่ครับ ทำไมทำหน้าตาแบบนี้ล่ะ”“เอ่อ… หนูแค่คิดว่าวันนี้หนูไม่สวยพอที่สามีอย่างพี่จ้านจะทำหน้าที่สามีหรือเปล่าน่ะสิคะ เพื่อนหนูบอกว่าเจ้าบ่าวส่วนใหญ่ต้องอดใจไม่ไหวแน่ถ้าเห็นเจ้าสาวนั่งบนเตียง” ซูหนิงเซียวก้มหน้าตอบอย่างอาย ๆ“ฮ่า ฮ่า น้องหนิงเซียวคิดมากเกินไปแล้ว พี่แค่กลัวว่าน้องจะยังไม่พร้อมเท่านั้นเองครับ ถ้าน้องหนิงเซียวอนุญาต พี่ก็จะทำห
ก่อนเวลาตามฤกษ์งามยามดี 10 นาที พิธีกรขึ้นมากล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจำนวนนับร้อยคนที่มาในครั้งนี้ จากนั้นเขาจึงเชิญผู้อาวุโสของตระกูลจ้านทั้งสองขึ้นไปนั่งรอบนเวที ไม่นานนักซูหนิงจิงก็เดินมาพร้อมลูกสาวโดยมีกู่ซิงเดินตามหลังพร้อมรอยยิ้มเข้ามาในงาน จ้านเการีบไปยืนรอเจ้าสาวของเขาที่หน้าเวทีก่อนจะรับเธอมาจากซูหนิงจิง เขายังรับปากซูหนิงจิงว่าจะดูแลซูหนิงเซียวเป็นอย่างดี หลังฟังจ้านเกาพูดแล้ว ซูหนิงจิง กู่ซิงก็เดินนำสองเจ้าบ่าว เจ้าสาวขึ้นไปบนเวทีเพื่อเริ่มทำพิธีการในลำดับต่อไป พิธีกรประกาศของรับขวัญเจ้าสาวที่ตระกูลจ้านมอบให้ ทำเอาแขกในงานฮือฮากันไม่น้อย เนื่องจากของขวัญมากมายทั้ง 28 รายการล้วนแต่เป็นของโบราณและมีค่าควรเมือง ไม่รวมที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเมืองต่าง ๆ ที่ผู้อาวุโสทั้งสองมอบให้อีกหลายแห่ง ซูหนิงเซียวถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมาที่คุณตา คุณยายของจ้านเกาเอ็นดูเธอถึงเพียงนี้ หลังจบรายการของขวัญฝ่ายเจ้าบ่าวแล้ว พิธีกรก็ประกาศของรับขวัญเจ้าบ่าวที่ซูหนิงจิงมอบให้เช่นกัน คราวนี้แขกในงานยิ่งส่งเสียงฮือฮาหนักกว่าเมื่อกี้เสียอีก เพราะซูหนิงจิงมอบหุ้นทั้งหมดข
ก่อนถึงงานแต่งสามวัน วันนี้มีข่าวใหญ่ที่สื่อทุกสำนักนำเสนอ จากหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาก่อนหน้านี้ หลังจากตรวจสอบที่มาที่ไปและพบว่าหลักฐานทั้งหมดเป็นของจริง ตำรวจได้นำส่งหลักฐานให้ศาลพิจารณาออกหมายจับนักการเมืองหลายสิบคนที่มีส่วนร่วมในการทุจริตและคอรัปชั่นมาตลอดหลายสิบปี เจียวจิ้งเหอที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่เหงื่อตกหลังจากดูข่าวที่กำลังฉายในทีวี เขาไม่รู้ว่าหลักฐานที่เขาเก็บเอาไว้ทำไมถึงไปอยู่กับตำรวจได้ วันที่ทนายมาทำพินัยกรรมให้กับเขา ทนายก็ไม่ได้บอกว่าหลักฐานหายไป เจียวจิ้งเหอยิ่งดูข่าวก็ยิ่งเครียดจนความดันขึ้นสูงและเครื่องวัดความดันดังเตือนไปยังพยาบาลด้านนอก พวกเธอรีบเข้ามาดูคนไข้ที่กำลังช็อคทันที แต่เสียดายที่ตอนนี้เจียวจิ้งเหอเส้นเลือดในสมองแตกไปจากความเครียดที่เกิดขึ้น หมอรีบเข้ามาดูอาการแล้วก็ได้แต่ต้องรีบพาเขาไปห้องผ่าตัดเพื่อดูดลิ่มเลือดในสมองออกก่อนที่อาการจะหนักมากไปกว่านี้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้รับข่าวจากโรงพยาบาลในเวลาต่อมา พวกเขารีบไปที่โรงพยาบาลกันอย
สามวันต่อมา จ้านหย่งเหอ จ้านเซียงชิง จ้านเกา ซูหนิงจิง ซูหนิงเซียวและกู่ซิงเดินทางไปลองชุดที่ร้านตามที่จ้านเซียงชิงจองเอาไว้ก่อนหน้านี้ ร้านนี้มีแต่ชุดสวย ๆ และดูหรูหราเหมาะสมกับงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคน ส่วนผู้ใหญ่ต่างก็ดูชุดราตรีแบบต่าง ๆ ที่ร้านนำมาให้ก่อนจะลองชุดกันอย่างสนุกสนาน สองผู้อาวุโสเองก็เลือกชุดแบบโบราณที่ดูเหมาะสมกับวัย กว่าที่ทุกคนจะลองชุดเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงบ่ายกว่าแล้ว พวกเขาเห็นว่าเลยเวลาอาหารเที่ยงมาสักพักใหญ่จึงให้คนขับรถหาร้านใกล้ ๆ เพื่อทานอาหารก่อนจะกลับไปที่บ้านตระกูลจ้าน ระหว่างทานอาหาร จ้านหย่งเหอก็ถามถึงเรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอกับหลานชาย“คดียังต้องเลื่อนการสอบพยานนัดแรกออกไปอยู่ครับคุณตา เพราะเจียวจิ้งเหอต้องรักษาตัวมากกว่าสามเดือนครับ”“ฮึ หวังว่าคราวนี้คงไม่มีใครมาช่วยเขาอีกนะ”ซูหนิงจิงไม่อยากให้จ้านหย่งเหอกังวลมากนัก เธอจึงคิดจะบอกถึงเรื่องที่คนของเติ้งโหย่วได้หลักฐานส่งตำรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นจ้านหย่งเหอคงไม่สบายใจ
เจียวจิ้งเหอฟื้นขึ้นมาในช่วงบ่ายของวันต่อมาหลังจากผ่าตัด หมอตรวจอาการของเขาพบว่าร่างกายช่วงล่างของเขาไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป เนื่องจากกระดูกสันหลังและเส้นเลือดเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ เจียวจูกับหลงฮ่าวพอได้ข่าวก็รีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อพวกเขารู้ว่าเจียวจิ้งเหอไม่สามารถใช้ร่างกายช่วงล่างได้อีกก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอก็ยังไม่ได้รับการตัดสิน หากเจียวจิ้งเหอต้องไปอยู่ในคุกข้อหาจ้างวานฆ่าจริง ๆ พวกเขาคงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากหมั่นไปเยี่ยมเท่านั้น หลังจากรู้เรื่องว่าต่อไปตัวเองต้องเป็นคนพิการ เจียวจิ้งเหอก็ได้แต่หลับตาลงอย่างปลดปลง เขาไม่สนใจว่าเป็นฝีมือใครแล้วในตอนนี้ ถึงเขาจะแก้แค้นกลับก็ไม่ช่วยให้เขาสามารถใช้งานร่างกายที่พิการไปแล้วได้อยู่ดี เจียวจูเห็นพ่อของตัวเองเงียบลงไปแบบนี้ก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้นไปอีกจนหลงฮ่าวต้องคอยกอดปลอบเธอเอาไว้ ไม่นานนักเจียวจิ้งเหอก็ลืมตาขึ้นมาเพื่อคุยกับลูกสาวและลูกเขยถึงเรื่องสำคัญ“หลงฮ่าว อาจู พรุ่งนี้เรียกทนายมาหาพ่อที่นี่ด้วยนะ พ่อจะทำพินัยกรรมเอาไว้ให้ลูกกับหลาน ส่วนเรื่องคดีของพ่อคงอีก
หลงฮ่าวกับเจียวจูรออยู่หน้าห้องผ่าตัดเกือบ 8 ชั่วโมง กว่าที่หมอจะออกมาบอกว่าเจียวจิ้งเหอพ้นขีดอันตรายแล้ว เพียงแต่ต้องรอดูว่าหลังจากฟื้นขึ้นมา อวัยวะต่าง ๆ ของเจียวจิ้งเหอจะสามารถใช้งานได้เป็นปกติหรือไม่เท่านั้น หมอแจ้งอาการกับญาติเสร็จก็ให้พยาบาลเข็นเตียงของเจียวจิ้งเหอไปยังห้องพิเศษเพื่อรอดูอาการหลังผ่าตัดจนกว่าจะครบ 24 ชั่วโมง จึงจะมั่นใจว่าเขาสามารถพักฟื้นต่อได้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้แต่ต้องกลับไปก่อนและให้คนของเขาคอยเฝ้าดูอาการของเจียวจิ้งเหอแทน พวกเขาจึงจะมาเยี่ยมเจียวจิ้งเหออีกครั้ง เพราะหลงฮ่าวกำลังหาคนในของบริษัทจ้านเกาเพื่อสร้างความเสียหายแต่ก็ยังหาไม่ได้เสียที จ้าวไห่ถังที่รู้ข่าวความวุ่นวายของหกตระกูลก็คิดอยากถอนหมั้นลูกสาว เขาไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคนติดคุกติดตะรางอย่างหลงเอ้อหลางอีกต่อไป หลิวอ้ายโหรวที่ยุ่งอยู่กับการพาลูกชายไปทำงานก็ไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจของสามี เธอในตอนนี้ไม่อยากให้ลูกชายเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้เช่นกัน หลังอาหารเย็นวันหนึ่ง จ้าวไห่ถังจึงเรียกลูกสาวมาคุยเรื่องนี้“พ่อคิดว่าตระกูลหลงจะให้เราถอนหมั้น
วันนี้เจียวจิ้งเหอมีนัดขึ้นให้การในชั้นศาลนัดแรก เขาให้คนของตนเองเตรียมตัวเดินทางหลังอาหารเช้า ส่วนคนของเติ้งโหย่วก็เตรียมการแล้วเช่นเดียวกัน พวกเขาหาที่กั้นทางเพื่อทำทีเป็นปรับปรุงถนนอยู่ให้เลี่ยงเส้นทางไปยังทางเปลี่ยว ทำให้ขบวนรถสามคันของเจียวจิ้งเหอต้องอ้อมทางไป คนของเติ้งโหย่วที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า พอเห็นขบวนรถของเจียวจิ้งเหอมาถึงก็เตรียมตัวกดระเบิดที่ฝังเอาไว้ใต้พื้นถนนเพื่อทำให้รถเกิดอุบัติเหตุแทนที่จะใช้ปืนกระหน่ำยิงเหมือนตอนที่เจียวจิ้งเหอสั่งลูกน้องไปจัดการจ้านเกา เมื่อรถคันแรกมาถึงบริเวณที่อานุภาพการทำลายล้างของระเบิดสามารถทำได้ หัวหน้ากลุ่มกะจังหวะกดระเบิดตอนที่รถของเจียวจิ้งเหอมาถึงจุดที่ระเบิดถูกวางเอาไว้พอดีบึ้ม!!! เอี๊ยด!!! โครม! รถของเจียวจิ้งเหอพลิกคว่ำในทันที ส่วนรถอีกสองคันที่โดนแรงระเบิดก็กระเด็นไถลไปคนละทิศละทาง คนที่อยู่ในรถต่างมึนงงและหูดับไปเพราะแรงระเบิดชั่วขณะ คนของเติ้งโหย่วอาศัยจังหวะนั้นหลบออกไปจากที่เกิดเหตุโดยหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิดอย่างรู้งาน พวกเข
หลังทานอาหารค่ำ ทุกคนก็มานั่งคุยรายละเอียดเรื่องงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคนอย่างจริงจังจนได้ข้อสรุปว่าพวกเขาจะจัดงานแต่งงานก่อนซูหนิงเซียวจะเปิดเทอมและขึ้นปีสามเพื่อความสะดวกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งก็เหลือเวลาเตรียมงานไม่ถึงสามสัปดาห์ แน่นอนว่าสัปดาห์นี้ทุกคนยุ่งอยู่กับแผนการล้มหกตระกูลรอง จ้านหย่งเหอกับจ้านเซียงชิงจึงให้เริ่มเตรียมงานแต่งในสัปดาห์หน้าแทน โดยพวกเขาจะเรียกเจิ้งเหลียงฮวามาช่วยเรื่องทำบัตรเชิญเหมือนตอนงานหมั้น คืนนั้นกว่าทุกคนจะได้เข้านอนก็เกือบห้าทุ่มแล้ว พวกเขาต่างยิ้มแย้มที่กำลังจะมีงานมงคลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ถึงแม้แต่ละคนจะมีงานล้นมืออยู่ก็ตามที สายวันต่อมา แผนการของซูหนิงจิงทำให้บริษัทใหญ่ทั้งหกไม่มีทางเลือกจนต้องเทขายหุ้นในมือก่อนที่จะขาดทุนไปมากกว่านี้ ซูหนิงจิงโทรหาไป่เฉิงให้เขากว้านซื้อหุ้นทั้งหมดเอาไว้ให้เธอ โดยเธอโอนเงินให้เขาเผื่อเอาไว้ 900 ล้านหยวน ต้องขอบคุณโครงการฟู่ซิงซินที่ขายหมดเร็วจนเธอมีกำไรจากโครงการนี้มากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน ตระกูลทั้งหกที่เกี่ยวพันกับเรื่องของซูหนิงเซียวต่างนัดประชุมเ
Comments