ซูหนิงจิงมองป้ายซอยตามที่เจ้าของบ้านบอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วขับนำรถขนของไปจนกระทั่งถึงหน้าบ้านที่เจ้าของบ้านโบกมือรออยู่ รถสองคันจอดต่อกันก่อนที่ซูหนิงจิงจะลงจากรถพร้อมกระเป๋าสะพายเพื่อจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าและค่าประกันทั้งหมดสองหมื่นหยวน ซูหนิงจิงอ่านเอกสารก่อนจะเซ็นสัญญาเช่าบ้านให้เรียบร้อย
เจ้าของบ้านมอบกุญแจบ้านทั้งพวงให้กับซูหนิงจิง ก่อนจะขอตัวกลับบ้านของตัวเองที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันเช่นกัน
“พวกคุณขนของเข้าไปวางไว้ในบ้านได้เลยค่ะ ฉันจะโอนค่าใช้จ่ายให้บริษัทของคุณตามที่ตกลงกันเอาไว้”
“ครับ คุณผู้หญิง ขอบคุณมากครับ”
ชายทั้งสองช่วยกันยกกล่องทั้งหมดลงจากรถไปโดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เสร็จสิ้น ซูหนิงจิงเห็นว่าพวกเขาทำงานดีก็มอบเงินให้พวกเขาคนละหนึ่งพันหยวนเป็นค่าตอบแทนที่พวกเขาช่วยยกของให้พวกเธอสองแม่ลูก
ชายทั้งสองกล่าวขอบคุณก่อนที่จะพากันขึ้นรถเพื่อขับกลับไปยังเมืองหลวงทันที พวกเขาคิดว่าน่าจะไปถึงตอนมืดแล้วเป็นแน่ เพราะระยะทางไกลไม่น้อย
“ลูกเข้าไปดูในบ้านก่อนสิว่าพอจะอยู่ได้สักสองเดือนไหม พรุ่งนี้แม่จะพาลูกไปหาที่เรียนแต่เช้า เราจะได้หาข้าวเช้ากินด้วย ถ้าออกไปซื้ออาหารตอนนี้น่าจะค่ำพอดี ลูกทนหิวได้ไหมหนิงเซียว”
“หนูทนได้ค่ะแม่ แม่รีบออกไปซื้อคีย์การ์ดกับ รปภ.ก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวจะค่ำไปมากกว่านี้”
“ได้ลูก ปิดประตูบ้านให้ดี ๆ ล่ะ เดี๋ยวแม่กลับมา”
“ได้ค่ะแม่ แม่ไม่ต้องกังวลนะคะ หนูคิดว่าหมู่บ้านนี้ดูปลอดภัยดีค่ะ”
“จ๊ะลูก ถ้าอย่างนั้นแม่จะถาม รปภ.ดูดีกว่าว่ามีที่ไหนขายอาหารบ้าง ลูกจะได้ไม่หิว”
ซูหนิงจิงขึ้นรถขับออกไปหน้าหมู่บ้านอีกครั้งเพื่อซื้อคีย์การ์ดและอาหารให้กับเธอและลูกสาว เพราะอย่างไรหลังจากนี้อีกสองเดือน พวกเธอจะยังคงอยู่ที่หมู่บ้านนี้ก่อนที่จะหาทำเลเพื่อจะเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ สักที่หนึ่งในเมืองก้านโจว
ซูหนิงเซียวเห็นแม่ขับรถออกไปแล้วเธอก็ปิดประตูรั้วเอาไว้รอแม่กลับมาเธอค่อยออกมาเปิดให้แม่เอารถเข้ามาเก็บในบ้าน ซูหนิงเซียวเดินสำรวจรอบ ๆ บ้านก็เห็นว่าบ้านนี้ดูดีไม่น้อย แถมบรรยากาศในหมู่บ้านก็ยังสงบเงียบดีจริง ๆ ตอนแรกเธอคิดว่าจะต้องมาอยู่ในบ้านซอมซ่อกับแม่หลังจากที่แม่ต้องหย่ากับพ่อของเธอ เธอคิดมาตลอดว่าพ่อเป็นผู้นำในบ้านจึงมีงานต้องรับผิดชอบมากมายและไม่มีเวลาให้เธอกับแม่มาตลอดตั้งแต่จำความได้ แต่สุดท้ายแล้วเธอกลับมองเห็นความจริงว่าพ่อนั้นแอบมีอีกครอบครัวหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว อีกทั้งอายุของพวกเขาก็ดูจะไม่ห่างจากเธอมากนัก ซูหนิงเซียวสะบัดความคิดเก่า ๆ ออกไป ตอนนี้เธอต้องรีบตรวจสอบว่าในบ้านนี้มีห้องอะไรบ้างจะได้เก็บข้าวของหลังจากที่แม่กลับมา
ซูหนิงจิงหลังจากซื้อคีย์การ์ดเข้าออกหมู่บ้านสองใบแล้ว รปภ.ก็บอกเธอว่าที่ฝั่งตรงข้ามหมู่บ้านมีตลาดอยู่ ซูหนิงจิงจึงกล่าวขอบคุณก่อนจะขับรถออกจากหมู่บ้านไปทันที เมื่อถึงตลาดแล้ว เธอรีบลงไปซื้ออาหารกับถ้วยชามมาเผื่อเอาไว้เพราะก่อนออกมานั้นเธอไม่ได้ดูเลยว่าในบ้านมีถ้วยชามให้พวกเธอแม่ลูกใช้หรือไม่
หลังซื้อของในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ซูหนิงจิงก็รีบขับรถกลับบ้านทันที เธอเป็นห่วงที่ลูกสาวที่ต้องอยู่ในบ้านคนเดียว เธอใช้เวลาขับรถไม่นานก็เข้าไปถึงหน้าบ้านเช่าแล้ว ซูหนิงเซียวที่ได้ยินเสียงรถก็รีบออกมาเปิดประตูให้แม่เอารถเข้าบ้าน
“ลูกมายกของกินกับถ้วยชามเข้าไปช่วยแม่ก่อนนะลูก แม่ซื้อของกินมาเผื่อเอาไว้อุ่นกินพรุ่งนี้เช้าด้วย” ซูหนิงจิงเปิดกระจกรถคุยกับลูกสาวก่อนจะลงไปปิดประตูรั้ว
“ได้ค่ะแม่” ซูหนิงเซียวตัวน้อยหยิบถุงอาหารมาครึ่งหนึ่งจนเต็มสองมือ ก่อนจะยกเข้าไปในบ้าน ที่เหลือซูหนิงจิงก็มาช่วยลูกยกเข้าไปด้วยเช่นกัน
หลังจากวางของทั้งหมดบนโต๊ะในห้องครัวแล้ว ซูหนิงจิงก็เดินเอากระเป๋าไปวางไว้ที่ห้องรับแขก ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในห้องครัวเพื่อล้างถ้วยชามสำหรับกินอาหารมื้อเย็นเอาไว้ก่อน
“แม่คะ บ้านนี้มีสองห้องนอนพอดี หนูจะนอนในห้องเล็กนะคะ แม่นอนห้องใหญ่นะ เดี๋ยวหนูจะทยอยยกกล่องขึ้นไปไว้ที่ห้องนะคะ”
“ได้จ๊ะลูก ส่วนกล่องของแม่เดี๋ยวแม่ยกเองนะลูก ลูกจะได้ไม่ต้องเหนื่อย อย่าลืมลงมาทานอาหารเย็นล่ะ อีกไม่นานก็จะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว”
“ค่ะแม่ ถ้าอย่างนั้นหนูรีบขนของขึ้นไปไว้ก่อนนะคะ”
ซูหนิงจิงพยักหน้ารับคำลูกสาวพร้อมรอยยิ้ม เธอรีบคว่ำถ้วยชามที่ซื้อมาเอาไว้ให้สะเด็ดน้ำก่อนที่จะเดินไปยกกล่องของตนเองไปยังอีกห้องหนึ่งที่ลูกสาวเธอบอกเอาไว้เช่นกัน
สองแม่ลูกใช้เวลาไม่นานนักก็พากันยกกล่องของตนเองขึ้นห้องไปจนหมด ซูหนิงจิงเห็นว่าได้เวลาอาหารแล้วจึงชวนลูกสาวลงไปกินข้าวก่อนค่อยมาจัดของออกจากกล่องทีหลัง ซูหนิงเซียวเดินตามแม่ลงไปชั้นล่างเพื่อกินข้าวอย่างเชื่อฟัง
หลังจากซูหนิงจิงแกะอาหารใส่ถ้วยชามเสร็จก็นั่งลงกินข้าวกับลูกสาวพร้อมกับคุยเรื่องที่จะต้องไปทำกันในวันพรุ่งนี้
“พรุ่งนี้แม่จะพาลูกไปหาที่เรียนนะหนิงเซียว ถ้าได้ที่เรียนแล้วแม่จะพาไปซื้อของสักหน่อย ส่วนกล่องของที่ลูกไม่จำเป็นต้องใช้ก็ยังไม่ต้องแกะออกมานะ รอแม่หาตึกสักหลังสำหรับทำร้านอาหารเล็ก ๆ ได้ก่อนเราก็จะต้องย้ายบ้านกันอีกรอบ”
“ได้ค่ะแม่ ถ้าอย่างนั้นหนูจะแกะแต่กล่องเสื้อผ้าออกมาไว้ใช้ในช่วงสองเดือนนี้ก่อนก็แล้วกันค่ะ ส่วนหนังสือเรียนหนูคิดว่าทางโรงเรียนน่าจะให้ซื้อใหม่ เพราะโรงเรียนเก่าของหนูน่าจะสอนไม่เหมือนกันกับที่นี่นะคะ”
“จ๊ะลูก ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะ แม่ยังมีเงินมากพอที่จะดูแลลูกได้อีกหลายปี”
“หนูรู้ค่ะแม่ แต่อะไรประหยัดได้หนูก็อยากประหยัดช่วยแม่บ้าง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจลูกนะ แต่สิ่งของที่จำเป็นต้องซื้อลูกก็บอกแม่มาก็แล้วกัน อย่าทำให้ตัวเองลำบากรู้ไหม”
“หนูรู้ค่ะแม่ ขอบคุณแม่มากนะคะที่ไม่ทิ้งหนูเอาไว้กับพ่อ”
“เฮ้อ แม่ก็มีแต่ลูกคนเดียวนี่แหละหนิงเซียว แล้วจะให้แม่ปล่อยลูกเอาไว้กับคนพวกนั้นได้ยังไงกันลูก รีบกินเถอะ จะได้ไปจัดของแล้วอาบน้ำนอนกัน”
“ได้ค่ะแม่ แม่กินเยอะ ๆ หน่อยนะคะ หนูอยากให้แม่มีน้ำมีนวลมากกว่านี้”
“ฮ่า ฮ่า เด็กโง่ แม่ก็กินเท่าที่แม่อิ่มเท่านั้นแหละ ลูกนั่นแหละที่ต้องกินเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ”
“หนูรู้ค่ะแม่ ฮิ ฮิ”
หลังทานอาหารเสร็จแล้ว ซูหนิงจิงบอกให้ลูกสาวขึ้นไปเก็บของแล้วอาบน้ำนอนแต่หัวค่ำ ส่วนเธอยังคงทำความสะอาดและนำอาหารที่เหลือเก็บเอาไว้ในตู้เย็น ดีที่บ้านนี้มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้ด้วย ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องซื้อของเข้ามาอีกมากแค่ไหน
ซูหนิงจิงทำความสะอาดและเก็บของเข้าตู้เย็นเสร็จก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อนำเสื้อผ้าออกมาแขวนเอาไว้สำหรับใส่ในช่วงสองเดือนนี้ ดีที่บ้านนี้มีห้องน้ำในตัวทั้งสองห้อง ทำให้เธอไม่ต้องลำบากออกไปอาบน้ำที่ห้องน้ำชั้นล่าง
คืนนี้สองคนแม่ลูกต่างหลับไปด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทาง พรุ่งนี้ยังมีสิ่งที่พวกเธอสองแม่ลูกต้องทำอีกมาก ถึงแม้จะแปลกที่สักหน่อยแต่พวกเธอก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
เช้าวันต่อมา ซูหนิงจิงรีบลงไปเตรียมอาหารเช้าเอาไว้ให้เธอกับลูกก่อนที่จะออกไปทำธุระข้างนอก ซูหนิงเซียวเองก็เตรียมเอกสารที่โรงเรียนเก่าเพื่อนำไปยื่นสมัครเรียนในโรงเรียนใหม่วันนี้เช่นกัน
ซูหนิงเซียวถือซองเอกสารและกระเป๋าสตางค์ที่แม่ซื้อให้สะพายลงมาแล้ววางของเอาไว้ที่ห้องรับแขก ก่อนที่จะเข้าไปดูว่าแม่ของเธอมีอะไรให้ช่วยในครัวหรือไม่
“แม่มีอะไรให้หนูช่วยมั้ยคะ”
“ไม่มีแล้วลูก แม่อุ่นอาหารเสร็จแล้ว ลูกไปนั่งเถอะ”
“ค่ะแม่”
ซูหนิงจิงนำอาหารและข้าววางเอาไว้บนโต๊ะอาหารในห้องครัว จากนั้นจึงบอกให้ลูกสาวรีบกินข้าวจะได้ออกไปขับรถหาโรงเรียนดี ๆ สักแห่งในก้านโจว
หลังทานข้าวและล้างถ้วยชามเอาไว้แล้ว ซูหนิงจิงก็ขึ้นไปเอากระเป๋าของตัวเองลงมาด้านล่างและบอกลูกสาวเอาของไปเก็บในรถก่อนไปเปิดประตูรั้ว ส่วนเธอจะล็อกประตูบ้านซูหนิงจิงถอยรถออกจากบ้านและรอให้ลูกสาวปิดประตูรั้วก่อนที่จะมาขึ้นรถและคาดเข็มขัดนิรภัย ซูหนิงจิงจึงขับรถออกจากหน้าบ้านไป“หนิงเซียวอยากเรียนโรงเรียนเอกชนหรือโรงเรียนรัฐลูก แม่จะได้หาโรงเรียนให้ถูก”“หนูเรียนที่ไหนก็ได้ค่ะแม่ แต่เอกชนน่าจะมีสอนภาคภาษาอังกฤษหรือเปล่าคะแม่ ที่โรงเรียนเดิมหนูก็เรียนนานาชาตินะคะ”“อืม นั่นสินะ ถ้าอย่างนั้นเราหาโรงเรียนนานาชาติดูก่อน ถ้าไม่มีค่อยดูว่ามีโรงเรียนไหนที่สอนภาคภาษาอังกฤษก็แล้วกัน เพราะในอนาคตลูกต้องใช้ภาษาอังกฤษเยอะแน่ ๆ”“ได้ค่ะแม่ แล้วแม่พอจะรู้บ้างไหมคะว่าโรงเรียนอยู่แถวไหนบ้าง”“แม่ยังไม่ได้หาข้อมูลเลยลูก แค่เราลองขับรถวนดูในเมืองก่อนก็น่าจะไม่เป็นไรมั้ง เมืองนี้ไม่ได้ใหญ่เหมือนเมืองหลวงนะลูก แม่คิดว่าน่าจะมีโรงเรียนแค่ไม่กี่แห่ง”“อ่อ ถ้าอย่างนั้นแม่ก็ไม่ต้องขับเร็วมากนะคะ เราจะได้มองเห็นโรงเรียนกันทัน”“จ้า ลูกช่วยแม่มองดูข้างทางด้วยล่ะ”“ได้ค่ะแม่”สองคนแม่ลูกขับรถไปเรื่อย ๆ ภายในเมืองก
เมื่อไปถึงห้างแล้ว ซูหนิงจิงก็พาลูกสาวไปที่ร้านหนังสือก่อนเพื่อให้ลูกได้เลือกหนังสือเสริมความรู้นอกเหนือจากหนังสือที่ซื้อมาจากโรงเรียนก่อนหน้านี้“ลูกเลือกสักหลายเล่มหน่อยนะ จะได้เอาไว้อ่านในเวลาว่างที่บ้าน”“ได้ค่ะแม่ ขอบคุณนะคะที่พาหนูมาซื้อหนังสือ”“รีบเข้าไปเลือกเถอะจ๊ะ เดี๋ยวแม่เดินเล่นดูหนังสือรอแถวนี้แหละ”ซูหนิงเซียวพยักหน้ายิ้มรับคำแม่ของเธอก่อนจะเดินเข้าไปที่มุมหนังสือของเด็กประถม เธอเลือกหนังสือนิทานภาษาอังกฤษมาสองสามเล่ม ส่วนที่เหลือเป็นหนังสือเกี่ยวกับการคำนวณและภาษาอังกฤษเบื้องต้นสำหรับชั้น ม.ต้น ซูหนิงเซียวมักจะชอบอ่านหนังสือของชั้นที่สูงกว่ามาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งเรื่องนี้ซูหนิงจิงก็รู้ดีว่าลูกของเธอมีความสามารถมากแค่ไหน เธอจึงไม่เคยห้ามลูกเรื่องการซื้อหนังสือแม้แต่ครั้งเดียว แต่กลับหมั่นพาลูกสาวมาเลือกซื้อหนังสือดี ๆ กลับไปอ่านที่บ้านแทนซูหนิงเซียวหอบหนังสือเกือบสิบเล่มแล้วเดินไปหาซูหนิงจิงที่ยืนอ่านรอเธออยู่ที่ด้านหน้าร้าน“แม่คะ หนูได้หนังสือครบแล้วค่ะ”“อ้าว เอามานี่สิลูก แม่ถือให้เอง ลูกไปรอที่เคาเตอร์จ่ายเงินเลย เดี๋ยวแม่เดินตามไป”“ขอบคุณค่ะแม่”ซูหนิงเซียวส่งหนังสื
ซูหนิงจิงตื่นแต่เช้าในวันต่อมาเพื่อรีดผ้าและเตรียมอาหารที่เหลือจากเมื่อวานมาอุ่นรอให้ลูกสาวลงมากินก่อนจะไปส่งลูกที่โรงเรียน หลังทำทุกอย่างเตรียมไว้แล้ว ซูหนิงจิงก็นำชุดนักเรียนไปแขวนเอาไว้ที่หน้าห้องลูก จากนั้นจึงไปอาบน้ำแต่งตัวในเวลาไม่นาน ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าให้เสียเวลาอีกนอกจากการทาครีมบำรุงเท่านั้น เพราะอย่างไรเธอก็ไม่ได้ทำธุรกิจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ซูหนิงจิงจึงไม่อยากเสียเวลาในเรื่องไม่จำเป็นพวกนี้ซูหนิงเซียวเปิดประตูออกมาดูชุดนักเรียนใหม่ของเธอก็เห็นว่าแม่เอามาแขวนไว้ให้ทั้งสามชุดแล้ว ซูหนิงเซียวยิ้มก่อนจะรีบนำเสื้อผ้าเข้าห้องไปเก็บและนำออกมาใส่ก่อนที่จะออกจากห้องหลังเก็บหนังสือตามตารางเรียนที่ได้รับมาเมื่อวานนี้ซูหนิงจิงเองก็ถือกระเป๋าออกมาพร้อมกับลูกสาวที่เปิดประตูพร้อมกระเป๋าสะพายสำหรับใส่หนังสือของโรงเรียนออกมาพอดี“ไปกินข้าวกันก่อนเถอะลูก แม่เตรียมเอาไว้ให้บนโต๊ะอาหารแล้ว”“ค่ะแม่”ทั้งสองคนเดินลงบันไดไปอย่างไม่เร่งรีบ ด้วยเพราะพวกเธอตื่นกันเช้ามากในวันนี้ ซูหนิงจิงหยิบเอาของว่างกับนมที่เก็บไว้ใส่ลงในกระเป๋านักเรียนให้ลูกสาวก่อนที่จะมานั่งกินข้าวด้วยกันพร้อมรอยยิ
ซูหนิงจิงหาที่จอดรถห่างจากประตูโรงเรียนได้แล้วจึงจอดรถเอาไว้ เธอลงจากรถไปรอลูกสาวที่หน้าประตูเหมือนกับผู้ปกครองบางส่วนที่มาถึงก่อนเธอไม่นาน ซูหนิงจิงไม่ได้สนใจผู้ปกครองคนอื่นที่มองดูเธอมากนัก ปกติเธอมักจะทำงานกับลูกน้องจำนวนมาก จึงทำให้นิสัยของเธอจากที่เคยอัธยาศัยดีก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเหมือนผู้บริหารบริษัททั่วไป อีกทั้งการแต่งตัวของเธอก็ต่างกับแม่บ้านทั่วไป จะมีก็แต่หน้าตาของเธอที่ไม่ได้แต่งหน้าเท่านั้นที่พอจะเหมือนแม่บ้านคนอื่นบ้างครึ่งชั่วโมงต่อมา บรรดาเด็ก ๆ ที่เลิกเรียนแล้วก็เดินออกมาที่ประตูโรงเรียนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย บางคนก็ไปขึ้นรถของโรงเรียนที่จะไปส่งพวกเขาที่บ้าน บางคนก็เดินออกมารอผู้ปกครองที่หน้าโรงเรียนเหมือนทุกวัน ซูหนิงเซียวเดินออกมาพร้อมเพื่อนในห้องใหม่ของเธอก่อนจะโบกมือลาเพื่อนเมื่อมองเห็นว่าแม่ของเธอมายืนรออยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีค่ะแม่ วันนี้ที่โรงเรียนใหม่สนุกมากเลยค่ะ หนูได้เพื่อนใหม่เยอะเลย”“ดีแล้วจ๊ะลูก แม่ดีใจที่ลูกเข้ากับเพื่อน ๆ ได้ เรากลับบ้านกันดีกว่า วันนี้แม่มีข่าวดีจะบอกลูกด้วยนะจ๊ะ”“จริงเหรอคะ หนูชักอยากรู้ซะแล้วสิ ฮิ ฮิ”ซูหนิงจิงลูบหัวลูกสาวพร้อม
สิบห้านาทีต่อมา มีผู้หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาทักทายซูหนิงจิงที่กำลังนั่งดูโทรศัพท์อยู่ที่หน้าที่ว่าการเมือง“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าใช่คุณซูหนิงจิงหรือเปล่าคะ”“ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะ”“ดิฉันชื่อหงเหมยอิงค่ะ ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะคะ เราเข้าไปทำเรื่องด้านในกันดีกว่าค่ะ เพราะหลังจากนี้ดิฉันยังมีธุระต้องไปทำอีกค่ะ”“ตกลงค่ะ คุณหงเดินนำไปได้เลยค่ะ ดิฉันเตรียมเช็คเงินสดเอาไว้ให้แล้ว”“ได้ค่ะ คุณตามดิฉันมาทางนี้เลยค่ะ”หงเหมยอิงที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในก้านโจวมานานรู้จักกับเจ้าหน้าที่ที่นี่เป็นอย่างดี จึงทำให้การซื้อขายและการโอนกรรมสิทธิ์เป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำที่ตอนนี้ซูหนิงจิงได้รับเอกสารทั้งหมดและกุญแจตึกมาไว้ในมือ ตอนนี้ตึกใหม่เป็นของเธอแล้ว“ขอบคุณนะคะที่กรุณาขายตึกทำเลดีให้ดิฉัน”“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันทำงานด้านนี้มาหลายปีแล้วค่ะ ขอบคุณที่คุณช่วยซื้อตึกนี้ไปนะคะ ส่วนคูหาอื่นดิฉันเสียดายอยู่เหมือนกันที่ซื้อไม่ทันคนอื่น แต่ก็ยังไม่เคยเห็นพวกเขาทำอะไรกับตึกอีกสองคูหานะคะ ถ้าคุณสนใจจะซื้อเอาไว้ทั้งหมดก็ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ดูว่ามีเจ้าของเป็นใครได้นะคะ ดิฉันคิดว่าเจ้าหน้าที่น่าจะพอ
เย็นวันนี้ระหว่างทานอาหาร ซูหนิงเซียวเอาแต่บอกว่าอยากได้อะไรบ้างในห้องนอนใหม่ของเธอที่ตึกใหม่ ซูหนิงจิงกินไปด้วยพร้อมกับรับปากลูกสาวว่าเธอจะจัดการห้องให้ลูกสาวอย่างดีเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะต้องใช้ห้องน้ำร่วมกันกับลูกก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรพวกเธอยังได้พักในชั้นเดียวกันอยู่แล้ว กระทั่งกินข้าวเสร็จ ซูหนิงจิงบอกให้ลูกรีบขึ้นไปอาบน้ำทำการบ้านแล้วรีบนอนเสีย ส่วนเธอยังคงเก็บครัวเช่นเคย คืนนี้ซูหนิงจิงยังทบทวนรายการในบัญชีแต่ละเล่มว่าเธอหลงลืมสิ่งใดไปบ้างหรือไม่ ก่อนที่จะนอนในเวลาเกือบห้าทุ่มวันต่อมาหลังส่งซูหนิงเซียวเข้าโรงเรียนแล้ว ซูหนิงจิงก็ขับรถวนหาร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างร้านใหญ่ในเมืองก้านโจว เธอเห็นหลายร้านที่ดูจะมีคนเข้าบ้าง หลังจากตัดสินใจดูอยู่พักหนึ่ง ซูหนิงจิงจึงจอดรถเอาไว้ข้างทางแล้วเดินไปสอบถามเจ้าของร้านเรื่องที่ทางร้านพอจะมีช่างรับจ้างทำงานให้กับเธอบ้างหรือไม่ นับว่าดวงของซูหนิงจิงยังคงดีอยู่ ด้วยร้านนี้มีผู้รับเหมาเป็นของตัวเองแต่แรก ซูหนิงจิงจึงขอปรึกษาเรื่องการปรับปรุงร้านของเธอทันทีเจ้าของร้านเรียกลูกชายที่รับผิดชอบเรื่องรับเหมาและออกแบบตกแต่งงานก่อสร้างของร้านมาคุยกับซูหนิง
สามวันต่อมาซูหนิงจิงยังคงเดินไปส่งลูกที่โรงเรียนเพราะกลัวว่ารถที่วิ่งผ่านไปมาจะชนลูกสาวของเธอ ซึ่งซูหนิงเซียวเองก็ไม่ปฏิเสธที่แม่เป็นห่วงเธอเช่นนี้ เธอรู้ว่าตอนนี้เธอยังเด็กอยู่ แม่จึงได้ไม่ไว้ใจให้เธอเดินไปเอง รอให้เธอโตกว่านี้เสียก่อน ซูหนิงเซียวค่อยเดินไปเองก็ได้“ตั้งใจเรียนนะลูก เดี๋ยววันนี้แม่จะเปิดร้านแล้ว ตอนเย็นแม่จะมารับนะ”“หนูจะตั้งใจเรียนค่ะแม่ ขอให้วันนี้แม่ขายดี ๆ นะคะ หนูจะบอกรุ่นพี่ให้ว่าร้านเปิดวันนี้แล้ว เผื่อตอนเลิกเรียน รุ่นพี่จะเดินไปทานขนมกับชานมก่อนกลับบ้านค่ะ”“ได้จ๊ะลูก รีบเข้าไปเถอะ เดี๋ยวจะสาย”“ค่ะแม่ สวัสดีค่ะ”หลังจากส่งซูหนิงเซียวเข้าโรงเรียนแล้ว ซูหนิงจิงก็เดินกลับไปที่ตึกเพื่อเปิดร้านรอให้คนจากร้านขนมนำขนมมาส่ง เช้าวันนี้เธอตื่นมาชงน้ำชานมเอาไว้ห้ารสตามที่ลูกสาวเธอชอบ ก่อนที่จะทำอาหารเช้าและกินก่อนไป
สิบปีต่อมาในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ร้านของซูหนิงชิงนั้นมีลูกค้ามานั่งทานชานมกับขนมเพิ่มขึ้นมาตลอด ไหนจะออเดอร์จากบรรดาอาจารย์ที่โทรมาสั่งแทบทุกวัน ทำให้กิจการของเธอเป็นไปด้วยดี ส่วนซูหนิงเซียวเองก็คอยช่วยเหลืองานในร้านเป็นประจำ ยิ่งตั้งแต่แม่ของเธอซื้อโทรศัพท์มือถือให้เพื่อบอกราคาชานมกับขนมที่พวกอาจารย์สั่งให้ลูกเก็บเงิน ซูหนิงเซียวก็มีความสุขไม่น้อยที่ได้ช่วยแม่เก็บเงิน หลังเลิกเรียนแล้วเธอก็เดินกลับมาช่วยแม่ที่ร้านพร้อมกับรุ่นพี่หลายสิบคนที่มักจะมานั่งกินชานมกับขนมก่อนกลับบ้านบ่อย ๆ วันหยุดที่ร้านก็เปิดเฉพาะวันเสาร์ ซึ่งมีนักเรียนที่มาเรียนพิเศษมากินกันที่ร้านไม่น้อยตอนนี้ซูหนิงเซียวอายุ 17 ปีและอยู่ ม.ปลายปีสามแล้ว เธอเรียนข้ามชั้นมาหนึ่งระดับตอนชั้น ม.ต้น เพราะความสามารถด้านการเรียนที่เก่งกาจของเธอนั่นเอง ทำให้อาจารย์ยอมให้เธอข้ามชั้นได้เพราะเธอลองสอบ ม.ปลายปีหนึ่งตั้งแต่อยู่ ม.ต้นปีสอง หน้าตาของซูหนิงเซียวสวยมากขึ้นทุกวัน เพราะได้รับแต่ส่วนดีของทั้งพ่อและแม่มาอย่างครบถ้วน ส่วนสูงของซูหนิง
วันนี้ทั้งวัน ซูหนิงเซียวจึงตั้งใจเรียนเรื่องการโพสท่าถ่ายแบบและการเดินแบบไปพร้อมกันด้วย ซึ่งการเดินแบบต้องใช้รองเท้าส้นสูงที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวานนี้ นับว่าแม่ของเธอคาดเดาได้ว่าเธอจำเป็นต้องใช้ของพวกนี้จริง ๆซูหนิงจิงปล่อยให้ลูกสาวเรียนรู้กับกู่ซิงไปตามสบาย ส่วนเธอก็ให้ลูกนำเสื้อผ้าเมื่อวานออกมาให้ทั้งหมด ก่อนที่จะโทรไปที่ฟร้อนเพื่อให้คนงานในคอนโดนำเสื้อผ้าไปซักอบรีดให้เสร็จในวันนี้ช่วงเย็น ถึงจะต้องเสียค่าบริการให้กับคอนโดไม่น้อย แต่ซูหนิงจิงยอมจ่ายเพื่อความสะดวกสบายมากกว่าที่จะต้องทำเองกู่ซิงที่แน่ใจแล้วว่าซูหนิงจิงไม่ธรรมดาจริง ๆ ขนาดเรื่องแค่การซักอบรีดผ้านั้นเธอยังจ้างคนของคอนโดแทนการทำเองเหมือนตอนอยู่ก้านโจว เธอไม่นึกแปลกใจที่ทำไมซูหนิงจิงจึงซื้อคอนโดนี้ เพราะมีบริการหลายอย่างให้กับผู้อาศัยด้วยนี่เองกู่ซิงที่สอนซูหนิงเซียวโพสท่าและเดินแบบในวันนี้ก็พอใจอย่างยิ่งที่ซูหนิงเซียวทำออกมาได้ดีมาก อย่างที่เธอไม่คิดว่าคนที่ไม่เคยเรียนมาก่อนสามารถทำได้ดีถึงขนาดนี้ งานในวันพรุ่งนี้จึ
หลังออกจากร้านเครื่องประดับและไปต่อที่ร้านเครื่องสำอางแล้ว ซูหนิงจิงก็สอบถามกู่ซิงว่าเธอต้องการซื้ออะไรหรือไม่“ฉันไม่มีอะไรต้องซื้อตอนนี้ค่ะ นี่ก็เกือบสามทุ่มแล้ว ดิฉันว่าเรากลับกันดีกว่านะคะ”“อืม… ดิฉันขอแวะซูเปอร์มาร์เก็ตสักครู่ได้ไหมคะ เพราะเราจะได้ซื้อวัตถุดิบเอาไว้ทำอาหารที่คอนโดวันพรุ่งนี้เช้าได้บ้าง”“ตกลงค่ะ คุณซูเดินนำไปได้เลยค่ะ”ซูหนิงจิงพยักหน้ารับคำกู่ซิงและเดินไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ชั้นหนึ่งทันที เธอรู้ดีว่าห้างแต่ละห้างส่วนใหญ่แบบแปลนแทบจะไม่ต่างกันสำหรับการวางสินค้าแต่ละอย่าง จึงทำให้เธอไม่ต้องเสียเวลาเดินหานานนักกว่าที่ซูหนิงจิงจะซื้อของเสร็จก็สามทุ่มครึ่งพอดี เธอรีบนำของในรถเข็นไปจ่ายเงินเพราะอีกไม่นานห้างก็จะปิดแล้ว หลังจ่ายเงินเสร็จเธอก็ชวนกู่ซิงกับลูกสาวไปขึ้นลิฟท์เพื่อกลับไปยังชั้น 4 ที่เธอจอดรถเอาไว้เมื่อทั้งสามคนไปถึงรถแล้ว
เมื่อซื้อกระเป๋ากับรองเท้าเสร็จแล้ว กู่ซิงกับซูหนิงเซียวต่างช่วยกันถือถุงใส่ของมากมายเอาไว้กันคนละไม้คนละมือ ส่วนซูหนิงจิงนั้นยังคงเดินนำทั้งสองคนไปร้านนาฬิกาและร้านจิวเวลรี่ต่ออย่างไม่ให้เสียเวลา นานมากแล้วที่ซูหนิงจิงไม่ได้ซื้อของพวกนี้ให้กับลูกเลย“แม่คะ แม่ยังจะซื้อของให้หนูอีกเหรอคะ แค่นี้แม่ก็หมดไปเยอะแล้วนะคะ”“ลูกอย่าห่วงเงินในกระเป๋าแม่เลยน่า นานมากแล้วที่แม่ไม่ได้ซื้อของดี ๆ ให้ลูกใช้นะ มาลองนาฬิกาดูสิว่าพอดีกับแขนลูกหรือเปล่า”ซูหนิงจิงชี้บอกพนักงานให้นำนาฬิกาสามเรือนมาให้ซูหนิงเซียวลองใส่ดู ซึ่งพอลองสวมดูแล้วก็พบว่ามีเพียงเรือนเดียวที่เข้ากับข้อมือของเธอได้พอดีและรูปแบบของนาฬิกาก็ไม่ดูหรูหราเกินไปนัก ซูหนิงเซียวจึงบอกแม่ว่าเธอจะเอาเรือนนี้ซูหนิงจิงยิ้มให้กับลูกสาวที่สายตาไม่เลว เธอให้พนักงานนำนาฬิกาไปคิดเงินทันที ซูหนิงเซียวมารู้ว่านาฬิกาเล็ก ๆ ที่เธอเลือกราคาเกือบสามล้านหยวนก็ตอนที่แม่เธอสแกนจ่ายเงินไปเสียแล้ว เธอได
มื้อนี้ซูหนิงเซียวชวนทั้งสองคนทานชาบูซึ่งมีผักให้ลูกสาวเธอได้กินอย่างที่ชอบ เพราะเธอสองคนแม่ลูกนั้นชอบกินอาหารที่ไม่หนักท้องแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร กู่ซิงที่มักจะกินอาหารจานเดียวเองก็ต้องปรับตัว เมื่อได้ที่นั่งแล้วซูหนิงจิงก็บอกให้กู่ซิงสั่งได้ตามสบาย ส่วนเธอกับลูกก็สั่งอาหารอย่างเคยชินไม่นานนักพนักงานก็มารับออเดอร์และนำอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟพร้อมน้ำซุปกาใหญ่ ซูหนิงเซียวกับซูหนิงจิงช่วยกันนำผักและเนื้อลงในหม้ออย่างรวดเร็ว กู่ซิงเองก็ช่วยด้วยเช่นเดียวกัน เธอสั่งพวกลูกชิ้นที่เธอชอบกับเนื้อหลายอย่างทีเดียวทั้งสามคนกินไปด้วยคุยกันไปด้วยอย่างไม่เร่งรีบ เพราะที่พักของพวกเธอนั้นอยู่ไม่ไกลจากห้างแห่งนี้ซึ่งสะดวกมากในการเดินทาง“งานวันมะรืนนี้ของหนิงเซียวเป็นงานถ่ายแบบเกี่ยวกับอะไรคะคุณกู่”“เป็นงานถ่ายแบบเสื้อผ้าแบรนด์ของเพื่อนดิฉันเองค่ะ เธอกำลังหานางแบบหน้าใหม่อยู่พอดี ดิฉันส่งรูปของหนิงเซียวให้เธอดู เธอเลยขอคิวสำหรับการถ่ายแบบเสื้อผ้าคอลเลคชั่น
หลังเติมน้ำมันเต็มถังทุกคันแล้ว ซูหนิงจิงก็ขับนำรถของกู่ซิงและรถขนของไปอย่างไม่เร็วนัก เพราะเธอรู้ดีว่าอีกสามชั่วโมงจะต้องแวะพักเติมน้ำมันกันอีกครั้งและหาอาหารเที่ยงกินกันเสียก่อนกู่ซิงที่เห็นการจัดการของซูหนิงจิงตั้งแต่เช้าวันนี้ รวมทั้งเสื้อผ้าหน้าผมที่ซูหนิงจิงแต่งกายเหมือนกับนักธุรกิจ เธอจึงเพิ่งรู้ว่าซูหนิงจิงน่าจะเคยบริหารงานใหญ่มาก่อนเป็นแน่ หากคนไม่มีประสบการณ์มากมาย คงไม่สามารถจัดการเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วอย่างนี้แน่ ทำให้กู่ซิงยิ่งนับถือซูหนิงจิงมากขึ้นไปอีกกว่าที่ขบวนรถทั้งสามคันจะไปถึงคอนโดใหม่ของซูหนิงจิงก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว ซูหนิงจิงให้คนขนของรอก่อน เพราะเธอยังต้องรีบทำเรื่องซื้อขายห้องให้เรียบร้อยก่อนให้พวกเขายกของขึ้นไปให้พวกเธอแม่ลูก แน่นอนว่าระหว่างทางนั้นซูหนิงจิงโทรแจ้งทางผู้จัดการคอนโดล่วงหน้าแล้วว่ากำลังจะเข้าไปเมื่อไปถึงคอนโดขนาดใหญ่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเปี่ยวเซียน กู่ซิงถึงกับตกตะลึง เธอไม่คิดว่าซูหนิงจิงจะมีเงินมากขนาดสามารถซื้อห้องชุดของคอนโดหร
ซูหนิงจิงเลี้ยวรถเข้าไปในโชว์รูมเบนซ์ทันที ซูหนิงเซียวเองก็เคยชินกับรถยี่ห้อนี้ที่แม่เธอใช้มานานสิบกว่าปีแล้วจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่ารถแต่ละยี่ห้อต่างกันตรงไหนและราคาเท่าไหร่ซูหนิงจิงชวนลูกลงจากรถและเข้าไปภายในโชว์รูมที่มีพนักงานรอต้อนรับอยู่สองสามคน วันนี้ซูหนิงจิงแต่งตัวเหมือนนักธุรกิจและแต่งหน้าเล็กน้อย เพราะรู้ว่าเธอต้องมาติดต่อเรื่องรถ ไม่อย่างนั้นบรรดาพนักงานในโชว์รูมคงดูถูกแน่“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบวันนี้คุณลูกค้าต้องการรถแบบไหนคะ”“ดิฉันต้องการรถตู้แบบ 8 ที่นั่งค่ะ มีรุ่นไหนมาใหม่บ้างไหมคะ”“ตอนนี้มีนำเข้ามาไม่กี่รุ่นเท่านั้นค่ะ เดี๋ยวดิฉันพาคุณลูกค้าไปดูรถเลยนะคะ”“คุณนำไปได้เลยค่ะ ขอเพียงแค่รถไม่เทอะทะมากและมีระบบความปลอดภัยดีหน่อย ดิฉันก็พอใจแล้วค่ะ”“อืม… ถ้าคุณลูกค้าต้องการรถที่ไม่เทอะทะมาก ดิฉันอยากแนะ
ช่วงเย็นหลังสอบเสร็จวันสุดท้าย ซูหนิงเซียวเล่าให้แม่ฟังว่าเธอทำข้อสอบได้ไม่ยากอย่างที่กังวลตอนแรก และมั่นใจว่าจะสามารถเข้าเรียนที่เปี่ยวเซียนได้อย่างแน่นอนในระหว่างทานอาหารเย็น“รอผลสอบออกมาก่อนค่อยว่ากันก็ยังไม่สายนะลูก แล้วนี่ต้องรออีกนานไหมกว่าจะประกาศผลสอบของลูก”“ประมาณสองสัปดาห์ค่ะแม่ ตอนนี้หนูไม่ต้องไปโรงเรียนแล้วด้วย ส่วนผลสอบก็สามารถดูผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้ค่ะ แต่หนูคงไปดูพร้อมเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนดีกว่า เพราะยังต้องยื่นเรื่องมหาวิทยาลัยที่ต้องการหลังทราบคะแนนแล้วด้วยค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่ลูกจ๊ะ ไปดูกับเพื่อน ๆ ก็ดีเหมือนกัน เพราะหลังจากนี้ต่างคนก็ต่างต้องแยกย้ายกันไปเรียนตามเมืองอื่น ๆ แล้ว”“นั่นสิคะแม่ หนูต้องคิดถึงเพื่อนมากแน่เลย แต่แค่ได้อยู่กับแม่ หนูก็พอใจแล้วค่ะ”ซูหนิงจิงลูบหัวลูกสาวพร้อมหัวเราะเบา ๆ กับเด็กติดแม่อย่างซูหนิงเซียว หลังทานอาหารเย็นกันเสร็จแล
หลังจากคุยกันจบแล้ว กู่ซิงก็ขอตัวกลับเพื่อให้สองแม่ลูกได้จัดการร้านต่อเพราะยังมีลูกค้าเข้าร้านมาเรื่อย ๆ ในวันหยุดเช่นนี้ ซูหนิงจิงและซูหนิงเซียวจึงบอกลากู่ซิงแล้วรีบไปทำชานมไข่มุกให้กับลูกค้า สองคนแม่ลูกต่างช่วยกันทำและนำไปส่งที่โต๊ะลูกค้าที่น่าจะเพิ่งเรียนพิเศษเสร็จช่วงสามเดือนก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในจังหวัด ซูหนิงเซียวอ่านหนังสือหนักมากเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการสอบครั้งนี้ เธอที่ไม่ชอบเรียนพิเศษจำเป็นจะต้องเรียนด้วยตัวเองมาตั้งแต่ ม.ต้น เพื่อจะได้มีเวลาช่วยงานแม่ที่ร้าน ซึ่งซูหนิงจิงก็รู้เรื่องนี้มาตลอด เธอไม่ห้ามหากผลการเรียนของลูกสาวยังดีอยู่อย่างสม่ำเสมอตลอดสิบปีที่ผ่านมาหนึ่งวันก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซูหนิงเซียวพักจากการอ่านหนังสือเพื่อให้สมองได้พักผ่อนบ้าง หลังจากที่โหมอ่านมาตลอดเวลาสามเดือน ซึ่งครั้งนี้เธอมั่นใจมากว่าจะสอบผ่านและได้เข้ามหาวิทยาลัยที่เธอต้องการในวันสอบ ซูหนิงจิงหอมแก้มพร้อมกับกอดให้กำลังใจลูกสาวที่ต้องสอบในวันนี้ เธอรู้ดีว่าลูกต้องกดดันไม่น้อ
กู่ซิงที่เห็นซูหนิงเซียวหลังจากแต่งหน้าทำผมให้เข้ากับชุดที่เธอเลือกให้ก็ถึงกับตกตะลึงเช่นเดียวกัน นับว่าเธอคิดไม่ผิดที่เลือกซูหนิงเซียวแต่แรก“เอาล่ะ แต่งตัวเสร็จแล้วรีบไปถ่ายกันเถอะค่ะ ยังเหลืออีกหลายชุดกว่าจะเสร็จ”“ตกลงค่ะคุณป้ากู่”ซูหนิงเซียวรีบตอบรับป้ากู่ที่พาเธอมาแปลงโฉมในวันนี้ เธอตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดตามที่ป้ากู่แนะนำระหว่างทางมาสตูดิโอนี้ ส่วนซูหนิงจิงเองก็เดินตามไปดูลูกถ่ายแบบครั้งแรกเช่นเดียวกันฉากที่เซ็ตเอาไว้ให้เข้ากับชุดเดรสเปิดไหล่ลายดอกไม้ดูสดใสเข้ากับการแต่งหน้าบาง ๆ และทรงผมที่เข้ากับวัยของซูหนิงเซียว ทำให้เจ้าของสตูดิโอพอใจไม่น้อย เธอบอกให้ซูหนิงเซียวลองโพสท่าเองก่อน หากมีตรงไหนที่ต้องปรับแก้ เธอจะบอกเอง ซึ่งซูหนิงเซียวสามารถแสดงสีหน้าและท่าทางออกมาได้ดีแทบทุกท่าตามที่กู่ซิงสอนอย่างไม่ผิดเพี้ยน ทำเอาเจ้าของสตูดิโอรีบเก็บภาพสวย ๆ แทบไม่ทัน กระทั่งถ่ายได้เกือบยี่สิบภาพ เจ้าของสตูดิโอก็สั่งให้ซูหนิงเซียวหยุดและ