ซูหนิงจิงหาที่จอดรถห่างจากประตูโรงเรียนได้แล้วจึงจอดรถเอาไว้ เธอลงจากรถไปรอลูกสาวที่หน้าประตูเหมือนกับผู้ปกครองบางส่วนที่มาถึงก่อนเธอไม่นาน ซูหนิงจิงไม่ได้สนใจผู้ปกครองคนอื่นที่มองดูเธอมากนัก ปกติเธอมักจะทำงานกับลูกน้องจำนวนมาก จึงทำให้นิสัยของเธอจากที่เคยอัธยาศัยดีก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเหมือนผู้บริหารบริษัททั่วไป อีกทั้งการแต่งตัวของเธอก็ต่างกับแม่บ้านทั่วไป จะมีก็แต่หน้าตาของเธอที่ไม่ได้แต่งหน้าเท่านั้นที่พอจะเหมือนแม่บ้านคนอื่นบ้าง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา บรรดาเด็ก ๆ ที่เลิกเรียนแล้วก็เดินออกมาที่ประตูโรงเรียนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย บางคนก็ไปขึ้นรถของโรงเรียนที่จะไปส่งพวกเขาที่บ้าน บางคนก็เดินออกมารอผู้ปกครองที่หน้าโรงเรียนเหมือนทุกวัน ซูหนิงเซียวเดินออกมาพร้อมเพื่อนในห้องใหม่ของเธอก่อนจะโบกมือลาเพื่อนเมื่อมองเห็นว่าแม่ของเธอมายืนรออยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีค่ะแม่ วันนี้ที่โรงเรียนใหม่สนุกมากเลยค่ะ หนูได้เพื่อนใหม่เยอะเลย”
“ดีแล้วจ๊ะลูก แม่ดีใจที่ลูกเข้ากับเพื่อน ๆ ได้ เรากลับบ้านกันดีกว่า วันนี้แม่มีข่าวดีจะบอกลูกด้วยนะจ๊ะ”
“จริงเหรอคะ หนูชักอยากรู้ซะแล้วสิ ฮิ ฮิ”
ซูหนิงจิงลูบหัวลูกสาวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะจูงมือลูกเดินไปยังรถที่จอดอยู่ห่างจากประตูโรงเรียนไกลสักหน่อย หลังจากขึ้นรถกันแล้ว ซูหนิงจิงก็ขับรถกลับบ้านเช่าทันที
เมื่อถึงบ้านแล้ว ซูหนิงจิงก็ให้ลูกไปทำการบ้านก่อนค่อยลงมาทานข้าวที่เธอกำลังจะทำในเย็นวันนี้ ซูหนิงเซียวพยักหน้ายิ้มรับคำของแม่เธอแล้วจึงเดินขึ้นห้องไปพร้อมกระเป๋านักเรียน วันนี้หนิงเซียวมีการบ้านไม่น้อย เพราะที่เธอเรียนมาไม่เหมือนเพื่อนจึงต้องทบทวนบทเรียนใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นด้วย
ซูหนิงจิงเอากระเป๋าไปวางไว้ที่ห้องรับแขกก่อนจะเริ่มเข้าไปทำอาหารที่ห้องครัว วันนี้เธอยังคงทำอาหารง่าย ๆ สามอย่างกับซุปหนึ่งอย่างเช่นเคย ซูหนิงจิงที่เริ่มคุ้นเคยกับการทำอาหารก็ทำเสร็จก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมงนิดหน่อยแล้ว เธอได้แต่หวังว่าหลังจากนี้จะทำได้เร็วขึ้นกว่าเดิม เพราะหากเปิดร้านอาหารแล้ว เธอยังอยากมีเวลาดูแลลูกให้มาก ซูหนิงจิงไม่คิดที่จะเปิดร้านอาหารใหญ่นัก เธอคิดที่จะทำเป็นร้านข้าวแกงราคาถูก เผื่อว่าจะมีเด็กนักเรียนหรืออาจารย์แวะเวียนมากินบ้างเท่านั้นเอง หากอาหารเหลือเธอก็ยังสามารถนำไปแบ่งปันให้กับ รปภ.ที่หน้าโรงเรียนของลูกได้
ถึงแม้เธอจะรู้ว่าที่โรงเรียนมีร้านขายอาหารอยู่ในแต่ละอาคารเรียนสำหรับนักเรียนและอาจารย์ไม่น้อยก็เถอะ แต่ในเมื่อเธออยากหาอะไรทำบ้าง เธอจึงไม่เสียดายที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายพวกนี้
หลังจากวางอาหารทั้งหมดไว้บนโต๊ะแล้ว ซูหนิงจิงเดินไปหยิบกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องก่อนจะเดินไปเรียกลูกสาวลงมากินข้าวเสียก่อน
ก๊อก ก๊อก
“แม่เข้ามาเลยค่ะ หนูไม่ได้ล็อกห้อง”
แอ๊ด…
“ลูกพักการบ้านเอาไว้ก่อนนะ ลงมากินข้าวแล้วค่อยขึ้นมาอาบน้ำทำต่อก่อนนอน”
“ได้ค่ะแม่ แม่รอหนูแป๊บนึงนะคะ”
ซูหนิงเซียวเก็บหนังสือไม่นานก็เดินไปจับมือแม่ของเธอแล้วพากันเดินลงไปกินข้าวที่ห้องครัว ระหว่างทานข้าว ซูหนิงจิงก็เล่าให้ลูกฟังว่าวันนี้เธอไปทำอะไรมาบ้าง
“วันนี้แม่หาตึกที่จะใช้เปิดร้านอาหารได้แล้วนะลูก พรุ่งนี้แม่จะไปทำเรื่องซื้อขายให้เรียบร้อยหลังส่งลูกไปเรียนแล้ว”
“หนูดีใจด้วยนะคะแม่ที่แม่หาที่อยู่ใหม่ได้แล้ว ว่าแต่… แม่จะทำร้านอาหารจริง?”
“ทำไมล่ะลูก ลูกไม่ชอบให้แม่ทำร้านอาหารเหรอจ๊ะ”
“หนูแค่คิดว่า ร้านอาหารไม่น่าจะมีคนเข้าน่ะค่ะ เพราะที่โรงเรียนก็มีอาหารให้กินฟรี ไหนจะอาจารย์ก็ยังกินที่โรงเรียนเลยค่ะแม่ หนูกลัวแม่จะขาดทุนค่ะ”
“แล้วลูกคิดว่าแม่ควรเปิดร้านอะไรดีล่ะลูก”
“อืม… หนูคิดว่าแม่น่าจะเปิดร้านคาเฟ่ที่มีน้ำอร่อย ๆ ดื่มกับขนมอร่อย ๆ กินดีกว่าไหมคะแม่ หนูเคยได้ยินพวกรุ่นพี่พูดกันว่าแถวโรงเรียนไม่มีร้านแบบนี้เลยน่ะค่ะ”
“ความคิดลูกไม่เลวนะ เอาไว้แม่จะลองคิดดูก็แล้วกัน แต่แม่ทำขนมไม่ค่อยเก่งน่ะสิ”
“แม่ไปซื้อขนมอร่อย ๆ ในห้างมาวางก็ได้นี่คะ เราก็บวกกำไรนิดหน่อยเอา หนูว่าน่าจะพอขายได้บ้างนะคะแม่ แล้วหนูจะช่วยแม่โฆษณาให้รุ่นพี่ที่โรงเรียนด้วยค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้จ๊ะลูก เอาไว้แม่จะหัดทำขนมเพิ่มด้วยดีกว่านะ ยังไงตึกก็ยังต้องตกแต่งก่อนเข้าอยู่อยู่ดี แม่น่าจะมีเวลาหัดทำอยู่บ้าง ส่วนพวกน้ำดื่มที่จะขายในร้าน แม่ว่าจะทำเป็นชานมไข่มุกหลาย ๆ รส ดีมั้ยลูก เด็ก ๆ น่าจะชอบนะ”
“ดีค่ะแม่ หนูก็ชอบกินชานมไข่มุกนะคะ แม่ทำออกมาสักสี่ห้ารสชาติก็น่าจะพอค่ะ”
“ตกลงจ๊ะ แม่จะหัดทำตามที่ลูกบอกก็แล้วกัน ถึงยังไงร้านนี้แม่ก็ไม่ได้คิดจะเอากำไรอะไรมากมายแต่แรก แม่ทำฆ่าเวลารอลูกเรียนจบเท่านั้นเอง”
“แต่หนูอยากได้กำไรเยอะ ๆ แม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเรื่องหาเงินส่งหนูเรียนไงคะ หนูรู้ว่าแม่มีเงินเหลืออยู่ แต่อีกหลายปีกว่าหนูจะจบ ม.ปลายไหนจะค่าเรียนมหาวิทยาลัยอีกล่ะคะแม่ หนูจะช่วยแม่ทำงานในร้านด้วยนะคะหลังเลิกเรียน”
“เอาล่ะ แม่เข้าใจแล้วจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นเรามาช่วยกันทำร้านให้ดีก็แล้วกันนะลูก ลูกรีบกินข้าวเถอะ จะได้รีบไปทำการบ้านต่อ แม่ไม่อยากให้ลูกนอนดึก”
“ได้ค่ะแม่ แม่กินนี่ดูสิคะ หนูว่าอันนี้อร่อยมากเลย”
ซูหนิงเซียวตักอาหารใส่จานให้แม่ของเธอพร้อมรอยยิ้ม เธออยากให้แม่กินเยอะ ๆ จะได้มีเรี่ยวแรงดูแลเธอและไหนจะเรื่องทำร้านอีก เธอกลัวแม่จะเหนื่อย
หลังอาหารเช้าวันต่อมา ซูหนิงจิงไปส่งลูกตามเวลาเดิม ซูหนิงเซียวยังหอมแก้มให้กำลังใจแม่ของเธอที่วันนี้จะต้องไปทำเรื่องซื้อขายตึกหลังจากส่งเธอแล้วด้วย ทำให้ซูหนิงจิงมีกำลังใจที่จะทำร้านตามที่ลูกต้องการไม่น้อย ตอนนี้เธอไม่คิดที่จะทำร้านเพื่อฆ่าเวลาอีกแล้ว แต่จะตั้งใจทำตามที่ลูกสาวของเธอแนะนำ
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ซูหนิงจิงจึงขับรถไปยังที่ว่าการเมืองก้านโจวเพื่อรอเจ้าของตึกที่นัดเอาไว้ตอนเก้าโมงเช้า เธอใช้เวลาขับรถไปยังกลางเมืองไม่นานนักก็ไปถึงยังที่ว่าการเมืองก้านโจวตอนแปดโมงสิบห้าพอดี ซูหนิงจิงลงจากรถพร้อมกระเป๋าสะพายที่มีเช็คเงินสดและเอกสารต่าง ๆ สำหรับการทำธุระครั้งนี้ ระหว่างที่นั่งรอเจ้าของตึกอยู่นั้น ซูหนิงจิงก็ค้นหาข้อมูลการทำชานมไข่มุกทางอินเตอร์เน็ตไปพลางๆ โชคดีที่ซูหนิงจิงใช้โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ เธอจึงไม่ต้องลำบากหาร้านอินเตอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูล ถึงแม้ตอนนี้อินเตอร์เน็ตยังไม่เป็นที่แพร่หลายในประเทศนัก แต่ซูหนิงจิงที่ทำงานบริหารมานานรู้ดีว่าในอนาคตข้างหน้า อินเตอร์เน็ตจะเป็นที่แพร่หลายไปทั่วประเทศได้แน่
ซูหนิงจิงรออยู่ไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอรีบกดรับสายทันที
[ สวัสดีค่ะ ]
[ คุณที่ติดต่อซื้อตึกใช่ไหมคะ ]
[ ใช่ค่ะ ดิฉันซูหนิงจิงค่ะ ]
[ ตอนนี้คุณอยู่ไหนแล้วคะ ]
[ ดิฉันรออยู่ที่ที่ว่าการเมืองก้านโจวแล้วค่ะ ]
[ อ้อ รบกวนคุณรออีกสักสิบนาทีนะคะ ดิฉันกำลังจะไปถึงแล้วค่ะ ]
[ ได้ค่ะ ดิฉันนั่งรออยู่ที่หน้าที่ว่าการนะคะ คุณเดินมาหาได้เลยค่ะ แล้วเราค่อยเข้าไปทำเรื่องซื้อขายและโอนที่ดินพร้อมกัน ]
[ ตกลงค่ะ แล้วเจอกันนะคะ ]
หลังวางสายโทรศัพท์แล้ว ซูหนิงจิงจึงคิดว่าหากวันนี้เธอทำเรื่องโอนเสร็จแล้ว เธอจะไปธนาคารเพื่อหาซื้อหุ้นเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตดูสักหน่อย ในเมื่อเธอคิดได้แล้วว่าในอนาคตมันจะต้องทำกำไรได้แน่ จึงไม่น่าจะมีปัญหาหากเธอจะแบ่งเงินเก็บออกไปซื้อหุ้นเอาไว้สักสิบยี่สิบล้าน ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยได้เล่นหุ้นมากนักก็ตาม
สิบห้านาทีต่อมา มีผู้หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาทักทายซูหนิงจิงที่กำลังนั่งดูโทรศัพท์อยู่ที่หน้าที่ว่าการเมือง“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าใช่คุณซูหนิงจิงหรือเปล่าคะ”“ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะ”“ดิฉันชื่อหงเหมยอิงค่ะ ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะคะ เราเข้าไปทำเรื่องด้านในกันดีกว่าค่ะ เพราะหลังจากนี้ดิฉันยังมีธุระต้องไปทำอีกค่ะ”“ตกลงค่ะ คุณหงเดินนำไปได้เลยค่ะ ดิฉันเตรียมเช็คเงินสดเอาไว้ให้แล้ว”“ได้ค่ะ คุณตามดิฉันมาทางนี้เลยค่ะ”หงเหมยอิงที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในก้านโจวมานานรู้จักกับเจ้าหน้าที่ที่นี่เป็นอย่างดี จึงทำให้การซื้อขายและการโอนกรรมสิทธิ์เป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำที่ตอนนี้ซูหนิงจิงได้รับเอกสารทั้งหมดและกุญแจตึกมาไว้ในมือ ตอนนี้ตึกใหม่เป็นของเธอแล้ว“ขอบคุณนะคะที่กรุณาขายตึกทำเลดีให้ดิฉัน”“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันทำงานด้านนี้มาหลายปีแล้วค่ะ ขอบคุณที่คุณช่วยซื้อตึกนี้ไปนะคะ ส่วนคูหาอื่นดิฉันเสียดายอยู่เหมือนกันที่ซื้อไม่ทันคนอื่น แต่ก็ยังไม่เคยเห็นพวกเขาทำอะไรกับตึกอีกสองคูหานะคะ ถ้าคุณสนใจจะซื้อเอาไว้ทั้งหมดก็ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ดูว่ามีเจ้าของเป็นใครได้นะคะ ดิฉันคิดว่าเจ้าหน้าที่น่าจะพอ
เย็นวันนี้ระหว่างทานอาหาร ซูหนิงเซียวเอาแต่บอกว่าอยากได้อะไรบ้างในห้องนอนใหม่ของเธอที่ตึกใหม่ ซูหนิงจิงกินไปด้วยพร้อมกับรับปากลูกสาวว่าเธอจะจัดการห้องให้ลูกสาวอย่างดีเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะต้องใช้ห้องน้ำร่วมกันกับลูกก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรพวกเธอยังได้พักในชั้นเดียวกันอยู่แล้ว กระทั่งกินข้าวเสร็จ ซูหนิงจิงบอกให้ลูกรีบขึ้นไปอาบน้ำทำการบ้านแล้วรีบนอนเสีย ส่วนเธอยังคงเก็บครัวเช่นเคย คืนนี้ซูหนิงจิงยังทบทวนรายการในบัญชีแต่ละเล่มว่าเธอหลงลืมสิ่งใดไปบ้างหรือไม่ ก่อนที่จะนอนในเวลาเกือบห้าทุ่มวันต่อมาหลังส่งซูหนิงเซียวเข้าโรงเรียนแล้ว ซูหนิงจิงก็ขับรถวนหาร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างร้านใหญ่ในเมืองก้านโจว เธอเห็นหลายร้านที่ดูจะมีคนเข้าบ้าง หลังจากตัดสินใจดูอยู่พักหนึ่ง ซูหนิงจิงจึงจอดรถเอาไว้ข้างทางแล้วเดินไปสอบถามเจ้าของร้านเรื่องที่ทางร้านพอจะมีช่างรับจ้างทำงานให้กับเธอบ้างหรือไม่ นับว่าดวงของซูหนิงจิงยังคงดีอยู่ ด้วยร้านนี้มีผู้รับเหมาเป็นของตัวเองแต่แรก ซูหนิงจิงจึงขอปรึกษาเรื่องการปรับปรุงร้านของเธอทันทีเจ้าของร้านเรียกลูกชายที่รับผิดชอบเรื่องรับเหมาและออกแบบตกแต่งงานก่อสร้างของร้านมาคุยกับซูหนิง
สามวันต่อมาซูหนิงจิงยังคงเดินไปส่งลูกที่โรงเรียนเพราะกลัวว่ารถที่วิ่งผ่านไปมาจะชนลูกสาวของเธอ ซึ่งซูหนิงเซียวเองก็ไม่ปฏิเสธที่แม่เป็นห่วงเธอเช่นนี้ เธอรู้ว่าตอนนี้เธอยังเด็กอยู่ แม่จึงได้ไม่ไว้ใจให้เธอเดินไปเอง รอให้เธอโตกว่านี้เสียก่อน ซูหนิงเซียวค่อยเดินไปเองก็ได้“ตั้งใจเรียนนะลูก เดี๋ยววันนี้แม่จะเปิดร้านแล้ว ตอนเย็นแม่จะมารับนะ”“หนูจะตั้งใจเรียนค่ะแม่ ขอให้วันนี้แม่ขายดี ๆ นะคะ หนูจะบอกรุ่นพี่ให้ว่าร้านเปิดวันนี้แล้ว เผื่อตอนเลิกเรียน รุ่นพี่จะเดินไปทานขนมกับชานมก่อนกลับบ้านค่ะ”“ได้จ๊ะลูก รีบเข้าไปเถอะ เดี๋ยวจะสาย”“ค่ะแม่ สวัสดีค่ะ”หลังจากส่งซูหนิงเซียวเข้าโรงเรียนแล้ว ซูหนิงจิงก็เดินกลับไปที่ตึกเพื่อเปิดร้านรอให้คนจากร้านขนมนำขนมมาส่ง เช้าวันนี้เธอตื่นมาชงน้ำชานมเอาไว้ห้ารสตามที่ลูกสาวเธอชอบ ก่อนที่จะทำอาหารเช้าและกินก่อนไป
สิบปีต่อมาในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ร้านของซูหนิงชิงนั้นมีลูกค้ามานั่งทานชานมกับขนมเพิ่มขึ้นมาตลอด ไหนจะออเดอร์จากบรรดาอาจารย์ที่โทรมาสั่งแทบทุกวัน ทำให้กิจการของเธอเป็นไปด้วยดี ส่วนซูหนิงเซียวเองก็คอยช่วยเหลืองานในร้านเป็นประจำ ยิ่งตั้งแต่แม่ของเธอซื้อโทรศัพท์มือถือให้เพื่อบอกราคาชานมกับขนมที่พวกอาจารย์สั่งให้ลูกเก็บเงิน ซูหนิงเซียวก็มีความสุขไม่น้อยที่ได้ช่วยแม่เก็บเงิน หลังเลิกเรียนแล้วเธอก็เดินกลับมาช่วยแม่ที่ร้านพร้อมกับรุ่นพี่หลายสิบคนที่มักจะมานั่งกินชานมกับขนมก่อนกลับบ้านบ่อย ๆ วันหยุดที่ร้านก็เปิดเฉพาะวันเสาร์ ซึ่งมีนักเรียนที่มาเรียนพิเศษมากินกันที่ร้านไม่น้อยตอนนี้ซูหนิงเซียวอายุ 17 ปีและอยู่ ม.ปลายปีสามแล้ว เธอเรียนข้ามชั้นมาหนึ่งระดับตอนชั้น ม.ต้น เพราะความสามารถด้านการเรียนที่เก่งกาจของเธอนั่นเอง ทำให้อาจารย์ยอมให้เธอข้ามชั้นได้เพราะเธอลองสอบ ม.ปลายปีหนึ่งตั้งแต่อยู่ ม.ต้นปีสอง หน้าตาของซูหนิงเซียวสวยมากขึ้นทุกวัน เพราะได้รับแต่ส่วนดีของทั้งพ่อและแม่มาอย่างครบถ้วน ส่วนสูงของซูหนิง
กู่ซิงหลังจากตกลงกับสองแม่ลูกได้แล้ว เธอก็แลกเบอร์โทรกับซูหนิงจิงเอาไว้เพื่อติดต่อเรื่องหลังจากนี้ โดยกู่ซิงนัดวันที่จะพาซูหนิงเซียวไปถ่ายรูปสำหรับทำเอกสารแนะนำตัวเวลาเธอไปนำเสนองานให้กับซูหนิงเซียวภายหลัง ก่อนจะขอตัวกลับบ้านที่อยู่กลางเมืองของเธอเองซูหนิงเซียวช่วยแม่เก็บล้างทำความสะอาดจานขนมและทิ้งแก้วชานมก่อนที่จะไปนั่งกินอาหารเย็นที่แม่อุ่นเอาไว้ให้หลังจากกู่ซิงกลับไปแล้ว“แม่ไม่คัดค้านเรื่องที่หนูจะเข้าวงการแน่นะคะ หนูกลัวว่าแม่จะเสียใจ”“ลูกไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้หรอก แม่รู้ดีว่าวงการนี้เป็นอย่างไร อย่างน้อยแม่ยังสามารถดูแลลูกร่วมกับคุณป้ากู่ซิงได้ ลูกไม่ต้องห่วง”“ขอบคุณมากค่ะแม่ ถ้ามีแม่ช่วยดูแล หนูก็ค่อยโล่งใจหน่อย”สองแม่ลูกคุยกันเรื่องเส้นทางใหม่ที่ซูหนิงเซียวตัดสินใจไปแล้ว จนกระทั่งทานอาหารเสร็จ ทั้งสองจึงแยกย้ายกันเข้าห้องไปพักผ่อนหลังจากอาบน้ำแล้วใน
กู่ซิงที่เห็นซูหนิงเซียวหลังจากแต่งหน้าทำผมให้เข้ากับชุดที่เธอเลือกให้ก็ถึงกับตกตะลึงเช่นเดียวกัน นับว่าเธอคิดไม่ผิดที่เลือกซูหนิงเซียวแต่แรก“เอาล่ะ แต่งตัวเสร็จแล้วรีบไปถ่ายกันเถอะค่ะ ยังเหลืออีกหลายชุดกว่าจะเสร็จ”“ตกลงค่ะคุณป้ากู่”ซูหนิงเซียวรีบตอบรับป้ากู่ที่พาเธอมาแปลงโฉมในวันนี้ เธอตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดตามที่ป้ากู่แนะนำระหว่างทางมาสตูดิโอนี้ ส่วนซูหนิงจิงเองก็เดินตามไปดูลูกถ่ายแบบครั้งแรกเช่นเดียวกันฉากที่เซ็ตเอาไว้ให้เข้ากับชุดเดรสเปิดไหล่ลายดอกไม้ดูสดใสเข้ากับการแต่งหน้าบาง ๆ และทรงผมที่เข้ากับวัยของซูหนิงเซียว ทำให้เจ้าของสตูดิโอพอใจไม่น้อย เธอบอกให้ซูหนิงเซียวลองโพสท่าเองก่อน หากมีตรงไหนที่ต้องปรับแก้ เธอจะบอกเอง ซึ่งซูหนิงเซียวสามารถแสดงสีหน้าและท่าทางออกมาได้ดีแทบทุกท่าตามที่กู่ซิงสอนอย่างไม่ผิดเพี้ยน ทำเอาเจ้าของสตูดิโอรีบเก็บภาพสวย ๆ แทบไม่ทัน กระทั่งถ่ายได้เกือบยี่สิบภาพ เจ้าของสตูดิโอก็สั่งให้ซูหนิงเซียวหยุดและ
หลังจากคุยกันจบแล้ว กู่ซิงก็ขอตัวกลับเพื่อให้สองแม่ลูกได้จัดการร้านต่อเพราะยังมีลูกค้าเข้าร้านมาเรื่อย ๆ ในวันหยุดเช่นนี้ ซูหนิงจิงและซูหนิงเซียวจึงบอกลากู่ซิงแล้วรีบไปทำชานมไข่มุกให้กับลูกค้า สองคนแม่ลูกต่างช่วยกันทำและนำไปส่งที่โต๊ะลูกค้าที่น่าจะเพิ่งเรียนพิเศษเสร็จช่วงสามเดือนก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในจังหวัด ซูหนิงเซียวอ่านหนังสือหนักมากเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการสอบครั้งนี้ เธอที่ไม่ชอบเรียนพิเศษจำเป็นจะต้องเรียนด้วยตัวเองมาตั้งแต่ ม.ต้น เพื่อจะได้มีเวลาช่วยงานแม่ที่ร้าน ซึ่งซูหนิงจิงก็รู้เรื่องนี้มาตลอด เธอไม่ห้ามหากผลการเรียนของลูกสาวยังดีอยู่อย่างสม่ำเสมอตลอดสิบปีที่ผ่านมาหนึ่งวันก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซูหนิงเซียวพักจากการอ่านหนังสือเพื่อให้สมองได้พักผ่อนบ้าง หลังจากที่โหมอ่านมาตลอดเวลาสามเดือน ซึ่งครั้งนี้เธอมั่นใจมากว่าจะสอบผ่านและได้เข้ามหาวิทยาลัยที่เธอต้องการในวันสอบ ซูหนิงจิงหอมแก้มพร้อมกับกอดให้กำลังใจลูกสาวที่ต้องสอบในวันนี้ เธอรู้ดีว่าลูกต้องกดดันไม่น้อ
ช่วงเย็นหลังสอบเสร็จวันสุดท้าย ซูหนิงเซียวเล่าให้แม่ฟังว่าเธอทำข้อสอบได้ไม่ยากอย่างที่กังวลตอนแรก และมั่นใจว่าจะสามารถเข้าเรียนที่เปี่ยวเซียนได้อย่างแน่นอนในระหว่างทานอาหารเย็น“รอผลสอบออกมาก่อนค่อยว่ากันก็ยังไม่สายนะลูก แล้วนี่ต้องรออีกนานไหมกว่าจะประกาศผลสอบของลูก”“ประมาณสองสัปดาห์ค่ะแม่ ตอนนี้หนูไม่ต้องไปโรงเรียนแล้วด้วย ส่วนผลสอบก็สามารถดูผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้ค่ะ แต่หนูคงไปดูพร้อมเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนดีกว่า เพราะยังต้องยื่นเรื่องมหาวิทยาลัยที่ต้องการหลังทราบคะแนนแล้วด้วยค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่ลูกจ๊ะ ไปดูกับเพื่อน ๆ ก็ดีเหมือนกัน เพราะหลังจากนี้ต่างคนก็ต่างต้องแยกย้ายกันไปเรียนตามเมืองอื่น ๆ แล้ว”“นั่นสิคะแม่ หนูต้องคิดถึงเพื่อนมากแน่เลย แต่แค่ได้อยู่กับแม่ หนูก็พอใจแล้วค่ะ”ซูหนิงจิงลูบหัวลูกสาวพร้อมหัวเราะเบา ๆ กับเด็กติดแม่อย่างซูหนิงเซียว หลังทานอาหารเย็นกันเสร็จแล
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้เราค่อยคิดกันหลังจากดูหนิงเซียวอีกสักปีสองปีก็ได้ค่ะ อย่างไรถ้าเราต้องใช้โปรดิวเซอร์จริง ๆ ก็ไม่น่าจะหายากนัก”ซูหนิงจิงพยักหน้าเห็นด้วยกับกู่ซิง ไม่นานนักพวกเธอก็ทานอาหารเสร็จและจ่ายเงินก่อนจะออกจากร้านเพื่อไปซื้อหนังสือกันต่อ หลังจากซื้อหนังสือกันเกือบหนึ่งชั่วโมง กู่ซิงกับซูหนิงจิงก็ได้หนังสือหลายเล่มมาอ่านเพื่อเพิ่มความรู้ในเรื่องธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันที่เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นรวมทั้งหนังสือเกี่ยวกับการเล่นหุ้นที่กู่ซิงสนใจอีกด้วย ทั้งสองคนจ่ายค่าหนังสือต่าง ๆ แยกกันเพราะกู่ซิงไม่อยากให้ซูหนิงจิงต้องมาจ่ายเงินสำหรับหนังสือและสมุดโน้ตส่วนตัวของเธอ ซึ่งซูหนิงจิงก็ไม่ได้ขัดกู่ซิง เธอเข้าใจดีว่ากู่ซิงคงเกรงใจเหมือนเคย“น้องซูคิดว่าเรื่องธุรกิจออนไลน์น่าสนใจเหรอคะ พี่เห็นน้องซื้อมาอ่านหลายเล่มเลย”“ใช่ค่ะ ตอนนี้น้องยังไม่ค่อยมีความรู้มากนักว่าจะต้องใช้ประโยชน์จากสื่อออนไลน์ยังไง น้องเลยอยากศึกษาเอาไว้เผื่อว่าเราจะสามารถนำความรู
ซูหนิงเซียวออกจากบ้านหลังทานอาหารเช้าเพื่อไปเรียนตามปกติ ซูหนิงจิง กับกู่ซิงก็นั่งคุยกันเรื่องสัญญาการจ้างงานที่ซูหนิงจิงส่งให้กู่ซิงอ่านดูก่อน“ขอบคุณมากนะคะน้องซูที่ไว้ใจพี่ พี่ลงชื่อเลยนะคะ”“ไม่มีปัญหาค่ะพี่กู่ ขอบคุณพี่กู่ด้วยนะคะที่ยอมทำงานกับน้อง หวังว่าหลังจากนี้เราจะช่วยกันดูแลงานและหนิงเซียวไปพร้อม ๆ กันได้อย่างดีด้วยค่ะ”กู่ซิงลงชื่อในเอกสารทั้งสองฉบับ โดยส่งฉบับหนึ่งให้ซูหนิงจิงเก็บเอาไว้ ส่วนเธอก็เก็บสัญญาเอาไว้กับตัวเองด้วยเช่นเดียวกัน“เรื่องนั้นเป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้วค่ะ น้องซูไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้แค่รอให้หนิงเซียวทำงานเพลงออกมาได้เสียก่อน พี่จะค่อย ๆ ประชาสัมพันธ์ผ่านทางเว่ยป๋อไปก่อนสำหรับซิงเกิ้ลแรก ส่วนเรื่องการวางแผนงานระยะยาว พี่อยากรอให้หนิงเซียวเรียนจบก่อน เพื่อที่จะได้มีเวลาเดินสายแสดงคอนเสิร์ตของตัวเองถ้าเพลงของหนิงเซียวติดตลาดและมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นนะคะ”“ควา
“น้องซูแน่ใจนะคะว่าจะไม่กู้เงินธนาคารสำหรับการลงทุนครั้งนี้”“แน่ใจค่ะพี่กู่ น้องคำนวณดูแล้วยังพอเหลือเงินสำหรับทำอย่างอื่นได้อีกสองร้อยกว่าล้านหยวน อย่าลืมว่าถ้าเราเริ่มโครงการได้สักครึ่งทางแล้วน้องจะให้บริษัทภายนอกมาขายโครงการของเรา เราสามารถนำเงินมัดจำของลูกค้าที่ต้องการซื้อห้องของเรากลับมาได้ในเวลานั้นด้วยนะคะ”“ถ้าน้องซูมั่นใจ พี่เองก็จะช่วยดูแลเรื่องการขายโครงการอีกแรงหนึ่งค่ะ”“ขอบคุณพี่กู่มากนะคะที่คอยช่วยเหลือน้องมาตลอด อย่างน้อยน้องก็ยังมีพี่กู่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ น้องก็สบายใจมากแล้วค่ะ ส่วนเรื่องสัญญาเงินเดือนของพี่กู่ เราจะเริ่มทำกันเมื่อไหร่ดีคะ ตอนนี้พี่กู่ก็เข้าใจโครงการของน้องมากพอแล้ว หลังจากนี้เรายังต้องไปทำสัญญากับบริษัทของกวานจื้อจิว จ้านเกาและเจิ้งจุนอีกนะคะ น้องอยากเคลียร์เรื่องเงินเดือนของพี่ให้เสร็จด้วยเลยค่ะ”“พี่แล้วแต่น้องจะเสนอให้เลยค่ะ อย่างไรตอนนี้พี่ก็กินอยู่ฟรีกับน้องซ
“ไม่เห็นจะยากเลยหนิงเซียว เธอก็เข้าไปดูในยูทูปหรือถามแฟนคลับในเว่ยป๋อของเธอก็ได้ว่าชอบฟังเพลงแนวไหน แล้วเธอค่อยหาตัวอย่างมาฟังแล้วทดลองแต่งเพลงในสไตล์ของตัวเองออกมา เดี๋ยวนี้หาข้อมูลง่ายจะตายไป”“นั่นสิ ๆ อย่างฉันนะชอบเพลงแนวน่ารัก ๆ สดใสเหมือนพวกไอดอลมากกว่า ฉันก็จะเลือกฟังแต่เพลงพวกนี้เวลาว่างนั่นแหละ แต่เวลาเล่นเปียโนฉันดันชอบเพลงแจ๊ส ก็เลยชอบเล่นเปียโนและแต่งเพลงแจ๊สมากกว่าเพราะมันสนุกดี”“อย่างนั้นเหรอ อืม ขอบใจพวกเธอนะที่คอยเป็นที่ปรึกษาให้ฉัน ฉันจะลองหาข้อมูลและฟังเพลงหลาย ๆ แบบดูก่อนว่าตัวฉันเองชอบสไตล์ไหน แล้วค่อยแต่งออกมาน่าจะดีกว่า”สามสาวนั่งกินไปคุยไปจนเกือบจะห้าโมงเย็นแล้วจึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน ซูหนิงเซียวส่งข้อความไปบอกแม่ของเธอก่อนแล้วว่าจะมานั่งกินไอศกรีมกับเพื่อนจึงไม่ได้กังวลว่าแม่จะเป็นห่วง เธอขับรถกลับคอนโดโดยใช้เวลาเพียง 15 นาทีถึงแม้รถจะติดมากก็ตาม เพราะห้างอยู่ฝั่งเดียวกับคอนโดของเธอที่อยู่ไม่ไกลจึงขับรถได้อย่างสบาย ๆ
หัวหน้าช่างหลังจากอธิบายการใช้งานหลายรูปแบบให้กับซูหนิงเซียวจบก็ชมเธอไม่น้อยกับคำถามต่าง ๆ ที่เธอสงสัย น้อยคนนักที่เขาไปติดตั้งให้จะกล้าถามคำถามเหล่านี้เพราะกลัวเสียหน้า แต่เด็กคนนี้ดูมีความพยายามทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในการใช้งานเครื่องมิกซ์และอุปกรณ์ทั้งหมด ทำให้เขาประทับใจไม่น้อยและยิ่งอยากเห็นผลงานการแต่งเพลงของเด็กคนนี้ในอนาคตอีกด้วย“ขอบคุณพี่มากนะคะที่ช่วยสอนจนหนูเข้าใจวิธีการใช้งานและเทคนิคต่าง ๆ”“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ หวังว่าพวกผมจะได้ฟังผลงานเพลงดี ๆ จากคุณหนูหลังจากนี้นะครับ”ซูหนิงเซียวยิ้มรับคำของหัวหน้าช่างและชวนเขาออกไปด้านนอกเพื่อบอกแม่ของเธอว่าเรียนรู้กันเสร็จแล้ว จากนั้นซูหนิงจิง กู่ซิงและซูหนิงเซียวรอให้หัวหน้าช่างได้นั่งพักดื่มน้ำทานของว่างก่อนจะส่งพวกเขากลับพร้อมกันตอนนี้เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้ว ซูหนิงจิงจึงให้ลูกสาวเก็บของว่างและน้ำดื่มทั้งหมดบนโต๊ะรับแขกเข้าไปล้างทำความสะอาด ส่วนเธอจะเตรียมอาหา
หลังวางสายจากผู้จัดการโครงการ ซูหนิงจิงก็บอกเรื่องการติดตั้งแอร์ให้กับช่างทั้งสามคนทราบด้วย เพื่อที่พวกเขาจะได้อยู่รอก่อน เนื่องจากตอนนี้อุปกรณ์ที่เหลืออีกไม่มากกำลังจะติดตั้งเสร็จแล้ว หากพวกเขาทดสอบระบบเสียงก็จำเป็นจะต้องปิดห้องเพื่อเก็บเสียงด้วย เธอจึงกลัวว่าพวกเขาจะขาดอากาศหายใจกันเสียก่อน“ตกลงครับคุณผู้หญิง อีกไม่ถึง 20 นาทีก็น่าจะติดตั้งระบบไฟเรียบร้อยทั้งหมดครับ”“ขอบคุณมากนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะเตรียมของว่างเอาไว้ให้ระหว่างนั่งรอช่างแอร์มาติดตั้งหลังจากนี้ค่ะ”พนักงานทั้งสามต่างขอบคุณซูหนิงจิงแล้วเร่งต่อระบบไฟและเก็บสายให้ดีเพื่อที่เวลามีคนเข้ามาในห้องอัดจะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุซูหนิงจิงชวนซูหนิงเซียวเข้าไปเตรียมของว่างเอาไว้ให้ช่างทั้งสามคนก่อนที่พวกเขาจะทำงานเสร็จ กู่ซิงเห็นว่าตัวเองไม่มีอะไรทำก็ขอไปช่วยยกด้วยเช่นกัน“อีกสักพักช่างแอร์จะเข้ามาติดแอร์ห้องอัดเสียงของลูกนะหนิงเซียว แม่แจ้งผู้จัด
“น้องซูอย่าพูดเรื่องผลประโยชน์กับพี่มากเลยค่ะ พี่เห็นหนิงเซียวเหมือนหลานสาวคนหนึ่งจริง ๆ และพี่ก็อยากเห็นว่าหนิงเซียวจะสามารถขึ้นไปสูงได้ถึงขั้นไหนในวงการบันเทิง ไม่ว่าจะการเป็นนักร้องนักแต่งเพลงก็ดี หรือจะเป็นนางแบบและนักแสดงก็ดี พี่อยากสนับสนุนหนิงเซียวเหมือนน้องซูนั่นแหละค่ะ เพียงแต่พี่ไม่มีต้นทุนมากนักเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ในเมื่อน้องซูวางใจให้พี่ดูแลเบื้องหลังให้หนิงเซียว พี่เองก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ พี่ต้องขอบคุณน้องซูที่เชื่อใจพี่ด้วยนะคะ”“พี่กู่ไม่ต้องขอบคุณน้องหรอกนะคะ เรื่องในวงการบันเทิง ยังไงน้องก็ต้องพึ่งพาพี่กู่ให้แนะนำหนิงเซียวอยู่แล้วค่ะ”“แม่คะ ป้ากู่ คุยอะไรกันคะดูเครียดเชียว” ซูหนิงเซียวเดินมานั่งข้างแม่ก่อนจะถาม“แม่แค่อยากให้ป้ากู่ช่วยเหลือเรื่องดูแลลูกด้านงานเพลงน่ะ ลูกคิดยังไงถ้าจะโปรโมตงานเพลงด้วยตัวเองแทนที่จะเซ็นสัญญากับค่ายเพลง”“หนูคิดว่าก็ไม่เลวนะคะแม่ ถ้ามีการเซ็นส
วันจันทร์ต่อมา ซูหนิงเซียวไปขอลาอาจารย์ในรายวิชาที่เธอจะต้องเรียนในวันอังคารโดยแจ้งเหตุผลให้ทราบเรื่องการติดตั้งห้องแต่งเพลงของเธอที่บ้าน อาจารย์หลายคนเห็นว่าซูหนิงเซียวตั้งใจเรียนมาตลอดจึงเพียงแค่ให้เธอฝากเพื่อนจดเรื่องที่ต้องเรียนในวันพรุ่งนี้แล้วเอาไปทบทวนแทนระหว่างพักเบรกช่วงเที่ยง หานลู่หรงกับโจวเสี่ยวเซียนถามซูหนิงเซียวเรื่องที่เธอขอหยุดในวันพรุ่งนี้ด้วยความสงสัย“นี่หนิงเซียว พรุ่งนี้เธอมีธุระอะไรถึงต้องลาเรียนทั้งวันอ่ะ”โจวเสี่ยวเซียนรีบถามเพื่อนสาวหลังจากรับอาหารมานั่งทานกันที่โต๊ะแล้ว หานลู่หรงเองก็พยักหน้าตามเพื่อนที่ถามซูหนิงเซียวเช่นเดียวกัน“พรุ่งนี้จะมีช่างมาเทสระบบเครื่องมิกซ์เสียงกับอุปกรณ์ในห้องอัดเสียงที่บ้านฉันน่ะ ฉันเลยอยากอยู่ดูและสอบถามวิธีการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ฉันอยากแต่งเพลงเองเลยให้แม่พาไปดูอุปกรณ์พวกนั้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี่เอง”“โอ้โห แม่เธอยอมลงทุน
“พี่คะ หนูขอทราบราคาทั้งหมดได้ไหมคะ รวมราคาทำห้องอัดเสียงเล็ก ๆ ที่บ้านให้หนูด้วยนะคะ”“สักครู่นะครับ พี่ขอไปคุยกับช่างก่อนว่าถ้าเครื่องมิกซ์ขนาดนี้พร้อมทั้งอุปกรณ์เสริมครบชุดจะต้องทำห้องขนาดประมาณเท่าไหร่ เชิญลูกค้านั่งรอที่โซฟาก่อนครับ”ซูหนิงจิงพยักหน้าให้พนักงานขายก่อนจะพาซูหนิงเซียวกับกู่ซิงไปนั่งรอที่โซฟาซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของหน้าร้าน“แม่คะ แม่คิดว่าหนูจะทำได้ไหมเรื่องร้องเพลงกับแต่งเพลง หนูไม่อยากให้แม่ลงทุนโดยเสียเปล่ากับหนูนะคะ”“แม่บอกลูกแล้วว่าให้ทำตามที่ลูกชอบยังไงล่ะ ในเมื่อลูกคิดอยากเข้าวงการบันเทิงแต่แรกและเป็นคนขอแม่เอง แม่ก็สนับสนุนลูกทุกทางเท่านั้น เรื่องการที่ลูกจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า ก็อยู่ที่ความพยายามของลูกเองและเหล่าแฟนคลับของลูกที่พวกเขาจะสนับสนุนผลงานของลูกกันมากขนาดไหน”“จริงอย่างที่น้องซูว่านะหนิงเซียว ถ้าหนูตั้งใจที่จะเอาดีทางด้านร้องเพลง