ซูหนิงจิงตื่นแต่เช้าในวันต่อมาเพื่อรีดผ้าและเตรียมอาหารที่เหลือจากเมื่อวานมาอุ่นรอให้ลูกสาวลงมากินก่อนจะไปส่งลูกที่โรงเรียน หลังทำทุกอย่างเตรียมไว้แล้ว ซูหนิงจิงก็นำชุดนักเรียนไปแขวนเอาไว้ที่หน้าห้องลูก จากนั้นจึงไปอาบน้ำแต่งตัวในเวลาไม่นาน ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าให้เสียเวลาอีกนอกจากการทาครีมบำรุงเท่านั้น เพราะอย่างไรเธอก็ไม่ได้ทำธุรกิจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ซูหนิงจิงจึงไม่อยากเสียเวลาในเรื่องไม่จำเป็นพวกนี้
ซูหนิงเซียวเปิดประตูออกมาดูชุดนักเรียนใหม่ของเธอก็เห็นว่าแม่เอามาแขวนไว้ให้ทั้งสามชุดแล้ว ซูหนิงเซียวยิ้มก่อนจะรีบนำเสื้อผ้าเข้าห้องไปเก็บและนำออกมาใส่ก่อนที่จะออกจากห้องหลังเก็บหนังสือตามตารางเรียนที่ได้รับมาเมื่อวานนี้
ซูหนิงจิงเองก็ถือกระเป๋าออกมาพร้อมกับลูกสาวที่เปิดประตูพร้อมกระเป๋าสะพายสำหรับใส่หนังสือของโรงเรียนออกมาพอดี
“ไปกินข้าวกันก่อนเถอะลูก แม่เตรียมเอาไว้ให้บนโต๊ะอาหารแล้ว”
“ค่ะแม่”
ทั้งสองคนเดินลงบันไดไปอย่างไม่เร่งรีบ ด้วยเพราะพวกเธอตื่นกันเช้ามากในวันนี้ ซูหนิงจิงหยิบเอาของว่างกับนมที่เก็บไว้ใส่ลงในกระเป๋านักเรียนให้ลูกสาวก่อนที่จะมานั่งกินข้าวด้วยกันพร้อมรอยยิ้ม
หลังทานอาหารกันเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็ออกจากบ้านไปพร้อมกัน ซูหนิงเซียวไม่รู้ว่าแม่ของเธอตื่นมาตั้งแต่กี่โมงถึงได้ทำหลายอย่างเสร็จตั้งแต่เช้าแบบนี้ เมื่อก่อนแม่ไม่จำเป็นต้องลงมาเร็วขนาดนี้เพราะมีแม่บ้านคอยทำสิ่งต่างๆ ให้ ซูหนิงเซียวสงสารแม่ของเธอไม่น้อยที่ต้องมาลำบากเพราะเธอ แต่ในเมื่อนี่เป็นความสบายใจของแม่ ซูหนิงเซียวก็พร้อมที่จะอยู่เป็นกำลังใจและสนับสนุนทุกอย่างที่แม่ต้องการทำ แม้ว่าเธอจะช่วยอะไรไม่ได้ในตอนนี้ก็ตาม
เมื่อถึงหน้าโรงเรียนแล้ว ซูหนิงจิงต้องจอดรถห่างจากประตูไม่น้อย เพราะมีรถของผู้ปกครองคนอื่นมาส่งลูกเช่นเดียวกัน เธอออกจากรถไปเปิดประตูให้ลูกแล้วถือกระเป๋าที่หนักไม่น้อยพร้อมจูงมือซูหนิงเซียวไปส่งให้อาจารย์ที่รออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนตามหลังผู้ปกครองคนอื่น
“ดิฉันฝากลูกด้วยนะคะอาจารย์ วันนี้เป็นวันแรกที่ลูกย้ายมาเรียนที่นี่ค่ะ”
“ได้ค่ะคุณแม่ ไม่ต้องกังวลนะคะ ดิฉันจะช่วยดูแลให้ค่ะ”
“ขอบคุณมากนะคะ ตั้งใจเรียนนะลูกหนิงเซียว”
“ค่ะแม่ แม่ก็ขับรถระวังด้วยนะคะ หนูจะตั้งใจเรียนแล้วจะรอแม่ที่โรงเรียนหลังเลิกเรียนค่ะ”
“ตกลงจ๊ะ เข้าไปได้แล้วลูก นี่กระเป๋าของลูกจ๊ะ”
ซูหนิงจิงส่งกระเป๋าให้ลูกสาวก่อนจะลูบหัวอย่างรักใคร่แล้วบอกให้ลูกเดินเข้าไปในโรงเรียนตามเพื่อน ๆ คนอื่น เมื่อวานนี้พวกเธอต่างรู้แล้วว่าอาคารเรียนของชั้นประถมอยู่ตรงไหน ซูหนิงจิงจึงไม่ค่อยเป็นห่วงลูกมากนัก เธอยืนมองส่งลูกสาวที่สะพายกระเป๋าเดินไปยังอาคารของนักเรียนชั้นประถมแล้วจึงเดินกลับไปที่รถเพื่อลองหาตึกหรือร้านค้าที่จะขายในละแวกโรงเรียนของลูกแทนการหาสถานที่อื่น เพราะอย่างไรการทำร้านอาหารเธอก็แค่ทำฆ่าเวลาเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะทำจริงจังจนเป็นธุรกิจ อย่างไรเธอก็ยังมีเงินปันผลหลายสิบล้านหยวนรวมทั้งเงินที่ได้รับจากอดีตสามีอีกสิบล้านหยวนอยู่
ซูหนิงจิงขับรถวนรอบ ๆ ฝั่งโรงเรียนอยู่นับชั่วโมง แต่กลับไม่เห็นว่ามีตึกไหนที่ติดประกาศขายสักที่หนึ่ง และร้านส่วนใหญ่โดยรอบโรงเรียนก็เป็นร้านขายเครื่องเขียนแทบทั้งนั้น มีบ้างที่ขายบะหมี่แต่ก็ไม่มากนัก ซูหนิงจิงจึงเปลี่ยนเป็นการขับไปยังถนนฝั่งตรงข้ามโรงเรียนแทน อย่างน้อยหากมีอาคารสักหลัง ลูกของเธอก็สามารถเดินไปโรงเรียนได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ซูหนิงจิงก็หาที่กลับรถเพื่อวนรถดูถนนในฝั่งตรงข้ามโรงเรียนของลูกสาวทันที ซูหนิงจิงขับช้า ๆ และชิดเลนซ้ายเพื่อมองหาซอยหรือตึกหลังจากกลับรถมาแล้ว ขับไปไม่นานนัก ซูหนิงจิงก็พบป้ายขายตึกสามชั้นที่อยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนมากนัก เธอรีบจอดรถข้างถนนและถือกระเป๋าพร้อมโทรศัพท์ลงไปด้วยเพื่อสอบถามตามเบอร์โทรที่ติดเอาไว้ที่หน้าตึก
ตึกที่เธอเห็นนี้เป็นตึกขนาดใหญ่สามคูหา ห่างจากโรงเรียนประมาณหนึ่งร้อยถึงสองร้อยเมตรเท่านั้น นับว่าไม่ไกลนักหากลูกสาวของเธอจะเดินข้ามถนนไปโรงเรียนด้วยตัวเอง ซูหนิงจิงเดินไปด้านข้างตึกก็พบว่าด้านหลังยังมีพื้นที่จอดรถแยกเป็นห้อง ๆ ด้วย นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว เมื่อสำรวจโดยรอบแล้วเห็นว่าเธอกับลูกน่าจะอยู่ที่นี่ได้อีกหลายปี ซูหนิงจิงจึงเดินวนกลับมาด้านหน้าเพื่อต่อสายโทรศัพท์ตามหมายเลขที่ติดเอาไว้ทันที
[ สวัสดีค่ะ ดิฉันเห็นตึกฝั่งตรงข้ามโรงเรียนเอกชนไป่เย่ติดป้ายขายเอาไว้ ไม่ทราบคุณเป็นเจ้าของหรือเปล่าคะ ]
[ ใช่ค่ะ ตึกนั้นดิฉันซื้อเอาไว้นานแล้ว แต่คนเช่าคนก่อนเพิ่งออกไปได้สามเดือนแล้วค่ะ ดิฉันไม่ค่อยมีเวลาไปดูแลเลยติดป้ายขายแทนค่ะ คุณสนใจจะซื้อหรือเปล่าคะ ]
[ ดิฉันสนใจค่ะ ไม่ทราบว่าราคาตึกนี้ขายเท่าไหร่คะ ]
[ ตึกสามชั้นพร้อมที่จอดรถด้านหลังราคา 3.5 ล้านหยวนค่ะ ไม่ทราบคุณต้องทำเรื่องกู้เงินมาซื้อก่อนหรือเปล่าคะ ]
[ ไม่ค่ะ ดิฉันต้องการซื้อเงินสด ไม่ทราบว่าลดราคาได้หรือเปล่าคะ เพราะดิฉันคิดว่าคงต้องซื้อของเข้ามาตกแต่งตึกอีกไม่น้อยด้วยน่ะค่ะ ]
[ อืม ถ้าคุณจ่ายเป็นเงินสดดิฉันจะลดให้เหลือสามล้านหยวนก็แล้วกันค่ะ ราคานี้ต่ำสุดที่ฉันจะให้ได้แล้วนะคะ ]
[ ตกลงค่ะ ถ้าอย่างนั้นบ่ายนี้คุณว่างมาทำเรื่องซื้อขายและโอนตึกให้ดิฉันหรือเปล่า ]
[ วันนี้ดิฉันยังไม่ว่างค่ะ ขอเป็นพรุ่งนี้ประมาณเก้าโมงเช้าที่ที่ว่าการเมืองก้านโจวได้ไหมคะ วันนี้คุณก็จะได้ไปเตรียมเงินเอาไว้ก่อนด้วยค่ะ ]
[ ตกลงค่ะ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้พบกันนะคะ ขอบคุณค่ะ ]
[ ขอบคุณเช่นกันค่ะที่คุณสนใจตึกของดิฉัน พรุ่งนี้พบกันค่ะ สวัสดีค่ะ ]
หลังจากวางสายแล้ว ซูหนิงจิงก็ตรวจดูตึกอีกครั้งหนึ่ง คูหาอื่น ๆ เธอไม่เห็นใครมาเช่าหรืออยู่เลยในตอนนี้ แต่ซูหนิงจิงก็ไม่ได้คิดมากอะไร ความจริงเธออยากซื้อตึกทั้งหมดสามคูหาเอาไว้จะได้เป็นทรัพย์สินให้กับลูกในอนาคต เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของตึกอีกสองคูหาที่ว่างอยู่
ซูหนิงจิงออกจากตึกที่ต้องการแล้วจึงขับรถไปยังธนาคารเพื่อเตรียมเช็คเงินสดสำหรับซื้อขายในวันพรุ่งนี้ เธอไม่อยากเตรียมเงินสดจำนวนมากให้ยุ่งยากจึงคิดจะใช้เช็คเงินสดแทน ตอนนี้เวลาเกือบเที่ยงแล้ว เธอที่ใช้เวลาตามหาตึกจึงเริ่มที่จะหิวแล้ว
ซูหนิงจิงไปถึงธนาคารในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น นับว่านี่เป็นข้อดีของเมืองเล็ก ๆ อย่างก้านโจวที่ไม่ต้องใช้เวลาเดินทางมากมายเพราะรถติดเหมือนเมืองหลวง ซูหนิงจิงจอดรถไว้ก่อนถึงธนาคารแล้วจึงเดินไปทำธุรกรรมภายในธนาคารทันที วันนี้เธอเตรียมบัญชีธนาคารมาไว้พร้อมแล้วสำหรับการเบิกเงินหรือซื้อเช็คเงินสด ซูหนิงจิงใช้เวลาไม่นานก็ได้รับเช็คเงินสดจำนวนสามล้านหยวนมาเก็บไว้ในกระเป๋าของเธอ พอออกจากธนาคารแล้วเธอก็เดินไปยังร้านบะหมี่ที่อยู่ไม่ไกลจากธนาคารนักเพื่อทานอาหารรองท้อง ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนของลูกสาวเธอเลย ซูหนิงจิงจึงไม่ได้เร่งรีบที่จะกลับบ้านไปตอนนี้
หลังทานบะหมี่เสร็จแล้ว ซูหนิงจิงก็ไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อสำรวจราคาสินค้าที่เธอจะต้องซื้อเข้าไปตกแต่งตึกใหม่เพื่อทำบัญชีเอาไว้ เธอยังไม่รู้ว่าภายในตึกนั้นจะมีห้องกี่ห้อง ด้วยเพราะรีบร้อนตอบตกลงมากเกินไปจึงลืมสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ภายในตึก แต่ซูหนิงจิงก็ไม่คิดมาก อย่างไรเธอก็จะต้องปรับปรุงตึกให้เหมาะสำหรับเป็นร้านขายอาหารอยู่แล้ว หากจะต้องปรับปรุงเพิ่มเติมอีกเธอก็ไม่คิดว่าจะลำบากอะไร
ซูหนิงจิงเดินดูราคาสิ่งของหลายอย่างที่จำเป็นก็พบว่าเธอน่าจะต้องใช้เงินอีกหลายแสนหยวนในการตกแต่งตึกใหม่และทำห้องให้กับลูกสาวของเธอพัก เธอดูเวลาก็เห็นว่าใกล้ถึงเวลาเลิกเรียนของลูกแล้ว ซูหนิงจิงจึงเดินกลับไปที่รถเพื่อไปรับลูกสาวกลับบ้านเสียก่อน
ซูหนิงจิงหาที่จอดรถห่างจากประตูโรงเรียนได้แล้วจึงจอดรถเอาไว้ เธอลงจากรถไปรอลูกสาวที่หน้าประตูเหมือนกับผู้ปกครองบางส่วนที่มาถึงก่อนเธอไม่นาน ซูหนิงจิงไม่ได้สนใจผู้ปกครองคนอื่นที่มองดูเธอมากนัก ปกติเธอมักจะทำงานกับลูกน้องจำนวนมาก จึงทำให้นิสัยของเธอจากที่เคยอัธยาศัยดีก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเหมือนผู้บริหารบริษัททั่วไป อีกทั้งการแต่งตัวของเธอก็ต่างกับแม่บ้านทั่วไป จะมีก็แต่หน้าตาของเธอที่ไม่ได้แต่งหน้าเท่านั้นที่พอจะเหมือนแม่บ้านคนอื่นบ้างครึ่งชั่วโมงต่อมา บรรดาเด็ก ๆ ที่เลิกเรียนแล้วก็เดินออกมาที่ประตูโรงเรียนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย บางคนก็ไปขึ้นรถของโรงเรียนที่จะไปส่งพวกเขาที่บ้าน บางคนก็เดินออกมารอผู้ปกครองที่หน้าโรงเรียนเหมือนทุกวัน ซูหนิงเซียวเดินออกมาพร้อมเพื่อนในห้องใหม่ของเธอก่อนจะโบกมือลาเพื่อนเมื่อมองเห็นว่าแม่ของเธอมายืนรออยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีค่ะแม่ วันนี้ที่โรงเรียนใหม่สนุกมากเลยค่ะ หนูได้เพื่อนใหม่เยอะเลย”“ดีแล้วจ๊ะลูก แม่ดีใจที่ลูกเข้ากับเพื่อน ๆ ได้ เรากลับบ้านกันดีกว่า วันนี้แม่มีข่าวดีจะบอกลูกด้วยนะจ๊ะ”“จริงเหรอคะ หนูชักอยากรู้ซะแล้วสิ ฮิ ฮิ”ซูหนิงจิงลูบหัวลูกสาวพร้อม
สิบห้านาทีต่อมา มีผู้หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาทักทายซูหนิงจิงที่กำลังนั่งดูโทรศัพท์อยู่ที่หน้าที่ว่าการเมือง“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าใช่คุณซูหนิงจิงหรือเปล่าคะ”“ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะ”“ดิฉันชื่อหงเหมยอิงค่ะ ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะคะ เราเข้าไปทำเรื่องด้านในกันดีกว่าค่ะ เพราะหลังจากนี้ดิฉันยังมีธุระต้องไปทำอีกค่ะ”“ตกลงค่ะ คุณหงเดินนำไปได้เลยค่ะ ดิฉันเตรียมเช็คเงินสดเอาไว้ให้แล้ว”“ได้ค่ะ คุณตามดิฉันมาทางนี้เลยค่ะ”หงเหมยอิงที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในก้านโจวมานานรู้จักกับเจ้าหน้าที่ที่นี่เป็นอย่างดี จึงทำให้การซื้อขายและการโอนกรรมสิทธิ์เป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำที่ตอนนี้ซูหนิงจิงได้รับเอกสารทั้งหมดและกุญแจตึกมาไว้ในมือ ตอนนี้ตึกใหม่เป็นของเธอแล้ว“ขอบคุณนะคะที่กรุณาขายตึกทำเลดีให้ดิฉัน”“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันทำงานด้านนี้มาหลายปีแล้วค่ะ ขอบคุณที่คุณช่วยซื้อตึกนี้ไปนะคะ ส่วนคูหาอื่นดิฉันเสียดายอยู่เหมือนกันที่ซื้อไม่ทันคนอื่น แต่ก็ยังไม่เคยเห็นพวกเขาทำอะไรกับตึกอีกสองคูหานะคะ ถ้าคุณสนใจจะซื้อเอาไว้ทั้งหมดก็ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ดูว่ามีเจ้าของเป็นใครได้นะคะ ดิฉันคิดว่าเจ้าหน้าที่น่าจะพอ
เย็นวันนี้ระหว่างทานอาหาร ซูหนิงเซียวเอาแต่บอกว่าอยากได้อะไรบ้างในห้องนอนใหม่ของเธอที่ตึกใหม่ ซูหนิงจิงกินไปด้วยพร้อมกับรับปากลูกสาวว่าเธอจะจัดการห้องให้ลูกสาวอย่างดีเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะต้องใช้ห้องน้ำร่วมกันกับลูกก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรพวกเธอยังได้พักในชั้นเดียวกันอยู่แล้ว กระทั่งกินข้าวเสร็จ ซูหนิงจิงบอกให้ลูกรีบขึ้นไปอาบน้ำทำการบ้านแล้วรีบนอนเสีย ส่วนเธอยังคงเก็บครัวเช่นเคย คืนนี้ซูหนิงจิงยังทบทวนรายการในบัญชีแต่ละเล่มว่าเธอหลงลืมสิ่งใดไปบ้างหรือไม่ ก่อนที่จะนอนในเวลาเกือบห้าทุ่มวันต่อมาหลังส่งซูหนิงเซียวเข้าโรงเรียนแล้ว ซูหนิงจิงก็ขับรถวนหาร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างร้านใหญ่ในเมืองก้านโจว เธอเห็นหลายร้านที่ดูจะมีคนเข้าบ้าง หลังจากตัดสินใจดูอยู่พักหนึ่ง ซูหนิงจิงจึงจอดรถเอาไว้ข้างทางแล้วเดินไปสอบถามเจ้าของร้านเรื่องที่ทางร้านพอจะมีช่างรับจ้างทำงานให้กับเธอบ้างหรือไม่ นับว่าดวงของซูหนิงจิงยังคงดีอยู่ ด้วยร้านนี้มีผู้รับเหมาเป็นของตัวเองแต่แรก ซูหนิงจิงจึงขอปรึกษาเรื่องการปรับปรุงร้านของเธอทันทีเจ้าของร้านเรียกลูกชายที่รับผิดชอบเรื่องรับเหมาและออกแบบตกแต่งงานก่อสร้างของร้านมาคุยกับซูหนิง
สามวันต่อมาซูหนิงจิงยังคงเดินไปส่งลูกที่โรงเรียนเพราะกลัวว่ารถที่วิ่งผ่านไปมาจะชนลูกสาวของเธอ ซึ่งซูหนิงเซียวเองก็ไม่ปฏิเสธที่แม่เป็นห่วงเธอเช่นนี้ เธอรู้ว่าตอนนี้เธอยังเด็กอยู่ แม่จึงได้ไม่ไว้ใจให้เธอเดินไปเอง รอให้เธอโตกว่านี้เสียก่อน ซูหนิงเซียวค่อยเดินไปเองก็ได้“ตั้งใจเรียนนะลูก เดี๋ยววันนี้แม่จะเปิดร้านแล้ว ตอนเย็นแม่จะมารับนะ”“หนูจะตั้งใจเรียนค่ะแม่ ขอให้วันนี้แม่ขายดี ๆ นะคะ หนูจะบอกรุ่นพี่ให้ว่าร้านเปิดวันนี้แล้ว เผื่อตอนเลิกเรียน รุ่นพี่จะเดินไปทานขนมกับชานมก่อนกลับบ้านค่ะ”“ได้จ๊ะลูก รีบเข้าไปเถอะ เดี๋ยวจะสาย”“ค่ะแม่ สวัสดีค่ะ”หลังจากส่งซูหนิงเซียวเข้าโรงเรียนแล้ว ซูหนิงจิงก็เดินกลับไปที่ตึกเพื่อเปิดร้านรอให้คนจากร้านขนมนำขนมมาส่ง เช้าวันนี้เธอตื่นมาชงน้ำชานมเอาไว้ห้ารสตามที่ลูกสาวเธอชอบ ก่อนที่จะทำอาหารเช้าและกินก่อนไป
สิบปีต่อมาในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ร้านของซูหนิงชิงนั้นมีลูกค้ามานั่งทานชานมกับขนมเพิ่มขึ้นมาตลอด ไหนจะออเดอร์จากบรรดาอาจารย์ที่โทรมาสั่งแทบทุกวัน ทำให้กิจการของเธอเป็นไปด้วยดี ส่วนซูหนิงเซียวเองก็คอยช่วยเหลืองานในร้านเป็นประจำ ยิ่งตั้งแต่แม่ของเธอซื้อโทรศัพท์มือถือให้เพื่อบอกราคาชานมกับขนมที่พวกอาจารย์สั่งให้ลูกเก็บเงิน ซูหนิงเซียวก็มีความสุขไม่น้อยที่ได้ช่วยแม่เก็บเงิน หลังเลิกเรียนแล้วเธอก็เดินกลับมาช่วยแม่ที่ร้านพร้อมกับรุ่นพี่หลายสิบคนที่มักจะมานั่งกินชานมกับขนมก่อนกลับบ้านบ่อย ๆ วันหยุดที่ร้านก็เปิดเฉพาะวันเสาร์ ซึ่งมีนักเรียนที่มาเรียนพิเศษมากินกันที่ร้านไม่น้อยตอนนี้ซูหนิงเซียวอายุ 17 ปีและอยู่ ม.ปลายปีสามแล้ว เธอเรียนข้ามชั้นมาหนึ่งระดับตอนชั้น ม.ต้น เพราะความสามารถด้านการเรียนที่เก่งกาจของเธอนั่นเอง ทำให้อาจารย์ยอมให้เธอข้ามชั้นได้เพราะเธอลองสอบ ม.ปลายปีหนึ่งตั้งแต่อยู่ ม.ต้นปีสอง หน้าตาของซูหนิงเซียวสวยมากขึ้นทุกวัน เพราะได้รับแต่ส่วนดีของทั้งพ่อและแม่มาอย่างครบถ้วน ส่วนสูงของซูหนิง
กู่ซิงหลังจากตกลงกับสองแม่ลูกได้แล้ว เธอก็แลกเบอร์โทรกับซูหนิงจิงเอาไว้เพื่อติดต่อเรื่องหลังจากนี้ โดยกู่ซิงนัดวันที่จะพาซูหนิงเซียวไปถ่ายรูปสำหรับทำเอกสารแนะนำตัวเวลาเธอไปนำเสนองานให้กับซูหนิงเซียวภายหลัง ก่อนจะขอตัวกลับบ้านที่อยู่กลางเมืองของเธอเองซูหนิงเซียวช่วยแม่เก็บล้างทำความสะอาดจานขนมและทิ้งแก้วชานมก่อนที่จะไปนั่งกินอาหารเย็นที่แม่อุ่นเอาไว้ให้หลังจากกู่ซิงกลับไปแล้ว“แม่ไม่คัดค้านเรื่องที่หนูจะเข้าวงการแน่นะคะ หนูกลัวว่าแม่จะเสียใจ”“ลูกไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้หรอก แม่รู้ดีว่าวงการนี้เป็นอย่างไร อย่างน้อยแม่ยังสามารถดูแลลูกร่วมกับคุณป้ากู่ซิงได้ ลูกไม่ต้องห่วง”“ขอบคุณมากค่ะแม่ ถ้ามีแม่ช่วยดูแล หนูก็ค่อยโล่งใจหน่อย”สองแม่ลูกคุยกันเรื่องเส้นทางใหม่ที่ซูหนิงเซียวตัดสินใจไปแล้ว จนกระทั่งทานอาหารเสร็จ ทั้งสองจึงแยกย้ายกันเข้าห้องไปพักผ่อนหลังจากอาบน้ำแล้วใน
กู่ซิงที่เห็นซูหนิงเซียวหลังจากแต่งหน้าทำผมให้เข้ากับชุดที่เธอเลือกให้ก็ถึงกับตกตะลึงเช่นเดียวกัน นับว่าเธอคิดไม่ผิดที่เลือกซูหนิงเซียวแต่แรก“เอาล่ะ แต่งตัวเสร็จแล้วรีบไปถ่ายกันเถอะค่ะ ยังเหลืออีกหลายชุดกว่าจะเสร็จ”“ตกลงค่ะคุณป้ากู่”ซูหนิงเซียวรีบตอบรับป้ากู่ที่พาเธอมาแปลงโฉมในวันนี้ เธอตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดตามที่ป้ากู่แนะนำระหว่างทางมาสตูดิโอนี้ ส่วนซูหนิงจิงเองก็เดินตามไปดูลูกถ่ายแบบครั้งแรกเช่นเดียวกันฉากที่เซ็ตเอาไว้ให้เข้ากับชุดเดรสเปิดไหล่ลายดอกไม้ดูสดใสเข้ากับการแต่งหน้าบาง ๆ และทรงผมที่เข้ากับวัยของซูหนิงเซียว ทำให้เจ้าของสตูดิโอพอใจไม่น้อย เธอบอกให้ซูหนิงเซียวลองโพสท่าเองก่อน หากมีตรงไหนที่ต้องปรับแก้ เธอจะบอกเอง ซึ่งซูหนิงเซียวสามารถแสดงสีหน้าและท่าทางออกมาได้ดีแทบทุกท่าตามที่กู่ซิงสอนอย่างไม่ผิดเพี้ยน ทำเอาเจ้าของสตูดิโอรีบเก็บภาพสวย ๆ แทบไม่ทัน กระทั่งถ่ายได้เกือบยี่สิบภาพ เจ้าของสตูดิโอก็สั่งให้ซูหนิงเซียวหยุดและ
หลังจากคุยกันจบแล้ว กู่ซิงก็ขอตัวกลับเพื่อให้สองแม่ลูกได้จัดการร้านต่อเพราะยังมีลูกค้าเข้าร้านมาเรื่อย ๆ ในวันหยุดเช่นนี้ ซูหนิงจิงและซูหนิงเซียวจึงบอกลากู่ซิงแล้วรีบไปทำชานมไข่มุกให้กับลูกค้า สองคนแม่ลูกต่างช่วยกันทำและนำไปส่งที่โต๊ะลูกค้าที่น่าจะเพิ่งเรียนพิเศษเสร็จช่วงสามเดือนก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในจังหวัด ซูหนิงเซียวอ่านหนังสือหนักมากเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการสอบครั้งนี้ เธอที่ไม่ชอบเรียนพิเศษจำเป็นจะต้องเรียนด้วยตัวเองมาตั้งแต่ ม.ต้น เพื่อจะได้มีเวลาช่วยงานแม่ที่ร้าน ซึ่งซูหนิงจิงก็รู้เรื่องนี้มาตลอด เธอไม่ห้ามหากผลการเรียนของลูกสาวยังดีอยู่อย่างสม่ำเสมอตลอดสิบปีที่ผ่านมาหนึ่งวันก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซูหนิงเซียวพักจากการอ่านหนังสือเพื่อให้สมองได้พักผ่อนบ้าง หลังจากที่โหมอ่านมาตลอดเวลาสามเดือน ซึ่งครั้งนี้เธอมั่นใจมากว่าจะสอบผ่านและได้เข้ามหาวิทยาลัยที่เธอต้องการในวันสอบ ซูหนิงจิงหอมแก้มพร้อมกับกอดให้กำลังใจลูกสาวที่ต้องสอบในวันนี้ เธอรู้ดีว่าลูกต้องกดดันไม่น้อ
ระหว่างอาหารค่ำวันหนึ่ง ซูหนิงเซียวที่กำลังจะกินทอดมันกลับรู้สึกเหม็นกลิ่นอาหารยังไงพิกลจนเธอต้องลุกขึ้นวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ ทำเอาทุกคนแตกตื่นตกใจกันไปหมดเพราะคิดว่าเธอพักผ่อนไม่เพียงพอจากการไลฟ์สดต่อเนื่องกันมานานหลายวัน จ้านเการีบสั่งคนให้เตรียมรถไปโรงพยาบาลทันที เมื่อเห็นซูหนิงเซียวเดินหน้าซีดออกมาจากห้องน้ำ เขาก็รีบเข้าไปอุ้มเธอและเดินดุ่ม ๆ ออกไปหน้าบ้านโดยไม่รอใครสักคน ทำเอาคนอื่น ๆ ต้องรีบเดินตามเขาไปแทบไม่ทัน บอดี้การ์ดพาทุกคนไปถึงโรงพยาบาลใกล้ ๆ ในเวลาเพียง 20 นาที ซูหนิงเซียวเห็นจ้านเกาจะอุ้มเธอลงไปอีกก็เกิดอายคนในบ้านขึ้นมา เธอจึงขอเดินเองจนจ้านเกาต้องยอมแพ้ภรรยาตัวน้อยและประคองเธอลงจากรถตู้เอง หลังส่งซูหนิงเซียวเข้าไปในห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจอาการแล้ว บรรดาผู้อาวุโสที่คาดเดาว่าครั้งนี้น่าจะเป็นข่าวดีต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใส แต่จ้านเกาที่เป็นห่วงภรรยากลับไม่รู้เรื่องอะไร เขาเอาแต่เดินไปเดินมาหน้าห้องฉุกเฉินเพราะกลัวว่าภรรยาจะเจ็บป่วยร้ายแรง
ในห้องหอที่เป็นห้องของจ้านเกา ซูหนิงเซียวนั่งอยู่ที่เตียงอย่างเขินอาย ก่อนที่จ้านเกาจะจูบหน้าผากภรรยาตัวน้อยของเขาอย่างอ่อนโยน“น้องหนิงเซียวไม่ต้องเครียดมากนะครับ พี่ไม่ทำอะไรน้องก่อนจะเรียนจบแน่นอนครับ เราไปกินข้าวมงคลกันดีกว่า” จ้านเกาจับมือเล็กของซูหนิงเซียวแล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้างเธอและเริ่มตักอาหารใส่ถ้วยข้าวให้เธอกินไม่ต่างจากตอนที่พวกเขาอยู่บนโต๊ะอาหารร่วมกับครอบครัว ซูหนิงเซียวอดคิดไม่ได้ว่าทำไมสามีเธอไม่อยากมีอะไรกับเธอ หรือว่าเธอจะไม่สวยพอที่เขาจะหลงใหล จ้านเกาเห็นภรรยาหน้านิ่วคิ้วขมวดก็อดจะถามไม่ได้“น้องหนิงเซียวคิดอะไรอยู่ครับ ทำไมทำหน้าตาแบบนี้ล่ะ”“เอ่อ… หนูแค่คิดว่าวันนี้หนูไม่สวยพอที่สามีอย่างพี่จ้านจะทำหน้าที่สามีหรือเปล่าน่ะสิคะ เพื่อนหนูบอกว่าเจ้าบ่าวส่วนใหญ่ต้องอดใจไม่ไหวแน่ถ้าเห็นเจ้าสาวนั่งบนเตียง” ซูหนิงเซียวก้มหน้าตอบอย่างอาย ๆ“ฮ่า ฮ่า น้องหนิงเซียวคิดมากเกินไปแล้ว พี่แค่กลัวว่าน้องจะยังไม่พร้อมเท่านั้นเองครับ ถ้าน้องหนิงเซียวอนุญาต พี่ก็จะทำห
ก่อนเวลาตามฤกษ์งามยามดี 10 นาที พิธีกรขึ้นมากล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจำนวนนับร้อยคนที่มาในครั้งนี้ จากนั้นเขาจึงเชิญผู้อาวุโสของตระกูลจ้านทั้งสองขึ้นไปนั่งรอบนเวที ไม่นานนักซูหนิงจิงก็เดินมาพร้อมลูกสาวโดยมีกู่ซิงเดินตามหลังพร้อมรอยยิ้มเข้ามาในงาน จ้านเการีบไปยืนรอเจ้าสาวของเขาที่หน้าเวทีก่อนจะรับเธอมาจากซูหนิงจิง เขายังรับปากซูหนิงจิงว่าจะดูแลซูหนิงเซียวเป็นอย่างดี หลังฟังจ้านเกาพูดแล้ว ซูหนิงจิง กู่ซิงก็เดินนำสองเจ้าบ่าว เจ้าสาวขึ้นไปบนเวทีเพื่อเริ่มทำพิธีการในลำดับต่อไป พิธีกรประกาศของรับขวัญเจ้าสาวที่ตระกูลจ้านมอบให้ ทำเอาแขกในงานฮือฮากันไม่น้อย เนื่องจากของขวัญมากมายทั้ง 28 รายการล้วนแต่เป็นของโบราณและมีค่าควรเมือง ไม่รวมที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเมืองต่าง ๆ ที่ผู้อาวุโสทั้งสองมอบให้อีกหลายแห่ง ซูหนิงเซียวถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมาที่คุณตา คุณยายของจ้านเกาเอ็นดูเธอถึงเพียงนี้ หลังจบรายการของขวัญฝ่ายเจ้าบ่าวแล้ว พิธีกรก็ประกาศของรับขวัญเจ้าบ่าวที่ซูหนิงจิงมอบให้เช่นกัน คราวนี้แขกในงานยิ่งส่งเสียงฮือฮาหนักกว่าเมื่อกี้เสียอีก เพราะซูหนิงจิงมอบหุ้นทั้งหมดข
ก่อนถึงงานแต่งสามวัน วันนี้มีข่าวใหญ่ที่สื่อทุกสำนักนำเสนอ จากหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาก่อนหน้านี้ หลังจากตรวจสอบที่มาที่ไปและพบว่าหลักฐานทั้งหมดเป็นของจริง ตำรวจได้นำส่งหลักฐานให้ศาลพิจารณาออกหมายจับนักการเมืองหลายสิบคนที่มีส่วนร่วมในการทุจริตและคอรัปชั่นมาตลอดหลายสิบปี เจียวจิ้งเหอที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่เหงื่อตกหลังจากดูข่าวที่กำลังฉายในทีวี เขาไม่รู้ว่าหลักฐานที่เขาเก็บเอาไว้ทำไมถึงไปอยู่กับตำรวจได้ วันที่ทนายมาทำพินัยกรรมให้กับเขา ทนายก็ไม่ได้บอกว่าหลักฐานหายไป เจียวจิ้งเหอยิ่งดูข่าวก็ยิ่งเครียดจนความดันขึ้นสูงและเครื่องวัดความดันดังเตือนไปยังพยาบาลด้านนอก พวกเธอรีบเข้ามาดูคนไข้ที่กำลังช็อคทันที แต่เสียดายที่ตอนนี้เจียวจิ้งเหอเส้นเลือดในสมองแตกไปจากความเครียดที่เกิดขึ้น หมอรีบเข้ามาดูอาการแล้วก็ได้แต่ต้องรีบพาเขาไปห้องผ่าตัดเพื่อดูดลิ่มเลือดในสมองออกก่อนที่อาการจะหนักมากไปกว่านี้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้รับข่าวจากโรงพยาบาลในเวลาต่อมา พวกเขารีบไปที่โรงพยาบาลกันอย
สามวันต่อมา จ้านหย่งเหอ จ้านเซียงชิง จ้านเกา ซูหนิงจิง ซูหนิงเซียวและกู่ซิงเดินทางไปลองชุดที่ร้านตามที่จ้านเซียงชิงจองเอาไว้ก่อนหน้านี้ ร้านนี้มีแต่ชุดสวย ๆ และดูหรูหราเหมาะสมกับงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคน ส่วนผู้ใหญ่ต่างก็ดูชุดราตรีแบบต่าง ๆ ที่ร้านนำมาให้ก่อนจะลองชุดกันอย่างสนุกสนาน สองผู้อาวุโสเองก็เลือกชุดแบบโบราณที่ดูเหมาะสมกับวัย กว่าที่ทุกคนจะลองชุดเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงบ่ายกว่าแล้ว พวกเขาเห็นว่าเลยเวลาอาหารเที่ยงมาสักพักใหญ่จึงให้คนขับรถหาร้านใกล้ ๆ เพื่อทานอาหารก่อนจะกลับไปที่บ้านตระกูลจ้าน ระหว่างทานอาหาร จ้านหย่งเหอก็ถามถึงเรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอกับหลานชาย“คดียังต้องเลื่อนการสอบพยานนัดแรกออกไปอยู่ครับคุณตา เพราะเจียวจิ้งเหอต้องรักษาตัวมากกว่าสามเดือนครับ”“ฮึ หวังว่าคราวนี้คงไม่มีใครมาช่วยเขาอีกนะ”ซูหนิงจิงไม่อยากให้จ้านหย่งเหอกังวลมากนัก เธอจึงคิดจะบอกถึงเรื่องที่คนของเติ้งโหย่วได้หลักฐานส่งตำรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นจ้านหย่งเหอคงไม่สบายใจ
เจียวจิ้งเหอฟื้นขึ้นมาในช่วงบ่ายของวันต่อมาหลังจากผ่าตัด หมอตรวจอาการของเขาพบว่าร่างกายช่วงล่างของเขาไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป เนื่องจากกระดูกสันหลังและเส้นเลือดเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ เจียวจูกับหลงฮ่าวพอได้ข่าวก็รีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อพวกเขารู้ว่าเจียวจิ้งเหอไม่สามารถใช้ร่างกายช่วงล่างได้อีกก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอก็ยังไม่ได้รับการตัดสิน หากเจียวจิ้งเหอต้องไปอยู่ในคุกข้อหาจ้างวานฆ่าจริง ๆ พวกเขาคงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากหมั่นไปเยี่ยมเท่านั้น หลังจากรู้เรื่องว่าต่อไปตัวเองต้องเป็นคนพิการ เจียวจิ้งเหอก็ได้แต่หลับตาลงอย่างปลดปลง เขาไม่สนใจว่าเป็นฝีมือใครแล้วในตอนนี้ ถึงเขาจะแก้แค้นกลับก็ไม่ช่วยให้เขาสามารถใช้งานร่างกายที่พิการไปแล้วได้อยู่ดี เจียวจูเห็นพ่อของตัวเองเงียบลงไปแบบนี้ก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้นไปอีกจนหลงฮ่าวต้องคอยกอดปลอบเธอเอาไว้ ไม่นานนักเจียวจิ้งเหอก็ลืมตาขึ้นมาเพื่อคุยกับลูกสาวและลูกเขยถึงเรื่องสำคัญ“หลงฮ่าว อาจู พรุ่งนี้เรียกทนายมาหาพ่อที่นี่ด้วยนะ พ่อจะทำพินัยกรรมเอาไว้ให้ลูกกับหลาน ส่วนเรื่องคดีของพ่อคงอีก
หลงฮ่าวกับเจียวจูรออยู่หน้าห้องผ่าตัดเกือบ 8 ชั่วโมง กว่าที่หมอจะออกมาบอกว่าเจียวจิ้งเหอพ้นขีดอันตรายแล้ว เพียงแต่ต้องรอดูว่าหลังจากฟื้นขึ้นมา อวัยวะต่าง ๆ ของเจียวจิ้งเหอจะสามารถใช้งานได้เป็นปกติหรือไม่เท่านั้น หมอแจ้งอาการกับญาติเสร็จก็ให้พยาบาลเข็นเตียงของเจียวจิ้งเหอไปยังห้องพิเศษเพื่อรอดูอาการหลังผ่าตัดจนกว่าจะครบ 24 ชั่วโมง จึงจะมั่นใจว่าเขาสามารถพักฟื้นต่อได้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้แต่ต้องกลับไปก่อนและให้คนของเขาคอยเฝ้าดูอาการของเจียวจิ้งเหอแทน พวกเขาจึงจะมาเยี่ยมเจียวจิ้งเหออีกครั้ง เพราะหลงฮ่าวกำลังหาคนในของบริษัทจ้านเกาเพื่อสร้างความเสียหายแต่ก็ยังหาไม่ได้เสียที จ้าวไห่ถังที่รู้ข่าวความวุ่นวายของหกตระกูลก็คิดอยากถอนหมั้นลูกสาว เขาไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคนติดคุกติดตะรางอย่างหลงเอ้อหลางอีกต่อไป หลิวอ้ายโหรวที่ยุ่งอยู่กับการพาลูกชายไปทำงานก็ไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจของสามี เธอในตอนนี้ไม่อยากให้ลูกชายเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้เช่นกัน หลังอาหารเย็นวันหนึ่ง จ้าวไห่ถังจึงเรียกลูกสาวมาคุยเรื่องนี้“พ่อคิดว่าตระกูลหลงจะให้เราถอนหมั้น
วันนี้เจียวจิ้งเหอมีนัดขึ้นให้การในชั้นศาลนัดแรก เขาให้คนของตนเองเตรียมตัวเดินทางหลังอาหารเช้า ส่วนคนของเติ้งโหย่วก็เตรียมการแล้วเช่นเดียวกัน พวกเขาหาที่กั้นทางเพื่อทำทีเป็นปรับปรุงถนนอยู่ให้เลี่ยงเส้นทางไปยังทางเปลี่ยว ทำให้ขบวนรถสามคันของเจียวจิ้งเหอต้องอ้อมทางไป คนของเติ้งโหย่วที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า พอเห็นขบวนรถของเจียวจิ้งเหอมาถึงก็เตรียมตัวกดระเบิดที่ฝังเอาไว้ใต้พื้นถนนเพื่อทำให้รถเกิดอุบัติเหตุแทนที่จะใช้ปืนกระหน่ำยิงเหมือนตอนที่เจียวจิ้งเหอสั่งลูกน้องไปจัดการจ้านเกา เมื่อรถคันแรกมาถึงบริเวณที่อานุภาพการทำลายล้างของระเบิดสามารถทำได้ หัวหน้ากลุ่มกะจังหวะกดระเบิดตอนที่รถของเจียวจิ้งเหอมาถึงจุดที่ระเบิดถูกวางเอาไว้พอดีบึ้ม!!! เอี๊ยด!!! โครม! รถของเจียวจิ้งเหอพลิกคว่ำในทันที ส่วนรถอีกสองคันที่โดนแรงระเบิดก็กระเด็นไถลไปคนละทิศละทาง คนที่อยู่ในรถต่างมึนงงและหูดับไปเพราะแรงระเบิดชั่วขณะ คนของเติ้งโหย่วอาศัยจังหวะนั้นหลบออกไปจากที่เกิดเหตุโดยหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิดอย่างรู้งาน พวกเข
หลังทานอาหารค่ำ ทุกคนก็มานั่งคุยรายละเอียดเรื่องงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคนอย่างจริงจังจนได้ข้อสรุปว่าพวกเขาจะจัดงานแต่งงานก่อนซูหนิงเซียวจะเปิดเทอมและขึ้นปีสามเพื่อความสะดวกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งก็เหลือเวลาเตรียมงานไม่ถึงสามสัปดาห์ แน่นอนว่าสัปดาห์นี้ทุกคนยุ่งอยู่กับแผนการล้มหกตระกูลรอง จ้านหย่งเหอกับจ้านเซียงชิงจึงให้เริ่มเตรียมงานแต่งในสัปดาห์หน้าแทน โดยพวกเขาจะเรียกเจิ้งเหลียงฮวามาช่วยเรื่องทำบัตรเชิญเหมือนตอนงานหมั้น คืนนั้นกว่าทุกคนจะได้เข้านอนก็เกือบห้าทุ่มแล้ว พวกเขาต่างยิ้มแย้มที่กำลังจะมีงานมงคลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ถึงแม้แต่ละคนจะมีงานล้นมืออยู่ก็ตามที สายวันต่อมา แผนการของซูหนิงจิงทำให้บริษัทใหญ่ทั้งหกไม่มีทางเลือกจนต้องเทขายหุ้นในมือก่อนที่จะขาดทุนไปมากกว่านี้ ซูหนิงจิงโทรหาไป่เฉิงให้เขากว้านซื้อหุ้นทั้งหมดเอาไว้ให้เธอ โดยเธอโอนเงินให้เขาเผื่อเอาไว้ 900 ล้านหยวน ต้องขอบคุณโครงการฟู่ซิงซินที่ขายหมดเร็วจนเธอมีกำไรจากโครงการนี้มากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน ตระกูลทั้งหกที่เกี่ยวพันกับเรื่องของซูหนิงเซียวต่างนัดประชุมเ