เมื่อไปถึงห้างแล้ว ซูหนิงจิงก็พาลูกสาวไปที่ร้านหนังสือก่อนเพื่อให้ลูกได้เลือกหนังสือเสริมความรู้นอกเหนือจากหนังสือที่ซื้อมาจากโรงเรียนก่อนหน้านี้
“ลูกเลือกสักหลายเล่มหน่อยนะ จะได้เอาไว้อ่านในเวลาว่างที่บ้าน”
“ได้ค่ะแม่ ขอบคุณนะคะที่พาหนูมาซื้อหนังสือ”
“รีบเข้าไปเลือกเถอะจ๊ะ เดี๋ยวแม่เดินเล่นดูหนังสือรอแถวนี้แหละ”
ซูหนิงเซียวพยักหน้ายิ้มรับคำแม่ของเธอก่อนจะเดินเข้าไปที่มุมหนังสือของเด็กประถม เธอเลือกหนังสือนิทานภาษาอังกฤษมาสองสามเล่ม ส่วนที่เหลือเป็นหนังสือเกี่ยวกับการคำนวณและภาษาอังกฤษเบื้องต้นสำหรับชั้น ม.ต้น ซูหนิงเซียวมักจะชอบอ่านหนังสือของชั้นที่สูงกว่ามาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งเรื่องนี้ซูหนิงจิงก็รู้ดีว่าลูกของเธอมีความสามารถมากแค่ไหน เธอจึงไม่เคยห้ามลูกเรื่องการซื้อหนังสือแม้แต่ครั้งเดียว แต่กลับหมั่นพาลูกสาวมาเลือกซื้อหนังสือดี ๆ กลับไปอ่านที่บ้านแทน
ซูหนิงเซียวหอบหนังสือเกือบสิบเล่มแล้วเดินไปหาซูหนิงจิงที่ยืนอ่านรอเธออยู่ที่ด้านหน้าร้าน
“แม่คะ หนูได้หนังสือครบแล้วค่ะ”
“อ้าว เอามานี่สิลูก แม่ถือให้เอง ลูกไปรอที่เคาเตอร์จ่ายเงินเลย เดี๋ยวแม่เดินตามไป”
“ขอบคุณค่ะแม่”
ซูหนิงเซียวส่งหนังสือทั้งหมดในอ้อมแขนเล็ก ๆ ส่งให้กับแม่ของตัวเอง ตอนนี้เธอยังเด็กอยู่จึงถือของหนักไม่ได้มากนัก ซูหนิงจิงยิ้มให้กับลูกสาวคนเก่งของเธอก่อนจะเดินนำลูกสาวไปที่เคาเตอร์เพื่อคิดเงิน พนักงานร้านนำหนังสือมาคิดเงินไม่นานนักก็บอกราคาทั้งหมดเกือบหนึ่งพันหยวนให้กับซูหนิงจิงทราบ เธอรีบหยิบเงินในกระเป๋าส่งให้พนักงาน และรับใบเสร็จพร้อมถุงหนังสือมาถือเอาไว้เอง จากนั้นซูหนิงจิงก็จูงมือลูกสาวออกจากร้านเพื่อไปซื้อของเข้าบ้านต่อหลังจากหาร้านอาหารในห้างนั่งกินกันก่อน ซูหนิงจิงพาลูกสาวเข้าไปที่ร้านขายชาบูเพื่อให้ลูกได้กินอาหารครบห้าหมู่บ้าง เพราะเมื่อเช้าพวกเธอกินเพียงอาหารที่เหลือจากเมื่อวานนิดหน่อยเท่านั้น
เมื่อไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ต ซูหนิงจิงก็วางถุงหนังสือลงในรถเข็นคันหนึ่งก่อนที่จะเข็นเข้าไปยังร้านค้าเพื่อเลือกซื้อของใช้จำเป็นเข้าบ้าน
“ถ้าลูกอยากได้ขนมหรือนมสำหรับกินเป็นของว่างก็เอามาใส่ในรถเข็นได้เลยนะลูก”
“ค่ะแม่ หนูไม่ได้กินขนมกับนมเลยเมื่อวานนี้ ขอบคุณนะคะที่แม่เตือนหนู”
ซูหนิงจิงลูบหัวลูกสาวมือหนึ่งอย่างเอ็นดู เธอลืมไปว่าตอนนี้ไม่มีแม่บ้านคอยดูแลเรื่องขนมกับนมให้ลูกสาวแล้ว ตอนนี้เธอจะต้องดูแลลูกด้วยตัวเอง ดังนั้น เธอจะทำให้ดีที่สุดจนกว่าลูกจะโต
สองคนแม่ลูกซื้อของจนเกือบล้นรถเข็น ด้วยซูหนิงจิงไม่ค่อยอยากออกมาที่ห้างบ่อย ๆ เธอจึงซื้ออาหารแช่แข็งเป็นจำนวนไม่น้อย และขนม นม เนยต่าง ๆ เอาไว้ให้ลูกนำไปกินที่โรงเรียนด้วย
หลังจากนำของในรถเข็นไปจ่ายเงินแล้ว สองคนแม่ลูกก็เข็นรถไปยังที่จอดรถในห้างเพื่อเก็บของใส่ท้ายรถก่อนจะกลับบ้าน ไม่นานนักพวกเธอก็เก็บของเสร็จ ซูหนิงจิงเข็นรถเข็นออกห่างจากรถยนต์ของเธอก่อนจะบอกให้ลูกขึ้นไปนั่งรอในรถ แล้วจึงเดินขึ้นไปยังที่นั่งคนขับและขับออกไปจากห้างสรรพสินค้าทันที
ไม่นานนักซูหนิงจิงก็ขับรถกลับไปถึงบ้านเช่าของพวกเธอ ซูหนิงเซียวลงจากรถไปเปิดประตูรั้วให้แม่เอารถเข้าบ้าน ก่อนที่จะปิดประตูหลังจากแม่ขับรถเข้าบ้านเรียบร้อยแล้ว
ทั้งสองคนต่างช่วยกันขนสิ่งของต่าง ๆ ที่เพิ่งซื้อมาเข้าไปในบ้านหลังจากที่ซูหนิงจิงเปิดประตูบ้าน ไม่ถึงยี่สิบนาที ของทุกอย่างที่อยู่ในหลังรถก็ถูกวางเอาไว้ในห้องครัวของบ้านเช่าแล้ว ซูหนิงจิงบอกให้ลูกนำหนังสือขึ้นไปเก็บ ส่วนเธอจะจัดเก็บสิ่งของที่ซื้อมาในวันนี้ ซูหนิงเซียวพยักหน้ารับคำแม่ของตนเอง ก่อนจะหยิบถุงหนังสือของเธออุ้มขึ้นไปที่ห้องตามที่แม่บอก
ซูหนิงเซียววางหนังสือที่ซื้อมาเอาไว้บนโต๊ะ ในห้องของเธอมีโต๊ะหนังสือเพียงตัวเดียว ตอนนี้หนังสือที่ได้รับจากโรงเรียนและที่ซื้อมาใหม่วางกองเต็มโต๊ะไปหมด ซูหนิงเซียวใช้เวลาจัดหนังสือไม่นาน ก่อนที่เธอจะรีบลงไปช่วยแม่เก็บของที่ห้องครัว ส่วนเสื้อผ้าใหม่นั้นซูหนิงเซียวก็นำไปแขวนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าแล้ว เธอไม่รู้ว่าจะรีดผ้าอย่างไร จึงได้แขวนเอาไว้เสียก่อน
“แม่คะ ชุดนักเรียนของหนูจะรีดยังไงเหรอคะแม่”
“เดี๋ยวลูกเอาชุดนักเรียนมาใส่เครื่องซักผ้าแล้วซักก่อนนะลูก พอปั่นแห้งแล้วแม่จะรีดให้ก่อนลูกจะไปโรงเรียนพรุ่งนี้นะ”
“ได้ค่ะแม่ หนูขึ้นไปเอาชุดลงมาข้างล่างก่อนนะคะ”
“จ๊ะลูก รีบไปเถอะ จะได้รีบซัก”
ซูหนิงจิงลืมไปอีกแล้วว่าหลังจากนี้เธอต้องดูแลเรื่องเสื้อผ้าให้ลูกสาวด้วย นานมากแล้วที่เธอไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง โชคดีที่เธอซื้อเตารีดกับโต๊ะรีดผ้ามาด้วย ไม่อย่างนั้นคงลำบากกว่านี้แน่ บ้านเช่านี้ก็ดีสมราคา เพราะมีเครื่องซักผ้าเอาไว้ให้ผู้เช่าได้ซักด้วย นับว่าเธอเลือกบ้านเช่าไม่ผิดที่ยอมจ่ายราคาสูงหน่อยแต่ไม่ต้องซื้อของเข้ามามากเกินไป
ซูหนิงเซียวเดินลงมาพร้อมเสื้อผ้าสามชุดที่ซื้อมาจากโรงเรียน ซูหนิงชิงบอกวิธีการใช้เครื่องซักผ้าให้ลูกสาวเพื่อให้เธอสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในอนาคต ซูหนิงเซียวมองและจดจำสิ่งที่แม่บอกได้เป็นอย่างดี จากนั้นเธอจึงนำเสื้อผ้าทั้งสามชุดใส่ลงในเครื่อง นำผงซักผ้าใส่ลงในช่องที่แม่บอกเอาไว้พร้อมกับน้ำยาปรับผ้านุ่ม ก่อนที่เธอจะปิดฝาเครื่องซักผ้าแล้วกดให้เครื่องเริ่มทำงาน ซูหนิงจิงเห็นลูกสาวทำตามได้อย่างไม่ผิดพลาดก็ยิ้มพร้อมกับลูบหัวน้อย ๆ ของลูกอย่างภูมิใจ
ซูหนิงจิงนำนมกับขนมมาวางให้ลูกนั่งกินรอเธอเก็บสิ่งของเข้าตู้เย็นเสียก่อน ซูหนิงเซียวเองก็ไม่อิดออด เธอรีบปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้แล้วนั่งกินของว่างกับนมอย่างเชื่อฟัง ซูหนิงจิงจึงรีบเก็บของและแยกวัตถุดิบที่เธอจะทำอาหารให้ลูกกินในตอนเย็นเอาไว้ต่างหาก ถึงแม้ว่าซูหนิงจิงจะไม่ได้ทำอาหารด้วยตัวเองมานานหลายปีแล้ว แต่เธอก็ยังมีฝีมือในการทำอาหารติดตัวอยู่
กว่าที่ซูหนิงจิงจะเก็บสิ่งของเอาไว้ให้เป็นที่เป็นทางก็เกือบถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เธอจึงรีบทำอาหารตามที่คิดเอาไว้ทันที โดยวันนี้เธอจะทำอาหารผัดสามอย่างและซุปหนึ่งอย่าง หากเหลือก็ยังสามารถนำมาอุ่นกินได้ในวันพรุ่งนี้
ซูหนิงเซียวที่นั่งกินขนมกับนมดูแม่เก็บของก็อิ่มไม่น้อย เธอคิดว่าเย็นนี้เธอคงกินอาหารเย็นได้ไม่มากนัก แต่พอเห็นแม่ของเธอทำอาหารเป็นครั้งแรก ซูหนิงเซียวก็นึกอยากกินอาหารฝีมือแม่ขึ้นมาทันที ซูหนิงเซียวเดินเอาถุงขนมกับกล่องนมไปทิ้งที่ถังขยะซึ่งวางอยู่มุมหนึ่งในห้องครัว ก่อนที่จะมานั่งดูแม่ทำอาหารที่เก้าอี้ตัวเดิมของเธอ เธอกลัวว่าจะเกะกะแม่เวลาทำอาหารจึงได้เลือกที่จะนั่งดูแทนการไปช่วยแม่ ซูหนิงเซียวได้แต่คิดว่ารอให้เธอตัวโตกว่านี้ก่อน เธอจะช่วยแม่ทำอาหารบ่อย ๆ ในอนาคต
ซูหนิงจิงใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงในการทำอาหารทั้งหมด ด้วยเพราะเธอต้องคอยชิมดูว่าอาหารรสชาติใช้ได้หรือยังจึงทำให้ช้าเช่นนี้ หลังจากนี้หากเธอทำอาหารบ่อย ๆ ก็คงจะสามารถทำอาหารได้เร็วขึ้นกว่านี้มากนัก
“ลองกินดูสิลูกว่ารสชาติใช้ได้ไหม”
ซูหนิงเซียวพยักหน้ารับคำแม่แล้วลองตักอาหารจานหนึ่งมาชิม หลังเคี้ยวเสร็จแล้วเธอก็ยิ้มหวานให้กับแม่แล้วจึงตอบกลับเรื่องรสชาติ
“อร่อยมากค่ะแม่ อร่อยกว่าที่แม่บ้านเคยทำให้หนูกินอีกนะคะ”
“ฮ่า ฮ่า ลูกก็ชมแม่เกินไป เอาล่ะ เห็นลูกกินได้แม่ก็พอใจแล้ว เรารีบกินกันเถอะ”
สองคนแม่ลูกต่างตักอาหารให้กันและกันพร้อมรอยยิ้ม เมื่อกินเสร็จแล้ว ผ้าของซูหนิงเซียวก็อบเสร็จพอดี ซูหนิงจิงเห็นว่าลูกน่าจะนำเสื้อผ้าไปตากไม่ถึงแน่
“ลูกเอาผ้าไว้ในนั้นก่อนนะ เดี๋ยวแม่ล้างถ้วยชามเสร็จจะเอาไปตากให้ลูกเองจ๊ะ ลูกขึ้นไปอ่านหนังสือที่โรงเรียนให้มาก่อนค่อยอาบน้ำนอนนะ ข้างล่างนี่แม่จะจัดการให้เองนะลูก พรุ่งนี้เช้าแม่จะแขวนชุดนักเรียนเอาไว้ให้ลูกที่หน้าประตูนะ”
“ได้ค่ะแม่ ขอบคุณมากนะคะแม่ที่ทำทุกอย่างให้หนู”
ซูหนิงจิงได้แต่ยิ้มแล้วลูบหัวลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเธอ จะไม่ให้เธอรักและทำทุกอย่างให้ลูกได้อย่างไร ในเมื่อลูกสาวเธอทั้งน่ารักและเชื่อฟังเธอมากขนาดนี้
ซูหนิงจิงตื่นแต่เช้าในวันต่อมาเพื่อรีดผ้าและเตรียมอาหารที่เหลือจากเมื่อวานมาอุ่นรอให้ลูกสาวลงมากินก่อนจะไปส่งลูกที่โรงเรียน หลังทำทุกอย่างเตรียมไว้แล้ว ซูหนิงจิงก็นำชุดนักเรียนไปแขวนเอาไว้ที่หน้าห้องลูก จากนั้นจึงไปอาบน้ำแต่งตัวในเวลาไม่นาน ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าให้เสียเวลาอีกนอกจากการทาครีมบำรุงเท่านั้น เพราะอย่างไรเธอก็ไม่ได้ทำธุรกิจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ซูหนิงจิงจึงไม่อยากเสียเวลาในเรื่องไม่จำเป็นพวกนี้ซูหนิงเซียวเปิดประตูออกมาดูชุดนักเรียนใหม่ของเธอก็เห็นว่าแม่เอามาแขวนไว้ให้ทั้งสามชุดแล้ว ซูหนิงเซียวยิ้มก่อนจะรีบนำเสื้อผ้าเข้าห้องไปเก็บและนำออกมาใส่ก่อนที่จะออกจากห้องหลังเก็บหนังสือตามตารางเรียนที่ได้รับมาเมื่อวานนี้ซูหนิงจิงเองก็ถือกระเป๋าออกมาพร้อมกับลูกสาวที่เปิดประตูพร้อมกระเป๋าสะพายสำหรับใส่หนังสือของโรงเรียนออกมาพอดี“ไปกินข้าวกันก่อนเถอะลูก แม่เตรียมเอาไว้ให้บนโต๊ะอาหารแล้ว”“ค่ะแม่”ทั้งสองคนเดินลงบันไดไปอย่างไม่เร่งรีบ ด้วยเพราะพวกเธอตื่นกันเช้ามากในวันนี้ ซูหนิงจิงหยิบเอาของว่างกับนมที่เก็บไว้ใส่ลงในกระเป๋านักเรียนให้ลูกสาวก่อนที่จะมานั่งกินข้าวด้วยกันพร้อมรอยยิ
ซูหนิงจิงหาที่จอดรถห่างจากประตูโรงเรียนได้แล้วจึงจอดรถเอาไว้ เธอลงจากรถไปรอลูกสาวที่หน้าประตูเหมือนกับผู้ปกครองบางส่วนที่มาถึงก่อนเธอไม่นาน ซูหนิงจิงไม่ได้สนใจผู้ปกครองคนอื่นที่มองดูเธอมากนัก ปกติเธอมักจะทำงานกับลูกน้องจำนวนมาก จึงทำให้นิสัยของเธอจากที่เคยอัธยาศัยดีก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเหมือนผู้บริหารบริษัททั่วไป อีกทั้งการแต่งตัวของเธอก็ต่างกับแม่บ้านทั่วไป จะมีก็แต่หน้าตาของเธอที่ไม่ได้แต่งหน้าเท่านั้นที่พอจะเหมือนแม่บ้านคนอื่นบ้างครึ่งชั่วโมงต่อมา บรรดาเด็ก ๆ ที่เลิกเรียนแล้วก็เดินออกมาที่ประตูโรงเรียนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย บางคนก็ไปขึ้นรถของโรงเรียนที่จะไปส่งพวกเขาที่บ้าน บางคนก็เดินออกมารอผู้ปกครองที่หน้าโรงเรียนเหมือนทุกวัน ซูหนิงเซียวเดินออกมาพร้อมเพื่อนในห้องใหม่ของเธอก่อนจะโบกมือลาเพื่อนเมื่อมองเห็นว่าแม่ของเธอมายืนรออยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีค่ะแม่ วันนี้ที่โรงเรียนใหม่สนุกมากเลยค่ะ หนูได้เพื่อนใหม่เยอะเลย”“ดีแล้วจ๊ะลูก แม่ดีใจที่ลูกเข้ากับเพื่อน ๆ ได้ เรากลับบ้านกันดีกว่า วันนี้แม่มีข่าวดีจะบอกลูกด้วยนะจ๊ะ”“จริงเหรอคะ หนูชักอยากรู้ซะแล้วสิ ฮิ ฮิ”ซูหนิงจิงลูบหัวลูกสาวพร้อม
สิบห้านาทีต่อมา มีผู้หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาทักทายซูหนิงจิงที่กำลังนั่งดูโทรศัพท์อยู่ที่หน้าที่ว่าการเมือง“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าใช่คุณซูหนิงจิงหรือเปล่าคะ”“ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะ”“ดิฉันชื่อหงเหมยอิงค่ะ ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะคะ เราเข้าไปทำเรื่องด้านในกันดีกว่าค่ะ เพราะหลังจากนี้ดิฉันยังมีธุระต้องไปทำอีกค่ะ”“ตกลงค่ะ คุณหงเดินนำไปได้เลยค่ะ ดิฉันเตรียมเช็คเงินสดเอาไว้ให้แล้ว”“ได้ค่ะ คุณตามดิฉันมาทางนี้เลยค่ะ”หงเหมยอิงที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในก้านโจวมานานรู้จักกับเจ้าหน้าที่ที่นี่เป็นอย่างดี จึงทำให้การซื้อขายและการโอนกรรมสิทธิ์เป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำที่ตอนนี้ซูหนิงจิงได้รับเอกสารทั้งหมดและกุญแจตึกมาไว้ในมือ ตอนนี้ตึกใหม่เป็นของเธอแล้ว“ขอบคุณนะคะที่กรุณาขายตึกทำเลดีให้ดิฉัน”“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันทำงานด้านนี้มาหลายปีแล้วค่ะ ขอบคุณที่คุณช่วยซื้อตึกนี้ไปนะคะ ส่วนคูหาอื่นดิฉันเสียดายอยู่เหมือนกันที่ซื้อไม่ทันคนอื่น แต่ก็ยังไม่เคยเห็นพวกเขาทำอะไรกับตึกอีกสองคูหานะคะ ถ้าคุณสนใจจะซื้อเอาไว้ทั้งหมดก็ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ดูว่ามีเจ้าของเป็นใครได้นะคะ ดิฉันคิดว่าเจ้าหน้าที่น่าจะพอ
เย็นวันนี้ระหว่างทานอาหาร ซูหนิงเซียวเอาแต่บอกว่าอยากได้อะไรบ้างในห้องนอนใหม่ของเธอที่ตึกใหม่ ซูหนิงจิงกินไปด้วยพร้อมกับรับปากลูกสาวว่าเธอจะจัดการห้องให้ลูกสาวอย่างดีเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะต้องใช้ห้องน้ำร่วมกันกับลูกก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรพวกเธอยังได้พักในชั้นเดียวกันอยู่แล้ว กระทั่งกินข้าวเสร็จ ซูหนิงจิงบอกให้ลูกรีบขึ้นไปอาบน้ำทำการบ้านแล้วรีบนอนเสีย ส่วนเธอยังคงเก็บครัวเช่นเคย คืนนี้ซูหนิงจิงยังทบทวนรายการในบัญชีแต่ละเล่มว่าเธอหลงลืมสิ่งใดไปบ้างหรือไม่ ก่อนที่จะนอนในเวลาเกือบห้าทุ่มวันต่อมาหลังส่งซูหนิงเซียวเข้าโรงเรียนแล้ว ซูหนิงจิงก็ขับรถวนหาร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างร้านใหญ่ในเมืองก้านโจว เธอเห็นหลายร้านที่ดูจะมีคนเข้าบ้าง หลังจากตัดสินใจดูอยู่พักหนึ่ง ซูหนิงจิงจึงจอดรถเอาไว้ข้างทางแล้วเดินไปสอบถามเจ้าของร้านเรื่องที่ทางร้านพอจะมีช่างรับจ้างทำงานให้กับเธอบ้างหรือไม่ นับว่าดวงของซูหนิงจิงยังคงดีอยู่ ด้วยร้านนี้มีผู้รับเหมาเป็นของตัวเองแต่แรก ซูหนิงจิงจึงขอปรึกษาเรื่องการปรับปรุงร้านของเธอทันทีเจ้าของร้านเรียกลูกชายที่รับผิดชอบเรื่องรับเหมาและออกแบบตกแต่งงานก่อสร้างของร้านมาคุยกับซูหนิง
สามวันต่อมาซูหนิงจิงยังคงเดินไปส่งลูกที่โรงเรียนเพราะกลัวว่ารถที่วิ่งผ่านไปมาจะชนลูกสาวของเธอ ซึ่งซูหนิงเซียวเองก็ไม่ปฏิเสธที่แม่เป็นห่วงเธอเช่นนี้ เธอรู้ว่าตอนนี้เธอยังเด็กอยู่ แม่จึงได้ไม่ไว้ใจให้เธอเดินไปเอง รอให้เธอโตกว่านี้เสียก่อน ซูหนิงเซียวค่อยเดินไปเองก็ได้“ตั้งใจเรียนนะลูก เดี๋ยววันนี้แม่จะเปิดร้านแล้ว ตอนเย็นแม่จะมารับนะ”“หนูจะตั้งใจเรียนค่ะแม่ ขอให้วันนี้แม่ขายดี ๆ นะคะ หนูจะบอกรุ่นพี่ให้ว่าร้านเปิดวันนี้แล้ว เผื่อตอนเลิกเรียน รุ่นพี่จะเดินไปทานขนมกับชานมก่อนกลับบ้านค่ะ”“ได้จ๊ะลูก รีบเข้าไปเถอะ เดี๋ยวจะสาย”“ค่ะแม่ สวัสดีค่ะ”หลังจากส่งซูหนิงเซียวเข้าโรงเรียนแล้ว ซูหนิงจิงก็เดินกลับไปที่ตึกเพื่อเปิดร้านรอให้คนจากร้านขนมนำขนมมาส่ง เช้าวันนี้เธอตื่นมาชงน้ำชานมเอาไว้ห้ารสตามที่ลูกสาวเธอชอบ ก่อนที่จะทำอาหารเช้าและกินก่อนไป
สิบปีต่อมาในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ร้านของซูหนิงชิงนั้นมีลูกค้ามานั่งทานชานมกับขนมเพิ่มขึ้นมาตลอด ไหนจะออเดอร์จากบรรดาอาจารย์ที่โทรมาสั่งแทบทุกวัน ทำให้กิจการของเธอเป็นไปด้วยดี ส่วนซูหนิงเซียวเองก็คอยช่วยเหลืองานในร้านเป็นประจำ ยิ่งตั้งแต่แม่ของเธอซื้อโทรศัพท์มือถือให้เพื่อบอกราคาชานมกับขนมที่พวกอาจารย์สั่งให้ลูกเก็บเงิน ซูหนิงเซียวก็มีความสุขไม่น้อยที่ได้ช่วยแม่เก็บเงิน หลังเลิกเรียนแล้วเธอก็เดินกลับมาช่วยแม่ที่ร้านพร้อมกับรุ่นพี่หลายสิบคนที่มักจะมานั่งกินชานมกับขนมก่อนกลับบ้านบ่อย ๆ วันหยุดที่ร้านก็เปิดเฉพาะวันเสาร์ ซึ่งมีนักเรียนที่มาเรียนพิเศษมากินกันที่ร้านไม่น้อยตอนนี้ซูหนิงเซียวอายุ 17 ปีและอยู่ ม.ปลายปีสามแล้ว เธอเรียนข้ามชั้นมาหนึ่งระดับตอนชั้น ม.ต้น เพราะความสามารถด้านการเรียนที่เก่งกาจของเธอนั่นเอง ทำให้อาจารย์ยอมให้เธอข้ามชั้นได้เพราะเธอลองสอบ ม.ปลายปีหนึ่งตั้งแต่อยู่ ม.ต้นปีสอง หน้าตาของซูหนิงเซียวสวยมากขึ้นทุกวัน เพราะได้รับแต่ส่วนดีของทั้งพ่อและแม่มาอย่างครบถ้วน ส่วนสูงของซูหนิง
กู่ซิงหลังจากตกลงกับสองแม่ลูกได้แล้ว เธอก็แลกเบอร์โทรกับซูหนิงจิงเอาไว้เพื่อติดต่อเรื่องหลังจากนี้ โดยกู่ซิงนัดวันที่จะพาซูหนิงเซียวไปถ่ายรูปสำหรับทำเอกสารแนะนำตัวเวลาเธอไปนำเสนองานให้กับซูหนิงเซียวภายหลัง ก่อนจะขอตัวกลับบ้านที่อยู่กลางเมืองของเธอเองซูหนิงเซียวช่วยแม่เก็บล้างทำความสะอาดจานขนมและทิ้งแก้วชานมก่อนที่จะไปนั่งกินอาหารเย็นที่แม่อุ่นเอาไว้ให้หลังจากกู่ซิงกลับไปแล้ว“แม่ไม่คัดค้านเรื่องที่หนูจะเข้าวงการแน่นะคะ หนูกลัวว่าแม่จะเสียใจ”“ลูกไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้หรอก แม่รู้ดีว่าวงการนี้เป็นอย่างไร อย่างน้อยแม่ยังสามารถดูแลลูกร่วมกับคุณป้ากู่ซิงได้ ลูกไม่ต้องห่วง”“ขอบคุณมากค่ะแม่ ถ้ามีแม่ช่วยดูแล หนูก็ค่อยโล่งใจหน่อย”สองแม่ลูกคุยกันเรื่องเส้นทางใหม่ที่ซูหนิงเซียวตัดสินใจไปแล้ว จนกระทั่งทานอาหารเสร็จ ทั้งสองจึงแยกย้ายกันเข้าห้องไปพักผ่อนหลังจากอาบน้ำแล้วใน
กู่ซิงที่เห็นซูหนิงเซียวหลังจากแต่งหน้าทำผมให้เข้ากับชุดที่เธอเลือกให้ก็ถึงกับตกตะลึงเช่นเดียวกัน นับว่าเธอคิดไม่ผิดที่เลือกซูหนิงเซียวแต่แรก“เอาล่ะ แต่งตัวเสร็จแล้วรีบไปถ่ายกันเถอะค่ะ ยังเหลืออีกหลายชุดกว่าจะเสร็จ”“ตกลงค่ะคุณป้ากู่”ซูหนิงเซียวรีบตอบรับป้ากู่ที่พาเธอมาแปลงโฉมในวันนี้ เธอตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดตามที่ป้ากู่แนะนำระหว่างทางมาสตูดิโอนี้ ส่วนซูหนิงจิงเองก็เดินตามไปดูลูกถ่ายแบบครั้งแรกเช่นเดียวกันฉากที่เซ็ตเอาไว้ให้เข้ากับชุดเดรสเปิดไหล่ลายดอกไม้ดูสดใสเข้ากับการแต่งหน้าบาง ๆ และทรงผมที่เข้ากับวัยของซูหนิงเซียว ทำให้เจ้าของสตูดิโอพอใจไม่น้อย เธอบอกให้ซูหนิงเซียวลองโพสท่าเองก่อน หากมีตรงไหนที่ต้องปรับแก้ เธอจะบอกเอง ซึ่งซูหนิงเซียวสามารถแสดงสีหน้าและท่าทางออกมาได้ดีแทบทุกท่าตามที่กู่ซิงสอนอย่างไม่ผิดเพี้ยน ทำเอาเจ้าของสตูดิโอรีบเก็บภาพสวย ๆ แทบไม่ทัน กระทั่งถ่ายได้เกือบยี่สิบภาพ เจ้าของสตูดิโอก็สั่งให้ซูหนิงเซียวหยุดและ
วันนี้ทั้งวัน ซูหนิงเซียวจึงตั้งใจเรียนเรื่องการโพสท่าถ่ายแบบและการเดินแบบไปพร้อมกันด้วย ซึ่งการเดินแบบต้องใช้รองเท้าส้นสูงที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวานนี้ นับว่าแม่ของเธอคาดเดาได้ว่าเธอจำเป็นต้องใช้ของพวกนี้จริง ๆซูหนิงจิงปล่อยให้ลูกสาวเรียนรู้กับกู่ซิงไปตามสบาย ส่วนเธอก็ให้ลูกนำเสื้อผ้าเมื่อวานออกมาให้ทั้งหมด ก่อนที่จะโทรไปที่ฟร้อนเพื่อให้คนงานในคอนโดนำเสื้อผ้าไปซักอบรีดให้เสร็จในวันนี้ช่วงเย็น ถึงจะต้องเสียค่าบริการให้กับคอนโดไม่น้อย แต่ซูหนิงจิงยอมจ่ายเพื่อความสะดวกสบายมากกว่าที่จะต้องทำเองกู่ซิงที่แน่ใจแล้วว่าซูหนิงจิงไม่ธรรมดาจริง ๆ ขนาดเรื่องแค่การซักอบรีดผ้านั้นเธอยังจ้างคนของคอนโดแทนการทำเองเหมือนตอนอยู่ก้านโจว เธอไม่นึกแปลกใจที่ทำไมซูหนิงจิงจึงซื้อคอนโดนี้ เพราะมีบริการหลายอย่างให้กับผู้อาศัยด้วยนี่เองกู่ซิงที่สอนซูหนิงเซียวโพสท่าและเดินแบบในวันนี้ก็พอใจอย่างยิ่งที่ซูหนิงเซียวทำออกมาได้ดีมาก อย่างที่เธอไม่คิดว่าคนที่ไม่เคยเรียนมาก่อนสามารถทำได้ดีถึงขนาดนี้ งานในวันพรุ่งนี้จึ
หลังออกจากร้านเครื่องประดับและไปต่อที่ร้านเครื่องสำอางแล้ว ซูหนิงจิงก็สอบถามกู่ซิงว่าเธอต้องการซื้ออะไรหรือไม่“ฉันไม่มีอะไรต้องซื้อตอนนี้ค่ะ นี่ก็เกือบสามทุ่มแล้ว ดิฉันว่าเรากลับกันดีกว่านะคะ”“อืม… ดิฉันขอแวะซูเปอร์มาร์เก็ตสักครู่ได้ไหมคะ เพราะเราจะได้ซื้อวัตถุดิบเอาไว้ทำอาหารที่คอนโดวันพรุ่งนี้เช้าได้บ้าง”“ตกลงค่ะ คุณซูเดินนำไปได้เลยค่ะ”ซูหนิงจิงพยักหน้ารับคำกู่ซิงและเดินไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ชั้นหนึ่งทันที เธอรู้ดีว่าห้างแต่ละห้างส่วนใหญ่แบบแปลนแทบจะไม่ต่างกันสำหรับการวางสินค้าแต่ละอย่าง จึงทำให้เธอไม่ต้องเสียเวลาเดินหานานนักกว่าที่ซูหนิงจิงจะซื้อของเสร็จก็สามทุ่มครึ่งพอดี เธอรีบนำของในรถเข็นไปจ่ายเงินเพราะอีกไม่นานห้างก็จะปิดแล้ว หลังจ่ายเงินเสร็จเธอก็ชวนกู่ซิงกับลูกสาวไปขึ้นลิฟท์เพื่อกลับไปยังชั้น 4 ที่เธอจอดรถเอาไว้เมื่อทั้งสามคนไปถึงรถแล้ว
เมื่อซื้อกระเป๋ากับรองเท้าเสร็จแล้ว กู่ซิงกับซูหนิงเซียวต่างช่วยกันถือถุงใส่ของมากมายเอาไว้กันคนละไม้คนละมือ ส่วนซูหนิงจิงนั้นยังคงเดินนำทั้งสองคนไปร้านนาฬิกาและร้านจิวเวลรี่ต่ออย่างไม่ให้เสียเวลา นานมากแล้วที่ซูหนิงจิงไม่ได้ซื้อของพวกนี้ให้กับลูกเลย“แม่คะ แม่ยังจะซื้อของให้หนูอีกเหรอคะ แค่นี้แม่ก็หมดไปเยอะแล้วนะคะ”“ลูกอย่าห่วงเงินในกระเป๋าแม่เลยน่า นานมากแล้วที่แม่ไม่ได้ซื้อของดี ๆ ให้ลูกใช้นะ มาลองนาฬิกาดูสิว่าพอดีกับแขนลูกหรือเปล่า”ซูหนิงจิงชี้บอกพนักงานให้นำนาฬิกาสามเรือนมาให้ซูหนิงเซียวลองใส่ดู ซึ่งพอลองสวมดูแล้วก็พบว่ามีเพียงเรือนเดียวที่เข้ากับข้อมือของเธอได้พอดีและรูปแบบของนาฬิกาก็ไม่ดูหรูหราเกินไปนัก ซูหนิงเซียวจึงบอกแม่ว่าเธอจะเอาเรือนนี้ซูหนิงจิงยิ้มให้กับลูกสาวที่สายตาไม่เลว เธอให้พนักงานนำนาฬิกาไปคิดเงินทันที ซูหนิงเซียวมารู้ว่านาฬิกาเล็ก ๆ ที่เธอเลือกราคาเกือบสามล้านหยวนก็ตอนที่แม่เธอสแกนจ่ายเงินไปเสียแล้ว เธอได
มื้อนี้ซูหนิงเซียวชวนทั้งสองคนทานชาบูซึ่งมีผักให้ลูกสาวเธอได้กินอย่างที่ชอบ เพราะเธอสองคนแม่ลูกนั้นชอบกินอาหารที่ไม่หนักท้องแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร กู่ซิงที่มักจะกินอาหารจานเดียวเองก็ต้องปรับตัว เมื่อได้ที่นั่งแล้วซูหนิงจิงก็บอกให้กู่ซิงสั่งได้ตามสบาย ส่วนเธอกับลูกก็สั่งอาหารอย่างเคยชินไม่นานนักพนักงานก็มารับออเดอร์และนำอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟพร้อมน้ำซุปกาใหญ่ ซูหนิงเซียวกับซูหนิงจิงช่วยกันนำผักและเนื้อลงในหม้ออย่างรวดเร็ว กู่ซิงเองก็ช่วยด้วยเช่นเดียวกัน เธอสั่งพวกลูกชิ้นที่เธอชอบกับเนื้อหลายอย่างทีเดียวทั้งสามคนกินไปด้วยคุยกันไปด้วยอย่างไม่เร่งรีบ เพราะที่พักของพวกเธอนั้นอยู่ไม่ไกลจากห้างแห่งนี้ซึ่งสะดวกมากในการเดินทาง“งานวันมะรืนนี้ของหนิงเซียวเป็นงานถ่ายแบบเกี่ยวกับอะไรคะคุณกู่”“เป็นงานถ่ายแบบเสื้อผ้าแบรนด์ของเพื่อนดิฉันเองค่ะ เธอกำลังหานางแบบหน้าใหม่อยู่พอดี ดิฉันส่งรูปของหนิงเซียวให้เธอดู เธอเลยขอคิวสำหรับการถ่ายแบบเสื้อผ้าคอลเลคชั่น
หลังเติมน้ำมันเต็มถังทุกคันแล้ว ซูหนิงจิงก็ขับนำรถของกู่ซิงและรถขนของไปอย่างไม่เร็วนัก เพราะเธอรู้ดีว่าอีกสามชั่วโมงจะต้องแวะพักเติมน้ำมันกันอีกครั้งและหาอาหารเที่ยงกินกันเสียก่อนกู่ซิงที่เห็นการจัดการของซูหนิงจิงตั้งแต่เช้าวันนี้ รวมทั้งเสื้อผ้าหน้าผมที่ซูหนิงจิงแต่งกายเหมือนกับนักธุรกิจ เธอจึงเพิ่งรู้ว่าซูหนิงจิงน่าจะเคยบริหารงานใหญ่มาก่อนเป็นแน่ หากคนไม่มีประสบการณ์มากมาย คงไม่สามารถจัดการเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วอย่างนี้แน่ ทำให้กู่ซิงยิ่งนับถือซูหนิงจิงมากขึ้นไปอีกกว่าที่ขบวนรถทั้งสามคันจะไปถึงคอนโดใหม่ของซูหนิงจิงก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว ซูหนิงจิงให้คนขนของรอก่อน เพราะเธอยังต้องรีบทำเรื่องซื้อขายห้องให้เรียบร้อยก่อนให้พวกเขายกของขึ้นไปให้พวกเธอแม่ลูก แน่นอนว่าระหว่างทางนั้นซูหนิงจิงโทรแจ้งทางผู้จัดการคอนโดล่วงหน้าแล้วว่ากำลังจะเข้าไปเมื่อไปถึงคอนโดขนาดใหญ่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเปี่ยวเซียน กู่ซิงถึงกับตกตะลึง เธอไม่คิดว่าซูหนิงจิงจะมีเงินมากขนาดสามารถซื้อห้องชุดของคอนโดหร
ซูหนิงจิงเลี้ยวรถเข้าไปในโชว์รูมเบนซ์ทันที ซูหนิงเซียวเองก็เคยชินกับรถยี่ห้อนี้ที่แม่เธอใช้มานานสิบกว่าปีแล้วจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่ารถแต่ละยี่ห้อต่างกันตรงไหนและราคาเท่าไหร่ซูหนิงจิงชวนลูกลงจากรถและเข้าไปภายในโชว์รูมที่มีพนักงานรอต้อนรับอยู่สองสามคน วันนี้ซูหนิงจิงแต่งตัวเหมือนนักธุรกิจและแต่งหน้าเล็กน้อย เพราะรู้ว่าเธอต้องมาติดต่อเรื่องรถ ไม่อย่างนั้นบรรดาพนักงานในโชว์รูมคงดูถูกแน่“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบวันนี้คุณลูกค้าต้องการรถแบบไหนคะ”“ดิฉันต้องการรถตู้แบบ 8 ที่นั่งค่ะ มีรุ่นไหนมาใหม่บ้างไหมคะ”“ตอนนี้มีนำเข้ามาไม่กี่รุ่นเท่านั้นค่ะ เดี๋ยวดิฉันพาคุณลูกค้าไปดูรถเลยนะคะ”“คุณนำไปได้เลยค่ะ ขอเพียงแค่รถไม่เทอะทะมากและมีระบบความปลอดภัยดีหน่อย ดิฉันก็พอใจแล้วค่ะ”“อืม… ถ้าคุณลูกค้าต้องการรถที่ไม่เทอะทะมาก ดิฉันอยากแนะ
ช่วงเย็นหลังสอบเสร็จวันสุดท้าย ซูหนิงเซียวเล่าให้แม่ฟังว่าเธอทำข้อสอบได้ไม่ยากอย่างที่กังวลตอนแรก และมั่นใจว่าจะสามารถเข้าเรียนที่เปี่ยวเซียนได้อย่างแน่นอนในระหว่างทานอาหารเย็น“รอผลสอบออกมาก่อนค่อยว่ากันก็ยังไม่สายนะลูก แล้วนี่ต้องรออีกนานไหมกว่าจะประกาศผลสอบของลูก”“ประมาณสองสัปดาห์ค่ะแม่ ตอนนี้หนูไม่ต้องไปโรงเรียนแล้วด้วย ส่วนผลสอบก็สามารถดูผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้ค่ะ แต่หนูคงไปดูพร้อมเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนดีกว่า เพราะยังต้องยื่นเรื่องมหาวิทยาลัยที่ต้องการหลังทราบคะแนนแล้วด้วยค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่ลูกจ๊ะ ไปดูกับเพื่อน ๆ ก็ดีเหมือนกัน เพราะหลังจากนี้ต่างคนก็ต่างต้องแยกย้ายกันไปเรียนตามเมืองอื่น ๆ แล้ว”“นั่นสิคะแม่ หนูต้องคิดถึงเพื่อนมากแน่เลย แต่แค่ได้อยู่กับแม่ หนูก็พอใจแล้วค่ะ”ซูหนิงจิงลูบหัวลูกสาวพร้อมหัวเราะเบา ๆ กับเด็กติดแม่อย่างซูหนิงเซียว หลังทานอาหารเย็นกันเสร็จแล
หลังจากคุยกันจบแล้ว กู่ซิงก็ขอตัวกลับเพื่อให้สองแม่ลูกได้จัดการร้านต่อเพราะยังมีลูกค้าเข้าร้านมาเรื่อย ๆ ในวันหยุดเช่นนี้ ซูหนิงจิงและซูหนิงเซียวจึงบอกลากู่ซิงแล้วรีบไปทำชานมไข่มุกให้กับลูกค้า สองคนแม่ลูกต่างช่วยกันทำและนำไปส่งที่โต๊ะลูกค้าที่น่าจะเพิ่งเรียนพิเศษเสร็จช่วงสามเดือนก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในจังหวัด ซูหนิงเซียวอ่านหนังสือหนักมากเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการสอบครั้งนี้ เธอที่ไม่ชอบเรียนพิเศษจำเป็นจะต้องเรียนด้วยตัวเองมาตั้งแต่ ม.ต้น เพื่อจะได้มีเวลาช่วยงานแม่ที่ร้าน ซึ่งซูหนิงจิงก็รู้เรื่องนี้มาตลอด เธอไม่ห้ามหากผลการเรียนของลูกสาวยังดีอยู่อย่างสม่ำเสมอตลอดสิบปีที่ผ่านมาหนึ่งวันก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซูหนิงเซียวพักจากการอ่านหนังสือเพื่อให้สมองได้พักผ่อนบ้าง หลังจากที่โหมอ่านมาตลอดเวลาสามเดือน ซึ่งครั้งนี้เธอมั่นใจมากว่าจะสอบผ่านและได้เข้ามหาวิทยาลัยที่เธอต้องการในวันสอบ ซูหนิงจิงหอมแก้มพร้อมกับกอดให้กำลังใจลูกสาวที่ต้องสอบในวันนี้ เธอรู้ดีว่าลูกต้องกดดันไม่น้อ
กู่ซิงที่เห็นซูหนิงเซียวหลังจากแต่งหน้าทำผมให้เข้ากับชุดที่เธอเลือกให้ก็ถึงกับตกตะลึงเช่นเดียวกัน นับว่าเธอคิดไม่ผิดที่เลือกซูหนิงเซียวแต่แรก“เอาล่ะ แต่งตัวเสร็จแล้วรีบไปถ่ายกันเถอะค่ะ ยังเหลืออีกหลายชุดกว่าจะเสร็จ”“ตกลงค่ะคุณป้ากู่”ซูหนิงเซียวรีบตอบรับป้ากู่ที่พาเธอมาแปลงโฉมในวันนี้ เธอตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดตามที่ป้ากู่แนะนำระหว่างทางมาสตูดิโอนี้ ส่วนซูหนิงจิงเองก็เดินตามไปดูลูกถ่ายแบบครั้งแรกเช่นเดียวกันฉากที่เซ็ตเอาไว้ให้เข้ากับชุดเดรสเปิดไหล่ลายดอกไม้ดูสดใสเข้ากับการแต่งหน้าบาง ๆ และทรงผมที่เข้ากับวัยของซูหนิงเซียว ทำให้เจ้าของสตูดิโอพอใจไม่น้อย เธอบอกให้ซูหนิงเซียวลองโพสท่าเองก่อน หากมีตรงไหนที่ต้องปรับแก้ เธอจะบอกเอง ซึ่งซูหนิงเซียวสามารถแสดงสีหน้าและท่าทางออกมาได้ดีแทบทุกท่าตามที่กู่ซิงสอนอย่างไม่ผิดเพี้ยน ทำเอาเจ้าของสตูดิโอรีบเก็บภาพสวย ๆ แทบไม่ทัน กระทั่งถ่ายได้เกือบยี่สิบภาพ เจ้าของสตูดิโอก็สั่งให้ซูหนิงเซียวหยุดและ