Share

บทที่ 7

Author: คุณชายชุดหิมะ
last update Last Updated: 2025-01-14 14:01:19
หรูเยว่ที่มีนิสัยตรงไปตรงมา เมื่อเห็นอวิ๋นหลิงถูกสองบุรุษสตรีคู่นี้รังแก นางไม่อาจระงับความโกรธในใจได้ จึงเข้ามาขวางไว้โดยไม่ลังเล

นางไม่รู้สึกสำนึกผิดแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามยังเชิดหน้าชูคอ น้ำเสียงของนางหนักแน่น “แม้ข้าจะเป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อย แต่ก็รู้ดีถึงหลักการเป็นคน ข้าไม่มีวันลบหลู่อื่นโดยไร้เหตุผล แต่ท่านในฐานะองค์หญิงที่ไปสมรสเชื่อมสัมพันธ์ กลับมาพัวพันกับแม่ทัพที่มีภรรยาแล้ว การที่ท่านแม่ทัพกู้ปรากฏตัวในรถม้าของท่านเช่นนี้ คนที่ไม่รู้คงคิดว่าท่านสมรสกันแล้วกระมัง…”

ยังไม่ทันที่หรูเยว่จะพูดจบ เสียงตบดังสนั่นก็ดังขึ้น

กู้ว่างจือตบเข้าที่ใบหน้าของหรูเยว่จนมุมปากของนางมีเลือดซึมออกมา เขามองอวิ๋นหลิงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าปล่อยให้สาวใช้หยาบคายเช่นนี้ นี่หรือคือการอบรมของเจ้า?”

อวิ๋นหลิงไม่สนใจที่จะต่อว่า แต่รีบเข้าไปเช็ดเลือดบนใบหน้าของหรูเยว่ด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าของนางบวมแดง

มือที่เคยถือดาบฟันศัตรู บัดนี้กลับกลายเป็นมือที่ทำร้ายสตรี!

ความโกรธ ความเสียใจ ทุกสิ่งประดังเข้ามา อวิ๋นหลิงเต็มไปด้วยความผิดหวัง นางตบหน้ากู้ว่างจือกลับอย่างแรง

“กู้ว่างจือ คนของข้า ข้าจะสั่งสอนเอง! เจ้าไม่มีสิทธิ์มาลงมือกับนาง!”

เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์เริ่มบานปลาย

กู้ว่างจือไม่คาดคิดว่าอวิ๋นหลิงจะกล้าตบหน้าเขาต่อหน้าคนมากมาย โดยเฉพาะที่หน้าประตูวังซึ่งมีผู้คนจับจ้องอยู่

แน่นอนว่าเขาเองก็บุ่มบ่ามเกินไป เรื่องนี้สามารถไปพูดคุยกันในบ้านได้ แต่เขากลับปล่อยให้อารมณ์โกรธเข้าครอบงำจนลงมือเช่นนี้…

แต่ทว่าใบหน้าของบุรุษจะปล่อยให้สตรีตบเช่นนี้ได้อย่างไร? เขาไม่เอาศักดิ์ศรีแล้วหรือไร?

ในขณะที่กู้ว่างจือเตรียมยกมือขึ้นเพื่อตอบโต้ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากรถม้าที่อยู่ไม่ไกล “แม่ทัพกู้ นี่ก็มืดค่ำแล้ว เรื่องในครอบครัวเช่นนี้ควรเก็บไว้คุยกันในบ้าน หากมัวยืนทะเลาะกันอยู่ที่นี่ จะไม่เป็นการขวางทางผู้คนที่กำลังเดินทางกลับบ้านหรือ?” เสียงนั้นมาจากชายในรถม้าซึ่งดูเหมือนจะชมเหตุการณ์มานานแล้ว

ชายผู้นั้นก้าวลงจากรถม้าอย่างสง่างาม กิริยาท่าทางเปี่ยมด้วยความสูงส่ง ทุกอิริยาบถล้วนเผยให้เห็นถึงความมีศักดิ์ศรีและน่าเกรงขาม เสียงพูดของเขาทุ้มต่ำและมีพลัง แต่แฝงด้วยความหยิ่งทะนงราวกับเป็นเทพเจ้าผู้ไม่อาจล่วงละเมิดได้

ฉินอ๋องเซียวอวี้?

ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างรีบคำนับพร้อมกล่าวคำถวายพระพร

เซียวอวี้มองไปยังอวิ๋นหลิงอย่างแน่วแน่ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “แม่ทัพกู้ องค์หญิงหมิงหยาง พวกท่านต่างก็เป็นผู้มีเกียรติ มีความดีความชอบ แต่มาโต้เถียงกับสตรีในเรือนหลัง?”

อวิ๋นหลิงรู้สึกถึงสายตาร้อนแรงจ้องมองมา นางเงยหน้าขึ้นค้นหา แต่ก็ไม่พบใคร

กู้ว่างจือก้มหน้าลงด้วยความเคารพ กล่าวอย่างนอบน้อม “เรื่องในวันนี้ เป็นความผิดของข้าเอง ข้ามาคุยเรื่องการพระราชทานสมรสกับภรรยา แต่กลับทำให้ฉินอ๋องต้องมาพัวพัน ข้าน้อมรับผิดและขออภัย”

คุยหรือ? ช่างน่าขันยิ่งนัก! การใส่ความผู้อื่นแล้วแสร้งทำเป็นมีเหตุผล ช่างเสแสร้งสิ้นดี!"

“ฝ่าบาท หมิงหยางเสียมารยาท…”

“เจ้ารู้ตัวว่าเสียมารยาทด้วยหรือ? อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีสำนึกบ้าง พวกเจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าแม่ทัพอวิ๋นเสียสละชีวิตในสนามรบ? และพวกเจ้าก็คงรู้ว่ากู้ฮูหยินกำลังโศกเศร้า? แล้วเหตุใดจึงต้องเร่งรัดการสมรสในยามนี้ด้วย?” เซียวอวี้ยืนกอดอกอย่างสงบนิ่ง น้ำเสียงเรียบเรื่อยดั่งสายลม แต่ทุกคำพูดล้วนทิ่มแทงเข้าไปถึงขั้วปอดของผู้ฟัง

ซุนหลิงฮว่าเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าเปลี่ยนสีไปมา แต่สุดท้ายก็พูดอะไรไม่ออก

เซียวอวี้หันไปมองกู้ว่างจือด้วยสายตาที่แฝงความเย้ยหยัน ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งแต่ทรงอำนาจ “กู้ว่างจือ เจ้าคือหลานขององค์หญิงหนานหยางเสด็จป้าของข้า หากนับตามลำดับศักดิ์แล้ว เจ้าควรเรียกข้าว่าเสด็จอาใช่หรือไม่?”

แม้ว่ากู้ว่างจือจะมีอายุเท่ากับเซียวอวี้ แต่ตามกฎของราชวงศ์ ลำดับศักดิ์ต้องชัดเจน “ใช่ ว่างจือขอคารวะเสด็จอา” แม้ว่าน้ำเสียงจะฟังดูไม่เต็มใจนัก แต่ก็ไม่แย่นัก

สายตาของเขามองไปยังอวิ๋นหลิงที่มีร่างผอมบาง น้ำเสียงอ่อนโยนลงหลายส่วน “กู้ฮูหยิน พี่ชายของท่านสละชีวิตเพื่อแคว้นต้าฉี เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าที่ไม่อาจปกป้องแม่ทัพยอดฝีมือแห่งต้าฉีได้ ข้าบกพร่องในหน้าที่”

ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้อวิ๋นหลิงน้ำตาคลอเบ้า

แม้แต่กู้ว่างจือในฐานะสามีก็ไม่เคยกล่าวคำเช่นนี้กับนาง แต่เซียวอวี้ ผู้สูงศักดิ์กลับทำเช่นนั้น

น้ำเสียงของอวิ๋นหลิงสั่นเทา ฝืนตอบออกไปว่า “ฝ่าบาทกล่าวเกินไปแล้ว การที่พี่ชายของหม่อมฉันสละชีวิตเพื่อแคว้นต้าฉี เหตุการณ์นี้สร้างความเศร้าสะเทือนใจให้แก่ตระกูลอวิ๋นโดยทั่ว แต่ตระกูลอวิ๋นของเรายึดมั่นในความซื่อสัตย์และความกล้าหาญมาตั้งแต่โบราณ การที่พี่ชายได้พลีชีพเพื่อต้าฉี ถือเป็นเกียรติของเขา และยังเป็นเกียรติสูงสุดของตระกูลอวิ๋นของเราด้วย"

เซียวอวี้มองนางด้วยสายตาลึกซึ้ง ก่อนกล่าวต่อ “กู้ฮูหยิน ขอให้ท่านรักษากำลังใจไว้ หากมีเรื่องใดที่ลำบากใจ จงมาพบข้า ข้าจะช่วยเหลือท่านเต็มกำลังในฐานะที่พี่ชายของท่านเคยกระทำเพื่อแคว้น”

อวิ๋นหลิงโค้งคำนับอีกครั้ง “ขอบพระทัยท่านอ๋อง หม่อมฉันซาบซึ้งใจยิ่งนัก”

“เอาเถอะ ดึกแล้ว ข้าขอตัวก่อน” เซียวอวี้หันหลังกลับพร้อมกล่าว

ผู้คนเบื้องหลังต่างคารวะส่งเสด แต่เขากลับไม่เหลียวมองแม้เพียงครั้งเดียว

หลังจากการตักเตือนของเซียวอวี้ กู้ว่างจือและอวิ๋นหลิงต้องกลับจวนพร้อมกัน โดยที่ซุนหลิงฮว่าถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

เมื่อรถม้าของพวกเขาเคลื่อนตัวออกไป ซุนหลิงฮว่ากล่าวเบาๆ ด้วยความไม่พอใจ “คนที่ตายไปแล้ว จะมีความสำคัญมากกว่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างนั้นหรือ?”

การปรากฏตัวของเซียวอวี้เป็นสิ่งที่ใครก็ไม่คาดคิดมาก่อน

บนรถม้า กู้ว่างจือเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “หลิงเอ๋อร์ ข้าลืมไปว่าเจ้ากำลังโศกเศร้า พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้ากลับจวนโหวไปเคารพศพท่านพี่ พรุ่งนี้เป็นวันส่งศพแล้วใช่หรือไม่?”

อวิ๋นหลิงมองกู้ว่างจือด้วยความไม่อยากเชื่อ แต่ปฏิเสธอย่างชัดเจน “ท่านเพิ่งกลับมา ยุ่งกับภารกิจราชการและเตรียมการสมรส พรุ่งนี้ ข้าไปคนเดียวก็พอ ไม่ต้องลำบากท่าน”

กู้ว่างจือไม่คู่ควรที่จะมาร่วมไว้อาลัยท่านพี่ คนที่หักหลังนางเช่นนั้น ท่านพี่ย่อมไม่อยากเห็นหน้าเขาแน่

หากท่านพี่มีชีวิตรอดกลับมา เขาไม่มีวันยอมให้กู้ว่างจือแต่งภรรยาเอกอย่างแน่นอน อีกทั้งเขายังต้องยืนหยัดเพื่อปกป้องนาง และพานางกลับสู่ตระกูลอวิ๋นด้วยตัวเองแล้ว

กู้ว่างจือขมวดคิ้ว “หลิงเอ๋อร์ เจ้าอย่าเอาแต่ใจไปเลย เจ้าจะโกรธไปอีกนานแค่ไหน? ฝ่าบาทเลื่อนการพระราชทานสมรสเพื่อเห็นแก่เจ้า เจ้ายังมีอะไรไม่พอใจอีก? เมื่อครู่นี้ฉินอ๋องเพียงแค่พูดเป็นมารยาทไปเท่านั้น เจ้าคงไม่คิดว่าเขาจะช่วยเจ้าจริงๆ หรอกใช่หรือไม่?”

อวิ๋นหลิงเพียงตอบอืมเบาๆ ไม่อธิบาย ไม่ตอบรับใดๆ

นางไม่อยากพูดคุยกับกู้ว่างจืออีกต่อไป

คำพูดของเซียวอวี้ แม้จะฟังดูเป็นทางการ แต่กลับอบอุ่นหัวใจ

ในที่สุดก็มาถึงจวนจวิ้นอ๋อง นี่เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นหลิงรู้สึกว่าเป็นระยะทางที่ยาวนานมาก

นางลงจากรถม้าและเดินกลับไปยังเรือนของตน ทิ้งเพียงเงาหลังที่บางเบาไว้ให้กู้ว่างจือมองตาม

รุ่งเช้า พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น แต่แสงแห่งดวงดาวก็ซีดจางลงราวกับกำลังโศกเศร้ากับบรรยากาศที่เงียบเหงาของจวนอันหยางโหว

อวิ๋นหลิงมาถึงจวนแต่เช้าตรู่ พี่ชายของนางเสียชีวิตในวัยเพียงยี่สิบห้าปี เป็นบุรุษผู้กล้าหาญ แต่คืนนี้กลับไม่มีใครเฝ้าหลุมศพ ใบหน้าของนางไร้น้ำตา แต่ดวงตาที่แดงก่ำกลับเผยให้เห็นถึงความเศร้าโศกอันไร้ขีดจำกัด

นางสวมชุดขาวสะอาด ราวกับรวมเป็นหนึ่งเดียวกับท้องฟ้าที่มืดครึ้ม ท่ามกลางลมเย็นที่พัดผ่าน ทำให้เสื้อของนางปลิวไสว ยิ่งทำให้นางดูโดดเดี่ยวและเศร้าโศก

อวิ๋นหลิงยืนนิ่งอยู่หน้าหีบศพของพี่ชาย นัยน์ตาของนางว่างเปล่าแต่ล้ำลึก ราวกับมองทะลุผ่านกาลเวลา เห็นภาพช่วงชีวิตของพี่ชายในอดีต ความโศกเศร้าและความอาลัยอาวรณ์ท่วมท้นอยู่ในใจ แต่นางกลับพยายามข่มกลั้นอารมณ์ ไม่ยอมให้หยาดน้ำตาไหลรินลงมา

แสงอรุณค่อยๆ แหวกผ่านกลุ่มเมฆ ผู้คนในจวนโหวเริ่มขยับเคลื่อนไหวกันอีกครั้ง พ่อบ้านหวังเดินไปมาพลางออกคำสั่ง เตรียมการสำหรับพิธีส่งศพอย่างเร่งรีบ

“ทุกคนเร่งมือหน่อย คุณชายเสียสละเพื่อแคว้นต้าฉี เป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์และแม่ทัพผู้เกรียงไกร อย่าได้เกียจคร้าน…”

Related chapters

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 8

    “เงินไม่พอจริงๆ พ่อบ้านหวัง นายท่านรองเอาเงินค่าชดเชยของแม่ทัพอวิ๋นไปหมดแล้ว”“ใช่ ไม่ใช่เพราะพวกเราทำงานช้า แต่เพราะขาดแคลนกำลังคนและขาดเงินต่างหาก”อวิ๋นหลิงรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมา นางเตรียมตัวจะออกไปช่วยแก้ปัญหา แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น“ขาดเงินเท่าไร ขาดคนเท่าไร? ข้าจ่ายเอง”เซียวอวี้?อวิ๋นหลิงชะงักไป ไม่กล้าขยับตัว ได้ยินเสียงพ่อบ้านหวังนำคนทั้งหมดคุกเข่าลงพร้อมกล่าวคำถวายพระพรเซียวอวี้ออกคำสั่งเสียงเรียบ “พวกเจ้าช่วยกันจัดพิธีศพให้เสร็จโดยเร็ว อย่าให้ล่าช้า”ดูเหมือนเขาจะพาคนมาด้วย เพราะภายนอกเริ่มมีเสียงคึกคักขึ้นอวิ๋นหลิงคุกเข่าอยู่บนเบาะ ไม่กล้าขยับ ในห้องศพมีประตูเพียงบานเดียว หากนางออกไปตอนนี้อาจดูไม่เหมาะสม นางตั้งใจมาเงียบๆ ไม่อยากให้ใครรู้พ่อบ้านหวังทำความเคารพเซียวอวี้ด้วยท่าทีสุภาพ “ฉินอ๋อง เชิญเสด็จไปที่ห้องรับรอง มีน้ำชาร้อนๆ เตรียมไว้ให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ต้อง พวกเจ้าไปทำธุระต่อเถอะ ข้าอยากไปดูแม่ทัพอวิ๋นเสียหน่อย”เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวิ๋นหลิงก็รีบคุกเข่าลงอีกครั้ง คอยอย่างเรียบร้อย ไม่นานนัก นางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้นางลุกขึ้นยืนและกำลังจ

    Last Updated : 2025-01-14
  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 9

    อวิ๋นหลิงก้าวเดินอย่างสงบนิ่ง พลางเดินพลางกล่าวปลอบหรูเมิ่งว่า “อย่าตื่นตระหนกไป สิ่งที่ควรมาย่อมมา ไม่ช้าก็เร็ว ปล่อยใจให้สบายเถิด”หรูเมิ่งยังคงตื่นตระหนก นางตามอยู่ด้านหลังอวิ๋นหลิง สีหน้าซีดเซียว กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า “คุณหนูใหญ่ป่วยหนักจนลุกจากเตียงไม่ได้อีกแล้ว พระชายาจวิ้นอ๋องก็โกรธเกรี้ยวเป็นฟืนเป็นไฟ...”“อืม หยุดยาไปสามวันแล้ว พวกเขาก็ควรจะร้อนรนได้แล้ว”เมื่อกลับถึงจวนจวิ้นอ๋อง อวิ๋นหลิงยังคงสวมชุดไว้ทุกข์ ไม่ได้เปลี่ยน นางรู้ดีว่าภารกิจครั้งนี้มาเพื่อสิ่งใด จึงเดินตรงไปยังเรือนของชายาจวิ้นอ๋อง หวังฉิงทันทีทันทีที่ก้าวเข้าสู่ลานเรือน อวิ๋นหลิงก็เห็นชายาจวิ้นอ๋อง หวังฉิงนั่งอยู่ในห้องโถง สีหน้าเคร่งขรึมเมื่อหวังฉิงเห็นอวิ๋นหลิงเข้ามา ความไม่พอใจก็ฉายชัดบนใบหน้า นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรว่า “ว่างจือเพิ่งได้รับชัยชนะกลับมาจากสนามรบ และกำลังจะอภิเษกกับองค์หญิงหมิงหยาง นี่เป็นเรื่องน่ายินดี แต่เจ้าใส่ชุดไว้ทุกข์เช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร?”อวิ๋นหลิงเผชิญหน้ากับคำถามของชายาจวิ้นอ๋องอย่างสงบนิ่ง นางทำความเคารพก่อนจะตอบกลับ “ท่านแม่ วันนี้เป็นวันส่งศพพี่ชายที่เสียช

    Last Updated : 2025-01-14
  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 10

    กู้ว่างจือกำลังดื่มด่ำอยู่กับความหวานชื่นระหว่างเขาและซุนหลิงฮว่า แต่กลับถูกขัดจังหวะ สาวใช้เข้ามารายงานว่าชายาจวิ้นอ๋องให้กู้ว่างจือรีบกลับจวนโดยด่วนซุนหลิงฮว่าแสดงความไม่พอใจทันที นางออดอ้อนว่า “ว่างจือ ต้องเป็นพี่หญิงอวิ๋นส่งคนมาเรียกท่านแน่ๆ นางไม่ยอมรับข้าเลย เมื่อวานนางยังขู่ท่านด้วยการพูดเรื่องหย่าอีก จะทำอย่างไรดี?”กู้ว่างจือลูบหลังมือนางเบาๆ กล่าวปลอบโยนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นางเพียงโศกเศร้าจากการสูญเสียพี่ชาย ไม่ได้มีเจตนาต่อต้านเจ้า ข้าต้องกลับจวน เพราะท่านแม่เรียกหา อาจมีเรื่องด่วนก็เป็นได้”ซุนหลิงฮว่าไม่ยอมปล่อยมือจากเขา “แต่…เรื่องสมรสของเราจะทำอย่างไรดี? ไม่รู้ต้องรออีกนานเท่าไรจึงจะได้สมรสกัน ฉินอ๋องเป็นเสด็จอาของท่านไม่ใช่หรือ? ตามหลักแล้วควรอยู่ข้างท่าน แต่เหตุใดเมื่อวานเขาถึงปกป้องพี่หญิงอวิ๋นล่ะ?”กู้ว่างจือถอนหายใจ “เจ้าอย่าคิดมาก ฉินอ๋องปกป้องอวิ๋นหลิงเพราะเขาเคยร่วมรบกับพี่ชายของนาง เขาเพียงรู้สึกผิดที่พี่ชายของนางต้องสละชีวิต อย่ากังวลไปเลย”ทว่ากู้ว่างจือยังไม่ได้กลับจวน นางรับใช้ก็มาเร่งอีกครั้ง เขาจึงต้องรีบจากไปเมื่อกลับถึงจวน กู้ว่างจือเห็นกู้หยิงห

    Last Updated : 2025-01-14
  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 11

    “ใช่ เข้าวัง”อวิ๋นหลิงยื่นจดหมายขอเข้าเฝ้าด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวล นางเองก็ไม่มั่นใจนัก สิ่งที่ทำไปล้วนเป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าอาจจะมีโอกาสไทเฮาจะยังระลึกถึงบุญคุณในอดีต และเต็มใจจะพบหน้านางหรือไม่ อวิ๋นหลิงไม่อาจแน่ใจได้เลยท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลอวิ๋นในตอนนี้เหลือคนอยู่น้อยเต็มที ทั้งยังตกอยู่ในสภาพไร้ที่พึ่งพิง ท่ามกลางสายตาผู้คนภายนอกที่ล้วนจับจ้อง บางคนถึงกับคอยดูความล่มสลายของตระกูลด้วยความสะใจขณะที่รถม้าแล่นผ่านตลาดที่คึกคัก อวิ๋นหลิงอดไม่ได้ที่จะเปิดม่านขึ้นเล็กน้อย นางมองดูผู้คนที่เดินขวักไขว่ และสินค้าที่วางขายอย่างละลานตา ภาพความครึกครื้นภายนอกทำให้หัวใจของนางรู้สึกแปลกแยกและห่างเหินนางเผลอยิ้มบางๆ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ พร้อมครุ่นคิดในใจ (หลายปีที่ผ่านมาตนมัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องต่างๆ จนลืมที่จะใช้ชีวิต ไม่รู้เลยว่าได้พลาดสิ่งสวยงามในชีวิตไปมากมายเพียงใด)ตลอดสามปีที่อยู่ในจวนหนานหยางจวิ้นอ๋อง อวิ๋นหลิงรู้สึกประหนึ่งผ่านพ้นความทุกข์ทรมานทั้งชีวิต ยามนี้เมื่อหวนนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้น ก็คล้ายกับเป็นเหตุการณ์ในอดีตชาติหรูเยว่หันไปมองอวิ๋นหลิงด้วยความสงสั

    Last Updated : 2025-01-14
  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 12

    วังหลังมิใช่สถานที่ที่จะอยู่ได้นานนักอวิ๋นหลิงเดินออกจากตำหนักอี๋หวาด้วยแววตาอาลัยของพี่หญิงอวิ๋นหรงที่มองตามหลังนางขณะเดินกลับจวน นางบังเอิญได้ยินเสียงพูดคุยของบ่าวรับใช้สองคน“เจ้าได้ยินหรือไม่? ฉินอ๋องของพวกเรานอกจากจะรูปงามแล้วยังมีความเมตตาอีกด้วย” สาวใช้คนหนึ่งพูดเสียงเบา“แน่นอน เขาคือเทพสงครามของแคว้นต้าฉี เขาขับไล่กองทัพแคว้นเป่ยหยวนจนพ่ายแพ้ ไม่ใช่หรือ?” อีกคนเสริมขึ้น“ข้ายังได้ยินอีกว่าไม่กี่วันก่อน มีภรรยาของแม่ทัพคนหนึ่งถูกสามีขับไล่ แต่ภรรยาผู้นั้นกลับไปขอความช่วยเหลือจากฉินอ๋อง…”“หา? ฉินอ๋องจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ? แล้วเรื่องจบลงอย่างไร?”“หลังจากที่ฉินอ๋องสืบสวนความจริง ก็พบว่าแม่ทัพคนนั้นต่างหากที่นอกใจ ฉินอ๋องจึงช่วยให้ทั้งสองหย่าร้างกัน และภรรยาผู้นั้นยังนำสินเดิมไปสมรสใหม่ด้วย”อวิ๋นหลิงได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ นางรู้สึกขำขันในใจนางส่ายศีรษะ และตั้งใจเร่งฝีเท้าเดินต่อ แต่หรูเยว่ที่เดินข้างๆ เอ่ยขึ้น “คุณหนู หรือว่าท่านก็ลองไปขอความช่วยเหลือจากฉินอ๋องดูบ้างดีหรือไม่? สามีของท่านก็เป็นแม่ทัพของเขานะ”อวิ๋นหลิงได้ยินคำนี้ นางนิ่งคิดอยู่ครู่หน

    Last Updated : 2025-01-14
  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 13

    กู้ว่างจือก้าวเข้าไปประชิดตัวอวิ๋นหลิง ก่อนจะยกมือขึ้นบีบลำคออันบอบบางของนางอย่างแรง ดวงตาของเขาฉายแววโหดเหี้ยม "หากข้าหย่าเจ้า เจ้าก็จะกลายเป็นหญิงต้องทิ้ง ไร้ที่พึ่งพิง! บิดาและพี่ชายของเจ้าล้วนสิ้นไปแล้ว ตระกูลอวิ๋นก็ไม่มีวันยอมรับเจ้าอีก เจ้าคิดให้ดีเสียก่อน!"ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วลำคอของอวิ๋นหลิง น้ำตาเอ่อคลออยู่ในดวงตาแต่นางไม่ได้ดิ้นรนใดๆ เพียงจ้องมองกู้ว่างจือด้วยความสงบ รอคอยอย่างอดทน นางอยากรู้ว่าเขาจะกล้าฆ่านางหรือไม่!ในเสี้ยววินาทีนั้น กู้ว่างจือมองเห็นความมุ่งมั่นและความเศร้าโศกที่ลึกจนไม่อาจปิดบังได้ของนาง ความรู้สึกผิดอันแปลกประหลาดแทรกซึมเข้าสู่หัวใจของเขาเขาปล่อยมือออกจากลำคอของนางอย่างฉับพลัน อวิ๋นหลิงทรงตัวไม่ทัน จึงล้มลงไปนั่งกับพื้นอย่างแรง มือของนางเผลอไปกดลงบนเศษกระเบื้องแตก ทำให้เลือดไหลซึมออกมาทันทีนางเพิกเฉยต่อแววรู้สึกผิดที่แวบผ่านในดวงตาของเขา ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "ข้าคิดดีแล้ว หย่าข้าเถอะ กู้ว่างจือ และขอให้ท่านทำตามที่พูดไว้ อย่าได้กลับคำอีก"กู้ว่างจือมองดูฝ่ามือของอวิ๋นหลิงที่มีเลือดไหลอาบ ใจของเขากระตุกแน่น แต่ดวงตากลับเย็นชา

    Last Updated : 2025-01-14
  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 14

    เช้าตรู่ หวังฉิงก็ส่งคนไปเอารายการสินเดิมของอวิ๋นหลิง กระบวนการทั้งหมดราบรื่นอย่างน่าแปลกใจ"ว่าอย่างไรนะ? นางออกไป โดยไม่พูดอะไรเลยนั้นหรือ เพียงแค่ให้สาวใช้หยิบรายการสินเดิมจากโต๊ะมาให้?" หวังฉิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแฝงความสงสัย"ใช่เจ้าค่ะ พระชายาจวิ้นอ๋อง ฮูหยินให้สาวใช้คนสนิทหยิบเอกสารจากบนโต๊ะ แม้บ่าวจะอ่านหนังสือไม่ออก แต่ดูจากลายมือแล้ว เขียนไว้อย่างประณีตเรียบร้อยเจ้าค่ะ" คนรับใช้ที่ถูกส่งไปตอบอย่างเคารพหวังฉิงเปิดดูรายการสินเดิมทีละหน้า สิ่งของบางอย่างที่บันทึกไว้ในเอกสารนั้น นางเคยเห็นในห้องเก็บสมบัติของจวนมาก่อน"ถือว่ารู้จักวางตัวดี!"ในขณะนั้น กู้หยิงหยิงแต่งตัวสวยสดงดงาม นางเดินเข้ามากอดแขนของหวังฉิง พลางถามด้วยความตื่นเต้น "ท่านแม่ ฮองเฮาตกลงจะพบพวกเราหรือไม่เจ้าคะ?"หวังฉิงมองดูบุตรสาวด้วยสายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ "เตรียมรถม้าไว้พร้อมแล้ว เราจะเข้าวังเดี๋ยวนี้เลย"กู้หยิงหยิงยิ้มกว้างด้วยความดีใจ "ข้ารู้อยู่แล้วว่าฮองเฮาต้องยอมพบพวกเราแน่! ท่านแม่ก็เป็นอาของฮองเฮานี่นา"ในขณะเดียวกัน อีกฟากหนึ่ง ภายในรถม้าอีกคันหนึ่ง อวิ๋นหลิงนั่งเงียบๆ ไม่พูดสิ่งใด หรูเยว่ที่น

    Last Updated : 2025-01-14
  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 15

    ซุนหลิงฮว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก นางไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่า กู้ว่างจือจะเดินมาถึงขั้นต้องหย่าภรรยาเช่นนี้นางแสดงสีหน้ากังวล “ว่างจือ ท่านจะหย่าภรรยาจริงหรือ? นางเป็นถึงบุตรีของจวนอันหยางโหว บิดาและพี่ชายของนางล้วนเป็นขุนนางที่ภักดีต่อแคว้น หากท่านทำเช่นนี้ ชื่อเสียงของท่านย่อมได้รับผลกระทบแน่”นางกุมมือกู้ว่างจือไว้แน่น กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พวกอาลักษณ์คงต้องทูลความต่อฝ่าบาท อีกทั้งเหล่าทหารที่เคยเป็นลูกน้องของอวิ๋นอิงก็คงไม่พอใจต่อท่านแน่”กู้ว่างจือสูดลมหายใจลึกและกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้ารู้ถึงผลที่จะตามมา แต่ข้าก็ได้พิจารณามานานแล้ว อวิ๋นหลิงไม่อาจยอมรับเจ้าได้ นางไม่เคยปฏิบัติต่อท่านแม่ด้วยความเคารพ และที่เลวร้ายที่สุดคือนางใช้ชีวิตของซูซูมาข่มขู่ข้า นางยังเข้าวังหลายครั้งเพื่อขอให้ไทเฮาและกุ้ยเฟยขัดขวางการสมรสของเรา หลิงฮว่า ข้าคิดมานานแล้ว การหย่าภรรยาครั้งนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อให้นางไม่เข้ามาแทรกแซงชีวิตของเราอีก เมื่อข้าสร้างผลงานในสนามรบอีกครั้ง ใครเล่าจะยังกล้าวิพากษ์วิจารณ์เรื่องในจวนจวิ้นอ๋องอีก?”เขากุมมือซุนหลิงฮว่าแน่น สายตาที่มองนางเต็มไปด้วยควา

    Last Updated : 2025-01-14

Latest chapter

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 40

    อวิ๋นหลิงเงยหน้าขึ้น มองด้วยสายตานิ่งสงบแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ “พูดเช่นนี้ แปลว่าพวกท่านยอมรับเรื่องการลักพาตัวพี่สะใภ้และหลานชายของข้าแล้วสินะ? การลักพาตัวถือเป็นความผิดร้ายแรง โทษขั้นต่ำคือต้องติดคุกสิบปี ข้ามองว่าเรายังเป็นครอบครัวเดียวกัน จึงตั้งใจจะให้เรื่องจบแค่การทะเลาะวิวาท แต่ดูเหมือนข้าจะใจกว้างเกินไป”จูซื่อถึงกับพูดไม่ออก สีหน้าปรากฏความตื่นตระหนกขึ้นมา ก่อนจะพยายามแก้ตัว “ยังไงเสียเขาก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้า เขายังเด็ก ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ทำผิดไปเพราะความหุนหันพลันแล่น อีกทั้งพวกเจ้าก็ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม? เจ้าก็ไปทันเวลา เขาแค่ขู่ ไม่ได้คิดจะทำอะไรจริงๆ เสียหน่อย”เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวิ๋นหลิงก็ไม่อาจระงับโทสะในใจได้อีกต่อไป นางลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะเตะเก้าอี้ล้มลงกับพื้น “ทำผิดแล้วยังกล้าพูดอย่างหน้าชื่นตาบานอีกหรือ? ท่านเลี้ยงลูกไม่ดี ปล่อยให้คนอื่นต้องมารับกรรมแทน ท่านควรขอบคุณที่พี่สะใภ้และอาหลินไม่เป็นอะไร มิฉะนั้น ข้าจะไม่ปล่อยพวกท่านไปง่ายๆ แน่! พวกท่านได้อยู่อย่างสุขสบายเพราะบุญของบรรพบุรุษ แต่กลับไม่รู้จักพอใจในสิ่งที่มี ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!”จูซื่อถึงกับพูดอะไรไ

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 39

    อวิ๋นหลิงรู้สึกตกตะลึงชั่วครู่ แต่ในใจกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านอันใดอวิ๋นฟ่งจะเป็นหรือตายเกี่ยวข้องอันใดกับนาง?แต่ต่อหน้าผู้คน นางต้องแสร้งทำเป็นใส่ใจเล็กน้อย “ขอบพระทัยที่ท่านอ๋องที่เตือน ข้าจะไปที่จวนจิงเจ้าเดี๋ยวนี้”เซียวอวี้ไม่ได้ขัดขวาง เว่ยเฉินคารวะเสร็จแล้วก็จากไปอย่างรวดเร็วคนที่นินทาก็ไม่ทราบว่าถูกจับด้วยข้อหาใด เป็นเพียงพวกอันธพาลลูกหลานขุนนางระดับล่าง การลงโทษก็เพียงเพื่อขู่เท่านั้นเจ้าของโรงเตี๊ยมไม่กล้าตำหนิฉินอ๋อง ห้องรับรองพังเสียหายไปหนึ่งห้อง เขายังต้องควักเงินจ่ายเองทว่าฉินอ๋องกลับให้ลู่หงวางเงินหนึ่งวงไว้เป็นค่าชดเชยฉินอ๋องแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ซึ่งปกติแล้วเขาไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้ามากนักลู่หงเองก็ไม่รู้จะปลอบโยนอย่างไร จึงกล่าวว่า “ท่านอ๋อง แม่นางอวิ๋นเป็นญาติฝ่ายมารดาของตระกูลไป๋จริงๆ”ฉินอ๋องไม่ได้ตอบอะไรลู่หงจึงพูดต่อ “แม่นางอวิ๋นช่างใจเย็นนัก เมื่อวานมีเรื่องวิวาทกัน วันนี้ก็มากินข้าวกับบุรุษภายนอก และก่อนหน้านี้เพียงชั่วยามยังพูดคุยกับอดีตสามีในโรงน้ำชาอีก”“วันนี้พวกเรามาที่นี่ก็เปล่าประโยชน์ ในเมื่อมีคุณชายน้อยแห่งตระกูลเว่ยอยู่

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 38

    เว่ยเฉินได้เตรียมทุกอย่างไว้สำหรับอวิ๋นหลิงอย่างรอบคอบ เขากล่าวเสียงเบา “แม่นางอวิ๋น ข้าเข้าใจในความกังวลของท่านดี แต่ภรรยาของข้าเป็นบุตรีโดยชอบธรรมของตระกูลไป๋ ซึ่งมีความเกี่ยวพันเป็นญาติกับท่าน การที่ท่านไปเยี่ยมเยือนนางถือเป็นเรื่องที่สมควร ไม่มีผู้ใดกล้าวิจารณ์ อีกทั้งภรรยาของข้าป่วยหนักและต้องการความช่วยเหลือจากท่านอย่างเร่งด่วน ขอให้แม่นางอวิ๋นโปรดเมตตา...”เมื่อคิดถึงพี่สาวลูกพี่ลูกน้องที่ไม่ได้พบกันมาหลายปี ในที่สุดอวิ๋นหลิงก็พยักหน้าตอบรับ“ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้...”“ขอบพระคุณแม่นาง พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนไปรับท่านที่จวน”บนโต๊ะอาหารมีอาหารแปดจานจัดวางอย่างประณีต เว่ยเฉินดูแลอวิ๋นหลิงอย่างใส่ใจ ให้ลองชิมอาหารแต่ละจานแม้ไม่ทราบว่าโรงเตี๊ยมฉีอวิ๋นจวีนี้เป็นของผู้ใด แต่ชื่อเสียงด้านอาหารของที่นี่ก็ไม่เกินจริงตลอดหลายปีที่ผ่านมา อวิ๋นหลิงใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในตระกูลกู้ นางไม่ค่อยออกไปไหน ยกเว้นแต่เรื่องธุรกิจ นางเคยมาที่นี่บ้างเพื่อรับประทานอาหารระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารกันอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากห้องข้างเคียง“ได้ยินหรือไม่? บุตรีคนรองของจวนอันหยางโหว

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 37

    หรูเมิ่งที่เอ่ยถึงคุณชายน้อยด้วยความชื่นชมยกย่อง คนผู้นั้นก็คือบุตรชายคนโตของเว่ยกั๋วกง ผู้เป็นทายาทโดยชอบธรรม ชื่อว่าเว่ยเฉินเขาสมรสมาแล้วสามปี แต่ภรรยากลับล้มป่วยเรื้อรังอยู่บนเตียง ทั้งสองยังไม่มีบุตรและเขาเองก็ไม่ได้รับอนุภรรยาเพิ่มในหมู่ชนต่างเล่าลือกันว่าคุณชายน้อยผู้นี้รักภรรยายิ่งนัก ถึงกับเดินทางไปทั่วแผ่นดินเพื่อตามหาหมอชื่อดังมารักษานางอีกทั้งยังมีข่าวลือว่า เขาปรารถนาจะอยู่เคียงข้างภรรยาชื่อไป๋หนานเพียงผู้เดียวในชั่วชีวิตนี้ โดยไม่คิดมองหาสตรีอื่นหรูเยว่ถอนหายใจเบาๆ “คุณชายน้อยผู้เพียบพร้อมถึงเพียงนี้ แต่กลับต้องอยู่ดูแลภรรยาที่อ่อนแอ เมื่อปีที่แล้วเขายังสอบติดจอหงวนอีกด้วย ช่างน่าเสียดายนัก”“ยังได้ยินมาอีกว่า มีสตรีบางคนยินดีมาหาถึงบ้าน ยอมเป็นอนุภรรยา เพียงเพื่อได้อยู่ใกล้ชิดเขา…”แม้อวิ๋นหลิงเคยเห็นเว่ยเฉินจากที่ไกลๆ มาก่อน แต่ตอนนั้นนางไม่ได้ใส่ใจนัก ทว่าตอนนี้เมื่อนึกย้อนกลับไป ก็ได้แต่จำภาพรางเลือนในความทรงจำนางครุ่นคิดพลางเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางนั้น ก็พบกับบุรุษผู้หนึ่งที่มีท่วงท่าสง่างามปรากฏในสายตาเขาสวมอาภรณ์สีขาวดุจหิมะ คลุมเสื้อคลุมตัวยาว ดูสง่า

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 36

    อย่างไรก็ตาม ซุนหลิงฮว่ากลับสังเกตเห็นนางได้อย่างรวดเร็ว นางเอ่ยทักทายด้วยความกระตือรือร้นว่า “พี่หญิงอวิ๋น ช่างบังเอิญนัก ไม่คิดเลยว่าจะได้พบท่านที่นี่”อวิ๋นหลิงไม่มีทางเลือกจึงต้องหยุดเดิน แล้วหันกลับไปคารวะทั้งสองคน “ขอคารวะองค์หญิง แม่ทัพกู้” น้ำเสียงของนางเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใดๆซุนหลิงฮว่าเหมือนไม่รับรู้ถึงความเย็นชาของอวิ๋นหลิง นางยังคงยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้บาน “พี่หญิงอวิ๋น สบายดีหรือไม่? ข้าได้ยินว่าว่างจือบอกว่าท่านเก่งเรื่องการค้าขาย พอดีข้ามีโอกาสทางการค้าอยากจะร่วมมือกับท่าน ไม่ทราบว่าท่านสนใจหรือไม่?”โอกาสทางการค้า? อวิ๋นหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นางรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ นางไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง อีกทั้งยังไม่อยากข้องเกี่ยวกับกู้ว่างจือและซุนหลิงฮว่ามากนักนางปฏิเสธทันทีโดยไม่ลังเล “ขอบพระทัยในความเมตตาขององค์หญิง แต่ข้าพึ่งกลับมาตระกูลอวิ๋น งานการมากมาย ข้ายังไม่มีเวลาว่างเลย...”คำพูดยังไม่ทันจบ กู้ว่างจือกลับแสดงสีหน้าเย็นชาและตวาดเสียงดังว่า “อวิ๋นหลิง เจ้าหมายความว่าอะไรกัน? องค์หญิงมีน้ำใจเชิญเจ้าให้ร่วมมือ เจ้ายังกล้าปฏิเสธหรือ?”อวิ๋นหลิงตกใจกับการตวาดของเขา ก่อนจะ

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 35

    "หลิงฮว่า เรื่องมันเป็นเช่นนี้..." กู้ว่างจือขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหนักใจราวกับไม่อยากพูดซุนหลิงฮว่ากระพริบตาใสซื่อ ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ว่างจือ มีอะไรรึ? หรือเป็นเรื่องพระราชโองการสมรส? ข้าได้ยินมาว่าคงจะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้ ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ข้าไม่กังวล ท่านก็อย่ากังวลไปเลย"กู้ว่างจือสูดลมหายใจลึก ก่อนตัดสินใจพูดความจริงออกมา "เป็นเรื่องของอวิ๋นหลิง...นางไม่ได้ถูกข้าหย่า แต่เป็น... เป็นการขอหย่าด้วยตัวนางเอง"ซุนหลิงฮว่าชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถามด้วยความประหลาดใจ "ขอหย่า? ท่านหมายความว่า...นางเป็นฝ่ายขอพระราชโองการหย่าเองอย่างนั้นหรือ?"กู้ว่างจือพยักหน้า สีหน้าหม่นหมองลง "ใช่ นางไม่เคยคิดจะขัดขวางเรื่องสมรสนี้เลย และไม่เคยคิดจะยอมรับเจ้าตั้งแต่แรก”สีหน้าของซุนหลิงฮว่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ไม่นานนักนางก็ปรับอารมณ์ได้ นางก้มหน้าลงก่อนเอ่ยเสียงเบา "ที่แท้...พี่หญิงไม่เคยยินดีจะอยู่ร่วมจวนกับข้าเลย ข้าเคยคิดว่านางจะยอมรับข้าจริงๆ เสียอีก..."เมื่อเห็นนางทำหน้าเศร้าสร้อย กู้ว่างจืออดรู้สึกสงสารไม่ได้ เขายื่นมือไปจับมือนาง "หลิงฮว่า อย่าเสียใจไปเลย อวิ๋นห

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 34

    คำพูดเย็นชาของมารดาและน้องสาว กู้ว่างจือที่ยืนอยู่ตรงประตูได้ยินทุกคำอย่างชัดเจน“ท่านแม่” กู้ว่างจือสูดหายใจเข้า แววตาแน่วแน่ “ข้าขอย้ำอีกครั้งว่า ของทุกสิ่งที่เป็นของนาง ข้าจะไม่แตะต้องแม้แต่น้อย สิ่งที่พวกท่านต้องการ ข้าจะพยายามหามาให้เอง”เขาหยุดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อ “ส่วนเรื่องที่ว่านางจะเสียใจหรือไม่ ข้าจะสนใจไปทำไม? คนที่จากไปแล้ว พวกท่านยังพูดถึงกันอยู่ทุกวัน มันมีประโยชน์อะไรนักหรือ?”คำพูดนี้ทำให้หวังฉิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ความไม่พอใจในใจก็ยังคุกรุ่น นางรีบหาข้ออ้างอื่นมาพูดต่อ “แต่นางเกือบทำให้ซูซูตายจากไปนะ นางเป็นคนหยุดให้ยาไม่ใช่หรือ?”กู้ว่างจือรีบจะเอ่ยแย้ง แต่เหลียนซื่อกลับชิงกล่าวขึ้นก่อน "พี่สะใภ้ใหญ่ คำพูดนั้นอย่าได้กล่าวลอยๆ ยานั้นหาใช่อวิ๋นหลิงที่ไม่ส่งยา ในความเป็นจริง หลังจากยาขององค์หญิงหมดลง อวิ๋นหลิงก็ได้นำยาห้าสิบเม็ดที่นางมีทั้งหมดมอบให้ซูซู เม็ดหนึ่งราคาหนึ่งตำลึงเงินเชียวนะ นางยกให้ทั้งหมดเลยทีเดียว"กู้ว่างจือเบิกตากว้าง มองเหลียนซื่อด้วยความตกตะลึง ถามด้วยเสียงไม่อยากเชื่อ "อาสะใภ้รอง ที่ท่านกล่าวเป็นความจริงหรือ นางมอบยาให้ซูซูทั้งหมดจริงหรือ"เหลี

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 33

    ยามค่ำคืนผ่านพ้นไปจนดึกดื่น อวิ๋นหลิงแทบข่มตานอนหลับไม่ได้เลยหลายสิ่งหลายอย่างวนเวียนอยู่ในหัว จนนางไม่อาจพักผ่อนได้อย่างสงบเช้าตรู่ หรูเยว่ยกสำรับอาหารเช้าเข้ามาในห้อง ก็พบว่าคุณหนูของตนดูเหนื่อยล้าและไร้เรี่ยวแรง“คุณหนู หากพักผ่อนไม่เพียงพอ ท่านนอนต่ออีกสักหน่อยเถอะนะเจ้าคะ”อวิ๋นหลิงส่ายศีรษะเบาๆ สายตาจับจ้องไปที่แสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา “เมื่อคืนข้าเตรียมของเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าหาคนไปส่งที่จวนจิงเจ้าแทนข้าด้วย”“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”...วันแรกหลังจากการหย่า ตระกูลอวิ๋นวุ่นวายตลอดทั้งคืน ตระกูลกู้เองก็วุ่นวายไม่แพ้กันชายาของจวิ้นอ๋อง หวังฉิง นั่งอยู่หน้าสำรับอาหารเช้าด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า นางมองอาหารบนโต๊ะด้วยแววตาไม่พอใจ“ครัวนี้ทำอะไรออกมาให้กินกัน? ช่างน่าขยะแขยง!” นางโยนตะเกียบลงอย่างแรงกู้หยิงหยิงเห็นมารดาไม่พอใจ จึงเอ่ยเสริมทันที “ท่านแม่ ต้องเป็นพวกบ่าวขี้เกียจแน่ๆ อาหารโปรดของลูกอย่างหอยอบน้ำส้มขิงก็ไม่มีเลย”กู้หยวนจือหาได้ใส่ใจคำพูดของมารดาไม่ ยังคงคีบอาหารเข้าปากพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ "ข้าว่าอาหารมื้อนี้ก็ดีอยู่แล้ว ท่านแม่อย่าคิ

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 32

    อวิ๋นหลิงหันไปมองหรูเยว่ด้วยแววตาตำหนิเล็กน้อย เป็นเชิงบอกให้เงียบนางเปลี่ยนเรื่องสนทนาอย่างรวดเร็ว “พี่สะใภ้ ขอข้าดื่มซุปเถิด ข้าหิวแล้ว”“ได้สิๆ…” เฉินซูฉินรีบตอบรับอย่างอ่อนโยน พร้อมยกถ้วยซุปส่งให้อวิ๋นหลิงอวิ๋นหลิงดื่มซุปอย่างรวดเร็ว แทบจะหมดในรวดเดียว เฉินซูฉินส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเอ็นดู “ดื่มช้าๆ หน่อยสิ ยังมีอีกนะ ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก”เมื่ออวิ๋นหลิงดื่มซุปจนหมด เฉินซูฉินหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ดคราบซุปที่มุมปากให้นาง แววตาเปี่ยมด้วยความรักใคร่ “โตจนป่านนี้แล้ว ยังทำตัวเหมือนเด็กน้อยอยู่เลย”อวิ๋นหลิงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย “พี่สะใภ้ ข้าเช็ดเองก็ได้…”เฉินซูฉินส่ายหัว พร้อมกับกล่าวอย่างจริงจัง “ไม่ได้หรอก หากพี่เจ้ารู้ว่าข้าไม่ดูแลเจ้าดีๆ เขาคงต้องตำหนิข้าแน่”เมื่อพูดถึงพี่ชาย ดวงตาของอวิ๋นหลิงพลันแดงก่ำขึ้น “พี่สะใภ้…”เฉินซูฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ก่อนที่พี่เจ้าจะออกเดินทาง เขากำชับข้าไว้หลายครั้งว่าให้ดูแลเจ้า หากเจ้าถูกใครรังแก ข้าต้องเป็นคนออกหน้าแทนเจ้า…แต่ข้าก็ทำไม่ได้เลย หลิงเอ๋อร์ คืนนี้เจ้าถึงกับเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยข้าและอาหลิน ข้ารู้สึกผิด

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status