หรวนหนิงหลงพุดขึ้นลอยๆ ลุงซุนกับ ป้าตื้อมองหน้าสบตากัน“ข้าหมายถึงอี้เอ่อร์ ข้าเห็นว่านางไปจ่ายตลาด นางก็ควรได้รับของกำนัลจากข้าเช่นกัน อือข้าหิวแล้วโต๊ะเสวยเตรียมเสร็จหรือยังกงกง” หยิบก้อนข้าวโพดทอดมาไว้ในมือจิ้มลงไปในถ้วยน้ำจิ้มที่ศรีไพรกินไปเมื่อครู่“อร่อยจริงๆ ด้วย รสดีเสียจริงของสิ่งนี้ทำให้ข้าอารมณ์ดีได้ จริงๆ นางเก่งพิลึก”หันไปทางเป่ยกงกงอย่างคนที่อารมณ์ดี ไม่สนใจว่าเฟยฟางจะรู้สึกอย่างไรเขาไม่ได้หมายถึงเฟยฟาง“เป่ยกงกงข้าหิวแล้ว” เป่ยกงกงผายมือเชิญให้ออกจากห้องเครื่องไปยังด้านหน้าที่มีร่มไม้โต๊ะเสวยแบบเร่งด่วนถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อยสวยงามห้องเก็บฟืน“ความจริงเราไม่ต้องหนีก็ได้นี่ เราก็แค่ไม่แสดงตัวว่าเป็นคนปรุงเสียก็เท่านั้นฝ่าบาทไม่มีทางสงสัย”ศรีไพรพูดขึ้นเพราะในห้องเก็บฟืนทั้งร้อนทั้งเหม็นอับ“ไม่ได้หรอกพี่เข่อชิง ข้าทำผิดไปแล้วเห็นแก่อี้เอ่อร์เถอะ ข้าพลั้งปากพูดไปว่าพี่แกะสลักแครอทและพี่เป็นอาจารย์ข้า หากฝ่าบาทพบข้าอีกครั้งจะต้องจำได้แน่ และก็จะรู้ว่าคือ พี่เข่อชิงหรือหากจไม่ได้แต่หากฝ่าบาทถามขึ้นมาเรื่องอแกะสลัก…ข้าก็คงไม่กล้าโป้ปด”“ฝ่าบาทฉลาดขนาดนั้นเลยหรือว่า
“ข้อหลังนี่ น่ากลัวชะมัดเหมือนข้าไร้ตัวตน มาตลอดเวลา”พูดไปยิ้มไป“นั่นอย่างไรเล่าข้าถึงบอกว่าหากความจริงปรากฏพี่ก็แค่โยนความผิดให้ลุงซุนเสียก็เท่านั้น”อี้เอ่อร์ยุส่ง“ไม่ได้หรอก ข้าไม่ได้ทำผิดอะไรจะผิดก็แค่ช่วยพวกเขาปิดบัง และข้าก็เชื่อว่าความยุติธรรมมีจริงฝ่าบาทจะต้องไม่งี่เง่าจริงไหม ฝ่าบาทจะไม่งี่เง่าจริงๆ ใช่ไหม”อี้เอ่อร์ขำกับสีหน้าไม่ค่อยมั่นใจของศรีไพร อี้เอ่อร์เองก็มีความเชื่อว่าจะต้องมีเรื่องดีดีเกิดขึ้นบ้าง ในเมื่อศรีไพรตั้งใจทำดีมาตลอดตั้งใจปรุงเครื่องสวยอย่างพิถีพิถันความมืดโรยตัวลงมาปกคลุมทั่วบริเวณ เสียงห้องเครื่องถูกปิดประตูลงไร้องครักษ์และทหารยาม“เรื่องก็เป็นแบบนี้ บ่ายนั้นจนเย็นข้าก็ถูกขังในห้องเก็บฟืนแล้ว ก็ต้องรีบมาทำฟักทองสังขยาถวายพระพันปีดีนะที่อี้เอ่อร์นางแกะสลักฟักทองได้งดงามไม่แพ้ข้า555”“เจ้าเก่งจัง แม่นางเข่อชิง เจ้าจัดสรรหลายอย่างได้ดี และทันเวลาเสมอ”“ไม่เท่าไหร่ ไม่เท่าไหร่ จะว่าไปฮ่องเต้ชรานั่น ก็นั่งกินทอดข้าวโพดยันบ่ายสาม เหมือนตั้งใจจะแกล้งข้า”หรวนหนิงหลงอมยิ้ม“เขาเอ๊ย..ฝ่าบาทจะแกล้งเจ้าไปทำไม เขาไม่ได้รู้จักเจ้าเสียหน่อย”ศรีไพรทำสีหน้าครุ่นคิด หร
“ที่นี่ จะเลิกเรียกข้าว่าน้องชายได้หรือยัง”ศรีไพรหลบตาเสีย หน้าแดงแปร๊ดจนอีกคนอมยิ้มกับแก้มใสๆ อยากจะกดจมูกโด่งลงบนแก้มแดงๆ นั่นเหลือเกิน ท่าทางเขินอายยิ่งน่ารักน่าเอ็นดู“อืมมม ใครบอกให้ท่าหน้าเด็กเล่า พอๆๆ เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วเราไป หาอะไรกินกันดีกว่า ไหนบอกว่าหิวแล้วไม่ใช่หรือ”เรื่องเปลี่ยนเรื่องไว้ใจศรีไพร“หิวสิ….แต่ยังอยากจะมองหน้าเจ้าแบบนี้”“อย่า อย่าพูดแบบนี้ ข้าเอาจริงนะ ไม่เอาดีกว่าข้าไปปอกไข่ส่วนท่านไปเด็ดใบกะเพราเตรียมไว้”หันหน้าหนีไปเสียอีกทาง หรวนหนิงหลงยิ้ม“เจ้า เคยมีใจให้ใครมาก่อนไหม”ศรีไพรชะงักงัน“ไปเด็ดใบกะเพราเลยนะ”อมยิ้มยกมือขึ้นดันแผ่นหลังของหรานหนิงหลงที่รู้สึกว่าเป็นเขาเองที่ใจสั่นกับความวางใจของศรีไพรกล้าถูกเนื้อต้องตัวเขา หญิงงามในวังหลวงใครกันที่จะกล้าแตะตัวเขาแบบนี้“ขอรับนายหญิง”“ดีมากไปได้แล้ว ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว”ศรีไพรบ่นเบาๆจะกี่คืนก็ยังมารอแสงหลากสีนั้นมารอว่ามันจะมาวันไหน ศรีไพรจะได้กลับบ้านเสียทีหรวนหนิงหลงหยิบกิ่งต้นกะเพรามาเด็ดเป็นใบๆ ใส่ถ้วยไว้ ศรีไพรปอกไข่เยี่ยวม้าใส่ถ้วยสามใบแล้วหั่นเป็นสี่ส่วนเตรียมไว้ หันไปสับหมูชิ้นเล็กจนละเอียด โขล
“ขอบคุณท่านจริงๆ ข้ามานี่คนดีกับข้าก็มีท่านกับอี้เอ่อร์ที่พอจะพูดปรับทุกข์ด้วยได้อี้เอ่อร์จะแสดงให้นางเห็นว่าข้าอ่อนแอไม่ได้เพราะสายตาที่นางมองข้าเทิดทูนข้าอย่างที่สุดหากเอาแต่อ่อนแอให้นางเห็น กลัวว่านางจะใจเสียหลายวันมานี้ข้าต้องพบกับปัญหาต่างๆ มากมายแต่ก็ผ่านมาได้เพราะคำว่าต้องเข้มแข็งแล้วเมื่อมาพบท่านก็ยิ่งรู้สึกโล่งเพราะอย่างน้อยข้าก็ดีกว่าท่าน ไม่ต้องอดๆ อยากๆ อยู่ในห้องเครื่องจะกินอะไรก็ปรุงเอง ท่านนี่สิ จะต้องมาหาขโมยของกินในห้องเครื่องอีกกี่วัน ข้าเห็นท่านเป็นแบบนี้แล้วเอามาเปรียบกับตัวเองข้าดีกว่าท่านเห็นๆ ฉะนั้นต้องขอบคุณที่ทำให้ข้ามีแรงสู้ไม่ตายเสียก่อนตั้งแต่กลางวันเพราะอย่างน้อยก็ยังได้คิดว่าคืนนี้ท่านจะหิวและรอข้าอยู่ แล้วข้าก็ต้องรีบมาหาอะไรให้ท่านกิน”"แค่กกๆ"ศรีไพรรีบรินน้ำ"ว่าแต่คราวนี้สำลักอะไรอีก"ศรีไพรถามประสาซื่อ หนิงหลงจ้องตาหน้านิ่ง“พูดแบบนี้ข้าก็คงต้องมาทุกวันใช่ไหม ในเมื่อเจ้ารอข้า”สบตาค้นหาความจริงในคำพูด“อือ ข้าก็ไม่ได้บังคับนะ แต่ข้าเองต้องมาทุกวัน ดีนะที่ช่วงนี้ทหารยามกับองครักษ์หายไปจนหมด เหมือนเปิดทางให้ท่าน ดีแล้วหิวเมื่อไหร่ก็แวะมา555”พูดอ้อมแอ้ม
เป่ยกงกงยิ้มน้อยๆ“นางคงไร้วาสนาใช่หรือไม่แม้กระทั้งปิ่นรักอยู่ในมือแล้วยังถูกเรียกคืน”“เดิมข้ายอมรับว่า ..พึงใจนางในห้องเครื่องเฟยฟางไม่น้อย ความจริงเรื่องทั้งหมดก็จะโทษว่าเป็นความผิดของนางไม่ได้ทุกคนล้วนมีเหตุผลนางในตอนนั้นอาจแค่อยากจะช่วย ซุนเต๋อไฉ่”พูดไปยิ้มไปคิดถึงคนที่สอนเขาเรื่องนี้ทุกการกระทำชั่วมีเหตุผล“ฝ่าบาท ความคิดเปลี่ยนไปเพียงนี้คาดว่าไม่กล่าวโทษคนพวกนี้แล้วใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”รู้สึกโล่งใจ“มีบางคนที่ทำให้ข้าเปลี่ยน เมื่อวานยกขนมฟักทองสังขยาไปให้เสด็จแม่ ข้ารู้สึกกระอักกระอวนที่จะบอกว่าใครทำของแบบนี้ด้วยความตั้งใจหากพูดความจริงว่าเป็นนางเสียข้าคงจะพูดได้เต็มปากกว่านี้”“แต่ฝ่าบาทก็ไม่ได้บอกว่านางในห้องเครื่องเฟยฟางเป็นคนปรุงนี่พ่ะย่ะค่ะ”หรวนหนิงหลงอมยิ้มหาก ศรีไพรมาได้ยินเรื่องนี้นางก็คงจะบอกว่าเป็นเขาต่างหากที่โดนนางวางยาเสน่ห์ เขาปกป้องนางจนเขาเองก็รู้สึกแปลกใจ“ข้าอยากให้เรื่องนี้คลี่คลาย แต่จะต้องแบบไหนจะต้องอย่างไร จึงจะไม่ทำให้นางเจ็บปวดตอนนี้นางรวมหัวกับคนในห้องเครื่องหลอกลวงข้า ข้าก็หลอกลวงนางคืนกลับ”เป่ยกงกงยิ้ม”ฝ่าบาทกังวลเกินไปแล้วก่อนหน้านั้น ฝ่าบาทจัดการ
ห้องเครื่อง“ข้าน้อยไม่เห็นว่าในนั่นมีปิ่นที่กงกงถามถึง”เฟยฟางก้มหน้าทำ พูดเบาๆ อย่างนอบน้อม“ไม่มีอย่างนั้นหรือ”เป่ยกงกงขมวดคิ้ว ไม่อยู่กับเฟยฟางแล้วอยู่กับใครแล้วไทเฮาทรงทราบได้อย่างไรว่าปิ่นสำคัญอันนั้นถูกมอบให้กับเฟยฟาง“ถึงอย่างนั้นก็เถอะจะบอกว่าไม่เห็นก็แปลว่าปิ่นนั้นไม่เคยถูกมอบให้เจ้าก็ไม่ได้ ในเมื่อฝ่าบาทบอกว่ามอบมันมาแล้ว เป็นเจ้าที่จะต้องสืบค้นว่าปิ่นอันนั้นหายไปไหน”เฟยฟางก้มหน้าย่อกาย“เฟยฟางน้อมรับคำสั่งจะหาปิ่นอันนั้นให้พบโดยเร็วที่สุด กงกงโปรดเอ็นดูเฟยฟางด้วย”แทบจะสิ้นหวังก็ในเมื่อของกำนัลที่ได้มาในวันนั้นแจกจ่ายให้กับคนในห้องเครื่องที่มีอยู่ราวๆ ร้อยกว่าคน ใครได้ของสิ่งไหนไปบ้างหรืออาจนำไปเปลี่ยนเป็นเงินไปเสียแล้วก็ไม่อาจรู้ได้“เช่นนั้นข้าคงจะต้องกราบทูลไทเฮาว่าปิ่นสำคัญอันนั้น ยังไม่แน่ว่าจะอยู่ที่นี่”เฟยฟางยิ้มเศร้า เป่ยกงกงถอนหายใจตำหนักจันทรา“กุ้ยเฟยเพคะ วันนี้กงกงไปสอบถามนางในห้องเครื่องเฟยฟางเรื่องปิ่นอันนั้น”หลินกุ้ยเฟยเงยหน้าขึ้นจากถุงเครื่องหอมที่กำลังเย็บเพื่อถวายให้กับหรวนหนิงหลง“เจ้าว่ากลิ่นกุ้ยฮวาที่ฝ่าบาทโปรดปรานหากให้ห้องยาสกัดมาทำน้ำมันหอมระเหยใ
“ข้าทำนมข้นหวานจากนมสดพักไว้ในนั้น อีกโถถัดไปเป็นมายองเนส และซอสมะเขือเทศ ที่ข้าอาศัยช่วงเวลาที่แวะมาที่นี่ตามลำพังยามค่ำคืนเตรียมไว้”เจียวหยาทำตาโต“พี่เข่อชิงท่านนี่ขยันเสียจริงแม้ยามค่ำคืนก็ยังแวะมาที่ห้องเครื่องเพื่อเตรียมวัตถุดิบ”อี้เอ่อร์ยักคิ้ว“ข้าบอกพวกเจ้าแล้วยามกลางคืนพี่เข่อชิงมาที่นี่ทุกวัน แต่เสียดายไม่ยอมให้ข้ามาช่วยแล้วแบบนี้อี้เอ่อร์จะได้เคล็ดลับในการทำวัตถุดิบเหล่านี้ไหม”ศรีไพรยิ้มนึกขำ“เอาแบบนี้หากใครอยากได้เคล็ดลับ เตรียมกระดาษกับอะไรสักย่างมาจดในยามบ่ายพี่เข่อชิงจะยอมบอกไม่มีอั้น”“เย่ๆๆๆๆๆ”เสียงโห่ร้องจากสาวๆ อี้เอ่อร์ยิ้มแก้มปริ“พอแล้ว ได้เวลาทำเครื่องเสวยแล้วหยุนเออ่ร์ไปอุ่นเตาอบรอไว้ แล้วกลับมาช่วยกัน เจียวหยาหั่นกุนเชียงหมูหิมะ และนำทุกอย่างรวมกันไว้ตรงนี้ อี้เอ่อร์มาช่วยทำแป้งแผ่น เสี่ยวถานกับเสี่ยวลี่ ก็มาช่วยกันทาเจ้าสิ่งนี้”ยื่นซอสพิซซ่าให้เสี่ยวถานกับเสี่ยวลี่เชิงอรรถ์ *ซอสพิซซ่าตั้งกระทะ ใส่น้ำมันมะกอกลงไป ใช้ไฟกลาง ใส่หอมใหญ่ และกระเทียมสับลงไปใช้ไฟกลางผัด ผัดไปเรื่อยๆ จะช่วยให้ซอสอร่อยกลมกล่อมเมื่อมีกลิ่นหอมขึ้นมาแล้วให้ใส่น้ำมะเขือเทศปอกเปล
สาวๆ ทั้งห้าต่างกลือนน้ำลายลงคอเพราะความหอมน่ากินไม่ว่าจะหมูหิมะ กุนเชียง มะเขือเทศ เห็ดหอม เบค่อนพริกหยวก หรือจะถาดหวานที่มีทั้งพุทราจีน สตอร์เบอรรี่ ก็น่ากินจนแทบจะอดใจไม่ไหว เฟยฟางรีบเดินสาวเท้าเข้ามา“เฟยฟางขอโทษพี่เข่อชิง พอดีเป่ยกงกงแวะมาข้าเลยช้าไปหน่อย”ศรีไพรยิ้ม“พอดีเลยมาสิ ข้าจะบอกว่าจะต้องกินแบบไหน”ดึงมือเฟยฟางให้มาใกล้ๆ โรยออริกาโน่กับซอสมะเขือเทศจนทั่วใช้มีดในมือหั่นพิซซ่าออกเป็นแปดชิ้น แล้วคว้าพิซซ่ามาหนึ่งชั้นใช้ปากงับเอาจนซีสที่ร้อนๆ เหนียวยืด หลับตาพลิ้ม“อือหือ อร่อยจัง”อี้เอ่อร์เผลอกลืนน้ำลาย มองศรีไพรที่ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าขึ้นลง“เอาได้เอาได้ พวกเจ้าลงมือเลย ทั้งหมดคือของพวกเรา”คราวนี้เองที่มือไขว้กันไปมา เฟยฟางยืนนิ่ง“เฟยฟางเจ้าก็ต้องชิม แล้วสอนวิธี เสวยกับฝ่าบาทด้วย”หยิบเอาแผ่นพิซซ่าหนึ่งชิ้นส่งให้เฟยฟางกัดเบาๆ ราวกับกลัวว่าพิซซ่าจะเจ็บ เคี้ยวช้าๆ ใบหน้างามแสดงออกว่ารสชาติถูกปากศรีไพร วางพิซซ่าลงในถาดแล้วโรยออริกาโน่กับซอสมะเขือเทศ แล้วหั่นเป็นชิ้น อี้เอ่อร์ เจียวหยาและหยุนเอ่อร์รีบ ตักเอาพิซซ่าที่สดใส่เข้าไปในเตาอย่างรู้งาน“พร้อมหรือยัง เฟยฟางเจ้ายกไป
ไทเฮาน้ำตาปริ่มขอบตารับเอาร่างกระจ้อยที่นอนนิ่งเปิดโอกาสให้ใครต่อใครได้ชื่นชม อี้เอ่อร์ยืนเขย่งตัวอยากจะเห็นองค์ชายน้อยเช่นกัน"อี้เอ่อร์ มาชื่นชมองค์ชายน้อยเสียด้วยกัน"ศรีไพรพูดขึ้นยิ้มๆ"ขอบพระทัยฮองเฮา"อี้เอ่อร์ยื่นหน้าไปดูร่างกระจ้อยในอ้อมแขนไทเฮา พร้อมกับรอยน้ำตา"เจ้าว่าเหมือนฝ่าบาทหรือฮองเฮา"ไทเฮาเอ่ยปาก"เหมือนทั้งสองพระองค์ และน่าเอ็นดูที่สุด"อี้เอ่อร์พูดไปยิ้มไปป้าตื้อเดินมาทรุดกายลงข้างหน้าศรีไพร"ป้าตื้อเล่าได้เห็นหน้าองค์ชายหรือยัง อ่อจริงสิได้เห็นก่อนข้าเสียอีก"ศรีไพรพูดไปยิ้มไป"ตาแก่ซุนมอบสิ่งนี้มาให้ข้าช่วยรับขวัญองค์ชายน้อย"วางตุ๊กตาแกะสลักลงข้างแท่นนอนศรีไพรถอนหายใจ"ไม่รับ"หรวนหนิงหลงเลิกคิ้วสูงกับท่าทีของศรีไพรป้าตื้อเช็ดน้ำตารู้สึกเจ็บปวดในใจ"ข้าน้อยเข้าใจตาแก่ทำกับฮองมากไปแค่นี้ก็ถือว่าเมตตามากแล้วกับคนแก่อย่างเรา"ศรีไพรยิ้ม"ที่ไม่รับเพราะอยากให้ท่านลุงซุนมอบมันให้กับองค์ชายน้อยกับตัวเอง ข้าให้ออกจากห้องขังก็ไม่ออกมาฉะนั้น ต้องออกมาไม่อย่างนั้นข้าไม่รับ"หรวนหนิงลงหัวเราะในลำคอ"ตามนั้นข้าบัญชาให้ซุนเต๋อไฉ่มามอบของกำนัลรับขวัญองค์ชายน้อยด้วยตัวเองไม่เช่นนั้
ป้าตื้อที่มาถึงในยามสายก็พูดขึ้นก่อนจะหย่อนตูดลงนั่งด้วยซ้ำไป“ข้าละอายใจเกินกว่าจะทำแบบนั้นได้ฮองเฮาไม่เคยถือโทษ ฝ่าบาทแม้ลงโทษก็โทษสถานเบาด้วยอ้างคำพูดของฮองเฮา"ป้าตื้อกอดเข่า"ฮองเฮากลับมาหลายอย่างดีขึ้นแม้แต่ข้าเองยังกลับมาเป็นข้าเช่นเดิมส่วนฝ่าบาทก็ไม่ฉุนเฉียวเศร้าสร้อยนับว่าสวรรค์ส่งฮองเฮามาเพื่อพวกเราจริงๆ""ข้าซาบซึ้งน้ำพระทัยฮองเฮายิ่งนักที่ไม่กล่าวโทษข้าแล้วยังให้ข้าออกจากคุกคุมขังไปใช้ชีวิตสงบข้างนอกได้อีก วันก่อนไทเฮามีราชเสาวนีย์ให้ข้าไปพำนักที่ตำหนักพระพันปีในตำแหน่งคนดูแลอุทยานส่วนพระองค์ข้าน้ำตาแทบไหลแต่ละพระองค์ล้วน ดีกับข้าเหลือเกิน""เฮ้อ อย่างนั้นก็รีบออกมาเสีย ขืนชักช้าจะไม่ทันได้เห็นองค์ชายน้อยถือกำเนิดหมอหลวงบอกว่าไม่เกินวันสองวันนี้ฝ่าบาททรงดีพระทัยจัดให้มีการสร้างตำหนักใหม่ให้กับองค์ชายเสียใหม่แล้วยัง สั่งผ้าเนื้อเกณฑ์นางในหลายสิบคนช่วยกันตัดเย็บอาภรณ์สำหรับเด็กอ่อน ฮองเฮาเองจะเดินจะนั่งจะไปไหนฝ่าบาทก็คอยประคองด้วยองค์เองไม่ห่าง อี้เอ่อร์กลายเป็นนางกำนัลข้างกาย เสี่ยวถาน เสี่ยวหยาจำต้องรับหน้าที่ปรุงอาหารแทน มีแต่แกนั่นล่ะตาแก่ที่สบายอยู่ในนี้"ป้าตื้อร่ายยาว"
“หลายวันมานี้นอนอยู่แต่ในแท่นนอน ฝ่าบาทควรจะออกไปสูดอากาศเสียบ้าง”หรวนหนิงหลงถอนหายใจ แต่ก็ยอมลุกไปโดยดี“กลิ่นอะไร”หรวนหนิงหลงได้กลิ่นน้ำชุปหมาล่าเตะจมูกหอมจนทำให้นึกถึงเรื่องราวในวันเก่าในห้องเครนื่องคืนวันนั้นกับศรีไพรเป่ยกงกงไปแล้ว ภาพตรงหน้า ที่เขาเห็นคือศรีไพรที่นั่งถือพัดพัดไฟในเตาให้โหมกระพือเพื่อให้หม้อชาบูเดือด“ชาบูเยียวยาทุกอย่าง”ใบหน้างดงามหันมายิ้มให้เขา หรวนหนิงหลงถลาเข้าไปกอดรวบร่างบางไว้แนบอก น้ำตาไหลริน“ในที่สุดเจ้าก็กลับมาการรอคอยของข้าไม่สูญเปล่า ข้าคิดถึง คิดถึงเจ้าที่สุด”“เบาๆเพคะ อือช้ำหมดแล้วรู้ไหมทำไมกลับมา”ศรีไพรลูบที่หน้าท้องเบาๆ“อย่าบอกนะว่า เจ้า ตั้งครรภ์ลูกของข้า”ศรีไพรพยักหน้าขึ้นลงอายๆ“กลัวแทบตายว่าจะกลับมาไม่ได้ แต่ข้าก็มั่นใจว่าจะต้องกลับมาในเมื่อข้าฝันถึงท่านในทุกคืน ท่านเล่าฝันถึงข้าบ้างไหม”หรวนหนิงหลงยิ้มทั้งน้ำตา“ไม่ว่าจะหลับหรือตื่นล่วนมีเจ้าทุกเวลา อย่าจากข้าไปไหนอีกได้ไหมอยุ่ที่ด้วยกันอยู่กับข้าไปจนแก่เฒ่า”ศรีไพรพยักหน้าขึ้นลง“กลับไปไม่ได้แล้วในเมื่อซินแซที่วัดข้างบ้านที่ทำพิธีให้กับข้าเพื่อกลับมาที่นี่ขอคำยืนยันกลับข้าว่าหากข้ามาข้
ฉับพลันนั้นเองแสงหลายสีก็ปรากฎขึ้นที่รอบๆร่างบางของศรีไพร หรวนหนิงลุกทะลึ่งพรวดลุกขึ้นจากแท่นนอน แม้จะไม่เข้าใจว่าแสงนั้นคือสิ่งใดแต่เขากลับดึงร่างบางให้ถอยจากลำแสงหลากสีนั้น กอดรวบร่างบางของศรีไพรไว้แน่นศรีไพรรู้สึกถึงแรงดึงมหาศาลที่ฉุดดึงร่างของเธอทั้งลากทั้งดึงแสงหลากสีห่อหุ้มร่างบางไว้ทั้งๆที่หรวนหนิงหฟลงกอดไว้แต่แสงก็ไม่ได้แตะต้องหรวนหนิงหลงแต่อย่างใด แสงหลากสีตามาถึงนี่ ตามมารับตัวศรีไพรถึงที่นี่ ไม่สิไม่ว่าศรนีไพีจะอยู่ที่ไหนแสงหลากสีนี้ก็จะหาจนเจอเสียมากกว่าศรีไพรนึกขำที่ตัวเองไปเฝ้ารอแสงนี้ในทุกค่ำคืนที่ห้องเครื่อง คงจะต้องไปจริงๆแล้วสินะ ว่าแต่ทำไมต้องเป้นตอนนี้ในเมื่อทุกอย่างกำลังจะดีแล้วเชียวศรีไพรกำลังจะพบกับความสุขแล้วเชียว ศรีไพรรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วสรรพร่าง มึนงงและตื่นตระหนกพยายามฝืนใจบอกลาหรวงหนิงหลง“คงต้องไปแล้ว ข้าไม่อาจฝืนต่ออะไรบางอย่างในตอนนี้ ฝ่าบาทปล่อยข้าเถอะข้าเจ็บปวดเพราะแรงฉุดดึงจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว”หรวนหนิงหลงหน้าเสีย แต่ยังไม่ยอมปล่อยอ้อมแขน“เจ้าไปข้าไป”“ฝ่าบาทไม่มีประโยชน์ ข้าคงต้องลาแล้ว บางทีข้าจะหาโอกาสกลับมาที่นี่ให้ได้อีกสักครั้ง”“ไม่ไม่ไม่ข้าไ
หรวนหนิงหลงถอนหายใจยาวเจินอ๋องส่ายหน้าไปมา ดึงตัวหยิงเชียวให้ตามเขากลับตำหนักจันทราหรวนหนิงหลงเองก็ดึงมือศรีไพรออกจากลานพิธีไปยังส่วนในของตำหนักใหญ่“กลัวไหม”ศรีไพรส่ายหน้า“ไม่กลัวแต่สงสาร มากกว่าท่านจะไม่ใจร้ายกับนางไปหน่อยหรือ”หรวนหนิงหลงส่ายหน้าไปมา“ข้าไม่เคยรักใคร..นอกจาก เจ้าเข่อชิงเช่นนั้นการแสดงออกจึงต่างออกไป”ยิ้มตาหวานฉ่ำ“ปากหวานจริงเชียว เอาจริงๆ สักวันจะต้องเบื่อข้าหรือเปล่า แล้วการแสดงออกก็คงจะต้องต่างออกไป”“ไม่มีทาง ข้าจะไม่มีใครนอกจากเจ้ากับเจ้าการแสดงเดียวที่จะแสดงออกคือ”โน้มตัวลงช้าๆ จุมพิตที่ริมฝีปากของศรีไพรหวานฉ่ำ“อือ เอาเปรียบกันอีกแล้วเราสองคนไปรักกันตอนไหน ฝ่าบาทถึงฉวยโอกาสแบบนี้”หรวงนหนิงหลงโอบแขนแข็งแรงรอบเอวบาง“ไม่รักข้าหรือ ข้ารักเจ้าทุกตอนยิ่งตอนนี้ยิ่งรัก”ศรีไพรยิ้มเอียงอาย“อะ ไม่ได้การแล้วลุงซุนจะต้องหนีไปแน่ๆ ฝ่าบาทส่งคนจับตัวลุงซุนไว้เดี๋ยวนี้เถอะ”หรวนหนนิงหลงถอนหายใจ“บ่ายเบี่ยงตลอดบ่ายเบี่ยงประจำ เรื่องนั้นไม่ต้องสนใจข้าส่งคนคุมตัวซุนเต๋อไฉ่ไว้แล้ว”ศรีไพรถอนหายใจ“แล้วฝ่าบาทรู้ได้อย่างไรว่าาเป็นลุงซุน”“ข้าคือฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทำได้หลายอย่างและฮ
จุมพิตที่หลังมือของศรีไพรเบาๆ ท่ามกลางหลากหลายสายตาที่ร่วมยินดี“ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี เก้อซูเฟยทรงพระเจริญร้อยปี”เสียงโห่ร้องโดยการนำของเป่ยกงกงป้าตื้อและนางในห้องเครื่อง ต่างวิ่งมาดูความสำเร็จน่าชื่นชมของศรีไพร อี้เอ่อร์ยิ้มกว้าง อยากจะเข้าไปเขย่ามือแสดงความยินดีกับศรีไพร แม้จะสงสัยนักหนาว่า ทั้งสองคนไปรักกันตอนไหน ซึ่งความสงสัยนี้ก็ไม่ต่างจากเฟยฟางที่แทบจะแทรกแผ่นดินหนี แผนทั้งหมดพังลงแล้วหรือ นางกับฝ่าบาทไปรักกันตอนไหนหรือว่ามีบางอย่างที่เฟยฟางไม่รู้“ไหนดูสิ เจ้าทำอะไรให้ข้า”หรวนหนิงหลงหันไปจ้องมอง เค้กก้อนโตที่ตกแต่งสวยงามอย่างที่สุดศรีไพรสะดุ้งเล็กน้อยหันไปยิ้มกับหรวนหนิงหลง“เจ้าตั้งใจทำมันเพื่อข้า อย่างนั้นหรือ”ศรีไพรส่ายศีรษะไปมา“สำหรับฝ่าบาท อธิษฐานแล้วเป่าเทียนเสีย”หรวนหนิงหลงหลับตาลงอธิษฐานบางอย่างในใจ พ่นลมเป่าเทียนจนดับ“สุขสันต์วันเกิดขอให้มีความสุขสมหวัง”ศรีไพรอวยพรเบาๆ อยากจะอวยพรให้อลังการกว่านั้นแต่ก็นึกไม่ออกว่าจะสรรหาคำพูดแบบไหน ให้อย่างที่ใจต้องการหรวนหนิงหลงยิ้มบางๆ แววตาเต็มเปี่ยมด้วยความรักลุงซุนใจเต้นไม่เป็นจังหวะศรีไพรกำมือหรวนหนิงหลงที่ในนั้น
ลุงซุนยิ้มสาสมใจ เพิ่งจะโรยยาพิษบนเค้กก้อนนั้นไป คิดไปช่างง่ายดายยิ่งนัก เข่อชิงนางคงต้องการให้ตัวเองโดดเด่น ดีเสียจริงคนแบบนี้ที่เหมาะกับงานนี้ ที่จะต้องรับโทษประหารข้อหาปลงพระชนม์หรวนหนิงหลงเป็นนางอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง โชคเข้าข้างเมื่ออยู่ๆ อี้เอ่อร์ก็มาบอกว่า เข่อชิงนางทำของหวานชนิดพิเศษสำหรับฝ่าบาทเมื่อทั้งสองคนเผลอไผลลุงซุนก็นำ มัจจุราชแห่งความตายมอบให้หรวนหนิงหลงในทันที โดยหารยืมมือของนางโง่นั่น แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ทำไมฝ่าบาทให้ความสำคัญกับนางเพียงนั้นหยินเจินเชียวกับหยินหยิงเชียว ทั้งสองจ้องมองใบหน้างดงามกับอาภรณ์เนื้อดี แต่ความคิดต่างกัน หยินหยิงเชียวกับคิดว่านางมีสิทธิ์สวมใส่อาภรณ์เนื้อดีราวกับฮองเฮาด้วยหรือไร หยินหยิงเชียวกัดฟันจนเป็นสันนูนส่วนหยินเจินเชียวกลับรู้สึกว่าหญิงงามคนนี้ช่างเหมาะกับอาภรณ์งดงามนี้และเป็นหรวนหนิงหลงที่ให้ความสำคัญนางเกินใคร“ใครให้เจ้าเข้ามาในนี้ แค่เพียงผู้ช่วยคนปรุงอาหารมีสิทธิ์อะไรเข้ามาในนี้ แล้วอาภรณ์ที่เจ้าสวมใส่ เจ้าแอบยักยอกมาจากตำหนักไหน จากสนมคนใด”หยินหยิงเชียวส่งเสียงดังลั่นท่ามกลางสายตานับพันคู่นางหายีหระไม่ ก็บิดาเป็นถึงอ๋องเยี่ย ของต
“เรียบร้อยแล้วจ้ะพี่ ข้าเห็นว่าลุงซุนยอมใจดีให้พี่ยกของสิ่งนี้ออกไปด้วยตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าลุงซุนจะยอมง่ายดาย”ศรีไพรกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ เรื่องนี้จำต้องลงมือด้วยตัวเองหากพลาดเดาทางผิดนั่นเท่ากับฮ่องเต้จะต้อง ต้องพิษอย่างแน่นอน แต่หากพลาดอีกก็คือโทษตาย ในเมื่อคนที่คิดทำเค้กก็คือศรีไพรคนที่ยกไปก็คือศรีไพร เรื่องนี้หากจะมีใครสักคนโยนงานให้ก็เหมาะเจาะเหลือเกิน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อศรีไพร ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ให้ทุกอย่างมาลงที่เค้กชิ้นนี้เพื่อควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง“ไปได้แล้วตอนนี้งานเลี้ยงกำลังจะจบลงแล้ว เจ้ารีบยกของหวานที่เจ้าตั้งใจมอบให้ฝ่าบาทออกไปได้แล้ว อย่ามัวแต่ชักช้างานเลี้ยงใกล้จะจบลงเต็มทนแล้ว”เสียงลุงซุนดังมาจากข้างหลัง อี้เอ่อร์เบ้ปากศรีไพรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นหันไปมองถาดใส่เค้กที่มีฝาปิดไว้มิดชิดสูดลมหายใจเข้าลึกๆตื่นเต้นอย่างที่สุดที่จะต้องอยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก และจะต้องเข้าเฝ้าฮ่องเต้ นั่นไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่จะบังอาจทำต่อจากนี้ บังอาจยกเครื่องเสวยโดยไม่ต้องหลบในเงาของเฟยฟางอีกต่อไปอี้เอ่อร์มาช่วยจัดแจงอาภรณ์ของศรีไพรให้เข้าที่“ไปกันเถิดอี้เอ่อร์”พูดด้วยน้ำเสี
เฟยฟางในอาภรณ์งดงามราวกับสนมคนหนึ่งก็ไม่ปานยืนยิ้มที่หน้ากระจก“หากฝ่าบาทจะชื่นชมใครสักคน คนคนนั้นจะต้องเป็นข้าที่แบกรับทุกอย่างมาตั้งนานไม่ใช่เจ้าเข่อชิง”พร่ำพูดกับตัวเองด้วยสีหน้าและดวงตามุ่งหวังที่แฝงไปด้วยความริษยามือบางกำบางอย่างไว้แน่น“จะไม่มีเข่อชิงอีกต่อไปแล้วต่อไปจะมีเพียงเฟยฟาง เพียงคนเดียว”ที่ลานกว้าง“ฮ่องเต้เสด็จๆๆๆๆๆๆ”ผู้คนที่นั่งอยู่ต่าง ลุกขึ้นยกมือขึ้นประสานพร้อมเพรียงกันตรงหน้า“ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”หรวนหนิงหลงยิ้ม“เพียงกล่าวคำขอบคุณก็ไม่อาจเอื่อนเอ่ยบรรยายได้หมดในความรู้สึกขอบคุณที่ทุกท่านมาในครั้งนี้ข้า จึงหวังสิ่งตอบแทนเดียวที่มีคือการกินดื่มจนหนำใจ”“ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นๆ ปี”ขุนนางชั้นสูงคนหนึ่งยกจอกสุราตรงหน้าให้ผู้คนได้ร่วมดื่มอวยพร เป่ยกงกงรินสุราลงในจอกให้กับหรวนหนิงหลงไทเฮาและหยินหยิงเชียวต่างยกสุราชูขึ้นตรงหน้า เพื่อร่วมเฉลิมฉลองหรวนหนิงหลงชูสุราตรงหน้าแล้วกระดกลงคอในทันทีราวกับคำกล่าวเปิดงาน เหล่านางในต่างยกถาดอาหารนับร้อยนับพันมาเสริ์ฟในแต่ละโต๊ะเฟยฟางในอาภรณ์สะดุดตาต่างจากนางในคนอื่นที่เดินนวยนาดยกถาดเครื่องเสวยสำหรับหรวนหนิงหลงเข