“ข้อหลังนี่ น่ากลัวชะมัดเหมือนข้าไร้ตัวตน มาตลอดเวลา”พูดไปยิ้มไป“นั่นอย่างไรเล่าข้าถึงบอกว่าหากความจริงปรากฏพี่ก็แค่โยนความผิดให้ลุงซุนเสียก็เท่านั้น”อี้เอ่อร์ยุส่ง“ไม่ได้หรอก ข้าไม่ได้ทำผิดอะไรจะผิดก็แค่ช่วยพวกเขาปิดบัง และข้าก็เชื่อว่าความยุติธรรมมีจริงฝ่าบาทจะต้องไม่งี่เง่าจริงไหม ฝ่าบาทจะไม่งี่เง่าจริงๆ ใช่ไหม”อี้เอ่อร์ขำกับสีหน้าไม่ค่อยมั่นใจของศรีไพร อี้เอ่อร์เองก็มีความเชื่อว่าจะต้องมีเรื่องดีดีเกิดขึ้นบ้าง ในเมื่อศรีไพรตั้งใจทำดีมาตลอดตั้งใจปรุงเครื่องสวยอย่างพิถีพิถันความมืดโรยตัวลงมาปกคลุมทั่วบริเวณ เสียงห้องเครื่องถูกปิดประตูลงไร้องครักษ์และทหารยาม“เรื่องก็เป็นแบบนี้ บ่ายนั้นจนเย็นข้าก็ถูกขังในห้องเก็บฟืนแล้ว ก็ต้องรีบมาทำฟักทองสังขยาถวายพระพันปีดีนะที่อี้เอ่อร์นางแกะสลักฟักทองได้งดงามไม่แพ้ข้า555”“เจ้าเก่งจัง แม่นางเข่อชิง เจ้าจัดสรรหลายอย่างได้ดี และทันเวลาเสมอ”“ไม่เท่าไหร่ ไม่เท่าไหร่ จะว่าไปฮ่องเต้ชรานั่น ก็นั่งกินทอดข้าวโพดยันบ่ายสาม เหมือนตั้งใจจะแกล้งข้า”หรวนหนิงหลงอมยิ้ม“เขาเอ๊ย..ฝ่าบาทจะแกล้งเจ้าไปทำไม เขาไม่ได้รู้จักเจ้าเสียหน่อย”ศรีไพรทำสีหน้าครุ่นคิด หร
“ที่นี่ จะเลิกเรียกข้าว่าน้องชายได้หรือยัง”ศรีไพรหลบตาเสีย หน้าแดงแปร๊ดจนอีกคนอมยิ้มกับแก้มใสๆ อยากจะกดจมูกโด่งลงบนแก้มแดงๆ นั่นเหลือเกิน ท่าทางเขินอายยิ่งน่ารักน่าเอ็นดู“อืมมม ใครบอกให้ท่าหน้าเด็กเล่า พอๆๆ เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วเราไป หาอะไรกินกันดีกว่า ไหนบอกว่าหิวแล้วไม่ใช่หรือ”เรื่องเปลี่ยนเรื่องไว้ใจศรีไพร“หิวสิ….แต่ยังอยากจะมองหน้าเจ้าแบบนี้”“อย่า อย่าพูดแบบนี้ ข้าเอาจริงนะ ไม่เอาดีกว่าข้าไปปอกไข่ส่วนท่านไปเด็ดใบกะเพราเตรียมไว้”หันหน้าหนีไปเสียอีกทาง หรวนหนิงหลงยิ้ม“เจ้า เคยมีใจให้ใครมาก่อนไหม”ศรีไพรชะงักงัน“ไปเด็ดใบกะเพราเลยนะ”อมยิ้มยกมือขึ้นดันแผ่นหลังของหรานหนิงหลงที่รู้สึกว่าเป็นเขาเองที่ใจสั่นกับความวางใจของศรีไพรกล้าถูกเนื้อต้องตัวเขา หญิงงามในวังหลวงใครกันที่จะกล้าแตะตัวเขาแบบนี้“ขอรับนายหญิง”“ดีมากไปได้แล้ว ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว”ศรีไพรบ่นเบาๆจะกี่คืนก็ยังมารอแสงหลากสีนั้นมารอว่ามันจะมาวันไหน ศรีไพรจะได้กลับบ้านเสียทีหรวนหนิงหลงหยิบกิ่งต้นกะเพรามาเด็ดเป็นใบๆ ใส่ถ้วยไว้ ศรีไพรปอกไข่เยี่ยวม้าใส่ถ้วยสามใบแล้วหั่นเป็นสี่ส่วนเตรียมไว้ หันไปสับหมูชิ้นเล็กจนละเอียด โขล
“ขอบคุณท่านจริงๆ ข้ามานี่คนดีกับข้าก็มีท่านกับอี้เอ่อร์ที่พอจะพูดปรับทุกข์ด้วยได้อี้เอ่อร์จะแสดงให้นางเห็นว่าข้าอ่อนแอไม่ได้เพราะสายตาที่นางมองข้าเทิดทูนข้าอย่างที่สุดหากเอาแต่อ่อนแอให้นางเห็น กลัวว่านางจะใจเสียหลายวันมานี้ข้าต้องพบกับปัญหาต่างๆ มากมายแต่ก็ผ่านมาได้เพราะคำว่าต้องเข้มแข็งแล้วเมื่อมาพบท่านก็ยิ่งรู้สึกโล่งเพราะอย่างน้อยข้าก็ดีกว่าท่าน ไม่ต้องอดๆ อยากๆ อยู่ในห้องเครื่องจะกินอะไรก็ปรุงเอง ท่านนี่สิ จะต้องมาหาขโมยของกินในห้องเครื่องอีกกี่วัน ข้าเห็นท่านเป็นแบบนี้แล้วเอามาเปรียบกับตัวเองข้าดีกว่าท่านเห็นๆ ฉะนั้นต้องขอบคุณที่ทำให้ข้ามีแรงสู้ไม่ตายเสียก่อนตั้งแต่กลางวันเพราะอย่างน้อยก็ยังได้คิดว่าคืนนี้ท่านจะหิวและรอข้าอยู่ แล้วข้าก็ต้องรีบมาหาอะไรให้ท่านกิน”"แค่กกๆ"ศรีไพรรีบรินน้ำ"ว่าแต่คราวนี้สำลักอะไรอีก"ศรีไพรถามประสาซื่อ หนิงหลงจ้องตาหน้านิ่ง“พูดแบบนี้ข้าก็คงต้องมาทุกวันใช่ไหม ในเมื่อเจ้ารอข้า”สบตาค้นหาความจริงในคำพูด“อือ ข้าก็ไม่ได้บังคับนะ แต่ข้าเองต้องมาทุกวัน ดีนะที่ช่วงนี้ทหารยามกับองครักษ์หายไปจนหมด เหมือนเปิดทางให้ท่าน ดีแล้วหิวเมื่อไหร่ก็แวะมา555”พูดอ้อมแอ้ม
เป่ยกงกงยิ้มน้อยๆ“นางคงไร้วาสนาใช่หรือไม่แม้กระทั้งปิ่นรักอยู่ในมือแล้วยังถูกเรียกคืน”“เดิมข้ายอมรับว่า ..พึงใจนางในห้องเครื่องเฟยฟางไม่น้อย ความจริงเรื่องทั้งหมดก็จะโทษว่าเป็นความผิดของนางไม่ได้ทุกคนล้วนมีเหตุผลนางในตอนนั้นอาจแค่อยากจะช่วย ซุนเต๋อไฉ่”พูดไปยิ้มไปคิดถึงคนที่สอนเขาเรื่องนี้ทุกการกระทำชั่วมีเหตุผล“ฝ่าบาท ความคิดเปลี่ยนไปเพียงนี้คาดว่าไม่กล่าวโทษคนพวกนี้แล้วใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”รู้สึกโล่งใจ“มีบางคนที่ทำให้ข้าเปลี่ยน เมื่อวานยกขนมฟักทองสังขยาไปให้เสด็จแม่ ข้ารู้สึกกระอักกระอวนที่จะบอกว่าใครทำของแบบนี้ด้วยความตั้งใจหากพูดความจริงว่าเป็นนางเสียข้าคงจะพูดได้เต็มปากกว่านี้”“แต่ฝ่าบาทก็ไม่ได้บอกว่านางในห้องเครื่องเฟยฟางเป็นคนปรุงนี่พ่ะย่ะค่ะ”หรวนหนิงหลงอมยิ้มหาก ศรีไพรมาได้ยินเรื่องนี้นางก็คงจะบอกว่าเป็นเขาต่างหากที่โดนนางวางยาเสน่ห์ เขาปกป้องนางจนเขาเองก็รู้สึกแปลกใจ“ข้าอยากให้เรื่องนี้คลี่คลาย แต่จะต้องแบบไหนจะต้องอย่างไร จึงจะไม่ทำให้นางเจ็บปวดตอนนี้นางรวมหัวกับคนในห้องเครื่องหลอกลวงข้า ข้าก็หลอกลวงนางคืนกลับ”เป่ยกงกงยิ้ม”ฝ่าบาทกังวลเกินไปแล้วก่อนหน้านั้น ฝ่าบาทจัดการ
ห้องเครื่อง“ข้าน้อยไม่เห็นว่าในนั่นมีปิ่นที่กงกงถามถึง”เฟยฟางก้มหน้าทำ พูดเบาๆ อย่างนอบน้อม“ไม่มีอย่างนั้นหรือ”เป่ยกงกงขมวดคิ้ว ไม่อยู่กับเฟยฟางแล้วอยู่กับใครแล้วไทเฮาทรงทราบได้อย่างไรว่าปิ่นสำคัญอันนั้นถูกมอบให้กับเฟยฟาง“ถึงอย่างนั้นก็เถอะจะบอกว่าไม่เห็นก็แปลว่าปิ่นนั้นไม่เคยถูกมอบให้เจ้าก็ไม่ได้ ในเมื่อฝ่าบาทบอกว่ามอบมันมาแล้ว เป็นเจ้าที่จะต้องสืบค้นว่าปิ่นอันนั้นหายไปไหน”เฟยฟางก้มหน้าย่อกาย“เฟยฟางน้อมรับคำสั่งจะหาปิ่นอันนั้นให้พบโดยเร็วที่สุด กงกงโปรดเอ็นดูเฟยฟางด้วย”แทบจะสิ้นหวังก็ในเมื่อของกำนัลที่ได้มาในวันนั้นแจกจ่ายให้กับคนในห้องเครื่องที่มีอยู่ราวๆ ร้อยกว่าคน ใครได้ของสิ่งไหนไปบ้างหรืออาจนำไปเปลี่ยนเป็นเงินไปเสียแล้วก็ไม่อาจรู้ได้“เช่นนั้นข้าคงจะต้องกราบทูลไทเฮาว่าปิ่นสำคัญอันนั้น ยังไม่แน่ว่าจะอยู่ที่นี่”เฟยฟางยิ้มเศร้า เป่ยกงกงถอนหายใจตำหนักจันทรา“กุ้ยเฟยเพคะ วันนี้กงกงไปสอบถามนางในห้องเครื่องเฟยฟางเรื่องปิ่นอันนั้น”หลินกุ้ยเฟยเงยหน้าขึ้นจากถุงเครื่องหอมที่กำลังเย็บเพื่อถวายให้กับหรวนหนิงหลง“เจ้าว่ากลิ่นกุ้ยฮวาที่ฝ่าบาทโปรดปรานหากให้ห้องยาสกัดมาทำน้ำมันหอมระเหยใ
“ข้าทำนมข้นหวานจากนมสดพักไว้ในนั้น อีกโถถัดไปเป็นมายองเนส และซอสมะเขือเทศ ที่ข้าอาศัยช่วงเวลาที่แวะมาที่นี่ตามลำพังยามค่ำคืนเตรียมไว้”เจียวหยาทำตาโต“พี่เข่อชิงท่านนี่ขยันเสียจริงแม้ยามค่ำคืนก็ยังแวะมาที่ห้องเครื่องเพื่อเตรียมวัตถุดิบ”อี้เอ่อร์ยักคิ้ว“ข้าบอกพวกเจ้าแล้วยามกลางคืนพี่เข่อชิงมาที่นี่ทุกวัน แต่เสียดายไม่ยอมให้ข้ามาช่วยแล้วแบบนี้อี้เอ่อร์จะได้เคล็ดลับในการทำวัตถุดิบเหล่านี้ไหม”ศรีไพรยิ้มนึกขำ“เอาแบบนี้หากใครอยากได้เคล็ดลับ เตรียมกระดาษกับอะไรสักย่างมาจดในยามบ่ายพี่เข่อชิงจะยอมบอกไม่มีอั้น”“เย่ๆๆๆๆๆ”เสียงโห่ร้องจากสาวๆ อี้เอ่อร์ยิ้มแก้มปริ“พอแล้ว ได้เวลาทำเครื่องเสวยแล้วหยุนเออ่ร์ไปอุ่นเตาอบรอไว้ แล้วกลับมาช่วยกัน เจียวหยาหั่นกุนเชียงหมูหิมะ และนำทุกอย่างรวมกันไว้ตรงนี้ อี้เอ่อร์มาช่วยทำแป้งแผ่น เสี่ยวถานกับเสี่ยวลี่ ก็มาช่วยกันทาเจ้าสิ่งนี้”ยื่นซอสพิซซ่าให้เสี่ยวถานกับเสี่ยวลี่เชิงอรรถ์ *ซอสพิซซ่าตั้งกระทะ ใส่น้ำมันมะกอกลงไป ใช้ไฟกลาง ใส่หอมใหญ่ และกระเทียมสับลงไปใช้ไฟกลางผัด ผัดไปเรื่อยๆ จะช่วยให้ซอสอร่อยกลมกล่อมเมื่อมีกลิ่นหอมขึ้นมาแล้วให้ใส่น้ำมะเขือเทศปอกเปล
สาวๆ ทั้งห้าต่างกลือนน้ำลายลงคอเพราะความหอมน่ากินไม่ว่าจะหมูหิมะ กุนเชียง มะเขือเทศ เห็ดหอม เบค่อนพริกหยวก หรือจะถาดหวานที่มีทั้งพุทราจีน สตอร์เบอรรี่ ก็น่ากินจนแทบจะอดใจไม่ไหว เฟยฟางรีบเดินสาวเท้าเข้ามา“เฟยฟางขอโทษพี่เข่อชิง พอดีเป่ยกงกงแวะมาข้าเลยช้าไปหน่อย”ศรีไพรยิ้ม“พอดีเลยมาสิ ข้าจะบอกว่าจะต้องกินแบบไหน”ดึงมือเฟยฟางให้มาใกล้ๆ โรยออริกาโน่กับซอสมะเขือเทศจนทั่วใช้มีดในมือหั่นพิซซ่าออกเป็นแปดชิ้น แล้วคว้าพิซซ่ามาหนึ่งชั้นใช้ปากงับเอาจนซีสที่ร้อนๆ เหนียวยืด หลับตาพลิ้ม“อือหือ อร่อยจัง”อี้เอ่อร์เผลอกลืนน้ำลาย มองศรีไพรที่ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าขึ้นลง“เอาได้เอาได้ พวกเจ้าลงมือเลย ทั้งหมดคือของพวกเรา”คราวนี้เองที่มือไขว้กันไปมา เฟยฟางยืนนิ่ง“เฟยฟางเจ้าก็ต้องชิม แล้วสอนวิธี เสวยกับฝ่าบาทด้วย”หยิบเอาแผ่นพิซซ่าหนึ่งชิ้นส่งให้เฟยฟางกัดเบาๆ ราวกับกลัวว่าพิซซ่าจะเจ็บ เคี้ยวช้าๆ ใบหน้างามแสดงออกว่ารสชาติถูกปากศรีไพร วางพิซซ่าลงในถาดแล้วโรยออริกาโน่กับซอสมะเขือเทศ แล้วหั่นเป็นชิ้น อี้เอ่อร์ เจียวหยาและหยุนเอ่อร์รีบ ตักเอาพิซซ่าที่สดใส่เข้าไปในเตาอย่างรู้งาน“พร้อมหรือยัง เฟยฟางเจ้ายกไป
“เอะท่านนี่อย่างไรกัน ท่านอยู่ตรงนี้แล้วทำไมเราสองคนก็แค่เพื่อนกินข้าวไม่สิเพื่อนปรับทุกข์เพื่อนคุยและเพื่อน…. เพื่อนที่คุยได้ทุกเรื่องก็เท่านั้น ส่วนฝ่าบาทก็คือฝ่าบาท ก็คือนายจ้างแล้วนายจ้างแก่ๆ ท่านคิดว่าคนอย่างข้าชอบคนแก่หรือไร”หรวนหนิงหลงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น“ยอมแล้ว เจ้าเห็นข้าเพียงสหาย แค่กๆ”พูดเสร็จหรวนหนิงหลงก็ไอถี่ๆ“เถียงไม่ชนะก็แกล้งไอใช่ไหม”หรวนหนิงหลงฝืนยิ้มหายวันมานี้ออกมาพบศรีไพรทุกวันโดนอากาศเย็นเล่นงาน“อีกสามวันจะถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพของฝ่าบาท เจ้าไม่อยากจะสวมใส่อาภรณ์งดงามออกไปพบแขกเมืองบ้างหรือ ในวันนั้นหลายแคว้นต่างส่งเครื่องบรรณาการมาพร้อมกับ ทูตสัตวไมตรีมีทั้งองค์หญิงองค์ชายและอ๋องน่าตื่นตาตื่นใจ”“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ถึงจะบอกว่าไม่อยากไปแต่ก็จะต้องทำอาหารเลี้ยงคนหมู่มาก ตามที่ไทเฮาและกรมวังมีคำสั่งลงมา แล้วอีกอย่างดูเสื้อผ้าของข้าสิน่าจะออกไปพบใครไหมกลิ่นเครื่องเทศโชยมาแต่ไกลเลยทีเดียว คนมากน่าดูตรงไหน ความจริงวันเกิดฝ่าบาทก็ควรจะทำอะไรที่ให้ฝ่าบาทประทับใจก็พอแล้วไม่จำเป็นต้องให้ใครต่อใครมาอวยพรจริงไหม”หนิงหลงก้มหน้า แม้จะอยู่ในอาภรณ์แบบไหนศรีไพร