ฉับพลันนั้นเองแสงหลายสีก็ปรากฎขึ้นที่รอบๆร่างบางของศรีไพร หรวนหนิงลุกทะลึ่งพรวดลุกขึ้นจากแท่นนอน แม้จะไม่เข้าใจว่าแสงนั้นคือสิ่งใดแต่เขากลับดึงร่างบางให้ถอยจากลำแสงหลากสีนั้น กอดรวบร่างบางของศรีไพรไว้แน่นศรีไพรรู้สึกถึงแรงดึงมหาศาลที่ฉุดดึงร่างของเธอทั้งลากทั้งดึงแสงหลากสีห่อหุ้มร่างบางไว้ทั้งๆที่หรวนหนิงหฟลงกอดไว้แต่แสงก็ไม่ได้แตะต้องหรวนหนิงหลงแต่อย่างใด แสงหลากสีตามาถึงนี่ ตามมารับตัวศรีไพรถึงที่นี่ ไม่สิไม่ว่าศรนีไพีจะอยู่ที่ไหนแสงหลากสีนี้ก็จะหาจนเจอเสียมากกว่าศรีไพรนึกขำที่ตัวเองไปเฝ้ารอแสงนี้ในทุกค่ำคืนที่ห้องเครื่อง คงจะต้องไปจริงๆแล้วสินะ ว่าแต่ทำไมต้องเป้นตอนนี้ในเมื่อทุกอย่างกำลังจะดีแล้วเชียวศรีไพรกำลังจะพบกับความสุขแล้วเชียว ศรีไพรรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วสรรพร่าง มึนงงและตื่นตระหนกพยายามฝืนใจบอกลาหรวงหนิงหลง“คงต้องไปแล้ว ข้าไม่อาจฝืนต่ออะไรบางอย่างในตอนนี้ ฝ่าบาทปล่อยข้าเถอะข้าเจ็บปวดเพราะแรงฉุดดึงจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว”หรวนหนิงหลงหน้าเสีย แต่ยังไม่ยอมปล่อยอ้อมแขน“เจ้าไปข้าไป”“ฝ่าบาทไม่มีประโยชน์ ข้าคงต้องลาแล้ว บางทีข้าจะหาโอกาสกลับมาที่นี่ให้ได้อีกสักครั้ง”“ไม่ไม่ไม่ข้าไ
“หลายวันมานี้นอนอยู่แต่ในแท่นนอน ฝ่าบาทควรจะออกไปสูดอากาศเสียบ้าง”หรวนหนิงหลงถอนหายใจ แต่ก็ยอมลุกไปโดยดี“กลิ่นอะไร”หรวนหนิงหลงได้กลิ่นน้ำชุปหมาล่าเตะจมูกหอมจนทำให้นึกถึงเรื่องราวในวันเก่าในห้องเครนื่องคืนวันนั้นกับศรีไพรเป่ยกงกงไปแล้ว ภาพตรงหน้า ที่เขาเห็นคือศรีไพรที่นั่งถือพัดพัดไฟในเตาให้โหมกระพือเพื่อให้หม้อชาบูเดือด“ชาบูเยียวยาทุกอย่าง”ใบหน้างดงามหันมายิ้มให้เขา หรวนหนิงหลงถลาเข้าไปกอดรวบร่างบางไว้แนบอก น้ำตาไหลริน“ในที่สุดเจ้าก็กลับมาการรอคอยของข้าไม่สูญเปล่า ข้าคิดถึง คิดถึงเจ้าที่สุด”“เบาๆเพคะ อือช้ำหมดแล้วรู้ไหมทำไมกลับมา”ศรีไพรลูบที่หน้าท้องเบาๆ“อย่าบอกนะว่า เจ้า ตั้งครรภ์ลูกของข้า”ศรีไพรพยักหน้าขึ้นลงอายๆ“กลัวแทบตายว่าจะกลับมาไม่ได้ แต่ข้าก็มั่นใจว่าจะต้องกลับมาในเมื่อข้าฝันถึงท่านในทุกคืน ท่านเล่าฝันถึงข้าบ้างไหม”หรวนหนิงหลงยิ้มทั้งน้ำตา“ไม่ว่าจะหลับหรือตื่นล่วนมีเจ้าทุกเวลา อย่าจากข้าไปไหนอีกได้ไหมอยุ่ที่ด้วยกันอยู่กับข้าไปจนแก่เฒ่า”ศรีไพรพยักหน้าขึ้นลง“กลับไปไม่ได้แล้วในเมื่อซินแซที่วัดข้างบ้านที่ทำพิธีให้กับข้าเพื่อกลับมาที่นี่ขอคำยืนยันกลับข้าว่าหากข้ามาข้
ป้าตื้อที่มาถึงในยามสายก็พูดขึ้นก่อนจะหย่อนตูดลงนั่งด้วยซ้ำไป“ข้าละอายใจเกินกว่าจะทำแบบนั้นได้ฮองเฮาไม่เคยถือโทษ ฝ่าบาทแม้ลงโทษก็โทษสถานเบาด้วยอ้างคำพูดของฮองเฮา"ป้าตื้อกอดเข่า"ฮองเฮากลับมาหลายอย่างดีขึ้นแม้แต่ข้าเองยังกลับมาเป็นข้าเช่นเดิมส่วนฝ่าบาทก็ไม่ฉุนเฉียวเศร้าสร้อยนับว่าสวรรค์ส่งฮองเฮามาเพื่อพวกเราจริงๆ""ข้าซาบซึ้งน้ำพระทัยฮองเฮายิ่งนักที่ไม่กล่าวโทษข้าแล้วยังให้ข้าออกจากคุกคุมขังไปใช้ชีวิตสงบข้างนอกได้อีก วันก่อนไทเฮามีราชเสาวนีย์ให้ข้าไปพำนักที่ตำหนักพระพันปีในตำแหน่งคนดูแลอุทยานส่วนพระองค์ข้าน้ำตาแทบไหลแต่ละพระองค์ล้วน ดีกับข้าเหลือเกิน""เฮ้อ อย่างนั้นก็รีบออกมาเสีย ขืนชักช้าจะไม่ทันได้เห็นองค์ชายน้อยถือกำเนิดหมอหลวงบอกว่าไม่เกินวันสองวันนี้ฝ่าบาททรงดีพระทัยจัดให้มีการสร้างตำหนักใหม่ให้กับองค์ชายเสียใหม่แล้วยัง สั่งผ้าเนื้อเกณฑ์นางในหลายสิบคนช่วยกันตัดเย็บอาภรณ์สำหรับเด็กอ่อน ฮองเฮาเองจะเดินจะนั่งจะไปไหนฝ่าบาทก็คอยประคองด้วยองค์เองไม่ห่าง อี้เอ่อร์กลายเป็นนางกำนัลข้างกาย เสี่ยวถาน เสี่ยวหยาจำต้องรับหน้าที่ปรุงอาหารแทน มีแต่แกนั่นล่ะตาแก่ที่สบายอยู่ในนี้"ป้าตื้อร่ายยาว"
ไทเฮาน้ำตาปริ่มขอบตารับเอาร่างกระจ้อยที่นอนนิ่งเปิดโอกาสให้ใครต่อใครได้ชื่นชม อี้เอ่อร์ยืนเขย่งตัวอยากจะเห็นองค์ชายน้อยเช่นกัน"อี้เอ่อร์ มาชื่นชมองค์ชายน้อยเสียด้วยกัน"ศรีไพรพูดขึ้นยิ้มๆ"ขอบพระทัยฮองเฮา"อี้เอ่อร์ยื่นหน้าไปดูร่างกระจ้อยในอ้อมแขนไทเฮา พร้อมกับรอยน้ำตา"เจ้าว่าเหมือนฝ่าบาทหรือฮองเฮา"ไทเฮาเอ่ยปาก"เหมือนทั้งสองพระองค์ และน่าเอ็นดูที่สุด"อี้เอ่อร์พูดไปยิ้มไปป้าตื้อเดินมาทรุดกายลงข้างหน้าศรีไพร"ป้าตื้อเล่าได้เห็นหน้าองค์ชายหรือยัง อ่อจริงสิได้เห็นก่อนข้าเสียอีก"ศรีไพรพูดไปยิ้มไป"ตาแก่ซุนมอบสิ่งนี้มาให้ข้าช่วยรับขวัญองค์ชายน้อย"วางตุ๊กตาแกะสลักลงข้างแท่นนอนศรีไพรถอนหายใจ"ไม่รับ"หรวนหนิงหลงเลิกคิ้วสูงกับท่าทีของศรีไพรป้าตื้อเช็ดน้ำตารู้สึกเจ็บปวดในใจ"ข้าน้อยเข้าใจตาแก่ทำกับฮองมากไปแค่นี้ก็ถือว่าเมตตามากแล้วกับคนแก่อย่างเรา"ศรีไพรยิ้ม"ที่ไม่รับเพราะอยากให้ท่านลุงซุนมอบมันให้กับองค์ชายน้อยกับตัวเอง ข้าให้ออกจากห้องขังก็ไม่ออกมาฉะนั้น ต้องออกมาไม่อย่างนั้นข้าไม่รับ"หรวนหนิงลงหัวเราะในลำคอ"ตามนั้นข้าบัญชาให้ซุนเต๋อไฉ่มามอบของกำนัลรับขวัญองค์ชายน้อยด้วยตัวเองไม่เช่นนั้
“เรื่องมันมีอยู่ว่า ช่างเถอะ ไม่อยากจะเล่าเลยเล่าแล้วมันยาวและเจ็บปวดเอาเป็นว่าฉันที่เคยเป็นผู้ช่วยแม่ครัวย้ำว่าผู้ช่วยแม่ครัวไม่ได้เป็นช๊งเป็นเชฟอะไรกับเขาหรอกก็แค่ผู้ช่วยแม่ครัวในร้านอาหารแต่ต้องทำทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ ขัดห้องน้ำ ล้างจาน และทำอาหารแทนแม่ครัว แต่เขาดันเรียกว่าเป็นคนปรุงเพราะวันไหนที่แม่หัวหน้าแม่ครัวไม่มา อี่ศรีคนนี้แหละจะต้องทำทุกงาน ตั้งแต่หั่นผักยันปรุง“ก็คิดว่าช่วยๆ กัน”เจ้าของร้านพูดเมื่อวันสุดท้ายของปี ที่แม่ครัวแกดันกลับบ้านที่ต่างจังหวัดไม่บอกไม่กล่าวสักคำ เราจึงต้องใช้คำว่าช่วยๆ กันตั้งแต่เช้าอีศรีไพรคนนี้ก็เลยต้องทำทุกตำแหน่งในร้าน จน..จนในที่สุดฉันก็ได้พัก ดื่มสุราในคืนข้ามปีพร้อมกับน้องๆเด็กเสิร์ฟในร้านที่แอบรินสารพัดสุราที่ลูกค้าดื่มไม่หมด มาลงขวดเก็บไว้ ผลจากสุราที่เรียกว่า หลาสยกษัตรย์ผสมกันทำเอาร่างกายที่อ่อนล้ามาทั้งวันทิ้งตัวหล่นตุ๊บในท่าตะแคงข้างลงบนพื้นกระเบื้องในท่านั่งโลกหมุนติ้วสีฟ้าขาวเหลือง แดง ม่วง น้ำเงิน ส้ม ชมพูแสงสว่างวาบแล้วมาหล่นตุ๊บอีกทีที่ไหนสักแห่ง“$@#*+&&¢£¥%”จูนแป็บ…เขาพูดอะไรกัน สะบัดศีรษะไปมา“เร็วเข้า ฝ่าบาทเพิ่งจะกวา
หันกลับไป ยิ้มกับครกอย่างน้อยก็มีวัตถุดิบสำหรับโขลกพริกแกงละว้าหั่นข่าตระไคร้เตรียมไว้ หยิบลูกมะกรูดมาปอกเอาเปลือกสีเขียวออกบางๆหั่นฝอยเตรียมไว้คว้าพริกกับเครื่องเทศมาโขลกเสียงโขลกพริกแกงดังลั่นวังหลวงหันกลับไปพลิกของทอดที่กำลังสุกเหลืองด้านหนึ่งให้อีกด้านหนึ่งลงไปทอดบ้าง หั่นตะไคร้ลงไปทอดที่หลังเพราะตะไคร้จะสุกก่อนหากใส่ไปพร้อมกันจะต้องไหม้แน่ๆโขลกพริกแกงจนละเอียด สีแดงสดยกไม่ตีพริกขึ้นมาสูดดมกลิ่นหอมเสร็จแล้วก็ใช้กระชอนที่สานจากไม้ไผ่ช้อนเอาของทอดสีเหลืองทองที่กรอบนอกนุ่มในพร้อมกับตะไคร้ที่เหลืองสวยเช่นกันขึ้นมาสะเด็ดน้ำมันรินน้ำมันออกจากกระทะ เหลือน้ำมันนิดหน่อย ใส่พริกแกงที่โขลกลงไปผัด เสียงซ่าาดั่งๆทำเอาอะดีนาลีนพุ่งปรี๊ดคราวนี้เองที่ป้าตื้อมาชะโงกมองที่หน้าต่าง“ฮัดชิ้ว หืมมม”“เป็นอย่างไรป้าหอมไหม”ศรีไพรถามยิ้มๆ“สิ่งนี้เรียกอะไรที่เจ้ากำลังผัดอยู่นั่น”ป้าตื้อถามด้วยความอยากรู้“อ่อ นี่คือพริกแกง”“ไม่มีพิษแน่ใช่ไหมฝ่าบาท เกรงว่าจะต้องพิษจึงไม่ยอมเสวย”ศรีไพรขมวดคิ้ว“อ้าวเหรอ นึกว่าอาหารไม่ถูกปาก”“นั่นก็มีส่วนอย่างมากฝ่าบาทเกรงว่าจะมีคนวางยาพิษเลยยอมอด แต่รู้ไหม ว่าท่า
“หัวหน้าห้องเครื่องที่รับผิดชอบเรื่องเครื่องเสวยมาพบข้า”หนิงหลงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเป่ยกงกงรับคำถอยห่างออกมา ถึงจะอยากคาดเดาแต่ก็ไม่อาจคาดเดาว่าหนิงหลงกำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์ไหนกันแน่พร้อมกับที่เฟยฟางกำลังยกเครื่องเสวยของนางพร้อมกับของหวานเข้ามาห้องเครื่อง“ฝ่าบาททรงเสวยแล้ว ฝ่าบาทเสวยเครื่องเสวยแล้ว”เสียงนางในห้องเครื่องที่ยกผัดเผ็ดพร้อมข้าวไปก่อนหน้านั้นตะโกนดังๆ ก่อนจะเห็นตัวนางด้วยซ้ำลุงซุน กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นผิดกับป้าตื้อกับอี้เอ่อร์ที่ต่างยิ้มด้วยความรู้สึกโล่งอกนางในห้องเครื่องต่างดีอกดีใจกันยกใหญ่ มีเพียงลุงซุนเท่านั้นที่สีหน้าไม่สู้ดี“เจ้าเก่งจริงๆ เข่อชิงว่าแต่เจ้าไม่เอาสูตรอาหารชนิดนี้มาจากไหนกัน แล้วรู้ได้อย่างไรว่าฝ่าบาทจะยอมเสวย”อี้เอ่อร์ถามขึ้นเขย่ามือศรีไพรด้วยความรู้สึกยินดี“ก็แค่ผู้สูงอายุที่กินยากอยู่ยาก อาหารที่ทำเลยจำเป็นต้องมีกลิ่นหอมยั่วน้ำลายก็เท่านั้น”คนแก่ก็แบบนี้ เรื่องมาก จืดไปก็ไม่เอาเลี่ยนไปก็ไม่กิน“ดีจริง ต่อไปบรรยากาศในห้องเครื่องและวังหลวงที่ตึงเครียดก็จะผ่านไปเสียที”อี้เอ่อร์พูดไปยิ้มไปศรีไพรเองก็จำต้องยิ้มตอบในเมื่ออี้เอ่อร์
“ปูนบำเหน็จให้นาง ข้าแค่สงสัยว่าเหตุใดในเมื่อกระเพาะหมูเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเครื่องเสวยของฮ่องเต้แต่ทำไมคนที่ปรุงเครื่องเสวยยังดื้อรั้นนำมันมาปรุงอีก ความดื้อรั้นนี้นับว่าเป็นความชอบเพราะทำให้ข้าเสวยได้หลังจากที่ไม่ได้เสวยอะไรในหลายวันที่ผ่านมา”เฟยฟางกับลุงซุนยิ้มแทบจะพร้อมกัน หนิงหลงจ้องมองใบหน้างดงามยามแย้มยิ้มของเฟยฟางแล้วรีบเบือนหน้าหนีห้องเครื่องศรีไพรเดินสำรวจทั่วบริเวณตื่นตาตื่นใจกับ ห้องครัวที่ใหญ่โตเหมือนห้องครัวในโรงแรมขนาดใหญ่ มีวัตถุดิบทั้งสดและแห้งเครื่องเทศใหม่เก่าแขวนเรียงรายขาหมูแห้งแขนไว้ที่ราวด้านข้างหน้าต่าง หมูเส้นหมูแผ่นไข่ปลา แขวนเรียงรายสุดอลังการหลายคนกำลังสารวนกับการทำเครื่องเสวยสำหรับคนในวังหลวง ที่มีนับพันชีวิตพ่อครัวแม่ครัว เรียกแบบนี้ก็ไม่ผิดเพราะแต่ละคนสวมวิญญาณนักปรุงที่ตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารราวกับว่าชีวิตนี้เกิดมาเพื่อมัน ศรีไพรอมยิ้มเหมือนเหมือนตัวศรีไพรเลยที่ทำงานจนตาย เอหรือว่าดื่มจนตาย“อู๊ยยยยดูสิของกำนัลที่ฝ่าบาทประทานมาล้วนมีแต่ของดีๆ”เฟยฟางยิ้มบางๆ“แจกจ่ายกันไปในหมู่พวกเราดีไหมท่านลุง เราทุกคนล้วนเหนื่อยล้ามาหลายวันกว่าฝ่าบาทจะยอมเสวย”“ห