“ปูนบำเหน็จให้นาง ข้าแค่สงสัยว่าเหตุใดในเมื่อกระเพาะหมูเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเครื่องเสวยของฮ่องเต้แต่ทำไมคนที่ปรุงเครื่องเสวยยังดื้อรั้นนำมันมาปรุงอีก ความดื้อรั้นนี้นับว่าเป็นความชอบเพราะทำให้ข้าเสวยได้หลังจากที่ไม่ได้เสวยอะไรในหลายวันที่ผ่านมา”
เฟยฟางกับลุงซุนยิ้มแทบจะพร้อมกัน หนิงหลงจ้องมองใบหน้างดงามยามแย้มยิ้มของเฟยฟางแล้วรีบเบือนหน้าหนีห้องเครื่อง
ศรีไพรเดินสำรวจทั่วบริเวณตื่นตาตื่นใจกับ ห้องครัวที่ใหญ่โตเหมือนห้องครัวในโรงแรมขนาดใหญ่ มีวัตถุดิบทั้งสดและแห้งเครื่องเทศใหม่เก่าแขวนเรียงรายขาหมูแห้งแขนไว้ที่ราวด้านข้างหน้าต่าง หมูเส้นหมูแผ่นไข่ปลา แขวนเรียงรายสุดอลังการหลายคนกำลังสารวนกับการทำเครื่องเสวยสำหรับคนในวังหลวง ที่มีนับพันชีวิตพ่อครัวแม่ครัว เรียกแบบนี้ก็ไม่ผิดเพราะแต่ละคนสวมวิญญาณนักปรุงที่ตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารราวกับว่าชีวิตนี้เกิดมาเพื่อมัน ศรีไพรอมยิ้มเหมือนเหมือนตัวศรีไพรเลยที่ทำงานจนตาย เอหรือว่าดื่มจนตาย“อู๊ยยยยดูสิของกำนัลที่ฝ่าบาทประทานมาล้วนมีแต่ของดีๆ”เฟยฟางยิ้มบางๆ“แจกจ่ายกันไปในหมู่พวกเราดีไหมท่านลุง เราทุกคนล้วนเหนื่อยล้ามาหลายวันกว่าฝ่าบาทจะยอมเสวย”“หากเจ้าไม่ถือสาว่านี่ของที่ฝ่าบาทประทานมาให้เจ้า เช่นนั้นก็แจกๆๆๆ แจกจ่ายกันไปให้ทั่ว”เฟยฟางยิ้ม ยืนคอยแจกจ่ายและรับการคารวะจากขันทีและนางในห้องเครื่อง“เฮอะของพวกนี้ล้วนเป็นความดีความชอบของเข่อชิง เจ้าจัดแจงราวกับว่า”ป้าตื้อเบ้ปากอยากจะพูดมากกว่านั้นแต่ลุงซุนกลับมองมาด้วยสายตาตำหนิ“ยายแก่หุบปากแกเสียถ้าไม่มีเฟยฟางข้าเกรงว่าหัวจะหลุดจากบ่า”“ตาแก่กคิดได้อย่างไรกันนางก็แค่ไปช่วยคลี่คลายสถานการณ์ที่แกกลัวจนคิดไปไกลว่าฝ่าบาทจะลงทัณฑ์”ลุงซุน ถอนหายใจ“ใครจะรู้พระทัยของฝ่าบาทได้เล่าแต่ถึงเวลานั้นข้ายอมรับว่ากลัวจริงๆ ถ้าไม่มีนางมาช่วยไว้ทัน เพราะนั่นคือกระเพาะสุกร”“ไม่มีใครสั่งประหารคนที่ทำให้ตัวเองกินทั้งๆ ที่หิวมาหลายวันเพียงเพราะ….. เอากระเพาะสุกรไปปรุงอาหารหรอก หามันคือกระเพาะสุกรใช่ไหม”ป้าตื้อทำสีหน้าตื่นตกใจ เมื่อตระหนักได้ว่ามันคือกระเพาะสุกรสิ่งต้องห้ามลุงซุนพยักหน้า“กระเพาะสุกรแต่นางกลับปรุงมันออกมาเสียดิบดีแล้วยังหั่นบั้งเสียสวยงาม ฝ่าบาทจึงมีบัญชาให้ถอดกระเพาะสุกรออกจากอาหารน่ารังเกียจเสีย”ลุงซุนพูดอย่างโล่งอก“แต่ต้องยอมรับว่าเข่อชิงนางมีพรสวรรค์เครื่องเสวยที่นางปรุงใครกันคิดได้เช่นนาง”“เฟยฟางนางแก้ต่างราวกับเป็นเข่อชิง พูดในสิ่งที่ข้าคิดไว้และข้าไม่กล้าพูดแต่นางกลับกล้าที่จะเอ่ยมันออกมาต่อหน้าฝ่าบาท”“เรื่องนี้พวกเราทุกคนล้วนรู้ดี ไม่จำเป็นต้องพูดก็คิดเหมือนกันวัตถุดิบในห้องเครื่องมีสิ่งไหนบ้างที่ไม่ได้ลองนำไปปรุงเครื่องเสวยให้กับฝ่าบาท ยกเว้นกระเพาะสุกรนั่น เช่นนั้นจึงถือว่าเข่อชิงมีความชอบ”“แต่เฟยฟางก็แก้ต่างให้ข้า ยายแก่ข้าอยากให้เจ้าได้เห็นตอนที่นางเข้าไป แล้วฝ่าบาทเห็นใบหน้างดงามอ้่อนหวานของนาง ฝ่าบาทอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดแล้วยังไม่กล้าที่จะกล่าวโทษด้วยความเป็นฮ่องเต้เป็นโอรสสวรรค์จะต้องยโสในเรื่องที่ฮ่องเต้คนอื่นยโสแต่ด้วยท่าทีของเฟยฟางนางทำให้ฝ่าบาทเปลี่ยนไป”ป้าตื้อเบ้ปาก“ใช่ซี้เข่อชิงของข้านางไม่ได้มีกิริยาอ่อนหวานเพราะนางเป็นนางในห้องเครื่องวันๆ ล้างจานหั่นผัก ก่อไฟ”“ก็จริงของแก ท่าทางของนางหากเข้าเฝ้าฝ่าบาทเกรงว่าจะต้องถูกตัดหัวตั้งแต่ยังไม่ได้พูดด้วยซ้ำไป เอาเป็นว่าต่อแต่นี้นี่คือความลับของห้องเครื่องของเราเข่อชิงปรุง เฟยฟางยกไปถวาย ทุกอย่างจึงลงตัว และห้ามใครพูดออกไปโดยเฉพาะแก…ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงไม่มีใครรอดสักคนเพราะเราทุกคนที่นี่ต่างรู้ว่าเข่อชิงปรุง ทางที่ดีควรปิดเรื่องนี้ไม่ให้ฝ่าบาทรู้ ”ป้าตื้อถอนหายใจ“เพราะนางเฟยฟางนางไม่น่าเข้าไป”ลุงซุนขมวดคิ้ว“เจ้าอย่าได้กล่าวโทษนางในตอนนั้นใครก็ได้ที่ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ ข้าจึงขอบคุณ เจ้าอยากเป็นหม้ายหรือไร”ป้าตื้อส่ายหน้าไปมา“แล้วเข่อชิงเล่าจะบอกนางว่าอย่างไร”ลุงซุนยิ้มมุมปากหยิบทองออกมาจากอกเสื้อสองก้อน“เอาสิ่งนี้มอบให้นางแล้วก็ไปเลือกเอาของกำนัลจากฝ่าบาทที่เฟยฟางสักชิ้นสวยๆ แล้วบอกนางว่าฝ่าบาท ..เย็นนี้ฝ่าบาทต้องการเสวยเครื่องเสวยที่มีรสจัดเหมือนมื้อกลางวัน”ป้าตื้อถอนหายใจสงสารศรีไพรจับใจแต่ตัดมาที่ศรีไพร“ฮ่าาาา อี้เอ่อร์ที่เจ้าพูดมาจริงหรือเฟยฟางนางพูดแทนข้าจนฮ่องเต้มอบของกำนัลเหล่านี้มาหรือ”เลือกหยิบสายสร้อยที่ทำจากหินสี แม้จะสวยแต่ราคาจะเท่าไหร่กัน“จริงๆ พี่เข่อชิงข้าเจ็บใจแทนพี่เหนื่อยแทบตาย แต่นางกลับได้ความดีความชอบไป”“ใครสน ข้าไม่ได้อยากไปหมอบคลานต่อหน้าฮ่องเต้อะไรนั่นเสียหน่อย ข้าแค่อยากจะช่วยพวกเจ้ากับวิกฤติครั้งนี้”“จริงๆ นะพี่เข่อชิง ในตอนนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่พอมาตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือพี่ที่ต้องปรุงเครื่องเสวยให้กับฝ่าบาทตลอดไป พวกเขาก็ควรจะเอาใจท่านหน่อย แล้วข้าไม่อยากให้พี่เรียกฝ่าบาทว่าฮ่องเต้ควรเรียกว่าฝ่าบาท”ศรีไพรยิ้ม“ไอ้น้องนี่มันใช้ได้แฮะ ก็ได้ก็ได้ไม่ต้องเอาใจหรอกที่นี่สบายกว่าที่ข้าจากมา อย่างน้อยก็แค่ปรุงอาหารแล้วก็ได้พัก”หันไปเจอเข้ากับสายตาตำหนิของป้าตื้อ“แอบมาสุมหัวทำอะไรกันอีก”“ป้าเราเพิ่งจะมานั่งอี้เอ่อร์เพิ่งจะไปรับของแจกจากเฟยฟางมาเลยนำมาแบ่งกับพี่เข่อชิง”อี้เอ่อร์แก้ตัว ป้าตื้อถอนหายใจ“ข้าไม่ได้ว่าอะไร เจ้ากินอะไรหรือยังเล่าเข่อชิง เอ้านี้ ลุงซุนฝากมาให้เจ้า”น้ำเสียงอ่อนลงวางก้อนทองลงบนโต๊ะกับปิ่นปักผมอีกอัน“สวยจัง แล้วนี่ทองจริงหรือเปล่า”ศรีไพรเอ่ยปากชมปิ่นอันนั่น หยิบทองมากัดไปงั้นๆ ก็จำเขามาว่าต้องกัดอี้เอ่อร์มีสีหน้าว่าเสียวฟัน“ของจริง มีอะไรที่ปลอมได้อีกในวังหลวงแห่งนี้ เป็นของกำนัลที่เจ้าปรุงเครื่องเสวยถูกพระทัยฝ่าบาท”ศรีไพรยิ้มกว้างโยนทองในมือกะน้ำหนัก“ดีจังปรุงอาหารครั้งหนึ่งได้เท่านี้ก็เอาแล้ว ปิ่นปักผมอันนี้สวยจังฝ่าบาทประทานมาเลยหรือ”ป้าตื้อยิ้มเศร้าๆ เมื่อเห็นท่าทีดีอกดีใจของเข่อชิง ตั้งแต่เล็กจนโตเข่อชิงที่มีนิสัยมุทะลุแต่ฉลาดกว่าคนอื่นนางชอบหาทางเอาตัวรอดจนป้าตื้อต้องดุด่านาง มีครั้งนี้กระมังที่ป้าตื้ออดสงสารนางเสียไม่ได้นางช่างทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนได้ดีจริงๆ
เป่ยกงกงประสานมืออมยิ้ม“มิได้รอแต่เครื่องเสวย ฝ่าบาททรงรอคนยกเครื่องเสวยด้วยถูกต้องหรือไม่”“นางงดงามจน…ข้าไม่อยากจะเชื่อว่านางจะปรุงเครื่องเสวยได้ เราไปดูนางปรุงเครื่องเสวยที่ห้องเครื่องดีไหม”"ไม่พ่ะย่ะค่ะยิ่งกดดันพวกเขาและห้องเครื่องวุ่นวายทั้งกลิ่นควันไฟและกลิ่นอาหารฝ่าบาทจะทนได้หรือ""ไม่ไปก็ได้"ใบหน้าหล่อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่เป่ยกงกงรู้ดีว่าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักเป่ยกงกงยิ้ม“นางงดงามอ่อนหวาน มากความสามารถกล้าคิดกล้าพูด จึงไม่ควรอยู่แต่ในห้องเครื่อง”หนิงหลงพยักหน้าขึ้นลงที่ห้องเครื่อง“ฝ่าบาท24แล้วแต่ยังไม่แต่งตั้งฮองเฮาเวลาที่ผ่านมาทำศึกสงคราม กับแคว้นน้อยใหญ่พอกลับวังหลวงก็หวาดระแวงกลัวว่าแคว้นที่เคยทำสงครามจะส่งคนมาวางยาลอบสังหารไม่ยอมเสวยอะไร นานๆ เข้าก็กลายเป็นไม่อยากเสวย หมอหลวงจึงหาวิธีให้คนในห้องเครื่องทำอาหารที่ยั่วน้ำลายฝ่าบาทจนต้องอยากเสวย”อี้เอ่อร์เล่าไปพร้อมกับสับหมูไปด้วย“อ่อ ทำสงครามตั้ง24ปีกินนอนในสนามรบจนเคยพอมาเจอของดีดีเลยไม่อยากกิน เกิดอาการเบื่ออาหาร อี้เอ่อร์แล้วหากว่าฝ่าบาทไม่ยอมเสวยจริงๆ นี่พวกเราจะถูกประหารจริงๆ หรือ”“พี่เข่อชิงท่านก็ลองนึ
“พี่เข่อชิงหอมจัง น้ำพริกชนิดนี้เรียกว่าน้ำพริกอะไร”อี้เอ่อร์สูดดมกลิ่นหอมจากกระทะพร้อมกับรอยยิ้ม“ที่บ้านข้าเขาเรียกน้ำพริกอ่อง แต่ที่นี่คงประมาณน้ำพริกหมู ที่นี่เขาใช้พริกเฉฉวนแต่ข้าใช้พริกแห้งแบบจีนกับมะเขือเทศสดก็พอได้อยู่”“ข้าอยากจะลองชิม”อี้เอ่อร์ยื่นหน้าเข้ามา เกือบจะทนต่อกลิ่นหอมไม่ได้เฟยฟางเดินเข้ายืนใกล้ๆ อีกคน“พวกเจ้าตักใส่ถ้วยเล็กมาชิมได้นะ แต่อีกสักพักจึงจะได้ที่ตอนนี้ก็ชิมรสดูก่อนได้”“พี่เข่อชิงเราไม่กินอะไรก่อนที่ฝ่าบาทจะเสวย ฝ่าบาทคือผู้สูงส่งเราได้แค่ชิม”อี้เอ่อร์พูดเบาๆศรีไพรทำตาโต“ อย่างกับทำของถวายพระเลยวะเฮ้ย เอาน่าข้าไม่บอกเฟยฟางไม่พูดเจ้าก็ไม่เล่าไม่มีใครรู้ เอาถ้วยเล็กมาชิมก่อนได้ ฝ่าบาทไม่มีทางรู้ เราทำประจำอยู่แล้วแอบตักไว้ก่อนแล้วค่อยให้พระกิน”ยิ้มสดใสรับถ้วยเล็กที่อี้เอ่อร์ส่งมาตักน้ำพริกอ่องใส่ถ้วย แล้วพยักหน้ากับทั้งสองสาว“กินกับ แตงกว่าอ่อนๆ กะหล่ำปลีนึ่ง แครอลนึ่ง ฟักทองนึ่งอร่อยเหาะ“ฮัดเช้ย”หนิงหลงจามออกมาดังๆ“ฝ่าบาท อากาศเปลี่ยนพ่ะย่ะค่ะเมื่อสองวันก่อนยังหนาววันนี้กลับมีแดด”“เหมันต์ปีนี้เราจดบันทึกเรื่องกระเพาะสุกร สำคัญทีเดียว ใช่ไหม”หนิ
ศรีไพรพยักหน้า“กำลังทำอะไรอยู่ เข่อชิง อี้เอ่อร์เจ้าสองคนมานี่”ศรีไพรรีบไปตามเสียงเข้มของป้าตื้อความจริงป้าตื้อคนนี้ถ้าไม่ติดทำเสียงเข้มตลอดเวลาแกก็น่ารักไม่น้อย“ข้าซื้ออาภรณ์ชุดใหม่มา ให้เจ้าถึงจะราคาไม่เท่าไหร่การเย็บปักไม่ค่อยประณีตเหมือนอาภรณ์ที่เหล่าสนมนางในใช้กัน แต่ข้าก็อยากให้เพราะเจ้าสวมอาภรณ์ตัวนี้ตลอดหน้าหนาวที่ผ่านมา ควรจะเปลี่ยนได้แล้วส่วนอี้เอ่อร์นี่เป็นผ้าที่ข้าไปเลือกมาให้เจ้านำไปตัดเย็บอาภรณ์ด้วยตัวเอง”อี้เอ่อร์ยิ้มกว้างป้าตื้อใจดีกับศรีไพรแล้วส่งต่อมาที่อี้เอ่อร์ด้วย“ขอบคุณท่านป้า”“เอ่อ ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกข้าเองรู้สึกผิดกับเจ้าไม่น้อยแต่อย่าได้ใจไปหากว่ามื้อนี้ฝ่าบาทไม่ยอมเสวยกลัวว่าจะต้องลำบากกันอีก”“ไม่หรอกป้าเครื่องเสวยของพี่เข่อชิงรสชาติดีจริงๆ นะ อุ๊ป”ศรีไพรรีบปิดปากเพราะกลัวว่าป้าตื้อจะดุเอาเรื่องที่ทั้งสามชิมน้ำพริกอ่องก่อนที่จะจัดเครื่องเสวย“ดีก็ดีแล้ว ข้าจะไปรอฟังผลเจ้าลองสวมดูสิเข่อชิง ข้าอยากรู้ว่ามันพอดีหรือไม่กลัวว่าจะกะขนาดลำตัวเจ้าผิดไปหากมันหลวมหรือคับไปให้อี้เอ่อร์แก้ให้”ป้าตื้อไปแล้วอี้เอ่อร์คลี่ผ้าม้วนยาวออกมา“ผ้าพับนี้ยาวมากทีเดียวข้าจ
ศรีไพรปาดเหงื่อที่ไหลรินทั่วใบหน้า“พี่เข่อชิง นี่ส่วนของท่าน”อี้เอ่อร์ยกถ้วยข้าวที่วางน่องไก่ไว้ด้านบนอย่างละน่องตรงหน้าศรีไพร“น่องไก่ตุ๋น แล้วนี่”เลื่อนถ้วยน้ำพริกเฉฉวนที่ใช้พริกสดสับพร้อมกับกระเทียมเทราดด้วยน้ำมันร้อนๆ“น่าอร่อย”ศรีไพรพูดยิ้มๆ“หวังว่าคงไม่มีการสั่งเครื่องเสวยเพิ่มอีกแล้วกว่าจะทำเสร็จก็เลยเวลาอาหาร”ศรีไพรยิ้มมองอี้เอ่อร์ที่กัดน่องไก่พร้อมกับเทพริกในถ้วยราดลงบนข้าวขาว พุ้ยข้าวหนึ่งคำกัดน่องไก่หนึ่งที“ที่นี่เขายอมให้เรากินน่องไก่ได้ด้วยหรือ”พูดไปยิ้มไปคิดไปถึงร้านของนายจ้างที่ไม่เคยจะให้พนักงานในครัวกินของดีดีนอกจากที่เหลือจากลูกค้ากินไม่หมดส่วนเมนูที่คนงานในครัวกินกันประจำ ก็ผัดเผ็ดกระเพาะหมูนั่นปะไรหรือไม่ก็น้ำพริกกะปิกับกากหมูทอด“ข้าแอบหยิบส่วนที่เหลือจากตำหนักจันทราของหยินกุ้ยเฟย นางเสวยแค่อกไก่อวบๆ ขาวๆ ไม่ติดหนัง แลัวก็เสวยแค่เพียงน้อยนิดเพื่อรักษารูปร่างของนาง”ศรีไพรพยักหน้า ปกติสามีที่มีภรรยาเยอะ ภรรยาก็ต้องรักษารูปร่างเพื่อมัดใจสามี ยิ่งสามีเป็นฮ่องเต้ด้วยยิ่งแล้วเลยมีสาวๆ สวยๆ ให้เลือกมากมาย“แต่กุ้ยเฟยนางก็งดงามแล้วยังรูปร่างดีอยู่แล้ว แต่รู้ไหมเ
ลุงซุนโผล่มาจากไหนพูดขึ้นดังๆ ศรีไพรยิ้มหยันอี้เอ่อ่ร์เบ้ปาก“ตาแก่ นางเป็นคนปรุงนางเหนื่อยกว่าเฟยฟางและพวกเรา อีกทั้งยังต้องแบกรับคำว่าถูกใจหรือไม่โปรดปรานหรือเปล่า”ป้าตื้อตวาดแว๊ด“ไม่ใช่นางที่แบกรับคนที่แบกรับคือเฟยฟาง นางต่างหากที่ต้องรับหน้าแทนหากวันไหนฝ่าบาทโปรดปรานเข่อชิงนางก็ได้ของกำนัลมากกว่าเฟยฟางด้วยซ้ำ แต่หากวันไหนฝ่าบาทไม่โปรดขึ้นมาเกรงว่ามีแต่เฟยฟางที่นั่งรอคมดาบที่ลานประหาร”“ไม่เป็นไร จริงอย่างลุงซุนพูดหากให้ข้าไปยืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋อต่อหน้าฝ่าบาทอะไรนั่นข้าก็คงไม่เอาข้าพอใจที่จะอยู่ตรงนี้ เฟยฟางถือว่าช่วยข้าหากนางจะได้เบี้ยหวัดมากกว่าข้าก็เป็นธรรมดา”อี้เออ่ร์กระตุกชายเสื้อของศรีไพรด้วยความรู้สึกขัดใจ ศรีไพรเอื้อมมือตบที่หลังมือของอี้เอ่อร์เบาๆ“ดีแล้ว คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้วเดิมเจ้าก็ไม่ได้อยากจะเด่นดังอะไรอยู่แล้วนี่ วันๆเอาแต่หาทางอู้หลบนอนกลางวันได้ขนาดนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว”ป้าตื้อถอนหายใจยาว“ตาแก่ไปเถอะ ไปดูวัตถุดิบที่เขานำมาสั่งไปตรวจนับกันทางนี้ปล่อยนางไปเถอะ”ป้าตื้อดันหลังลุงซุนให้เดินไปยังโรงเก็บวัตถุดิบ“พี่ พี่เข่อชิงท่านไม่รู้สึกอะไรจริงหรือท่านไม่เจ็บใจหรือข้า
“อาจเป็นเพียงนางในห้องเครื่องที่ต้องการ ส่งสัญญาณบางอย่าง”เป่ยกงกงตั้งข้อสังเกต“นั่นสินะนางคงแค่อยากจะบอกว่านางแกะสลักได้งดงาม แต่สำหรับข้าแล้ว หากใครสักคนสามารถใส่สิ่งแปลกปลอมลงไปในถาดเครื่องเสวยโดยที่คนอื่นไม่รู้นั่นนับว่านางมีความสามารถหลบหลีกสายตาคนอื่นได้ดี แต่บางทีอาจเป็นเพราะคนในห้องเครื่องหรือคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้ บกพร่องกงกงท่านว่าหากเป็นข้อหลังข้าก็ควรจะสั่งลงทัณฑ์คนที่ทำอะไรแบบนี้หรือว่าลงทัณฑ์คนที่ ไม่ตรวจตราให้ดีกันแน่”เป่ยกงกงประสานมือ“กระหม่อมส่งคนสืบเรื่องนี้หากมีการละเลยเรื่องความปลอดภัยในเครื่องเสวยจริงจะต้องลงทัณฑ์ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะกระหม่อมเคยกำชับเรื่องนี้แล้วว่าฝ่าบาททรงเป็นกังวลเรื่องยาพิษในเครื่องเสวยที่สุด”หนิงหลงยังคงไม่พูดว่าอย่างไร“บางทีเรื่องนี้ ไม่แน่ว่าจะลงทัณฑ์พวกเขาได้เพราะหากแค่นางในคนหนึ่งที่อยากจะอวดฝีมือแกะสลักของตัวเองข้าก็ไม่ควรกดดันพวกเขา”เป่ยกงกงพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ“ฝ่าบาทที่กลับมาจากด่านชายแดนในครั้งนี้ทำให้กระหม่อมเห็นว่าฝ่าบาทเติบโตขึ้นมากทีเดียว ไท่ซางหวงที่พูดก่อนสวรรคตว่าให้กระหม่อมคอยยืนเคียงข้างฝ่าบาทไม่ว่าจะ
ศรีไพรรีบวิ่งไปที่นั่นในทันทีแบบที่ไม่ต้องคิดอะไร ใช่แล้วบางทีนี่อาจจะพาศรีไพรกลับไปโลกปัจจุบันได้ ทหารเดินยามตีเหล็กแผ่นบอกว่ากำลังจะผ่านยามจื่อ (23.00-24.59น.) ไปแล้วเข้าสู่ยามโฉว่ (01.00-02.59น.) ศรีไพรก้าวเข้าไปยืนที่ตรงกลางแสงนั่นก็รู้สึกเหมือนเวลาหยุดลงในทันทีแสงสว่างนั่น หมุนวนรอบๆ ตัว แล้วก็จางหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่“ทำไม ทำไมไม่พาฉันกลับไปเล่า ทำไมนี่มันอะไรกันในเมื่อมาได้แล้วทำไมกลับไม่ได้”อยู่ๆ น้ำตาก็ไหลรู้สึกเศร้าอย่างที่สุดใจหายอย่างที่สุด ดวงจันทร์ในคือวันเพ็ญเคลื่อนตัวออกจาเงามืดของเมฆ ศรีไพรตัวชาวาบ อะไรบางอย่างตีกันในหัว เกี่ยวอะไรกับดวงจันทร์ ต้องเกี่ยวกับดวงจันทร์แน่ วิ่งออกไปด้านนอก“ตอนนี้กี่โมงแล้ว”ทหารยามทำสีหน้างุนงงงัวเงียด้วยเพิ่งจะแอบงีบ เงยหน้ามองดวงจันทร์“ยามโฉว่กำลังยามโฉว่ข้าได้ยินเขาตีบอกเวลา แม่นาง ท่านมาทำอะไรเวลานี้”ศรีไพรยิ้มแหย๋ๆ เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่รู้เรื่องเวลาของจีนแม้แต่น้อยว่าแต่ยามโฉว่นี่มันเวลาเท่าไหร่กัน“เอ่อ ข้ามาดูว่าเตาฟืนมอดดับไปหรือยังกลัวว่าไฟจะไหม้”ทหารยามพยักหน้าเชิงเข้าใจ ศรีไพรถอนหายใจเดินกลับห้องพัก อยากจะปลุกอี