เป่ยกงกงประสานมืออมยิ้ม“มิได้รอแต่เครื่องเสวย ฝ่าบาททรงรอคนยกเครื่องเสวยด้วยถูกต้องหรือไม่”“นางงดงามจน…ข้าไม่อยากจะเชื่อว่านางจะปรุงเครื่องเสวยได้ เราไปดูนางปรุงเครื่องเสวยที่ห้องเครื่องดีไหม”"ไม่พ่ะย่ะค่ะยิ่งกดดันพวกเขาและห้องเครื่องวุ่นวายทั้งกลิ่นควันไฟและกลิ่นอาหารฝ่าบาทจะทนได้หรือ""ไม่ไปก็ได้"ใบหน้าหล่อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่เป่ยกงกงรู้ดีว่าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักเป่ยกงกงยิ้ม“นางงดงามอ่อนหวาน มากความสามารถกล้าคิดกล้าพูด จึงไม่ควรอยู่แต่ในห้องเครื่อง”หนิงหลงพยักหน้าขึ้นลงที่ห้องเครื่อง“ฝ่าบาท24แล้วแต่ยังไม่แต่งตั้งฮองเฮาเวลาที่ผ่านมาทำศึกสงคราม กับแคว้นน้อยใหญ่พอกลับวังหลวงก็หวาดระแวงกลัวว่าแคว้นที่เคยทำสงครามจะส่งคนมาวางยาลอบสังหารไม่ยอมเสวยอะไร นานๆ เข้าก็กลายเป็นไม่อยากเสวย หมอหลวงจึงหาวิธีให้คนในห้องเครื่องทำอาหารที่ยั่วน้ำลายฝ่าบาทจนต้องอยากเสวย”อี้เอ่อร์เล่าไปพร้อมกับสับหมูไปด้วย“อ่อ ทำสงครามตั้ง24ปีกินนอนในสนามรบจนเคยพอมาเจอของดีดีเลยไม่อยากกิน เกิดอาการเบื่ออาหาร อี้เอ่อร์แล้วหากว่าฝ่าบาทไม่ยอมเสวยจริงๆ นี่พวกเราจะถูกประหารจริงๆ หรือ”“พี่เข่อชิงท่านก็ลองนึ
“พี่เข่อชิงหอมจัง น้ำพริกชนิดนี้เรียกว่าน้ำพริกอะไร”อี้เอ่อร์สูดดมกลิ่นหอมจากกระทะพร้อมกับรอยยิ้ม“ที่บ้านข้าเขาเรียกน้ำพริกอ่อง แต่ที่นี่คงประมาณน้ำพริกหมู ที่นี่เขาใช้พริกเฉฉวนแต่ข้าใช้พริกแห้งแบบจีนกับมะเขือเทศสดก็พอได้อยู่”“ข้าอยากจะลองชิม”อี้เอ่อร์ยื่นหน้าเข้ามา เกือบจะทนต่อกลิ่นหอมไม่ได้เฟยฟางเดินเข้ายืนใกล้ๆ อีกคน“พวกเจ้าตักใส่ถ้วยเล็กมาชิมได้นะ แต่อีกสักพักจึงจะได้ที่ตอนนี้ก็ชิมรสดูก่อนได้”“พี่เข่อชิงเราไม่กินอะไรก่อนที่ฝ่าบาทจะเสวย ฝ่าบาทคือผู้สูงส่งเราได้แค่ชิม”อี้เอ่อร์พูดเบาๆศรีไพรทำตาโต“ อย่างกับทำของถวายพระเลยวะเฮ้ย เอาน่าข้าไม่บอกเฟยฟางไม่พูดเจ้าก็ไม่เล่าไม่มีใครรู้ เอาถ้วยเล็กมาชิมก่อนได้ ฝ่าบาทไม่มีทางรู้ เราทำประจำอยู่แล้วแอบตักไว้ก่อนแล้วค่อยให้พระกิน”ยิ้มสดใสรับถ้วยเล็กที่อี้เอ่อร์ส่งมาตักน้ำพริกอ่องใส่ถ้วย แล้วพยักหน้ากับทั้งสองสาว“กินกับ แตงกว่าอ่อนๆ กะหล่ำปลีนึ่ง แครอลนึ่ง ฟักทองนึ่งอร่อยเหาะ“ฮัดเช้ย”หนิงหลงจามออกมาดังๆ“ฝ่าบาท อากาศเปลี่ยนพ่ะย่ะค่ะเมื่อสองวันก่อนยังหนาววันนี้กลับมีแดด”“เหมันต์ปีนี้เราจดบันทึกเรื่องกระเพาะสุกร สำคัญทีเดียว ใช่ไหม”หนิ
ศรีไพรพยักหน้า“กำลังทำอะไรอยู่ เข่อชิง อี้เอ่อร์เจ้าสองคนมานี่”ศรีไพรรีบไปตามเสียงเข้มของป้าตื้อความจริงป้าตื้อคนนี้ถ้าไม่ติดทำเสียงเข้มตลอดเวลาแกก็น่ารักไม่น้อย“ข้าซื้ออาภรณ์ชุดใหม่มา ให้เจ้าถึงจะราคาไม่เท่าไหร่การเย็บปักไม่ค่อยประณีตเหมือนอาภรณ์ที่เหล่าสนมนางในใช้กัน แต่ข้าก็อยากให้เพราะเจ้าสวมอาภรณ์ตัวนี้ตลอดหน้าหนาวที่ผ่านมา ควรจะเปลี่ยนได้แล้วส่วนอี้เอ่อร์นี่เป็นผ้าที่ข้าไปเลือกมาให้เจ้านำไปตัดเย็บอาภรณ์ด้วยตัวเอง”อี้เอ่อร์ยิ้มกว้างป้าตื้อใจดีกับศรีไพรแล้วส่งต่อมาที่อี้เอ่อร์ด้วย“ขอบคุณท่านป้า”“เอ่อ ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกข้าเองรู้สึกผิดกับเจ้าไม่น้อยแต่อย่าได้ใจไปหากว่ามื้อนี้ฝ่าบาทไม่ยอมเสวยกลัวว่าจะต้องลำบากกันอีก”“ไม่หรอกป้าเครื่องเสวยของพี่เข่อชิงรสชาติดีจริงๆ นะ อุ๊ป”ศรีไพรรีบปิดปากเพราะกลัวว่าป้าตื้อจะดุเอาเรื่องที่ทั้งสามชิมน้ำพริกอ่องก่อนที่จะจัดเครื่องเสวย“ดีก็ดีแล้ว ข้าจะไปรอฟังผลเจ้าลองสวมดูสิเข่อชิง ข้าอยากรู้ว่ามันพอดีหรือไม่กลัวว่าจะกะขนาดลำตัวเจ้าผิดไปหากมันหลวมหรือคับไปให้อี้เอ่อร์แก้ให้”ป้าตื้อไปแล้วอี้เอ่อร์คลี่ผ้าม้วนยาวออกมา“ผ้าพับนี้ยาวมากทีเดียวข้าจ
ศรีไพรปาดเหงื่อที่ไหลรินทั่วใบหน้า“พี่เข่อชิง นี่ส่วนของท่าน”อี้เอ่อร์ยกถ้วยข้าวที่วางน่องไก่ไว้ด้านบนอย่างละน่องตรงหน้าศรีไพร“น่องไก่ตุ๋น แล้วนี่”เลื่อนถ้วยน้ำพริกเฉฉวนที่ใช้พริกสดสับพร้อมกับกระเทียมเทราดด้วยน้ำมันร้อนๆ“น่าอร่อย”ศรีไพรพูดยิ้มๆ“หวังว่าคงไม่มีการสั่งเครื่องเสวยเพิ่มอีกแล้วกว่าจะทำเสร็จก็เลยเวลาอาหาร”ศรีไพรยิ้มมองอี้เอ่อร์ที่กัดน่องไก่พร้อมกับเทพริกในถ้วยราดลงบนข้าวขาว พุ้ยข้าวหนึ่งคำกัดน่องไก่หนึ่งที“ที่นี่เขายอมให้เรากินน่องไก่ได้ด้วยหรือ”พูดไปยิ้มไปคิดไปถึงร้านของนายจ้างที่ไม่เคยจะให้พนักงานในครัวกินของดีดีนอกจากที่เหลือจากลูกค้ากินไม่หมดส่วนเมนูที่คนงานในครัวกินกันประจำ ก็ผัดเผ็ดกระเพาะหมูนั่นปะไรหรือไม่ก็น้ำพริกกะปิกับกากหมูทอด“ข้าแอบหยิบส่วนที่เหลือจากตำหนักจันทราของหยินกุ้ยเฟย นางเสวยแค่อกไก่อวบๆ ขาวๆ ไม่ติดหนัง แลัวก็เสวยแค่เพียงน้อยนิดเพื่อรักษารูปร่างของนาง”ศรีไพรพยักหน้า ปกติสามีที่มีภรรยาเยอะ ภรรยาก็ต้องรักษารูปร่างเพื่อมัดใจสามี ยิ่งสามีเป็นฮ่องเต้ด้วยยิ่งแล้วเลยมีสาวๆ สวยๆ ให้เลือกมากมาย“แต่กุ้ยเฟยนางก็งดงามแล้วยังรูปร่างดีอยู่แล้ว แต่รู้ไหมเ
ลุงซุนโผล่มาจากไหนพูดขึ้นดังๆ ศรีไพรยิ้มหยันอี้เอ่อ่ร์เบ้ปาก“ตาแก่ นางเป็นคนปรุงนางเหนื่อยกว่าเฟยฟางและพวกเรา อีกทั้งยังต้องแบกรับคำว่าถูกใจหรือไม่โปรดปรานหรือเปล่า”ป้าตื้อตวาดแว๊ด“ไม่ใช่นางที่แบกรับคนที่แบกรับคือเฟยฟาง นางต่างหากที่ต้องรับหน้าแทนหากวันไหนฝ่าบาทโปรดปรานเข่อชิงนางก็ได้ของกำนัลมากกว่าเฟยฟางด้วยซ้ำ แต่หากวันไหนฝ่าบาทไม่โปรดขึ้นมาเกรงว่ามีแต่เฟยฟางที่นั่งรอคมดาบที่ลานประหาร”“ไม่เป็นไร จริงอย่างลุงซุนพูดหากให้ข้าไปยืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋อต่อหน้าฝ่าบาทอะไรนั่นข้าก็คงไม่เอาข้าพอใจที่จะอยู่ตรงนี้ เฟยฟางถือว่าช่วยข้าหากนางจะได้เบี้ยหวัดมากกว่าข้าก็เป็นธรรมดา”อี้เออ่ร์กระตุกชายเสื้อของศรีไพรด้วยความรู้สึกขัดใจ ศรีไพรเอื้อมมือตบที่หลังมือของอี้เอ่อร์เบาๆ“ดีแล้ว คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้วเดิมเจ้าก็ไม่ได้อยากจะเด่นดังอะไรอยู่แล้วนี่ วันๆเอาแต่หาทางอู้หลบนอนกลางวันได้ขนาดนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว”ป้าตื้อถอนหายใจยาว“ตาแก่ไปเถอะ ไปดูวัตถุดิบที่เขานำมาสั่งไปตรวจนับกันทางนี้ปล่อยนางไปเถอะ”ป้าตื้อดันหลังลุงซุนให้เดินไปยังโรงเก็บวัตถุดิบ“พี่ พี่เข่อชิงท่านไม่รู้สึกอะไรจริงหรือท่านไม่เจ็บใจหรือข้า
“อาจเป็นเพียงนางในห้องเครื่องที่ต้องการ ส่งสัญญาณบางอย่าง”เป่ยกงกงตั้งข้อสังเกต“นั่นสินะนางคงแค่อยากจะบอกว่านางแกะสลักได้งดงาม แต่สำหรับข้าแล้ว หากใครสักคนสามารถใส่สิ่งแปลกปลอมลงไปในถาดเครื่องเสวยโดยที่คนอื่นไม่รู้นั่นนับว่านางมีความสามารถหลบหลีกสายตาคนอื่นได้ดี แต่บางทีอาจเป็นเพราะคนในห้องเครื่องหรือคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้ บกพร่องกงกงท่านว่าหากเป็นข้อหลังข้าก็ควรจะสั่งลงทัณฑ์คนที่ทำอะไรแบบนี้หรือว่าลงทัณฑ์คนที่ ไม่ตรวจตราให้ดีกันแน่”เป่ยกงกงประสานมือ“กระหม่อมส่งคนสืบเรื่องนี้หากมีการละเลยเรื่องความปลอดภัยในเครื่องเสวยจริงจะต้องลงทัณฑ์ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะกระหม่อมเคยกำชับเรื่องนี้แล้วว่าฝ่าบาททรงเป็นกังวลเรื่องยาพิษในเครื่องเสวยที่สุด”หนิงหลงยังคงไม่พูดว่าอย่างไร“บางทีเรื่องนี้ ไม่แน่ว่าจะลงทัณฑ์พวกเขาได้เพราะหากแค่นางในคนหนึ่งที่อยากจะอวดฝีมือแกะสลักของตัวเองข้าก็ไม่ควรกดดันพวกเขา”เป่ยกงกงพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ“ฝ่าบาทที่กลับมาจากด่านชายแดนในครั้งนี้ทำให้กระหม่อมเห็นว่าฝ่าบาทเติบโตขึ้นมากทีเดียว ไท่ซางหวงที่พูดก่อนสวรรคตว่าให้กระหม่อมคอยยืนเคียงข้างฝ่าบาทไม่ว่าจะ
ศรีไพรรีบวิ่งไปที่นั่นในทันทีแบบที่ไม่ต้องคิดอะไร ใช่แล้วบางทีนี่อาจจะพาศรีไพรกลับไปโลกปัจจุบันได้ ทหารเดินยามตีเหล็กแผ่นบอกว่ากำลังจะผ่านยามจื่อ (23.00-24.59น.) ไปแล้วเข้าสู่ยามโฉว่ (01.00-02.59น.) ศรีไพรก้าวเข้าไปยืนที่ตรงกลางแสงนั่นก็รู้สึกเหมือนเวลาหยุดลงในทันทีแสงสว่างนั่น หมุนวนรอบๆ ตัว แล้วก็จางหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่“ทำไม ทำไมไม่พาฉันกลับไปเล่า ทำไมนี่มันอะไรกันในเมื่อมาได้แล้วทำไมกลับไม่ได้”อยู่ๆ น้ำตาก็ไหลรู้สึกเศร้าอย่างที่สุดใจหายอย่างที่สุด ดวงจันทร์ในคือวันเพ็ญเคลื่อนตัวออกจาเงามืดของเมฆ ศรีไพรตัวชาวาบ อะไรบางอย่างตีกันในหัว เกี่ยวอะไรกับดวงจันทร์ ต้องเกี่ยวกับดวงจันทร์แน่ วิ่งออกไปด้านนอก“ตอนนี้กี่โมงแล้ว”ทหารยามทำสีหน้างุนงงงัวเงียด้วยเพิ่งจะแอบงีบ เงยหน้ามองดวงจันทร์“ยามโฉว่กำลังยามโฉว่ข้าได้ยินเขาตีบอกเวลา แม่นาง ท่านมาทำอะไรเวลานี้”ศรีไพรยิ้มแหย๋ๆ เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่รู้เรื่องเวลาของจีนแม้แต่น้อยว่าแต่ยามโฉว่นี่มันเวลาเท่าไหร่กัน“เอ่อ ข้ามาดูว่าเตาฟืนมอดดับไปหรือยังกลัวว่าไฟจะไหม้”ทหารยามพยักหน้าเชิงเข้าใจ ศรีไพรถอนหายใจเดินกลับห้องพัก อยากจะปลุกอี
“ไม่เพคะ แครอทก็แค่ผักที่ใช้ทำให้สีสันของอาหารงดงามขึ้นก็เท่านั้นส่วนมากแล้วก็จะไม่มีประโยชน์ด้านอื่น”“อืมมม หากเจ้าพูดเช่นนี้เข้าก็พอจะเข้าใจแล้ว แต่เมื่อวานข้าก็เห็นว่ามีแครอทเป็นผักเคียงในน้ำพริก และก็เข้ากันได้ดีกับน้ำพริก”เป่ยกงกงถอนหายใจ เฟยฟางไม่ได้ไปต่อในเมื่อคำตอบของนางกระจ่างชัดเพียงนั้น“หากฝ่าบาทโปรดปรานแครอท ต่อไปในทุกวันจะมีแครอทเพคะ”หนิงหลงยิ้มบางๆ“ข้าแค่อยากจะลองส่งแครอทให้กับหยินกุ้ยเฟยได้ลองชิมแต่ไม่รู้จะหั่นแบบไหนให้สวยงามให้ตรงกับความรู้สึกของข้าที่มีต่อนาง เจ้าพอจะมีวิธีไหม”เฟยฟางยิ้มหวานหยด เป่ยกงกงถอนหายใจยาวรอไว้ก่อนแล้ว“หากเป็นสิ่งที่ฝ่าบาทประทานเฟยฟางคิดว่าอย่างไรเสียพระนางหยินกุ้ยเฟยจะต้องดีพระทัยอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องใส่ใจในการหั่น”หนิงหลงยิ้มบางๆ หันไปสบตาเป่ยกงกงเป่ยกงกงส่ายหน้าไปมานางในห้องเครื่องอีกคนยกแตงโมในถาดกระเบื้องเคลือบที่มีฝาปิดเข้ามาส่งต่อให้เฟยฟางที่รับไปวางลงตรงหน้าหนิงหลง“เจ้าไปพักเถิดหมดหน้าที่แล้ว”เฟยฟางย่อกายลงงดงามก่อนจะก้าวออกจากห้องเสวยไป“เสวยเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เป่ยกงกงเอื้อมมือจตั้งใจจะเปิดฝาถาดกระเบื้องเคลือบออก“พระพันป