ศรีไพรพยักหน้า“กำลังทำอะไรอยู่ เข่อชิง อี้เอ่อร์เจ้าสองคนมานี่”ศรีไพรรีบไปตามเสียงเข้มของป้าตื้อความจริงป้าตื้อคนนี้ถ้าไม่ติดทำเสียงเข้มตลอดเวลาแกก็น่ารักไม่น้อย“ข้าซื้ออาภรณ์ชุดใหม่มา ให้เจ้าถึงจะราคาไม่เท่าไหร่การเย็บปักไม่ค่อยประณีตเหมือนอาภรณ์ที่เหล่าสนมนางในใช้กัน แต่ข้าก็อยากให้เพราะเจ้าสวมอาภรณ์ตัวนี้ตลอดหน้าหนาวที่ผ่านมา ควรจะเปลี่ยนได้แล้วส่วนอี้เอ่อร์นี่เป็นผ้าที่ข้าไปเลือกมาให้เจ้านำไปตัดเย็บอาภรณ์ด้วยตัวเอง”อี้เอ่อร์ยิ้มกว้างป้าตื้อใจดีกับศรีไพรแล้วส่งต่อมาที่อี้เอ่อร์ด้วย“ขอบคุณท่านป้า”“เอ่อ ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกข้าเองรู้สึกผิดกับเจ้าไม่น้อยแต่อย่าได้ใจไปหากว่ามื้อนี้ฝ่าบาทไม่ยอมเสวยกลัวว่าจะต้องลำบากกันอีก”“ไม่หรอกป้าเครื่องเสวยของพี่เข่อชิงรสชาติดีจริงๆ นะ อุ๊ป”ศรีไพรรีบปิดปากเพราะกลัวว่าป้าตื้อจะดุเอาเรื่องที่ทั้งสามชิมน้ำพริกอ่องก่อนที่จะจัดเครื่องเสวย“ดีก็ดีแล้ว ข้าจะไปรอฟังผลเจ้าลองสวมดูสิเข่อชิง ข้าอยากรู้ว่ามันพอดีหรือไม่กลัวว่าจะกะขนาดลำตัวเจ้าผิดไปหากมันหลวมหรือคับไปให้อี้เอ่อร์แก้ให้”ป้าตื้อไปแล้วอี้เอ่อร์คลี่ผ้าม้วนยาวออกมา“ผ้าพับนี้ยาวมากทีเดียวข้าจ
ศรีไพรปาดเหงื่อที่ไหลรินทั่วใบหน้า“พี่เข่อชิง นี่ส่วนของท่าน”อี้เอ่อร์ยกถ้วยข้าวที่วางน่องไก่ไว้ด้านบนอย่างละน่องตรงหน้าศรีไพร“น่องไก่ตุ๋น แล้วนี่”เลื่อนถ้วยน้ำพริกเฉฉวนที่ใช้พริกสดสับพร้อมกับกระเทียมเทราดด้วยน้ำมันร้อนๆ“น่าอร่อย”ศรีไพรพูดยิ้มๆ“หวังว่าคงไม่มีการสั่งเครื่องเสวยเพิ่มอีกแล้วกว่าจะทำเสร็จก็เลยเวลาอาหาร”ศรีไพรยิ้มมองอี้เอ่อร์ที่กัดน่องไก่พร้อมกับเทพริกในถ้วยราดลงบนข้าวขาว พุ้ยข้าวหนึ่งคำกัดน่องไก่หนึ่งที“ที่นี่เขายอมให้เรากินน่องไก่ได้ด้วยหรือ”พูดไปยิ้มไปคิดไปถึงร้านของนายจ้างที่ไม่เคยจะให้พนักงานในครัวกินของดีดีนอกจากที่เหลือจากลูกค้ากินไม่หมดส่วนเมนูที่คนงานในครัวกินกันประจำ ก็ผัดเผ็ดกระเพาะหมูนั่นปะไรหรือไม่ก็น้ำพริกกะปิกับกากหมูทอด“ข้าแอบหยิบส่วนที่เหลือจากตำหนักจันทราของหยินกุ้ยเฟย นางเสวยแค่อกไก่อวบๆ ขาวๆ ไม่ติดหนัง แลัวก็เสวยแค่เพียงน้อยนิดเพื่อรักษารูปร่างของนาง”ศรีไพรพยักหน้า ปกติสามีที่มีภรรยาเยอะ ภรรยาก็ต้องรักษารูปร่างเพื่อมัดใจสามี ยิ่งสามีเป็นฮ่องเต้ด้วยยิ่งแล้วเลยมีสาวๆ สวยๆ ให้เลือกมากมาย“แต่กุ้ยเฟยนางก็งดงามแล้วยังรูปร่างดีอยู่แล้ว แต่รู้ไหมเ
ลุงซุนโผล่มาจากไหนพูดขึ้นดังๆ ศรีไพรยิ้มหยันอี้เอ่อ่ร์เบ้ปาก“ตาแก่ นางเป็นคนปรุงนางเหนื่อยกว่าเฟยฟางและพวกเรา อีกทั้งยังต้องแบกรับคำว่าถูกใจหรือไม่โปรดปรานหรือเปล่า”ป้าตื้อตวาดแว๊ด“ไม่ใช่นางที่แบกรับคนที่แบกรับคือเฟยฟาง นางต่างหากที่ต้องรับหน้าแทนหากวันไหนฝ่าบาทโปรดปรานเข่อชิงนางก็ได้ของกำนัลมากกว่าเฟยฟางด้วยซ้ำ แต่หากวันไหนฝ่าบาทไม่โปรดขึ้นมาเกรงว่ามีแต่เฟยฟางที่นั่งรอคมดาบที่ลานประหาร”“ไม่เป็นไร จริงอย่างลุงซุนพูดหากให้ข้าไปยืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋อต่อหน้าฝ่าบาทอะไรนั่นข้าก็คงไม่เอาข้าพอใจที่จะอยู่ตรงนี้ เฟยฟางถือว่าช่วยข้าหากนางจะได้เบี้ยหวัดมากกว่าข้าก็เป็นธรรมดา”อี้เออ่ร์กระตุกชายเสื้อของศรีไพรด้วยความรู้สึกขัดใจ ศรีไพรเอื้อมมือตบที่หลังมือของอี้เอ่อร์เบาๆ“ดีแล้ว คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้วเดิมเจ้าก็ไม่ได้อยากจะเด่นดังอะไรอยู่แล้วนี่ วันๆเอาแต่หาทางอู้หลบนอนกลางวันได้ขนาดนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว”ป้าตื้อถอนหายใจยาว“ตาแก่ไปเถอะ ไปดูวัตถุดิบที่เขานำมาสั่งไปตรวจนับกันทางนี้ปล่อยนางไปเถอะ”ป้าตื้อดันหลังลุงซุนให้เดินไปยังโรงเก็บวัตถุดิบ“พี่ พี่เข่อชิงท่านไม่รู้สึกอะไรจริงหรือท่านไม่เจ็บใจหรือข้า
“อาจเป็นเพียงนางในห้องเครื่องที่ต้องการ ส่งสัญญาณบางอย่าง”เป่ยกงกงตั้งข้อสังเกต“นั่นสินะนางคงแค่อยากจะบอกว่านางแกะสลักได้งดงาม แต่สำหรับข้าแล้ว หากใครสักคนสามารถใส่สิ่งแปลกปลอมลงไปในถาดเครื่องเสวยโดยที่คนอื่นไม่รู้นั่นนับว่านางมีความสามารถหลบหลีกสายตาคนอื่นได้ดี แต่บางทีอาจเป็นเพราะคนในห้องเครื่องหรือคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้ บกพร่องกงกงท่านว่าหากเป็นข้อหลังข้าก็ควรจะสั่งลงทัณฑ์คนที่ทำอะไรแบบนี้หรือว่าลงทัณฑ์คนที่ ไม่ตรวจตราให้ดีกันแน่”เป่ยกงกงประสานมือ“กระหม่อมส่งคนสืบเรื่องนี้หากมีการละเลยเรื่องความปลอดภัยในเครื่องเสวยจริงจะต้องลงทัณฑ์ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะกระหม่อมเคยกำชับเรื่องนี้แล้วว่าฝ่าบาททรงเป็นกังวลเรื่องยาพิษในเครื่องเสวยที่สุด”หนิงหลงยังคงไม่พูดว่าอย่างไร“บางทีเรื่องนี้ ไม่แน่ว่าจะลงทัณฑ์พวกเขาได้เพราะหากแค่นางในคนหนึ่งที่อยากจะอวดฝีมือแกะสลักของตัวเองข้าก็ไม่ควรกดดันพวกเขา”เป่ยกงกงพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ“ฝ่าบาทที่กลับมาจากด่านชายแดนในครั้งนี้ทำให้กระหม่อมเห็นว่าฝ่าบาทเติบโตขึ้นมากทีเดียว ไท่ซางหวงที่พูดก่อนสวรรคตว่าให้กระหม่อมคอยยืนเคียงข้างฝ่าบาทไม่ว่าจะ
ศรีไพรรีบวิ่งไปที่นั่นในทันทีแบบที่ไม่ต้องคิดอะไร ใช่แล้วบางทีนี่อาจจะพาศรีไพรกลับไปโลกปัจจุบันได้ ทหารเดินยามตีเหล็กแผ่นบอกว่ากำลังจะผ่านยามจื่อ (23.00-24.59น.) ไปแล้วเข้าสู่ยามโฉว่ (01.00-02.59น.) ศรีไพรก้าวเข้าไปยืนที่ตรงกลางแสงนั่นก็รู้สึกเหมือนเวลาหยุดลงในทันทีแสงสว่างนั่น หมุนวนรอบๆ ตัว แล้วก็จางหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่“ทำไม ทำไมไม่พาฉันกลับไปเล่า ทำไมนี่มันอะไรกันในเมื่อมาได้แล้วทำไมกลับไม่ได้”อยู่ๆ น้ำตาก็ไหลรู้สึกเศร้าอย่างที่สุดใจหายอย่างที่สุด ดวงจันทร์ในคือวันเพ็ญเคลื่อนตัวออกจาเงามืดของเมฆ ศรีไพรตัวชาวาบ อะไรบางอย่างตีกันในหัว เกี่ยวอะไรกับดวงจันทร์ ต้องเกี่ยวกับดวงจันทร์แน่ วิ่งออกไปด้านนอก“ตอนนี้กี่โมงแล้ว”ทหารยามทำสีหน้างุนงงงัวเงียด้วยเพิ่งจะแอบงีบ เงยหน้ามองดวงจันทร์“ยามโฉว่กำลังยามโฉว่ข้าได้ยินเขาตีบอกเวลา แม่นาง ท่านมาทำอะไรเวลานี้”ศรีไพรยิ้มแหย๋ๆ เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่รู้เรื่องเวลาของจีนแม้แต่น้อยว่าแต่ยามโฉว่นี่มันเวลาเท่าไหร่กัน“เอ่อ ข้ามาดูว่าเตาฟืนมอดดับไปหรือยังกลัวว่าไฟจะไหม้”ทหารยามพยักหน้าเชิงเข้าใจ ศรีไพรถอนหายใจเดินกลับห้องพัก อยากจะปลุกอี
“ไม่เพคะ แครอทก็แค่ผักที่ใช้ทำให้สีสันของอาหารงดงามขึ้นก็เท่านั้นส่วนมากแล้วก็จะไม่มีประโยชน์ด้านอื่น”“อืมมม หากเจ้าพูดเช่นนี้เข้าก็พอจะเข้าใจแล้ว แต่เมื่อวานข้าก็เห็นว่ามีแครอทเป็นผักเคียงในน้ำพริก และก็เข้ากันได้ดีกับน้ำพริก”เป่ยกงกงถอนหายใจ เฟยฟางไม่ได้ไปต่อในเมื่อคำตอบของนางกระจ่างชัดเพียงนั้น“หากฝ่าบาทโปรดปรานแครอท ต่อไปในทุกวันจะมีแครอทเพคะ”หนิงหลงยิ้มบางๆ“ข้าแค่อยากจะลองส่งแครอทให้กับหยินกุ้ยเฟยได้ลองชิมแต่ไม่รู้จะหั่นแบบไหนให้สวยงามให้ตรงกับความรู้สึกของข้าที่มีต่อนาง เจ้าพอจะมีวิธีไหม”เฟยฟางยิ้มหวานหยด เป่ยกงกงถอนหายใจยาวรอไว้ก่อนแล้ว“หากเป็นสิ่งที่ฝ่าบาทประทานเฟยฟางคิดว่าอย่างไรเสียพระนางหยินกุ้ยเฟยจะต้องดีพระทัยอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องใส่ใจในการหั่น”หนิงหลงยิ้มบางๆ หันไปสบตาเป่ยกงกงเป่ยกงกงส่ายหน้าไปมานางในห้องเครื่องอีกคนยกแตงโมในถาดกระเบื้องเคลือบที่มีฝาปิดเข้ามาส่งต่อให้เฟยฟางที่รับไปวางลงตรงหน้าหนิงหลง“เจ้าไปพักเถิดหมดหน้าที่แล้ว”เฟยฟางย่อกายลงงดงามก่อนจะก้าวออกจากห้องเสวยไป“เสวยเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เป่ยกงกงเอื้อมมือจตั้งใจจะเปิดฝาถาดกระเบื้องเคลือบออก“พระพันป
ไทเฮาคิดไปไกล“เสด็จ คิดมากไปแล้วนางก็คงแค่อยากให้แตงโมธรรมดานี้สวยงามขึ้นมา”“แต่”ไทเฮาเดินวนรอบถาดมังกรแตงโมไปมา“ลวดลายประณีตงดงาม ละเอียดอ่อนจนข้าไม่คิดว่าคนคนหนึ่งจะทำอะไรแบบนี้ได้”“สวย”“จะเรียกว่าสวยก็ใช่ ทั้งสวยทั้งอ่อนช้อยทั้งสมบูรณ์แบบ”เป่ยกงกงอมยิ้ม“หากจะมีใครสักคนที่มีฝีมือด้านการแกะสลักเพียงนี้ก็ควรจะยกย่องให้เขากว่าใคร และให้นางคอยสั่งสอนพวกนางในห้องเครื่องที่ไม่ได้เรื่องพวกนั้น ข้าคิดออกแล้วไม่ต้องให้นางปรุงเครื่องเสวยแต่ให้นางคอยสอนเหล่านางในห้องเครื่องให้มีความสามารถทัดเทียมนางคราวนี้วังหลวงของเราก้จะมีคนที่มีความสามารถด้านนี้มากมาย” ไทเฮายิ้มดวงตาเป็นประกายหมายมั่นว่าจะต้องผลักดันเรื่องนี้““เสด็จแม่เสวยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้างในเนื้อแตงโมสีแดงฉ่ำรสชาติจะต้องถูกใจแน่ๆ เป่ยกงกงจะเริ่มจากตรงไหน”หรวนหนิงหลงพูดไปยิ้มไปเปลี่ยนเรื่องเสียเป่ยกงกงหยิบมีดไม้ไผ่บางเฉียบที่ใช้แทนมีดจรดลงบนตัวมังกร กลืนน้ำลายลงคอช้าๆไทเฮาเองก็ใจจดจ่อที่ไม้ไผ่บางนั้นตำหนักจันทรา“เมื่อวานฝ่าบาททรงประทานเครื่องเสวยที่นางในห้องเครื่องคนใหม่ที่ปรุงเครื่องเสวยหนึ่งเดียวที่ทำให้ฝ่าบาทยอมเสวยในรอบหลายว
คนในห้องเครื่องจะตื่นอีกทีตอนที่สามที่นี่จะคึกคัก ทั้งก่อไฟ หุงข้าวต้มแกงหรือตุ๋นบางทีหากตำหนักไหนอยากจะกินอะไรเป็นพิเศษ ก็จะมีนางกำนัลของตำหนักนั้นๆ มาแจ้งก่อนเวลาคำของวันนั้นเพื่อว่าพรุ่งนี้จึงทำได้ทันเวลาหนิงหลงยิ้มคิดถึงขนมก้อนจำพวกน้ำตาลก้อนขนมเปี๊ยะไส้ต่างๆ และขนมถั่วบด หนวดมังกร เดินสอดส่ายสายตามองหาโถขนมที่เป่ยกงกงเคยบอกมองเห็นโถขนมหลากหลายเรียงรายอยู่ด้านบนชั้นสูงเอื้อมมือหยิบโถขนมลงมาด้านล่าง ยิ้มด้วยความดีใจ นั่งลง กัดกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย ความหอมหวานขอิงขนมทำให้คิดถึงเรื่องราวในอดีตที่หอมหวานเช่นกันกับขนมอีกด้าน ศรีไพรย่องเข้ามาในห้องเครื่องจากด้านหลัง อากาศหนาวทรุดตัวนั่งลงข้างเตาไฟที่ครุกรุ่นพอให้ได้ไออุ่น ห้องเครื่องที่กว้างใหญ่แห่งนี้มีคนทำงานนับร้อยทำเครื่องเสวยเกือบยี่สิบตำหนักเลี้ยงคนเป็นพันคน ศรีไพรโชคดีแค่ไหนรับผิดชอบแค่คนแก่คนหนึ่งเท่านั้นคิดไปยิ้มไปเมนูของเครื่องเสวยพรุ่งนี้คิดออกแล้วแต่ต้องมาหมักหมูเสียหน่อยแช่ข้าวเหนียวเสียนิดข้าวเหนียวที่นี่เขาไม่นิยมกินกันส่วนมากบดทำแป้งสำหรับขนม จำพวกขนมไหว้พระจันทร์ ข้าวเหนียวอยู่ทางด้านนั้น หมูอย่างสุดทางเดิน ยังพอมีเ