ไทเฮาน้ำตาปริ่มขอบตารับเอาร่างกระจ้อยที่นอนนิ่งเปิดโอกาสให้ใครต่อใครได้ชื่นชม อี้เอ่อร์ยืนเขย่งตัวอยากจะเห็นองค์ชายน้อยเช่นกัน"อี้เอ่อร์ มาชื่นชมองค์ชายน้อยเสียด้วยกัน"ศรีไพรพูดขึ้นยิ้มๆ"ขอบพระทัยฮองเฮา"อี้เอ่อร์ยื่นหน้าไปดูร่างกระจ้อยในอ้อมแขนไทเฮา พร้อมกับรอยน้ำตา"เจ้าว่าเหมือนฝ่าบาทหรือฮองเฮา"ไทเฮาเอ่ยปาก"เหมือนทั้งสองพระองค์ และน่าเอ็นดูที่สุด"อี้เอ่อร์พูดไปยิ้มไปป้าตื้อเดินมาทรุดกายลงข้างหน้าศรีไพร"ป้าตื้อเล่าได้เห็นหน้าองค์ชายหรือยัง อ่อจริงสิได้เห็นก่อนข้าเสียอีก"ศรีไพรพูดไปยิ้มไป"ตาแก่ซุนมอบสิ่งนี้มาให้ข้าช่วยรับขวัญองค์ชายน้อย"วางตุ๊กตาแกะสลักลงข้างแท่นนอนศรีไพรถอนหายใจ"ไม่รับ"หรวนหนิงหลงเลิกคิ้วสูงกับท่าทีของศรีไพรป้าตื้อเช็ดน้ำตารู้สึกเจ็บปวดในใจ"ข้าน้อยเข้าใจตาแก่ทำกับฮองมากไปแค่นี้ก็ถือว่าเมตตามากแล้วกับคนแก่อย่างเรา"ศรีไพรยิ้ม"ที่ไม่รับเพราะอยากให้ท่านลุงซุนมอบมันให้กับองค์ชายน้อยกับตัวเอง ข้าให้ออกจากห้องขังก็ไม่ออกมาฉะนั้น ต้องออกมาไม่อย่างนั้นข้าไม่รับ"หรวนหนิงลงหัวเราะในลำคอ"ตามนั้นข้าบัญชาให้ซุนเต๋อไฉ่มามอบของกำนัลรับขวัญองค์ชายน้อยด้วยตัวเองไม่เช่นนั้
“เรื่องมันมีอยู่ว่า ช่างเถอะ ไม่อยากจะเล่าเลยเล่าแล้วมันยาวและเจ็บปวดเอาเป็นว่าฉันที่เคยเป็นผู้ช่วยแม่ครัวย้ำว่าผู้ช่วยแม่ครัวไม่ได้เป็นช๊งเป็นเชฟอะไรกับเขาหรอกก็แค่ผู้ช่วยแม่ครัวในร้านอาหารแต่ต้องทำทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ ขัดห้องน้ำ ล้างจาน และทำอาหารแทนแม่ครัว แต่เขาดันเรียกว่าเป็นคนปรุงเพราะวันไหนที่แม่หัวหน้าแม่ครัวไม่มา อี่ศรีคนนี้แหละจะต้องทำทุกงาน ตั้งแต่หั่นผักยันปรุง“ก็คิดว่าช่วยๆ กัน”เจ้าของร้านพูดเมื่อวันสุดท้ายของปี ที่แม่ครัวแกดันกลับบ้านที่ต่างจังหวัดไม่บอกไม่กล่าวสักคำ เราจึงต้องใช้คำว่าช่วยๆ กันตั้งแต่เช้าอีศรีไพรคนนี้ก็เลยต้องทำทุกตำแหน่งในร้าน จน..จนในที่สุดฉันก็ได้พัก ดื่มสุราในคืนข้ามปีพร้อมกับน้องๆเด็กเสิร์ฟในร้านที่แอบรินสารพัดสุราที่ลูกค้าดื่มไม่หมด มาลงขวดเก็บไว้ ผลจากสุราที่เรียกว่า หลาสยกษัตรย์ผสมกันทำเอาร่างกายที่อ่อนล้ามาทั้งวันทิ้งตัวหล่นตุ๊บในท่าตะแคงข้างลงบนพื้นกระเบื้องในท่านั่งโลกหมุนติ้วสีฟ้าขาวเหลือง แดง ม่วง น้ำเงิน ส้ม ชมพูแสงสว่างวาบแล้วมาหล่นตุ๊บอีกทีที่ไหนสักแห่ง“$@#*+&&¢£¥%”จูนแป็บ…เขาพูดอะไรกัน สะบัดศีรษะไปมา“เร็วเข้า ฝ่าบาทเพิ่งจะกวา
หันกลับไป ยิ้มกับครกอย่างน้อยก็มีวัตถุดิบสำหรับโขลกพริกแกงละว้าหั่นข่าตระไคร้เตรียมไว้ หยิบลูกมะกรูดมาปอกเอาเปลือกสีเขียวออกบางๆหั่นฝอยเตรียมไว้คว้าพริกกับเครื่องเทศมาโขลกเสียงโขลกพริกแกงดังลั่นวังหลวงหันกลับไปพลิกของทอดที่กำลังสุกเหลืองด้านหนึ่งให้อีกด้านหนึ่งลงไปทอดบ้าง หั่นตะไคร้ลงไปทอดที่หลังเพราะตะไคร้จะสุกก่อนหากใส่ไปพร้อมกันจะต้องไหม้แน่ๆโขลกพริกแกงจนละเอียด สีแดงสดยกไม่ตีพริกขึ้นมาสูดดมกลิ่นหอมเสร็จแล้วก็ใช้กระชอนที่สานจากไม้ไผ่ช้อนเอาของทอดสีเหลืองทองที่กรอบนอกนุ่มในพร้อมกับตะไคร้ที่เหลืองสวยเช่นกันขึ้นมาสะเด็ดน้ำมันรินน้ำมันออกจากกระทะ เหลือน้ำมันนิดหน่อย ใส่พริกแกงที่โขลกลงไปผัด เสียงซ่าาดั่งๆทำเอาอะดีนาลีนพุ่งปรี๊ดคราวนี้เองที่ป้าตื้อมาชะโงกมองที่หน้าต่าง“ฮัดชิ้ว หืมมม”“เป็นอย่างไรป้าหอมไหม”ศรีไพรถามยิ้มๆ“สิ่งนี้เรียกอะไรที่เจ้ากำลังผัดอยู่นั่น”ป้าตื้อถามด้วยความอยากรู้“อ่อ นี่คือพริกแกง”“ไม่มีพิษแน่ใช่ไหมฝ่าบาท เกรงว่าจะต้องพิษจึงไม่ยอมเสวย”ศรีไพรขมวดคิ้ว“อ้าวเหรอ นึกว่าอาหารไม่ถูกปาก”“นั่นก็มีส่วนอย่างมากฝ่าบาทเกรงว่าจะมีคนวางยาพิษเลยยอมอด แต่รู้ไหม ว่าท่า
“หัวหน้าห้องเครื่องที่รับผิดชอบเรื่องเครื่องเสวยมาพบข้า”หนิงหลงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเป่ยกงกงรับคำถอยห่างออกมา ถึงจะอยากคาดเดาแต่ก็ไม่อาจคาดเดาว่าหนิงหลงกำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์ไหนกันแน่พร้อมกับที่เฟยฟางกำลังยกเครื่องเสวยของนางพร้อมกับของหวานเข้ามาห้องเครื่อง“ฝ่าบาททรงเสวยแล้ว ฝ่าบาทเสวยเครื่องเสวยแล้ว”เสียงนางในห้องเครื่องที่ยกผัดเผ็ดพร้อมข้าวไปก่อนหน้านั้นตะโกนดังๆ ก่อนจะเห็นตัวนางด้วยซ้ำลุงซุน กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นผิดกับป้าตื้อกับอี้เอ่อร์ที่ต่างยิ้มด้วยความรู้สึกโล่งอกนางในห้องเครื่องต่างดีอกดีใจกันยกใหญ่ มีเพียงลุงซุนเท่านั้นที่สีหน้าไม่สู้ดี“เจ้าเก่งจริงๆ เข่อชิงว่าแต่เจ้าไม่เอาสูตรอาหารชนิดนี้มาจากไหนกัน แล้วรู้ได้อย่างไรว่าฝ่าบาทจะยอมเสวย”อี้เอ่อร์ถามขึ้นเขย่ามือศรีไพรด้วยความรู้สึกยินดี“ก็แค่ผู้สูงอายุที่กินยากอยู่ยาก อาหารที่ทำเลยจำเป็นต้องมีกลิ่นหอมยั่วน้ำลายก็เท่านั้น”คนแก่ก็แบบนี้ เรื่องมาก จืดไปก็ไม่เอาเลี่ยนไปก็ไม่กิน“ดีจริง ต่อไปบรรยากาศในห้องเครื่องและวังหลวงที่ตึงเครียดก็จะผ่านไปเสียที”อี้เอ่อร์พูดไปยิ้มไปศรีไพรเองก็จำต้องยิ้มตอบในเมื่ออี้เอ่อร์
“ปูนบำเหน็จให้นาง ข้าแค่สงสัยว่าเหตุใดในเมื่อกระเพาะหมูเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเครื่องเสวยของฮ่องเต้แต่ทำไมคนที่ปรุงเครื่องเสวยยังดื้อรั้นนำมันมาปรุงอีก ความดื้อรั้นนี้นับว่าเป็นความชอบเพราะทำให้ข้าเสวยได้หลังจากที่ไม่ได้เสวยอะไรในหลายวันที่ผ่านมา”เฟยฟางกับลุงซุนยิ้มแทบจะพร้อมกัน หนิงหลงจ้องมองใบหน้างดงามยามแย้มยิ้มของเฟยฟางแล้วรีบเบือนหน้าหนีห้องเครื่องศรีไพรเดินสำรวจทั่วบริเวณตื่นตาตื่นใจกับ ห้องครัวที่ใหญ่โตเหมือนห้องครัวในโรงแรมขนาดใหญ่ มีวัตถุดิบทั้งสดและแห้งเครื่องเทศใหม่เก่าแขวนเรียงรายขาหมูแห้งแขนไว้ที่ราวด้านข้างหน้าต่าง หมูเส้นหมูแผ่นไข่ปลา แขวนเรียงรายสุดอลังการหลายคนกำลังสารวนกับการทำเครื่องเสวยสำหรับคนในวังหลวง ที่มีนับพันชีวิตพ่อครัวแม่ครัว เรียกแบบนี้ก็ไม่ผิดเพราะแต่ละคนสวมวิญญาณนักปรุงที่ตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารราวกับว่าชีวิตนี้เกิดมาเพื่อมัน ศรีไพรอมยิ้มเหมือนเหมือนตัวศรีไพรเลยที่ทำงานจนตาย เอหรือว่าดื่มจนตาย“อู๊ยยยยดูสิของกำนัลที่ฝ่าบาทประทานมาล้วนมีแต่ของดีๆ”เฟยฟางยิ้มบางๆ“แจกจ่ายกันไปในหมู่พวกเราดีไหมท่านลุง เราทุกคนล้วนเหนื่อยล้ามาหลายวันกว่าฝ่าบาทจะยอมเสวย”“ห
“ไอ้น้องนี่มันใช้ได้แฮะ ก็ได้ก็ได้ไม่ต้องเอาใจหรอกที่นี่สบายกว่าที่ข้าจากมา อย่างน้อยก็แค่ปรุงอาหารแล้วก็ได้พัก”หันไปเจอเข้ากับสายตาตำหนิของป้าตื้อ“แอบมาสุมหัวทำอะไรกันอีก”“ป้าเราเพิ่งจะมานั่งอี้เอ่อร์เพิ่งจะไปรับของแจกจากเฟยฟางมาเลยนำมาแบ่งกับพี่เข่อชิง”อี้เอ่อร์แก้ตัว ป้าตื้อถอนหายใจ“ข้าไม่ได้ว่าอะไร เจ้ากินอะไรหรือยังเล่าเข่อชิง เอ้านี้ ลุงซุนฝากมาให้เจ้า”น้ำเสียงอ่อนลงวางก้อนทองลงบนโต๊ะกับปิ่นปักผมอีกอัน“สวยจัง แล้วนี่ทองจริงหรือเปล่า”ศรีไพรเอ่ยปากชมปิ่นอันนั่น หยิบทองมากัดไปงั้นๆ ก็จำเขามาว่าต้องกัดอี้เอ่อร์มีสีหน้าว่าเสียวฟัน“ของจริง มีอะไรที่ปลอมได้อีกในวังหลวงแห่งนี้ เป็นของกำนัลที่เจ้าปรุงเครื่องเสวยถูกพระทัยฝ่าบาท”ศรีไพรยิ้มกว้างโยนทองในมือกะน้ำหนัก“ดีจังปรุงอาหารครั้งหนึ่งได้เท่านี้ก็เอาแล้ว ปิ่นปักผมอันนี้สวยจังฝ่าบาทประทานมาเลยหรือ”ป้าตื้อยิ้มเศร้าๆ เมื่อเห็นท่าทีดีอกดีใจของเข่อชิง ตั้งแต่เล็กจนโตเข่อชิงที่มีนิสัยมุทะลุแต่ฉลาดกว่าคนอื่นนางชอบหาทางเอาตัวรอดจนป้าตื้อต้องดุด่านาง มีครั้งนี้กระมังที่ป้าตื้ออดสงสารนางเสียไม่ได้นางช่างทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนได้ดีจริงๆ
เป่ยกงกงประสานมืออมยิ้ม“มิได้รอแต่เครื่องเสวย ฝ่าบาททรงรอคนยกเครื่องเสวยด้วยถูกต้องหรือไม่”“นางงดงามจน…ข้าไม่อยากจะเชื่อว่านางจะปรุงเครื่องเสวยได้ เราไปดูนางปรุงเครื่องเสวยที่ห้องเครื่องดีไหม”"ไม่พ่ะย่ะค่ะยิ่งกดดันพวกเขาและห้องเครื่องวุ่นวายทั้งกลิ่นควันไฟและกลิ่นอาหารฝ่าบาทจะทนได้หรือ""ไม่ไปก็ได้"ใบหน้าหล่อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่เป่ยกงกงรู้ดีว่าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักเป่ยกงกงยิ้ม“นางงดงามอ่อนหวาน มากความสามารถกล้าคิดกล้าพูด จึงไม่ควรอยู่แต่ในห้องเครื่อง”หนิงหลงพยักหน้าขึ้นลงที่ห้องเครื่อง“ฝ่าบาท24แล้วแต่ยังไม่แต่งตั้งฮองเฮาเวลาที่ผ่านมาทำศึกสงคราม กับแคว้นน้อยใหญ่พอกลับวังหลวงก็หวาดระแวงกลัวว่าแคว้นที่เคยทำสงครามจะส่งคนมาวางยาลอบสังหารไม่ยอมเสวยอะไร นานๆ เข้าก็กลายเป็นไม่อยากเสวย หมอหลวงจึงหาวิธีให้คนในห้องเครื่องทำอาหารที่ยั่วน้ำลายฝ่าบาทจนต้องอยากเสวย”อี้เอ่อร์เล่าไปพร้อมกับสับหมูไปด้วย“อ่อ ทำสงครามตั้ง24ปีกินนอนในสนามรบจนเคยพอมาเจอของดีดีเลยไม่อยากกิน เกิดอาการเบื่ออาหาร อี้เอ่อร์แล้วหากว่าฝ่าบาทไม่ยอมเสวยจริงๆ นี่พวกเราจะถูกประหารจริงๆ หรือ”“พี่เข่อชิงท่านก็ลองนึ
“พี่เข่อชิงหอมจัง น้ำพริกชนิดนี้เรียกว่าน้ำพริกอะไร”อี้เอ่อร์สูดดมกลิ่นหอมจากกระทะพร้อมกับรอยยิ้ม“ที่บ้านข้าเขาเรียกน้ำพริกอ่อง แต่ที่นี่คงประมาณน้ำพริกหมู ที่นี่เขาใช้พริกเฉฉวนแต่ข้าใช้พริกแห้งแบบจีนกับมะเขือเทศสดก็พอได้อยู่”“ข้าอยากจะลองชิม”อี้เอ่อร์ยื่นหน้าเข้ามา เกือบจะทนต่อกลิ่นหอมไม่ได้เฟยฟางเดินเข้ายืนใกล้ๆ อีกคน“พวกเจ้าตักใส่ถ้วยเล็กมาชิมได้นะ แต่อีกสักพักจึงจะได้ที่ตอนนี้ก็ชิมรสดูก่อนได้”“พี่เข่อชิงเราไม่กินอะไรก่อนที่ฝ่าบาทจะเสวย ฝ่าบาทคือผู้สูงส่งเราได้แค่ชิม”อี้เอ่อร์พูดเบาๆศรีไพรทำตาโต“ อย่างกับทำของถวายพระเลยวะเฮ้ย เอาน่าข้าไม่บอกเฟยฟางไม่พูดเจ้าก็ไม่เล่าไม่มีใครรู้ เอาถ้วยเล็กมาชิมก่อนได้ ฝ่าบาทไม่มีทางรู้ เราทำประจำอยู่แล้วแอบตักไว้ก่อนแล้วค่อยให้พระกิน”ยิ้มสดใสรับถ้วยเล็กที่อี้เอ่อร์ส่งมาตักน้ำพริกอ่องใส่ถ้วย แล้วพยักหน้ากับทั้งสองสาว“กินกับ แตงกว่าอ่อนๆ กะหล่ำปลีนึ่ง แครอลนึ่ง ฟักทองนึ่งอร่อยเหาะ“ฮัดเช้ย”หนิงหลงจามออกมาดังๆ“ฝ่าบาท อากาศเปลี่ยนพ่ะย่ะค่ะเมื่อสองวันก่อนยังหนาววันนี้กลับมีแดด”“เหมันต์ปีนี้เราจดบันทึกเรื่องกระเพาะสุกร สำคัญทีเดียว ใช่ไหม”หนิ