หันกลับไป ยิ้มกับครก
อย่างน้อยก็มีวัตถุดิบสำหรับโขลกพริกแกงละว้า
หั่นข่าตระไคร้เตรียมไว้ หยิบลูกมะกรูดมาปอกเอาเปลือกสีเขียวออกบางๆหั่นฝอยเตรียมไว้
คว้าพริกกับเครื่องเทศมาโขลกเสียงโขลกพริกแกงดังลั่นวังหลวง
หันกลับไปพลิกของทอดที่กำลังสุกเหลืองด้านหนึ่งให้อีกด้านหนึ่งลงไปทอดบ้าง หั่นตะไคร้ลงไปทอดที่หลังเพราะตะไคร้จะสุกก่อนหากใส่ไปพร้อมกันจะต้องไหม้แน่ๆ
โขลกพริกแกงจนละเอียด สีแดงสดยกไม่ตีพริกขึ้นมาสูดดมกลิ่นหอม
เสร็จแล้วก็ใช้กระชอนที่สานจากไม้ไผ่ช้อนเอาของทอดสีเหลืองทองที่กรอบนอกนุ่มในพร้อมกับตะไคร้ที่เหลืองสวยเช่นกันขึ้นมาสะเด็ดน้ำมันรินน้ำมันออกจากกระทะ เหลือน้ำมันนิดหน่อย ใส่พริกแกงที่โขลกลงไปผัด เสียงซ่าาดั่งๆทำเอาอะดีนาลีนพุ่งปรี๊ด
คราวนี้เองที่ป้าตื้อมาชะโงกมองที่หน้าต่าง
“ฮัดชิ้ว หืมมม”
“เป็นอย่างไรป้าหอมไหม”ศรีไพรถามยิ้มๆ
“สิ่งนี้เรียกอะไรที่เจ้ากำลังผัดอยู่นั่น”
ป้าตื้อถามด้วยความอยากรู้
“อ่อ นี่คือพริกแกง”
“ไม่มีพิษแน่ใช่ไหมฝ่าบาท เกรงว่าจะต้องพิษจึงไม่ยอมเสวย”ศรีไพรขมวดคิ้ว
“อ้าวเหรอ นึกว่าอาหารไม่ถูกปาก”
“นั่นก็มีส่วนอย่างมากฝ่าบาทเกรงว่าจะมีคนวางยาพิษเลยยอมอด แต่รู้ไหม ว่าท่านหมอพูดว่านั้นเพราะไม่มีเครื่องเสวยที่ทำให้ฝ่าบาทอยากเสวยมากกว่า”
ป้าตื้อพูดไม่หยุด ตาก็มองสิ่งที่ศรีไพรกำลังลงมือปรุงน้ำตาลนิดเต้าเจี้ยวหน่อย ใส่เห็ดหอมหั่นลงไปจนเห็ดหอมสุกจึงนำของทอดสีเหลืองทองกับตะไคร้ทอดกรอบลงไปคลุกเคล้ายกกระทะออกจากเตา ใส่ใบกะเพราลงไปเป็นอันเสร็จพิธี หอมไปทั่วห้องเครื่อง
เหล่านางในห้องเครื่องมาชะโงกมองว่ามันคือเครื่องเสวยที่มีชื่อว่ากระไร
ศรีไรตักผัดเผ็ดใส่จานเงินหาฝามาปิดครอบไว้
ยกวางในถาด ตักข้าวสาลีที่หุงร้อนๆ ในหม้อใส่ถ้วยสองใบวางข้างผัดเผ็ดในถาด
“เสิร์ฟร้อนๆ”
“เครื่องเสวยนี้มีชื่อว่าอย่างไร”
“ผัดเผ็ด”
ป้าตื้อพยักหน้ากับนางในห้องเครื่องที่รีบยกเครื่องเสวยไปถวายฮ่องเต้
“เดี๋ยวแน่ใจหรือว่าจะถวายเครื่องเสวยชนิดนี้”
“ตาแก่ อยู่เฉยๆ เสียข้าเห็นว่าเครื่องเสวยที่นางทำกลิ่นหอมชวนให้น้ำลายสอเรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที พวกเรากำลังเข้าตาจน”
ลุงซุนถอนหายใจ ศรีไพรเช็ดมือที่เพิ่งจะล้างกับผ้ากันเปื้อนที่มัดไว้ที่เอว
“ถ้ามีอะไรผิดพลาดฉันรับผิดชอบเพียงคนเดียวลุงก็บอกไปว่าฉันดื้อไม่ยอมเชื่อฟังลุง”ป้าตื้อส่ายหน้าไปมา
“เอาเหอะน่าตาแก่นางหวังดีน่า บางทีฝ่าบาทอาจเลือกเครื่องเสวยของนางก็ได้”
“แล้วเฟยฟางเล่านางปรุงเครื่องเสวยที่ชื่อว่าอะไร”
ลุงซุนเอ่ยปากถามนางในห้องเครื่องอีกคนนามว่าอี้เอ่อร์
“ป่านนี้นางยังยืนนิ่งไม่รู้ว่าจะปรุงสิ่งใดถวาย”
อี้เอ่อร์ตอบเบาๆ
นางในห้องเครื่องยกถาดผัดเผ็ดและข้าวร้อนๆ สาวเท้ายังห้องบรรทมของฮ่องเต้หรวนหนิงหลง宁龙 (หนิงหลง) = มังกรแห่งความสงบเสงี่ยม
“กลิ่นอะไร”
หรวนหนิงหลง ลุกขึ้นจากแท่นบรรทมในท่านอนหงายหยียดยาวยกมือก่ายหน้าผากหลับตานิ่งกับท้องที่เลิกร้องไปนานแล้ว
ขันทีชราเป่ยกงกงรีบประสานมือท่าทีนอบน้อม
“ฝ่าบาทนางในห้องเครื่องนำเครื่องเสวยชุดใหม่มาแล้วคาดว่าจะเป็นของสิ่งนี้ที่ส่งกลิ่นข้าน้อยเห็นว่าฝ่าบาททรงบรรทมจึงไม่ได้ปลุก”หนิงหลงถอนหายใจ
“ยกเข้ามา ทดสอบพิษ”
เป่ยกงกงโบกมือให้นางในห้องเครื่องที่ยกถาดเข้ามาวาง
แล้วเอื้อมมือเปิดฝาครอบผัดเผ็ดออกช้าๆ
กลิ่นหอมเผ็ดร้อนขจรขจายไปทั่วห้องบรรทม หนิงหลงจ้องมองสิ่งที่อยู่ในจานเงิน ไม่อาจบอกได้ว่าคือสิ่งใดกันในเมื่อถูกบั้งและทอดจนเป็นสีเหลืองทอง
เป่ยกงกงคีบเอาผัดเผ็ดเข้าปาก ดวงตากลับเบิกโพลงด้วยรสแปลกลิ้น รสสัมผัสเผ็ดร้อนทว่าลงตัวทั้งกลมกล่อมหอมหวน จนทำให้น้ำลายไหลได้เลยทีเดียว เคี้ยวช้าๆ แล้วกลืน รสดีเสียจนสึกเสียดายที่คีบชิ้นเล็กไปอยากจะลิ้มรสอีกสักคำ ความเผ็ดร้อนในปากบวกกับกลิ่นหอมของเครื่องเทศในพริกแกงกับกลิ่นฉุนของใบกะเพราช่างพอเหมาะพอเจาะส่งผลให้ความกรอบนุ่มของทอดสีเหลือง ชูรสได้ดี รสเผ็ดทำให้เจริญอาหาร แต่ไม่วายสงสัยว่าของสิ่งนี้ทำจากวัตถุดิบใดกันแน่ ถึงจะใกล้เคียงกับเนื้อหมูแต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว
“ไม่มีพิษพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทจะเสวยเลยหรือไม่”
“เลื่อนถาดมาตรงหน้าข้า”
สูดดมกลิ่นหอมจนน้ำลายสอแต่ไม่อาจแสดงกิริยาว่าหิวจนตาลายออกมาด้วยเป้นคนที่มักจะสะกดกลั้นความรู้สึกได้ดีตามประสานักรบนั่นเอง
หนิงหลงทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ เป่ยกงกงเลื่อนถาดอาหารตรงหน้าส่งตะเกียบเงินให้อย่างนอบน้อม หนิงหลงคีบผัดเผ็ดชิ้นหนึ่งใส่ปาก
รู้สึกถึงความเผ็ดที่ปลายลิ้น พอเคี้ยวจึงสัมผัสรสกลมกล่อมความกรอบนอกนุ่มในยิ่งทำให้รสสัมผัสมีความน่าพิศวง ความเผ็ดในตอนท้ายบวกกับกลิ่นหอมแทรกซึมไปทั่วปากพริกแกงไม่ได้เผ็ดจี๊ดจ๊าดแต่ก็เผ็ด พอรู้สึกเผ็ดก็พุ้ยข้าวร้อนๆ ใส่ปากแก้เผ็ดยิ่งอร่อย จนแทบลืมเคี้ยว
เป่ยกงกงยิ้มแก้มปริ
เดินมากระซิบกระซาบกับนางในห้องเครื่อง
แล้วโบกมือให้นางกลับไป
“รสดี จริงๆ เครื่องเสวยนี่มีชื่อว่าอะไร”
หนิงหลง มองหาถ้วยข้าวอยากจะเพิ่มข้าวอีก เป่ยกงกงรู้ทันรีบยกถ้วยข้าวร้อนๆ มาวางตรงหน้า นึกชื่นชมคนจัดถาดอาหารที่เพิ่มข้าวมาราวกับจะรู้ว่ามื้อนี้ฝ่าบาทจะเสวยข้าวถึงสองถ้วย
“อ่า นางในห้องเครื่องที่ยกถาดอาหารมานางเรียกมันว่า…ผัดเผ็ด”
“หัวหน้าห้องเครื่องที่รับผิดชอบเรื่องเครื่องเสวยมาพบข้า”หนิงหลงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเป่ยกงกงรับคำถอยห่างออกมา ถึงจะอยากคาดเดาแต่ก็ไม่อาจคาดเดาว่าหนิงหลงกำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์ไหนกันแน่พร้อมกับที่เฟยฟางกำลังยกเครื่องเสวยของนางพร้อมกับของหวานเข้ามาห้องเครื่อง“ฝ่าบาททรงเสวยแล้ว ฝ่าบาทเสวยเครื่องเสวยแล้ว”เสียงนางในห้องเครื่องที่ยกผัดเผ็ดพร้อมข้าวไปก่อนหน้านั้นตะโกนดังๆ ก่อนจะเห็นตัวนางด้วยซ้ำลุงซุน กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นผิดกับป้าตื้อกับอี้เอ่อร์ที่ต่างยิ้มด้วยความรู้สึกโล่งอกนางในห้องเครื่องต่างดีอกดีใจกันยกใหญ่ มีเพียงลุงซุนเท่านั้นที่สีหน้าไม่สู้ดี“เจ้าเก่งจริงๆ เข่อชิงว่าแต่เจ้าไม่เอาสูตรอาหารชนิดนี้มาจากไหนกัน แล้วรู้ได้อย่างไรว่าฝ่าบาทจะยอมเสวย”อี้เอ่อร์ถามขึ้นเขย่ามือศรีไพรด้วยความรู้สึกยินดี“ก็แค่ผู้สูงอายุที่กินยากอยู่ยาก อาหารที่ทำเลยจำเป็นต้องมีกลิ่นหอมยั่วน้ำลายก็เท่านั้น”คนแก่ก็แบบนี้ เรื่องมาก จืดไปก็ไม่เอาเลี่ยนไปก็ไม่กิน“ดีจริง ต่อไปบรรยากาศในห้องเครื่องและวังหลวงที่ตึงเครียดก็จะผ่านไปเสียที”อี้เอ่อร์พูดไปยิ้มไปศรีไพรเองก็จำต้องยิ้มตอบในเมื่ออี้เอ่อร์
“ปูนบำเหน็จให้นาง ข้าแค่สงสัยว่าเหตุใดในเมื่อกระเพาะหมูเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเครื่องเสวยของฮ่องเต้แต่ทำไมคนที่ปรุงเครื่องเสวยยังดื้อรั้นนำมันมาปรุงอีก ความดื้อรั้นนี้นับว่าเป็นความชอบเพราะทำให้ข้าเสวยได้หลังจากที่ไม่ได้เสวยอะไรในหลายวันที่ผ่านมา”เฟยฟางกับลุงซุนยิ้มแทบจะพร้อมกัน หนิงหลงจ้องมองใบหน้างดงามยามแย้มยิ้มของเฟยฟางแล้วรีบเบือนหน้าหนีห้องเครื่องศรีไพรเดินสำรวจทั่วบริเวณตื่นตาตื่นใจกับ ห้องครัวที่ใหญ่โตเหมือนห้องครัวในโรงแรมขนาดใหญ่ มีวัตถุดิบทั้งสดและแห้งเครื่องเทศใหม่เก่าแขวนเรียงรายขาหมูแห้งแขนไว้ที่ราวด้านข้างหน้าต่าง หมูเส้นหมูแผ่นไข่ปลา แขวนเรียงรายสุดอลังการหลายคนกำลังสารวนกับการทำเครื่องเสวยสำหรับคนในวังหลวง ที่มีนับพันชีวิตพ่อครัวแม่ครัว เรียกแบบนี้ก็ไม่ผิดเพราะแต่ละคนสวมวิญญาณนักปรุงที่ตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารราวกับว่าชีวิตนี้เกิดมาเพื่อมัน ศรีไพรอมยิ้มเหมือนเหมือนตัวศรีไพรเลยที่ทำงานจนตาย เอหรือว่าดื่มจนตาย“อู๊ยยยยดูสิของกำนัลที่ฝ่าบาทประทานมาล้วนมีแต่ของดีๆ”เฟยฟางยิ้มบางๆ“แจกจ่ายกันไปในหมู่พวกเราดีไหมท่านลุง เราทุกคนล้วนเหนื่อยล้ามาหลายวันกว่าฝ่าบาทจะยอมเสวย”“ห
“ไอ้น้องนี่มันใช้ได้แฮะ ก็ได้ก็ได้ไม่ต้องเอาใจหรอกที่นี่สบายกว่าที่ข้าจากมา อย่างน้อยก็แค่ปรุงอาหารแล้วก็ได้พัก”หันไปเจอเข้ากับสายตาตำหนิของป้าตื้อ“แอบมาสุมหัวทำอะไรกันอีก”“ป้าเราเพิ่งจะมานั่งอี้เอ่อร์เพิ่งจะไปรับของแจกจากเฟยฟางมาเลยนำมาแบ่งกับพี่เข่อชิง”อี้เอ่อร์แก้ตัว ป้าตื้อถอนหายใจ“ข้าไม่ได้ว่าอะไร เจ้ากินอะไรหรือยังเล่าเข่อชิง เอ้านี้ ลุงซุนฝากมาให้เจ้า”น้ำเสียงอ่อนลงวางก้อนทองลงบนโต๊ะกับปิ่นปักผมอีกอัน“สวยจัง แล้วนี่ทองจริงหรือเปล่า”ศรีไพรเอ่ยปากชมปิ่นอันนั่น หยิบทองมากัดไปงั้นๆ ก็จำเขามาว่าต้องกัดอี้เอ่อร์มีสีหน้าว่าเสียวฟัน“ของจริง มีอะไรที่ปลอมได้อีกในวังหลวงแห่งนี้ เป็นของกำนัลที่เจ้าปรุงเครื่องเสวยถูกพระทัยฝ่าบาท”ศรีไพรยิ้มกว้างโยนทองในมือกะน้ำหนัก“ดีจังปรุงอาหารครั้งหนึ่งได้เท่านี้ก็เอาแล้ว ปิ่นปักผมอันนี้สวยจังฝ่าบาทประทานมาเลยหรือ”ป้าตื้อยิ้มเศร้าๆ เมื่อเห็นท่าทีดีอกดีใจของเข่อชิง ตั้งแต่เล็กจนโตเข่อชิงที่มีนิสัยมุทะลุแต่ฉลาดกว่าคนอื่นนางชอบหาทางเอาตัวรอดจนป้าตื้อต้องดุด่านาง มีครั้งนี้กระมังที่ป้าตื้ออดสงสารนางเสียไม่ได้นางช่างทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนได้ดีจริงๆ
เป่ยกงกงประสานมืออมยิ้ม“มิได้รอแต่เครื่องเสวย ฝ่าบาททรงรอคนยกเครื่องเสวยด้วยถูกต้องหรือไม่”“นางงดงามจน…ข้าไม่อยากจะเชื่อว่านางจะปรุงเครื่องเสวยได้ เราไปดูนางปรุงเครื่องเสวยที่ห้องเครื่องดีไหม”"ไม่พ่ะย่ะค่ะยิ่งกดดันพวกเขาและห้องเครื่องวุ่นวายทั้งกลิ่นควันไฟและกลิ่นอาหารฝ่าบาทจะทนได้หรือ""ไม่ไปก็ได้"ใบหน้าหล่อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่เป่ยกงกงรู้ดีว่าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักเป่ยกงกงยิ้ม“นางงดงามอ่อนหวาน มากความสามารถกล้าคิดกล้าพูด จึงไม่ควรอยู่แต่ในห้องเครื่อง”หนิงหลงพยักหน้าขึ้นลงที่ห้องเครื่อง“ฝ่าบาท24แล้วแต่ยังไม่แต่งตั้งฮองเฮาเวลาที่ผ่านมาทำศึกสงคราม กับแคว้นน้อยใหญ่พอกลับวังหลวงก็หวาดระแวงกลัวว่าแคว้นที่เคยทำสงครามจะส่งคนมาวางยาลอบสังหารไม่ยอมเสวยอะไร นานๆ เข้าก็กลายเป็นไม่อยากเสวย หมอหลวงจึงหาวิธีให้คนในห้องเครื่องทำอาหารที่ยั่วน้ำลายฝ่าบาทจนต้องอยากเสวย”อี้เอ่อร์เล่าไปพร้อมกับสับหมูไปด้วย“อ่อ ทำสงครามตั้ง24ปีกินนอนในสนามรบจนเคยพอมาเจอของดีดีเลยไม่อยากกิน เกิดอาการเบื่ออาหาร อี้เอ่อร์แล้วหากว่าฝ่าบาทไม่ยอมเสวยจริงๆ นี่พวกเราจะถูกประหารจริงๆ หรือ”“พี่เข่อชิงท่านก็ลองนึ
“พี่เข่อชิงหอมจัง น้ำพริกชนิดนี้เรียกว่าน้ำพริกอะไร”อี้เอ่อร์สูดดมกลิ่นหอมจากกระทะพร้อมกับรอยยิ้ม“ที่บ้านข้าเขาเรียกน้ำพริกอ่อง แต่ที่นี่คงประมาณน้ำพริกหมู ที่นี่เขาใช้พริกเฉฉวนแต่ข้าใช้พริกแห้งแบบจีนกับมะเขือเทศสดก็พอได้อยู่”“ข้าอยากจะลองชิม”อี้เอ่อร์ยื่นหน้าเข้ามา เกือบจะทนต่อกลิ่นหอมไม่ได้เฟยฟางเดินเข้ายืนใกล้ๆ อีกคน“พวกเจ้าตักใส่ถ้วยเล็กมาชิมได้นะ แต่อีกสักพักจึงจะได้ที่ตอนนี้ก็ชิมรสดูก่อนได้”“พี่เข่อชิงเราไม่กินอะไรก่อนที่ฝ่าบาทจะเสวย ฝ่าบาทคือผู้สูงส่งเราได้แค่ชิม”อี้เอ่อร์พูดเบาๆศรีไพรทำตาโต“ อย่างกับทำของถวายพระเลยวะเฮ้ย เอาน่าข้าไม่บอกเฟยฟางไม่พูดเจ้าก็ไม่เล่าไม่มีใครรู้ เอาถ้วยเล็กมาชิมก่อนได้ ฝ่าบาทไม่มีทางรู้ เราทำประจำอยู่แล้วแอบตักไว้ก่อนแล้วค่อยให้พระกิน”ยิ้มสดใสรับถ้วยเล็กที่อี้เอ่อร์ส่งมาตักน้ำพริกอ่องใส่ถ้วย แล้วพยักหน้ากับทั้งสองสาว“กินกับ แตงกว่าอ่อนๆ กะหล่ำปลีนึ่ง แครอลนึ่ง ฟักทองนึ่งอร่อยเหาะ“ฮัดเช้ย”หนิงหลงจามออกมาดังๆ“ฝ่าบาท อากาศเปลี่ยนพ่ะย่ะค่ะเมื่อสองวันก่อนยังหนาววันนี้กลับมีแดด”“เหมันต์ปีนี้เราจดบันทึกเรื่องกระเพาะสุกร สำคัญทีเดียว ใช่ไหม”หนิ
ศรีไพรพยักหน้า“กำลังทำอะไรอยู่ เข่อชิง อี้เอ่อร์เจ้าสองคนมานี่”ศรีไพรรีบไปตามเสียงเข้มของป้าตื้อความจริงป้าตื้อคนนี้ถ้าไม่ติดทำเสียงเข้มตลอดเวลาแกก็น่ารักไม่น้อย“ข้าซื้ออาภรณ์ชุดใหม่มา ให้เจ้าถึงจะราคาไม่เท่าไหร่การเย็บปักไม่ค่อยประณีตเหมือนอาภรณ์ที่เหล่าสนมนางในใช้กัน แต่ข้าก็อยากให้เพราะเจ้าสวมอาภรณ์ตัวนี้ตลอดหน้าหนาวที่ผ่านมา ควรจะเปลี่ยนได้แล้วส่วนอี้เอ่อร์นี่เป็นผ้าที่ข้าไปเลือกมาให้เจ้านำไปตัดเย็บอาภรณ์ด้วยตัวเอง”อี้เอ่อร์ยิ้มกว้างป้าตื้อใจดีกับศรีไพรแล้วส่งต่อมาที่อี้เอ่อร์ด้วย“ขอบคุณท่านป้า”“เอ่อ ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกข้าเองรู้สึกผิดกับเจ้าไม่น้อยแต่อย่าได้ใจไปหากว่ามื้อนี้ฝ่าบาทไม่ยอมเสวยกลัวว่าจะต้องลำบากกันอีก”“ไม่หรอกป้าเครื่องเสวยของพี่เข่อชิงรสชาติดีจริงๆ นะ อุ๊ป”ศรีไพรรีบปิดปากเพราะกลัวว่าป้าตื้อจะดุเอาเรื่องที่ทั้งสามชิมน้ำพริกอ่องก่อนที่จะจัดเครื่องเสวย“ดีก็ดีแล้ว ข้าจะไปรอฟังผลเจ้าลองสวมดูสิเข่อชิง ข้าอยากรู้ว่ามันพอดีหรือไม่กลัวว่าจะกะขนาดลำตัวเจ้าผิดไปหากมันหลวมหรือคับไปให้อี้เอ่อร์แก้ให้”ป้าตื้อไปแล้วอี้เอ่อร์คลี่ผ้าม้วนยาวออกมา“ผ้าพับนี้ยาวมากทีเดียวข้าจ
ศรีไพรปาดเหงื่อที่ไหลรินทั่วใบหน้า“พี่เข่อชิง นี่ส่วนของท่าน”อี้เอ่อร์ยกถ้วยข้าวที่วางน่องไก่ไว้ด้านบนอย่างละน่องตรงหน้าศรีไพร“น่องไก่ตุ๋น แล้วนี่”เลื่อนถ้วยน้ำพริกเฉฉวนที่ใช้พริกสดสับพร้อมกับกระเทียมเทราดด้วยน้ำมันร้อนๆ“น่าอร่อย”ศรีไพรพูดยิ้มๆ“หวังว่าคงไม่มีการสั่งเครื่องเสวยเพิ่มอีกแล้วกว่าจะทำเสร็จก็เลยเวลาอาหาร”ศรีไพรยิ้มมองอี้เอ่อร์ที่กัดน่องไก่พร้อมกับเทพริกในถ้วยราดลงบนข้าวขาว พุ้ยข้าวหนึ่งคำกัดน่องไก่หนึ่งที“ที่นี่เขายอมให้เรากินน่องไก่ได้ด้วยหรือ”พูดไปยิ้มไปคิดไปถึงร้านของนายจ้างที่ไม่เคยจะให้พนักงานในครัวกินของดีดีนอกจากที่เหลือจากลูกค้ากินไม่หมดส่วนเมนูที่คนงานในครัวกินกันประจำ ก็ผัดเผ็ดกระเพาะหมูนั่นปะไรหรือไม่ก็น้ำพริกกะปิกับกากหมูทอด“ข้าแอบหยิบส่วนที่เหลือจากตำหนักจันทราของหยินกุ้ยเฟย นางเสวยแค่อกไก่อวบๆ ขาวๆ ไม่ติดหนัง แลัวก็เสวยแค่เพียงน้อยนิดเพื่อรักษารูปร่างของนาง”ศรีไพรพยักหน้า ปกติสามีที่มีภรรยาเยอะ ภรรยาก็ต้องรักษารูปร่างเพื่อมัดใจสามี ยิ่งสามีเป็นฮ่องเต้ด้วยยิ่งแล้วเลยมีสาวๆ สวยๆ ให้เลือกมากมาย“แต่กุ้ยเฟยนางก็งดงามแล้วยังรูปร่างดีอยู่แล้ว แต่รู้ไหมเ
ลุงซุนโผล่มาจากไหนพูดขึ้นดังๆ ศรีไพรยิ้มหยันอี้เอ่อ่ร์เบ้ปาก“ตาแก่ นางเป็นคนปรุงนางเหนื่อยกว่าเฟยฟางและพวกเรา อีกทั้งยังต้องแบกรับคำว่าถูกใจหรือไม่โปรดปรานหรือเปล่า”ป้าตื้อตวาดแว๊ด“ไม่ใช่นางที่แบกรับคนที่แบกรับคือเฟยฟาง นางต่างหากที่ต้องรับหน้าแทนหากวันไหนฝ่าบาทโปรดปรานเข่อชิงนางก็ได้ของกำนัลมากกว่าเฟยฟางด้วยซ้ำ แต่หากวันไหนฝ่าบาทไม่โปรดขึ้นมาเกรงว่ามีแต่เฟยฟางที่นั่งรอคมดาบที่ลานประหาร”“ไม่เป็นไร จริงอย่างลุงซุนพูดหากให้ข้าไปยืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋อต่อหน้าฝ่าบาทอะไรนั่นข้าก็คงไม่เอาข้าพอใจที่จะอยู่ตรงนี้ เฟยฟางถือว่าช่วยข้าหากนางจะได้เบี้ยหวัดมากกว่าข้าก็เป็นธรรมดา”อี้เออ่ร์กระตุกชายเสื้อของศรีไพรด้วยความรู้สึกขัดใจ ศรีไพรเอื้อมมือตบที่หลังมือของอี้เอ่อร์เบาๆ“ดีแล้ว คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้วเดิมเจ้าก็ไม่ได้อยากจะเด่นดังอะไรอยู่แล้วนี่ วันๆเอาแต่หาทางอู้หลบนอนกลางวันได้ขนาดนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว”ป้าตื้อถอนหายใจยาว“ตาแก่ไปเถอะ ไปดูวัตถุดิบที่เขานำมาสั่งไปตรวจนับกันทางนี้ปล่อยนางไปเถอะ”ป้าตื้อดันหลังลุงซุนให้เดินไปยังโรงเก็บวัตถุดิบ“พี่ พี่เข่อชิงท่านไม่รู้สึกอะไรจริงหรือท่านไม่เจ็บใจหรือข้า
ไทเฮาน้ำตาปริ่มขอบตารับเอาร่างกระจ้อยที่นอนนิ่งเปิดโอกาสให้ใครต่อใครได้ชื่นชม อี้เอ่อร์ยืนเขย่งตัวอยากจะเห็นองค์ชายน้อยเช่นกัน"อี้เอ่อร์ มาชื่นชมองค์ชายน้อยเสียด้วยกัน"ศรีไพรพูดขึ้นยิ้มๆ"ขอบพระทัยฮองเฮา"อี้เอ่อร์ยื่นหน้าไปดูร่างกระจ้อยในอ้อมแขนไทเฮา พร้อมกับรอยน้ำตา"เจ้าว่าเหมือนฝ่าบาทหรือฮองเฮา"ไทเฮาเอ่ยปาก"เหมือนทั้งสองพระองค์ และน่าเอ็นดูที่สุด"อี้เอ่อร์พูดไปยิ้มไปป้าตื้อเดินมาทรุดกายลงข้างหน้าศรีไพร"ป้าตื้อเล่าได้เห็นหน้าองค์ชายหรือยัง อ่อจริงสิได้เห็นก่อนข้าเสียอีก"ศรีไพรพูดไปยิ้มไป"ตาแก่ซุนมอบสิ่งนี้มาให้ข้าช่วยรับขวัญองค์ชายน้อย"วางตุ๊กตาแกะสลักลงข้างแท่นนอนศรีไพรถอนหายใจ"ไม่รับ"หรวนหนิงหลงเลิกคิ้วสูงกับท่าทีของศรีไพรป้าตื้อเช็ดน้ำตารู้สึกเจ็บปวดในใจ"ข้าน้อยเข้าใจตาแก่ทำกับฮองมากไปแค่นี้ก็ถือว่าเมตตามากแล้วกับคนแก่อย่างเรา"ศรีไพรยิ้ม"ที่ไม่รับเพราะอยากให้ท่านลุงซุนมอบมันให้กับองค์ชายน้อยกับตัวเอง ข้าให้ออกจากห้องขังก็ไม่ออกมาฉะนั้น ต้องออกมาไม่อย่างนั้นข้าไม่รับ"หรวนหนิงลงหัวเราะในลำคอ"ตามนั้นข้าบัญชาให้ซุนเต๋อไฉ่มามอบของกำนัลรับขวัญองค์ชายน้อยด้วยตัวเองไม่เช่นนั้
ป้าตื้อที่มาถึงในยามสายก็พูดขึ้นก่อนจะหย่อนตูดลงนั่งด้วยซ้ำไป“ข้าละอายใจเกินกว่าจะทำแบบนั้นได้ฮองเฮาไม่เคยถือโทษ ฝ่าบาทแม้ลงโทษก็โทษสถานเบาด้วยอ้างคำพูดของฮองเฮา"ป้าตื้อกอดเข่า"ฮองเฮากลับมาหลายอย่างดีขึ้นแม้แต่ข้าเองยังกลับมาเป็นข้าเช่นเดิมส่วนฝ่าบาทก็ไม่ฉุนเฉียวเศร้าสร้อยนับว่าสวรรค์ส่งฮองเฮามาเพื่อพวกเราจริงๆ""ข้าซาบซึ้งน้ำพระทัยฮองเฮายิ่งนักที่ไม่กล่าวโทษข้าแล้วยังให้ข้าออกจากคุกคุมขังไปใช้ชีวิตสงบข้างนอกได้อีก วันก่อนไทเฮามีราชเสาวนีย์ให้ข้าไปพำนักที่ตำหนักพระพันปีในตำแหน่งคนดูแลอุทยานส่วนพระองค์ข้าน้ำตาแทบไหลแต่ละพระองค์ล้วน ดีกับข้าเหลือเกิน""เฮ้อ อย่างนั้นก็รีบออกมาเสีย ขืนชักช้าจะไม่ทันได้เห็นองค์ชายน้อยถือกำเนิดหมอหลวงบอกว่าไม่เกินวันสองวันนี้ฝ่าบาททรงดีพระทัยจัดให้มีการสร้างตำหนักใหม่ให้กับองค์ชายเสียใหม่แล้วยัง สั่งผ้าเนื้อเกณฑ์นางในหลายสิบคนช่วยกันตัดเย็บอาภรณ์สำหรับเด็กอ่อน ฮองเฮาเองจะเดินจะนั่งจะไปไหนฝ่าบาทก็คอยประคองด้วยองค์เองไม่ห่าง อี้เอ่อร์กลายเป็นนางกำนัลข้างกาย เสี่ยวถาน เสี่ยวหยาจำต้องรับหน้าที่ปรุงอาหารแทน มีแต่แกนั่นล่ะตาแก่ที่สบายอยู่ในนี้"ป้าตื้อร่ายยาว"
“หลายวันมานี้นอนอยู่แต่ในแท่นนอน ฝ่าบาทควรจะออกไปสูดอากาศเสียบ้าง”หรวนหนิงหลงถอนหายใจ แต่ก็ยอมลุกไปโดยดี“กลิ่นอะไร”หรวนหนิงหลงได้กลิ่นน้ำชุปหมาล่าเตะจมูกหอมจนทำให้นึกถึงเรื่องราวในวันเก่าในห้องเครนื่องคืนวันนั้นกับศรีไพรเป่ยกงกงไปแล้ว ภาพตรงหน้า ที่เขาเห็นคือศรีไพรที่นั่งถือพัดพัดไฟในเตาให้โหมกระพือเพื่อให้หม้อชาบูเดือด“ชาบูเยียวยาทุกอย่าง”ใบหน้างดงามหันมายิ้มให้เขา หรวนหนิงหลงถลาเข้าไปกอดรวบร่างบางไว้แนบอก น้ำตาไหลริน“ในที่สุดเจ้าก็กลับมาการรอคอยของข้าไม่สูญเปล่า ข้าคิดถึง คิดถึงเจ้าที่สุด”“เบาๆเพคะ อือช้ำหมดแล้วรู้ไหมทำไมกลับมา”ศรีไพรลูบที่หน้าท้องเบาๆ“อย่าบอกนะว่า เจ้า ตั้งครรภ์ลูกของข้า”ศรีไพรพยักหน้าขึ้นลงอายๆ“กลัวแทบตายว่าจะกลับมาไม่ได้ แต่ข้าก็มั่นใจว่าจะต้องกลับมาในเมื่อข้าฝันถึงท่านในทุกคืน ท่านเล่าฝันถึงข้าบ้างไหม”หรวนหนิงหลงยิ้มทั้งน้ำตา“ไม่ว่าจะหลับหรือตื่นล่วนมีเจ้าทุกเวลา อย่าจากข้าไปไหนอีกได้ไหมอยุ่ที่ด้วยกันอยู่กับข้าไปจนแก่เฒ่า”ศรีไพรพยักหน้าขึ้นลง“กลับไปไม่ได้แล้วในเมื่อซินแซที่วัดข้างบ้านที่ทำพิธีให้กับข้าเพื่อกลับมาที่นี่ขอคำยืนยันกลับข้าว่าหากข้ามาข้
ฉับพลันนั้นเองแสงหลายสีก็ปรากฎขึ้นที่รอบๆร่างบางของศรีไพร หรวนหนิงลุกทะลึ่งพรวดลุกขึ้นจากแท่นนอน แม้จะไม่เข้าใจว่าแสงนั้นคือสิ่งใดแต่เขากลับดึงร่างบางให้ถอยจากลำแสงหลากสีนั้น กอดรวบร่างบางของศรีไพรไว้แน่นศรีไพรรู้สึกถึงแรงดึงมหาศาลที่ฉุดดึงร่างของเธอทั้งลากทั้งดึงแสงหลากสีห่อหุ้มร่างบางไว้ทั้งๆที่หรวนหนิงหฟลงกอดไว้แต่แสงก็ไม่ได้แตะต้องหรวนหนิงหลงแต่อย่างใด แสงหลากสีตามาถึงนี่ ตามมารับตัวศรีไพรถึงที่นี่ ไม่สิไม่ว่าศรนีไพีจะอยู่ที่ไหนแสงหลากสีนี้ก็จะหาจนเจอเสียมากกว่าศรีไพรนึกขำที่ตัวเองไปเฝ้ารอแสงนี้ในทุกค่ำคืนที่ห้องเครื่อง คงจะต้องไปจริงๆแล้วสินะ ว่าแต่ทำไมต้องเป้นตอนนี้ในเมื่อทุกอย่างกำลังจะดีแล้วเชียวศรีไพรกำลังจะพบกับความสุขแล้วเชียว ศรีไพรรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วสรรพร่าง มึนงงและตื่นตระหนกพยายามฝืนใจบอกลาหรวงหนิงหลง“คงต้องไปแล้ว ข้าไม่อาจฝืนต่ออะไรบางอย่างในตอนนี้ ฝ่าบาทปล่อยข้าเถอะข้าเจ็บปวดเพราะแรงฉุดดึงจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว”หรวนหนิงหลงหน้าเสีย แต่ยังไม่ยอมปล่อยอ้อมแขน“เจ้าไปข้าไป”“ฝ่าบาทไม่มีประโยชน์ ข้าคงต้องลาแล้ว บางทีข้าจะหาโอกาสกลับมาที่นี่ให้ได้อีกสักครั้ง”“ไม่ไม่ไม่ข้าไ
หรวนหนิงหลงถอนหายใจยาวเจินอ๋องส่ายหน้าไปมา ดึงตัวหยิงเชียวให้ตามเขากลับตำหนักจันทราหรวนหนิงหลงเองก็ดึงมือศรีไพรออกจากลานพิธีไปยังส่วนในของตำหนักใหญ่“กลัวไหม”ศรีไพรส่ายหน้า“ไม่กลัวแต่สงสาร มากกว่าท่านจะไม่ใจร้ายกับนางไปหน่อยหรือ”หรวนหนิงหลงส่ายหน้าไปมา“ข้าไม่เคยรักใคร..นอกจาก เจ้าเข่อชิงเช่นนั้นการแสดงออกจึงต่างออกไป”ยิ้มตาหวานฉ่ำ“ปากหวานจริงเชียว เอาจริงๆ สักวันจะต้องเบื่อข้าหรือเปล่า แล้วการแสดงออกก็คงจะต้องต่างออกไป”“ไม่มีทาง ข้าจะไม่มีใครนอกจากเจ้ากับเจ้าการแสดงเดียวที่จะแสดงออกคือ”โน้มตัวลงช้าๆ จุมพิตที่ริมฝีปากของศรีไพรหวานฉ่ำ“อือ เอาเปรียบกันอีกแล้วเราสองคนไปรักกันตอนไหน ฝ่าบาทถึงฉวยโอกาสแบบนี้”หรวงนหนิงหลงโอบแขนแข็งแรงรอบเอวบาง“ไม่รักข้าหรือ ข้ารักเจ้าทุกตอนยิ่งตอนนี้ยิ่งรัก”ศรีไพรยิ้มเอียงอาย“อะ ไม่ได้การแล้วลุงซุนจะต้องหนีไปแน่ๆ ฝ่าบาทส่งคนจับตัวลุงซุนไว้เดี๋ยวนี้เถอะ”หรวนหนนิงหลงถอนหายใจ“บ่ายเบี่ยงตลอดบ่ายเบี่ยงประจำ เรื่องนั้นไม่ต้องสนใจข้าส่งคนคุมตัวซุนเต๋อไฉ่ไว้แล้ว”ศรีไพรถอนหายใจ“แล้วฝ่าบาทรู้ได้อย่างไรว่าาเป็นลุงซุน”“ข้าคือฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทำได้หลายอย่างและฮ
จุมพิตที่หลังมือของศรีไพรเบาๆ ท่ามกลางหลากหลายสายตาที่ร่วมยินดี“ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี เก้อซูเฟยทรงพระเจริญร้อยปี”เสียงโห่ร้องโดยการนำของเป่ยกงกงป้าตื้อและนางในห้องเครื่อง ต่างวิ่งมาดูความสำเร็จน่าชื่นชมของศรีไพร อี้เอ่อร์ยิ้มกว้าง อยากจะเข้าไปเขย่ามือแสดงความยินดีกับศรีไพร แม้จะสงสัยนักหนาว่า ทั้งสองคนไปรักกันตอนไหน ซึ่งความสงสัยนี้ก็ไม่ต่างจากเฟยฟางที่แทบจะแทรกแผ่นดินหนี แผนทั้งหมดพังลงแล้วหรือ นางกับฝ่าบาทไปรักกันตอนไหนหรือว่ามีบางอย่างที่เฟยฟางไม่รู้“ไหนดูสิ เจ้าทำอะไรให้ข้า”หรวนหนิงหลงหันไปจ้องมอง เค้กก้อนโตที่ตกแต่งสวยงามอย่างที่สุดศรีไพรสะดุ้งเล็กน้อยหันไปยิ้มกับหรวนหนิงหลง“เจ้าตั้งใจทำมันเพื่อข้า อย่างนั้นหรือ”ศรีไพรส่ายศีรษะไปมา“สำหรับฝ่าบาท อธิษฐานแล้วเป่าเทียนเสีย”หรวนหนิงหลงหลับตาลงอธิษฐานบางอย่างในใจ พ่นลมเป่าเทียนจนดับ“สุขสันต์วันเกิดขอให้มีความสุขสมหวัง”ศรีไพรอวยพรเบาๆ อยากจะอวยพรให้อลังการกว่านั้นแต่ก็นึกไม่ออกว่าจะสรรหาคำพูดแบบไหน ให้อย่างที่ใจต้องการหรวนหนิงหลงยิ้มบางๆ แววตาเต็มเปี่ยมด้วยความรักลุงซุนใจเต้นไม่เป็นจังหวะศรีไพรกำมือหรวนหนิงหลงที่ในนั้น
ลุงซุนยิ้มสาสมใจ เพิ่งจะโรยยาพิษบนเค้กก้อนนั้นไป คิดไปช่างง่ายดายยิ่งนัก เข่อชิงนางคงต้องการให้ตัวเองโดดเด่น ดีเสียจริงคนแบบนี้ที่เหมาะกับงานนี้ ที่จะต้องรับโทษประหารข้อหาปลงพระชนม์หรวนหนิงหลงเป็นนางอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง โชคเข้าข้างเมื่ออยู่ๆ อี้เอ่อร์ก็มาบอกว่า เข่อชิงนางทำของหวานชนิดพิเศษสำหรับฝ่าบาทเมื่อทั้งสองคนเผลอไผลลุงซุนก็นำ มัจจุราชแห่งความตายมอบให้หรวนหนิงหลงในทันที โดยหารยืมมือของนางโง่นั่น แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ทำไมฝ่าบาทให้ความสำคัญกับนางเพียงนั้นหยินเจินเชียวกับหยินหยิงเชียว ทั้งสองจ้องมองใบหน้างดงามกับอาภรณ์เนื้อดี แต่ความคิดต่างกัน หยินหยิงเชียวกับคิดว่านางมีสิทธิ์สวมใส่อาภรณ์เนื้อดีราวกับฮองเฮาด้วยหรือไร หยินหยิงเชียวกัดฟันจนเป็นสันนูนส่วนหยินเจินเชียวกลับรู้สึกว่าหญิงงามคนนี้ช่างเหมาะกับอาภรณ์งดงามนี้และเป็นหรวนหนิงหลงที่ให้ความสำคัญนางเกินใคร“ใครให้เจ้าเข้ามาในนี้ แค่เพียงผู้ช่วยคนปรุงอาหารมีสิทธิ์อะไรเข้ามาในนี้ แล้วอาภรณ์ที่เจ้าสวมใส่ เจ้าแอบยักยอกมาจากตำหนักไหน จากสนมคนใด”หยินหยิงเชียวส่งเสียงดังลั่นท่ามกลางสายตานับพันคู่นางหายีหระไม่ ก็บิดาเป็นถึงอ๋องเยี่ย ของต
“เรียบร้อยแล้วจ้ะพี่ ข้าเห็นว่าลุงซุนยอมใจดีให้พี่ยกของสิ่งนี้ออกไปด้วยตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าลุงซุนจะยอมง่ายดาย”ศรีไพรกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ เรื่องนี้จำต้องลงมือด้วยตัวเองหากพลาดเดาทางผิดนั่นเท่ากับฮ่องเต้จะต้อง ต้องพิษอย่างแน่นอน แต่หากพลาดอีกก็คือโทษตาย ในเมื่อคนที่คิดทำเค้กก็คือศรีไพรคนที่ยกไปก็คือศรีไพร เรื่องนี้หากจะมีใครสักคนโยนงานให้ก็เหมาะเจาะเหลือเกิน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อศรีไพร ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ให้ทุกอย่างมาลงที่เค้กชิ้นนี้เพื่อควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง“ไปได้แล้วตอนนี้งานเลี้ยงกำลังจะจบลงแล้ว เจ้ารีบยกของหวานที่เจ้าตั้งใจมอบให้ฝ่าบาทออกไปได้แล้ว อย่ามัวแต่ชักช้างานเลี้ยงใกล้จะจบลงเต็มทนแล้ว”เสียงลุงซุนดังมาจากข้างหลัง อี้เอ่อร์เบ้ปากศรีไพรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นหันไปมองถาดใส่เค้กที่มีฝาปิดไว้มิดชิดสูดลมหายใจเข้าลึกๆตื่นเต้นอย่างที่สุดที่จะต้องอยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก และจะต้องเข้าเฝ้าฮ่องเต้ นั่นไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่จะบังอาจทำต่อจากนี้ บังอาจยกเครื่องเสวยโดยไม่ต้องหลบในเงาของเฟยฟางอีกต่อไปอี้เอ่อร์มาช่วยจัดแจงอาภรณ์ของศรีไพรให้เข้าที่“ไปกันเถิดอี้เอ่อร์”พูดด้วยน้ำเสี
เฟยฟางในอาภรณ์งดงามราวกับสนมคนหนึ่งก็ไม่ปานยืนยิ้มที่หน้ากระจก“หากฝ่าบาทจะชื่นชมใครสักคน คนคนนั้นจะต้องเป็นข้าที่แบกรับทุกอย่างมาตั้งนานไม่ใช่เจ้าเข่อชิง”พร่ำพูดกับตัวเองด้วยสีหน้าและดวงตามุ่งหวังที่แฝงไปด้วยความริษยามือบางกำบางอย่างไว้แน่น“จะไม่มีเข่อชิงอีกต่อไปแล้วต่อไปจะมีเพียงเฟยฟาง เพียงคนเดียว”ที่ลานกว้าง“ฮ่องเต้เสด็จๆๆๆๆๆๆ”ผู้คนที่นั่งอยู่ต่าง ลุกขึ้นยกมือขึ้นประสานพร้อมเพรียงกันตรงหน้า“ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”หรวนหนิงหลงยิ้ม“เพียงกล่าวคำขอบคุณก็ไม่อาจเอื่อนเอ่ยบรรยายได้หมดในความรู้สึกขอบคุณที่ทุกท่านมาในครั้งนี้ข้า จึงหวังสิ่งตอบแทนเดียวที่มีคือการกินดื่มจนหนำใจ”“ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นๆ ปี”ขุนนางชั้นสูงคนหนึ่งยกจอกสุราตรงหน้าให้ผู้คนได้ร่วมดื่มอวยพร เป่ยกงกงรินสุราลงในจอกให้กับหรวนหนิงหลงไทเฮาและหยินหยิงเชียวต่างยกสุราชูขึ้นตรงหน้า เพื่อร่วมเฉลิมฉลองหรวนหนิงหลงชูสุราตรงหน้าแล้วกระดกลงคอในทันทีราวกับคำกล่าวเปิดงาน เหล่านางในต่างยกถาดอาหารนับร้อยนับพันมาเสริ์ฟในแต่ละโต๊ะเฟยฟางในอาภรณ์สะดุดตาต่างจากนางในคนอื่นที่เดินนวยนาดยกถาดเครื่องเสวยสำหรับหรวนหนิงหลงเข