“หัวหน้าห้องเครื่องที่รับผิดชอบเรื่องเครื่องเสวยมาพบข้า”
หนิงหลงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เป่ยกงกงรับคำถอยห่างออกมา ถึงจะอยากคาดเดาแต่ก็ไม่อาจคาดเดาว่าหนิงหลงกำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์ไหนกันแน่
พร้อมกับที่เฟยฟางกำลังยกเครื่องเสวยของนางพร้อมกับของหวานเข้ามา
ห้องเครื่อง
“ฝ่าบาททรงเสวยแล้ว ฝ่าบาทเสวยเครื่องเสวยแล้ว”
เสียงนางในห้องเครื่องที่ยกผัดเผ็ดพร้อมข้าวไปก่อนหน้านั้นตะโกนดังๆ ก่อนจะเห็นตัวนางด้วยซ้ำ
ลุงซุน กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นผิดกับป้าตื้อกับอี้เอ่อร์ที่ต่างยิ้มด้วยความรู้สึกโล่งอก
นางในห้องเครื่องต่างดีอกดีใจกันยกใหญ่ มีเพียงลุงซุนเท่านั้นที่สีหน้าไม่สู้ดี
“เจ้าเก่งจริงๆ เข่อชิงว่าแต่เจ้าไม่เอาสูตรอาหารชนิดนี้มาจากไหนกัน แล้วรู้ได้อย่างไรว่าฝ่าบาทจะยอมเสวย”
อี้เอ่อร์ถามขึ้นเขย่ามือศรีไพรด้วยความรู้สึกยินดี
“ก็แค่ผู้สูงอายุที่กินยากอยู่ยาก อาหารที่ทำเลยจำเป็นต้องมีกลิ่นหอมยั่วน้ำลายก็เท่านั้น”
คนแก่ก็แบบนี้ เรื่องมาก จืดไปก็ไม่เอาเลี่ยนไปก็ไม่กิน
“ดีจริง ต่อไปบรรยากาศในห้องเครื่องและวังหลวงที่ตึงเครียดก็จะผ่านไปเสียที”
อี้เอ่อร์พูดไปยิ้มไปศรีไพรเองก็จำต้องยิ้มตอบในเมื่ออี้เอ่อร์นางเป็นมิตรขนาดนี้
“หัวหน้าห้องเครื่องฝ่าบาททรงให้หัวหน้าห้องเครื่องผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องเครื่องเสวยเข้าพบ”
ลุงซุนหลับตาลงช้าๆ เมื่อขันทีหนุ่มน้อยนำบัญชาของหนิงหลงที่้ผ่านเป่ยกงกงมาบอกกล่าว
“จะต้องแก้ตัวว่าอย่างไรได้ อย่างไรก็ไม่อาจหลีกหนีโทษในครั้งนี้ได้แน่”
ก้มหน้ายอมตามขันทีหนุ่มไปในทันที
ศรีไพร ทำทีจะก้าวตามแต่ป้าตื้อกลับดึงไว้
“จะมีอะไรแย่ๆ เกิดขึ้นไหม”กังวลใจไม่น้อย
“ไม่มี และข้าคิดว่าไม่จำเป็น ลุงซุนมีวิธีที่จะผ่อนหนักเป็นเบาเจ้าไม่ต้องห่วงแค่ทำเครื่องเสวยให้ฝ่าบาทเสวยได้นับว่าเป็นความชอบ เจ้าไปจะยิ่งยุ่งไปกว่านี้ในเมื่อเจ้ามันคน ปากไม่มีหูรูด”
ศรีไพรยิ้มเจื่อนๆเมื่อไหร่กันที่ศรีไพรปากไม่มีหูรูดเจ้าจของร่างคนนี้ก็ไม่เบาทีเดียว
อี้เอ่อร์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของป้าตื้อ
"แต่"
"ไม่มีแต่ เจ้าไปก็ไม่ช่วยอะไร"ป้าตื้อพูดแกมบังคับ
ห้องบรรทมฝ่าบาท
“ฝ่าบาททรงเสวยอิ่มแล้ว”
เป่ยกงกงพูดขึ้น กับเฟยฟางที่ยืนรออยู่ที่หน้าห้องบรรทม
“แต่ข้าน้อยทำของหวานมาถวายด้วย”
เฟยฟางที่มีใบหน้าหวานปนเศร้าก้มหน้ายื่นถาดอาหารตรงหน้าเป่ยกงกง
“เจ้ารอก่อน ข้าจะลองทูลฝ่าบาทเรื่องของหวานวันนี้ฝ่าบาทเสวยได้มากไม่แน่อาจอยากจะเสวยของหวาน”
เป่ยกงกงพูดยิ้มๆ เอ็นดูท่าทีเศร้าๆ ของเฟยฟางไม่น้อย
เฟยฟางยืนถือถาดอาหารอยู่แบบนั้น
“หัวหน้าผู้ดูแลห้องเครื่องซุนเต่อไฉ่มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีหนุ่มน้อยขานดังๆ เดินนำลุงซุนเข้ามา
เฟยฟางเหลือบตามองลุงซุนที่สีหน้าราวกับแบกโลกไว้
“ให้เข้ามา”
เสียงทุ้มทว่าทรงอำนาจของหรวนหนิงหลงดังขึ้น
ลุงซุนขยับตัวเข้าไปด้านในห้องบรรทม พยายามเดินให้ตรงไม่ให้ตัวสั่น
เป่ยกงกงเดินออกมารับเอาถาดอาหาร
“เจ้าโชคดีวันนี้ฝ่าบาทยอมรับของหวาน”
“สิ่งที่ข้าเสวยไปเมื่อครู่คือเนื้อสัตว์ชนิดใด”
เสียงหนิงหลงดังออกมาด้านนอกประโยคก่อนหน้านั้นไม่ได้คาดคั้นจึงไม่เล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน
ฟางเฟยย่อตัวลง
“ข้าน้อยยกไปด้วยตัวเองได้ใช่ไหมเจ้าค่ะ”
เป่ยกงกงยิ้มไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงเอ็นดูเฟยฟางยิ่งนัก พยักหน้าขึ้นลง
ลุงซุนตัวสั่นทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้น
“ฝ่าบาท โปรดไว้ชีวิตด้วยสิ่งนั้นคือกระเพาะอาหารของสุกร”
“แล้วเจ้าที่เป็นถึงหัวหน้าห้องเครื่องไม่รู้หรือไรว่ากระเพาะอาหารของหมูเป็นสิ่งที่ไม่ควรนำมาทำเครื่องเสวย”
ตั้งคำถามพร้อมกับผ่อนคลายสีหน้าตึงเครียดลง ทำให้ใบหน้าหล่อเหลายิ่งอ่อนวัย หล่อที่สุดในเจ็ดคาบสมุทรได้กระมัง
ลุงซุนก้มหน้านิ่งกระนั้นเฟยฟางที่เข้ามาใหม่ ก็ยังเห็นใบหน้าซีดเผือดของลุงซุนที่ตอนนี้แทบอยากจะหายตัวไปเสียให้ได้
เฟยฟางวางถาดอาหารลงทรุดกายลงเคียงข้างลุงซุนมือขาวบางกำชายกระโปรงไว้แน่น
เป่ยกงกงหลุบตามองพื้นใช้ช้อนเงินทดสอบพิษในขนมหวาน
“ฝ่าบาท โปรดอภัยเป็นเฟยฟางเองที่ใช้ของสกปรกนั่นปรุงเครื่องเสวย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านลุง ท่านลุงเตือนเฟยฟางแล้วทว่า ….เฟยฟางกับคิดว่า ของดีๆ ไม่ว่าจะเป๋าฮื้อหรือเห็ดหายาก ไก่ เป็ด หรือหมู ฝ่าบาทล้วนไม่ยอมเสวย และห้องเครื่องในวันนี้ถูกกดดันให้ทำเครื่องเสวย จนวัตถุดิบสำคัญ และดีดีเกือบจะหมดไปแล้ว เฟยฟางจึงเห็นว่าควรจะลองนำวัตถุดิบที่มีมาดัดแปลง”
หนิงหลงจ้องมองร่างอ้อนแอ้นที่คุกเข่าข้างๆ ลุงซุน อาภรณ์สีทึมกับผ้ากันเปื้อนที่ยังผูกที่ด้านหน้า
“เงยหน้าเจ้าขึ้น”
เป่ยกงกงเลื่อนถ้วยขนมหวานตรงหน้า หนิงหลงตักขนมหวานใส่ปาก พร้อมกับที่เฟยฟางเงยหน้าขึ้นช้าๆ ใบหน้าหวานทว่าเศร้าสร้อย ทำเอาคิ้วคมของหนิงหลงขมวดเข้าหากัน จ้องมองใบหน้างามของเฟยฟาง ก่อนจะตักขนมหวานใส่ปากแล้ววางช้อนเลื่อนถ้วยขนมหวานออกห่างตัว
เฟยฟางเม้มริมฝีปาก
“ปูนบำเหน็จให้นาง ข้าแค่สงสัยว่าเหตุใดในเมื่อกระเพาะหมูเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเครื่องเสวยของฮ่องเต้แต่ทำไมคนที่ปรุงเครื่องเสวยยังดื้อรั้นนำมันมาปรุงอีก ความดื้อรั้นนี้นับว่าเป็นความชอบเพราะทำให้ข้าเสวยได้หลังจากที่ไม่ได้เสวยอะไรในหลายวันที่ผ่านมา”เฟยฟางกับลุงซุนยิ้มแทบจะพร้อมกัน หนิงหลงจ้องมองใบหน้างดงามยามแย้มยิ้มของเฟยฟางแล้วรีบเบือนหน้าหนีห้องเครื่องศรีไพรเดินสำรวจทั่วบริเวณตื่นตาตื่นใจกับ ห้องครัวที่ใหญ่โตเหมือนห้องครัวในโรงแรมขนาดใหญ่ มีวัตถุดิบทั้งสดและแห้งเครื่องเทศใหม่เก่าแขวนเรียงรายขาหมูแห้งแขนไว้ที่ราวด้านข้างหน้าต่าง หมูเส้นหมูแผ่นไข่ปลา แขวนเรียงรายสุดอลังการหลายคนกำลังสารวนกับการทำเครื่องเสวยสำหรับคนในวังหลวง ที่มีนับพันชีวิตพ่อครัวแม่ครัว เรียกแบบนี้ก็ไม่ผิดเพราะแต่ละคนสวมวิญญาณนักปรุงที่ตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารราวกับว่าชีวิตนี้เกิดมาเพื่อมัน ศรีไพรอมยิ้มเหมือนเหมือนตัวศรีไพรเลยที่ทำงานจนตาย เอหรือว่าดื่มจนตาย“อู๊ยยยยดูสิของกำนัลที่ฝ่าบาทประทานมาล้วนมีแต่ของดีๆ”เฟยฟางยิ้มบางๆ“แจกจ่ายกันไปในหมู่พวกเราดีไหมท่านลุง เราทุกคนล้วนเหนื่อยล้ามาหลายวันกว่าฝ่าบาทจะยอมเสวย”“ห
“ไอ้น้องนี่มันใช้ได้แฮะ ก็ได้ก็ได้ไม่ต้องเอาใจหรอกที่นี่สบายกว่าที่ข้าจากมา อย่างน้อยก็แค่ปรุงอาหารแล้วก็ได้พัก”หันไปเจอเข้ากับสายตาตำหนิของป้าตื้อ“แอบมาสุมหัวทำอะไรกันอีก”“ป้าเราเพิ่งจะมานั่งอี้เอ่อร์เพิ่งจะไปรับของแจกจากเฟยฟางมาเลยนำมาแบ่งกับพี่เข่อชิง”อี้เอ่อร์แก้ตัว ป้าตื้อถอนหายใจ“ข้าไม่ได้ว่าอะไร เจ้ากินอะไรหรือยังเล่าเข่อชิง เอ้านี้ ลุงซุนฝากมาให้เจ้า”น้ำเสียงอ่อนลงวางก้อนทองลงบนโต๊ะกับปิ่นปักผมอีกอัน“สวยจัง แล้วนี่ทองจริงหรือเปล่า”ศรีไพรเอ่ยปากชมปิ่นอันนั่น หยิบทองมากัดไปงั้นๆ ก็จำเขามาว่าต้องกัดอี้เอ่อร์มีสีหน้าว่าเสียวฟัน“ของจริง มีอะไรที่ปลอมได้อีกในวังหลวงแห่งนี้ เป็นของกำนัลที่เจ้าปรุงเครื่องเสวยถูกพระทัยฝ่าบาท”ศรีไพรยิ้มกว้างโยนทองในมือกะน้ำหนัก“ดีจังปรุงอาหารครั้งหนึ่งได้เท่านี้ก็เอาแล้ว ปิ่นปักผมอันนี้สวยจังฝ่าบาทประทานมาเลยหรือ”ป้าตื้อยิ้มเศร้าๆ เมื่อเห็นท่าทีดีอกดีใจของเข่อชิง ตั้งแต่เล็กจนโตเข่อชิงที่มีนิสัยมุทะลุแต่ฉลาดกว่าคนอื่นนางชอบหาทางเอาตัวรอดจนป้าตื้อต้องดุด่านาง มีครั้งนี้กระมังที่ป้าตื้ออดสงสารนางเสียไม่ได้นางช่างทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนได้ดีจริงๆ
เป่ยกงกงประสานมืออมยิ้ม“มิได้รอแต่เครื่องเสวย ฝ่าบาททรงรอคนยกเครื่องเสวยด้วยถูกต้องหรือไม่”“นางงดงามจน…ข้าไม่อยากจะเชื่อว่านางจะปรุงเครื่องเสวยได้ เราไปดูนางปรุงเครื่องเสวยที่ห้องเครื่องดีไหม”"ไม่พ่ะย่ะค่ะยิ่งกดดันพวกเขาและห้องเครื่องวุ่นวายทั้งกลิ่นควันไฟและกลิ่นอาหารฝ่าบาทจะทนได้หรือ""ไม่ไปก็ได้"ใบหน้าหล่อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่เป่ยกงกงรู้ดีว่าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักเป่ยกงกงยิ้ม“นางงดงามอ่อนหวาน มากความสามารถกล้าคิดกล้าพูด จึงไม่ควรอยู่แต่ในห้องเครื่อง”หนิงหลงพยักหน้าขึ้นลงที่ห้องเครื่อง“ฝ่าบาท24แล้วแต่ยังไม่แต่งตั้งฮองเฮาเวลาที่ผ่านมาทำศึกสงคราม กับแคว้นน้อยใหญ่พอกลับวังหลวงก็หวาดระแวงกลัวว่าแคว้นที่เคยทำสงครามจะส่งคนมาวางยาลอบสังหารไม่ยอมเสวยอะไร นานๆ เข้าก็กลายเป็นไม่อยากเสวย หมอหลวงจึงหาวิธีให้คนในห้องเครื่องทำอาหารที่ยั่วน้ำลายฝ่าบาทจนต้องอยากเสวย”อี้เอ่อร์เล่าไปพร้อมกับสับหมูไปด้วย“อ่อ ทำสงครามตั้ง24ปีกินนอนในสนามรบจนเคยพอมาเจอของดีดีเลยไม่อยากกิน เกิดอาการเบื่ออาหาร อี้เอ่อร์แล้วหากว่าฝ่าบาทไม่ยอมเสวยจริงๆ นี่พวกเราจะถูกประหารจริงๆ หรือ”“พี่เข่อชิงท่านก็ลองนึ
“พี่เข่อชิงหอมจัง น้ำพริกชนิดนี้เรียกว่าน้ำพริกอะไร”อี้เอ่อร์สูดดมกลิ่นหอมจากกระทะพร้อมกับรอยยิ้ม“ที่บ้านข้าเขาเรียกน้ำพริกอ่อง แต่ที่นี่คงประมาณน้ำพริกหมู ที่นี่เขาใช้พริกเฉฉวนแต่ข้าใช้พริกแห้งแบบจีนกับมะเขือเทศสดก็พอได้อยู่”“ข้าอยากจะลองชิม”อี้เอ่อร์ยื่นหน้าเข้ามา เกือบจะทนต่อกลิ่นหอมไม่ได้เฟยฟางเดินเข้ายืนใกล้ๆ อีกคน“พวกเจ้าตักใส่ถ้วยเล็กมาชิมได้นะ แต่อีกสักพักจึงจะได้ที่ตอนนี้ก็ชิมรสดูก่อนได้”“พี่เข่อชิงเราไม่กินอะไรก่อนที่ฝ่าบาทจะเสวย ฝ่าบาทคือผู้สูงส่งเราได้แค่ชิม”อี้เอ่อร์พูดเบาๆศรีไพรทำตาโต“ อย่างกับทำของถวายพระเลยวะเฮ้ย เอาน่าข้าไม่บอกเฟยฟางไม่พูดเจ้าก็ไม่เล่าไม่มีใครรู้ เอาถ้วยเล็กมาชิมก่อนได้ ฝ่าบาทไม่มีทางรู้ เราทำประจำอยู่แล้วแอบตักไว้ก่อนแล้วค่อยให้พระกิน”ยิ้มสดใสรับถ้วยเล็กที่อี้เอ่อร์ส่งมาตักน้ำพริกอ่องใส่ถ้วย แล้วพยักหน้ากับทั้งสองสาว“กินกับ แตงกว่าอ่อนๆ กะหล่ำปลีนึ่ง แครอลนึ่ง ฟักทองนึ่งอร่อยเหาะ“ฮัดเช้ย”หนิงหลงจามออกมาดังๆ“ฝ่าบาท อากาศเปลี่ยนพ่ะย่ะค่ะเมื่อสองวันก่อนยังหนาววันนี้กลับมีแดด”“เหมันต์ปีนี้เราจดบันทึกเรื่องกระเพาะสุกร สำคัญทีเดียว ใช่ไหม”หนิ
ศรีไพรพยักหน้า“กำลังทำอะไรอยู่ เข่อชิง อี้เอ่อร์เจ้าสองคนมานี่”ศรีไพรรีบไปตามเสียงเข้มของป้าตื้อความจริงป้าตื้อคนนี้ถ้าไม่ติดทำเสียงเข้มตลอดเวลาแกก็น่ารักไม่น้อย“ข้าซื้ออาภรณ์ชุดใหม่มา ให้เจ้าถึงจะราคาไม่เท่าไหร่การเย็บปักไม่ค่อยประณีตเหมือนอาภรณ์ที่เหล่าสนมนางในใช้กัน แต่ข้าก็อยากให้เพราะเจ้าสวมอาภรณ์ตัวนี้ตลอดหน้าหนาวที่ผ่านมา ควรจะเปลี่ยนได้แล้วส่วนอี้เอ่อร์นี่เป็นผ้าที่ข้าไปเลือกมาให้เจ้านำไปตัดเย็บอาภรณ์ด้วยตัวเอง”อี้เอ่อร์ยิ้มกว้างป้าตื้อใจดีกับศรีไพรแล้วส่งต่อมาที่อี้เอ่อร์ด้วย“ขอบคุณท่านป้า”“เอ่อ ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกข้าเองรู้สึกผิดกับเจ้าไม่น้อยแต่อย่าได้ใจไปหากว่ามื้อนี้ฝ่าบาทไม่ยอมเสวยกลัวว่าจะต้องลำบากกันอีก”“ไม่หรอกป้าเครื่องเสวยของพี่เข่อชิงรสชาติดีจริงๆ นะ อุ๊ป”ศรีไพรรีบปิดปากเพราะกลัวว่าป้าตื้อจะดุเอาเรื่องที่ทั้งสามชิมน้ำพริกอ่องก่อนที่จะจัดเครื่องเสวย“ดีก็ดีแล้ว ข้าจะไปรอฟังผลเจ้าลองสวมดูสิเข่อชิง ข้าอยากรู้ว่ามันพอดีหรือไม่กลัวว่าจะกะขนาดลำตัวเจ้าผิดไปหากมันหลวมหรือคับไปให้อี้เอ่อร์แก้ให้”ป้าตื้อไปแล้วอี้เอ่อร์คลี่ผ้าม้วนยาวออกมา“ผ้าพับนี้ยาวมากทีเดียวข้าจ
ศรีไพรปาดเหงื่อที่ไหลรินทั่วใบหน้า“พี่เข่อชิง นี่ส่วนของท่าน”อี้เอ่อร์ยกถ้วยข้าวที่วางน่องไก่ไว้ด้านบนอย่างละน่องตรงหน้าศรีไพร“น่องไก่ตุ๋น แล้วนี่”เลื่อนถ้วยน้ำพริกเฉฉวนที่ใช้พริกสดสับพร้อมกับกระเทียมเทราดด้วยน้ำมันร้อนๆ“น่าอร่อย”ศรีไพรพูดยิ้มๆ“หวังว่าคงไม่มีการสั่งเครื่องเสวยเพิ่มอีกแล้วกว่าจะทำเสร็จก็เลยเวลาอาหาร”ศรีไพรยิ้มมองอี้เอ่อร์ที่กัดน่องไก่พร้อมกับเทพริกในถ้วยราดลงบนข้าวขาว พุ้ยข้าวหนึ่งคำกัดน่องไก่หนึ่งที“ที่นี่เขายอมให้เรากินน่องไก่ได้ด้วยหรือ”พูดไปยิ้มไปคิดไปถึงร้านของนายจ้างที่ไม่เคยจะให้พนักงานในครัวกินของดีดีนอกจากที่เหลือจากลูกค้ากินไม่หมดส่วนเมนูที่คนงานในครัวกินกันประจำ ก็ผัดเผ็ดกระเพาะหมูนั่นปะไรหรือไม่ก็น้ำพริกกะปิกับกากหมูทอด“ข้าแอบหยิบส่วนที่เหลือจากตำหนักจันทราของหยินกุ้ยเฟย นางเสวยแค่อกไก่อวบๆ ขาวๆ ไม่ติดหนัง แลัวก็เสวยแค่เพียงน้อยนิดเพื่อรักษารูปร่างของนาง”ศรีไพรพยักหน้า ปกติสามีที่มีภรรยาเยอะ ภรรยาก็ต้องรักษารูปร่างเพื่อมัดใจสามี ยิ่งสามีเป็นฮ่องเต้ด้วยยิ่งแล้วเลยมีสาวๆ สวยๆ ให้เลือกมากมาย“แต่กุ้ยเฟยนางก็งดงามแล้วยังรูปร่างดีอยู่แล้ว แต่รู้ไหมเ
ลุงซุนโผล่มาจากไหนพูดขึ้นดังๆ ศรีไพรยิ้มหยันอี้เอ่อ่ร์เบ้ปาก“ตาแก่ นางเป็นคนปรุงนางเหนื่อยกว่าเฟยฟางและพวกเรา อีกทั้งยังต้องแบกรับคำว่าถูกใจหรือไม่โปรดปรานหรือเปล่า”ป้าตื้อตวาดแว๊ด“ไม่ใช่นางที่แบกรับคนที่แบกรับคือเฟยฟาง นางต่างหากที่ต้องรับหน้าแทนหากวันไหนฝ่าบาทโปรดปรานเข่อชิงนางก็ได้ของกำนัลมากกว่าเฟยฟางด้วยซ้ำ แต่หากวันไหนฝ่าบาทไม่โปรดขึ้นมาเกรงว่ามีแต่เฟยฟางที่นั่งรอคมดาบที่ลานประหาร”“ไม่เป็นไร จริงอย่างลุงซุนพูดหากให้ข้าไปยืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋อต่อหน้าฝ่าบาทอะไรนั่นข้าก็คงไม่เอาข้าพอใจที่จะอยู่ตรงนี้ เฟยฟางถือว่าช่วยข้าหากนางจะได้เบี้ยหวัดมากกว่าข้าก็เป็นธรรมดา”อี้เออ่ร์กระตุกชายเสื้อของศรีไพรด้วยความรู้สึกขัดใจ ศรีไพรเอื้อมมือตบที่หลังมือของอี้เอ่อร์เบาๆ“ดีแล้ว คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้วเดิมเจ้าก็ไม่ได้อยากจะเด่นดังอะไรอยู่แล้วนี่ วันๆเอาแต่หาทางอู้หลบนอนกลางวันได้ขนาดนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว”ป้าตื้อถอนหายใจยาว“ตาแก่ไปเถอะ ไปดูวัตถุดิบที่เขานำมาสั่งไปตรวจนับกันทางนี้ปล่อยนางไปเถอะ”ป้าตื้อดันหลังลุงซุนให้เดินไปยังโรงเก็บวัตถุดิบ“พี่ พี่เข่อชิงท่านไม่รู้สึกอะไรจริงหรือท่านไม่เจ็บใจหรือข้า
“อาจเป็นเพียงนางในห้องเครื่องที่ต้องการ ส่งสัญญาณบางอย่าง”เป่ยกงกงตั้งข้อสังเกต“นั่นสินะนางคงแค่อยากจะบอกว่านางแกะสลักได้งดงาม แต่สำหรับข้าแล้ว หากใครสักคนสามารถใส่สิ่งแปลกปลอมลงไปในถาดเครื่องเสวยโดยที่คนอื่นไม่รู้นั่นนับว่านางมีความสามารถหลบหลีกสายตาคนอื่นได้ดี แต่บางทีอาจเป็นเพราะคนในห้องเครื่องหรือคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้ บกพร่องกงกงท่านว่าหากเป็นข้อหลังข้าก็ควรจะสั่งลงทัณฑ์คนที่ทำอะไรแบบนี้หรือว่าลงทัณฑ์คนที่ ไม่ตรวจตราให้ดีกันแน่”เป่ยกงกงประสานมือ“กระหม่อมส่งคนสืบเรื่องนี้หากมีการละเลยเรื่องความปลอดภัยในเครื่องเสวยจริงจะต้องลงทัณฑ์ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะกระหม่อมเคยกำชับเรื่องนี้แล้วว่าฝ่าบาททรงเป็นกังวลเรื่องยาพิษในเครื่องเสวยที่สุด”หนิงหลงยังคงไม่พูดว่าอย่างไร“บางทีเรื่องนี้ ไม่แน่ว่าจะลงทัณฑ์พวกเขาได้เพราะหากแค่นางในคนหนึ่งที่อยากจะอวดฝีมือแกะสลักของตัวเองข้าก็ไม่ควรกดดันพวกเขา”เป่ยกงกงพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ“ฝ่าบาทที่กลับมาจากด่านชายแดนในครั้งนี้ทำให้กระหม่อมเห็นว่าฝ่าบาทเติบโตขึ้นมากทีเดียว ไท่ซางหวงที่พูดก่อนสวรรคตว่าให้กระหม่อมคอยยืนเคียงข้างฝ่าบาทไม่ว่าจะ