Share

ตอนจบไม่มีอะไรติดค้าง

ตอนที่ 9

ไม่มีอะไรติดค้าง

         ชม้อยและรุจิราเดินทางกลับในเช้าของอีกวันเพราะออมสินต้องไปโรงเรียนและยังมีงานที่บริษัทรออยู่

         “แม่ฝากตะวันด้วยนะลูก คุณหมอบอกหนูทรายแล้วใช่ไหมว่าพี่เขาคงต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับมาเดินได้ปกติ”

         ชม้อยพูดเองเพราะคุณหมอไม่ได้บอกอะไรกับนิรดาเลยตั้งแต่ชม้อยมาถึงทางโรงพยาบาลก็จะคุยทุกอย่างกับเธอมากกว่า

         “ไม่ได้บอกค่ะ คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะต่อให้พี่ตะวันจะเดินไม่ได้ ทรายจะเป็นเท้าเป็นมือเป็นทุกอย่างให้สามีของทรายเอง ความรักที่พี่ตะวันมีให้ทรายมันมากเกินกว่าที่ทรายจะตอบแทนได้ หลังจากนี้เราจะใช้ความรักดูแลกันและกันตลอดไปค่ะ”

         ชม้อยได้ยินแบบนี้ก็ดีใจ เธอรู้สบายใจขึ้นที่ต้องทิ้งตะวันไปแบบนี้แต่ถ้าจะให้อยู่เฝ้าเธอก็อดเป็นห่วงรุจิรากับออมสินไม่ได้เพราะงานที่บริษัทกำลังยุ่งมากอยู่ในช่วงฟื้นตัวหลังจากที่ไตรมาสที่แล้วผลกำไรลดลงเกือบเท่าตัว

         หญิงสาวที่กำลังท้องใหญ่ทำอะไรไม่ค่อยถนัดแต่ก็พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทั้งเช็ดตัว พาคนป่วยไปเข้าห้องน้ำ เดินขึ้นเดินลงคอยซื้อของให้ ดูแลปรนิบัติอย่างดีที่สุดจนคุณหมออนุญาติให้ตะวันกลับบ้านได้หลังจากที่นอนอยู่โรงพยาบาลมาเกือบหนึ่งเดือนเต็ม

         นิรดาอยากถามคุณหมอเรื่องที่ตะวันยังเดินไม่ได้แต่ก็ไม่กล้าถามต่อหน้าสามีพยายามที่จะโอกาสคุยกับคุณหมอแบบส่วนตัวแต่ก็ไม่มีโอกาสจนถึงเวลากลับบ้าน

         “ค่อย ๆ นะคะ”

         หญิงสาวเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับคนที่เดินไม่ได้ไว้ที่บ้านของเธอเรียบร้อยแล้วเพราคิดว่าคงอีกหลายวันกว่าที่ทางแม่สามีจะมารับลูกชาย

         “คุณแม่บอกว่ายังไม่รู้ว่าจะได้มารับพี่ตะวันเมื่อไหร่ ท่านไม่ยอมให้เราขับรถกลับกันไปเอง คงจะยังไม่ไว้ใจเลยกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุอีกค่ะ”

         หญิงสาวรีบอธิบายให้สามีฟังเพราะกลัวคนป่วยจะคิดถึงบ้านแล้ว

         “พี่ตั้งใจว่าจะอยู่กับทรายที่บ้านนี้ก่อนยังไม่อยากกลับบ้าน ทรายดูแลพี่ได้ไหม”

         คนเจ็บหันมาสบตาคนขับดวงตาของเขาแสดงถึงความเศร้าออกมา

         “ทำไมจะไม่ได้ เราอยู่ที่นี่ด้วยกันก็ดีเหมือนกันค่ะ ถ้าพี่ตะวันเห็นบ้านของปู่กับย่ารับรองว่าพี่จะต้องชอบแน่ ๆ ”

         หญิงสาวพยายามที่จะเปลี่ยนเรื่องคุยไม่อยากให้คนข้าง ๆ เศร้าไปกว่านี้ นิรดาเข้าใจความรู้สึกของสามีว่าเขาคงไม่อยากเจอใครในสภาพแบบนี้

         “พี่ชอบทุกทีที่มีทรายมีลูก”

         คำพูดที่ฟังดูหวานจับใจแต่คนฟังกับยิ่งรู้สึกผิดที่ได้ยินไม่ว่าเธอจะทำร้ายสามีแค่ไหนเขาก็ยังจะรักเธอ ตัวเธอเองเกือบทำให้ทุกอย่างสายเกินไปแต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาอ่อนแอเพราะตะวันกำลังต้องการกำลังใจจากเธอ คนท้องจึงได้แต่สูดลมหายใจเรียกพลังความเข้มแข็งให้กลับมาอีกครั้ง

         “วันนี้กินอะไรดีคะ อนุญาตให้พี่ตะวันเลือกได้หนึ่งวัน    ตลาดอยู่ก่อนถึงบ้านเราจะได้แวะไปซื้อของมาทำกับข้าวกัน”

         เมนูที่ชายหนุ่มอยากกินก็เป็นเมนูเดิมที่หญิงสาวก็รู้อยู่แล้วเพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนตะวันก็ยังเลือกที่จะกินกับข้าวเดิมและฝีมือจากแม่ครัวคนเดิมด้วย

         วันแรกของการพาคนป่วยกลับบ้านก็จะดูทุลักทุเลกันหน่อยแถมฝนก็ดันมาตกอีก นิรดาวิ่งวุ่นอยู่คนเดียวทั้งเก็บผ้า ปิดหน้าต่างและเตรียมไฟฉายและตะเกียงให้เรียบร้อยเพราะที่นี่ถ้าฝนตกหนักไฟจะชอบดับทุกครั้ง

         “อุ๊ย!”

         “ทราย ทราย”

         ตะวันเรียหาภรรยาทันทีด้วยความเป็นห่วงเมื่อไฟทุกดวงดับลงแต่พอมีแสงสว่างจากฟ้าที่กำลังแลบอยู่จึงทำให้มองเห็นว่าภรรยาของเขากำลังเดินมา

         “ไฟฉายค่ะ พี่ตะวันนั่งอยู่ตรงนี้นะคะ ทรายจะไปยกกับข้าวมาให้”

         ชายหนุ่มทำหน้าที่ส่องไฟให้ภรรยาที่กำลังยกกับข้าวมื้อเย็นมาวางที่โต๊ะญี่ปุ่นใกล้ ๆ กับเขา

         “โรแมนติกจังเลยกินข้าวกลางแสงเทียน”

         แสงเทียนที่ว่าไม่ใช่เทียนจริง ๆ แต่เป็นเทียนที่ทำจากหลอดไฟแทน

         “ทนร้อนนิดนะคะ ฝนเริ่มซาแล้วอีกไม่นาไฟก็คงจะมาไว้พรุ่งนี้ทรายจะไปหาซื้อพัดลมแบบที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้ามาเตรียมไว้ให้ค่ะ”

         “อากาศข้างนอกเย็นไฟสบายไม่เห็นจะร้อนสักนิด ทรายดูแลพี่มาทั้งวันยังต้องมาเหนื่อยมาร้อนกับไฟที่ดับอีก พี่ชักเริ่มคิดว่าหรือพี่จะเปลี่ยนใจกลับไปอยู่บ้านดีจะได้จ้างคนมาดูแลพี่แทน”

         คนท้องใช้มือช่วยพยุงตัวเองให้ลุกจากพื้นเพื่อมานั่งใกล้ ๆ กับคนป่วยที่ดูกำลังน้อยใจตัวเองอยู่ที่ต้องมานั่งรถเข็นอยู่แบบนี้

         “สามีทราย ทรายก็ต้องดูแลเองสิคะ อย่าพูดแบบนี้อีกนะถ้ายังรักทรายกับลูก”

         นิรดาตักกับข้าวใส่จานส่งให้สามี อาหารวันนี้เป็นเมนูตามคำเรียกร้องของคนเจ็บ ส่วนพรุ่งนี้จะเป็นอาหารที่คุณหมอเน้นย้ำมาว่าดีต่อสุขภาพ

        

         2 เดือนต่อมา

         ท้องที่เริ่มใหญ่ทำให้ตอนนี้ตะวันอดที่จะสงสารภรรยาไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจที่จะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ววันนี้

         “พี่ตะวัน พี่ตะวันหายไปไหนคะ !”

         นิรดาตะโกนเรียกสามีสุดเสียงเมื่อเธอลืมตาขึ้นมาแล้วไม่เห็นสามีนอนอยู่ข้าง ๆ

         “พี่อยู่นี่”

         เสียงของชายหนุ่มตะโกนตอบรับดังมาจากประตูหน้าบ้านที่ติดกับระเบียง

         “พี่ตะวันมานั่งตรงนี้ได้อย่างไรคะคลานมาทำไม มันอันตรายมากเลยรู้ไหมอยากมาทำไมไม่ปลุกทราย”

         คนเป็นห่วงพยายามนั่งลงกับพื้นข้าง ๆ สามีด้วยความลำบากเพราะตอนนี้ท้องของเธอเริ่มใหญ่มาก

         “เดือนหน้าลูกของเราก็จะออกมาลืมตาดูโลกที่งดงามใบนี้แล้ว คงถึงเวลาที่พี่จะต้องบอกความจริงให้ทรายรู้”

         ตะวันเอียงหน้าหันมาสบตาภรรยาสาวสองมือกุมมือของเธอไว้แน่นเหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีเขาไปไหนถ้าเขาพูดบางอย่างออกไป

         “อะไร ความจริงอะไรคะ”

         นิรดาเริ่มไม่แน่ใจว่าที่เธอกำลังจะได้ยินเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่

         “ฟังพี่ให้จบก่อนนะแล้วค่อยพูดอะไรออกมา สัญญากับพี่ได้ไหม”

         หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบตอนนี้หัวใจเธอพร้อมรับฟังทุกอย่างขอเพียงอย่างเดียวสิ่งที่ตะวันกำลังจะบอกต้องไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เธอกับเขาต้องจากกันอีกก็พอ

         “ความจริงพี่เดินได้ตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลแต่ที่พี่โกหกเพราะอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากและอยากแน่ใจว่าที่ทรายกลับมาหาพี่เพราะรักไม่ใช่เพราะรู้สึกผิดอย่างเดียว”

         คนท้องได้แต่มองหน้าสามีด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกมันทั้งดีใจ  โกรธและขำกับสิ่งที่สามีลงทุนแสดงเป็นคนเดินไม่ได้ถึงสองเดือนเพียงเพื่อพิสูจน์รักแท้เหมือนพระเอกกับนางเอกในละคร

         “ทรายฟังพี่อยู่หรือเปล่า ทำไมไม่พูดอะไรสักคำ”

         ตะวันเห็นอีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าเขาเงียบ ทำให้รู้สึก                ไม่สบายใจกลัวว่าหญิงสาวจะโกรธและหนีไปจากเขาอีก

         “พี่ตะวันสุดยอดไปเลยค่ะทนนั่งรถเข็ญอย่างเดียวเกือบสองเดือนถ้าเป็นทรายคงอึดอัดตายแน่ ๆ ”

         นิรดาเก็บความขำเอาไว้ไม่อยู่เธอหัวเราะจนน้ำตาไหลที่เห็นสามีของเธอทำหน้ากังวลแบบนั้น

         “ร้ายจริง ๆ ทำหน้าเสียพี่ตกใจหมดที่แท้ก็ขำพี่นี่เอง”

         ดวงตาคู่สวยของทั้งคู่จ้องมองกัน บรรยากาศที่เงียบสงบงามค่ำคืนของชนบททำให้ทุกอย่างดูโรแมนติกสดชื่นไปหมด

         “หายกันแล้วนะ ตอนแรกทรายหลอกพี่แต่ตอนนี้พี่หลอกทราย ต่อไปนี้จะไม่มีใครรู้สึกผิดอีกแล้วถือว่าเราหายกัน ลืมเรื่องร้าย ๆ ในอดีตให้หมดต่อจากนี้เราจะเป็นครอบครัวที่มีความสุขที่สุด ขอบคุณที่เข้ามาเติบเต็มทุกอย่างในชีวิตพี่ ขอบคุณที่วันนี้ไม่ทิ้งพี่ไปไหน พี่รักทรายนะ”

         คำบอกรักที่ฟังมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งแต่ทุกครั้งที่ได้ยินมันก็ทำให้หัวใจของหญิงสาวที่ขาดความรักจากบิดามาตลอดรู้สึกอบอุ่นหัวใจทุกที

         “ทรายอาจไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีที่สุดแต่จะขอเป็นภรรยาที่รักพี่ตะวันที่สุดนะคะ”

         ความจริงถูกเปิดเผยแล้ว ตอนนี้ก็ได้เวลากลับบ้านเพราะตะวันตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้นิรดากลับไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลแถวบ้านของเขาที่มีเครื่องมือที่พร้อมกว่าและอยู่ใกล้กับครอบครัวของทั้งคู่

         วันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงเด็กน้อยตัวกลมลืมตาดูโลก              เสียงร้องที่ดังออกมาจากห้องคลอดเป็นเหมือนเสียงจากสวรรค์ที่ทำให้ทั้งสองครอบครัวยิ้มได้

         ความแค้นเป็นอันปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์ทุกอย่างถูกลบออกจากความทรงจำเหลือไว้แค่เพียงความรู้สึกดี ๆ ที่ทุกคนมีให้กัน ครอบครัวทั้งสองถูกผูกไว้ด้วยความรักที่มีแก้วตาดวงใจเป็นเด็กน้อยสองคนเชื่อมสองครอบครัวนี้ไว้ด้วยกันตลอดไป

         ความรักครั้งนี้ของตะวันจบลงด้วยความสุขหรือความจริงแล้วนี่อาจเป็นรักแรกของเขาและเป็นรักครั้งสุดท้าย หลังจากที่เขาได้รู้จักกับนิรดาตะวันเริ่มแน่ใจว่าที่ผ่ามามันไม่ใช่ความรักส่วนครั้งครั้งนี้คือรักแท้ที่มีเพียงหนึ่งเดียวคือภรรยาและลูกของเขาเท่านั้น

จบบริบูรณ์

***ขอบคุณทุกยอดโหลดทุกความเมตตาจากนักอ่านทุกคนนะคะ****

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status