ตอนที่ 3
แผนต่อไป
“ขอบคุณพี่ตะวันมาก ๆ นะคะ ชีวิตของทรายโชคร้าย มาตลอดจนวันนี้วันที่ฟ้าส่งพี่ตะวันมา จากเม็ดทรายที่ดูไร้ค่าตอนนี้พี่ทำให้มันกลับกลายมาเป็นเม็ดทรายที่ราคาแพงที่สุดเลยค่ะ”
หญิงสาวสวมกอดชายคนรักอย่างเอาใจ สองมือเล็กลูบไล้ไปทั่วหลังที่หนากว้าง ปากเล็กจูบลงไปที่แก้ม ตาทั้งสองดวงมองประสานกันให้ความรู้สึกที่แสนยั่วยวนจนชายหนุ่มเริ่มไม่มีสติเหมือนกำลังถูกอีกฝ่ายสะกดจิตไว้
“ทราย...อย่าล้อเล่นนะ”
ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือแหบแห้ง สองมือก็ล้วงเข้าไปในเสื้อตัวเล็กของคนตรงหน้า
“ทรายรักพี่ตะวันนะคะ”
นิรดากระซิบข้างหูของคนรักทำท่ายั่วยวนอย่างเต็มกำลังแต่เมื่ออีกฝ่ายเริ่มรุกอย่างเต็มที่ เธอกลับผลักเขาออกจากตัวและเล่นบทเศร้าแทน
“ปล่อยทรายเถอะค่ะ”
“ทำไม! ไหนทรายบอกว่ารักพี่”
ตะวันงงและสับสนไปหมดเมื่อครู่หญิงสาวเป็นฝ่ายยั่วยวนเขาแต่เวลานี้ เธอกลับนั่งปิดหน้าร้องไห้เสียอย่างนั้น
“ทรายขอโทษแต่ทรายทำไม่ได้ชีวิตนี้มีเรื่องเดียวที่ทำให้ผู้หญิงจน ๆ รู้สึกว่าตัวเองมีค่าก็คือความบริสุทธิ์ขอให้ถึงวันแต่งงานของเราก่อนนะคะ”
ตะวันได้แต่ถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่ตอนนี้กำลังพุ่งสูงแต่เขาก็เป็นผู้ชายมากพอที่จะไม่ขืนใจใครถ้าเธอไม่ยอม
“พี่เข้าใจอย่าคิดมากนะ เรื่องแต่งงานพี่จะเร่งคุณแม่ให้เร็วที่สุด”
ตะวันโอบกอดคนรักอย่างเข้าใจเพราะชายหนุ่มรู้ดีว่านิรดาหวงตัวเป็นที่สุดและนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้ตะวันเลือกที่จะแต่งงานกับเธอนอกจากที่เขารักเธอเต็มหัวใจก็คือคุณค่าของความเป็นผู้หญิงที่เธอคู่ควรต่อการเป็นแม่ของลูกของเขาในอนาคต
ชายหนุ่มกลับไปแล้วหญิงสาวเดาได้ไม่อยากว่าอีกฝ่ายต้องกำลังไปหาที่ระบายแต่นั่นมันไม่สำคัญอะไรกับเธอ เป้าหมายข้างหน้าทำให้นิรดาเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าเกมนี้เธอต้องเป็นคนบังคับไม่ใช่เอาตัวเองตกไปอยู่ในเกมเสียเอง
แผนต่อไปคือการเข้าไปใกล้ชิดกับครอบครัวของรุจิราให้มากขึ้น คนแค้นจึงตัดสินใจที่จะยอมไปหามารดาของคนรักในเร็ว ๆ นี้เพื่อให้งานแต่งงานเกิดขึ้นให้เร็วที่สุด
“พี่ดีใจมากเลยนะที่ทรายยอมไปเจอแม่พี่แล้ว”
“พี่ตะวันคะ ทราย....คิดว่า ไม่เอาดีกว่าแค่นี้ก็รบกวนพี่ตะวันมากไปแล้ว”
นิรดาทำท่าเกรงใจไม่กล้าพูดต่อ สีหน้าและแววตาของเธอที่ดูเศร้าลงทันทีทำให้คนฟังยิ่งเกิดอาการอยากรู้
“เป็นแบบนี้อีแล้วมีอะไรก็บอกพี่ เรากำลังจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ”
“ไม่ใช่ว่าไม่อยากบอกนะคะ บางเรื่องมันก็อายเกินกว่าจะพูด ฐานะของเราที่ต่างกันมาก ทรายเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าจน ๆ ทุกวันนี้ก็ยังเช่าคอนโดอยู่จะมีอะไรไปคู่ควรกับท่านประธานบริษัทที่รวยเป็นร้อย ๆ ล้านได้”
“ไปเอาความคิดนี้มาจากไหน พี่ไม่เคยคิดแบบนั้น”
ชายหนุ่มตะคอกกลับสองมือหนาจับไหล่ทั้งสองข้างของ นิรดาให้หันมามองสบตาเขา
“พี่ไม่คิดแต่เชื่อเถอะค่ะว่าคุณแม่ของพี่ต้องคิด ชีวิตทรายไม่มีอะไรเป็นของตัวเองสักชิ้นไม่มีอะไรเลยที่จะทำให้แม่ของพี่ยอมรับได้ แค่วันที่จะไปหาคุณแม่ของพี่ทรายยังคิดเลยว่ารถที่ทรายขับอยู่มันก็บ่งบอกให้ท่านรู้ว่าลูกชายคนเดียวที่ท่านรักกำลังจะได้เมียเป็นคนจน”
ตะวันดึงตัวคนรักเข้ามากอด เขาเข้าใจความรู้สึกของนิรดาก่อนหน้านี้ทั้งสองคนมีแต่เสียงหัวเราะกับรอยยิ้มทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่ตกลงจะแต่งงานกันตะวันแทบจะไม่เคยเห็นคนรักของเขายิ้มเลยและเรื่องนี้น่าจะเป็นสาเหตุสำคัญ
“ไม่มีเราก็สร้างด้วยกันนะแล้วไม่ต้องปฏิเสธด้วย พรุ่งนี้พี่จะพาไปเลือกรถส่วนเรื่องคอนโดหลังจากไปพบคุณแม่พี่จะพาทรายไปเลือกที่โครงการของเพื่อนพี่ ทุกอย่างจะเป็นชื่อของทราย คุณแม่จะต้องยอมรับว่าผู้หญิงที่พี่เลือกถึงแม้จะไม่ได้มาจากตระกูลดังแต่เธอก็มีสมบัติติดตัว”
นิรดาแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองทำไมตะวันถึงได้เชื่อเธอ ทุกอย่างแบบนี้ แผนที่เธอวางไว้มันต้องยากเย็นกว่านี้แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างง่ายกว่าที่คิดบางครั้งเธอก็อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายแกล้งโง่เพื่อหลอกเธอหรือเปล่า
“ขอบคุณนะคะ มื้อเย็นทรายขอทำอาหารเองเพื่อเป็นการขอบคุณพี่ตะวันที่รักและทำทุกอย่างเพื่อทรายมาตลอด สุดที่รักของทราย”
คำบอกรักที่หญิงสาวใช้มันเปลืองมากทั้งที่หัวใจของเธอไม่เคยรู้สึกรักอีกฝ่ายลึก ๆ มันก็มีบ้างความผูกพันเพราะหลายครั้งที่ไม่ได้เจอหน้ากันนิรดาเองก็เป็นฝ่ายคิดถึงและบ่อยครั้งที่เธอรู้ว่ามีผู้หญิงมายุ่งกับเขาอารมณ์หึงมันก็มาทั้งที่พยายามเตือนตัวเองว่านี่คือเกมแก้แค้นแต่คนเดินเกมก็เผลอตัวอยู่บ่อย ๆ
“ทำไมปลอกแตงกวาแบบนี้ ผัดแตงกวาไม่ต้องปลอกเปลือกค่ะ พี่ตะวันมาช่วยสับมะละกอดีกว่าวันนี้ทรายจะทำส้มตำให้กิน รับรองพี่ต้องติดใจแน่นอน”
นิรดาไปเรียนเมืองนอกหลายปีแต่เธอไม่เคยลืมวิธีการทำอาหารไทยและเธอทำได้อร่อยมาก ๆ เพราะคุณยายคอยสอนมาตั้งแต่เด็ก ๆ ฝีมือของหญิงสาวอร่อยจนหลายคนเคยเชียร์ให้เธอเปิดร้านอาหาร
“หอมไหมคะ ปลาร้าสูตรเด็ดหาซื้อที่ไหนไม่ได้นะคะแบบนี้”
“หาซื้อไม่ได้...แล้วทรายเอามาจากไหน”
คนตัวเล็กหลุดปากพูดออกไปมารู้ตัวอีกทีก็ต้องรีบคิดทางออกเธอจะบอกความจริงว่าแม่ของเธอทำปลาร้ามาให้ไม่ได้เด็ดขาด
“ที่หาซื้อไม่ได้เพราะทรายจะไม่บอกให้พี่ตะวันรู้ว่าซื้อจากไหน พี่จะได้กินฝีมือของทรายคนเดียวเท่านั้น”
นิรดาแอบถอนหายใจเมื่อเธอหาทางออกได้สำเร็จ การโกหกไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะเราต้องจำว่าเราพูดอะไรไว้บ้าง ไม่เหมือนกับการพูดความจริงที่ไม่ว่าจะพูดกี่ครั้งก็เป็นความจริงเสมอ คำพูดของพ่อที่สอนหญิงสาวไว้ก่อนที่ท่านจะจากไปด้วย โรคร้ายมันจริงที่สุดวันนี้หญิงสาวยิ่งเข้าใจ
วันที่ตะวันรอคอยก็มาถึง นิรดายอมมากินข้าวเย็นที่บ้านของเขาเพื่อจะได้ทำความรู้จักกับครอบครัวแต่รุจิราไม่ยอมลงมาจากเชียงใหม่ด้วยเหตุผลเดิม ๆ คือติดงาน
“สวัสดีค่ะคุณแม่”
วันนี้หญิงสาวนักเรียนนอกสวมบทสาวน้อยผู้แสนเรียบร้อยดั่งผ้าที่ถูกพับไว้ในตู้
“สวัสดี ยังไม่ถึงเวลาอาหารเลยทำไมถึงรีบมาแล้วซื้ออะไรกันมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด”
ชม้อยมองมือทั้งสองข้างของคนทั้งคู่ที่เต็มไปด้วยผักและเนื้อสัตว์ต่าง ๆ
“วันนี้เราจะกินกับข้าวฝีมือทรายกันครับ รับรองคุณแม่จะต้องติดใจ”
ตะวันรีบรายงานอย่างภูมิใจเพราะเขารู้ว่ามารดาชอบผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนซึ่งผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ผ่านมาไม่มีใครทำได้ สักคน
“ทำเป็นกับทำอร่อยมันต่างกันนะ แต่ก็เอาเถอะกินฝีมือแม่บ้านที่นี่ทุกวันก็เริ่มเบื่อจะได้เปลี่ยนรสชาติบ้างแล้วคงไม่ต้องให้ลูกชายฉันไปช่วยหรอกนะ พอดีว่ามีเรื่องงานจะคุยกับตะวันเขาสักหน่อย”
คนเป็นแม่คิดว่างานนี้อนาคตลูกสะใภ้คงจะรู้ได้ถึงรังสี ไม่ต้อนรับของเธอแต่จะให้แผลงฤทธิ์ทันทีชม้อยคิดว่าจะทำให้ไก่ตื่นและเธอไม่อยากให้ตะวันคิดว่าเธอร้ายใส่คนรักจึงเลือกที่จะหาโอกาสให้เหมาะกว่านี้
“ส้มตำสูตรเด็ดปลาร้าต้มสุกไม่ต้องกลัวท้องเสียค่ะ”
แม่ครัวชั่วคราวยกส้มตำปูปลาร้ามาให้แม่สามีได้กินถึง สวนหย่อมข้างบ้านที่แม่ลูกกำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน
“วางไว้แล้วรีบไปทำอาหารเถอะใกล้เวลาอาหารเย็น ปกติฉันเป็นคนกินข้าวตรงเวลา”
ชม้อยยังคงทำท่าวางเฉยไม่ยินดีและไม่ยินร้ายทั้งที่หัวใจของเธออยากจะตะโกนไล่ผู้หญิงของลูกชายให้ออกไปจากบ้านเสียที
“อร่อยไหมครับคุณแม่”
“ก็ธรรมดาแม่ก็แค่...ไม่ค่อยได้กิน”
คำตอบที่ตรงข้ามกับจานที่วางเปล่าเพียงไม่นานส้มตำก็หมดจาน ตะวันแทบจะไม่ได้กินเพราะมัวแต่มีความสุขที่เห็นมารดาของเขาชอบฝีมือของนิรดา
“ถ้าคุณแม่อยากกินให้ทรายทำมาอีกจานได้นะครับ”
“พอแล้ว กินไปอย่างนั้นแหละเสียดายไม่ต้องมายิ้มแซวแม่เลยนะ ลูกชายคนนี้มันน่าตีจริง ๆ ”
สองแม่ลูกยังคงนั่งคุยกันสนุกสนานอยู่ที่สวนย่อม นิรดามองเห็นจากทางหน้าต่างของห้องครัว ความสุขของคนตรงหน้าทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าถ้าวันนี้พี่ชายของเธอยังอยู่ครอบครัวของเธอก็คงมีความสุขแบบนี้เหมือนกัน
“ในเมื่อเธอไม่อยู่ให้ฉันแก้แค้น แม่และพี่ชายของเธอก็ต้องรับกรรมแทนเหมือนที่เธอทำให้ฉันกับแม่ต้องเสียพี่เอกไป รุจิราเธอจะต้องไม่เหลือใครและไม่เหลืออะไร”
นิรดาพูดกับรูปครอบครัวของตะวันที่ติดอยู่ที่ผนังห้องรับแขกระหว่างที่เธอกำลังจะเดินออกมาตามคนทั้งคู่ให้เข้าไปกินอาหารมื้อเย็นที่เธอตั้งใจทำสุดกำลัง งานนี้อนาคตแม่สามีต้องติดใจฝีมือแน่ ๆ ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ไม่ได้อยู่ในแผนแต่ถ้าแม่สามีเชื่อและรักลูกสะใภ้ทุกอย่างคือแผนต่อไปที่นิรดาต้องการ
ตอนที่ 4แต่งงานของเธอและฉัน ชม้อยตกหลุมรักอนาคตลูกสะใภ้อย่างไม่รู้ตัว รสชาติอาหารที่อร่อยแบบเฉพาะ การเอาอกเอาใจดูแลที่หญิงวัยใกล้ชราโหยหาจากลูกทั้งสองคนแต่เธอก็ไม่เคยได้รับจนเมื่อนิรดาได้เข้ามาในฐานะคนรักของลูกชาย หญิงสาวดูแลอนาคตแม่สามีเป็นอย่างดีจนตอนนี้ชม้อยติดอนาคตลูกสะใภ้มาก “พรุ่งนี้ไปรับหนูทรายมาแต่เช้านะลูก” วันหยุดคือวันที่หญิงวัยใกล้หกสิบรอคอยเพราะเธอจะได้มีเพื่อนอยู่บ้านและทำของอร่อยให้เธอกินทั้งวัน “ลืมผมแล้วมั้งครับถามหาแต่ทราย เมื่อไหร่คุณแม่จะได้ฤกษ์แต่งงานสักทีครับ ผมกับทรายจะได้อยู่ด้วยกันคุณแม่ก็จะได้มีเพื่อน” ตะวันดีใจที่เห็นมารดาของเขาชอบในตัวคนรักถึงแม้ในช่วงเดือนแรกคนเป็นแม่จะตั้งท่าหาเรื่องก็ตาม “แม่ไปหามาหลายที่แต่ละที่ก็บอกว่าต้องหลังปีหน้าไปแล้ว ไม่ใช่ว่าแม่ไม่อยากให้แต่ง ตะวันจะให้แม่ทำอย่างไรล่ะ” “ก็เอาฤกษ์สะดวกสิครับ คนเรารักกันแต่งตอนไหนก็ฤกษ์ดีทั้งนั้น” ตะวันกับชม้อยนั่งปรึกษากันจนในที่สุดทั้งคู่ก็ลงความเห็นว่าเอาเป็นฤกษ์สะดวกดีกว่า “ตกลงเราจะไม่มีสินสอดจริง ๆ ใช่ไหม”
ตอนที่ 5แค้นก็แค้นรักก็รัก สามวันหลังงานแต่งงานตะวันไม่ยอมปล่อยให้นิรดาได้ออกจากบ้านไปไหนเขาอ้างเหตุผลว่าคนที่เพิ่งแต่งงานมักจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น นอกจากตะวันที่ไม่ยอมไปทำงานอยู่เฝ้าภรรยาตลอดยังมี แม่สามีที่เป็นหูเป็นตาอีกแรง หญิงสาวว้าวุ่นใจไปหมดเพราะสามวันแล้วที่เธอกับเขานอนด้วยกันเธอยังไม่ได้กินยาคุมกำเนิด แผนของเธอจะต้องไม่มีชีวิตน้อย ๆ มาเกี่ยวข้องเพราะถ้าเป็นอย่างนั้นทุกอย่างจะจบลงทันที “พรุ่งนี้ท่านประธานไปทำงานได้แล้วนะคะ มามัวเฝ้าเมียอยู่แบบนี้อีกไม่นานบริษัทคงไม่ต้องการคนดูแลแล้ว” นิรดาแกล้งพูดแบบทีเล่นทีจริงเพราะเธอคิดว่าถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้นาน ๆ มีหวังเธอต้องพลาดแน่ “ใช่พี่ลืมบอก พรุ่งนี้ทรายต้องไปทำงานกับพี่ เตรียมตัวให้พร้อมนะตำแหน่งเลขาส่วนตัวท่านประธาน” “อะไรกันคะ ทรายไปสมัครตอนไหนไม่เอา ทรายไม่อยากทำงานที่เดียวกับสามีตัวเองเดี๋ยวใคร ๆ จะมองว่าเป็นเด็กเส้น” “เส้นแล้วอย่างไรเส้นใหญ่ด้วยที่พี่บอกไว้ว่าถ้าทรายลาออกพี่จะให้เงินเดือนห้าหมื่นตอนนี้พี่จะเพิ่มให้เป็นแปดหมื่นกับตำแหน่งเลขาส่วนตัว” ตะวัน
ตอนที่ 6เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เราสองคน ค่ำคืนนี้มันคือค่ำคืนสุดท้ายที่นิรดาจะได้นอนกอดสามี เธอยอมรับกับตัวเองอย่างไม่อายเธอรักเขาแต่มันมีม่านของความแค้นมาคอยบังอยู่เสมอแต่วันนี้เมื่อเธอได้รู้ความจริงมากกว่าความรักคือความรู้สึกผิดที่เธอทำร้ายผู้ชายที่รักเธอตลอดเวลาที่ผ่านมา ทรัพย์สินทั้งหมดหญิงสาวตัดสินใจจะคืนให้สามีมีเพียงเรื่องเดียวที่เธออยากหาคำตอบเพื่อให้การจากไปครั้งนี้ของเธอสบายใจที่สุด ประจำเดือนไม่มาสองเดือนแล้วแต่นิรดาก็คิดเอาเองว่าคงเป็นเพราะเดือนที่สองของการแต่งงานเธอกินยาคุมกำเนิดอาจส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ พรุ่งนี้เช้าเธอจะให้ตะวันไปบริษัทก่อนและเธอจะบอกเขาว่าจะตามไปทีหลังแต่ความจริงเธอจะไปจากเขาตลอดชีวิตต่างหาก “เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมร้องไห้” ตะวันหันหลังมาเจอภรรยาที่นอนร้องไห้อยู่จึงถามด้วยความสงสัย “ทรายไม่อยากเห็นพี่เป็นแบบนี้เลยค่ะ พี่ตะวันสัญญาากับทรายได้ไหมว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไปพี่จะลุกขึ้นสู้และกลับมาเป็นลูกชายที่เข้มแข็งของคุณแม่เหมือนเดิม” ชายหนุ่มคว้าตัวภรรยามากอดแน่นสำหรับเขาแล้วน้
ตอนที่ 7ตามหาหัวใจ นิรดาใช้เวลาซ่อมแซมบ้านของปู่กับย่าไม่ถึงสองสัปดาห์ทันทีที่เธอเข้าอยู่บ้านได้นารีก็กลับบ้านทันที “ไว้อีกสองเดือนแม่จะมาหาใหม่นะ ดูแลตัวเองดี ๆ จะลุกจะนั่งก็ต้องค่อย ๆ ” คนเป็นแม่ถึงแม้จะห่วงลูกสาวแค่ไหนแต่ก็เลือกที่จะกลับไปหาหัวใจที่เธอคิดว่ายังคอยเธออยู่ที่บ้านเสมอ ทันทีที่นารีถึงบ้านเขาก็พบว่ามีผู้ชายที่เขาไม่คุ้นหน้ามายืนรออยู่ที่หน้าประตูบ้าน “คุณตะวัน” เข็มจิราทำหน้าที่ไปรับมารดาของเพื่อนจากสนามบิน เธอขับรถมาส่งที่บ้านจึงรู้ว่าคนที่มายืนรออยู่คือตะวัน “สวัสดีครับ ทำไมคุณรู้จักผม” “เข็มเป็นเพื่อนสนิทของทรายค่ะ เธอเราทุกเรื่องให้ทรายฟังหมดแล้ว” ยังไม่ทันที่เจ้าของบ้านจะเปิดประตูให้แขกเข้าไปข้างในก็มีเสียงเด็กน้อยดังมาจากในรถ “คุณลุงทำอะไรช้าจังคะ” นารีหันไปตามเสียงและเธอก็ต้องตกใจเมื่อหน้าตาของเด็กน้อยผมเปียเหมือนกับเอกภพมากจนเหมือนว่าใครจับเอาลูกชายเธอตอนเด็ก ๆ มาใส่ผมยาว “ออมสิน เป็นลูกสาวของเอกภพกับรุจิราน้องสาวผมครับ” ตะวันอ่านสายตาออกว่ามารดา
ตอนที่ 8ยอมแล้วซึ่งทุกอย่าง ชม้อยและรุจิราเดินทางมาหาตะวันทันทีที่รู้ข่าว ภาพของ นิรดาในชุดคลุมท้องที่กำลังนอนหลับอยู่ข้าง ๆ ตัวของคนเจ็บเป็นภาพที่ทำเอาน้ำตาของทุกคนไหลออกมาด้วยความรู้สึกที่สะเทือนใจ “ทราย ตื่นได้แล้วลูก” แม่สามีค่อย ๆ ลูบผมของหญิงสาวที่กำลังนอนอยู่ด้วย ความสงสาร “คุณแม่ ! ” คนทำผิดทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นทันทีที่เห็นว่าผู้หญิงตรงหน้าคือใคร “ทรายขอโทษ พี่ตะวันต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะทราย ทุกคนต้องเดือดร้อนไปกันหมดเพียงเพราะความแค้นบ้า ๆ ที่ทรายคิดไปเองคนเดียว ทรายกราบขอโทษนะคะ” ชม้อยรีบประคองลูกสะใภ้ให้ลุกขึ้นเพราะท่าทางที่ดูก้มไม่ถนัดของคนท้องยิ่งทำให้หญิงชราทั้งสงสารและเป็นห่วง “มันผ่านไปแล้ว ทุกคนเคยทำผิดกันทั้งนั้น แม่เองก็ทำผิดมาไม่รู้กี่ครั้ง เราย้อนไปแก้ไขไม่ได้ขอแค่ว่าอย่ากลับไปทำผิดอีกก็พอ” รุจิราเองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าแล้วก็อดคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อนไม่ได้ “ลูกคือของขวัญที่มีค่าที่สุดค่ะ ตอนนี้พี่ทั้งสองคนไม่ได้มีแค่ตัวเองแล้วยังมีอีกชีวิตที่ต้อง
ตอนที่ 9ไม่มีอะไรติดค้าง ชม้อยและรุจิราเดินทางกลับในเช้าของอีกวันเพราะออมสินต้องไปโรงเรียนและยังมีงานที่บริษัทรออยู่ “แม่ฝากตะวันด้วยนะลูก คุณหมอบอกหนูทรายแล้วใช่ไหมว่าพี่เขาคงต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับมาเดินได้ปกติ” ชม้อยพูดเองเพราะคุณหมอไม่ได้บอกอะไรกับนิรดาเลยตั้งแต่ชม้อยมาถึงทางโรงพยาบาลก็จะคุยทุกอย่างกับเธอมากกว่า “ไม่ได้บอกค่ะ คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะต่อให้พี่ตะวันจะเดินไม่ได้ ทรายจะเป็นเท้าเป็นมือเป็นทุกอย่างให้สามีของทรายเอง ความรักที่พี่ตะวันมีให้ทรายมันมากเกินกว่าที่ทรายจะตอบแทนได้ หลังจากนี้เราจะใช้ความรักดูแลกันและกันตลอดไปค่ะ” ชม้อยได้ยินแบบนี้ก็ดีใจ เธอรู้สบายใจขึ้นที่ต้องทิ้งตะวันไปแบบนี้แต่ถ้าจะให้อยู่เฝ้าเธอก็อดเป็นห่วงรุจิรากับออมสินไม่ได้เพราะงานที่บริษัทกำลังยุ่งมากอยู่ในช่วงฟื้นตัวหลังจากที่ไตรมาสที่แล้วผลกำไรลดลงเกือบเท่าตัว หญิงสาวที่กำลังท้องใหญ่ทำอะไรไม่ค่อยถนัดแต่ก็พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทั้งเช็ดตัว พาคนป่วยไปเข้าห้องน้ำ เดินขึ้นเดินลงคอยซื้อของให้ ดูแลปรนิบัติอย่างดีที่สุดจนคุณหมออนุญาติให้ตะวันกลับบ้านได
ตอนที่ 1เลขาเด็กเส้น...........“คุณตุลาเซ็นเอกสารไม่ครบหนึ่งหน้าค่ะ”น้ำขิงเลขาสาวที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียงแค่ไม่ถึง 2 เดือนเธอเคาะประตูแต่ไม่ได้รับเสียงตอบจากเจ้านายจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาในห้องเพราะมีเอกสารเร่งด่วนที่ตุลาลืมเซ็นและเธอต้องส่งให้กับบริษัทของลูกค้าภายในวันนี้“ผมอนุญาตให้คุณเข้ามาแล้วหรือไงไม่เห็นหรือว่าผมกำลังยุ่งอยู่”เจ้านายขึ้นเสียงใส่อารมณ์กับเลขาสาวที่เขาไม่ค่อยชอบขี้หน้าด้วยความหงุดหงิดเพราะตอนนี้อารมณ์ของเจ้านายกำลังอยู่ในสภาวะเหมือนไฟที่กำลังโหมลุกในใจเมื่อเพื่อนชายคนสนิทโทรศัพท์มาเล่าว่าได้พบภรรยาของตุลาที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งความเป็นจริงแล้วภรรยาของเขายืนยันว่าตอนนี้เธอกำลังนั่งเฝ้า ลูกสาวอยู่ที่โรงเรียน“ไม่มีใครอนุญาตค่ะแต่มีเอกสารสำคัญที่คุณต้องเซ็น”ตุลาคว้าแฟ้มจากมือของลูกน้องที่ดูคล้ายว่าเขาจะกระชากเสียมากกว่า เขารีบเซ็นเอกสารตามที่น้ำขิงต้องการและยื่นให้เธอโดยไม่มองสบสายตาเหมือนว่าตอนนี้หัวใจของเขากำลังล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“น้ำขิงนั่งก่อนสิผมมีอะไรอยากถาม”ตุลาเอ่ยเรียกลูกน้องที่กำลังจะเปิดประตูหน้าห้องออกไปเพราะตอนนี้
ตุลาเปิดประตูห้องทำงานออกมาเขาคิดว่าเวลานี้คงไม่มีใครอยู่ในบริษัทแล้วเพราะปกติบริษัทของเขาให้พนักงานกลับได้ในเวลา ห้าโมงเย็น เต็มที่ทุกคนก็จะอยู่กันไม่เกินหกโมงแต่นี่เลยเวลาเลิกงานมานานแล้วเขากลับพบว่าน้ำขิงยังคงนั่งอยู่ที่หน้าห้องของเขาตามเดิม“ฉันเห็นคุณยังไม่กลับก็เลยคิดว่าบางทีคุณอาจจะกำลังทำงานและฉันในฐานะเลขาก็ควรจะอยู่ก่อนเผื่อคุณจะมีอะไรให้ทำ”“ไปกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนหน่อยสิจอดรถไว้ที่บริษัทเดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้านเองส่วนพรุ่งนี้เช้าผมก็จะแวะไปรับไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมหรือว่ามีนัดแล้วก็บอก”น้ำขิงแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอกำลังได้ยินตอนนี้เพราะตั้งแต่เธอเข้ามาทำงานเจ้านายของเธอก็แทบจะไม่มีท่าทางแห่งความเป็นมิตรให้เพราะตุลาไม่พอใจที่บิดาของเขาบังคับให้เขาต้องรับน้ำขิงเข้ามาทำงานในตำแหน่งเลขาทั้งที่เขามองว่ามีคนที่เหมาะสมกว่าจึงสบประมาทสาวน้อยว่าเป็นเด็กเส้นและก็จ้องแต่จะจับผิดเธอตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานจนถึงวันนี้ หญิงสาวแทบไม่เชื่อเลยว่าตอนนี้เขาจะเอ่ยปากชวนเธอไปกินข้าวและยอมไปรับไปส่งซึ่งมันคงจะทำให้ฟ้าฝนตกจนกรุงเทพฯน้ำท่วมเป็นแน่“ร้านนี้เป็นร้านอาหารแบบบ้าน ๆ ไม่รู้ว่าเธอจะกิน