ตอนที่ 8
ยอมแล้วซึ่งทุกอย่าง
ชม้อยและรุจิราเดินทางมาหาตะวันทันทีที่รู้ข่าว ภาพของ นิรดาในชุดคลุมท้องที่กำลังนอนหลับอยู่ข้าง ๆ ตัวของคนเจ็บเป็นภาพที่ทำเอาน้ำตาของทุกคนไหลออกมาด้วยความรู้สึกที่สะเทือนใจ
“ทราย ตื่นได้แล้วลูก”
แม่สามีค่อย ๆ ลูบผมของหญิงสาวที่กำลังนอนอยู่ด้วย ความสงสาร
“คุณแม่ ! ”
คนทำผิดทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นทันทีที่เห็นว่าผู้หญิงตรงหน้าคือใคร
“ทรายขอโทษ พี่ตะวันต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะทราย ทุกคนต้องเดือดร้อนไปกันหมดเพียงเพราะความแค้นบ้า ๆ ที่ทรายคิดไปเองคนเดียว ทรายกราบขอโทษนะคะ”
ชม้อยรีบประคองลูกสะใภ้ให้ลุกขึ้นเพราะท่าทางที่ดูก้มไม่ถนัดของคนท้องยิ่งทำให้หญิงชราทั้งสงสารและเป็นห่วง
“มันผ่านไปแล้ว ทุกคนเคยทำผิดกันทั้งนั้น แม่เองก็ทำผิดมาไม่รู้กี่ครั้ง เราย้อนไปแก้ไขไม่ได้ขอแค่ว่าอย่ากลับไปทำผิดอีกก็พอ”
รุจิราเองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าแล้วก็อดคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อนไม่ได้
“ลูกคือของขวัญที่มีค่าที่สุดค่ะ ตอนนี้พี่ทั้งสองคนไม่ได้มีแค่ตัวเองแล้วยังมีอีกชีวิตที่ต้องการทั้งพ่อและแม่ พี่ทรายโชคดีที่ยังมีพี่ตะวันอยู่เลิกคิดถึงเรื่องในอดีตและมาช่วยกันสร้างปัจจุบันดีกว่าค่ะ”
พี่สะใภ้และน้องสามีต่างมองตากันอย่างเข้าใจ รุจิราอดที่จะคิดถึงเอกภพไม่ได้ไม่ถึงแม้ว่าเขาจะเคยทำไม่ดีกับเธอแค่ไหนแต่ตลอดเวลาที่ได้รักกันเธอมีความสุขที่สุดและเอกภพก็ยังได้สร้างของขวัญที่มีค่าให้ไว้กับเธอ
คุณหมอเดินเข้ามาที่ห้องพักฟื้นพอดีจึงอธิบายถึงอาการและวิธีการรักษาให้ทุกคนได้ฟังอีกครั้ง
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คนไข้ปลอดภัยแล้วแน่นอนแต่สภาพร่างกายคงต้องประเมินหลังจากที่คนไข้ได้สติแล้ว”
คนเป็นแม่ได้ยินแบบนี้ก็สบายใจเพราะไม่ว่าลูกชายจะฟื้นมาแบบไหนขอแค่ให้เขายังอยู่กับเธอแค่นี้ชม้อยก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว
คุณหมอตรวจเสร็จก็เดินกลับไป ครอบครัวจึงมีโอกาสได้อยู่กันพร้อมหน้า
“อุ้มหลานฉันหนีมาแบบนี้ใจร้ายมากรู้ไหม ตะวันฟื้นเมื่อไหร่กลับไปอยู่ด้วยกันนะ ”
นิรดาโผเข้ากอดแม่สามีร้องไห้สะอื้นเหมือนคนจะขาดใจ เธอทำไม่ดีไว้กับครอบนี้มากแต่ทุกคนกลับให้อภัยเธอง่าย ๆ มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดและโกรธตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม
“ตะวันคงดีใจถ้าลืมตาขึ้นมาแล้วเจอว่าหนูทรายกลับมาอยู่ข้าง ๆ เขาแล้ว แม่ฝากลูกชายแม่ด้วยนะ”
ชม้อยและรุจิรากลับไปนอนที่โรงแรมเพราะออมสินมาด้วยนอนที่โรงพยาบาลคงไม่สะดวก คนเป็นภรรยาจึงทำหน้าที่อยู่ เคียงข้างสามีต่อ
“แค๊ก ๆ ๆ ”
หญิงสาวที่กำลังสาละวนอยู่กับการถักถุงเท้าเด็กต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเหมือนคนไอดังมาจากบนเตียงคนไข้
“พี่ตะวัน ทรายอยู่นี่ค่ะ”
สองมือเล็กจับมือของสามีมาจับไว้แน่นด้วยความดีใจจนลืมไปเลยว่านาทีนี้เธอควรจะเรียกพยาบาล
“พี่ตะวันฟื้นแล้ว มองเห็นทรายไหมคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ายกมืออีกข้างมาจับมือภรรยาไว้ก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้ง
หญิงสาวเห็นแล้วรู้สึกตกใจกลัวว่าคนรักของเธอจะสลบไปอีกครั้งจึงรับกดสัญญาณเรียกพยาบาลทันที
“คนไข้ฟื้นแล้วแต่อยู่ดี ๆ ก็หลับตาไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ”
นิรดารีบรายงานอาการให้พยาบาลรู้ก่อนที่จะถูกกันให้ออกมาจากบริเวณเตียงเพื่อให้พยาบาลและหมอที่ตามเข้ามาทำงานได้สะดวกมากขึ้น
“คนไข้ฟื้นแล้วนะครับแต่หลับไปนานดวงตาจึงยังไม่ชินกับแสงแต่เดี๋ยวก็จะดีขึ้นเท่าที่หมอตรวจทุกอย่างปกตินะครับ”
คุณหมอหันกลับไปตรวจตะวันต่อปล่อยให้คนดีใจยืนอมยิ้มน้ำตาไหลอยู่คนเดียว นับจากนี้หญิงสาวตั้งใจจะดูแลสามีให้ดีที่สุดเพื่อชดใช้กับความผิดที่เธอทำและตอบแทนความรักที่เขามีให้เธออย่างมากมายจนยอมที่จะให้อภัยเธอได้ทุกอย่าง
ทุกคนออกไปหมดแล้วเวลานี้เหลือแค่เพียงสามีภรรยาที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานอยู่ด้วยกันเพียงสองคนเท่านั้น
“พี่ตะวัน ทรายขอโทษนะคะ”
หญิงสาวโน้มตัวเอาหน้าลงไปแนบกับอกของสามีกอดเขาด้วยความรักทั้งหมดที่เธอมีอยู่ในหัวใจ
“อย่าหนีพี่ไปอีกนะ”
คนเจ็บพยายามลืมตาแต่ก็ทำได้ยากจึงใช้มือทั้งสองข้างกอดตอบภรรยาแทน
“ค่ะ ทรายจะไม่ไปไหนแล้วจะอยู่ตรงนี้อยู่กับพี่ตะวัน รีบหายไว ๆ นะคะเราจะได้กลับบ้าน ทรายจะทำอาหารที่พี่ชอบกินให้เต็มโต๊ะเลยค่ะ”
ชายหนุ่มหัวเราะกับคำพูดของภรรยาจนเกือบทำให้สำลัก นิรดาตกใจนึกว่าสามีเป็นอะไรทำท่าจะกดเรียกพยาบาลแต่ถูกตะวันห้ามไว้
“พี่ไม่ได้เป็นอะไร กลัวพี่ตายหรือกลัวว่าพี่จะไม่อยู่กินอาหารฝีมือเธอกันแน่”
คนเจ็บยังมีอารมณ์ขันทั้งที่ยังมีแผลอยู่ที่ศีรษะต่างจากคนเฝ้าที่ดูจะเจ็บแทนและยังดูเป็นกังวล
“พี่ตะวันห้ามตายเด็ดขาดต้องอยู่ช่วยทรายเลี้ยงลูกก่อน”
คนท้องจับมือของสามีมาลูบเบา ๆ ที่ท้องของเธอเพื่อหวังให้ชีวิตน้อย ๆ ส่งกำลังใจผ่านสัมผัสนี้ไปถึงบิดาเพื่อให้ตะวันมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับบาดแผลต่อไป
“พี่กำลังจะเป็นพ่อใช่ไหม พี่จะเป็นพ่อคนแล้ว”
ตะวันพยายามชันตัวให้ลุกขึ้นแต่ก็ทำไม่ได้ คนเฝ้าจึงรีบไปปรับระดับของเตียงเพื่อให้คนเจ็บได้เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง
ไฟที่คุณหมอปิดไว้เหลือไว้แค่เพียงไฟห้องน้ำทำให้ตอนนี้ตะวันเริ่มจะมองเห็น
“ขอพี่คุยกับลูกหน่อย”
คนท้องพยายามเข้าไปใกล้กับสามีที่สุดเพื่อให้เขาได้อยู่ใกล้ชิดกับลูกที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ของเธอ
ตะวันพูดคุยกับลูกเหมือนกับว่าเคยเจอหน้ากันมาแล้ว นิรดาอดที่จะขำไม่ได้แต่มันก็เป็นการหัวเราะทั้งน้ำตา ความสุข ความเศร้ามันปนกันไปหมดในความรู้สึก
คุณพ่อดูมีความสุขมากที่ได้รู้ว่ามีอีกหนึ่งชีวิตกำลังจะลืมตาดูโลกและวันนี้เขาได้ภรรยากลับคืน ชีวิตของตะวันผ่านความรักที่ผิดหวังมากบางส่วนก็เกิดจากตัวเขาที่ไม่เข้มแข็งพอ เขาจึงตั้งใจที่จะทำครอบครัวของเขาในวันนี้ให้มีความสุขที่สุดสมกับที่ต้องผ่านเรื่องร้ายมาด้วยกันมากมาย
เช้าวันนี้ชม้อยมาหาลูกชายที่โรงพยาบาล หญิงชราสวมกอดแก้วตาดวงใจของเธอด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ตอนที่ติดต่อตะวันไม่ได้หัวใจของคนเป็นแม่แทบจะหยุดเต้น กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีและเธอเองก็ไม่อยากสูญเสียใครไปอีกแล้ว
“พระคุ้มครองนะลูกชายแม่”
อ้อมกอดที่อบอุ่นเสมอคงไม่ใช่อ้อมดอดจากใครถ้าไม่ใช่ของมารดา ตะวันคิดมาตลอดว่าแม่คือคนที่ทำให้ผู้หญิงที่ผ่านมาตัดสินใจไปจากเขาแต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าถ้าตัวเขาเข้มแข็งและรักมากพอจะไม่มีใครไปจากเขาแน่นอน ความรักที่จบแบบพังเป็นเพราะว่าเขาและผู้หญิงที่ผ่านมาไม่ได้รักกันจริงต่างหาก
“อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมันอาจไม่ใช่เรื่องดีแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ลูกกับหนูทรายได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง แม่เองก็ได้หลานเพิ่มอีกหนึ่งคน นับจากนี้ไปครอบครัวของเราจะกลับมามีความสุขกันนะตะวัน”
นิรดาขอตัวกลับบ้านเพราะตั้งแต่มาเจอตะวันที่โรงพยาบาลเธอยังไม่ได้กลับไปบ้านเลย ตอนนี้แม่สามีและรุจิรามาอยู่เป็นเพื่อนตะวันแล้วหญิงสาวจึงขอตัวกลับบ้านไปเตรียมข้าวของมาเฝ้าสามีต่อในคืนนี้
สองแม่ลูกได้อยู่คุยกัน ตะวันมีเรื่องหลายอย่างที่อยากให้แม่กับน้องสาวช่วยและเรื่องนี้เขาไม่อยากให้นิรดารู้เมื่อมีโอกาสเขาจึงรีบพูดทันที
ตอนที่ 9ไม่มีอะไรติดค้าง ชม้อยและรุจิราเดินทางกลับในเช้าของอีกวันเพราะออมสินต้องไปโรงเรียนและยังมีงานที่บริษัทรออยู่ “แม่ฝากตะวันด้วยนะลูก คุณหมอบอกหนูทรายแล้วใช่ไหมว่าพี่เขาคงต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับมาเดินได้ปกติ” ชม้อยพูดเองเพราะคุณหมอไม่ได้บอกอะไรกับนิรดาเลยตั้งแต่ชม้อยมาถึงทางโรงพยาบาลก็จะคุยทุกอย่างกับเธอมากกว่า “ไม่ได้บอกค่ะ คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะต่อให้พี่ตะวันจะเดินไม่ได้ ทรายจะเป็นเท้าเป็นมือเป็นทุกอย่างให้สามีของทรายเอง ความรักที่พี่ตะวันมีให้ทรายมันมากเกินกว่าที่ทรายจะตอบแทนได้ หลังจากนี้เราจะใช้ความรักดูแลกันและกันตลอดไปค่ะ” ชม้อยได้ยินแบบนี้ก็ดีใจ เธอรู้สบายใจขึ้นที่ต้องทิ้งตะวันไปแบบนี้แต่ถ้าจะให้อยู่เฝ้าเธอก็อดเป็นห่วงรุจิรากับออมสินไม่ได้เพราะงานที่บริษัทกำลังยุ่งมากอยู่ในช่วงฟื้นตัวหลังจากที่ไตรมาสที่แล้วผลกำไรลดลงเกือบเท่าตัว หญิงสาวที่กำลังท้องใหญ่ทำอะไรไม่ค่อยถนัดแต่ก็พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทั้งเช็ดตัว พาคนป่วยไปเข้าห้องน้ำ เดินขึ้นเดินลงคอยซื้อของให้ ดูแลปรนิบัติอย่างดีที่สุดจนคุณหมออนุญาติให้ตะวันกลับบ้านได
ตอนที่ 1เลขาเด็กเส้น...........“คุณตุลาเซ็นเอกสารไม่ครบหนึ่งหน้าค่ะ”น้ำขิงเลขาสาวที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียงแค่ไม่ถึง 2 เดือนเธอเคาะประตูแต่ไม่ได้รับเสียงตอบจากเจ้านายจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาในห้องเพราะมีเอกสารเร่งด่วนที่ตุลาลืมเซ็นและเธอต้องส่งให้กับบริษัทของลูกค้าภายในวันนี้“ผมอนุญาตให้คุณเข้ามาแล้วหรือไงไม่เห็นหรือว่าผมกำลังยุ่งอยู่”เจ้านายขึ้นเสียงใส่อารมณ์กับเลขาสาวที่เขาไม่ค่อยชอบขี้หน้าด้วยความหงุดหงิดเพราะตอนนี้อารมณ์ของเจ้านายกำลังอยู่ในสภาวะเหมือนไฟที่กำลังโหมลุกในใจเมื่อเพื่อนชายคนสนิทโทรศัพท์มาเล่าว่าได้พบภรรยาของตุลาที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งความเป็นจริงแล้วภรรยาของเขายืนยันว่าตอนนี้เธอกำลังนั่งเฝ้า ลูกสาวอยู่ที่โรงเรียน“ไม่มีใครอนุญาตค่ะแต่มีเอกสารสำคัญที่คุณต้องเซ็น”ตุลาคว้าแฟ้มจากมือของลูกน้องที่ดูคล้ายว่าเขาจะกระชากเสียมากกว่า เขารีบเซ็นเอกสารตามที่น้ำขิงต้องการและยื่นให้เธอโดยไม่มองสบสายตาเหมือนว่าตอนนี้หัวใจของเขากำลังล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“น้ำขิงนั่งก่อนสิผมมีอะไรอยากถาม”ตุลาเอ่ยเรียกลูกน้องที่กำลังจะเปิดประตูหน้าห้องออกไปเพราะตอนนี้
ตุลาเปิดประตูห้องทำงานออกมาเขาคิดว่าเวลานี้คงไม่มีใครอยู่ในบริษัทแล้วเพราะปกติบริษัทของเขาให้พนักงานกลับได้ในเวลา ห้าโมงเย็น เต็มที่ทุกคนก็จะอยู่กันไม่เกินหกโมงแต่นี่เลยเวลาเลิกงานมานานแล้วเขากลับพบว่าน้ำขิงยังคงนั่งอยู่ที่หน้าห้องของเขาตามเดิม“ฉันเห็นคุณยังไม่กลับก็เลยคิดว่าบางทีคุณอาจจะกำลังทำงานและฉันในฐานะเลขาก็ควรจะอยู่ก่อนเผื่อคุณจะมีอะไรให้ทำ”“ไปกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนหน่อยสิจอดรถไว้ที่บริษัทเดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้านเองส่วนพรุ่งนี้เช้าผมก็จะแวะไปรับไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมหรือว่ามีนัดแล้วก็บอก”น้ำขิงแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอกำลังได้ยินตอนนี้เพราะตั้งแต่เธอเข้ามาทำงานเจ้านายของเธอก็แทบจะไม่มีท่าทางแห่งความเป็นมิตรให้เพราะตุลาไม่พอใจที่บิดาของเขาบังคับให้เขาต้องรับน้ำขิงเข้ามาทำงานในตำแหน่งเลขาทั้งที่เขามองว่ามีคนที่เหมาะสมกว่าจึงสบประมาทสาวน้อยว่าเป็นเด็กเส้นและก็จ้องแต่จะจับผิดเธอตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานจนถึงวันนี้ หญิงสาวแทบไม่เชื่อเลยว่าตอนนี้เขาจะเอ่ยปากชวนเธอไปกินข้าวและยอมไปรับไปส่งซึ่งมันคงจะทำให้ฟ้าฝนตกจนกรุงเทพฯน้ำท่วมเป็นแน่“ร้านนี้เป็นร้านอาหารแบบบ้าน ๆ ไม่รู้ว่าเธอจะกิน
ตอนที่ 2เมียพี่มีชู้“วันนี้เราไปรับลูกที่บ้านคุณพ่อกันนะ”ตุลาชวนภรรยาทันทีหลังจากที่เขาตื่นนอนถึงแม้ว่าหญิงสาวข้างๆจะยังไม่ลืมตาก็ตามแต่การพลิกตัวไปมาทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าตอนนี้เธอตื่นแล้ว“คุณไปรับคนเดียวเถอะจะได้มีเวลาอยู่กับพ่อแม่คุณบ้าง วันนี้ดารู้สึกเหนื่อยอยากจะหลับนาน ๆ ไม่อยากไปไหน”คนเป็นสามีได้แต่ถอนหายใจเพราะไม่มีประโยชน์อะไรแล้วที่เขาจะหาเรื่องทะเลาะกับภรรยาที่ผ่านมาตลอด 2 เดือนที่เขาสงสัยว่าเธอกำลังมีคนอื่นทุกครั้งที่เขาเอ่ยถามเธอตรง ๆ นิดาก็มักจะก่อสงครามวาจาขึ้นทันทีตุลาคิดถึงครั้งล่าสุดที่ทั้งคู่ทะเลาะกันถึงขั้นขว้างปาของและคนที่ได้รับผลกระทบก็คือเด็กน้อยขนมจีนที่ร้องไห้มาเคาะห้องนอนของพ่อและแม่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวคนเป็นพ่อจึงตั้งใจว่าจะไม่ทะเลาะกับภรรยาอีกปู่กับย่ารับรู้เรื่องราวของพ่อและแม่หลานสาวมาโดยตลอดแต่ไม่ใช่จากปากของทั้งคู่แต่เป็นจากแม่บ้านซึ่งเป็นคนสนิทของวลีเธอส่งแม่บ้านให้ไปคอยดูแลลูกชายและรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนั้นทั้งหมด“นิดาเขาดูไม่มีเวลาให้ครอบครัวเลยนะลูก”ตั้งแต่ลูกชายแต่งงานและแยกบ้านออกไปครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่วลีเลือกที่จะถามเรื่
ตุลาเดินออกมาพร้อมแฟ้มงานยื่นให้เลขา เขากล่าวขอบคุณด้วยใจจริงเพราะเขาไม่คิดว่าหญิงสาวที่เขาเคยพูดไม่ดีด้วยตลอดจะช่วยเลี้ยงลูกโดยเฉพาะสามารถทำให้ขนมจีนมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้ตลอดทั้งวันซึ่งปกติแล้วลูกสาวคนนี้ของเขาจะไม่ค่อยเข้ากับคนแปลกหน้าง่าย ๆ ตุลายังคิดว่าท้ายที่สุดแล้วเขาคงต้องเป็นคนเลี้ยงลูกคนเดียวแน่ถ้าขนมจีนไม่ยอมอยู่กับน้ำขิงแต่สุดท้ายแล้วเด็กน้อยไม่ยอมห่างจากคุณพี่เลขาเลย เจ้านายพาเลขาสาวและขนมจีนไปเลี้ยงอาหารมื้อค่ำเพื่อเป็นการตอบแทนที่วันนี้นอกจากน้ำขิงจะทำหน้าที่เลขาได้เป็นอย่างดี เธอยังทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับขนมจีนอีก ร้านอาหารที่ทั้งคู่เลือกคราวนี้ไม่ใช่ร้านอาหารอีสานแต่เป็นร้านสเต็กตามแบบที่ขนมจีนชื่นชอบแต่ไม่บ่อยครั้งที่ตุลาจะยอมพาลูกมาเพราะไม่อยากให้ลูกสาวต้องติดนิสัยนอนดึกส่วนมากจึงเลือกที่จะกินแต่อาหารที่บ้านเท่านั้น“วันนี้คุณพ่อใจดีจังค่ะ” ลูกสาวพูดด้วยรอยยิ้มเพราะนานมากแล้วที่เธอไม่มีโอกาสได้มากินอาหารนอกบ้านแบบนี้“พ่อไม่ค่อยมีเวลาวันนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีพ่อก็เลยตามใจลูกเป็นพิเศษหลังจากกินเสร็จแล้วพ่อว่าจะพาขนมจีนไปแวะซื้อของเล่นแต่พ่อให้งบจำกัดและห้าม
ตอนที่ 3เลขาภรรยาข้ามคืน“คุณออกมาหาผมหน่อยได้ไหมแต่ผมคงไม่ได้เข้าไปรับหรอกนะเอาเป็นว่าผมจะรอคุณอยู่ลานจอดรถของที่บริษัท”ตุลาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะไปที่ไหนหรือควรจะไประบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ใครฟังแล้วคนแรกที่เขาคิดถึงก็คือน้ำขิง ผู้หญิงที่เขาเคยไม่ชอบหน้าและมองว่าเธอเป็นเด็กไม่รู้จักโตตุลาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเวลานี้เขากลับต้องการให้เธอมารับฟังถึงแม้ว่าเธอจะไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยแต่ทุกครั้งที่ได้อยู่กับน้ำขิงเจ้านายอย่างเขากลับรู้สึกสบายใจ“มีอะไรเกิดขึ้นหรือคะถึงได้โทรมาเวลานี้”เลขาสาวรู้สึกงัวเงียเมื่อถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยเสียงโทรศัพท์เพราะตอนนี้ใกล้เวลาจะตีหนึ่งแล้ว“มันคงดึกไปจริง ๆ เธอเองก็เป็นผู้หญิงคงไม่เหมาะที่จะออกมาในเวลานี้...ไม่เป็นไรผมไม่มีอะไรหรอกแค่รู้สึกว่าไม่อยากอยู่คนเดียว”เจ้านายนึกขึ้นมาได้ว่าถึงแม้ว่าน้ำขิงจะเป็นเลขาของเขาแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถโทรเรียกเธอมาเมื่อไหร่ก็ได้เพราะตอนนี้เป็นเวลาที่ดึกมากแล้วแต่สุดท้ายยิ่งสาวกลับตัดสินใจที่จะออกมาตามคำขอร้องของเจ้านายด้วยความเป็นห่วง“ขอบคุณนะที่ยอมออกมา ผมว่าเราไปหาที่สงบคุยกันดีกว่าที่นี่
ชายหนุ่มเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้ก่อนที่เขาจะย้อนไปถึงความสัมพันธ์ของเขากับภรรยาที่เริ่มไม่เหมือนเดิมตั้งแต่วันที่ นิดาคลอดขนมจีนออกมา น้ำขิงตั้งใจฟังเธอเข้าใจดีว่าชายหนุ่มกำลังต้องการบอกเธอว่าทุกการเปลี่ยนแปลงของนิดาสาเหตุทั้งหมดก็มาจากความจริงในค่ำคืนนี้เธอมีผู้ชายอื่นมาโดยตลอดซึ่งผู้ชายคนนั้นไม่ได้เป็นคนใหม่ที่เข้ามาแต่เขากลับเป็นคนเก่าที่ไม่เคยหายไปจากชีวิตเธอเลย“แล้วคุณจะไปสนใจอะไรกับคนที่ไม่ได้รักคุณ”น้ำขิงคิดอย่างที่พูดจริง ๆ เพราะชีวิตของเธอ เธอไม่เคยมีความรักมาก่อน เธอไม่รู้จักความผิดหวังหรือสมหวังชีวิตของเธอ เธอรู้จักแค่ความรักที่พ่อและแม่มีให้ความฝันของเธอมีความหมายกว่าทุกสิ่ง เธอถึงไม่เข้าใจความรู้สึกของตุลาตอนนี้สำหรับเธอแล้วในเมื่อความรักมันคือทุกข์ เดินออกมาแล้วปล่อยให้นิดาได้ไปมีชีวิตของตัวเองน่าจะดีที่สุด“พูดเหมือนง่าย ใครว่าผมไม่อยากปล่อยนิดาไป ผมพยายามแล้วแต่แค่คิดว่าจะไม่มีเธอผมก็อยู่ไม่ได้”“ทำไมจะอยู่ไม่ได้ก่อนหน้านี้ คุณเกิดมาคุณก็ไม่มีภรรยา คุณมีแค่พ่อกับแม่แล้วก็ชีวิตของคุณเองที่ผู้มีพระคุณให้มาเท่านั้นคุณอย่าเอาข้ออ้างนี้มาใช้ในการทำร้ายตัวเองหร
ตอนที่ 4ยอมเป็นตัวสำรอง“ง่วงนอนไหมถ้าคุณจะลาครึ่งวันก็ได้นะ ผมจะแจ้ง ฝ่ายบุคคลให้ว่า ผมให้คุณออกไปทำงานข้างนอก”น้ำขิงเอางานเข้ามาเสนอให้เจ้านายด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวเธอไม่ได้ง่วงนอนเหมือนที่อีกฝ่ายสงสัยแต่เธอแค่กำลังรู้สึก หมดแรงที่จะสู้หน้าใครต่อใครถึงแม้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะไม่มีใครรู้แต่ตัวเองที่รู้อยู่เต็มอกน้ำขิงไม่เสียใจที่เธอเสียตัวให้กับผู้ชายตรงหน้าแต่เธอเสียใจที่เขาไม่เคยเห็นค่าของเธอเลยมากกว่า“บ่ายนี้คุณมีประชุม เอกสารที่ต้องใช้ฉันจะเตรียมไว้ให้ก่อนเที่ยงค่ะ”หญิงสาวไม่ตอบคำถามแต่เธอเลือกที่จะพูดถึงแต่เรื่องงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเมื่อคืนนี้เธอตั้งใจแล้วว่าเธอจะทำเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นเหมือนทุกอย่างเป็นเพียงแค่ความฝันที่ผ่านไปแล้วและเธอจะพยายามลืมมันให้ได้วันเวลาที่ปกติแล้วน้ำขิงรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่เธอได้มาทำงานเพราะเธอชอบในตำแหน่งหน้าที่ที่เธอได้รับเพราะมันตรงกับที่เธอเรียนมาแต่นับจากนาทีนี้มันคือความทรมานใจน้ำขิงเฝ้าถามตัวเองว่าสุดท้ายแล้วเธอจะเลือกเส้นทางชีวิตของอย่างไรทว่ามันไม่มีคำตอบเธอรู้แค่เพียงเธอไม่อยากจากที่นี