“เคเคครับ ได้เบาะแสของผู้หญิงคนนั้นแล้วครับ”
“เจอเธอที่ไหน”
“เธอเป็นนักเปียโนใหม่เพิ่งมาเล่นที่ เค.เค.รอยัลเมื่อวานนี้ครับ”
“สั่งการลงไป ให้เธอไปรายงานตัวที่ เค.เค. รอยัล คลับ ฉันจะไปรอเธอที่นั่น”
“ครับเคเค”
เมื่อสั่งการเสร็จท่านประธานก็เอนกายหนาพิงพนักเก้าอี้ผู้บริหารตัวใหญ่ทอดสายตาคมกริบผ่านผนังกระจกใสเบื้องหน้าไปยังทิวทัศน์ของเมืองกรุง ห้องทำงานของเขาเป็นห้องที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมหรูอันดับหนึ่งจึงมองเห็นทัศนียภาพไกลสุดหูสุดตาตัดขอบฟ้าใส หัวใจแกร่งของเขาวันนี้เหมือนจะเต้นเร็วขึ้นกว่าปกติจนเจ้าตัวรู้สึกได้ เขาผ่อนลมหายใจเบาๆเมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ตื่นตัวภายใน
‘หึ! ฉันตามหาเธอมาเกือบเดือน ไม่คิดว่าจู่ๆเธอก็เดินเข้ามาหาฉันเอง’
ริมฝีปากหยักสวยราวอิสตรียกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ข่าวที่ได้รับวันนี้ทำให้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ดวงหน้าสวยหวานละมุนของคนในห้วงมโนนึกผุดพรายขึ้นกลางเวิ้งฟ้าเบื้องหน้า ชวนให้เขาคิดถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น
‘ช่วยฉัน แล้วฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ’
เขาพูดแล้วย่อมคำไหนคำนั้น เขารักษาคำพูดเสมอ
“ฉันจัดการพวกที่ทำร้ายเธอวันนั้น แก้แค้นแทนเธอแล้ว” ประธานใหญ่ยกยิ้มมุมปาก ดวงตาคมดุกร้าวเมื่อคิดถึงสิ่งที่พวกนั้นกระทำต่อเธอ ภาพที่เขาเห็นจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมในวันนั้น สาวน้อยถูกพาเข้าไปในห้องหนึ่งราวครึ่งชั่วโมงก่อนจะหนีออกมาแล้ววิ่งกระเซอะกระเซิงหาทางเอาตัวรอดก่อนจะผลุบหายเข้าไปในห้องของเขา คิดถึงเรื่องนี้คราใดหัวใจเขาก็กระตุกวูบ หากประตูห้องเขาไม่ได้เปิดแง้มไว้โดยตั้งใจของใครบางคน ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรก็สุดคาดเดา
ภาพในความทรงจำตัดมายังเหตุการณ์ในเช้าวันใหม่หลังจากฤทธิ์ยาที่ครอบงำหมดสิ้นลง เช้าวันนั้นเขามองเจ้าของร่างอรชรที่นอนหลับพริ้มภายใต้ผ้าห่มอุ่นหนาด้วยความรู้สึกแทบจะบรรยายไม่ถูก ความรู้สึกหวงแหนและต้องการปกป้องผุดวาบขึ้นในอก เขาไม่เคยมีความรู้สึกนึกคิดแบบนี้กับผู้หญิงคนไหน แต่กับเธอแม้ช่วงเวลาเร่าร้อนตลอดค่ำคืนที่ผ่านพ้นไปจะถูกครอบงำด้วยไฟราคะแห่งฤทธิ์ยากระตุ้นกำหนัด แต่เขารับรู้ได้ว่าทุกสัมผัสลึกซึ้งเติมเต็มไปด้วยความลึกล้ำบางอย่างซึมแทรกเข้ามาทุกช่วงวินาที
‘รอฉันนะสาวน้อย ฉันสัญญาฉันจะรับผิดชอบเธอ’
เขากระซิบบอกเธอเบาๆชิดใบหูก่อนบรรจงจูบลงกลางหน้าผากด้วยความรู้สึกลึกล้ำอิ่มอุ่นในอก หากไม่ใช่เพราะมีเรื่องต้องจัดการเร่งด่วน เขาคงไม่ปล่อยเธอทิ้งไว้ในห้องแบบนั้น หากรู้ว่าเธอจะหนีหายไปจนเขาต้องสืบเสาะหาร่วมเดือน เขาจะไม่ปล่อยให้เธอห่างไกลจากสายตาแน่นอน
“ฉันสัญญา...ใต้ปีกของฉัน จากนี้ไปจะไม่มีใครทำร้ายเธอได้อีก”
โชคดีที่เหตุการณ์คืนนั้นเกิดขึ้นในโรงแรมในเครือเค.เค. รอยัล จึงง่ายต่อการสืบเสาะและปิดข่าวให้ไม่แพร่งพรายออกไป แต่ถึงอย่างนั้นกว่าจะหาตัวเธอพบก็ผ่านไปร่วมเดือน
“เธอจะจำฉันได้ไหมสาวน้อย” ประธานใหญ่ดึงความคิดของตัวเองกลับมาอยู่กับปัจจุบัน เขาคิดถึงช่วงเวลาที่จะได้เจอหน้าเธออีกครั้ง คิดแล้วหัวใจแกร่งก็วาบไหว เธอจะตกใจไหม หวาดกลัวเขาหรือเปล่า หากเป็นเช่นนั้นเขาจะทำอย่างไร เขาควรเปิดเผยตัวตนของเขาให้เธอรู้ในตอนนี้หรือประวิงเวลาไปก่อน ทุกอย่างเขาต้องคิดให้รอบคอบ เพื่อให้มีช่องว่างระหว่างเขาและเธอให้น้อยที่สุด
ตลกสิ้นดี คนอย่างเขายิ่งใหญ่เกินกว่าจะเกรงกลัวใคร เพียงแค่เอ่ยนาม ‘คิริน คุปต์อนันต์’ ประธานใหญ่ เค.เค.กรุ๊ป ทายาทผู้สืบทอดฐานอำนาจของตระกูลคุปต์อนันต์ซึ่งมีอิทธิพลครอบคลุมทั้งธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ภัตตาคารหรู ใครๆต่างก็น้อมคำนับทั้งนั้น แต่เขากลับหวั่นเกรงต่อผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
คิรินตวัดสายตามองไปยังประตูห้องเมื่อได้ยินเสียงเคาะขัดจังหวะ เขาขยับนั่งตัวตรงก่อนหยิบแฟ้มขออนุมัติที่กองอยู่บนโต๊ะมาเปิดอ่านราวกำลังเคร่งเครียดอยู่กับงานตรงหน้า สองตากวาดมองตัวอักษรบนหน้ากระดาษอย่างรวดเร็วแล้วจรดปลายปากกาเซ็นชื่อขณะเงี่ยหูฟังเสียงเอะอะด้านหน้าประตูห้อง
“คุณรียาคะ เข้าไปไม่ได้นะคะ ท่านประธานสั่งห้ามไม่ให้ใครรบกวน”
“หลีกไป! ฉันเป็นใครอย่าคิดมาขวางฉัน” เสียงเล็กตวาดขัดใจขณะมือผลักไหล่เลขานุการที่ขยับขวางหน้าให้พ้นทางก่อนพาตัวเองก้าวผ่านประตูห้องทำงานของประธานใหญ่แล้วกดปิดล็อคห้องอย่างรวดเร็วพร้อมกับปรับสีหน้าแล้วส่งเสียงหวานทักทายเจ้าของห้องอย่างสนิทสนม
“พี่คิรินคะ เที่ยงแล้วพักทานอาหารก่อนเถอะค่ะ”
คิ้วเข้มหนาขมวดมุ่นด้วยความไม่สบอารมณ์ ขณะเขาตวาดดุคนอาจหาญเข้ามารบกวนด้วยน้ำเสียงทรงพลังอำนาจ
“ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม ผมไม่ชอบให้ใครมารบกวนเวลาทำงาน”
“แต่ว่า...”
“จะกลับออกไปดีๆ หรือจะให้เรียกรปภ.”
นรียาชะงักกึก แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น แต่ดวงตาคู่รีก็จับจ้องมองคนร่างสูงใหญ่อย่างดื้อรั้น
“ทำไมพี่คิรินต้องตั้งท่าขีดเส้นกั้นรียาแบบนี้ด้วยคะ รียาน่ารังเกียจมากนักหรือไงพี่ถึงผลักไสรียาแบบนี้”
“หนึ่ง... ”
“วันนี้รียาอุตส่าห์เข้าครัวทำอาหารกลางวันมาให้พี่โดยเฉพาะ ถ้าพี่ไม่ทานรียาก็ไม่กลับ”
“สอง...”
นรียาเม้มปากขัดใจ หัวใจดวงเล็กเต้นระรัว หล่อนทั้งหวาดกลัวและอยากเอาชนะในคราวเดียวกัน
“รียารู้ว่าพี่คิรินไม่พอใจ แต่พี่จะขัดใจคุณป้าเหรอคะ พี่เองก็รู้ว่าคุณป้าเห็นดีเห็นงามกับเรื่องของเรา”
“ไม่ไปใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ รียาจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” นรียายังคงแสดงความดื้อรั้นเพราะคิดว่ามีมารดาของคิรินถือหาง
คิรินขบฟันกรอดก่อนปิดแฟ้มเอกสารแล้ววางกระแทกลงบนโต๊ะเสียงดังจนนรียาสะดุ้งเฮือก ดวงตาคมดุกร้าวตวัดมองเธอแสดงออกถึงความไม่พึงพอใจแช่มชัด แต่นรียาก็ไม่สะทกสะท้าน
“คุณไม่ไปก็เรื่องของคุณ ผมไปเอง” จบคำคิรินก็หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้าวยาวๆเร็วๆตรงไปยังประตูห้องทำงาน นรียาแทบไหวตัวตามความคิดของคิรินไม่ทัน พอตั้งสติได้หญิงสาวก็รีบก้าวฉับๆตามไปทันที
“หยุด! ถ้าคุณขยับก้าวตามผมมาอีกเพียงก้าวเดียว ผมจับคุณโยนออกไปนอกบริษัทแน่ๆ”
นรียาชะงักฝ่าเท้าเกือบจะไม่ทัน เมื่อจู่ๆคิรินก็หันขวับมาตวาดดุใส่เธอต่อหน้าเลขานุการหน้าห้องแบบไม่ไว้หน้า
“อย่าคิดว่ามีคุณแม่ผมให้ท้ายแล้วจะมาทำอะไรตามใจคุณในที่ของผมได้ รู้ไว้ด้วยความอดทนของผมมีขีดจำกัด”
หล่อนเริ่มออกอาการหน้าเสีย แววตา กิริยา และคำพูดดุดันของเขาแสดงให้หล่อนรู้ว่าคิรินเริ่มโกรธจนแทบจะคุมตัวเองไม่อยู่ เมื่อเห็นแบบนั้นนรียาจึงไม่ตอแยเขาอีก หล่อนได้แต่ยืนกำหมัดแน่นมองตามร่างสูงใหญ่ของคิรินเดินจากไปด้วยความคับแค้นใจ คอยดูเถอะ! หล่อนจะทำให้เขายอมสยบแทบเท้าหล่อนให้ได้ในสักวัน
---------------------------------
เปิดตัวละครรัวๆเลยค่า...ไรท์อาจเดินเรื่องเร็วนิดนึงนะคะ เพราะว่าพล็อตที่ร่างไว้ยาวมาก นักแสดงต่อคิวรอเข้าฉากอีกหลายคนเลย ฮ่าๆๆๆ
คีตาลดารู้สึกประหลาดใจเมื่อผู้จัดการโรงแรมบอกให้เธอไปรายงานตัวกับท่านประธานใหญ่ที่ เค.เค. รอยัล คลับ เธอเป็นเพียงนักเล่นเปียโนพาร์ทไทม์ตัวเล็กๆธรรมดาคนหนึ่ง แต่เพราะอะไรถึงต้องรายงานตัวตรงต่อประธานใหญ่ของเค.เค. กรุ๊ป แม้ในหัวจะเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ความสงสัยมากอยู่ แต่เธอก็ได้แต่ทำตามคำสั่งโดยไม่ขัดข้อง‘หึ! คำสั่งท่านประธาน มีหรือที่เธอจะหาญกล้า อย่าว่าแต่เธอเลย เป็นใครก็ไม่กล้าขัดด้วยกันทั้งนั้น’คีตาลดาหยุดความคิดตัวเองเพียงเท่านั้นเมื่อเธอมาถึงพนักงานต้อนรับของคลับก็พาเธอมายังห้องรับรองสุดหรูของที่นั่น พนักงานที่พาเธอมาส่งเคาะประตูห้องแล้วเปิดออกก่อนผายมือเชื้อเชิญให้เธอเข้าไปข้างใน คีตาลดาอดใจสั่นไม่ได้เมื่อเท้าเล็กๆก้าวเข้าไปในห้อง หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าจนลึกสุดเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง“นักเปียโนใหม่ที่ท่านเรียกพบมาแล้วครับ”พนักงานคนนั้นรายงานแล้วถอยกลับออกไป คีตาลดามองไปยังคนที่นั่งหันหลังให้เธอ ขนาดว่าพนักเก้าอี้ที่เขานั่งทั้งสูงและใหญ่แต่เธอก็ยังเห็นศีรษะของเขาโผล่พ้นพนักเก้าอี้กว่าครึ่งหัว เธอเดาโดยประมาณว่าเขาน่าจะสูงเกิน 190 เซนติเมตรน่าจะได้ เธอเคยได้ยินมาบ้างว่าทายาทค
คีตาลดานั่งอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เบื้องหน้าของเธอคือกระจกเงาบานใหญ่ ในห้องพักนักดนตรีของโรงแรมตอนนี้มีเธอเพียงคนเดียว หญิงสาวมองดูตัวเองในกระจกนิ่งดั่งคนกำลังตกอยู่ในภวังค์ ความคิดดิ่งลึกนึกถึงช่วงเวลาก่อนที่เธอจะก้าวออกมาจากห้องรับรองนั้น“คุณแน่ใจนะว่าเราไม่เคยเจอกันมาก่อนหน้านี้”แปลก... น้ำเสียงนุ่มทุ้มต่ำลึกที่กระซิบข้างหลัง เธอช่างคุ้นหูเธอเหลือเกิน ตอนแรกที่เขาถามเธอไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอถูกถามย้ำอีกครั้งในระยะประชิดตัวแบบนี้ เธอก็อดหวนคิดถึงฝันร้ายแสนหวามในค่ำคืนนั้นไม่ได้บ้าจริง! คิดแบบนั้นได้ยังไงกันนะลดา ท่านประธานจะเป็นผู้ชายคนนั้นได้ยังไง ต่อให้เกิดเหตุในโรงแรมของเขาก็เถอะ แต่ทายาทคุปต์อนันต์อย่างเขาจะไม่เลือกกินขนาดลากใครที่ไหนขึ้นเตียงแบบนั้น มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้“ท่านประธานถามแบบนี้ กำลังจะบอกว่าเคยเจอดิฉันมาก่อนหน้านี้เหรอคะ” เธอถามออกไปแล้วกลั้นใจรอคำตอบ หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด หากใช่ล่ะ?“คุณอยู่ในสถานะที่ควรย้อนถามผมอย่างนั้นเหรอ”คำถามของเขาทำเอาใจเธอหล่นวูบ นั่นสินะ เธอเป็นใครถึงอาจหาญย้อนถามเขาไปแบบนั้น“ขอประทานโทษค่ะ ดิฉันล่วงเกินท่านแล้ว ดิฉัน
เมื่อได้นั่งไล่ปลายนิ้วไปตามคีย์เปียโนคีตาลดาก็ไม่คิดถึงสิ่งใดนอกจากส่งมอบเสียงเพลงแห่งความสุขให้แก่คนฟัง นานเท่านานที่เธอปล่อยความคิดจิตใจเคลียคลอไปกับเสียงเปียโน ความรู้สึกอิ่มอุ่นในหัวใจ ความสุขสดใสที่เธอถ่ายทอดผ่านปลายนิ้วไล่สัมผัสไปกับคีย์เปียโนนั้นทรงพลังตราตรึงในหัวใจคนฟังมานักต่อนัก วันนี้เป็นอีกวันที่เธอสร้างความประทับใจให้แก่แขกที่มารับประมานอาหารใน เค.เค.รอยัล คลับ แห่งนี้คีตาลดาโค้งคำนับรับเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมหลังเสียงเพลงสุดท้ายของวันนี้สิ้นสุดลง หญิงสาวยิ้มกว้างยามกวาดสายตามองไปโดยรอบ หัวใจดวงน้อยกวัดแกว่งอย่างแปลกประหลาดเมื่อเห็นว่าโต๊ะหน้าเวทีไร้เงาของคิริน‘เขาไม่ชอบอย่างนั้นเหรอ’ คีตาลดาปัดความคิดนั้นออกจากหัวแล้วค้อมกายโค้งคำนับบรรดาแขกในห้องอาหารนั้น อีกครั้งแล้วหันหลังกลับก้าวลงด้านหลังเวที แม้จะพยายามตัดความคิดเกี่ยวกับทายาทคุปต์อนันต์ออกไปแต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ หากประธานใหญ่ไม่ชื่นชอบผลงานการแสดงของเธอแล้ว เธออาจถูกเลิกจ้างก็เป็นไปได้“วันนี้คุณยอดเยี่ยมมากครับคีตาลดา”“ผู้จัดการชมเกินไปแล้วค่ะ”แม้หัวใจดวงน้อยจะฟองฟู่กับคำชมของวีกิจผู้จัดการห้องอาหาร แต
เอี๊ยดดด!!คีตาลดาหัวทิ่มโขลกกับคอนโซลรถด้านหน้า เพราะจู่ๆก็มีรถสปอร์ตสีดำขับปาดตัดหน้าจนทัชกรเบรกรถจนตัวโก่ง แรงกระแทกทำเอาเธอถึงกับมึนงงไปชั่วขณะ แต่ก็ยังพอรับรู้ได้ถึงความเกรี้ยวกราดของทัชกร“ไอ้ห่าเอ๊ย! ขับรถประสาอะไรวะ”คีตาลดาได้ยินทัชกรสบถด่าลั่นก่อนที่เขาจะเปิดประตูก้าวลงไป หญิงสาวพยายามดึงสติหวังอาศัยช่วงจังหวะนั้นหลบหนีเอาตัวรอด แต่เธอรู้สึกมึนงงมาก รอบด้านพร่าเลือนมองอะไรไม่ชัดจึงพยายามใช้มือคลำหาที่จับเปิดประตูรถสะเปะสะปะ พอจะเปิดก็เปิดไม่ออกเพราะเป็นระบบล็อคอัตโนมัติด้านนอก ทัชกรที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงกับยืนตะลึงเมื่อพบว่ารถสปอร์ตที่ขับปาดหน้าตนคือใคร เขากลืนน้ำลายลงคอฝืดเฝื่อนก่อนจะฝืนยิ้มเจื่อนทักทายจนตรงหน้า“คุณคิรินนั่นเอง ผมทัชกร”ผัวะ!หมัดหนักๆที่ซัดเข้าตรงโหนกแก้มซ้ายของเขาคือคำทักทายตอบ แรงอัดกระแทกแบบไม่ทันตั้งรับทำเอาทัชกรถึงกับถลาล้มหน้าคะมำ“คุณคิริน คุณชกหน้าผมแบบนี้หมายความว่ายังไง ผมไปทำอะไรให้คุณ”ผัวะ!หมัดที่สองตามมาติดๆแบบที่ทัชกรไม่มีโอกาสต่อต้าน ยิ่งเห็นแววเกรี้ยวกราดในดวงตาสีดำสนิทของคิรินแล้ว คนขลาดอย่างทัชกรก็หงอไม่กล้าต่อกรกลับ“หมัดแรกสั่งสอนท
ก๊อกๆ ก๊อกๆเสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ คีตาลดาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกที่มีคนเข้ามาแทรก แต่เหมือนท่านประธานใหญ่จะขัดอกขัดใจ เธอทันได้เห็นแววขุ่นเคืองวาววับในดวงตาคู่คมก่อนจะหายไปกลายเป็นนิ่งสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์“มีอะไรว่ามา” น้ำเสียงเขาช่างดุเข้มทรงพลังอำนาจในความรู้สึกของคีตาลดา หญิงสาวลอบมองคนเพิ่งเข้ามาในห้องด้วยความเป็นห่วง แต่เห็นอีกฝ่ายสีหน้านิ่งสนิทไม่หวั่นเกรงใดๆ เธอก็เลิกห่วงใย อดนึกค่อนขอดในใจไม่ได้ว่าเจ้านายลูกน้องช่างเหมือนกันราวโคลนนิ่งกันมา“คุณนิธิยื่นคำขาดมาว่าถ้าเคเคไม่ไปเจรจาเรื่องลงทุนโครงการใหม่ภายในครึ่งชั่วโมง คุณนิธิจะยกเลิกความร่วมมือกับเคเคทุกโครงการครับ”“ตอบกลับไปว่าฉันจะไปถึงที่นั่นภายในครึ่งชั่วโมงแน่นอน” คิรินสั่งการอย่างไม่ต้องหยุดคิด ชินโยรับคำแล้วออกจากห้องไปทำตามคำสั่ง พอประตูห้องปิดสนิทคิรินก็ดึงสายตากลับมามองคนบนเตียงเห็นเธอกำลังจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว คิรินยิ้มอ่อนเมื่อเห็นแววตาสีหน้ารู้สึกผิดของเธอ“อย่ากังวลไปเลยคีตาลดา เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ เป็นผมเองที่เต็มใจและยินดีช่วยคุณให้พ้นอันตราย ต่อให้มีนัดที่สำคัญกว่านี้ผมก็ไม่เสียใจที่เลือกตามไปช่วย
“เคเคคะ คอนโดฯของลดาไม่ได้ไปทางนี้ค่ะ” คีตาลดารีบหันมาบอกคิรินทันทีที่เห็นว่าคนขับรถของเขาขับเลยทางแยกไปคอนโดมิเนียมของเธอ“ผมรู้”“เคเครู้ แล้วไงคะ หรือว่าคุณคนขับรถไม่รู้” คีตาลดาหันมาถามชินโยซึ่งทำหน้าที่คนขับรถ เธอเห็นเขาทำทองไม่รู้ร้อนก็นึกขัดใจ“คุณคะเดี๋ยวถึงจุดกลับรถข้างหน้าคุณก็ยูเทิร์นกลับนะคะ แล้ว...”“ขับตรงไปตามเดิมแหละชินโย” คิรินแทรกขึ้นก่อนที่คีตาลดาจะทันพูดจบ หญิงสาวหันขวับมามองเขาแล้วเลิกคิ้วขณะถาม“เมื่อกี้นี้เคเคพูดว่าอะไรนะคะ”“ผมบอกให้ชินโยขับตรงไปไม่ต้องยูเทิร์น”“แต่มันเลยทางไปคอนโดฯลดาแล้วนะคะ ไม่กลับรถแล้วจะไปทางไหน”“แล้วใครบอกว่าจะไปคอนโดฯ คุณล่ะ”คำพูดแนวนี้ ซีนประมาณนี้เธอเคยเห็นในละครรักแทบจะทุกเรื่องแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงของเธอคีตาลดาขบฟันจ้องเขาพลางกระพริบตาปริบๆ หลังจากคิรินพูดยิ้มๆ เขาก็หันไปสนใจอ่านอะไรในสมาร์ทโฟนของตัวเองไม่ได้หันมามองหน้าเธอสักนิด“คุณคะ ช่วยจอดรถตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าด้วยนะคะ” เมื่อเขาเอาแต่สนใจอ่านอะไรในสมาร์ทโฟนของเขาไม่มีทีท่าสนใจเธอ คีตาลดาก็หันมาทางชินโย แต่เธอก็ต้องหงุดหงิดเมื่อชินโยก็ทำท่าไม่รับรู้เหมือนเดิม“เค
“เคเค...”“จากนี้ไปคุณคือผู้หญิงของผมคีตาลดา” เขากระซิบชิดริมฝีปากก่อนทาบปิดลงมาอีกครั้งแล้วบดจูบคลอเคล้าราวหิวกระหาย ความเร่าเร้อนออดอ้อนที่เขาถ่ายสอดผ่านจูบแสนหวามทำเอาความรู้สึกนึกคิดของคีตาลดาตีกันวุ่นวายไปหมด‘อยู่กับเขา เป็นผู้หญิงของเขาอย่างนั้นเหรอ นี่เหรอความปรารถนาดีที่เขามอบให้’“ไม่! ฉันไม่ต้องการ ฉันไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงของคุณ”คีตาลดารีบปฏิเสธรัวเร็วทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระ ถ้อยคำที่เธอเอ่ยออกมาทำเอาคิรินชะงักกึก หญิงสาวฉวยโอกาสนั้นผลักไสเขาแล้วพลิกกายหนี คิรินแววตาหล่นวูบเมื่อเห็นคีตาลดาแสดงท่าทีราวหวาดกลัวเขาจับใจ“คีตาลดา...ผมขอโทษ”“ฉันอยากกลับบ้าน ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่” คีตาลดาบอกเสียงสั่นน้ำตาไหลพราก คิรินกำหมัดแน่นเจ็บใจตัวเองที่บุ่มบ่ามทำให้เธอหวาดกลัว เขายื่นมือไปหมายดึงร่างน้อยมากอดปลอบขวัญแต่คีตาลดาก็ถอยร่นหนีไปไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้“โอเคครับ กลับก็กลับผมจะไปส่งคุณเอง” คิรินบอกเสียงอ่อนก่อนถอยห่างออกมา คีตาลดาใช้มือสางผมและจับเสื้อผ้าให้เข้าทีแล้วรีบลงจากเตียงเดินนำเขาออกจากห้องไปทันที คิรินเดินตามไปห่างๆ เว้นช่องว่างให้คีตาลดาลดอาการหวาดระแวง หัวใจแกร่งของคิริ
“คีตาลดาคุณมาได้ยังไง ไหนท่านประธานบอกว่าคุณไม่สบายต้องหยุดสักระยะ”“อะไรนะคะ” คีตาลดาถึงกับอึ้งกับคำทักทายของผู้จัดการภัตตาคาร หญิงสาวใช้สายตาคาดคั้นเอาคำตอบแต่วีกิจก็ยักไหล่ทำไม้ทำมือแบบไม่รู้จะอธิบายอย่างไร อย่าว่าแต่ คีตาลดาจะมึนงงเขาเองก็ยังงงไม่ต่างจากเธอ“คุณมีอะไรก็ไปทำเถอะวีกิจทางนี้ผมจัดการเอง”คีตาลดากับวีกิจหันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกัน ผู้จัดการห้องอาหารขยับจะอ้าปากถามแต่พอสบสายตาคมดุของเจ้านายใหญ่เขาก็รีบชิ่งหลบไปตามคำสั่งทันที“เดี๋ยวสิคะคุณวีกิจแล้วคิวเล่นเปียโนของฉันวันนี้ล่ะคะ”“คิดถึงผลได้ผลเสียภาพรวมบ้างคีตาลดา ถ้าคุณล้มพับไปกลางเวทีแขกเหรื่อจะตกใจขนาดไหน ชื่อเสียงเค.เค.รอยัลจะเป็นยังไง คุณรับผิดชอบไหวเหรอ”“แต่ถ้าฉันไม่ทำงานแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาคืนท่านประธานล่ะคะ”“อยากชดใช้มากขนาดนั้นเชียว”“เงินไม่ใช่น้อยๆจะให้ฉันนิ่งนอนใจได้ยังไงกัน ฉันไม่ใช่คนที่จะยอมรับอะไรจากใครฟรีๆนี่คะ”“ได้! อยากชดใช้นักก็ได้! ถ้าอย่างนั้นมานี่”คิรินพูดแล้วก็อุ้มคีตาลดาจับพาดบ่าเดินลัดเลาะไปช่องทางลับด้านหนึ่งซึ่งมีไว
คีตาลดานั่งมองกล่องของขวัญใบย่อมที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย กล่องใบนี้เธอตั้งชื่อให้มันว่ากล่องแห่งความทรงจำ กล่องที่เธอเก็บเรื่องราวไว้ในนั้นมากมายหญิงสาวค่อยๆเปิดกล่องนั้นออกแล้วหยิบของในนั้นออกมาทีละชิ้น มองดูแล้วยิ้มน้อยๆ ก่อนวางลงข้างกล่องแล้วหยิบชิ้นอื่นๆออกมาทีละชิ้นๆ จนถึงชิ้นสุดท้ายซึ่งเป็นรูปคู่รูปแรกของเธอกับทัชกรคีตาลดามองดูแล้วน้ำตารื้น พอคิดถึงคืนวันเก่าๆแล้วไม่อยากคิดเลยว่าเธอและเขาจะเดินมาถึงจุดสิ้นสุดในวันนี้‘ผมรักคุณนะลดา รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ผมตัดสินใจนานมากกว่าจะทำใจกล้าบอกรักคุณ’คีตาลดาแค่นยิ้มเมื่อคิดถึงคำพูดและสีหน้าของทัชกรในวันนั้น หญิงสาวผ่อนลมหายใจเมื่อคิดถึงคำพูดสุดท้ายที่เธอเขาพูดกับเธอก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุจนเธอเกือบไม่รอดชีวิต‘ผมรักคุณนะลดา ผมอาจเป็นคนเลวในสายตาคุณ แต่ผู้ชายชั่วช้าคนนี้แหละที่หัวใจมันมีแต่คุณ’คีตาลดาปาดน้ำตาซึ่งไหลพราก แล้วตัดใจฉีกรูปถ่ายใบนั้นดั่งต้องการฉีกเธอและทัชกรออกจากกันชั่วกัปชั่วกาล“ฉันไม่รู้ว่ารักของคุณคือเรื่องจริงหรือลวง ฉันรู้แค่วันนี้ฉันมีคนที่
หลายวันแล้วที่คีตาลดายังคงนอนหมดสติอยู่ในห้อง ไอ.ซี.ยู คิรินได้เพียงเฝ้ามองเธออยู่นอกห้องผ่านกระจกใส น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้ม หัวใจแกร่งปวดหนึบที่ตัวเองช่วยอะไรเธอไม่ได้ทำได้เพียงแค่ยืนมอง“หมดเวลาเยี่ยมไข้แล้วค่ะ”เสียงพยาบาลเตือนมาเช่นทุกครั้งที่เขาเอาแต่ยืนมองคีตาลดานิ่งจนวินาทีสุดท้ายที่หมออนุญาตให้เยี่ยมได้ เขาเฝ้าภาวนาหวังสักครั้งว่าจะได้เห็นเธอเปิดปรือเปลือกตาขึ้นมา เขาหวังเหลือใจว่าจะได้เห็นรอยยิ้มได้ยินเสียงหัวเราะของเธอในเร็ววัน“คีตาลดาคุณนอนหลับนานเกินไปแล้วรีบตื่นได้แล้ว ผมคิดถึงคุณจนไม่เป็นอันหลับนอนแล้วรู้ไหมครับ”“คิรินกลับบ้านก่อนเถอะลูก กลับไปนอนพักผ่อนสักหน่อย แม่รู้ว่าคิรินเป็นห่วงน้อง แต่ถ้าน้องตื่นมาเห็นคิรินสภาพนี้น้องคงเสียใจนะลูก” คุณภนิดาอดกังวลไม่ได้ นางกลัวบุตรชายจะทรุดลงไปอีกคน แม้ร่างกายของคิรินจะแข็งแรงแต่อาการบาดเจ็บในวันนั้นก็สรางความบอบช้ำให้ไม่น้อย“พรุ่งนี้เราค่อยมาเยี่ยมน้องกันใหม่นะลูกนะ”“ครับแม่ ผมจะกลับเดี๋ยวนี้ แต่ผมขอไปนอนที่คอนโดฯเหมือนเดิมนะครับ ผมอยากอยู่ในที่ที่เคยอยู่กับคีตาลดา”คุณภนิดา
คีตาลดาครึ่งหลับครึ่งตื่น หญิงสาวพยายามฝืนดึงสติ โชคดีที่เธอกลั้นหายใจจึงสูดไอเย็นชื้นนั่นไม่มาก ไม่กี่นาทีเธอจึงคืนสติแม้จะยังไม่สมบูรณ์แต่ก็พอรู้ตัวว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น“ทัชกรคุณจับตัวฉันมาทำไม” หญิงสาวถามเสียงเครียดพยายามดิ้นหวังให้หลุดจากพันธนาการแต่เชือกที่มัดข้อมือเธอก็แน่นเกินกว่าจะหลุดออกได้“คุณกำลังคิดจะหลบหนีสินะ” คีตาลดาตั้งสติถาม เธอระลึกได้ว่าสร้อยจี้รูปหัวใจนอกจากจะเป็นจีพีเอสติดตามตัวเธอแล้วยังซ่อนไมค์เล็กๆไว้อัดเสียงอีกด้วย หากว่าเธอเป็นอะไรไปอย่างน้อยนี่น่าจะเป็นหลักฐานมัดตัวทัชกรได้“เพราะคุณฉลาดแบบนี้ไงผมถึงรักคุณลดา”“คุณรักแต่ตัวเองต่างหากทัชกร ถ้าคุณรักฉันจริงคุณไม่มีวันจับฉันมาเป็นตัวประกันแบบนี้หรอก”“จุ๊ๆ ใครว่าผมจับคุณมาเป็นตัวประกันล่ะ ผมจะพาคุณหนีไปด้วยกันกับผมต่างหาก”“อย่าหวังว่าฉันจะยินยอมง่ายๆ ฉันไม่มีวันไปกับคุณ” คีตาลดาพูดจบก็ใช้เท้ายันตัวเองขึ้นดันร่างหวังให้หลุดพ้นจากเข็มขัดนิรภัย ทัชกรตกใจกับการกระทำบ้าระห่ำนั่น“คุณทำบ้าอะไรลดากลับไปนั่งที่เดิมเดี๋ยวนี้”คีตาลดาไม่ฟัง หญิงสาวพยายามพุ
“ไม่ต้องมาหัวเราะแม่เลยนะพ่อตัวดี”“ผมบอกแล้วว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม เมียผม...ผมหาเองได้”“ย่ะ!” คุณภนิดาไม่วายค้อนก่อนหันมาทางคีตาลดาบีบไม้บีบมือหญิงสาวแล้วเอื้อนเอ่ยด้วยความยินดี“ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ ตอนหนูบอกป้าว่ามีคนรักอยู่แล้วป้านี่เสียดายจะแย่ ที่แท้คนรักหนูก็คือลูกชายป้านี่เอง”หญิงสาวอมยิ้มขัดเขินขณะเลื่อนผ้าห่มมาคลุมอกให้มารดาของคิริน คุณภนิดามองความอ่อนโยนน่ารักนั้นด้วยความรู้สึกปลื้มปีติ“ถ้าพาหนูลดามาให้แม่รู้จักเร็วกว่านี้ แม่ก็ไม่ต้องมานอนปวดหัวอยู่แบบนี้หรอกคิริน”“ครับคุณแม่ผมผิดเองครับ” คิรินตอบรับแสนทะเล้นแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีถอยห่างออกไปยืนกอดอกมองผู้หญิงที่รักทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนิทสนมคิรินรู้สึกขอบคุณโชคชะตาที่พาให้คีตาลดาเป็นคนช่วยชีวิตมารดาของเขาเอาไว้ อะไรๆจึงลงตัวง่ายขึ้น“คิรินพาน้องกลับไปพักผ่อนเถอะลูกเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”“คุณป้าจะอยู่คนเดียวได้ยังไง ให้ลดาอยู่เป็นเพื่อนดีกว่านะคะ”“คิรินจ้างพยาบาลพิเศษให้อยู่เป็นเพื่อนแล้วหนูกลับไปพักเถอะลดา แล้วต่อไปอย่าเรียกป้าเลยนะ
“คุณแม่ท่านเป็นอะไรเหรอคะทำไมถึงเข้าโรงพยาบาล” คีตาลดาชวนคุยระหว่างนั่งอยู่ในรถ คิรินยิ้มอ่อนก่อนเล่าให้ฟัง“จู่ๆ วันนี้ท่านก็โรคหัวใจกำเริบ โชคดีที่มีคนพบแล้วช่วยเหลือพาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลาไม่อย่างนั้นผมก็คง...”“ไม่เป็นไรนะคะ ตอนนี้ท่านปลอดภัยแล้วนะ” คีตาลดาบีบกระชับมือแกร่งถ่ายทอดความอบอุ่นปลอบประโลมคิรินมองคนรักด้วยความรู้สึกขอบคุณ คีตาลดาเหมือนจะเปราะบางแต่เอาเข้าจริงเขากลับรู้สึกว่าเธอเข้มแข็งกว่าที่เขาคิดมากนัก“เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสขอบคุณคนที่ช่วยเหลือคุณแม่ พอมาถึงโรงพยาบาลเธอก็ไปแล้ว”คีตาลดานิ่วหน้าเล็กๆ เธอรู้สึกแปลกที่เรื่องราวมันคลับคล้ายคลับคลาราวกับว่าเป็นเรื่องเดียวกันกับเธอในวันนี้ หญิงสาวยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อรถสปอร์ตของคิรินก็เลี้ยวเข้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาล คีตาลดาแหงนเงยหน้ามองดูป้ายชื่อโรงพยาบาล เห็นแล้วก็ยิ่งครุ่นคิดหนักเข้าเพราะมันเป็นโรงพยาบาลเดียวกันกับที่เธอพาคุณป้าคนนั้นมาส่งวันนี้“มาเถอะคุณแม่รออยู่” คิรินบอกเมื่อรถเทียบจอดตรงลานจอดรถโซนวีไอพีของโรงพยาบาล คีตาลดาเปิดประตูก้าวลงไปโดยไม่รอให้เขามาเปิดให้ หญ
“ระหว่างผมกับนรียามันมีความเกี่ยวโยงกันแค่นั้นจริงๆคีตาลดา นอกเหนือจากนั้นผมไม่เคยเห็นเขาในสายตาเลยสักนิด”“แต่เขาพูดเต็มปากมั่นใจเกินร้อยเลยนะคะ” คีตาลดาไม่วายท้วง แม้จะเชื่อใจเขาเกินครึ่งแต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ คิรินถอนหายแล้ว โอบกระชับรั้งไหล่แบบบางดึงร่างเธอมากอดแน่นเข้าแล้วถาม“คุณไม่เคยเจอคนพูดเองเออเองคิดไปเองเหรอครับคีตาลดา”“ของแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังนะคะ”“ผมไม่เคยร่วมตบมือร่วมกับใครนอกจากคุณ”คีตาลดาจ้องดวงตาคมกริบซึ่งเจือด้วยแววรักหวานซึ้ง“เชื่อใจผมนะครับ อย่าไปรับเอาคำพูดของคนไร้สติแบบนั้นมาคิดมากเลย”คีตาลดาถอนหายใจก่อนบ่นพึมพำ“ลดาก็ไม่อยากคิดมากหรอกค่ะ แต่เรื่องเพิ่งเกิดก็อดขุ่นเคืองไม่ได้”“เอาแบบนี้...ผมมีวิธีทำให้คุณหายโกรธ”คีตาลดาเลิกคิ้วถาม“ยังไงคะ”“มาเถอะครับ ผมจะพาไประบายมันออกมา”คีตาลดาลุกเดินตามอย่างว่าง่าย แม้จะไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหนแต่ก็ยังดีกว่านั่งอึดอัดอยู่ในห้องนี้“ปกติแล้วคุณระบายความโกรธด้วยวิธีไหนนะ” เขาชวนคุยเมื่อขึ้นนั่งบนรถสปอร์ตคันโก้ของเข
“ฉันได้ยินมาว่านอกจากเธอเล่นเปียโนเก่งแล้วยังอ่อยผู้ชายเก่งอีกด้วย”“คุณเรียกฉันมาพบเพียงเพื่อชมแค่นี้เหรอคะ” คีตาลดาถามยิ้มๆ ท่าทีของเธอดูเป็นคนใจเย็นทั้งที่ภายในดิ้นเร่าด้วยความเกรี้ยวกราดที่ถูกหยามเกียรติ“หน้าด้าน ด่าขนาดนี้ยังมีหน้ามายืดอกมั่นใจ”“แต่ก็คงน้อยกว่าคุณที่หน้าด้านเที่ยวมาอ้างตัวว่าเป็นคู่หมั้นท่านประธานทั้งที่เขาไม่เคยเหลียวแล”“แก! แกกล้าด่าฉัน”“ทำไมคะโดนด่ากลับแค่นี้ทำรับไม่ได้ ทีเวลาด่าคนอื่นทั้งที่ไม่รู้อะไรเลยทำไมไม่คิดล่ะคะ”“ฮึ! แกคิดว่าอ่อยพี่คิรินจนอยู่หมัดสินะถึงได้มั่นหน้ามั่นโหนกขนาดนี้”“ก็นิดนึงค่ะ ไม่เชื่อคุณก็ลองถามใครๆที่คาบข่าวมาบอกคุณสิคะว่าเขาเสพติดฉันมากแค่ไหน”ซ่า!!คีตาลดาฉุนจัดเมื่อถูกนรียาสาดน้ำเย็นใส่เต็มหน้าแบบไม่ทันตั้งตัว แถมยังพ่นวาจาเหยียดยามกระตุ้นความโกรธที่เธอพยายามเก็บกดให้พุ่งพล่าน“จำใส่กระโหลกไว้ ผู้หญิงอย่างแกก็ไม่ต่างอะไรจากกะหรี่ที่พอเห็นเป็นผู้ชายมีเงินก็แหวกขาอ้ารับ”เพียะ!“ว้าย!” นรียาหวีดลั่นด้วยความตกใจเมื่อถูกคีตาลดาฟาดฝ่ามือเผียะเข้า
คิรินงัดเอาสารพัดเหตุผลมาหว่านล้อมจนหญิงสาวยอมมาอยู่คอนโดมิเนียมของเขา คิรินค่อยรู้สึกเบาใจขึ้นมาบ้างเพราะทัชกรยังหนีหายไร้ร่องรอย เขาเกรงว่าหมอนั่นจะซุ่มลอบทำร้ายเธอหมาจนตรอกมันกัดไม่เลือก เขาจึงไม่วางใจให้เธออยู่ไกลจากสายตาวันนี้เป็นวันแรกที่คีตาลดาเดินทางไปทำงานหลังจากหยุดพักมาสองวัน ความไม่คุ้นชินเส้นทางหญิงสาวจึงออกจากคอนโคมิเนียมเร็วกว่าปกติ แม้ว่าคิรินจะสั่งให้คนของเขาคอยรับส่งเธอ แต่คีตาลดาก็ปฏิเสธเพราะกลัวจะเป็นเป้าสายตาให้ใครเก็บไปนินทา คิรินจึงจำยอมอย่างไม่เต็มใจนัก“ช่วยด้วยคนเป็นลม” เสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือดังมาจากโถงด้านล่าง คีตาลดาที่เพิ่งก้าวออกจากลิฟต์รีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือทันที หญิงสาวเห็นหยิงวัยกลางคนนอนหายใจหอบถี่ อ้าปากพงาบๆราวจะบอกอะไรสักอย่าง พอเห็นนางชี้ไปทางกระเป๋าถือที่ตกอยู่ไม่ไกล คีตาลดาก็รู้โดยสัญชาตญาณหญิงสาวรีบหยิบกระเป๋าถือมาเปิดดูเห็นขวดยาอยู่ในนั้น เธอรีบอ่านฉลากเห็นเป็นยารักษาโรคหัวใจก็รีบเปิดขวดเอายากรอกใส่ปากให้คนนอนหายใจรวยริน โชคดีที่เธอเคยดูแลบิดาที่ป่วยเป็นโรคหัวใจเหมือนกันเธอจึงรู้วิธีช่วยชีวิตเบื้องต้นในนาทีวิกฤต
“คืนนั้นอาจเป็นฝันร้าย แต่วันนี้ผมจะทำให้ทุกอย่างกลายเป็นฝันดีของคุณคีตาลดา” เขากระซิบบอกแล้วสอดประสานกายเขาและเธอเข้าด้วยกัน คีตาลดาหวีดเสียงหวานราวกับทุกข์ทรมานสุดแสน คิรินมองร่างอ้อนแอนแอ่นอกยกร่างตอบรับกับการล่วงล้ำของเขาอย่างพึงพอใจ“คีตาลดา”“ขา”“ผมรักคุณ” เขาบอกเสียงอ่อนนุ่มแต่หนักแน่นเหลือเกินในความรู้สึกของคีตาลดา คำพูดของเขาทำเอาเธอฝืนเปิดปรือเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมองเห็นดวงหน้าคมของเขาลอยเด่นอยู่ชิดใกล้ หญิงสาวคลี่ยิ้มหวานขานรับกับคำบอกรักนั้นด้วยความรู้สึกอิ่มอุ่นในหัวใจ ดวงตาของเขายามทอดมองมาช่างหวานล้ำนัก แต่ท่วงทำนองรักที่ขับขานหวานล้ำยิ่งกว่า หวานหวามซาบซ่านจนเธอดิ้นพล่านอย่างไม่อาจหักห้ามใจได้“ผมรักคุณ รักคุณจนหมดใจคีตาลดา รักเหลือเกิน”คำบอกรักพลั่งพลูออกจากริมฝีปากหยักระรัวจนหัวใจของคีตาลดาแบ่งบานขานรับจะไม่ไหว ปากเขาพร่ำบอกรัก ความแข็งแกร่งแห่งชายชาตรีของเขาก็กระหน่ำตอกย้ำหน่วงหนักราวต้องการยืนยันว่าคำบอกรักนั้นมาจากใจอย่างแท้จริง“คุณจำได้ไหมคีตาลดา...ผมเคยบอกว่านับจากคืนนั้นทุกค่ำคืนในฝันของผมก็มีแต่คุณ”“จำได้ค่