“คีตาลดาคุณมาได้ยังไง ไหนท่านประธานบอกว่าคุณไม่สบายต้องหยุดสักระยะ”
“อะไรนะคะ” คีตาลดาถึงกับอึ้งกับคำทักทายของผู้จัดการภัตตาคาร หญิงสาวใช้สายตาคาดคั้นเอาคำตอบแต่วีกิจก็ยักไหล่ทำไม้ทำมือแบบไม่รู้จะอธิบายอย่างไร อย่าว่าแต่ คีตาลดาจะมึนงงเขาเองก็ยังงงไม่ต่างจากเธอ
“คุณมีอะไรก็ไปทำเถอะวีกิจทางนี้ผมจัดการเอง”
คีตาลดากับวีกิจหันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกัน ผู้จัดการห้องอาหารขยับจะอ้าปากถามแต่พอสบสายตาคมดุของเจ้านายใหญ่เขาก็รีบชิ่งหลบไปตามคำสั่งทันที
“เดี๋ยวสิคะคุณวีกิจแล้วคิวเล่นเปียโนของฉันวันนี้ล่ะคะ”
“คิดถึงผลได้ผลเสียภาพรวมบ้างคีตาลดา ถ้าคุณล้มพับไปกลางเวทีแขกเหรื่อจะตกใจขนาดไหน ชื่อเสียงเค.เค.รอยัลจะเป็นยังไง คุณรับผิดชอบไหวเหรอ”
“แต่ถ้าฉันไม่ทำงานแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาคืนท่านประธานล่ะคะ”
“อยากชดใช้มากขนาดนั้นเชียว”
“เงินไม่ใช่น้อยๆจะให้ฉันนิ่งนอนใจได้ยังไงกัน ฉันไม่ใช่คนที่จะยอมรับอะไรจากใครฟรีๆนี่คะ”
“ได้! อยากชดใช้นักก็ได้! ถ้าอย่างนั้นมานี่”
คิรินพูดแล้วก็อุ้มคีตาลดาจับพาดบ่าเดินลัดเลาะไปช่องทางลับด้านหนึ่งซึ่งมีไว้เฉพาะเขาเท่านั้น คีตาลดาหวีดด้วยตวามตกใจ หญิงสาวพยายามดิ้นแต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากคนตัวโตได้
“ทำไมต้องบีบบังคับกันขนาดนี้ด้วยคะ สนุกนักหรือไงที่ได้รังแกคนไม่มีทางสู้” คีตาลดาโวยลั่นเมื่อถูกจับยัดเข้าไปนั่งบนเบาะหลังของรถสปอร์ตมีเขานั่งกอดอกคุมเชิงอยู่ข้างๆ สีหน้าแววตานิ่งสนิทไม่สะทกสะท้าน
“คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มากจนคิดจะรังแกใครก็ทำได้ง่ายๆอย่างนั้นเหรอคะ รู้ไว้เลยว่าฉันไม่ยอมให้รังแกง่ายๆแน่นอน”
“ผมก็ไม่ได้คิดว่าคุณง่ายนะ เพราะถ้าง่ายจริงคงไม่ต้องฉุดกระชากบังคับมาแบบนี้”
“จอดรถ! ฉันบอกให้จอดรถ”
“ไหนบอกว่าจะชดใช้เงินที่ผมจ่ายไปไง ถ้าจอดให้คุณลงแล้วคุณจะชดใช้ให้ผมยังไง”
“ท่านประธาน”
“ผมบอกให้เรียกผมว่าเคเค”
คีตาลดาแค่นหัวเราะ มันสำคัญนักหรือไงว่าเธอจะเรียกเขาว่ายังไง
“อย่าดื้อดึงนักเลยคีตาลดา ยอมอ่อนข้อลงสักหน่อยคุณจะน่ารักมาก บางทีผมอาจยกยอดหนี้ให้ไม่ต้องชดใช้คืน”
“ไม่จำเป็นค่ะ ฉันถือคติบุญคุณต้องทดแทน เป็นหนี้ต้องชดใช้ อย่างไรเสียฉันก็ต้องหาทางคืนเงินค่ารักษานั่นให้ท่านประธานจนครบทุกบาททุกสตางค์”
“ก็ดี จำคำพูดเอาไว้ให้ดีนะ อย่ากลับคำทีหลังก็แล้วกัน” คิรินสบถก่อนบดกรามกรอด แสนดื้อถือดีแบบนี้ เขาควรสั่งสอนให้หลาบจำ!
“ท่านประธาน พาดิฉันมาที่นี่ทำไมคะ” คีตาลดาถามเสียงสั่นเมื่อรถสปอร์ตคันโก้เคลื่อนไปจอดเทียบหน้าประตูทางเข้าโรงแรมในเครือเค.เค รอยัล ริมฝีปากกล้าที่ต่อปากต่อคำกับเขาสั่นระริกจนเจ้าตัวต้องกัดฟันเก็บข่มอาการ
พอรถจอดเทียบสนิท พนักงานบริการก็ตรงเข้ามาเปิดประตูให้เธอและคิรินอย่างนอบน้อม คีตาลดาจำต้องลงจากรถอย่างไม่เต็มใจนัก ส่วนคิรินนั้นตอนนี้เขาเดินมายืนอยู่ข้างๆเธอและกำลังคว้าแขนเธอฉุดดึงให้เดินตามเข้าไปข้างในแทนคำตอบ
ทุกอย่างรวดเร็วรวบรัดไปหมดจนคีตาลดาไม่มีโอกาสทักท้วง หญิงสาวร่วงหล่นสู่ห้วงภวังค์ความคิด ภาพเหตุการณ์ต่างๆเมื่อเดือนก่อนผุดวาบขึ้นมาเป็นฉากๆ ภาพแล้วภาพเล่าฉายชัดในความทรงจำ
“ได้โปรด...พาลดาไปจากที่นี่เถอะค่ะ...นะคะ” คีตาลดาวิงวอนพร้อมฝืนดึงแขนออกจากมือแกร่ง แต่เรียวนิ้วยาวของคิรินช่างแข็งแรงปานคีมเหล็ก เธอดึงเท่าไรก็ดึงไม่ออก
“เป็นอะไรไปแล้วคนเก่ง ทำไมถึงทำท่าหวาดกลัวแบบนั้นล่ะ ที่นี่มีอะไรน่ากลัวอย่างนั้นเหรอ” คิรินหันมาถามเสียงเย็น ดวงตาของเขายามจ้องมองมาทำเอาคีตาลดารู้สึกเย็นเยียบจับขั้วหัวใจ หญิงสาวอึกอักไม่กล้าบอก พอเห็นเธอไม่พูดคิรินก็ฉุดดึงพาเธอเดินต่อไป
คีตาลดาแทบอยากร้องไห้ ตอนนี้เธอเครียดจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว จู่ๆเขาก็พาเธอมาในสถานที่ซึ่งมีมีความทรงจำอันโหดร้าย เขาจะรู้ไหมว่ากำลังกรีดปลายมีดแหลมคมลงบนหัวใจดวงน้อยของเธอ
ความหวาดกลัว ความเจ็บปวดกับภาพฝันร้ายในวันวานซึ่งผุดวาบขึ้นมาภาพแล้วภาพเล่าทำเอาเธอน้ำตาไหลพรากอย่างหักห้ามไม่ได้ ยิ่งพอเขาพาเธอมาหยุดยืนหน้าประตูห้องพักห้องหนึ่ง หัวใจของเธอก็หล่นวูบราวดิ่งลงสู่หุบเหว
“อย่าบังคับกันแบบนี้ ได้โปรด...”
คีตาลดาพูดได้เพียงเท่านั้นร่างอรชรของเธอก็ถูกผลักเข้าไปในห้องนั้น หญิงสาวหวีดลั่นไม่ใช่เพราะหวั่นเกรงเขา แต่เธอกำลังหวาดผวาต่อภาพเหตุการณ์ในอดีตวันนั้นที่ซ้อนทับราวเธอกลับเข้าไปอยู่ในช่วงเวลานั้นอีกครั้ง!
คลิก!
คีตาลดาสะดุ้งเฮือกเมื่อคิรินปิดล็อคประตูห้องทันทีที่เขาก้าวตามเข้ามา หญิงสาวหวีดร้องเสียงหลงเมื่อเขาจู่โจมเข้าตะปบปิดปากแล้วดันร่างเธอจนแผ่นหลังชิดติดผนัง ดวงหน้าคมของเขาดูดุดันในความมืดสลัว พลันหัวใจดวงน้อยก็กระตุกวูบรุนแรงเมื่อเขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วกระซิบเสียงแหบพร่า
“ชู่ว...อย่าขัดขืน ช่วยฉัน! แล้วฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ”
คีตาลดารู้สึกโลกหยุดหมุนทุกอย่างหยุดนิ่งไปชั่วขณะ หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง
‘เคเค...ผู้ชายคนนั้นคือคุณ’
ความคิดของคีตาลดาหยุดลงเพียงแค่นั้น พลันทุกอย่างก็ดับวูบลง
“คีตาลดา! คีตาลดา” คิรินร้องเรียกคนในอ้อมกอดที่เป็นลมล้มพับไป เห็นเธอตื่นตกใจจนหมดสติเขาก็ได้แต่ก่นด่าตัวเองที่บีบเค้นเธอมากเกินไป หวังเหลือเกินว่าเมื่อฟื้นตื่นขึ้นมาคีตาลดาจะไม่โกรธเกลียดเขา
---------------------------------
โห....เล่นแรงเกินไปไหมพ่อคุ๊ณ!
คิรินเฝ้ามองคนนอนหลับสนิทบนเตียงกว้างด้วยความพะว้าพะวง ตลอดเวลากว่าสี่สิบนาทีที่เขาเฝ้าดูอาการเธอคิรินก็ผุดลุกผุดนั่งอยู่ไม่สุข แม้หมอประจำตัวที่เขาตามให้มาตรวจจะบอกว่าเธอแค่เป็นลมหมดสติเพราะตกใจมากเกินไป นอนหลับพักฟื้นสักหน่อยเดี๋ยวก็ฟื้นตื่นดีถึงกระนั้นเขาก็ยังอดกังวลไม่ได้“เคเค...เคเค...”คิรินหูผึ่งทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกเขาพึมพำเล็ดลอดออกจากริมฝีปากอิ่มระเรื่อที่เผยอแย้มเล็กๆของคนบนเตียง ท่านประธานใหญ่รีบโผเข้าไปหาคว้าเอามือน้อยมากอบกุมไว้แล้วเรียกเธอด้วยความดีอกดีใจ“คีตาลดา เด็กดี ผมอยู่นี่แล้ว” เขาพูดพร้อมกับจ้องมองดวงหน้าหวานที่เริ่มส่ายไปมาราวเจ้าตัวกำลังฝันร้าย คิรินบีบกระชับมือน้อยแน่นเข้าราวต้องการปลอบขวัญ พลันร่างอรชรของคีตาลดาก็ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งพร้อมกับเจ้าตัวตะโกนก้องออกมาลั่นห้อง“ไม่นะ! ไม่!”“คีตาลดา” คิรินเรียกเธอเสียงดังดึงให้คืนสติ หญิงสาวหันขวับมามองคนนั่งข้างๆ พอเห็นเขาชัดเจนเต็มสองตาเธอก็ผวาเฮือกกระถดกายถอยหนีห่างออกไป“คีตาลดา อย่ากลัวผม ได้โปรด...”“อย่าเข้ามา! อย่าเข้ามาใกล้ลดา”คิรินสะอึกอึ้ง
“คีตาลดาผมต้องการคุณ” คิรินพึมพำชิดริมฝีปากอิ่ม ระเรื่อเสียงกระเส่าราวกำลังละเมอ เขาเอ่ยความรู้สึกลึกล้ำในใจแล้วจรดริมฝีปากบดจูบเธอหนักๆแล้วถอนจูบ...วนเวียนอยู่แบบนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า คีตาลดาหอบหายใจถี่กระชั้นกับความหวามหวานซาบซ่านนั้น“คุณเองก็ต้องการผมเช่นกันใช่หรือเปล่า” เขาถามแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่กลม สองมือของเขาประคองดวงหน้าหวานละมุนอย่างทะนุถนอม ไล้ปลายนิ้วโป้งสัมผัสความเนียนนุ่มของผิวแก้มด้วยความเสน่หาจับหัวใจ“ตอบผม...คำถามนี้ผมต้องการคำตอบ” เขาพูดเหมือนออกคำสั่ง แต่เป็นคำสั่งที่เต็มไปด้วยความเว้าวอนออดอ้อน ร้องขอ คีตาลดาตาพร่าพรายหัวใจของเธอเต้นระรัว ยิ่งยามปลายนิ้วของเขาเลื่อนไล้มาทาบลงบนริมฝีปากอิ่มระเรื่อของเธอบดคลึงราวต้องการกระตุ้นย้ำเตือนว่าเขาแทบจะทนรั้งรอคำตอบไม่ไหว คีตาลดาก็ยิ่งหวามไหวรุนแรง“คำถามยากเกินไปใช่ไหม”คีตาลดาส่ายหน้าเธอไม่ได้ตอบเขาด้วยวาจาแต่ใช้ภาษากายแทนคำตอบ หญิงสาวปิดเปลือกตาลง วางมือเล็กทาบบนหลังมือเขาแล้วเลื่อนลงจับยึดข้อมือแกร่งขณะแหงนเงยดวงหน้าขึ้นเผยอแย้มริมฝีปากสั่นระริกราวลูกนกรอคอยพ่อนกป้อนเหยื่อให้กัดกลืน
หลายวันแล้วที่เธอไม่ได้เจอคิริน หลังจากวันนั้นเขาก็มีเหตุต้องเดินทางไกลไปต่างประเทศร่วมสัปดาห์ คีตาลดายอมรับว่าเธอรู้สึกคิดถึงเขาอย่างไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน แม้แต่กับทัชกรซึ่งเธอรักปักใจกับเขามานานถึง 7 ปี แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกพะว้าพะวงคิดถึงแบบนี้คีตาลดายังไม่อาจยอมรับได้เต็มหัวใจว่าเธอหลงรักท่านประธานใหญ่แห่ง เค.เค. กรุ๊ป เข้าแล้ว เธอได้แต่บอกตัวเองว่าอาจเป็นเพราะความอบอุ่นอ่อนโยนของเขาที่ทำให้เธออิ่มอุ่นในหัวใจจนเริ่มเสพติดความรู้สึกนี้ พอไม่มีเขาอยู่ใกล้ๆเธอจึงรู้สึกเหมือนคนไข้กำลังขาดยา‘คุณเหงาไหม คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า’เขาถามเธอแบบนี้ทุกครั้งที่โทรมาหา แล้วเธอเองก็ตอบกลับแบบคนปากแข็งทุกครั้งว่าเธอไม่รู้ว่าคำว่า ‘เหงา’ สะกดอย่างไร เธอรู้ว่าเขารู้ทันว่านั่นเป็นเพียงคำพูดเฉไฉของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าเขาเองก็คงรับรู้ได้ว่าเธอเองก็เหงาและคิดถึงเขาไม่น้อย‘ถ้าคุณเหงาจะมาหาผมก็ได้นะผมจะให้ชินโยจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้’‘ลดามีงานต้องทำนะคะ จะทิ้งงานไปเที่ยวตามใจได้ยังไง’‘ถ้าอย่างนั้นผมเลิกจ้างคุณดีไหม คุณจะได้ไม่ต้องทิ้งงานเพื่อมาหาผม’‘ถ้าเคเคจะเลิกจ้างลดาเมื่อไรก็บอกล่วงหน้าด้
“ยังไม่ครบกำหนดเดินทางกลับไม่ใช่เหรอคะ แล้วเคเคกลับมาได้ยังไงคะ” คีตาลดาถามเมื่อเขาพาเธอกลับมาส่งที่คอนโดมิเนียม แม้คิรินจะหว่านล้อมสารพัดให้เธอย้ายไปอยู่คอนโดฯของเขา แต่คีตาลดาก็ยังยืนกรานจะอยู่ที่นี่ดังเดิม คิรินจึงจำยอมอย่างไม่เต็มใจนัก“มีพรายกระซิบบอกว่าคุณตกอยู่ในอันตรายผมเลยต้องรีบกลับมา” เขาตอบยิ้มๆ คีตาลดาค้อนขวับพร้อมกับดันตัวออกจากอ้อมกอดเขา แต่คิรินไม่ยอมปล่อยง่ายๆ เขากระชับวงแขนแน่นเข้าแล้วรั้งร่างเธอขึ้นนั่งบนตักแกร่ง“เคเค”“เชื่อใจผมคีตาลดา ผมบอกแล้วว่าจะรอจนกว่าคุณจะพร้อมเปิดใจรับ”คีตาลดาเม้มปาก ใช่ว่าเธอจะไม่อยากเปิดใจให้เขา แต่ระยะเวลาในความสัมพันธ์ขั้นนั้นมันยังเร็วเกินไป และวันนี้คำพูดของทัชกรก็ตอกย้ำเตือนให้เธอรู้ว่าอดีตแสนเจ็บปวดยังคงติดตรึงในหัวใจและมันยากเหลือเกินที่จะพาตัวเองก้าวออกมา‘ผู้หญิงบ้านๆอย่างคุณจะเขี่ยทิ้งเมื่อไรก็ได้’“คิดอะไรอยู่ครับ”คีตาลดาสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิด หญิงสาวช้อนสายตามองคิรินนิ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงลังเล“เคเคคะ อย่ารอลดาอีกเลยค่ะ ลดาคิดว่า...”“คุณยังรัก
เธอไม่รู้จริงๆว่าเธอต้องทำอย่างไรกับชีวิตนับจากนี้ไป ทุกอย่างมันดูมืดมนไปหมด เธอมองไม่เห็นอะไรเลยนอกความมืดมิด เธอต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบไม่คาดคิด ผู้ชายที่เธอรักและวาดหวังฝากชีวิตไว้กับเขา ท้ายสุดแล้วก็เป็นเพียงผู้ชายเลวๆคนหนึ่ง เลวสุดใจแบบที่เธอไม่คิดว่าตัวเองจะมองคนผิดพลาดได้มากขนาดนี้‘ไม่เห็นต้องเรื่องมากเลยลดา ผมไม่เห็นว่าคุณจะเสียหายตรงไหนมีแต่ได้กับได้’‘คุณจะบอกว่าการที่ลดาขึ้นเตียงกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ลดาไม่เสียหายอย่างนั้นเหรอคะ’‘คุณคิดมากเกินไปลดา ผมเห็นแต่ว่าคุณจะมีแต่สนุกแล้วก็ได้เงิน’‘ทัช! ลดาเป็นแฟนคุณนะ คุณคิดแบบนี้ได้ยังไงคะ’‘คุณเลิกความคิดคร่ำครึหัวโบราณเสียทีได้ไหมลดา ผมเป็นแฟน เป็นผู้ชายแท้ๆผมยังรับได้แล้วคุณจะเรื่องมากให้มันวุ่นวายไปทำไมฮะ’หยุด! หยุดได้แล้ว! หยุดคิดถึงคนชั่วช้านั่นเสียที ยิ่งเธอคิดก็ยิ่งมีแต่เจ็บปวดรวดร้าว เธอจะปล่อยให้เรื่องราวเหล่านั้นมาบั่นทอนชีวิตเธอต่อไปอีกนานแค่ไหนกันพอแล้ว! พอเสียที อย่าทำร้ายหัวใจตัวเองอีกต่อไปเลย เพียงเท่านี้หัวใจเธอก็เจ็บปวดร้าวลึกจวนเจียนจะขาดใจตายเสียให้ได้ นั่นสิ! เธอแทบจะแดดิ้นตายด้วยความเจ็บปวดครั้งแล้ว
“เคเคครับ ได้เบาะแสของผู้หญิงคนนั้นแล้วครับ”“เจอเธอที่ไหน”“เธอเป็นนักเปียโนใหม่เพิ่งมาเล่นที่ เค.เค.รอยัลเมื่อวานนี้ครับ”“สั่งการลงไป ให้เธอไปรายงานตัวที่ เค.เค. รอยัล คลับ ฉันจะไปรอเธอที่นั่น”“ครับเคเค”เมื่อสั่งการเสร็จท่านประธานก็เอนกายหนาพิงพนักเก้าอี้ผู้บริหารตัวใหญ่ทอดสายตาคมกริบผ่านผนังกระจกใสเบื้องหน้าไปยังทิวทัศน์ของเมืองกรุง ห้องทำงานของเขาเป็นห้องที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมหรูอันดับหนึ่งจึงมองเห็นทัศนียภาพไกลสุดหูสุดตาตัดขอบฟ้าใส หัวใจแกร่งของเขาวันนี้เหมือนจะเต้นเร็วขึ้นกว่าปกติจนเจ้าตัวรู้สึกได้ เขาผ่อนลมหายใจเบาๆเมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ตื่นตัวภายใน‘หึ! ฉันตามหาเธอมาเกือบเดือน ไม่คิดว่าจู่ๆเธอก็เดินเข้ามาหาฉันเอง’ริมฝีปากหยักสวยราวอิสตรียกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ข่าวที่ได้รับวันนี้ทำให้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ดวงหน้าสวยหวานละมุนของคนในห้วงมโนนึกผุดพรายขึ้นกลางเวิ้งฟ้าเบื้องหน้า ชวนให้เขาคิดถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น‘ช่วยฉัน แล้วฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ’เขาพูดแล้วย่อมคำไหนคำนั้น เขารักษาคำพูดเสมอ“ฉันจัดการพวกที่ทำร้ายเธอวันนั้น แก้แค้นแทนเธอแล้ว” ประธานใหญ่ยก
คีตาลดารู้สึกประหลาดใจเมื่อผู้จัดการโรงแรมบอกให้เธอไปรายงานตัวกับท่านประธานใหญ่ที่ เค.เค. รอยัล คลับ เธอเป็นเพียงนักเล่นเปียโนพาร์ทไทม์ตัวเล็กๆธรรมดาคนหนึ่ง แต่เพราะอะไรถึงต้องรายงานตัวตรงต่อประธานใหญ่ของเค.เค. กรุ๊ป แม้ในหัวจะเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ความสงสัยมากอยู่ แต่เธอก็ได้แต่ทำตามคำสั่งโดยไม่ขัดข้อง‘หึ! คำสั่งท่านประธาน มีหรือที่เธอจะหาญกล้า อย่าว่าแต่เธอเลย เป็นใครก็ไม่กล้าขัดด้วยกันทั้งนั้น’คีตาลดาหยุดความคิดตัวเองเพียงเท่านั้นเมื่อเธอมาถึงพนักงานต้อนรับของคลับก็พาเธอมายังห้องรับรองสุดหรูของที่นั่น พนักงานที่พาเธอมาส่งเคาะประตูห้องแล้วเปิดออกก่อนผายมือเชื้อเชิญให้เธอเข้าไปข้างใน คีตาลดาอดใจสั่นไม่ได้เมื่อเท้าเล็กๆก้าวเข้าไปในห้อง หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าจนลึกสุดเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง“นักเปียโนใหม่ที่ท่านเรียกพบมาแล้วครับ”พนักงานคนนั้นรายงานแล้วถอยกลับออกไป คีตาลดามองไปยังคนที่นั่งหันหลังให้เธอ ขนาดว่าพนักเก้าอี้ที่เขานั่งทั้งสูงและใหญ่แต่เธอก็ยังเห็นศีรษะของเขาโผล่พ้นพนักเก้าอี้กว่าครึ่งหัว เธอเดาโดยประมาณว่าเขาน่าจะสูงเกิน 190 เซนติเมตรน่าจะได้ เธอเคยได้ยินมาบ้างว่าทายาทค
คีตาลดานั่งอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เบื้องหน้าของเธอคือกระจกเงาบานใหญ่ ในห้องพักนักดนตรีของโรงแรมตอนนี้มีเธอเพียงคนเดียว หญิงสาวมองดูตัวเองในกระจกนิ่งดั่งคนกำลังตกอยู่ในภวังค์ ความคิดดิ่งลึกนึกถึงช่วงเวลาก่อนที่เธอจะก้าวออกมาจากห้องรับรองนั้น“คุณแน่ใจนะว่าเราไม่เคยเจอกันมาก่อนหน้านี้”แปลก... น้ำเสียงนุ่มทุ้มต่ำลึกที่กระซิบข้างหลัง เธอช่างคุ้นหูเธอเหลือเกิน ตอนแรกที่เขาถามเธอไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอถูกถามย้ำอีกครั้งในระยะประชิดตัวแบบนี้ เธอก็อดหวนคิดถึงฝันร้ายแสนหวามในค่ำคืนนั้นไม่ได้บ้าจริง! คิดแบบนั้นได้ยังไงกันนะลดา ท่านประธานจะเป็นผู้ชายคนนั้นได้ยังไง ต่อให้เกิดเหตุในโรงแรมของเขาก็เถอะ แต่ทายาทคุปต์อนันต์อย่างเขาจะไม่เลือกกินขนาดลากใครที่ไหนขึ้นเตียงแบบนั้น มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้“ท่านประธานถามแบบนี้ กำลังจะบอกว่าเคยเจอดิฉันมาก่อนหน้านี้เหรอคะ” เธอถามออกไปแล้วกลั้นใจรอคำตอบ หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด หากใช่ล่ะ?“คุณอยู่ในสถานะที่ควรย้อนถามผมอย่างนั้นเหรอ”คำถามของเขาทำเอาใจเธอหล่นวูบ นั่นสินะ เธอเป็นใครถึงอาจหาญย้อนถามเขาไปแบบนั้น“ขอประทานโทษค่ะ ดิฉันล่วงเกินท่านแล้ว ดิฉัน
“ยังไม่ครบกำหนดเดินทางกลับไม่ใช่เหรอคะ แล้วเคเคกลับมาได้ยังไงคะ” คีตาลดาถามเมื่อเขาพาเธอกลับมาส่งที่คอนโดมิเนียม แม้คิรินจะหว่านล้อมสารพัดให้เธอย้ายไปอยู่คอนโดฯของเขา แต่คีตาลดาก็ยังยืนกรานจะอยู่ที่นี่ดังเดิม คิรินจึงจำยอมอย่างไม่เต็มใจนัก“มีพรายกระซิบบอกว่าคุณตกอยู่ในอันตรายผมเลยต้องรีบกลับมา” เขาตอบยิ้มๆ คีตาลดาค้อนขวับพร้อมกับดันตัวออกจากอ้อมกอดเขา แต่คิรินไม่ยอมปล่อยง่ายๆ เขากระชับวงแขนแน่นเข้าแล้วรั้งร่างเธอขึ้นนั่งบนตักแกร่ง“เคเค”“เชื่อใจผมคีตาลดา ผมบอกแล้วว่าจะรอจนกว่าคุณจะพร้อมเปิดใจรับ”คีตาลดาเม้มปาก ใช่ว่าเธอจะไม่อยากเปิดใจให้เขา แต่ระยะเวลาในความสัมพันธ์ขั้นนั้นมันยังเร็วเกินไป และวันนี้คำพูดของทัชกรก็ตอกย้ำเตือนให้เธอรู้ว่าอดีตแสนเจ็บปวดยังคงติดตรึงในหัวใจและมันยากเหลือเกินที่จะพาตัวเองก้าวออกมา‘ผู้หญิงบ้านๆอย่างคุณจะเขี่ยทิ้งเมื่อไรก็ได้’“คิดอะไรอยู่ครับ”คีตาลดาสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิด หญิงสาวช้อนสายตามองคิรินนิ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงลังเล“เคเคคะ อย่ารอลดาอีกเลยค่ะ ลดาคิดว่า...”“คุณยังรัก
หลายวันแล้วที่เธอไม่ได้เจอคิริน หลังจากวันนั้นเขาก็มีเหตุต้องเดินทางไกลไปต่างประเทศร่วมสัปดาห์ คีตาลดายอมรับว่าเธอรู้สึกคิดถึงเขาอย่างไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน แม้แต่กับทัชกรซึ่งเธอรักปักใจกับเขามานานถึง 7 ปี แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกพะว้าพะวงคิดถึงแบบนี้คีตาลดายังไม่อาจยอมรับได้เต็มหัวใจว่าเธอหลงรักท่านประธานใหญ่แห่ง เค.เค. กรุ๊ป เข้าแล้ว เธอได้แต่บอกตัวเองว่าอาจเป็นเพราะความอบอุ่นอ่อนโยนของเขาที่ทำให้เธออิ่มอุ่นในหัวใจจนเริ่มเสพติดความรู้สึกนี้ พอไม่มีเขาอยู่ใกล้ๆเธอจึงรู้สึกเหมือนคนไข้กำลังขาดยา‘คุณเหงาไหม คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า’เขาถามเธอแบบนี้ทุกครั้งที่โทรมาหา แล้วเธอเองก็ตอบกลับแบบคนปากแข็งทุกครั้งว่าเธอไม่รู้ว่าคำว่า ‘เหงา’ สะกดอย่างไร เธอรู้ว่าเขารู้ทันว่านั่นเป็นเพียงคำพูดเฉไฉของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าเขาเองก็คงรับรู้ได้ว่าเธอเองก็เหงาและคิดถึงเขาไม่น้อย‘ถ้าคุณเหงาจะมาหาผมก็ได้นะผมจะให้ชินโยจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้’‘ลดามีงานต้องทำนะคะ จะทิ้งงานไปเที่ยวตามใจได้ยังไง’‘ถ้าอย่างนั้นผมเลิกจ้างคุณดีไหม คุณจะได้ไม่ต้องทิ้งงานเพื่อมาหาผม’‘ถ้าเคเคจะเลิกจ้างลดาเมื่อไรก็บอกล่วงหน้าด้
“คีตาลดาผมต้องการคุณ” คิรินพึมพำชิดริมฝีปากอิ่ม ระเรื่อเสียงกระเส่าราวกำลังละเมอ เขาเอ่ยความรู้สึกลึกล้ำในใจแล้วจรดริมฝีปากบดจูบเธอหนักๆแล้วถอนจูบ...วนเวียนอยู่แบบนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า คีตาลดาหอบหายใจถี่กระชั้นกับความหวามหวานซาบซ่านนั้น“คุณเองก็ต้องการผมเช่นกันใช่หรือเปล่า” เขาถามแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่กลม สองมือของเขาประคองดวงหน้าหวานละมุนอย่างทะนุถนอม ไล้ปลายนิ้วโป้งสัมผัสความเนียนนุ่มของผิวแก้มด้วยความเสน่หาจับหัวใจ“ตอบผม...คำถามนี้ผมต้องการคำตอบ” เขาพูดเหมือนออกคำสั่ง แต่เป็นคำสั่งที่เต็มไปด้วยความเว้าวอนออดอ้อน ร้องขอ คีตาลดาตาพร่าพรายหัวใจของเธอเต้นระรัว ยิ่งยามปลายนิ้วของเขาเลื่อนไล้มาทาบลงบนริมฝีปากอิ่มระเรื่อของเธอบดคลึงราวต้องการกระตุ้นย้ำเตือนว่าเขาแทบจะทนรั้งรอคำตอบไม่ไหว คีตาลดาก็ยิ่งหวามไหวรุนแรง“คำถามยากเกินไปใช่ไหม”คีตาลดาส่ายหน้าเธอไม่ได้ตอบเขาด้วยวาจาแต่ใช้ภาษากายแทนคำตอบ หญิงสาวปิดเปลือกตาลง วางมือเล็กทาบบนหลังมือเขาแล้วเลื่อนลงจับยึดข้อมือแกร่งขณะแหงนเงยดวงหน้าขึ้นเผยอแย้มริมฝีปากสั่นระริกราวลูกนกรอคอยพ่อนกป้อนเหยื่อให้กัดกลืน
คิรินเฝ้ามองคนนอนหลับสนิทบนเตียงกว้างด้วยความพะว้าพะวง ตลอดเวลากว่าสี่สิบนาทีที่เขาเฝ้าดูอาการเธอคิรินก็ผุดลุกผุดนั่งอยู่ไม่สุข แม้หมอประจำตัวที่เขาตามให้มาตรวจจะบอกว่าเธอแค่เป็นลมหมดสติเพราะตกใจมากเกินไป นอนหลับพักฟื้นสักหน่อยเดี๋ยวก็ฟื้นตื่นดีถึงกระนั้นเขาก็ยังอดกังวลไม่ได้“เคเค...เคเค...”คิรินหูผึ่งทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกเขาพึมพำเล็ดลอดออกจากริมฝีปากอิ่มระเรื่อที่เผยอแย้มเล็กๆของคนบนเตียง ท่านประธานใหญ่รีบโผเข้าไปหาคว้าเอามือน้อยมากอบกุมไว้แล้วเรียกเธอด้วยความดีอกดีใจ“คีตาลดา เด็กดี ผมอยู่นี่แล้ว” เขาพูดพร้อมกับจ้องมองดวงหน้าหวานที่เริ่มส่ายไปมาราวเจ้าตัวกำลังฝันร้าย คิรินบีบกระชับมือน้อยแน่นเข้าราวต้องการปลอบขวัญ พลันร่างอรชรของคีตาลดาก็ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งพร้อมกับเจ้าตัวตะโกนก้องออกมาลั่นห้อง“ไม่นะ! ไม่!”“คีตาลดา” คิรินเรียกเธอเสียงดังดึงให้คืนสติ หญิงสาวหันขวับมามองคนนั่งข้างๆ พอเห็นเขาชัดเจนเต็มสองตาเธอก็ผวาเฮือกกระถดกายถอยหนีห่างออกไป“คีตาลดา อย่ากลัวผม ได้โปรด...”“อย่าเข้ามา! อย่าเข้ามาใกล้ลดา”คิรินสะอึกอึ้ง
“คีตาลดาคุณมาได้ยังไง ไหนท่านประธานบอกว่าคุณไม่สบายต้องหยุดสักระยะ”“อะไรนะคะ” คีตาลดาถึงกับอึ้งกับคำทักทายของผู้จัดการภัตตาคาร หญิงสาวใช้สายตาคาดคั้นเอาคำตอบแต่วีกิจก็ยักไหล่ทำไม้ทำมือแบบไม่รู้จะอธิบายอย่างไร อย่าว่าแต่ คีตาลดาจะมึนงงเขาเองก็ยังงงไม่ต่างจากเธอ“คุณมีอะไรก็ไปทำเถอะวีกิจทางนี้ผมจัดการเอง”คีตาลดากับวีกิจหันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกัน ผู้จัดการห้องอาหารขยับจะอ้าปากถามแต่พอสบสายตาคมดุของเจ้านายใหญ่เขาก็รีบชิ่งหลบไปตามคำสั่งทันที“เดี๋ยวสิคะคุณวีกิจแล้วคิวเล่นเปียโนของฉันวันนี้ล่ะคะ”“คิดถึงผลได้ผลเสียภาพรวมบ้างคีตาลดา ถ้าคุณล้มพับไปกลางเวทีแขกเหรื่อจะตกใจขนาดไหน ชื่อเสียงเค.เค.รอยัลจะเป็นยังไง คุณรับผิดชอบไหวเหรอ”“แต่ถ้าฉันไม่ทำงานแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาคืนท่านประธานล่ะคะ”“อยากชดใช้มากขนาดนั้นเชียว”“เงินไม่ใช่น้อยๆจะให้ฉันนิ่งนอนใจได้ยังไงกัน ฉันไม่ใช่คนที่จะยอมรับอะไรจากใครฟรีๆนี่คะ”“ได้! อยากชดใช้นักก็ได้! ถ้าอย่างนั้นมานี่”คิรินพูดแล้วก็อุ้มคีตาลดาจับพาดบ่าเดินลัดเลาะไปช่องทางลับด้านหนึ่งซึ่งมีไว
“เคเค...”“จากนี้ไปคุณคือผู้หญิงของผมคีตาลดา” เขากระซิบชิดริมฝีปากก่อนทาบปิดลงมาอีกครั้งแล้วบดจูบคลอเคล้าราวหิวกระหาย ความเร่าเร้อนออดอ้อนที่เขาถ่ายสอดผ่านจูบแสนหวามทำเอาความรู้สึกนึกคิดของคีตาลดาตีกันวุ่นวายไปหมด‘อยู่กับเขา เป็นผู้หญิงของเขาอย่างนั้นเหรอ นี่เหรอความปรารถนาดีที่เขามอบให้’“ไม่! ฉันไม่ต้องการ ฉันไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงของคุณ”คีตาลดารีบปฏิเสธรัวเร็วทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระ ถ้อยคำที่เธอเอ่ยออกมาทำเอาคิรินชะงักกึก หญิงสาวฉวยโอกาสนั้นผลักไสเขาแล้วพลิกกายหนี คิรินแววตาหล่นวูบเมื่อเห็นคีตาลดาแสดงท่าทีราวหวาดกลัวเขาจับใจ“คีตาลดา...ผมขอโทษ”“ฉันอยากกลับบ้าน ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่” คีตาลดาบอกเสียงสั่นน้ำตาไหลพราก คิรินกำหมัดแน่นเจ็บใจตัวเองที่บุ่มบ่ามทำให้เธอหวาดกลัว เขายื่นมือไปหมายดึงร่างน้อยมากอดปลอบขวัญแต่คีตาลดาก็ถอยร่นหนีไปไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้“โอเคครับ กลับก็กลับผมจะไปส่งคุณเอง” คิรินบอกเสียงอ่อนก่อนถอยห่างออกมา คีตาลดาใช้มือสางผมและจับเสื้อผ้าให้เข้าทีแล้วรีบลงจากเตียงเดินนำเขาออกจากห้องไปทันที คิรินเดินตามไปห่างๆ เว้นช่องว่างให้คีตาลดาลดอาการหวาดระแวง หัวใจแกร่งของคิริ
“เคเคคะ คอนโดฯของลดาไม่ได้ไปทางนี้ค่ะ” คีตาลดารีบหันมาบอกคิรินทันทีที่เห็นว่าคนขับรถของเขาขับเลยทางแยกไปคอนโดมิเนียมของเธอ“ผมรู้”“เคเครู้ แล้วไงคะ หรือว่าคุณคนขับรถไม่รู้” คีตาลดาหันมาถามชินโยซึ่งทำหน้าที่คนขับรถ เธอเห็นเขาทำทองไม่รู้ร้อนก็นึกขัดใจ“คุณคะเดี๋ยวถึงจุดกลับรถข้างหน้าคุณก็ยูเทิร์นกลับนะคะ แล้ว...”“ขับตรงไปตามเดิมแหละชินโย” คิรินแทรกขึ้นก่อนที่คีตาลดาจะทันพูดจบ หญิงสาวหันขวับมามองเขาแล้วเลิกคิ้วขณะถาม“เมื่อกี้นี้เคเคพูดว่าอะไรนะคะ”“ผมบอกให้ชินโยขับตรงไปไม่ต้องยูเทิร์น”“แต่มันเลยทางไปคอนโดฯลดาแล้วนะคะ ไม่กลับรถแล้วจะไปทางไหน”“แล้วใครบอกว่าจะไปคอนโดฯ คุณล่ะ”คำพูดแนวนี้ ซีนประมาณนี้เธอเคยเห็นในละครรักแทบจะทุกเรื่องแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงของเธอคีตาลดาขบฟันจ้องเขาพลางกระพริบตาปริบๆ หลังจากคิรินพูดยิ้มๆ เขาก็หันไปสนใจอ่านอะไรในสมาร์ทโฟนของตัวเองไม่ได้หันมามองหน้าเธอสักนิด“คุณคะ ช่วยจอดรถตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าด้วยนะคะ” เมื่อเขาเอาแต่สนใจอ่านอะไรในสมาร์ทโฟนของเขาไม่มีทีท่าสนใจเธอ คีตาลดาก็หันมาทางชินโย แต่เธอก็ต้องหงุดหงิดเมื่อชินโยก็ทำท่าไม่รับรู้เหมือนเดิม“เค
ก๊อกๆ ก๊อกๆเสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ คีตาลดาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกที่มีคนเข้ามาแทรก แต่เหมือนท่านประธานใหญ่จะขัดอกขัดใจ เธอทันได้เห็นแววขุ่นเคืองวาววับในดวงตาคู่คมก่อนจะหายไปกลายเป็นนิ่งสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์“มีอะไรว่ามา” น้ำเสียงเขาช่างดุเข้มทรงพลังอำนาจในความรู้สึกของคีตาลดา หญิงสาวลอบมองคนเพิ่งเข้ามาในห้องด้วยความเป็นห่วง แต่เห็นอีกฝ่ายสีหน้านิ่งสนิทไม่หวั่นเกรงใดๆ เธอก็เลิกห่วงใย อดนึกค่อนขอดในใจไม่ได้ว่าเจ้านายลูกน้องช่างเหมือนกันราวโคลนนิ่งกันมา“คุณนิธิยื่นคำขาดมาว่าถ้าเคเคไม่ไปเจรจาเรื่องลงทุนโครงการใหม่ภายในครึ่งชั่วโมง คุณนิธิจะยกเลิกความร่วมมือกับเคเคทุกโครงการครับ”“ตอบกลับไปว่าฉันจะไปถึงที่นั่นภายในครึ่งชั่วโมงแน่นอน” คิรินสั่งการอย่างไม่ต้องหยุดคิด ชินโยรับคำแล้วออกจากห้องไปทำตามคำสั่ง พอประตูห้องปิดสนิทคิรินก็ดึงสายตากลับมามองคนบนเตียงเห็นเธอกำลังจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว คิรินยิ้มอ่อนเมื่อเห็นแววตาสีหน้ารู้สึกผิดของเธอ“อย่ากังวลไปเลยคีตาลดา เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ เป็นผมเองที่เต็มใจและยินดีช่วยคุณให้พ้นอันตราย ต่อให้มีนัดที่สำคัญกว่านี้ผมก็ไม่เสียใจที่เลือกตามไปช่วย
เอี๊ยดดด!!คีตาลดาหัวทิ่มโขลกกับคอนโซลรถด้านหน้า เพราะจู่ๆก็มีรถสปอร์ตสีดำขับปาดตัดหน้าจนทัชกรเบรกรถจนตัวโก่ง แรงกระแทกทำเอาเธอถึงกับมึนงงไปชั่วขณะ แต่ก็ยังพอรับรู้ได้ถึงความเกรี้ยวกราดของทัชกร“ไอ้ห่าเอ๊ย! ขับรถประสาอะไรวะ”คีตาลดาได้ยินทัชกรสบถด่าลั่นก่อนที่เขาจะเปิดประตูก้าวลงไป หญิงสาวพยายามดึงสติหวังอาศัยช่วงจังหวะนั้นหลบหนีเอาตัวรอด แต่เธอรู้สึกมึนงงมาก รอบด้านพร่าเลือนมองอะไรไม่ชัดจึงพยายามใช้มือคลำหาที่จับเปิดประตูรถสะเปะสะปะ พอจะเปิดก็เปิดไม่ออกเพราะเป็นระบบล็อคอัตโนมัติด้านนอก ทัชกรที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงกับยืนตะลึงเมื่อพบว่ารถสปอร์ตที่ขับปาดหน้าตนคือใคร เขากลืนน้ำลายลงคอฝืดเฝื่อนก่อนจะฝืนยิ้มเจื่อนทักทายจนตรงหน้า“คุณคิรินนั่นเอง ผมทัชกร”ผัวะ!หมัดหนักๆที่ซัดเข้าตรงโหนกแก้มซ้ายของเขาคือคำทักทายตอบ แรงอัดกระแทกแบบไม่ทันตั้งรับทำเอาทัชกรถึงกับถลาล้มหน้าคะมำ“คุณคิริน คุณชกหน้าผมแบบนี้หมายความว่ายังไง ผมไปทำอะไรให้คุณ”ผัวะ!หมัดที่สองตามมาติดๆแบบที่ทัชกรไม่มีโอกาสต่อต้าน ยิ่งเห็นแววเกรี้ยวกราดในดวงตาสีดำสนิทของคิรินแล้ว คนขลาดอย่างทัชกรก็หงอไม่กล้าต่อกรกลับ“หมัดแรกสั่งสอนท