คิรินงัดเอาสารพัดเหตุผลมาหว่านล้อมจนหญิงสาวยอมมาอยู่คอนโดมิเนียมของเขา คิรินค่อยรู้สึกเบาใจขึ้นมาบ้างเพราะทัชกรยังหนีหายไร้ร่องรอย เขาเกรงว่าหมอนั่นจะซุ่มลอบทำร้ายเธอหมาจนตรอกมันกัดไม่เลือก เขาจึงไม่วางใจให้เธออยู่ไกลจากสายตา
วันนี้เป็นวันแรกที่คีตาลดาเดินทางไปทำงานหลังจากหยุดพักมาสองวัน ความไม่คุ้นชินเส้นทางหญิงสาวจึงออกจากคอนโคมิเนียมเร็วกว่าปกติ แม้ว่าคิรินจะสั่งให้คนของเขาคอยรับส่งเธอ แต่คีตาลดาก็ปฏิเสธเพราะกลัวจะเป็นเป้าสายตาให้ใครเก็บไปนินทา คิรินจึงจำยอมอย่างไม่เต็มใจนัก
“ช่วยด้วยคนเป็นลม” เสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือดังมาจากโถงด้านล่าง คีตาลดาที่เพิ่งก้าวออกจากลิฟต์รีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือทันที หญิงสาวเห็นหยิงวัยกลางคนนอนหายใจหอบถี่ อ้าปากพงาบๆราวจะบอกอะไรสักอย่าง พอเห็นนางชี้ไปทางกระเป๋าถือที่ตกอยู่ไม่ไกล คีตาลดาก็รู้โดยสัญชาตญาณ
หญิงสาวรีบหยิบกระเป๋าถือมาเปิดดูเห็นขวดยาอยู่ในนั้น เธอรีบอ่านฉลากเห็นเป็นยารักษาโรคหัวใจก็รีบเปิดขวดเอายากรอกใส่ปากให้คนนอนหายใจรวยริน โชคดีที่เธอเคยดูแลบิดาที่ป่วยเป็นโรคหัวใจเหมือนกันเธอจึงรู้วิธีช่วยชีวิตเบื้องต้นในนาทีวิกฤต
“ใครก็ได้ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ที” คีตาลดาร้องเรียกหาคนช่วยแล้วหันมาคอยสังเกตอาการหญิงสูงวัยด้วยความห่วงใย
ในเวลาไม่นานรถพยาบาลก็มาถึงแล้วนำพาคนไข้ส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว คีตาลดาติดตามไปด้วยความห่วงใยอย่างบอกไม่ถูก
“ป้าขอบใจหนูมากนะที่ช่วยป้า ถ้าไม่ได้หนูป่านนี้ป้าคงไม่ได้กลับไปเห็นหน้าลูกแล้ว”
“คุณป้าเพิ่งฟื้น นอนพักเถอะนะคะ คุณหมอบอกว่าคุณป้าไม่เป็นอะไรมากพรุ่งนี้แข็งแรงดีก็กลับบ้านได้แล้วค่ะ”
“หนูนี่จิตใจดีจริงๆ ถ้าลูกชายป้าได้คนจิตใจดีอย่างหนูเป็นแฟนก็คงจะดี ป้าจะได้หายห่วง”
คีตาลดาชะงักกึก หญิงสาวเพียงแค่ยิ้มไม่ได้ตอบใดๆ แต่คุณป้าสูงวัยก็รุกถามต่อ
“หนูมีแฟนหรือยัง ถ้ายังไม่มีป้าอยากจะแนะนำให้รู้จักลูกชายป้า อีกเดี๋ยวเขาก็มาแล้ว”
ใบหน้าของคิรินผุดวาบในห้วงความคิด เธอกับเขาจะเรียกว่าแฟนได้ไหมนะ
“หนูมีคนที่รักแล้วค่ะคุณป้า ขอโทษด้วยนะคะหนูรับความปรารถนาดีของคุณป้าไม่ได้จริงๆ”
ผู้หญิงสวยเฉลียวฉลาดมีสติยามคับขันแบบนี้หาได้ยาก เหมาะนักที่คิรินจะมีผู้หญิงลักษณะนี้เคียงข้าง แต่นางก็ทำได้แค่คิด เสียดายไม่น้อยที่รู้ว่าคีตาลดามีคนรักอยู่แล้ว ความวาดหวังจับคู่ให้เป็นอันล้มพับไป เหลือนรียาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในความคิดคนเป็นแม่ในตอนนี้
“ลูกชายคุณน้าใกล้มาถึงแล้วใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ วันนี้หนูมีคิวเล่นเปียโน ถ้าช้ากว่านี้หนูเกรงว่าจะไปไม่ทันค่ะ”
คุณภนิดาขอบอกขอบใจอีกครั้งในความมีน้ำใจของ คีตาลดา แต่ก่อนที่หญิงสาวจะจากไปนางก็ให้นามบัตรไว้เผื่อว่าวันหนึ่งคีตาลดามีเรื่องร้อนใจให้โทรหานางยินดีช่วยเหลือเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจครั้งนี้
คีตาลดารับนามบัตรมายังไม่ทันได้ดูเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หญิงสาวจึงสอดนามบัตรนั้นใส่เข้าไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วหยิบสมาร์ทโฟนออกมาก่อนเอ่ยขอตัว
“หนูไปก่อนนะคะขอให้คุณน้าแข็งแรงหายป่วยไวๆค่ะ”
คุณภนิดามองตามร่างอรชรไปด้วยความรู้สึกเสียดาย นางเองก็ปากหนักที่จะขอเบอร์ติดต่อเอาไว้แล้วไม่ได้ถามว่าเล่นเปียโนที่ไหน แต่เอาเถอะหากชะตาต้องกันวันหนึ่งนางอาจได้พบแม่หนูใจดีคนนี้อีกแน่นอน
คีตาลดามาถึงเค.เค.รอยัลคลับทันเวลาแบบหวุดหวิด วีกิจผู้จัดการซึ่งเดินวนไปมาเป็นหนูติดจั่นถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นคีตาลดากึ่งวิ่งกึ่งก้าวเข้ามาเร็วๆ เขาก็รีบสั่งให้ทีมงานพาเธอไปพักด้านหลังเวทีให้หายเหนื่อยดีส่วนเขารีบสั่งพิธีกรให้ทำอย่างไรก็ได้ประวิงเวลารอคีตาลดาพร้อมขึ้นเวที
“ฉันได้ยินมาว่านักเปียโนใหม่คนนี้ฝีมือเยี่ยมแล้วก็หน้าตาสะสวยเป็นที่เล่าลือเชียวนะรียา”
“ขนาดเชียว” นรียาทำหน้าไม่เชื่อ เธอฟังพอผ่านๆไม่ได้ใส่ใจ เธอมาที่นี่เพื่อหาช่องเข้าใกล้คิรินไม่ได้มาเพื่อชื่นชมเสียงดนตรีหรือความสวยของใคร
“เธอไม่ทุกข์ร้อนเลยเหรอรียา”
“ทำไมฉันต้องทุกข์ร้อนด้วยล่ะ ไม่เห็นมีอะไรเกี่ยวกับฉันเสียหน่อย”
“แสดงว่าเธอไม่รู้สินะว่าใครๆเขาก็ลือกันให้แซ่ดว่านักเปียโนที่ชื่อคีตาลดาอะไรเนี่ยกำลังคั่วกับพี่คิรินของเธออยู่”
“อะไรนะ”
“บ้าน่ารียา ฉันนึกว่าเธอรู้เรื่องแล้วเสียอีก”
“รู้บ้ารู้บออะไรกันเล่า ถ้ารู้ฉันจะมานั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนแบบนี้เหรอ”
“ฉันก็คิดว่าที่เธอชวนฉันมากินข้าวกลางวันที่นี่วันนี้เพราะอยากจะมาดูหน้าผู้หญิงคนนั้นเสียอีก”
นรียาเดือดปุด ยังไม่ทันที่หล่อนจะได้พูดโต้ตอบอะไรต่อ เสียงปรบมือก็ดังสนั่นฮอลล์เมื่อปรากฏร่างอรชรของผู้หญิงร่างกะทัดรัดคนหนึ่งบนเวที
ดวงตาคู่รีวาววับด้วยความริษยาเมื่อเห็นว่าคนถูกเลื่องลือว่าเป็นคู่ควงของคิรินหน้าตาสวยสะดุดตาโดยไม่ต้องแต้มเครื่องสำอางใดๆ แถมยังเล่นเปียโนเก่งเสียจนกำหัวใจคนฟังอยู่หมัด เห็นแบบนี้แล้วข่าวลือที่เพื่อนรักของเธอบอกน่าจะมีเค้าความจริง
“สวัสดีค่ะ ดิฉันคีตาลดา ผู้จัดการบอกว่าคุณต้องการพบดิฉัน” คีตาลดาทักทายด้วยคำถามเมื่อลงจากเวทีแล้ววีกิจบอกว่ามีแขกต้องการให้เธอนั่งร่วมโต๊ะอาหาร คราแรกเธอจะปฏิเสธแต่วีกิจบอกว่าห้ามเด็ดขาด เพราะแขกคนนี้คือลูกสาวเพื่อนสนิทคุณนายใหญ่แห่งคุปต์อนันต์ คีตาลดาแปลกใจแต่ไม่มีเวลาถามไถ่อะไร แต่ก่อนมาวีกิจก็กระซิบกระซาบบอกให้เธอระมัดระวังตัว
“ฉันชื่อนรียาเป็นคู่หมั้นของพี่คิริน”
คีตาลดานิ่งกึก! ความรู้สึกนึกคิดนิ่งสนิท ดวงตาคู่กลมเต็มไปด้วยความว่างเปล่ายามมองมองหน้าคนที่บอกตัวเองว่าเป็นคู่หมั้นท่านประธานใหญ่
---------------------------------
ว้ายสาว!! มโนเหรอคะ หน้าเธอผู้เค้ายังไม่อยากมอง เค้าไม่เอาเธอนะยะ
“ฉันได้ยินมาว่านอกจากเธอเล่นเปียโนเก่งแล้วยังอ่อยผู้ชายเก่งอีกด้วย”“คุณเรียกฉันมาพบเพียงเพื่อชมแค่นี้เหรอคะ” คีตาลดาถามยิ้มๆ ท่าทีของเธอดูเป็นคนใจเย็นทั้งที่ภายในดิ้นเร่าด้วยความเกรี้ยวกราดที่ถูกหยามเกียรติ“หน้าด้าน ด่าขนาดนี้ยังมีหน้ามายืดอกมั่นใจ”“แต่ก็คงน้อยกว่าคุณที่หน้าด้านเที่ยวมาอ้างตัวว่าเป็นคู่หมั้นท่านประธานทั้งที่เขาไม่เคยเหลียวแล”“แก! แกกล้าด่าฉัน”“ทำไมคะโดนด่ากลับแค่นี้ทำรับไม่ได้ ทีเวลาด่าคนอื่นทั้งที่ไม่รู้อะไรเลยทำไมไม่คิดล่ะคะ”“ฮึ! แกคิดว่าอ่อยพี่คิรินจนอยู่หมัดสินะถึงได้มั่นหน้ามั่นโหนกขนาดนี้”“ก็นิดนึงค่ะ ไม่เชื่อคุณก็ลองถามใครๆที่คาบข่าวมาบอกคุณสิคะว่าเขาเสพติดฉันมากแค่ไหน”ซ่า!!คีตาลดาฉุนจัดเมื่อถูกนรียาสาดน้ำเย็นใส่เต็มหน้าแบบไม่ทันตั้งตัว แถมยังพ่นวาจาเหยียดยามกระตุ้นความโกรธที่เธอพยายามเก็บกดให้พุ่งพล่าน“จำใส่กระโหลกไว้ ผู้หญิงอย่างแกก็ไม่ต่างอะไรจากกะหรี่ที่พอเห็นเป็นผู้ชายมีเงินก็แหวกขาอ้ารับ”เพียะ!“ว้าย!” นรียาหวีดลั่นด้วยความตกใจเมื่อถูกคีตาลดาฟาดฝ่ามือเผียะเข้า
“ระหว่างผมกับนรียามันมีความเกี่ยวโยงกันแค่นั้นจริงๆคีตาลดา นอกเหนือจากนั้นผมไม่เคยเห็นเขาในสายตาเลยสักนิด”“แต่เขาพูดเต็มปากมั่นใจเกินร้อยเลยนะคะ” คีตาลดาไม่วายท้วง แม้จะเชื่อใจเขาเกินครึ่งแต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ คิรินถอนหายแล้ว โอบกระชับรั้งไหล่แบบบางดึงร่างเธอมากอดแน่นเข้าแล้วถาม“คุณไม่เคยเจอคนพูดเองเออเองคิดไปเองเหรอครับคีตาลดา”“ของแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังนะคะ”“ผมไม่เคยร่วมตบมือร่วมกับใครนอกจากคุณ”คีตาลดาจ้องดวงตาคมกริบซึ่งเจือด้วยแววรักหวานซึ้ง“เชื่อใจผมนะครับ อย่าไปรับเอาคำพูดของคนไร้สติแบบนั้นมาคิดมากเลย”คีตาลดาถอนหายใจก่อนบ่นพึมพำ“ลดาก็ไม่อยากคิดมากหรอกค่ะ แต่เรื่องเพิ่งเกิดก็อดขุ่นเคืองไม่ได้”“เอาแบบนี้...ผมมีวิธีทำให้คุณหายโกรธ”คีตาลดาเลิกคิ้วถาม“ยังไงคะ”“มาเถอะครับ ผมจะพาไประบายมันออกมา”คีตาลดาลุกเดินตามอย่างว่าง่าย แม้จะไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหนแต่ก็ยังดีกว่านั่งอึดอัดอยู่ในห้องนี้“ปกติแล้วคุณระบายความโกรธด้วยวิธีไหนนะ” เขาชวนคุยเมื่อขึ้นนั่งบนรถสปอร์ตคันโก้ของเข
“คุณแม่ท่านเป็นอะไรเหรอคะทำไมถึงเข้าโรงพยาบาล” คีตาลดาชวนคุยระหว่างนั่งอยู่ในรถ คิรินยิ้มอ่อนก่อนเล่าให้ฟัง“จู่ๆ วันนี้ท่านก็โรคหัวใจกำเริบ โชคดีที่มีคนพบแล้วช่วยเหลือพาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลาไม่อย่างนั้นผมก็คง...”“ไม่เป็นไรนะคะ ตอนนี้ท่านปลอดภัยแล้วนะ” คีตาลดาบีบกระชับมือแกร่งถ่ายทอดความอบอุ่นปลอบประโลมคิรินมองคนรักด้วยความรู้สึกขอบคุณ คีตาลดาเหมือนจะเปราะบางแต่เอาเข้าจริงเขากลับรู้สึกว่าเธอเข้มแข็งกว่าที่เขาคิดมากนัก“เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสขอบคุณคนที่ช่วยเหลือคุณแม่ พอมาถึงโรงพยาบาลเธอก็ไปแล้ว”คีตาลดานิ่วหน้าเล็กๆ เธอรู้สึกแปลกที่เรื่องราวมันคลับคล้ายคลับคลาราวกับว่าเป็นเรื่องเดียวกันกับเธอในวันนี้ หญิงสาวยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อรถสปอร์ตของคิรินก็เลี้ยวเข้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาล คีตาลดาแหงนเงยหน้ามองดูป้ายชื่อโรงพยาบาล เห็นแล้วก็ยิ่งครุ่นคิดหนักเข้าเพราะมันเป็นโรงพยาบาลเดียวกันกับที่เธอพาคุณป้าคนนั้นมาส่งวันนี้“มาเถอะคุณแม่รออยู่” คิรินบอกเมื่อรถเทียบจอดตรงลานจอดรถโซนวีไอพีของโรงพยาบาล คีตาลดาเปิดประตูก้าวลงไปโดยไม่รอให้เขามาเปิดให้ หญ
“ไม่ต้องมาหัวเราะแม่เลยนะพ่อตัวดี”“ผมบอกแล้วว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม เมียผม...ผมหาเองได้”“ย่ะ!” คุณภนิดาไม่วายค้อนก่อนหันมาทางคีตาลดาบีบไม้บีบมือหญิงสาวแล้วเอื้อนเอ่ยด้วยความยินดี“ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ ตอนหนูบอกป้าว่ามีคนรักอยู่แล้วป้านี่เสียดายจะแย่ ที่แท้คนรักหนูก็คือลูกชายป้านี่เอง”หญิงสาวอมยิ้มขัดเขินขณะเลื่อนผ้าห่มมาคลุมอกให้มารดาของคิริน คุณภนิดามองความอ่อนโยนน่ารักนั้นด้วยความรู้สึกปลื้มปีติ“ถ้าพาหนูลดามาให้แม่รู้จักเร็วกว่านี้ แม่ก็ไม่ต้องมานอนปวดหัวอยู่แบบนี้หรอกคิริน”“ครับคุณแม่ผมผิดเองครับ” คิรินตอบรับแสนทะเล้นแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีถอยห่างออกไปยืนกอดอกมองผู้หญิงที่รักทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนิทสนมคิรินรู้สึกขอบคุณโชคชะตาที่พาให้คีตาลดาเป็นคนช่วยชีวิตมารดาของเขาเอาไว้ อะไรๆจึงลงตัวง่ายขึ้น“คิรินพาน้องกลับไปพักผ่อนเถอะลูกเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”“คุณป้าจะอยู่คนเดียวได้ยังไง ให้ลดาอยู่เป็นเพื่อนดีกว่านะคะ”“คิรินจ้างพยาบาลพิเศษให้อยู่เป็นเพื่อนแล้วหนูกลับไปพักเถอะลดา แล้วต่อไปอย่าเรียกป้าเลยนะ
คีตาลดาครึ่งหลับครึ่งตื่น หญิงสาวพยายามฝืนดึงสติ โชคดีที่เธอกลั้นหายใจจึงสูดไอเย็นชื้นนั่นไม่มาก ไม่กี่นาทีเธอจึงคืนสติแม้จะยังไม่สมบูรณ์แต่ก็พอรู้ตัวว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น“ทัชกรคุณจับตัวฉันมาทำไม” หญิงสาวถามเสียงเครียดพยายามดิ้นหวังให้หลุดจากพันธนาการแต่เชือกที่มัดข้อมือเธอก็แน่นเกินกว่าจะหลุดออกได้“คุณกำลังคิดจะหลบหนีสินะ” คีตาลดาตั้งสติถาม เธอระลึกได้ว่าสร้อยจี้รูปหัวใจนอกจากจะเป็นจีพีเอสติดตามตัวเธอแล้วยังซ่อนไมค์เล็กๆไว้อัดเสียงอีกด้วย หากว่าเธอเป็นอะไรไปอย่างน้อยนี่น่าจะเป็นหลักฐานมัดตัวทัชกรได้“เพราะคุณฉลาดแบบนี้ไงผมถึงรักคุณลดา”“คุณรักแต่ตัวเองต่างหากทัชกร ถ้าคุณรักฉันจริงคุณไม่มีวันจับฉันมาเป็นตัวประกันแบบนี้หรอก”“จุ๊ๆ ใครว่าผมจับคุณมาเป็นตัวประกันล่ะ ผมจะพาคุณหนีไปด้วยกันกับผมต่างหาก”“อย่าหวังว่าฉันจะยินยอมง่ายๆ ฉันไม่มีวันไปกับคุณ” คีตาลดาพูดจบก็ใช้เท้ายันตัวเองขึ้นดันร่างหวังให้หลุดพ้นจากเข็มขัดนิรภัย ทัชกรตกใจกับการกระทำบ้าระห่ำนั่น“คุณทำบ้าอะไรลดากลับไปนั่งที่เดิมเดี๋ยวนี้”คีตาลดาไม่ฟัง หญิงสาวพยายามพุ
หลายวันแล้วที่คีตาลดายังคงนอนหมดสติอยู่ในห้อง ไอ.ซี.ยู คิรินได้เพียงเฝ้ามองเธออยู่นอกห้องผ่านกระจกใส น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้ม หัวใจแกร่งปวดหนึบที่ตัวเองช่วยอะไรเธอไม่ได้ทำได้เพียงแค่ยืนมอง“หมดเวลาเยี่ยมไข้แล้วค่ะ”เสียงพยาบาลเตือนมาเช่นทุกครั้งที่เขาเอาแต่ยืนมองคีตาลดานิ่งจนวินาทีสุดท้ายที่หมออนุญาตให้เยี่ยมได้ เขาเฝ้าภาวนาหวังสักครั้งว่าจะได้เห็นเธอเปิดปรือเปลือกตาขึ้นมา เขาหวังเหลือใจว่าจะได้เห็นรอยยิ้มได้ยินเสียงหัวเราะของเธอในเร็ววัน“คีตาลดาคุณนอนหลับนานเกินไปแล้วรีบตื่นได้แล้ว ผมคิดถึงคุณจนไม่เป็นอันหลับนอนแล้วรู้ไหมครับ”“คิรินกลับบ้านก่อนเถอะลูก กลับไปนอนพักผ่อนสักหน่อย แม่รู้ว่าคิรินเป็นห่วงน้อง แต่ถ้าน้องตื่นมาเห็นคิรินสภาพนี้น้องคงเสียใจนะลูก” คุณภนิดาอดกังวลไม่ได้ นางกลัวบุตรชายจะทรุดลงไปอีกคน แม้ร่างกายของคิรินจะแข็งแรงแต่อาการบาดเจ็บในวันนั้นก็สรางความบอบช้ำให้ไม่น้อย“พรุ่งนี้เราค่อยมาเยี่ยมน้องกันใหม่นะลูกนะ”“ครับแม่ ผมจะกลับเดี๋ยวนี้ แต่ผมขอไปนอนที่คอนโดฯเหมือนเดิมนะครับ ผมอยากอยู่ในที่ที่เคยอยู่กับคีตาลดา”คุณภนิดา
คีตาลดานั่งมองกล่องของขวัญใบย่อมที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย กล่องใบนี้เธอตั้งชื่อให้มันว่ากล่องแห่งความทรงจำ กล่องที่เธอเก็บเรื่องราวไว้ในนั้นมากมายหญิงสาวค่อยๆเปิดกล่องนั้นออกแล้วหยิบของในนั้นออกมาทีละชิ้น มองดูแล้วยิ้มน้อยๆ ก่อนวางลงข้างกล่องแล้วหยิบชิ้นอื่นๆออกมาทีละชิ้นๆ จนถึงชิ้นสุดท้ายซึ่งเป็นรูปคู่รูปแรกของเธอกับทัชกรคีตาลดามองดูแล้วน้ำตารื้น พอคิดถึงคืนวันเก่าๆแล้วไม่อยากคิดเลยว่าเธอและเขาจะเดินมาถึงจุดสิ้นสุดในวันนี้‘ผมรักคุณนะลดา รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ผมตัดสินใจนานมากกว่าจะทำใจกล้าบอกรักคุณ’คีตาลดาแค่นยิ้มเมื่อคิดถึงคำพูดและสีหน้าของทัชกรในวันนั้น หญิงสาวผ่อนลมหายใจเมื่อคิดถึงคำพูดสุดท้ายที่เธอเขาพูดกับเธอก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุจนเธอเกือบไม่รอดชีวิต‘ผมรักคุณนะลดา ผมอาจเป็นคนเลวในสายตาคุณ แต่ผู้ชายชั่วช้าคนนี้แหละที่หัวใจมันมีแต่คุณ’คีตาลดาปาดน้ำตาซึ่งไหลพราก แล้วตัดใจฉีกรูปถ่ายใบนั้นดั่งต้องการฉีกเธอและทัชกรออกจากกันชั่วกัปชั่วกาล“ฉันไม่รู้ว่ารักของคุณคือเรื่องจริงหรือลวง ฉันรู้แค่วันนี้ฉันมีคนที่
เธอไม่รู้จริงๆว่าเธอต้องทำอย่างไรกับชีวิตนับจากนี้ไป ทุกอย่างมันดูมืดมนไปหมด เธอมองไม่เห็นอะไรเลยนอกความมืดมิด เธอต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบไม่คาดคิด ผู้ชายที่เธอรักและวาดหวังฝากชีวิตไว้กับเขา ท้ายสุดแล้วก็เป็นเพียงผู้ชายเลวๆคนหนึ่ง เลวสุดใจแบบที่เธอไม่คิดว่าตัวเองจะมองคนผิดพลาดได้มากขนาดนี้‘ไม่เห็นต้องเรื่องมากเลยลดา ผมไม่เห็นว่าคุณจะเสียหายตรงไหนมีแต่ได้กับได้’‘คุณจะบอกว่าการที่ลดาขึ้นเตียงกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ลดาไม่เสียหายอย่างนั้นเหรอคะ’‘คุณคิดมากเกินไปลดา ผมเห็นแต่ว่าคุณจะมีแต่สนุกแล้วก็ได้เงิน’‘ทัช! ลดาเป็นแฟนคุณนะ คุณคิดแบบนี้ได้ยังไงคะ’‘คุณเลิกความคิดคร่ำครึหัวโบราณเสียทีได้ไหมลดา ผมเป็นแฟน เป็นผู้ชายแท้ๆผมยังรับได้แล้วคุณจะเรื่องมากให้มันวุ่นวายไปทำไมฮะ’หยุด! หยุดได้แล้ว! หยุดคิดถึงคนชั่วช้านั่นเสียที ยิ่งเธอคิดก็ยิ่งมีแต่เจ็บปวดรวดร้าว เธอจะปล่อยให้เรื่องราวเหล่านั้นมาบั่นทอนชีวิตเธอต่อไปอีกนานแค่ไหนกันพอแล้ว! พอเสียที อย่าทำร้ายหัวใจตัวเองอีกต่อไปเลย เพียงเท่านี้หัวใจเธอก็เจ็บปวดร้าวลึกจวนเจียนจะขาดใจตายเสียให้ได้ นั่นสิ! เธอแทบจะแดดิ้นตายด้วยความเจ็บปวดครั้งแล้ว
คีตาลดานั่งมองกล่องของขวัญใบย่อมที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย กล่องใบนี้เธอตั้งชื่อให้มันว่ากล่องแห่งความทรงจำ กล่องที่เธอเก็บเรื่องราวไว้ในนั้นมากมายหญิงสาวค่อยๆเปิดกล่องนั้นออกแล้วหยิบของในนั้นออกมาทีละชิ้น มองดูแล้วยิ้มน้อยๆ ก่อนวางลงข้างกล่องแล้วหยิบชิ้นอื่นๆออกมาทีละชิ้นๆ จนถึงชิ้นสุดท้ายซึ่งเป็นรูปคู่รูปแรกของเธอกับทัชกรคีตาลดามองดูแล้วน้ำตารื้น พอคิดถึงคืนวันเก่าๆแล้วไม่อยากคิดเลยว่าเธอและเขาจะเดินมาถึงจุดสิ้นสุดในวันนี้‘ผมรักคุณนะลดา รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ผมตัดสินใจนานมากกว่าจะทำใจกล้าบอกรักคุณ’คีตาลดาแค่นยิ้มเมื่อคิดถึงคำพูดและสีหน้าของทัชกรในวันนั้น หญิงสาวผ่อนลมหายใจเมื่อคิดถึงคำพูดสุดท้ายที่เธอเขาพูดกับเธอก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุจนเธอเกือบไม่รอดชีวิต‘ผมรักคุณนะลดา ผมอาจเป็นคนเลวในสายตาคุณ แต่ผู้ชายชั่วช้าคนนี้แหละที่หัวใจมันมีแต่คุณ’คีตาลดาปาดน้ำตาซึ่งไหลพราก แล้วตัดใจฉีกรูปถ่ายใบนั้นดั่งต้องการฉีกเธอและทัชกรออกจากกันชั่วกัปชั่วกาล“ฉันไม่รู้ว่ารักของคุณคือเรื่องจริงหรือลวง ฉันรู้แค่วันนี้ฉันมีคนที่
หลายวันแล้วที่คีตาลดายังคงนอนหมดสติอยู่ในห้อง ไอ.ซี.ยู คิรินได้เพียงเฝ้ามองเธออยู่นอกห้องผ่านกระจกใส น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้ม หัวใจแกร่งปวดหนึบที่ตัวเองช่วยอะไรเธอไม่ได้ทำได้เพียงแค่ยืนมอง“หมดเวลาเยี่ยมไข้แล้วค่ะ”เสียงพยาบาลเตือนมาเช่นทุกครั้งที่เขาเอาแต่ยืนมองคีตาลดานิ่งจนวินาทีสุดท้ายที่หมออนุญาตให้เยี่ยมได้ เขาเฝ้าภาวนาหวังสักครั้งว่าจะได้เห็นเธอเปิดปรือเปลือกตาขึ้นมา เขาหวังเหลือใจว่าจะได้เห็นรอยยิ้มได้ยินเสียงหัวเราะของเธอในเร็ววัน“คีตาลดาคุณนอนหลับนานเกินไปแล้วรีบตื่นได้แล้ว ผมคิดถึงคุณจนไม่เป็นอันหลับนอนแล้วรู้ไหมครับ”“คิรินกลับบ้านก่อนเถอะลูก กลับไปนอนพักผ่อนสักหน่อย แม่รู้ว่าคิรินเป็นห่วงน้อง แต่ถ้าน้องตื่นมาเห็นคิรินสภาพนี้น้องคงเสียใจนะลูก” คุณภนิดาอดกังวลไม่ได้ นางกลัวบุตรชายจะทรุดลงไปอีกคน แม้ร่างกายของคิรินจะแข็งแรงแต่อาการบาดเจ็บในวันนั้นก็สรางความบอบช้ำให้ไม่น้อย“พรุ่งนี้เราค่อยมาเยี่ยมน้องกันใหม่นะลูกนะ”“ครับแม่ ผมจะกลับเดี๋ยวนี้ แต่ผมขอไปนอนที่คอนโดฯเหมือนเดิมนะครับ ผมอยากอยู่ในที่ที่เคยอยู่กับคีตาลดา”คุณภนิดา
คีตาลดาครึ่งหลับครึ่งตื่น หญิงสาวพยายามฝืนดึงสติ โชคดีที่เธอกลั้นหายใจจึงสูดไอเย็นชื้นนั่นไม่มาก ไม่กี่นาทีเธอจึงคืนสติแม้จะยังไม่สมบูรณ์แต่ก็พอรู้ตัวว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น“ทัชกรคุณจับตัวฉันมาทำไม” หญิงสาวถามเสียงเครียดพยายามดิ้นหวังให้หลุดจากพันธนาการแต่เชือกที่มัดข้อมือเธอก็แน่นเกินกว่าจะหลุดออกได้“คุณกำลังคิดจะหลบหนีสินะ” คีตาลดาตั้งสติถาม เธอระลึกได้ว่าสร้อยจี้รูปหัวใจนอกจากจะเป็นจีพีเอสติดตามตัวเธอแล้วยังซ่อนไมค์เล็กๆไว้อัดเสียงอีกด้วย หากว่าเธอเป็นอะไรไปอย่างน้อยนี่น่าจะเป็นหลักฐานมัดตัวทัชกรได้“เพราะคุณฉลาดแบบนี้ไงผมถึงรักคุณลดา”“คุณรักแต่ตัวเองต่างหากทัชกร ถ้าคุณรักฉันจริงคุณไม่มีวันจับฉันมาเป็นตัวประกันแบบนี้หรอก”“จุ๊ๆ ใครว่าผมจับคุณมาเป็นตัวประกันล่ะ ผมจะพาคุณหนีไปด้วยกันกับผมต่างหาก”“อย่าหวังว่าฉันจะยินยอมง่ายๆ ฉันไม่มีวันไปกับคุณ” คีตาลดาพูดจบก็ใช้เท้ายันตัวเองขึ้นดันร่างหวังให้หลุดพ้นจากเข็มขัดนิรภัย ทัชกรตกใจกับการกระทำบ้าระห่ำนั่น“คุณทำบ้าอะไรลดากลับไปนั่งที่เดิมเดี๋ยวนี้”คีตาลดาไม่ฟัง หญิงสาวพยายามพุ
“ไม่ต้องมาหัวเราะแม่เลยนะพ่อตัวดี”“ผมบอกแล้วว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม เมียผม...ผมหาเองได้”“ย่ะ!” คุณภนิดาไม่วายค้อนก่อนหันมาทางคีตาลดาบีบไม้บีบมือหญิงสาวแล้วเอื้อนเอ่ยด้วยความยินดี“ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ ตอนหนูบอกป้าว่ามีคนรักอยู่แล้วป้านี่เสียดายจะแย่ ที่แท้คนรักหนูก็คือลูกชายป้านี่เอง”หญิงสาวอมยิ้มขัดเขินขณะเลื่อนผ้าห่มมาคลุมอกให้มารดาของคิริน คุณภนิดามองความอ่อนโยนน่ารักนั้นด้วยความรู้สึกปลื้มปีติ“ถ้าพาหนูลดามาให้แม่รู้จักเร็วกว่านี้ แม่ก็ไม่ต้องมานอนปวดหัวอยู่แบบนี้หรอกคิริน”“ครับคุณแม่ผมผิดเองครับ” คิรินตอบรับแสนทะเล้นแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีถอยห่างออกไปยืนกอดอกมองผู้หญิงที่รักทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนิทสนมคิรินรู้สึกขอบคุณโชคชะตาที่พาให้คีตาลดาเป็นคนช่วยชีวิตมารดาของเขาเอาไว้ อะไรๆจึงลงตัวง่ายขึ้น“คิรินพาน้องกลับไปพักผ่อนเถอะลูกเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”“คุณป้าจะอยู่คนเดียวได้ยังไง ให้ลดาอยู่เป็นเพื่อนดีกว่านะคะ”“คิรินจ้างพยาบาลพิเศษให้อยู่เป็นเพื่อนแล้วหนูกลับไปพักเถอะลดา แล้วต่อไปอย่าเรียกป้าเลยนะ
“คุณแม่ท่านเป็นอะไรเหรอคะทำไมถึงเข้าโรงพยาบาล” คีตาลดาชวนคุยระหว่างนั่งอยู่ในรถ คิรินยิ้มอ่อนก่อนเล่าให้ฟัง“จู่ๆ วันนี้ท่านก็โรคหัวใจกำเริบ โชคดีที่มีคนพบแล้วช่วยเหลือพาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลาไม่อย่างนั้นผมก็คง...”“ไม่เป็นไรนะคะ ตอนนี้ท่านปลอดภัยแล้วนะ” คีตาลดาบีบกระชับมือแกร่งถ่ายทอดความอบอุ่นปลอบประโลมคิรินมองคนรักด้วยความรู้สึกขอบคุณ คีตาลดาเหมือนจะเปราะบางแต่เอาเข้าจริงเขากลับรู้สึกว่าเธอเข้มแข็งกว่าที่เขาคิดมากนัก“เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสขอบคุณคนที่ช่วยเหลือคุณแม่ พอมาถึงโรงพยาบาลเธอก็ไปแล้ว”คีตาลดานิ่วหน้าเล็กๆ เธอรู้สึกแปลกที่เรื่องราวมันคลับคล้ายคลับคลาราวกับว่าเป็นเรื่องเดียวกันกับเธอในวันนี้ หญิงสาวยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อรถสปอร์ตของคิรินก็เลี้ยวเข้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาล คีตาลดาแหงนเงยหน้ามองดูป้ายชื่อโรงพยาบาล เห็นแล้วก็ยิ่งครุ่นคิดหนักเข้าเพราะมันเป็นโรงพยาบาลเดียวกันกับที่เธอพาคุณป้าคนนั้นมาส่งวันนี้“มาเถอะคุณแม่รออยู่” คิรินบอกเมื่อรถเทียบจอดตรงลานจอดรถโซนวีไอพีของโรงพยาบาล คีตาลดาเปิดประตูก้าวลงไปโดยไม่รอให้เขามาเปิดให้ หญ
“ระหว่างผมกับนรียามันมีความเกี่ยวโยงกันแค่นั้นจริงๆคีตาลดา นอกเหนือจากนั้นผมไม่เคยเห็นเขาในสายตาเลยสักนิด”“แต่เขาพูดเต็มปากมั่นใจเกินร้อยเลยนะคะ” คีตาลดาไม่วายท้วง แม้จะเชื่อใจเขาเกินครึ่งแต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ คิรินถอนหายแล้ว โอบกระชับรั้งไหล่แบบบางดึงร่างเธอมากอดแน่นเข้าแล้วถาม“คุณไม่เคยเจอคนพูดเองเออเองคิดไปเองเหรอครับคีตาลดา”“ของแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังนะคะ”“ผมไม่เคยร่วมตบมือร่วมกับใครนอกจากคุณ”คีตาลดาจ้องดวงตาคมกริบซึ่งเจือด้วยแววรักหวานซึ้ง“เชื่อใจผมนะครับ อย่าไปรับเอาคำพูดของคนไร้สติแบบนั้นมาคิดมากเลย”คีตาลดาถอนหายใจก่อนบ่นพึมพำ“ลดาก็ไม่อยากคิดมากหรอกค่ะ แต่เรื่องเพิ่งเกิดก็อดขุ่นเคืองไม่ได้”“เอาแบบนี้...ผมมีวิธีทำให้คุณหายโกรธ”คีตาลดาเลิกคิ้วถาม“ยังไงคะ”“มาเถอะครับ ผมจะพาไประบายมันออกมา”คีตาลดาลุกเดินตามอย่างว่าง่าย แม้จะไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหนแต่ก็ยังดีกว่านั่งอึดอัดอยู่ในห้องนี้“ปกติแล้วคุณระบายความโกรธด้วยวิธีไหนนะ” เขาชวนคุยเมื่อขึ้นนั่งบนรถสปอร์ตคันโก้ของเข
“ฉันได้ยินมาว่านอกจากเธอเล่นเปียโนเก่งแล้วยังอ่อยผู้ชายเก่งอีกด้วย”“คุณเรียกฉันมาพบเพียงเพื่อชมแค่นี้เหรอคะ” คีตาลดาถามยิ้มๆ ท่าทีของเธอดูเป็นคนใจเย็นทั้งที่ภายในดิ้นเร่าด้วยความเกรี้ยวกราดที่ถูกหยามเกียรติ“หน้าด้าน ด่าขนาดนี้ยังมีหน้ามายืดอกมั่นใจ”“แต่ก็คงน้อยกว่าคุณที่หน้าด้านเที่ยวมาอ้างตัวว่าเป็นคู่หมั้นท่านประธานทั้งที่เขาไม่เคยเหลียวแล”“แก! แกกล้าด่าฉัน”“ทำไมคะโดนด่ากลับแค่นี้ทำรับไม่ได้ ทีเวลาด่าคนอื่นทั้งที่ไม่รู้อะไรเลยทำไมไม่คิดล่ะคะ”“ฮึ! แกคิดว่าอ่อยพี่คิรินจนอยู่หมัดสินะถึงได้มั่นหน้ามั่นโหนกขนาดนี้”“ก็นิดนึงค่ะ ไม่เชื่อคุณก็ลองถามใครๆที่คาบข่าวมาบอกคุณสิคะว่าเขาเสพติดฉันมากแค่ไหน”ซ่า!!คีตาลดาฉุนจัดเมื่อถูกนรียาสาดน้ำเย็นใส่เต็มหน้าแบบไม่ทันตั้งตัว แถมยังพ่นวาจาเหยียดยามกระตุ้นความโกรธที่เธอพยายามเก็บกดให้พุ่งพล่าน“จำใส่กระโหลกไว้ ผู้หญิงอย่างแกก็ไม่ต่างอะไรจากกะหรี่ที่พอเห็นเป็นผู้ชายมีเงินก็แหวกขาอ้ารับ”เพียะ!“ว้าย!” นรียาหวีดลั่นด้วยความตกใจเมื่อถูกคีตาลดาฟาดฝ่ามือเผียะเข้า
คิรินงัดเอาสารพัดเหตุผลมาหว่านล้อมจนหญิงสาวยอมมาอยู่คอนโดมิเนียมของเขา คิรินค่อยรู้สึกเบาใจขึ้นมาบ้างเพราะทัชกรยังหนีหายไร้ร่องรอย เขาเกรงว่าหมอนั่นจะซุ่มลอบทำร้ายเธอหมาจนตรอกมันกัดไม่เลือก เขาจึงไม่วางใจให้เธออยู่ไกลจากสายตาวันนี้เป็นวันแรกที่คีตาลดาเดินทางไปทำงานหลังจากหยุดพักมาสองวัน ความไม่คุ้นชินเส้นทางหญิงสาวจึงออกจากคอนโคมิเนียมเร็วกว่าปกติ แม้ว่าคิรินจะสั่งให้คนของเขาคอยรับส่งเธอ แต่คีตาลดาก็ปฏิเสธเพราะกลัวจะเป็นเป้าสายตาให้ใครเก็บไปนินทา คิรินจึงจำยอมอย่างไม่เต็มใจนัก“ช่วยด้วยคนเป็นลม” เสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือดังมาจากโถงด้านล่าง คีตาลดาที่เพิ่งก้าวออกจากลิฟต์รีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือทันที หญิงสาวเห็นหยิงวัยกลางคนนอนหายใจหอบถี่ อ้าปากพงาบๆราวจะบอกอะไรสักอย่าง พอเห็นนางชี้ไปทางกระเป๋าถือที่ตกอยู่ไม่ไกล คีตาลดาก็รู้โดยสัญชาตญาณหญิงสาวรีบหยิบกระเป๋าถือมาเปิดดูเห็นขวดยาอยู่ในนั้น เธอรีบอ่านฉลากเห็นเป็นยารักษาโรคหัวใจก็รีบเปิดขวดเอายากรอกใส่ปากให้คนนอนหายใจรวยริน โชคดีที่เธอเคยดูแลบิดาที่ป่วยเป็นโรคหัวใจเหมือนกันเธอจึงรู้วิธีช่วยชีวิตเบื้องต้นในนาทีวิกฤต
“คืนนั้นอาจเป็นฝันร้าย แต่วันนี้ผมจะทำให้ทุกอย่างกลายเป็นฝันดีของคุณคีตาลดา” เขากระซิบบอกแล้วสอดประสานกายเขาและเธอเข้าด้วยกัน คีตาลดาหวีดเสียงหวานราวกับทุกข์ทรมานสุดแสน คิรินมองร่างอ้อนแอนแอ่นอกยกร่างตอบรับกับการล่วงล้ำของเขาอย่างพึงพอใจ“คีตาลดา”“ขา”“ผมรักคุณ” เขาบอกเสียงอ่อนนุ่มแต่หนักแน่นเหลือเกินในความรู้สึกของคีตาลดา คำพูดของเขาทำเอาเธอฝืนเปิดปรือเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมองเห็นดวงหน้าคมของเขาลอยเด่นอยู่ชิดใกล้ หญิงสาวคลี่ยิ้มหวานขานรับกับคำบอกรักนั้นด้วยความรู้สึกอิ่มอุ่นในหัวใจ ดวงตาของเขายามทอดมองมาช่างหวานล้ำนัก แต่ท่วงทำนองรักที่ขับขานหวานล้ำยิ่งกว่า หวานหวามซาบซ่านจนเธอดิ้นพล่านอย่างไม่อาจหักห้ามใจได้“ผมรักคุณ รักคุณจนหมดใจคีตาลดา รักเหลือเกิน”คำบอกรักพลั่งพลูออกจากริมฝีปากหยักระรัวจนหัวใจของคีตาลดาแบ่งบานขานรับจะไม่ไหว ปากเขาพร่ำบอกรัก ความแข็งแกร่งแห่งชายชาตรีของเขาก็กระหน่ำตอกย้ำหน่วงหนักราวต้องการยืนยันว่าคำบอกรักนั้นมาจากใจอย่างแท้จริง“คุณจำได้ไหมคีตาลดา...ผมเคยบอกว่านับจากคืนนั้นทุกค่ำคืนในฝันของผมก็มีแต่คุณ”“จำได้ค่