เธอไม่รู้จริงๆว่าเธอต้องทำอย่างไรกับชีวิตนับจากนี้ไป ทุกอย่างมันดูมืดมนไปหมด เธอมองไม่เห็นอะไรเลยนอกความมืดมิด เธอต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบไม่คาดคิด ผู้ชายที่เธอรักและวาดหวังฝากชีวิตไว้กับเขา ท้ายสุดแล้วก็เป็นเพียงผู้ชายเลวๆคนหนึ่ง เลวสุดใจแบบที่เธอไม่คิดว่าตัวเองจะมองคนผิดพลาดได้มากขนาดนี้
‘ไม่เห็นต้องเรื่องมากเลยลดา ผมไม่เห็นว่าคุณจะเสียหายตรงไหนมีแต่ได้กับได้’
‘คุณจะบอกว่าการที่ลดาขึ้นเตียงกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ลดาไม่เสียหายอย่างนั้นเหรอคะ’
‘คุณคิดมากเกินไปลดา ผมเห็นแต่ว่าคุณจะมีแต่สนุกแล้วก็ได้เงิน’
‘ทัช! ลดาเป็นแฟนคุณนะ คุณคิดแบบนี้ได้ยังไงคะ’
‘คุณเลิกความคิดคร่ำครึหัวโบราณเสียทีได้ไหมลดา ผมเป็นแฟน เป็นผู้ชายแท้ๆผมยังรับได้แล้วคุณจะเรื่องมากให้มันวุ่นวายไปทำไมฮะ’
หยุด! หยุดได้แล้ว! หยุดคิดถึงคนชั่วช้านั่นเสียที ยิ่งเธอคิดก็ยิ่งมีแต่เจ็บปวดรวดร้าว เธอจะปล่อยให้เรื่องราวเหล่านั้นมาบั่นทอนชีวิตเธอต่อไปอีกนานแค่ไหนกัน
พอแล้ว! พอเสียที อย่าทำร้ายหัวใจตัวเองอีกต่อไปเลย เพียงเท่านี้หัวใจเธอก็เจ็บปวดร้าวลึกจวนเจียนจะขาดใจตายเสียให้ได้ นั่นสิ! เธอแทบจะแดดิ้นตายด้วยความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทำไมนะ? ทำไมเธอไม่ตายดับไปเสีย แม้เจ็บปวดเจียนจะขาดใจตายแต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังคงหายใจ
…หายใจทั้งที่ไม่อยากหายใจ
...หายใจราวกับตายทั้งเป็น
“หยุดเศร้าเสียใจ หยุดเครียดเสียทีเถอะลดา อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป เธอเองไม่ใช่เหรอที่บอกใครต่อใครว่าต่อให้ใครทำร้ายก็ไม่เท่าเราเก็บมันมาตอกย้ำทำร้ายเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลืมไปแล้วเหรอ คำพูดพวกนี้เธอลืมไปแล้วอย่างนั้นเหรอ”
คีตาลดาจ้องมองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ เธอเห็นสภาพตัวเองแล้วก็ได้แต่เบะปากเยาะยิ้มด้วยความสังเวชตัวเอง นี่เหรอคีตาลดาหญิงสาวผู้แสนน่ารัก ร่าเริงสดใส ชีวิตมีแต่ดนตรีและเสียงเพลงสนุกสนาน ผู้หญิงที่ใครๆต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยรู้จักความทุกข์ น่าสมเพช! ดูสภาพของเธอตอนนี้สิ! มันดูไม่ได้เลยสักนิด ดวงตาที่เคยสุกสกาวราวดวงดาวนับพัน ตอนนี้ยิ่งกว่าดาวอับแสงในคืนเดือนมืดเสียอีก ดวงหน้าเกลี้ยงเกลาขาวนวลอมชมพูระเรื่อ ตอนนี้ซีดเผือดราวกับซากศพ ริมฝีปากอิ่มระเรื่อพริ้มเพราตอนนี้แตกระแหงแลดูซีดยิ่งกว่าซีด ยิ่งมองตัวเองเธอก็ยิ่งเจ็บปวด เธอไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ตกอยู่ในสภาพนี้
“ฮึก! ฮืออออ...ฮึก ฮึก ฮือออออ... พ่อจ๋า แม่จ๋า ลดาเจ็บเหลือเกิน เจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้ว พ่อจ๋าแม่จ๋าพ่อกับแม่อยู่ไหนกอดลดาหน่อย ช่วยลดาที ฮึก! ฮืออออ...” คีตาลดาร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างไม่อาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้ เจ็บเหลือเกิน ปวดหลือเกิน เจ็บและปวดจนไม่รู้ว่าจะออกจากความรู้สึกนี้ไปได้อย่างไร ยิ่งเก็บข่ม ยิ่งปัดป้อง เหตุการณ์วันวานก็ยิ่งฉายชัด คำพูด การกระทำ เสียงหัวเราะของชายชั่วนั่นยังคงก้องอยู่ในหัว
‘ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ออกไปนะไอ้ชั่ว อย่ามายุ่งกับฉัน’ คีตาลดาพยายามปัดป้องตัวเองจากการถูกคุกคาม แม้ว่าจะมองแทบไม่เห็นทางรอดแต่เธอก็ไม่ยอมให้มันย่ำยีเธอแน่ๆ
โพล๊ะ!
‘โอ๊ย! ระยำมึงกล้าตีหัวกูเหรอ’
คีตาลดาไม่สนใจฟังคำสบถใดๆของมัน เธอฉวยโอกาสในจังหวะที่มันผงะถอยออกไปเพราะถูกตีหัวด้วยโคมไฟนั้นรีบหนีออกมา แม้ว่าจะทุลักทุเลมากแค่ไหนแต่เธอก็พยายามพาตัวเองออกมาจากห้องนั้นจนได้ สองเท้าเล็กๆ พาร่างระหงวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงหวังไปตายเอาดาบหน้า ยิ่งได้ยินเสียงมันตะโกนสั่งลูกน้องดังโหวกเหวกไล่ตามหลังมา คีตาลดาก็ยิ่งเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้น แต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน พิษยากระตุ้นกำหนัดที่ถูกกรอกเข้าปากกำลังเล่นงานเธอหนักหน่วง เธอต้องพยายามฝืนต้านอาการปั่นป่วนที่กำลังครอบงำ พยายามเพ่งมองไปยังทางข้างหน้า และวิ่งต่อให้ให้เร็วที่สุด แต่ดวงตาของเธอก็พร่าพรายจนมองทางไม่เป็นทาง ยิ่งเพ่งไปข้างหน้าก็เหมือนเส้นทางช่างคดเคี้ยว ยิ่งเพ่งให้เห็นชัดแต่ทางข้างหน้ายิ่งดูโหวงเหวงโคลงเคลงจนฉันแทบจะหยัดยืนไม่ไหว
‘ช่วยที! ใครก็ได้ช่วยฉันที’ เธอร้องตะโกนออกไปสุดเสียง แต่เหมือนเป็นเพียงเสียงกระซิบที่เล็ดลอดออกมาแผ่วเบา แม้จะรู้สึกสิ้นหวังแต่เศษเสี้ยวหนึ่งในห้วงความคิดก็ภาวนาขอให้ใครสักคนพาเธอรอดพ้นจากเงื้อมมือคนชั่ว
‘ว้าย!’ คีตาลดาหวีดด้วยความตกใจเมื่อร่างอ่อนระโหยของเธอเซถลาเข้าไปในห้องหนึ่งซึ่งบานประตูเปิดแง้มไว้ราวรอคอยใครสักคน หญิงสาวกึ่งตระหนกกึ่งดีใจ เหมือนฟ้าจะยังเมตตาให้เธอพอมีที่หลบซ่อน มือน้อยรีบปิดประตูห้องนั้นกดล็อคอย่างรวดเร็วด้วยความหวาดกลัวสุดหัวใจ เธอรอดแล้ว! เธอรอดพ้นเงื้อมมือคนชั่วนั่นแล้ว!
‘ว้าย!’ คีตาลดาหวีดเสียงด้วยความตกใจอีกครั้งเมื่อหันกลับมาแล้วชนกับร่างสูงใหญ่อย่างจัง ดวงตาคู่สวยไหวระริกยามเจ้าตัวเบิกกว้างมองคนตรงหน้าผ่านความมืดสลัวด้วยความตระหนก
‘กรี๊...อุ๊บ!’
‘ชู่ว...อย่าขัดขืน ช่วยฉัน! แล้วฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ’ เพียงจบคำ เจ้าของเสียงกร้าวสั่นพร่านั้นก็บดจูบรุกเร้าหนักหน่วงแบบไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ตอบโต้ คีตาลดาได้แต่หวีดร้องก้องอกด้วยความหวาดกลัว หญิงสาวพยายาม ดิ้นรนขัดขืนหัวใจดวงน้อยเต้นระรัว หยาดน้ำตาอุ่นใสไหลทะลักจากสองตาอย่างไม่อาจหักห้ามได้
หนีเสือปะจระเข้แท้ๆ รอดพ้นจากเงื้อมมือคนชั่วนั่น แต่กลับต้องมาสังเวยร่างกายให้กับผู้ชายที่เธอมองไม่เห็นแม้แต่หน้าว่าคือใคร ความมืดสลัวกับสติที่เลื่อนลอยทำให้ทุกอย่างพร่าพรายไปหมด ยิ่งถูกคนร่างหนาใหญ่คุกคามไม่เว้นช่วงจังหวะให้หนีรอด ร่างกายซึ่งร้อนลุ่มเพราะถูกครอบงำด้วย ฤทธิ์ยาก็ยิ่งถูกกระตุ้นให้สติกระจัดกระเจิงจนเธอร่วงหล่นลงสู่ห้วงแห่งเพลิงกามาอันเร่าร้อน
“หยุดเถอะลดา! หยุดคิดเสียที ฉันรับมันไม่ไหวแล้ว” คีตาลดาฝืนดึงตัวเองออกจากภาพความฝันในค่ำคืนเลวร้าย วันนั้น นี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วเธอก็นับไม่ถ้วน ยิ่งพยายามฝืนดึงตัวเองออกมาก็เหมือนยิ่งจมดิ่งลงไปในห้วงมหาสมุทรสุดลึก ดำผุดดำว่ายปริ่มจะจมน้ำตายเสียให้ได้ แต่ท้ายสุดก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมานอนเกยหาดหายใจรวยรินก่อนจะลื่นไถลจมดิ่งลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า
“พอแล้ว...เจ็บปวดมากพอแล้ว ขอล่ะ…อย่าคิดถึงมันอีกเลยนะ” หญิงสาววอนขอพลางจ้องมองสภาพทรุดโทรมของตังเองในกระจก ดวงตาแข็งกร้าวเปลี่ยนแปรเป็นไหวระริก แววตาที่เคยเจิดจรัสกลับเต็มไปด้วยความร้าวระทม
“แค่เยื่อบางๆนั่น มันมีค่ามากกว่าชีวิตและลมหายใจของเธอเหรอลดา แค่วันนี้เธอยังมีชีวิต มีลมหายใจมันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ” คีตาลดายิ้มอ่อนให้ตัวเอง ดวงตาคู่สวยกระพริบถี่ขับไล่หยาดน้ำตาที่ไหลรินจ้องมองตัวเองในกระจก ความคิดทุกอย่างหยุดลงชั่วขณะ ปล่อยให้ในห้วงความรู้สึกมีแต่ความว่างเปล่าอยู่แบบนั้นนิ่งนาน
----------------------------------
ไรท์ต้มมาม่าให้กินตั้งแต่เปิดเรื่องเลย อ่านแล้วถ้ายังรู้สึกไหวก็ไปต่อได้เลยนะคะ ไรท์สัญญาว่าไม่มีมาม่าทุกตอนแน่นอนค่ะ อ่านแล้วชอบใจก็เม้นท์ให้กำลังใจกันได้นะคะ แต่ถ้าไม่ชอบใจก็ขอให้ผ่านไป ไม่ต่อว่ารุนแรงต่อกันนะ ไรท์ใจบางมากๆ^^
“เคเคครับ ได้เบาะแสของผู้หญิงคนนั้นแล้วครับ”“เจอเธอที่ไหน”“เธอเป็นนักเปียโนใหม่เพิ่งมาเล่นที่ เค.เค.รอยัลเมื่อวานนี้ครับ”“สั่งการลงไป ให้เธอไปรายงานตัวที่ เค.เค. รอยัล คลับ ฉันจะไปรอเธอที่นั่น”“ครับเคเค”เมื่อสั่งการเสร็จท่านประธานก็เอนกายหนาพิงพนักเก้าอี้ผู้บริหารตัวใหญ่ทอดสายตาคมกริบผ่านผนังกระจกใสเบื้องหน้าไปยังทิวทัศน์ของเมืองกรุง ห้องทำงานของเขาเป็นห้องที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมหรูอันดับหนึ่งจึงมองเห็นทัศนียภาพไกลสุดหูสุดตาตัดขอบฟ้าใส หัวใจแกร่งของเขาวันนี้เหมือนจะเต้นเร็วขึ้นกว่าปกติจนเจ้าตัวรู้สึกได้ เขาผ่อนลมหายใจเบาๆเมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ตื่นตัวภายใน‘หึ! ฉันตามหาเธอมาเกือบเดือน ไม่คิดว่าจู่ๆเธอก็เดินเข้ามาหาฉันเอง’ริมฝีปากหยักสวยราวอิสตรียกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ข่าวที่ได้รับวันนี้ทำให้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ดวงหน้าสวยหวานละมุนของคนในห้วงมโนนึกผุดพรายขึ้นกลางเวิ้งฟ้าเบื้องหน้า ชวนให้เขาคิดถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น‘ช่วยฉัน แล้วฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ’เขาพูดแล้วย่อมคำไหนคำนั้น เขารักษาคำพูดเสมอ“ฉันจัดการพวกที่ทำร้ายเธอวันนั้น แก้แค้นแทนเธอแล้ว” ประธานใหญ่ยก
คีตาลดารู้สึกประหลาดใจเมื่อผู้จัดการโรงแรมบอกให้เธอไปรายงานตัวกับท่านประธานใหญ่ที่ เค.เค. รอยัล คลับ เธอเป็นเพียงนักเล่นเปียโนพาร์ทไทม์ตัวเล็กๆธรรมดาคนหนึ่ง แต่เพราะอะไรถึงต้องรายงานตัวตรงต่อประธานใหญ่ของเค.เค. กรุ๊ป แม้ในหัวจะเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ความสงสัยมากอยู่ แต่เธอก็ได้แต่ทำตามคำสั่งโดยไม่ขัดข้อง‘หึ! คำสั่งท่านประธาน มีหรือที่เธอจะหาญกล้า อย่าว่าแต่เธอเลย เป็นใครก็ไม่กล้าขัดด้วยกันทั้งนั้น’คีตาลดาหยุดความคิดตัวเองเพียงเท่านั้นเมื่อเธอมาถึงพนักงานต้อนรับของคลับก็พาเธอมายังห้องรับรองสุดหรูของที่นั่น พนักงานที่พาเธอมาส่งเคาะประตูห้องแล้วเปิดออกก่อนผายมือเชื้อเชิญให้เธอเข้าไปข้างใน คีตาลดาอดใจสั่นไม่ได้เมื่อเท้าเล็กๆก้าวเข้าไปในห้อง หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าจนลึกสุดเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง“นักเปียโนใหม่ที่ท่านเรียกพบมาแล้วครับ”พนักงานคนนั้นรายงานแล้วถอยกลับออกไป คีตาลดามองไปยังคนที่นั่งหันหลังให้เธอ ขนาดว่าพนักเก้าอี้ที่เขานั่งทั้งสูงและใหญ่แต่เธอก็ยังเห็นศีรษะของเขาโผล่พ้นพนักเก้าอี้กว่าครึ่งหัว เธอเดาโดยประมาณว่าเขาน่าจะสูงเกิน 190 เซนติเมตรน่าจะได้ เธอเคยได้ยินมาบ้างว่าทายาทค
คีตาลดานั่งอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เบื้องหน้าของเธอคือกระจกเงาบานใหญ่ ในห้องพักนักดนตรีของโรงแรมตอนนี้มีเธอเพียงคนเดียว หญิงสาวมองดูตัวเองในกระจกนิ่งดั่งคนกำลังตกอยู่ในภวังค์ ความคิดดิ่งลึกนึกถึงช่วงเวลาก่อนที่เธอจะก้าวออกมาจากห้องรับรองนั้น“คุณแน่ใจนะว่าเราไม่เคยเจอกันมาก่อนหน้านี้”แปลก... น้ำเสียงนุ่มทุ้มต่ำลึกที่กระซิบข้างหลัง เธอช่างคุ้นหูเธอเหลือเกิน ตอนแรกที่เขาถามเธอไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอถูกถามย้ำอีกครั้งในระยะประชิดตัวแบบนี้ เธอก็อดหวนคิดถึงฝันร้ายแสนหวามในค่ำคืนนั้นไม่ได้บ้าจริง! คิดแบบนั้นได้ยังไงกันนะลดา ท่านประธานจะเป็นผู้ชายคนนั้นได้ยังไง ต่อให้เกิดเหตุในโรงแรมของเขาก็เถอะ แต่ทายาทคุปต์อนันต์อย่างเขาจะไม่เลือกกินขนาดลากใครที่ไหนขึ้นเตียงแบบนั้น มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้“ท่านประธานถามแบบนี้ กำลังจะบอกว่าเคยเจอดิฉันมาก่อนหน้านี้เหรอคะ” เธอถามออกไปแล้วกลั้นใจรอคำตอบ หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด หากใช่ล่ะ?“คุณอยู่ในสถานะที่ควรย้อนถามผมอย่างนั้นเหรอ”คำถามของเขาทำเอาใจเธอหล่นวูบ นั่นสินะ เธอเป็นใครถึงอาจหาญย้อนถามเขาไปแบบนั้น“ขอประทานโทษค่ะ ดิฉันล่วงเกินท่านแล้ว ดิฉัน
เมื่อได้นั่งไล่ปลายนิ้วไปตามคีย์เปียโนคีตาลดาก็ไม่คิดถึงสิ่งใดนอกจากส่งมอบเสียงเพลงแห่งความสุขให้แก่คนฟัง นานเท่านานที่เธอปล่อยความคิดจิตใจเคลียคลอไปกับเสียงเปียโน ความรู้สึกอิ่มอุ่นในหัวใจ ความสุขสดใสที่เธอถ่ายทอดผ่านปลายนิ้วไล่สัมผัสไปกับคีย์เปียโนนั้นทรงพลังตราตรึงในหัวใจคนฟังมานักต่อนัก วันนี้เป็นอีกวันที่เธอสร้างความประทับใจให้แก่แขกที่มารับประมานอาหารใน เค.เค.รอยัล คลับ แห่งนี้คีตาลดาโค้งคำนับรับเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมหลังเสียงเพลงสุดท้ายของวันนี้สิ้นสุดลง หญิงสาวยิ้มกว้างยามกวาดสายตามองไปโดยรอบ หัวใจดวงน้อยกวัดแกว่งอย่างแปลกประหลาดเมื่อเห็นว่าโต๊ะหน้าเวทีไร้เงาของคิริน‘เขาไม่ชอบอย่างนั้นเหรอ’ คีตาลดาปัดความคิดนั้นออกจากหัวแล้วค้อมกายโค้งคำนับบรรดาแขกในห้องอาหารนั้น อีกครั้งแล้วหันหลังกลับก้าวลงด้านหลังเวที แม้จะพยายามตัดความคิดเกี่ยวกับทายาทคุปต์อนันต์ออกไปแต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ หากประธานใหญ่ไม่ชื่นชอบผลงานการแสดงของเธอแล้ว เธออาจถูกเลิกจ้างก็เป็นไปได้“วันนี้คุณยอดเยี่ยมมากครับคีตาลดา”“ผู้จัดการชมเกินไปแล้วค่ะ”แม้หัวใจดวงน้อยจะฟองฟู่กับคำชมของวีกิจผู้จัดการห้องอาหาร แต
เอี๊ยดดด!!คีตาลดาหัวทิ่มโขลกกับคอนโซลรถด้านหน้า เพราะจู่ๆก็มีรถสปอร์ตสีดำขับปาดตัดหน้าจนทัชกรเบรกรถจนตัวโก่ง แรงกระแทกทำเอาเธอถึงกับมึนงงไปชั่วขณะ แต่ก็ยังพอรับรู้ได้ถึงความเกรี้ยวกราดของทัชกร“ไอ้ห่าเอ๊ย! ขับรถประสาอะไรวะ”คีตาลดาได้ยินทัชกรสบถด่าลั่นก่อนที่เขาจะเปิดประตูก้าวลงไป หญิงสาวพยายามดึงสติหวังอาศัยช่วงจังหวะนั้นหลบหนีเอาตัวรอด แต่เธอรู้สึกมึนงงมาก รอบด้านพร่าเลือนมองอะไรไม่ชัดจึงพยายามใช้มือคลำหาที่จับเปิดประตูรถสะเปะสะปะ พอจะเปิดก็เปิดไม่ออกเพราะเป็นระบบล็อคอัตโนมัติด้านนอก ทัชกรที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงกับยืนตะลึงเมื่อพบว่ารถสปอร์ตที่ขับปาดหน้าตนคือใคร เขากลืนน้ำลายลงคอฝืดเฝื่อนก่อนจะฝืนยิ้มเจื่อนทักทายจนตรงหน้า“คุณคิรินนั่นเอง ผมทัชกร”ผัวะ!หมัดหนักๆที่ซัดเข้าตรงโหนกแก้มซ้ายของเขาคือคำทักทายตอบ แรงอัดกระแทกแบบไม่ทันตั้งรับทำเอาทัชกรถึงกับถลาล้มหน้าคะมำ“คุณคิริน คุณชกหน้าผมแบบนี้หมายความว่ายังไง ผมไปทำอะไรให้คุณ”ผัวะ!หมัดที่สองตามมาติดๆแบบที่ทัชกรไม่มีโอกาสต่อต้าน ยิ่งเห็นแววเกรี้ยวกราดในดวงตาสีดำสนิทของคิรินแล้ว คนขลาดอย่างทัชกรก็หงอไม่กล้าต่อกรกลับ“หมัดแรกสั่งสอนท
ก๊อกๆ ก๊อกๆเสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ คีตาลดาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกที่มีคนเข้ามาแทรก แต่เหมือนท่านประธานใหญ่จะขัดอกขัดใจ เธอทันได้เห็นแววขุ่นเคืองวาววับในดวงตาคู่คมก่อนจะหายไปกลายเป็นนิ่งสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์“มีอะไรว่ามา” น้ำเสียงเขาช่างดุเข้มทรงพลังอำนาจในความรู้สึกของคีตาลดา หญิงสาวลอบมองคนเพิ่งเข้ามาในห้องด้วยความเป็นห่วง แต่เห็นอีกฝ่ายสีหน้านิ่งสนิทไม่หวั่นเกรงใดๆ เธอก็เลิกห่วงใย อดนึกค่อนขอดในใจไม่ได้ว่าเจ้านายลูกน้องช่างเหมือนกันราวโคลนนิ่งกันมา“คุณนิธิยื่นคำขาดมาว่าถ้าเคเคไม่ไปเจรจาเรื่องลงทุนโครงการใหม่ภายในครึ่งชั่วโมง คุณนิธิจะยกเลิกความร่วมมือกับเคเคทุกโครงการครับ”“ตอบกลับไปว่าฉันจะไปถึงที่นั่นภายในครึ่งชั่วโมงแน่นอน” คิรินสั่งการอย่างไม่ต้องหยุดคิด ชินโยรับคำแล้วออกจากห้องไปทำตามคำสั่ง พอประตูห้องปิดสนิทคิรินก็ดึงสายตากลับมามองคนบนเตียงเห็นเธอกำลังจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว คิรินยิ้มอ่อนเมื่อเห็นแววตาสีหน้ารู้สึกผิดของเธอ“อย่ากังวลไปเลยคีตาลดา เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ เป็นผมเองที่เต็มใจและยินดีช่วยคุณให้พ้นอันตราย ต่อให้มีนัดที่สำคัญกว่านี้ผมก็ไม่เสียใจที่เลือกตามไปช่วย
“เคเคคะ คอนโดฯของลดาไม่ได้ไปทางนี้ค่ะ” คีตาลดารีบหันมาบอกคิรินทันทีที่เห็นว่าคนขับรถของเขาขับเลยทางแยกไปคอนโดมิเนียมของเธอ“ผมรู้”“เคเครู้ แล้วไงคะ หรือว่าคุณคนขับรถไม่รู้” คีตาลดาหันมาถามชินโยซึ่งทำหน้าที่คนขับรถ เธอเห็นเขาทำทองไม่รู้ร้อนก็นึกขัดใจ“คุณคะเดี๋ยวถึงจุดกลับรถข้างหน้าคุณก็ยูเทิร์นกลับนะคะ แล้ว...”“ขับตรงไปตามเดิมแหละชินโย” คิรินแทรกขึ้นก่อนที่คีตาลดาจะทันพูดจบ หญิงสาวหันขวับมามองเขาแล้วเลิกคิ้วขณะถาม“เมื่อกี้นี้เคเคพูดว่าอะไรนะคะ”“ผมบอกให้ชินโยขับตรงไปไม่ต้องยูเทิร์น”“แต่มันเลยทางไปคอนโดฯลดาแล้วนะคะ ไม่กลับรถแล้วจะไปทางไหน”“แล้วใครบอกว่าจะไปคอนโดฯ คุณล่ะ”คำพูดแนวนี้ ซีนประมาณนี้เธอเคยเห็นในละครรักแทบจะทุกเรื่องแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงของเธอคีตาลดาขบฟันจ้องเขาพลางกระพริบตาปริบๆ หลังจากคิรินพูดยิ้มๆ เขาก็หันไปสนใจอ่านอะไรในสมาร์ทโฟนของตัวเองไม่ได้หันมามองหน้าเธอสักนิด“คุณคะ ช่วยจอดรถตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าด้วยนะคะ” เมื่อเขาเอาแต่สนใจอ่านอะไรในสมาร์ทโฟนของเขาไม่มีทีท่าสนใจเธอ คีตาลดาก็หันมาทางชินโย แต่เธอก็ต้องหงุดหงิดเมื่อชินโยก็ทำท่าไม่รับรู้เหมือนเดิม“เค