คีตาลดานั่งอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เบื้องหน้าของเธอคือกระจกเงาบานใหญ่ ในห้องพักนักดนตรีของโรงแรมตอนนี้มีเธอเพียงคนเดียว หญิงสาวมองดูตัวเองในกระจกนิ่งดั่งคนกำลังตกอยู่ในภวังค์ ความคิดดิ่งลึกนึกถึงช่วงเวลาก่อนที่เธอจะก้าวออกมาจากห้องรับรองนั้น
“คุณแน่ใจนะว่าเราไม่เคยเจอกันมาก่อนหน้านี้”
แปลก... น้ำเสียงนุ่มทุ้มต่ำลึกที่กระซิบข้างหลัง เธอช่างคุ้นหูเธอเหลือเกิน ตอนแรกที่เขาถามเธอไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอถูกถามย้ำอีกครั้งในระยะประชิดตัวแบบนี้ เธอก็อดหวนคิดถึงฝันร้ายแสนหวามในค่ำคืนนั้นไม่ได้
บ้าจริง! คิดแบบนั้นได้ยังไงกันนะลดา ท่านประธานจะเป็นผู้ชายคนนั้นได้ยังไง ต่อให้เกิดเหตุในโรงแรมของเขาก็เถอะ แต่ทายาทคุปต์อนันต์อย่างเขาจะไม่เลือกกินขนาดลากใครที่ไหนขึ้นเตียงแบบนั้น มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ท่านประธานถามแบบนี้ กำลังจะบอกว่าเคยเจอดิฉันมาก่อนหน้านี้เหรอคะ” เธอถามออกไปแล้วกลั้นใจรอคำตอบ หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด หากใช่ล่ะ?
“คุณอยู่ในสถานะที่ควรย้อนถามผมอย่างนั้นเหรอ”
คำถามของเขาทำเอาใจเธอหล่นวูบ นั่นสินะ เธอเป็นใครถึงอาจหาญย้อนถามเขาไปแบบนั้น
“ขอประทานโทษค่ะ ดิฉันล่วงเกินท่านแล้ว ดิฉันพูดไม่ทันคิด ดิฉัน...”
“พอเถอะ! ผมขี้เกียจฟังคำขอโทษคำแก้ตัว คุณไปได้แล้ว” น้ำเสียงของเขาฉุนเล็กน้อย คีตาลดาหันขวับมามองท่านประธานด้วยแววตาวาววับบ่งบอกความเป็นคนไม่ยอมคน แต่เพียงวูบเดียวประกายเรืองรองในดวงตากลมโตของเธอก็เปลี่ยนเป็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงบนิ่ง
“ขอบคุณสำหรับโอกาสที่มอบให้ ดิฉันไม่รบกวนท่านแล้ว สวัสดีค่ะ”
พอพูดจบคีตาลดาก็เปิดประตูห้องแล้วก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว เธอไม่ได้หันกลับไปมองว่าท่านประธานใหญ่ทายาทคุปต์อนันต์จะมองตามมาหรือว่าทำอะไรหลังจากนั้น สิ่งเดียวที่อยู่ในความรู้สึกนึกคิดของเธอก็คือ รีบทำภารกิจที่ตั้งใจให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด ก่อนที่เธอจะถูกเขาก็ไล่ออกเพราะเธอเป็นจุดด่างพร้อยที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเค.เค.รอยัลเสื่อมเสีย
‘เครียดเกินไปแล้ว ช่วงนี้เธอเครียดเกินไปแล้วลดา แบบนี้ไม่เป็นผลดีกับงานของเธอเลยนะ เธอจะเล่นเปียโนในสภาพจิตใจตึงเครียดแบบนี้ได้ยังไงกัน’
คีตาลดาสลัดศีรษะขับไล่ความตึงเครียด หญิงสาวเป่าลมออกจากปากแรงๆแล้วสูดอากาศเข้าปอดลึกๆปรับสภาพอารมณ์ให้มั่นคง อีกไม่ถึงชั่วโมงเธอต้องขึ้นเวทีเล่นเปียโนที่ห้องอาหารแล้ว ความสุขคือสิ่งที่เธอต้องส่งมอบให้ผู้คน ไม่ใช่ความตึงเครียดที่มีอยู่เต็มหัวเธอ
หญิงสาวปรับสภาพอารมณ์ตัวเองอยู่พักใหญ่ เมื่อรู้สึกมั่นคงก็พอดีกับสตาฟจัดคิวแสดงบนเวทีเข้ามาเตือนให้เธอออกไปรอเตรียมพร้อมขึ้นเวทีในอีกสิบนาที คีตาลดายิ้มให้กำลังใจตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินตามสตาฟคนนั้นออกไปรอด้านหลังเวที
เพียงอึดใจก็ถึงคิวเธอขึ้นแสดง พลันสายตาของเธอก็สบเข้ากับร่างสูงใหญ่ของทายาทคุปต์อนันต์ที่กำลังเดินเข้ามาในห้องอาหารแห่งนั้น เขาตรงไปยังโต๊ะอาหารซึ่งอยู่ชิดติดขอบเวที หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอฝืดเฝื่อน สองเท้าเล็กๆออกอาการสั่นขณะเธอก้าวเดินไปยังเปียโนที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเวที
ช่างเขาเถิด... เขาจะมาประเมินผลงานการแสดงของเธอหรือว่าอย่างไรก็ช่างเขาเถิด ถือเสียว่าเขาคือแขกผู้มีเกียรติคนหนึ่ง เขาเป็นคนฟัง เธอเป็นคนบรรเลง ทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุดเท่านั้นก็พอ
ดวงตาคมกริบของคิรินจับจ้องมองคนบนเวทีตลอดเวลา ในหัวของเขามีแต่ความคิดเกี่ยวกับเรื่องราวของเธอ ยิ่งคิดถึงชายชั่วที่ทำร้ายเธอในวันนั้น ใจของเขาก็ยิ่งคุกรุ่น เขารู้สึกว่าที่จัดการสั่งสอนพวกมันยังน้อยไปกับสิ่งที่พวกมันทำกับเธอ และยังมีใครบางคนลอยนวลยังไม่ได้รับผลกรรมที่มันกระทำ
‘คีตาลดาผมจะปกป้องคุณเอง ใครก็ตามที่มันทำร้ายคุณผมจะเอาคืนให้สาสม’
คิรินผ่อนลมหายใจปัดความคิดร้อนลุ่มชวนคุกรุ่นใจออกไป เขาดึงความคิดกลับมาสนใจคนบนเวทีกับเสียงเพลงที่เธอบรรเลง ทั้งที่เป็นบทเพลงคุ้นหูซึ่งเคยฟังมานักต่อนัก แต่ท่วงทำนองที่คีตาลดาบรรเลงนั้นช่างลึกซึ้งตราตรึงหัวใจเกินคำบรรยาย
เขาควรคุยกับเธอถึงเรื่องราวค่ำคืนนั้นเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยหรือควรเก็บงำเอาไว้แบบนี้ต่อไปดี
ทำไปทำมาเขาก็วนความคิดกลับมาเรื่องนี้อีกจนได้ ช่างน่าหัวเราะ มหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่แห่งตระกูลคุปต์อนันต์กลับลังเลเพราะผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง เขาควรจะมาคิดอะไรมากมายอย่างนั้นเหรอ เพียงเขากระดิกนิ้วก็มีแต่คนพร้อมวิ่งเข้าหา แล้วทำไมกับเธอคนนี้ ‘คีตาลดา’ ผู้หญิงที่เขาครอบครองเธออย่างสมบูรณ์แล้ว เขาถึงไม่กล้าพอที่จะเปิดเผยตัวตนแล้วครอบครองเธอตลอดกาล
ไม่! เขาทำแบบนั้นไม่ได้ จากการประเมินคีตาลดาไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะใช้อำนาจบีบบังคับให้ทำตามใจได้ เขารู้ว่าใน ทีท่านอบน้อมยอมจำนนเต็มไปด้วยความทระนงไม่ยอมให้ใครหยามศักดิศรีง่ายๆ
การใช้อำนาจเงินกับเธอมีแต่จะทำให้เธอหนีหายไปจากเขา ดังนั้นเขาควรใจเย็นให้มากพอ รอให้เธอคุ้นชินกับเขาอีกสักหน่อย แล้วค่อยๆเผยความจริง ค่อยๆตะล่อมต้อนเธอมาครอบครอง
ตื๊ดดดด...ตื๊ดดดด...
คิรินตวัดสายตามองสมาร์ทโฟนบนโต๊ะ เขารับสายทันทีโดยไม่รอให้ดังนาน หากไม่ใช่เรื่องด่วนชินโยไม่มีทางโทรมารบกวนเขาในเวลาแบบนี้แน่นอน
“เคเคครับ คุณนายใหญ่มา กำลังถามหาเคเคให้วุ่นเลยครับ”
คิรินเขาถอนหายใจ มารดามาหาเขาแบบไม่บอกกล่าวอย่างนี้ ไม่ต้องเดาเขาก็รู้ว่าฝีมือใคร
‘หงุดหงิดชะมัด’ นรียาถือว่ามีมารดาเขาให้ท้ายหล่อนถึงตามตอแยไม่เลิก คิดว่าลากมารดาเขามาที่นี่ได้แล้วจะได้ตามหวังเหรอ หึ! ไม่มีทาง
“รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง” เขาพูดเพียงเท่านั้นก็ตัดสายก่อนตวัดสายตามองคนบนเวที ภาพคีตาลดากำลังเพลิดเพลินกับการบรรเลงเสียงเพลงช่างสวยหวานในความรู้สึก ภาพนั้นทำให้แววคุกรุ่นในดวงตาของคิรินอ่อนโยนลง ริมฝีปากหยักสวยยิ้มเล็กๆก่อนเจ้าตัวจะตัดใจลุกขึ้นเดินออกไป นรียาทำให้เขาพลาดช่วงเวลาดีๆ เขาก็จะทำให้หล่อนพลาดหวังเช่นทุกครั้ง ในเมื่อพามารดามากดดันเขาก็เรื่องของหล่อน เขาไม่อยู่ที่นี่แล้วหล่อนจะทำอะไรได้
-----------------------------------
มัมมาขัดจังหวะลูกแล้วค่ะมัม ลูกกำลังคลั่งสาว มัมจะรู้ไหมน้า...
เมื่อได้นั่งไล่ปลายนิ้วไปตามคีย์เปียโนคีตาลดาก็ไม่คิดถึงสิ่งใดนอกจากส่งมอบเสียงเพลงแห่งความสุขให้แก่คนฟัง นานเท่านานที่เธอปล่อยความคิดจิตใจเคลียคลอไปกับเสียงเปียโน ความรู้สึกอิ่มอุ่นในหัวใจ ความสุขสดใสที่เธอถ่ายทอดผ่านปลายนิ้วไล่สัมผัสไปกับคีย์เปียโนนั้นทรงพลังตราตรึงในหัวใจคนฟังมานักต่อนัก วันนี้เป็นอีกวันที่เธอสร้างความประทับใจให้แก่แขกที่มารับประมานอาหารใน เค.เค.รอยัล คลับ แห่งนี้คีตาลดาโค้งคำนับรับเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมหลังเสียงเพลงสุดท้ายของวันนี้สิ้นสุดลง หญิงสาวยิ้มกว้างยามกวาดสายตามองไปโดยรอบ หัวใจดวงน้อยกวัดแกว่งอย่างแปลกประหลาดเมื่อเห็นว่าโต๊ะหน้าเวทีไร้เงาของคิริน‘เขาไม่ชอบอย่างนั้นเหรอ’ คีตาลดาปัดความคิดนั้นออกจากหัวแล้วค้อมกายโค้งคำนับบรรดาแขกในห้องอาหารนั้น อีกครั้งแล้วหันหลังกลับก้าวลงด้านหลังเวที แม้จะพยายามตัดความคิดเกี่ยวกับทายาทคุปต์อนันต์ออกไปแต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ หากประธานใหญ่ไม่ชื่นชอบผลงานการแสดงของเธอแล้ว เธออาจถูกเลิกจ้างก็เป็นไปได้“วันนี้คุณยอดเยี่ยมมากครับคีตาลดา”“ผู้จัดการชมเกินไปแล้วค่ะ”แม้หัวใจดวงน้อยจะฟองฟู่กับคำชมของวีกิจผู้จัดการห้องอาหาร แต
เอี๊ยดดด!!คีตาลดาหัวทิ่มโขลกกับคอนโซลรถด้านหน้า เพราะจู่ๆก็มีรถสปอร์ตสีดำขับปาดตัดหน้าจนทัชกรเบรกรถจนตัวโก่ง แรงกระแทกทำเอาเธอถึงกับมึนงงไปชั่วขณะ แต่ก็ยังพอรับรู้ได้ถึงความเกรี้ยวกราดของทัชกร“ไอ้ห่าเอ๊ย! ขับรถประสาอะไรวะ”คีตาลดาได้ยินทัชกรสบถด่าลั่นก่อนที่เขาจะเปิดประตูก้าวลงไป หญิงสาวพยายามดึงสติหวังอาศัยช่วงจังหวะนั้นหลบหนีเอาตัวรอด แต่เธอรู้สึกมึนงงมาก รอบด้านพร่าเลือนมองอะไรไม่ชัดจึงพยายามใช้มือคลำหาที่จับเปิดประตูรถสะเปะสะปะ พอจะเปิดก็เปิดไม่ออกเพราะเป็นระบบล็อคอัตโนมัติด้านนอก ทัชกรที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงกับยืนตะลึงเมื่อพบว่ารถสปอร์ตที่ขับปาดหน้าตนคือใคร เขากลืนน้ำลายลงคอฝืดเฝื่อนก่อนจะฝืนยิ้มเจื่อนทักทายจนตรงหน้า“คุณคิรินนั่นเอง ผมทัชกร”ผัวะ!หมัดหนักๆที่ซัดเข้าตรงโหนกแก้มซ้ายของเขาคือคำทักทายตอบ แรงอัดกระแทกแบบไม่ทันตั้งรับทำเอาทัชกรถึงกับถลาล้มหน้าคะมำ“คุณคิริน คุณชกหน้าผมแบบนี้หมายความว่ายังไง ผมไปทำอะไรให้คุณ”ผัวะ!หมัดที่สองตามมาติดๆแบบที่ทัชกรไม่มีโอกาสต่อต้าน ยิ่งเห็นแววเกรี้ยวกราดในดวงตาสีดำสนิทของคิรินแล้ว คนขลาดอย่างทัชกรก็หงอไม่กล้าต่อกรกลับ“หมัดแรกสั่งสอนท
ก๊อกๆ ก๊อกๆเสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ คีตาลดาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกที่มีคนเข้ามาแทรก แต่เหมือนท่านประธานใหญ่จะขัดอกขัดใจ เธอทันได้เห็นแววขุ่นเคืองวาววับในดวงตาคู่คมก่อนจะหายไปกลายเป็นนิ่งสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์“มีอะไรว่ามา” น้ำเสียงเขาช่างดุเข้มทรงพลังอำนาจในความรู้สึกของคีตาลดา หญิงสาวลอบมองคนเพิ่งเข้ามาในห้องด้วยความเป็นห่วง แต่เห็นอีกฝ่ายสีหน้านิ่งสนิทไม่หวั่นเกรงใดๆ เธอก็เลิกห่วงใย อดนึกค่อนขอดในใจไม่ได้ว่าเจ้านายลูกน้องช่างเหมือนกันราวโคลนนิ่งกันมา“คุณนิธิยื่นคำขาดมาว่าถ้าเคเคไม่ไปเจรจาเรื่องลงทุนโครงการใหม่ภายในครึ่งชั่วโมง คุณนิธิจะยกเลิกความร่วมมือกับเคเคทุกโครงการครับ”“ตอบกลับไปว่าฉันจะไปถึงที่นั่นภายในครึ่งชั่วโมงแน่นอน” คิรินสั่งการอย่างไม่ต้องหยุดคิด ชินโยรับคำแล้วออกจากห้องไปทำตามคำสั่ง พอประตูห้องปิดสนิทคิรินก็ดึงสายตากลับมามองคนบนเตียงเห็นเธอกำลังจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว คิรินยิ้มอ่อนเมื่อเห็นแววตาสีหน้ารู้สึกผิดของเธอ“อย่ากังวลไปเลยคีตาลดา เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ เป็นผมเองที่เต็มใจและยินดีช่วยคุณให้พ้นอันตราย ต่อให้มีนัดที่สำคัญกว่านี้ผมก็ไม่เสียใจที่เลือกตามไปช่วย
“เคเคคะ คอนโดฯของลดาไม่ได้ไปทางนี้ค่ะ” คีตาลดารีบหันมาบอกคิรินทันทีที่เห็นว่าคนขับรถของเขาขับเลยทางแยกไปคอนโดมิเนียมของเธอ“ผมรู้”“เคเครู้ แล้วไงคะ หรือว่าคุณคนขับรถไม่รู้” คีตาลดาหันมาถามชินโยซึ่งทำหน้าที่คนขับรถ เธอเห็นเขาทำทองไม่รู้ร้อนก็นึกขัดใจ“คุณคะเดี๋ยวถึงจุดกลับรถข้างหน้าคุณก็ยูเทิร์นกลับนะคะ แล้ว...”“ขับตรงไปตามเดิมแหละชินโย” คิรินแทรกขึ้นก่อนที่คีตาลดาจะทันพูดจบ หญิงสาวหันขวับมามองเขาแล้วเลิกคิ้วขณะถาม“เมื่อกี้นี้เคเคพูดว่าอะไรนะคะ”“ผมบอกให้ชินโยขับตรงไปไม่ต้องยูเทิร์น”“แต่มันเลยทางไปคอนโดฯลดาแล้วนะคะ ไม่กลับรถแล้วจะไปทางไหน”“แล้วใครบอกว่าจะไปคอนโดฯ คุณล่ะ”คำพูดแนวนี้ ซีนประมาณนี้เธอเคยเห็นในละครรักแทบจะทุกเรื่องแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงของเธอคีตาลดาขบฟันจ้องเขาพลางกระพริบตาปริบๆ หลังจากคิรินพูดยิ้มๆ เขาก็หันไปสนใจอ่านอะไรในสมาร์ทโฟนของตัวเองไม่ได้หันมามองหน้าเธอสักนิด“คุณคะ ช่วยจอดรถตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าด้วยนะคะ” เมื่อเขาเอาแต่สนใจอ่านอะไรในสมาร์ทโฟนของเขาไม่มีทีท่าสนใจเธอ คีตาลดาก็หันมาทางชินโย แต่เธอก็ต้องหงุดหงิดเมื่อชินโยก็ทำท่าไม่รับรู้เหมือนเดิม“เค
“เคเค...”“จากนี้ไปคุณคือผู้หญิงของผมคีตาลดา” เขากระซิบชิดริมฝีปากก่อนทาบปิดลงมาอีกครั้งแล้วบดจูบคลอเคล้าราวหิวกระหาย ความเร่าเร้อนออดอ้อนที่เขาถ่ายสอดผ่านจูบแสนหวามทำเอาความรู้สึกนึกคิดของคีตาลดาตีกันวุ่นวายไปหมด‘อยู่กับเขา เป็นผู้หญิงของเขาอย่างนั้นเหรอ นี่เหรอความปรารถนาดีที่เขามอบให้’“ไม่! ฉันไม่ต้องการ ฉันไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงของคุณ”คีตาลดารีบปฏิเสธรัวเร็วทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระ ถ้อยคำที่เธอเอ่ยออกมาทำเอาคิรินชะงักกึก หญิงสาวฉวยโอกาสนั้นผลักไสเขาแล้วพลิกกายหนี คิรินแววตาหล่นวูบเมื่อเห็นคีตาลดาแสดงท่าทีราวหวาดกลัวเขาจับใจ“คีตาลดา...ผมขอโทษ”“ฉันอยากกลับบ้าน ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่” คีตาลดาบอกเสียงสั่นน้ำตาไหลพราก คิรินกำหมัดแน่นเจ็บใจตัวเองที่บุ่มบ่ามทำให้เธอหวาดกลัว เขายื่นมือไปหมายดึงร่างน้อยมากอดปลอบขวัญแต่คีตาลดาก็ถอยร่นหนีไปไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้“โอเคครับ กลับก็กลับผมจะไปส่งคุณเอง” คิรินบอกเสียงอ่อนก่อนถอยห่างออกมา คีตาลดาใช้มือสางผมและจับเสื้อผ้าให้เข้าทีแล้วรีบลงจากเตียงเดินนำเขาออกจากห้องไปทันที คิรินเดินตามไปห่างๆ เว้นช่องว่างให้คีตาลดาลดอาการหวาดระแวง หัวใจแกร่งของคิริ
“คีตาลดาคุณมาได้ยังไง ไหนท่านประธานบอกว่าคุณไม่สบายต้องหยุดสักระยะ”“อะไรนะคะ” คีตาลดาถึงกับอึ้งกับคำทักทายของผู้จัดการภัตตาคาร หญิงสาวใช้สายตาคาดคั้นเอาคำตอบแต่วีกิจก็ยักไหล่ทำไม้ทำมือแบบไม่รู้จะอธิบายอย่างไร อย่าว่าแต่ คีตาลดาจะมึนงงเขาเองก็ยังงงไม่ต่างจากเธอ“คุณมีอะไรก็ไปทำเถอะวีกิจทางนี้ผมจัดการเอง”คีตาลดากับวีกิจหันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกัน ผู้จัดการห้องอาหารขยับจะอ้าปากถามแต่พอสบสายตาคมดุของเจ้านายใหญ่เขาก็รีบชิ่งหลบไปตามคำสั่งทันที“เดี๋ยวสิคะคุณวีกิจแล้วคิวเล่นเปียโนของฉันวันนี้ล่ะคะ”“คิดถึงผลได้ผลเสียภาพรวมบ้างคีตาลดา ถ้าคุณล้มพับไปกลางเวทีแขกเหรื่อจะตกใจขนาดไหน ชื่อเสียงเค.เค.รอยัลจะเป็นยังไง คุณรับผิดชอบไหวเหรอ”“แต่ถ้าฉันไม่ทำงานแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาคืนท่านประธานล่ะคะ”“อยากชดใช้มากขนาดนั้นเชียว”“เงินไม่ใช่น้อยๆจะให้ฉันนิ่งนอนใจได้ยังไงกัน ฉันไม่ใช่คนที่จะยอมรับอะไรจากใครฟรีๆนี่คะ”“ได้! อยากชดใช้นักก็ได้! ถ้าอย่างนั้นมานี่”คิรินพูดแล้วก็อุ้มคีตาลดาจับพาดบ่าเดินลัดเลาะไปช่องทางลับด้านหนึ่งซึ่งมีไว
คิรินเฝ้ามองคนนอนหลับสนิทบนเตียงกว้างด้วยความพะว้าพะวง ตลอดเวลากว่าสี่สิบนาทีที่เขาเฝ้าดูอาการเธอคิรินก็ผุดลุกผุดนั่งอยู่ไม่สุข แม้หมอประจำตัวที่เขาตามให้มาตรวจจะบอกว่าเธอแค่เป็นลมหมดสติเพราะตกใจมากเกินไป นอนหลับพักฟื้นสักหน่อยเดี๋ยวก็ฟื้นตื่นดีถึงกระนั้นเขาก็ยังอดกังวลไม่ได้“เคเค...เคเค...”คิรินหูผึ่งทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกเขาพึมพำเล็ดลอดออกจากริมฝีปากอิ่มระเรื่อที่เผยอแย้มเล็กๆของคนบนเตียง ท่านประธานใหญ่รีบโผเข้าไปหาคว้าเอามือน้อยมากอบกุมไว้แล้วเรียกเธอด้วยความดีอกดีใจ“คีตาลดา เด็กดี ผมอยู่นี่แล้ว” เขาพูดพร้อมกับจ้องมองดวงหน้าหวานที่เริ่มส่ายไปมาราวเจ้าตัวกำลังฝันร้าย คิรินบีบกระชับมือน้อยแน่นเข้าราวต้องการปลอบขวัญ พลันร่างอรชรของคีตาลดาก็ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งพร้อมกับเจ้าตัวตะโกนก้องออกมาลั่นห้อง“ไม่นะ! ไม่!”“คีตาลดา” คิรินเรียกเธอเสียงดังดึงให้คืนสติ หญิงสาวหันขวับมามองคนนั่งข้างๆ พอเห็นเขาชัดเจนเต็มสองตาเธอก็ผวาเฮือกกระถดกายถอยหนีห่างออกไป“คีตาลดา อย่ากลัวผม ได้โปรด...”“อย่าเข้ามา! อย่าเข้ามาใกล้ลดา”คิรินสะอึกอึ้ง
“คีตาลดาผมต้องการคุณ” คิรินพึมพำชิดริมฝีปากอิ่ม ระเรื่อเสียงกระเส่าราวกำลังละเมอ เขาเอ่ยความรู้สึกลึกล้ำในใจแล้วจรดริมฝีปากบดจูบเธอหนักๆแล้วถอนจูบ...วนเวียนอยู่แบบนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า คีตาลดาหอบหายใจถี่กระชั้นกับความหวามหวานซาบซ่านนั้น“คุณเองก็ต้องการผมเช่นกันใช่หรือเปล่า” เขาถามแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่กลม สองมือของเขาประคองดวงหน้าหวานละมุนอย่างทะนุถนอม ไล้ปลายนิ้วโป้งสัมผัสความเนียนนุ่มของผิวแก้มด้วยความเสน่หาจับหัวใจ“ตอบผม...คำถามนี้ผมต้องการคำตอบ” เขาพูดเหมือนออกคำสั่ง แต่เป็นคำสั่งที่เต็มไปด้วยความเว้าวอนออดอ้อน ร้องขอ คีตาลดาตาพร่าพรายหัวใจของเธอเต้นระรัว ยิ่งยามปลายนิ้วของเขาเลื่อนไล้มาทาบลงบนริมฝีปากอิ่มระเรื่อของเธอบดคลึงราวต้องการกระตุ้นย้ำเตือนว่าเขาแทบจะทนรั้งรอคำตอบไม่ไหว คีตาลดาก็ยิ่งหวามไหวรุนแรง“คำถามยากเกินไปใช่ไหม”คีตาลดาส่ายหน้าเธอไม่ได้ตอบเขาด้วยวาจาแต่ใช้ภาษากายแทนคำตอบ หญิงสาวปิดเปลือกตาลง วางมือเล็กทาบบนหลังมือเขาแล้วเลื่อนลงจับยึดข้อมือแกร่งขณะแหงนเงยดวงหน้าขึ้นเผยอแย้มริมฝีปากสั่นระริกราวลูกนกรอคอยพ่อนกป้อนเหยื่อให้กัดกลืน
คีตาลดานั่งมองกล่องของขวัญใบย่อมที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย กล่องใบนี้เธอตั้งชื่อให้มันว่ากล่องแห่งความทรงจำ กล่องที่เธอเก็บเรื่องราวไว้ในนั้นมากมายหญิงสาวค่อยๆเปิดกล่องนั้นออกแล้วหยิบของในนั้นออกมาทีละชิ้น มองดูแล้วยิ้มน้อยๆ ก่อนวางลงข้างกล่องแล้วหยิบชิ้นอื่นๆออกมาทีละชิ้นๆ จนถึงชิ้นสุดท้ายซึ่งเป็นรูปคู่รูปแรกของเธอกับทัชกรคีตาลดามองดูแล้วน้ำตารื้น พอคิดถึงคืนวันเก่าๆแล้วไม่อยากคิดเลยว่าเธอและเขาจะเดินมาถึงจุดสิ้นสุดในวันนี้‘ผมรักคุณนะลดา รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ผมตัดสินใจนานมากกว่าจะทำใจกล้าบอกรักคุณ’คีตาลดาแค่นยิ้มเมื่อคิดถึงคำพูดและสีหน้าของทัชกรในวันนั้น หญิงสาวผ่อนลมหายใจเมื่อคิดถึงคำพูดสุดท้ายที่เธอเขาพูดกับเธอก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุจนเธอเกือบไม่รอดชีวิต‘ผมรักคุณนะลดา ผมอาจเป็นคนเลวในสายตาคุณ แต่ผู้ชายชั่วช้าคนนี้แหละที่หัวใจมันมีแต่คุณ’คีตาลดาปาดน้ำตาซึ่งไหลพราก แล้วตัดใจฉีกรูปถ่ายใบนั้นดั่งต้องการฉีกเธอและทัชกรออกจากกันชั่วกัปชั่วกาล“ฉันไม่รู้ว่ารักของคุณคือเรื่องจริงหรือลวง ฉันรู้แค่วันนี้ฉันมีคนที่
หลายวันแล้วที่คีตาลดายังคงนอนหมดสติอยู่ในห้อง ไอ.ซี.ยู คิรินได้เพียงเฝ้ามองเธออยู่นอกห้องผ่านกระจกใส น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้ม หัวใจแกร่งปวดหนึบที่ตัวเองช่วยอะไรเธอไม่ได้ทำได้เพียงแค่ยืนมอง“หมดเวลาเยี่ยมไข้แล้วค่ะ”เสียงพยาบาลเตือนมาเช่นทุกครั้งที่เขาเอาแต่ยืนมองคีตาลดานิ่งจนวินาทีสุดท้ายที่หมออนุญาตให้เยี่ยมได้ เขาเฝ้าภาวนาหวังสักครั้งว่าจะได้เห็นเธอเปิดปรือเปลือกตาขึ้นมา เขาหวังเหลือใจว่าจะได้เห็นรอยยิ้มได้ยินเสียงหัวเราะของเธอในเร็ววัน“คีตาลดาคุณนอนหลับนานเกินไปแล้วรีบตื่นได้แล้ว ผมคิดถึงคุณจนไม่เป็นอันหลับนอนแล้วรู้ไหมครับ”“คิรินกลับบ้านก่อนเถอะลูก กลับไปนอนพักผ่อนสักหน่อย แม่รู้ว่าคิรินเป็นห่วงน้อง แต่ถ้าน้องตื่นมาเห็นคิรินสภาพนี้น้องคงเสียใจนะลูก” คุณภนิดาอดกังวลไม่ได้ นางกลัวบุตรชายจะทรุดลงไปอีกคน แม้ร่างกายของคิรินจะแข็งแรงแต่อาการบาดเจ็บในวันนั้นก็สรางความบอบช้ำให้ไม่น้อย“พรุ่งนี้เราค่อยมาเยี่ยมน้องกันใหม่นะลูกนะ”“ครับแม่ ผมจะกลับเดี๋ยวนี้ แต่ผมขอไปนอนที่คอนโดฯเหมือนเดิมนะครับ ผมอยากอยู่ในที่ที่เคยอยู่กับคีตาลดา”คุณภนิดา
คีตาลดาครึ่งหลับครึ่งตื่น หญิงสาวพยายามฝืนดึงสติ โชคดีที่เธอกลั้นหายใจจึงสูดไอเย็นชื้นนั่นไม่มาก ไม่กี่นาทีเธอจึงคืนสติแม้จะยังไม่สมบูรณ์แต่ก็พอรู้ตัวว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น“ทัชกรคุณจับตัวฉันมาทำไม” หญิงสาวถามเสียงเครียดพยายามดิ้นหวังให้หลุดจากพันธนาการแต่เชือกที่มัดข้อมือเธอก็แน่นเกินกว่าจะหลุดออกได้“คุณกำลังคิดจะหลบหนีสินะ” คีตาลดาตั้งสติถาม เธอระลึกได้ว่าสร้อยจี้รูปหัวใจนอกจากจะเป็นจีพีเอสติดตามตัวเธอแล้วยังซ่อนไมค์เล็กๆไว้อัดเสียงอีกด้วย หากว่าเธอเป็นอะไรไปอย่างน้อยนี่น่าจะเป็นหลักฐานมัดตัวทัชกรได้“เพราะคุณฉลาดแบบนี้ไงผมถึงรักคุณลดา”“คุณรักแต่ตัวเองต่างหากทัชกร ถ้าคุณรักฉันจริงคุณไม่มีวันจับฉันมาเป็นตัวประกันแบบนี้หรอก”“จุ๊ๆ ใครว่าผมจับคุณมาเป็นตัวประกันล่ะ ผมจะพาคุณหนีไปด้วยกันกับผมต่างหาก”“อย่าหวังว่าฉันจะยินยอมง่ายๆ ฉันไม่มีวันไปกับคุณ” คีตาลดาพูดจบก็ใช้เท้ายันตัวเองขึ้นดันร่างหวังให้หลุดพ้นจากเข็มขัดนิรภัย ทัชกรตกใจกับการกระทำบ้าระห่ำนั่น“คุณทำบ้าอะไรลดากลับไปนั่งที่เดิมเดี๋ยวนี้”คีตาลดาไม่ฟัง หญิงสาวพยายามพุ
“ไม่ต้องมาหัวเราะแม่เลยนะพ่อตัวดี”“ผมบอกแล้วว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม เมียผม...ผมหาเองได้”“ย่ะ!” คุณภนิดาไม่วายค้อนก่อนหันมาทางคีตาลดาบีบไม้บีบมือหญิงสาวแล้วเอื้อนเอ่ยด้วยความยินดี“ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ ตอนหนูบอกป้าว่ามีคนรักอยู่แล้วป้านี่เสียดายจะแย่ ที่แท้คนรักหนูก็คือลูกชายป้านี่เอง”หญิงสาวอมยิ้มขัดเขินขณะเลื่อนผ้าห่มมาคลุมอกให้มารดาของคิริน คุณภนิดามองความอ่อนโยนน่ารักนั้นด้วยความรู้สึกปลื้มปีติ“ถ้าพาหนูลดามาให้แม่รู้จักเร็วกว่านี้ แม่ก็ไม่ต้องมานอนปวดหัวอยู่แบบนี้หรอกคิริน”“ครับคุณแม่ผมผิดเองครับ” คิรินตอบรับแสนทะเล้นแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีถอยห่างออกไปยืนกอดอกมองผู้หญิงที่รักทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนิทสนมคิรินรู้สึกขอบคุณโชคชะตาที่พาให้คีตาลดาเป็นคนช่วยชีวิตมารดาของเขาเอาไว้ อะไรๆจึงลงตัวง่ายขึ้น“คิรินพาน้องกลับไปพักผ่อนเถอะลูกเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”“คุณป้าจะอยู่คนเดียวได้ยังไง ให้ลดาอยู่เป็นเพื่อนดีกว่านะคะ”“คิรินจ้างพยาบาลพิเศษให้อยู่เป็นเพื่อนแล้วหนูกลับไปพักเถอะลดา แล้วต่อไปอย่าเรียกป้าเลยนะ
“คุณแม่ท่านเป็นอะไรเหรอคะทำไมถึงเข้าโรงพยาบาล” คีตาลดาชวนคุยระหว่างนั่งอยู่ในรถ คิรินยิ้มอ่อนก่อนเล่าให้ฟัง“จู่ๆ วันนี้ท่านก็โรคหัวใจกำเริบ โชคดีที่มีคนพบแล้วช่วยเหลือพาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลาไม่อย่างนั้นผมก็คง...”“ไม่เป็นไรนะคะ ตอนนี้ท่านปลอดภัยแล้วนะ” คีตาลดาบีบกระชับมือแกร่งถ่ายทอดความอบอุ่นปลอบประโลมคิรินมองคนรักด้วยความรู้สึกขอบคุณ คีตาลดาเหมือนจะเปราะบางแต่เอาเข้าจริงเขากลับรู้สึกว่าเธอเข้มแข็งกว่าที่เขาคิดมากนัก“เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสขอบคุณคนที่ช่วยเหลือคุณแม่ พอมาถึงโรงพยาบาลเธอก็ไปแล้ว”คีตาลดานิ่วหน้าเล็กๆ เธอรู้สึกแปลกที่เรื่องราวมันคลับคล้ายคลับคลาราวกับว่าเป็นเรื่องเดียวกันกับเธอในวันนี้ หญิงสาวยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อรถสปอร์ตของคิรินก็เลี้ยวเข้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาล คีตาลดาแหงนเงยหน้ามองดูป้ายชื่อโรงพยาบาล เห็นแล้วก็ยิ่งครุ่นคิดหนักเข้าเพราะมันเป็นโรงพยาบาลเดียวกันกับที่เธอพาคุณป้าคนนั้นมาส่งวันนี้“มาเถอะคุณแม่รออยู่” คิรินบอกเมื่อรถเทียบจอดตรงลานจอดรถโซนวีไอพีของโรงพยาบาล คีตาลดาเปิดประตูก้าวลงไปโดยไม่รอให้เขามาเปิดให้ หญ
“ระหว่างผมกับนรียามันมีความเกี่ยวโยงกันแค่นั้นจริงๆคีตาลดา นอกเหนือจากนั้นผมไม่เคยเห็นเขาในสายตาเลยสักนิด”“แต่เขาพูดเต็มปากมั่นใจเกินร้อยเลยนะคะ” คีตาลดาไม่วายท้วง แม้จะเชื่อใจเขาเกินครึ่งแต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ คิรินถอนหายแล้ว โอบกระชับรั้งไหล่แบบบางดึงร่างเธอมากอดแน่นเข้าแล้วถาม“คุณไม่เคยเจอคนพูดเองเออเองคิดไปเองเหรอครับคีตาลดา”“ของแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังนะคะ”“ผมไม่เคยร่วมตบมือร่วมกับใครนอกจากคุณ”คีตาลดาจ้องดวงตาคมกริบซึ่งเจือด้วยแววรักหวานซึ้ง“เชื่อใจผมนะครับ อย่าไปรับเอาคำพูดของคนไร้สติแบบนั้นมาคิดมากเลย”คีตาลดาถอนหายใจก่อนบ่นพึมพำ“ลดาก็ไม่อยากคิดมากหรอกค่ะ แต่เรื่องเพิ่งเกิดก็อดขุ่นเคืองไม่ได้”“เอาแบบนี้...ผมมีวิธีทำให้คุณหายโกรธ”คีตาลดาเลิกคิ้วถาม“ยังไงคะ”“มาเถอะครับ ผมจะพาไประบายมันออกมา”คีตาลดาลุกเดินตามอย่างว่าง่าย แม้จะไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหนแต่ก็ยังดีกว่านั่งอึดอัดอยู่ในห้องนี้“ปกติแล้วคุณระบายความโกรธด้วยวิธีไหนนะ” เขาชวนคุยเมื่อขึ้นนั่งบนรถสปอร์ตคันโก้ของเข
“ฉันได้ยินมาว่านอกจากเธอเล่นเปียโนเก่งแล้วยังอ่อยผู้ชายเก่งอีกด้วย”“คุณเรียกฉันมาพบเพียงเพื่อชมแค่นี้เหรอคะ” คีตาลดาถามยิ้มๆ ท่าทีของเธอดูเป็นคนใจเย็นทั้งที่ภายในดิ้นเร่าด้วยความเกรี้ยวกราดที่ถูกหยามเกียรติ“หน้าด้าน ด่าขนาดนี้ยังมีหน้ามายืดอกมั่นใจ”“แต่ก็คงน้อยกว่าคุณที่หน้าด้านเที่ยวมาอ้างตัวว่าเป็นคู่หมั้นท่านประธานทั้งที่เขาไม่เคยเหลียวแล”“แก! แกกล้าด่าฉัน”“ทำไมคะโดนด่ากลับแค่นี้ทำรับไม่ได้ ทีเวลาด่าคนอื่นทั้งที่ไม่รู้อะไรเลยทำไมไม่คิดล่ะคะ”“ฮึ! แกคิดว่าอ่อยพี่คิรินจนอยู่หมัดสินะถึงได้มั่นหน้ามั่นโหนกขนาดนี้”“ก็นิดนึงค่ะ ไม่เชื่อคุณก็ลองถามใครๆที่คาบข่าวมาบอกคุณสิคะว่าเขาเสพติดฉันมากแค่ไหน”ซ่า!!คีตาลดาฉุนจัดเมื่อถูกนรียาสาดน้ำเย็นใส่เต็มหน้าแบบไม่ทันตั้งตัว แถมยังพ่นวาจาเหยียดยามกระตุ้นความโกรธที่เธอพยายามเก็บกดให้พุ่งพล่าน“จำใส่กระโหลกไว้ ผู้หญิงอย่างแกก็ไม่ต่างอะไรจากกะหรี่ที่พอเห็นเป็นผู้ชายมีเงินก็แหวกขาอ้ารับ”เพียะ!“ว้าย!” นรียาหวีดลั่นด้วยความตกใจเมื่อถูกคีตาลดาฟาดฝ่ามือเผียะเข้า
คิรินงัดเอาสารพัดเหตุผลมาหว่านล้อมจนหญิงสาวยอมมาอยู่คอนโดมิเนียมของเขา คิรินค่อยรู้สึกเบาใจขึ้นมาบ้างเพราะทัชกรยังหนีหายไร้ร่องรอย เขาเกรงว่าหมอนั่นจะซุ่มลอบทำร้ายเธอหมาจนตรอกมันกัดไม่เลือก เขาจึงไม่วางใจให้เธออยู่ไกลจากสายตาวันนี้เป็นวันแรกที่คีตาลดาเดินทางไปทำงานหลังจากหยุดพักมาสองวัน ความไม่คุ้นชินเส้นทางหญิงสาวจึงออกจากคอนโคมิเนียมเร็วกว่าปกติ แม้ว่าคิรินจะสั่งให้คนของเขาคอยรับส่งเธอ แต่คีตาลดาก็ปฏิเสธเพราะกลัวจะเป็นเป้าสายตาให้ใครเก็บไปนินทา คิรินจึงจำยอมอย่างไม่เต็มใจนัก“ช่วยด้วยคนเป็นลม” เสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือดังมาจากโถงด้านล่าง คีตาลดาที่เพิ่งก้าวออกจากลิฟต์รีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือทันที หญิงสาวเห็นหยิงวัยกลางคนนอนหายใจหอบถี่ อ้าปากพงาบๆราวจะบอกอะไรสักอย่าง พอเห็นนางชี้ไปทางกระเป๋าถือที่ตกอยู่ไม่ไกล คีตาลดาก็รู้โดยสัญชาตญาณหญิงสาวรีบหยิบกระเป๋าถือมาเปิดดูเห็นขวดยาอยู่ในนั้น เธอรีบอ่านฉลากเห็นเป็นยารักษาโรคหัวใจก็รีบเปิดขวดเอายากรอกใส่ปากให้คนนอนหายใจรวยริน โชคดีที่เธอเคยดูแลบิดาที่ป่วยเป็นโรคหัวใจเหมือนกันเธอจึงรู้วิธีช่วยชีวิตเบื้องต้นในนาทีวิกฤต
“คืนนั้นอาจเป็นฝันร้าย แต่วันนี้ผมจะทำให้ทุกอย่างกลายเป็นฝันดีของคุณคีตาลดา” เขากระซิบบอกแล้วสอดประสานกายเขาและเธอเข้าด้วยกัน คีตาลดาหวีดเสียงหวานราวกับทุกข์ทรมานสุดแสน คิรินมองร่างอ้อนแอนแอ่นอกยกร่างตอบรับกับการล่วงล้ำของเขาอย่างพึงพอใจ“คีตาลดา”“ขา”“ผมรักคุณ” เขาบอกเสียงอ่อนนุ่มแต่หนักแน่นเหลือเกินในความรู้สึกของคีตาลดา คำพูดของเขาทำเอาเธอฝืนเปิดปรือเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมองเห็นดวงหน้าคมของเขาลอยเด่นอยู่ชิดใกล้ หญิงสาวคลี่ยิ้มหวานขานรับกับคำบอกรักนั้นด้วยความรู้สึกอิ่มอุ่นในหัวใจ ดวงตาของเขายามทอดมองมาช่างหวานล้ำนัก แต่ท่วงทำนองรักที่ขับขานหวานล้ำยิ่งกว่า หวานหวามซาบซ่านจนเธอดิ้นพล่านอย่างไม่อาจหักห้ามใจได้“ผมรักคุณ รักคุณจนหมดใจคีตาลดา รักเหลือเกิน”คำบอกรักพลั่งพลูออกจากริมฝีปากหยักระรัวจนหัวใจของคีตาลดาแบ่งบานขานรับจะไม่ไหว ปากเขาพร่ำบอกรัก ความแข็งแกร่งแห่งชายชาตรีของเขาก็กระหน่ำตอกย้ำหน่วงหนักราวต้องการยืนยันว่าคำบอกรักนั้นมาจากใจอย่างแท้จริง“คุณจำได้ไหมคีตาลดา...ผมเคยบอกว่านับจากคืนนั้นทุกค่ำคืนในฝันของผมก็มีแต่คุณ”“จำได้ค่