คีตาลดานั่งอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เบื้องหน้าของเธอคือกระจกเงาบานใหญ่ ในห้องพักนักดนตรีของโรงแรมตอนนี้มีเธอเพียงคนเดียว หญิงสาวมองดูตัวเองในกระจกนิ่งดั่งคนกำลังตกอยู่ในภวังค์ ความคิดดิ่งลึกนึกถึงช่วงเวลาก่อนที่เธอจะก้าวออกมาจากห้องรับรองนั้น
“คุณแน่ใจนะว่าเราไม่เคยเจอกันมาก่อนหน้านี้”
แปลก... น้ำเสียงนุ่มทุ้มต่ำลึกที่กระซิบข้างหลัง เธอช่างคุ้นหูเธอเหลือเกิน ตอนแรกที่เขาถามเธอไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอถูกถามย้ำอีกครั้งในระยะประชิดตัวแบบนี้ เธอก็อดหวนคิดถึงฝันร้ายแสนหวามในค่ำคืนนั้นไม่ได้
บ้าจริง! คิดแบบนั้นได้ยังไงกันนะลดา ท่านประธานจะเป็นผู้ชายคนนั้นได้ยังไง ต่อให้เกิดเหตุในโรงแรมของเขาก็เถอะ แต่ทายาทคุปต์อนันต์อย่างเขาจะไม่เลือกกินขนาดลากใครที่ไหนขึ้นเตียงแบบนั้น มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ท่านประธานถามแบบนี้ กำลังจะบอกว่าเคยเจอดิฉันมาก่อนหน้านี้เหรอคะ” เธอถามออกไปแล้วกลั้นใจรอคำตอบ หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด หากใช่ล่ะ?
“คุณอยู่ในสถานะที่ควรย้อนถามผมอย่างนั้นเหรอ”
คำถามของเขาทำเอาใจเธอหล่นวูบ นั่นสินะ เธอเป็นใครถึงอาจหาญย้อนถามเขาไปแบบนั้น
“ขอประทานโทษค่ะ ดิฉันล่วงเกินท่านแล้ว ดิฉันพูดไม่ทันคิด ดิฉัน...”
“พอเถอะ! ผมขี้เกียจฟังคำขอโทษคำแก้ตัว คุณไปได้แล้ว” น้ำเสียงของเขาฉุนเล็กน้อย คีตาลดาหันขวับมามองท่านประธานด้วยแววตาวาววับบ่งบอกความเป็นคนไม่ยอมคน แต่เพียงวูบเดียวประกายเรืองรองในดวงตากลมโตของเธอก็เปลี่ยนเป็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงบนิ่ง
“ขอบคุณสำหรับโอกาสที่มอบให้ ดิฉันไม่รบกวนท่านแล้ว สวัสดีค่ะ”
พอพูดจบคีตาลดาก็เปิดประตูห้องแล้วก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว เธอไม่ได้หันกลับไปมองว่าท่านประธานใหญ่ทายาทคุปต์อนันต์จะมองตามมาหรือว่าทำอะไรหลังจากนั้น สิ่งเดียวที่อยู่ในความรู้สึกนึกคิดของเธอก็คือ รีบทำภารกิจที่ตั้งใจให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด ก่อนที่เธอจะถูกเขาก็ไล่ออกเพราะเธอเป็นจุดด่างพร้อยที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเค.เค.รอยัลเสื่อมเสีย
‘เครียดเกินไปแล้ว ช่วงนี้เธอเครียดเกินไปแล้วลดา แบบนี้ไม่เป็นผลดีกับงานของเธอเลยนะ เธอจะเล่นเปียโนในสภาพจิตใจตึงเครียดแบบนี้ได้ยังไงกัน’
คีตาลดาสลัดศีรษะขับไล่ความตึงเครียด หญิงสาวเป่าลมออกจากปากแรงๆแล้วสูดอากาศเข้าปอดลึกๆปรับสภาพอารมณ์ให้มั่นคง อีกไม่ถึงชั่วโมงเธอต้องขึ้นเวทีเล่นเปียโนที่ห้องอาหารแล้ว ความสุขคือสิ่งที่เธอต้องส่งมอบให้ผู้คน ไม่ใช่ความตึงเครียดที่มีอยู่เต็มหัวเธอ
หญิงสาวปรับสภาพอารมณ์ตัวเองอยู่พักใหญ่ เมื่อรู้สึกมั่นคงก็พอดีกับสตาฟจัดคิวแสดงบนเวทีเข้ามาเตือนให้เธอออกไปรอเตรียมพร้อมขึ้นเวทีในอีกสิบนาที คีตาลดายิ้มให้กำลังใจตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินตามสตาฟคนนั้นออกไปรอด้านหลังเวที
เพียงอึดใจก็ถึงคิวเธอขึ้นแสดง พลันสายตาของเธอก็สบเข้ากับร่างสูงใหญ่ของทายาทคุปต์อนันต์ที่กำลังเดินเข้ามาในห้องอาหารแห่งนั้น เขาตรงไปยังโต๊ะอาหารซึ่งอยู่ชิดติดขอบเวที หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอฝืดเฝื่อน สองเท้าเล็กๆออกอาการสั่นขณะเธอก้าวเดินไปยังเปียโนที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเวที
ช่างเขาเถิด... เขาจะมาประเมินผลงานการแสดงของเธอหรือว่าอย่างไรก็ช่างเขาเถิด ถือเสียว่าเขาคือแขกผู้มีเกียรติคนหนึ่ง เขาเป็นคนฟัง เธอเป็นคนบรรเลง ทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุดเท่านั้นก็พอ
ดวงตาคมกริบของคิรินจับจ้องมองคนบนเวทีตลอดเวลา ในหัวของเขามีแต่ความคิดเกี่ยวกับเรื่องราวของเธอ ยิ่งคิดถึงชายชั่วที่ทำร้ายเธอในวันนั้น ใจของเขาก็ยิ่งคุกรุ่น เขารู้สึกว่าที่จัดการสั่งสอนพวกมันยังน้อยไปกับสิ่งที่พวกมันทำกับเธอ และยังมีใครบางคนลอยนวลยังไม่ได้รับผลกรรมที่มันกระทำ
‘คีตาลดาผมจะปกป้องคุณเอง ใครก็ตามที่มันทำร้ายคุณผมจะเอาคืนให้สาสม’
คิรินผ่อนลมหายใจปัดความคิดร้อนลุ่มชวนคุกรุ่นใจออกไป เขาดึงความคิดกลับมาสนใจคนบนเวทีกับเสียงเพลงที่เธอบรรเลง ทั้งที่เป็นบทเพลงคุ้นหูซึ่งเคยฟังมานักต่อนัก แต่ท่วงทำนองที่คีตาลดาบรรเลงนั้นช่างลึกซึ้งตราตรึงหัวใจเกินคำบรรยาย
เขาควรคุยกับเธอถึงเรื่องราวค่ำคืนนั้นเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยหรือควรเก็บงำเอาไว้แบบนี้ต่อไปดี
ทำไปทำมาเขาก็วนความคิดกลับมาเรื่องนี้อีกจนได้ ช่างน่าหัวเราะ มหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่แห่งตระกูลคุปต์อนันต์กลับลังเลเพราะผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง เขาควรจะมาคิดอะไรมากมายอย่างนั้นเหรอ เพียงเขากระดิกนิ้วก็มีแต่คนพร้อมวิ่งเข้าหา แล้วทำไมกับเธอคนนี้ ‘คีตาลดา’ ผู้หญิงที่เขาครอบครองเธออย่างสมบูรณ์แล้ว เขาถึงไม่กล้าพอที่จะเปิดเผยตัวตนแล้วครอบครองเธอตลอดกาล
ไม่! เขาทำแบบนั้นไม่ได้ จากการประเมินคีตาลดาไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะใช้อำนาจบีบบังคับให้ทำตามใจได้ เขารู้ว่าใน ทีท่านอบน้อมยอมจำนนเต็มไปด้วยความทระนงไม่ยอมให้ใครหยามศักดิศรีง่ายๆ
การใช้อำนาจเงินกับเธอมีแต่จะทำให้เธอหนีหายไปจากเขา ดังนั้นเขาควรใจเย็นให้มากพอ รอให้เธอคุ้นชินกับเขาอีกสักหน่อย แล้วค่อยๆเผยความจริง ค่อยๆตะล่อมต้อนเธอมาครอบครอง
ตื๊ดดดด...ตื๊ดดดด...
คิรินตวัดสายตามองสมาร์ทโฟนบนโต๊ะ เขารับสายทันทีโดยไม่รอให้ดังนาน หากไม่ใช่เรื่องด่วนชินโยไม่มีทางโทรมารบกวนเขาในเวลาแบบนี้แน่นอน
“เคเคครับ คุณนายใหญ่มา กำลังถามหาเคเคให้วุ่นเลยครับ”
คิรินเขาถอนหายใจ มารดามาหาเขาแบบไม่บอกกล่าวอย่างนี้ ไม่ต้องเดาเขาก็รู้ว่าฝีมือใคร
‘หงุดหงิดชะมัด’ นรียาถือว่ามีมารดาเขาให้ท้ายหล่อนถึงตามตอแยไม่เลิก คิดว่าลากมารดาเขามาที่นี่ได้แล้วจะได้ตามหวังเหรอ หึ! ไม่มีทาง
“รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง” เขาพูดเพียงเท่านั้นก็ตัดสายก่อนตวัดสายตามองคนบนเวที ภาพคีตาลดากำลังเพลิดเพลินกับการบรรเลงเสียงเพลงช่างสวยหวานในความรู้สึก ภาพนั้นทำให้แววคุกรุ่นในดวงตาของคิรินอ่อนโยนลง ริมฝีปากหยักสวยยิ้มเล็กๆก่อนเจ้าตัวจะตัดใจลุกขึ้นเดินออกไป นรียาทำให้เขาพลาดช่วงเวลาดีๆ เขาก็จะทำให้หล่อนพลาดหวังเช่นทุกครั้ง ในเมื่อพามารดามากดดันเขาก็เรื่องของหล่อน เขาไม่อยู่ที่นี่แล้วหล่อนจะทำอะไรได้
-----------------------------------
มัมมาขัดจังหวะลูกแล้วค่ะมัม ลูกกำลังคลั่งสาว มัมจะรู้ไหมน้า...
เมื่อได้นั่งไล่ปลายนิ้วไปตามคีย์เปียโนคีตาลดาก็ไม่คิดถึงสิ่งใดนอกจากส่งมอบเสียงเพลงแห่งความสุขให้แก่คนฟัง นานเท่านานที่เธอปล่อยความคิดจิตใจเคลียคลอไปกับเสียงเปียโน ความรู้สึกอิ่มอุ่นในหัวใจ ความสุขสดใสที่เธอถ่ายทอดผ่านปลายนิ้วไล่สัมผัสไปกับคีย์เปียโนนั้นทรงพลังตราตรึงในหัวใจคนฟังมานักต่อนัก วันนี้เป็นอีกวันที่เธอสร้างความประทับใจให้แก่แขกที่มารับประมานอาหารใน เค.เค.รอยัล คลับ แห่งนี้คีตาลดาโค้งคำนับรับเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมหลังเสียงเพลงสุดท้ายของวันนี้สิ้นสุดลง หญิงสาวยิ้มกว้างยามกวาดสายตามองไปโดยรอบ หัวใจดวงน้อยกวัดแกว่งอย่างแปลกประหลาดเมื่อเห็นว่าโต๊ะหน้าเวทีไร้เงาของคิริน‘เขาไม่ชอบอย่างนั้นเหรอ’ คีตาลดาปัดความคิดนั้นออกจากหัวแล้วค้อมกายโค้งคำนับบรรดาแขกในห้องอาหารนั้น อีกครั้งแล้วหันหลังกลับก้าวลงด้านหลังเวที แม้จะพยายามตัดความคิดเกี่ยวกับทายาทคุปต์อนันต์ออกไปแต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ หากประธานใหญ่ไม่ชื่นชอบผลงานการแสดงของเธอแล้ว เธออาจถูกเลิกจ้างก็เป็นไปได้“วันนี้คุณยอดเยี่ยมมากครับคีตาลดา”“ผู้จัดการชมเกินไปแล้วค่ะ”แม้หัวใจดวงน้อยจะฟองฟู่กับคำชมของวีกิจผู้จัดการห้องอาหาร แต
เอี๊ยดดด!!คีตาลดาหัวทิ่มโขลกกับคอนโซลรถด้านหน้า เพราะจู่ๆก็มีรถสปอร์ตสีดำขับปาดตัดหน้าจนทัชกรเบรกรถจนตัวโก่ง แรงกระแทกทำเอาเธอถึงกับมึนงงไปชั่วขณะ แต่ก็ยังพอรับรู้ได้ถึงความเกรี้ยวกราดของทัชกร“ไอ้ห่าเอ๊ย! ขับรถประสาอะไรวะ”คีตาลดาได้ยินทัชกรสบถด่าลั่นก่อนที่เขาจะเปิดประตูก้าวลงไป หญิงสาวพยายามดึงสติหวังอาศัยช่วงจังหวะนั้นหลบหนีเอาตัวรอด แต่เธอรู้สึกมึนงงมาก รอบด้านพร่าเลือนมองอะไรไม่ชัดจึงพยายามใช้มือคลำหาที่จับเปิดประตูรถสะเปะสะปะ พอจะเปิดก็เปิดไม่ออกเพราะเป็นระบบล็อคอัตโนมัติด้านนอก ทัชกรที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงกับยืนตะลึงเมื่อพบว่ารถสปอร์ตที่ขับปาดหน้าตนคือใคร เขากลืนน้ำลายลงคอฝืดเฝื่อนก่อนจะฝืนยิ้มเจื่อนทักทายจนตรงหน้า“คุณคิรินนั่นเอง ผมทัชกร”ผัวะ!หมัดหนักๆที่ซัดเข้าตรงโหนกแก้มซ้ายของเขาคือคำทักทายตอบ แรงอัดกระแทกแบบไม่ทันตั้งรับทำเอาทัชกรถึงกับถลาล้มหน้าคะมำ“คุณคิริน คุณชกหน้าผมแบบนี้หมายความว่ายังไง ผมไปทำอะไรให้คุณ”ผัวะ!หมัดที่สองตามมาติดๆแบบที่ทัชกรไม่มีโอกาสต่อต้าน ยิ่งเห็นแววเกรี้ยวกราดในดวงตาสีดำสนิทของคิรินแล้ว คนขลาดอย่างทัชกรก็หงอไม่กล้าต่อกรกลับ“หมัดแรกสั่งสอนท
ก๊อกๆ ก๊อกๆเสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ คีตาลดาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกที่มีคนเข้ามาแทรก แต่เหมือนท่านประธานใหญ่จะขัดอกขัดใจ เธอทันได้เห็นแววขุ่นเคืองวาววับในดวงตาคู่คมก่อนจะหายไปกลายเป็นนิ่งสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์“มีอะไรว่ามา” น้ำเสียงเขาช่างดุเข้มทรงพลังอำนาจในความรู้สึกของคีตาลดา หญิงสาวลอบมองคนเพิ่งเข้ามาในห้องด้วยความเป็นห่วง แต่เห็นอีกฝ่ายสีหน้านิ่งสนิทไม่หวั่นเกรงใดๆ เธอก็เลิกห่วงใย อดนึกค่อนขอดในใจไม่ได้ว่าเจ้านายลูกน้องช่างเหมือนกันราวโคลนนิ่งกันมา“คุณนิธิยื่นคำขาดมาว่าถ้าเคเคไม่ไปเจรจาเรื่องลงทุนโครงการใหม่ภายในครึ่งชั่วโมง คุณนิธิจะยกเลิกความร่วมมือกับเคเคทุกโครงการครับ”“ตอบกลับไปว่าฉันจะไปถึงที่นั่นภายในครึ่งชั่วโมงแน่นอน” คิรินสั่งการอย่างไม่ต้องหยุดคิด ชินโยรับคำแล้วออกจากห้องไปทำตามคำสั่ง พอประตูห้องปิดสนิทคิรินก็ดึงสายตากลับมามองคนบนเตียงเห็นเธอกำลังจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว คิรินยิ้มอ่อนเมื่อเห็นแววตาสีหน้ารู้สึกผิดของเธอ“อย่ากังวลไปเลยคีตาลดา เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ เป็นผมเองที่เต็มใจและยินดีช่วยคุณให้พ้นอันตราย ต่อให้มีนัดที่สำคัญกว่านี้ผมก็ไม่เสียใจที่เลือกตามไปช่วย
“เคเคคะ คอนโดฯของลดาไม่ได้ไปทางนี้ค่ะ” คีตาลดารีบหันมาบอกคิรินทันทีที่เห็นว่าคนขับรถของเขาขับเลยทางแยกไปคอนโดมิเนียมของเธอ“ผมรู้”“เคเครู้ แล้วไงคะ หรือว่าคุณคนขับรถไม่รู้” คีตาลดาหันมาถามชินโยซึ่งทำหน้าที่คนขับรถ เธอเห็นเขาทำทองไม่รู้ร้อนก็นึกขัดใจ“คุณคะเดี๋ยวถึงจุดกลับรถข้างหน้าคุณก็ยูเทิร์นกลับนะคะ แล้ว...”“ขับตรงไปตามเดิมแหละชินโย” คิรินแทรกขึ้นก่อนที่คีตาลดาจะทันพูดจบ หญิงสาวหันขวับมามองเขาแล้วเลิกคิ้วขณะถาม“เมื่อกี้นี้เคเคพูดว่าอะไรนะคะ”“ผมบอกให้ชินโยขับตรงไปไม่ต้องยูเทิร์น”“แต่มันเลยทางไปคอนโดฯลดาแล้วนะคะ ไม่กลับรถแล้วจะไปทางไหน”“แล้วใครบอกว่าจะไปคอนโดฯ คุณล่ะ”คำพูดแนวนี้ ซีนประมาณนี้เธอเคยเห็นในละครรักแทบจะทุกเรื่องแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงของเธอคีตาลดาขบฟันจ้องเขาพลางกระพริบตาปริบๆ หลังจากคิรินพูดยิ้มๆ เขาก็หันไปสนใจอ่านอะไรในสมาร์ทโฟนของตัวเองไม่ได้หันมามองหน้าเธอสักนิด“คุณคะ ช่วยจอดรถตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าด้วยนะคะ” เมื่อเขาเอาแต่สนใจอ่านอะไรในสมาร์ทโฟนของเขาไม่มีทีท่าสนใจเธอ คีตาลดาก็หันมาทางชินโย แต่เธอก็ต้องหงุดหงิดเมื่อชินโยก็ทำท่าไม่รับรู้เหมือนเดิม“เค
เธอไม่รู้จริงๆว่าเธอต้องทำอย่างไรกับชีวิตนับจากนี้ไป ทุกอย่างมันดูมืดมนไปหมด เธอมองไม่เห็นอะไรเลยนอกความมืดมิด เธอต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบไม่คาดคิด ผู้ชายที่เธอรักและวาดหวังฝากชีวิตไว้กับเขา ท้ายสุดแล้วก็เป็นเพียงผู้ชายเลวๆคนหนึ่ง เลวสุดใจแบบที่เธอไม่คิดว่าตัวเองจะมองคนผิดพลาดได้มากขนาดนี้‘ไม่เห็นต้องเรื่องมากเลยลดา ผมไม่เห็นว่าคุณจะเสียหายตรงไหนมีแต่ได้กับได้’‘คุณจะบอกว่าการที่ลดาขึ้นเตียงกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ลดาไม่เสียหายอย่างนั้นเหรอคะ’‘คุณคิดมากเกินไปลดา ผมเห็นแต่ว่าคุณจะมีแต่สนุกแล้วก็ได้เงิน’‘ทัช! ลดาเป็นแฟนคุณนะ คุณคิดแบบนี้ได้ยังไงคะ’‘คุณเลิกความคิดคร่ำครึหัวโบราณเสียทีได้ไหมลดา ผมเป็นแฟน เป็นผู้ชายแท้ๆผมยังรับได้แล้วคุณจะเรื่องมากให้มันวุ่นวายไปทำไมฮะ’หยุด! หยุดได้แล้ว! หยุดคิดถึงคนชั่วช้านั่นเสียที ยิ่งเธอคิดก็ยิ่งมีแต่เจ็บปวดรวดร้าว เธอจะปล่อยให้เรื่องราวเหล่านั้นมาบั่นทอนชีวิตเธอต่อไปอีกนานแค่ไหนกันพอแล้ว! พอเสียที อย่าทำร้ายหัวใจตัวเองอีกต่อไปเลย เพียงเท่านี้หัวใจเธอก็เจ็บปวดร้าวลึกจวนเจียนจะขาดใจตายเสียให้ได้ นั่นสิ! เธอแทบจะแดดิ้นตายด้วยความเจ็บปวดครั้งแล้ว
“เคเคครับ ได้เบาะแสของผู้หญิงคนนั้นแล้วครับ”“เจอเธอที่ไหน”“เธอเป็นนักเปียโนใหม่เพิ่งมาเล่นที่ เค.เค.รอยัลเมื่อวานนี้ครับ”“สั่งการลงไป ให้เธอไปรายงานตัวที่ เค.เค. รอยัล คลับ ฉันจะไปรอเธอที่นั่น”“ครับเคเค”เมื่อสั่งการเสร็จท่านประธานก็เอนกายหนาพิงพนักเก้าอี้ผู้บริหารตัวใหญ่ทอดสายตาคมกริบผ่านผนังกระจกใสเบื้องหน้าไปยังทิวทัศน์ของเมืองกรุง ห้องทำงานของเขาเป็นห้องที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมหรูอันดับหนึ่งจึงมองเห็นทัศนียภาพไกลสุดหูสุดตาตัดขอบฟ้าใส หัวใจแกร่งของเขาวันนี้เหมือนจะเต้นเร็วขึ้นกว่าปกติจนเจ้าตัวรู้สึกได้ เขาผ่อนลมหายใจเบาๆเมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ตื่นตัวภายใน‘หึ! ฉันตามหาเธอมาเกือบเดือน ไม่คิดว่าจู่ๆเธอก็เดินเข้ามาหาฉันเอง’ริมฝีปากหยักสวยราวอิสตรียกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ข่าวที่ได้รับวันนี้ทำให้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ดวงหน้าสวยหวานละมุนของคนในห้วงมโนนึกผุดพรายขึ้นกลางเวิ้งฟ้าเบื้องหน้า ชวนให้เขาคิดถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น‘ช่วยฉัน แล้วฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ’เขาพูดแล้วย่อมคำไหนคำนั้น เขารักษาคำพูดเสมอ“ฉันจัดการพวกที่ทำร้ายเธอวันนั้น แก้แค้นแทนเธอแล้ว” ประธานใหญ่ยก
คีตาลดารู้สึกประหลาดใจเมื่อผู้จัดการโรงแรมบอกให้เธอไปรายงานตัวกับท่านประธานใหญ่ที่ เค.เค. รอยัล คลับ เธอเป็นเพียงนักเล่นเปียโนพาร์ทไทม์ตัวเล็กๆธรรมดาคนหนึ่ง แต่เพราะอะไรถึงต้องรายงานตัวตรงต่อประธานใหญ่ของเค.เค. กรุ๊ป แม้ในหัวจะเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ความสงสัยมากอยู่ แต่เธอก็ได้แต่ทำตามคำสั่งโดยไม่ขัดข้อง‘หึ! คำสั่งท่านประธาน มีหรือที่เธอจะหาญกล้า อย่าว่าแต่เธอเลย เป็นใครก็ไม่กล้าขัดด้วยกันทั้งนั้น’คีตาลดาหยุดความคิดตัวเองเพียงเท่านั้นเมื่อเธอมาถึงพนักงานต้อนรับของคลับก็พาเธอมายังห้องรับรองสุดหรูของที่นั่น พนักงานที่พาเธอมาส่งเคาะประตูห้องแล้วเปิดออกก่อนผายมือเชื้อเชิญให้เธอเข้าไปข้างใน คีตาลดาอดใจสั่นไม่ได้เมื่อเท้าเล็กๆก้าวเข้าไปในห้อง หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าจนลึกสุดเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง“นักเปียโนใหม่ที่ท่านเรียกพบมาแล้วครับ”พนักงานคนนั้นรายงานแล้วถอยกลับออกไป คีตาลดามองไปยังคนที่นั่งหันหลังให้เธอ ขนาดว่าพนักเก้าอี้ที่เขานั่งทั้งสูงและใหญ่แต่เธอก็ยังเห็นศีรษะของเขาโผล่พ้นพนักเก้าอี้กว่าครึ่งหัว เธอเดาโดยประมาณว่าเขาน่าจะสูงเกิน 190 เซนติเมตรน่าจะได้ เธอเคยได้ยินมาบ้างว่าทายาทค