คีตาลดารู้สึกประหลาดใจเมื่อผู้จัดการโรงแรมบอกให้เธอไปรายงานตัวกับท่านประธานใหญ่ที่ เค.เค. รอยัล คลับ เธอเป็นเพียงนักเล่นเปียโนพาร์ทไทม์ตัวเล็กๆธรรมดาคนหนึ่ง แต่เพราะอะไรถึงต้องรายงานตัวตรงต่อประธานใหญ่ของเค.เค. กรุ๊ป แม้ในหัวจะเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ความสงสัยมากอยู่ แต่เธอก็ได้แต่ทำตามคำสั่งโดยไม่ขัดข้อง
‘หึ! คำสั่งท่านประธาน มีหรือที่เธอจะหาญกล้า อย่าว่าแต่เธอเลย เป็นใครก็ไม่กล้าขัดด้วยกันทั้งนั้น’
คีตาลดาหยุดความคิดตัวเองเพียงเท่านั้นเมื่อเธอมาถึงพนักงานต้อนรับของคลับก็พาเธอมายังห้องรับรองสุดหรูของที่นั่น พนักงานที่พาเธอมาส่งเคาะประตูห้องแล้วเปิดออกก่อนผายมือเชื้อเชิญให้เธอเข้าไปข้างใน คีตาลดาอดใจสั่นไม่ได้เมื่อเท้าเล็กๆก้าวเข้าไปในห้อง หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าจนลึกสุดเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง
“นักเปียโนใหม่ที่ท่านเรียกพบมาแล้วครับ”
พนักงานคนนั้นรายงานแล้วถอยกลับออกไป คีตาลดามองไปยังคนที่นั่งหันหลังให้เธอ ขนาดว่าพนักเก้าอี้ที่เขานั่งทั้งสูงและใหญ่แต่เธอก็ยังเห็นศีรษะของเขาโผล่พ้นพนักเก้าอี้กว่าครึ่งหัว เธอเดาโดยประมาณว่าเขาน่าจะสูงเกิน 190 เซนติเมตรน่าจะได้ เธอเคยได้ยินมาบ้างว่าทายาทคุปต์อนันต์ ประธานใหญ่แห่งเค.เค. กรุ๊ป มีดีทั้งรูปร่างหน้าตาและความสามารถ
‘อยากรู้จังว่าจะหล่อสมคำร่ำลือไหม’
คีตาลดาคิดแล้วยิ้มมุมปากเล็กๆกับตัวเอง ลอบมองคนหลังพนักเก้าอี้อย่างลุ้นๆ แล้วจู่ๆ เขาก็หมุนเก้าอี้กลับมา หญิงสาวถึงกับตื่นตะลึงลืมหายใจไปชั่วขณะเมื่อดวงตากลมโตของเธอสบประสานเข้ากับดวงตาคมกริบบนใบหน้าคมเข้มอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงตาของเขาช่างทรงพลังอำนาจจนเธอรู้สึกราวสูญเสียการควบคุมตัวเอง
“จะจ้องผมอีกนานไหมครับ”
หญิงสาวสะดุ้งโหยง สติกลับมาอยู่กับตัวอีกครั้ง ตอนนี้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งหน้าตลอดทั้งตัว มือไม้พาลสั่นด้วยความตระหนกเมื่อรู้ตัวว่าเผลอไผลมองเขาจนเหมือนเป็นคนเสียมารยาท
“ขะ...ขอโทษค่ะท่านประธาน คือฉัน... ”
“นั่งลงสิ”
คีตาลดานั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย หญิงสาวหลุบตาต่ำลงเลี่ยงหลบสายตาคากล้าของคนร่างใหญ่ หัวใจดวงน้อยวันนี้ดูท่าจะไหวระริกเต้นผิดจังหวะจนเธอปั่นป่วนแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
คิรินยิ้มมุมปากเล็กๆเมื่อเห็นว่าคนร่างเล็กตรงหน้าออกอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ภาพจำของเธอในความทรงจำของเขาตลอดเดือนที่ผ่านมาฉายชัดขึ้นในห้วงความคิด หญิงสาวรูปร่างแบบบางแต่ทรวดทรงกลมกลึงกะทัดรัดที่เขาแนบคลอเคล้าตลอดค่ำคืนเร่าร้อนในวันนั้นยังแจ่มชัดในความทรงจำ
“ผมดูน่ากลัวมากเลยเหรอ”
คีตาลดาสะดุ้งวาบ เงยหน้ามองเขาอัตโนมัติพร้อมกับโบกไม้โบกมือว่อน
“ไม่นะคะ ฉันไม่ได้คิดหรือรู้สึกแบบนั้น” พูดออกไปแล้วก็ต้องกลั้นใจสบประสานสายตากับประธานใหญ่เพราะไม่กล้าหลบเลี่ยง
คิรินลากสายตาต่ำลงจ้องมองริมฝีปากอิ่มระเรื่อ เขาเห็นเธอเม้มปากแล้วดึงสายตาเบนไปทางอื่นก็รู้ตัวว่าเผลอไผลจ้องมองเธอจนเกินงาม
“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า” เขาถามพร้อมกับจ้องมองรอคอยคำตอบ คีตาลดาส่ายหน้าดิกประกอบคำตอบ
“ไม่นะคะ นี่เป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้พบท่านค่ะ”
‘คุณจำผมไม่ได้จริงๆเหรอ’ คิรินรู้สึกหงุดหงิดลึกๆในใจ เขาไม่มีอะไรให้เธอจดจำเลยอย่างนั้นเหรอ เธอถึงลืมเขาได้สนิทใจแบบนี้
คีตาลดารู้สึกประหลาดใจ เธอรู้สึกว่าท่านประธานใหญ่เค.เค.กรุ๊ป จู่ๆ ดูจะหงุดหงิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น เธอทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่านะ
“ในประวัติที่ส่งมาระบุว่าคุณเปิดโรงเรียนสอนดนตรี แล้วทำไมถึงมาสมัครเป็นนักเปียโนที่นี่ล่ะ”
คีตาลดาผ่อนลมหายใจเบาๆก่อนดึงความคิดสติกลับมาก่อนตอบนิ่งเรียบ
“ดิฉันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงเรียนนั่นแล้วค่ะ แต่ว่าด้วยเรื่องอะไรนั้นดิฉันขอไม่พูดถึงนะคะ ส่วนเรื่องที่ท่านถามว่าเพราะอะไรดิฉันถึงมาสมัครงานที่นี่ คำตอบเดียวก็คือ ดิฉันต้องการทำงานหาเงินเลี้ยงชีพค่ะ”
คีตาลดาตอบแล้วหลุบสายตาลงมองมือตัวเองที่กำลังบีบกันแน่นบนตัก เธอกำลังพยายามเก็บข่มอารมณ์ความรู้สึกเจ็บลึกในหัวใจของตัวเองเอาไว้อย่างที่สุด แม้จะทำใจมาบ้างแล้วเพราะรู้ตัวอยู่ว่าต้องมีคำถามและเธอต้องตอบเกี่ยวกับโรงเรียนสอนดนตรีที่เธอรักแต่ต้องก้าวออกมาด้วยความเจ็บปวดหัวใจนั่น แต่เธอก็ยอมรับว่าเอาเข้าจริงๆบาดแผลในหัวใจเธอก็ยังกลัดหนองจนเธอร้าวระบม
“หวังว่าท่านจะไม่หยิบยกเรื่องที่ดิฉันไม่อธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงยกเลิกสอนที่โรงเรียนนั้นมาเป็นประเด็นปฏิเสธที่จะรับดิฉันเข้าทำงานที่นี่นะคะ” คีตาลดาทำใจกล้าถามเมื่อเงยหน้าขึ้นสบตาเขาแล้วเห็นสีหน้าแววตาของเขานิ่งสนิทไม่ บ่งบอกว่าเขารู้สึกนึกคิดอย่างไร ถามออกไปแล้วก็กลั้นใจรอคอยคำตอบ เธอจะเสียงานที่นี่ไปไม่ได้! เสียไปไม่ได้จริงๆ
“คุณคิดว่าผมเป็นคนใจแคบขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ดิฉัน...”
“เรื่องบางเรื่องอาจจะลำบากใจที่จะพูดผมเข้าใจ” เขาพูดแล้วเว้นจังหวะอึดใจ คีตาลดาคล้ายจะผ่อนคลาย แต่พอฟังประโยคต่อมาหญิงสาวก็รู้สึกหนักอึ้งในอก
“เรื่องอะไรที่ผมต้องการรู้ ถึงคุณจะไม่พูด แต่ผมก็มีวิธีที่จะรู้จนได้นั่นแหละ”
คีตาลดายิ้มแห้ง ดวงตากลมโตไหวระริกด้วยความกังวล เหตุการณ์เลวร้ายวันนั้นทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้อง ถึงจะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่หากประธานใหญ่แห่งเค.เค.กรุ๊ปรู้เข้า ภาพพจน์ของเธอจะติดลบไหมในสายตาเขาเธอก็ไม่อาจรู้ได้ เขาอาจจะคิดว่าการรับเธอซึ่งมีประวัติด่างพร้อยเข้าทำงาน ก็อาจทำให้เสียต่อภาพลักษณ์ที่ดีของธุรกิจเขาก็ได้ใครจะรู้
คิรินพอจะรับรู้ได้ถึงความอึดอัดกังวลใจนั้น เขาหลุบตามองชื่อโรงเรียนสอนดนตรีที่ระบุในประวัติของเธอก่อนตวัดสายตากลับมามองคนตัวเล็กตรงหน้า
“เอาเป็นว่าผมไม่มีอะไรติดใจ เพียงแต่...ก่อนผมจะเซ็นอนุมัติรับคุณเข้าทำงาน ผมควรจะได้รู้ก่อนใช่ไหมว่าฝีมือคุณระดับไหน”
คีตาลดายิ้มกว้างได้มากกว่าเดิม หญิงสาวรีบตอบรับด้วยความยินดีก่อนลุกขึ้นเดินไปยังเปียโนที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเวทีด้านหนึ่งของห้องรับรอง คิรินมองตามร่างอรชรด้วยสายตาที่ยากคาดเดา ทุกก้าวย่างของเธอ ทุกการเคลื่อนไหว ทุกอริยาบถอยู่ในสายตาของเขา เขาจ้องมองเธออย่างคนกำลังใช้ความคิด พอเสียงบรรเลงเปียโนดังกังวาน ดวงตาคมทรงพลังอำนาจก็วาววับพราวระยับบ่งบอกความพึงพอใจ
-----------------------------------------
หลงเขาแหละดูออก ฮ่าๆๆ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนไรท์ไหมคะ บอกความในใจกันด้วยนะ
คีตาลดานั่งอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เบื้องหน้าของเธอคือกระจกเงาบานใหญ่ ในห้องพักนักดนตรีของโรงแรมตอนนี้มีเธอเพียงคนเดียว หญิงสาวมองดูตัวเองในกระจกนิ่งดั่งคนกำลังตกอยู่ในภวังค์ ความคิดดิ่งลึกนึกถึงช่วงเวลาก่อนที่เธอจะก้าวออกมาจากห้องรับรองนั้น“คุณแน่ใจนะว่าเราไม่เคยเจอกันมาก่อนหน้านี้”แปลก... น้ำเสียงนุ่มทุ้มต่ำลึกที่กระซิบข้างหลัง เธอช่างคุ้นหูเธอเหลือเกิน ตอนแรกที่เขาถามเธอไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอถูกถามย้ำอีกครั้งในระยะประชิดตัวแบบนี้ เธอก็อดหวนคิดถึงฝันร้ายแสนหวามในค่ำคืนนั้นไม่ได้บ้าจริง! คิดแบบนั้นได้ยังไงกันนะลดา ท่านประธานจะเป็นผู้ชายคนนั้นได้ยังไง ต่อให้เกิดเหตุในโรงแรมของเขาก็เถอะ แต่ทายาทคุปต์อนันต์อย่างเขาจะไม่เลือกกินขนาดลากใครที่ไหนขึ้นเตียงแบบนั้น มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้“ท่านประธานถามแบบนี้ กำลังจะบอกว่าเคยเจอดิฉันมาก่อนหน้านี้เหรอคะ” เธอถามออกไปแล้วกลั้นใจรอคำตอบ หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด หากใช่ล่ะ?“คุณอยู่ในสถานะที่ควรย้อนถามผมอย่างนั้นเหรอ”คำถามของเขาทำเอาใจเธอหล่นวูบ นั่นสินะ เธอเป็นใครถึงอาจหาญย้อนถามเขาไปแบบนั้น“ขอประทานโทษค่ะ ดิฉันล่วงเกินท่านแล้ว ดิฉัน
เมื่อได้นั่งไล่ปลายนิ้วไปตามคีย์เปียโนคีตาลดาก็ไม่คิดถึงสิ่งใดนอกจากส่งมอบเสียงเพลงแห่งความสุขให้แก่คนฟัง นานเท่านานที่เธอปล่อยความคิดจิตใจเคลียคลอไปกับเสียงเปียโน ความรู้สึกอิ่มอุ่นในหัวใจ ความสุขสดใสที่เธอถ่ายทอดผ่านปลายนิ้วไล่สัมผัสไปกับคีย์เปียโนนั้นทรงพลังตราตรึงในหัวใจคนฟังมานักต่อนัก วันนี้เป็นอีกวันที่เธอสร้างความประทับใจให้แก่แขกที่มารับประมานอาหารใน เค.เค.รอยัล คลับ แห่งนี้คีตาลดาโค้งคำนับรับเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมหลังเสียงเพลงสุดท้ายของวันนี้สิ้นสุดลง หญิงสาวยิ้มกว้างยามกวาดสายตามองไปโดยรอบ หัวใจดวงน้อยกวัดแกว่งอย่างแปลกประหลาดเมื่อเห็นว่าโต๊ะหน้าเวทีไร้เงาของคิริน‘เขาไม่ชอบอย่างนั้นเหรอ’ คีตาลดาปัดความคิดนั้นออกจากหัวแล้วค้อมกายโค้งคำนับบรรดาแขกในห้องอาหารนั้น อีกครั้งแล้วหันหลังกลับก้าวลงด้านหลังเวที แม้จะพยายามตัดความคิดเกี่ยวกับทายาทคุปต์อนันต์ออกไปแต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ หากประธานใหญ่ไม่ชื่นชอบผลงานการแสดงของเธอแล้ว เธออาจถูกเลิกจ้างก็เป็นไปได้“วันนี้คุณยอดเยี่ยมมากครับคีตาลดา”“ผู้จัดการชมเกินไปแล้วค่ะ”แม้หัวใจดวงน้อยจะฟองฟู่กับคำชมของวีกิจผู้จัดการห้องอาหาร แต
เอี๊ยดดด!!คีตาลดาหัวทิ่มโขลกกับคอนโซลรถด้านหน้า เพราะจู่ๆก็มีรถสปอร์ตสีดำขับปาดตัดหน้าจนทัชกรเบรกรถจนตัวโก่ง แรงกระแทกทำเอาเธอถึงกับมึนงงไปชั่วขณะ แต่ก็ยังพอรับรู้ได้ถึงความเกรี้ยวกราดของทัชกร“ไอ้ห่าเอ๊ย! ขับรถประสาอะไรวะ”คีตาลดาได้ยินทัชกรสบถด่าลั่นก่อนที่เขาจะเปิดประตูก้าวลงไป หญิงสาวพยายามดึงสติหวังอาศัยช่วงจังหวะนั้นหลบหนีเอาตัวรอด แต่เธอรู้สึกมึนงงมาก รอบด้านพร่าเลือนมองอะไรไม่ชัดจึงพยายามใช้มือคลำหาที่จับเปิดประตูรถสะเปะสะปะ พอจะเปิดก็เปิดไม่ออกเพราะเป็นระบบล็อคอัตโนมัติด้านนอก ทัชกรที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงกับยืนตะลึงเมื่อพบว่ารถสปอร์ตที่ขับปาดหน้าตนคือใคร เขากลืนน้ำลายลงคอฝืดเฝื่อนก่อนจะฝืนยิ้มเจื่อนทักทายจนตรงหน้า“คุณคิรินนั่นเอง ผมทัชกร”ผัวะ!หมัดหนักๆที่ซัดเข้าตรงโหนกแก้มซ้ายของเขาคือคำทักทายตอบ แรงอัดกระแทกแบบไม่ทันตั้งรับทำเอาทัชกรถึงกับถลาล้มหน้าคะมำ“คุณคิริน คุณชกหน้าผมแบบนี้หมายความว่ายังไง ผมไปทำอะไรให้คุณ”ผัวะ!หมัดที่สองตามมาติดๆแบบที่ทัชกรไม่มีโอกาสต่อต้าน ยิ่งเห็นแววเกรี้ยวกราดในดวงตาสีดำสนิทของคิรินแล้ว คนขลาดอย่างทัชกรก็หงอไม่กล้าต่อกรกลับ“หมัดแรกสั่งสอนท
ก๊อกๆ ก๊อกๆเสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ คีตาลดาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกที่มีคนเข้ามาแทรก แต่เหมือนท่านประธานใหญ่จะขัดอกขัดใจ เธอทันได้เห็นแววขุ่นเคืองวาววับในดวงตาคู่คมก่อนจะหายไปกลายเป็นนิ่งสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์“มีอะไรว่ามา” น้ำเสียงเขาช่างดุเข้มทรงพลังอำนาจในความรู้สึกของคีตาลดา หญิงสาวลอบมองคนเพิ่งเข้ามาในห้องด้วยความเป็นห่วง แต่เห็นอีกฝ่ายสีหน้านิ่งสนิทไม่หวั่นเกรงใดๆ เธอก็เลิกห่วงใย อดนึกค่อนขอดในใจไม่ได้ว่าเจ้านายลูกน้องช่างเหมือนกันราวโคลนนิ่งกันมา“คุณนิธิยื่นคำขาดมาว่าถ้าเคเคไม่ไปเจรจาเรื่องลงทุนโครงการใหม่ภายในครึ่งชั่วโมง คุณนิธิจะยกเลิกความร่วมมือกับเคเคทุกโครงการครับ”“ตอบกลับไปว่าฉันจะไปถึงที่นั่นภายในครึ่งชั่วโมงแน่นอน” คิรินสั่งการอย่างไม่ต้องหยุดคิด ชินโยรับคำแล้วออกจากห้องไปทำตามคำสั่ง พอประตูห้องปิดสนิทคิรินก็ดึงสายตากลับมามองคนบนเตียงเห็นเธอกำลังจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว คิรินยิ้มอ่อนเมื่อเห็นแววตาสีหน้ารู้สึกผิดของเธอ“อย่ากังวลไปเลยคีตาลดา เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ เป็นผมเองที่เต็มใจและยินดีช่วยคุณให้พ้นอันตราย ต่อให้มีนัดที่สำคัญกว่านี้ผมก็ไม่เสียใจที่เลือกตามไปช่วย
“เคเคคะ คอนโดฯของลดาไม่ได้ไปทางนี้ค่ะ” คีตาลดารีบหันมาบอกคิรินทันทีที่เห็นว่าคนขับรถของเขาขับเลยทางแยกไปคอนโดมิเนียมของเธอ“ผมรู้”“เคเครู้ แล้วไงคะ หรือว่าคุณคนขับรถไม่รู้” คีตาลดาหันมาถามชินโยซึ่งทำหน้าที่คนขับรถ เธอเห็นเขาทำทองไม่รู้ร้อนก็นึกขัดใจ“คุณคะเดี๋ยวถึงจุดกลับรถข้างหน้าคุณก็ยูเทิร์นกลับนะคะ แล้ว...”“ขับตรงไปตามเดิมแหละชินโย” คิรินแทรกขึ้นก่อนที่คีตาลดาจะทันพูดจบ หญิงสาวหันขวับมามองเขาแล้วเลิกคิ้วขณะถาม“เมื่อกี้นี้เคเคพูดว่าอะไรนะคะ”“ผมบอกให้ชินโยขับตรงไปไม่ต้องยูเทิร์น”“แต่มันเลยทางไปคอนโดฯลดาแล้วนะคะ ไม่กลับรถแล้วจะไปทางไหน”“แล้วใครบอกว่าจะไปคอนโดฯ คุณล่ะ”คำพูดแนวนี้ ซีนประมาณนี้เธอเคยเห็นในละครรักแทบจะทุกเรื่องแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงของเธอคีตาลดาขบฟันจ้องเขาพลางกระพริบตาปริบๆ หลังจากคิรินพูดยิ้มๆ เขาก็หันไปสนใจอ่านอะไรในสมาร์ทโฟนของตัวเองไม่ได้หันมามองหน้าเธอสักนิด“คุณคะ ช่วยจอดรถตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าด้วยนะคะ” เมื่อเขาเอาแต่สนใจอ่านอะไรในสมาร์ทโฟนของเขาไม่มีทีท่าสนใจเธอ คีตาลดาก็หันมาทางชินโย แต่เธอก็ต้องหงุดหงิดเมื่อชินโยก็ทำท่าไม่รับรู้เหมือนเดิม“เค
เธอไม่รู้จริงๆว่าเธอต้องทำอย่างไรกับชีวิตนับจากนี้ไป ทุกอย่างมันดูมืดมนไปหมด เธอมองไม่เห็นอะไรเลยนอกความมืดมิด เธอต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบไม่คาดคิด ผู้ชายที่เธอรักและวาดหวังฝากชีวิตไว้กับเขา ท้ายสุดแล้วก็เป็นเพียงผู้ชายเลวๆคนหนึ่ง เลวสุดใจแบบที่เธอไม่คิดว่าตัวเองจะมองคนผิดพลาดได้มากขนาดนี้‘ไม่เห็นต้องเรื่องมากเลยลดา ผมไม่เห็นว่าคุณจะเสียหายตรงไหนมีแต่ได้กับได้’‘คุณจะบอกว่าการที่ลดาขึ้นเตียงกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ลดาไม่เสียหายอย่างนั้นเหรอคะ’‘คุณคิดมากเกินไปลดา ผมเห็นแต่ว่าคุณจะมีแต่สนุกแล้วก็ได้เงิน’‘ทัช! ลดาเป็นแฟนคุณนะ คุณคิดแบบนี้ได้ยังไงคะ’‘คุณเลิกความคิดคร่ำครึหัวโบราณเสียทีได้ไหมลดา ผมเป็นแฟน เป็นผู้ชายแท้ๆผมยังรับได้แล้วคุณจะเรื่องมากให้มันวุ่นวายไปทำไมฮะ’หยุด! หยุดได้แล้ว! หยุดคิดถึงคนชั่วช้านั่นเสียที ยิ่งเธอคิดก็ยิ่งมีแต่เจ็บปวดรวดร้าว เธอจะปล่อยให้เรื่องราวเหล่านั้นมาบั่นทอนชีวิตเธอต่อไปอีกนานแค่ไหนกันพอแล้ว! พอเสียที อย่าทำร้ายหัวใจตัวเองอีกต่อไปเลย เพียงเท่านี้หัวใจเธอก็เจ็บปวดร้าวลึกจวนเจียนจะขาดใจตายเสียให้ได้ นั่นสิ! เธอแทบจะแดดิ้นตายด้วยความเจ็บปวดครั้งแล้ว
“เคเคครับ ได้เบาะแสของผู้หญิงคนนั้นแล้วครับ”“เจอเธอที่ไหน”“เธอเป็นนักเปียโนใหม่เพิ่งมาเล่นที่ เค.เค.รอยัลเมื่อวานนี้ครับ”“สั่งการลงไป ให้เธอไปรายงานตัวที่ เค.เค. รอยัล คลับ ฉันจะไปรอเธอที่นั่น”“ครับเคเค”เมื่อสั่งการเสร็จท่านประธานก็เอนกายหนาพิงพนักเก้าอี้ผู้บริหารตัวใหญ่ทอดสายตาคมกริบผ่านผนังกระจกใสเบื้องหน้าไปยังทิวทัศน์ของเมืองกรุง ห้องทำงานของเขาเป็นห้องที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมหรูอันดับหนึ่งจึงมองเห็นทัศนียภาพไกลสุดหูสุดตาตัดขอบฟ้าใส หัวใจแกร่งของเขาวันนี้เหมือนจะเต้นเร็วขึ้นกว่าปกติจนเจ้าตัวรู้สึกได้ เขาผ่อนลมหายใจเบาๆเมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ตื่นตัวภายใน‘หึ! ฉันตามหาเธอมาเกือบเดือน ไม่คิดว่าจู่ๆเธอก็เดินเข้ามาหาฉันเอง’ริมฝีปากหยักสวยราวอิสตรียกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ข่าวที่ได้รับวันนี้ทำให้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ดวงหน้าสวยหวานละมุนของคนในห้วงมโนนึกผุดพรายขึ้นกลางเวิ้งฟ้าเบื้องหน้า ชวนให้เขาคิดถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น‘ช่วยฉัน แล้วฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ’เขาพูดแล้วย่อมคำไหนคำนั้น เขารักษาคำพูดเสมอ“ฉันจัดการพวกที่ทำร้ายเธอวันนั้น แก้แค้นแทนเธอแล้ว” ประธานใหญ่ยก