“คีตาลดาผมต้องการคุณ” คิรินพึมพำชิดริมฝีปากอิ่ม ระเรื่อเสียงกระเส่าราวกำลังละเมอ เขาเอ่ยความรู้สึกลึกล้ำในใจแล้วจรดริมฝีปากบดจูบเธอหนักๆแล้วถอนจูบ...วนเวียนอยู่แบบนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า คีตาลดาหอบหายใจถี่กระชั้นกับความหวามหวานซาบซ่านนั้น
“คุณเองก็ต้องการผมเช่นกันใช่หรือเปล่า” เขาถามแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่กลม สองมือของเขาประคองดวงหน้าหวานละมุนอย่างทะนุถนอม ไล้ปลายนิ้วโป้งสัมผัสความเนียนนุ่มของผิวแก้มด้วยความเสน่หาจับหัวใจ
“ตอบผม...คำถามนี้ผมต้องการคำตอบ” เขาพูดเหมือนออกคำสั่ง แต่เป็นคำสั่งที่เต็มไปด้วยความเว้าวอนออดอ้อน ร้องขอ คีตาลดาตาพร่าพรายหัวใจของเธอเต้นระรัว ยิ่งยามปลายนิ้วของเขาเลื่อนไล้มาทาบลงบนริมฝีปากอิ่มระเรื่อของเธอบดคลึงราวต้องการกระตุ้นย้ำเตือนว่าเขาแทบจะทนรั้งรอคำตอบไม่ไหว คีตาลดาก็ยิ่งหวามไหวรุนแรง
“คำถามยากเกินไปใช่ไหม”
คีตาลดาส่ายหน้าเธอไม่ได้ตอบเขาด้วยวาจาแต่ใช้ภาษากายแทนคำตอบ หญิงสาวปิดเปลือกตาลง วางมือเล็กทาบบนหลังมือเขาแล้วเลื่อนลงจับยึดข้อมือแกร่งขณะแหงนเงยดวงหน้าขึ้นเผยอแย้มริมฝีปากสั่นระริกราวลูกนกรอคอยพ่อนกป้อนเหยื่อให้กัดกลืน คิรินยิ้มมุมปากอย่างรู้คำตอบ แต่เขาก็ยังรั้งรออย่างใจเย็น
“ผมอยากได้ยินกับหู ไม่ใช่แค่รับรู้ด้วยสายตา”
คีตาลดาปรือตาขึ้นมองเขา เธอเห็นดวงตาดำสนิทพริบพราวราวดวงดาวนับแสนทอประกายอยู่ในนั้น หญิงสาวรู้สึกเห่อร้อนไปทั่วร่าง ตั้งแต่ดวงหน้าลามไล่ตรงไปตามลำคอระหงเลื่อนลงสู่ทรวงอกอิ่มซึ่งกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงเสน่หาที่ อัดแน่นพุ่งพล่านกลางกาย
“สำคัญด้วยเหรอคะว่าลดาจะรู้สึกนึกคิดอย่างไร”
“สำคัญสิ อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับคุณสำคัญสำหรับผมเสมอ”
คีตาลดาแตะปลายนิ้วลงบนริมฝีปากหยักร้ายของเขาเชิงห้าม คิรินเลิกคิ้วสูงแววตาเต็มไปด้วยคำถาม
“อย่าเพิ่งรีบพูดเลยค่ะ ลดารู้สึกว่ามันเร็วไปที่เคเคจะพูดแบบนี้”
“คุณไม่เชื่อผมเหรอ”
“เคเคเป็นใคร ลดาเป็นใคร ระยะเวลาที่เราเจอกัน เคเคว่าลดาจะเชื่อได้สนิทใจเหรอคะ”
“คีตาลดา”
“ลดาไม่อยากฝันกลางวันค่ะ เพราะหากเป็นแบบนั้นพอตื่นมาแล้วพบว่ามันเป็นเพียงความฝัน ตอนนั้นมันคงเจ็บปวดมาก ลดาไม่อยากเจ็บปวด ไม่อยาก...” คีตาลดาพูดได้เพียงเท่านั้นเสียงหวานก็ถูกกลืนหายไปเพราะคิรินปิดปากของเธอด้วยริมฝีปากอุ่นร้อนของเขา ...ประกบปิดนาบนิ่งอยู่แบบนั้นขณะรั้งร่างอรชรของเธอมากอดกระชับแนบกาย
คีตาลดาสะอื้นไห้เบาๆ ให้เขาจูบเธออย่างคนเอาแต่ใจ หักหาญบีบบังคับจิตใจเธอเสียจะยังดีกว่าแสดงท่าทีอ่อนโยนทะนุถนอมเธอแบบนี้ เขารู้บ้างหรือเปล่าว่ามันทำให้เธอหวั่นไหวรุนแรงและหวาดหวั่นกับความอ่อนโยนนี้มากแค่ไหน
“เห็นคุณร้องไห้แบบนี้ผมรู้สึกไม่ดีเลยคีตาลดา” เขาบอกพร้อมกับใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มอย่างปลอบประโลม คีตาลดายิ่งน้ำตาไหลพรากหนักขึ้นอีก
“ลดาดูเป็นคนขี้แยมากเลยใช่ไหมคะ”
“อยู่ต่อหน้าผมคุณไม่จำเป็นต้องเข็มแข็งนักก็ได้ อ่อนแอบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นไร”
“แต่เคเคบอกว่าเห็นลดาร้องไห้แล้วรู้สึกไม่ดี”
“คุณร้องไห้เพราะยังไม่เชื่อใจผม จะให้ผมรู้สึกดีได้ยังไงล่ะจริงไหม”
คีตาลดาช้อนสายตามองหน้าคิริน หญิงสาวไม่รู้จะพูดบอกอย่างไรสำหรับความรู้สึกของเธอตอนนี้ มันว้าวุ่นอึงอลสับสนปั่นป่วนอยู่ในอก จะให้เธอเชื่อหมดใจว่าเขาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในค่ำคืนนั้น...เธอเชื่อได้อย่างนั้นเหรอ
“คุณเพียงคนเดียว...คนสุดท้ายที่ผมต้องการคีตาลดา”
คำพูดของคิรินที่เอ่ยออกมาดังเพียงกระซิบให้ได้ยินเพียงสองคน แต่สำหรับเธอแล้วราวดังกึกก้องกังวาน ดังซ้ำๆกึกก้องในห้วงความรู้สึก หัวใจซึ่งปวดหนึบด้วยความคิดหนักอึ้งตอนนี้อุ่นซ่าน คำพูดของเขาเป็นดั่งสายฝนโปรยปรายลงบนผืนดินแตกแห้ง แม้ใจเธอจะยังไม่พร้อมตอบรับกับความรู้สึกที่เขาพยายามบอกกล่าว แต่เธอก็พยายามบอกตัวเองให้ลองเปิดรับมันสักครั้ง
“บาดแผลในหัวใจของลดามันสาหัสมากนัก”
“ให้โอกาสผม ...ให้โอกาสตัวเองได้ไหมคีตาลดา ให้ผมเยียวยารักษาหัวใจคุณ”
“แต่ลดาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะรักษาหาย”
“ต่อให้ต้องใช้เวลาทั้งชีวิต ผมก็ยินดีดูแลรักษาหัวใจคุณคีตาลดา”
“เพราะอะไรคะ ...เพราะอะไรเคเคถึงมั่นใจในความรู้สึกตัวเองขนาดนั้น”
“เพราะคุณคือหัวใจอีกครึ่งดวงที่ผมเฝ้าตามหา คุณคือคนที่ผมรอคอยให้มาเคียงข้างผมตลอดกาล”
“เพียงคืนนั้นคืนเดียว ....คืนที่ต่างคนต่างไม่รู้ว่าใครคือใคร คืนที่ต่างไม่ได้ต้องการให้มันเกิดขึ้น เคเคจะบอกลดาว่าความสัมพันธ์ที่เหมือนถ่านร้อนเผาไหม้เราทั้งคู่นั่นทำให้เคเครู้สึกมากมายอย่างนั้นเหรอคะ”
“ใช่”
คำตอบสั้นๆคำเดียวของเขาที่เปล่งออกมามันบ่งบอกความชัดเจนในความรู้สึกนึกคิด บ่งบอกความจริงจังหนักแน่นของเขา คีตาลดาฟังแล้วก็ได้แต่นิ่งเงียบยืนมองเขานิ่งราวร่าง ไร้วิญญาณ ไม่มีแม้คำถามใดๆหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากอิ่มระเรื่ออีก มีเพียงเปลือกตาบางซึ่งกระพริบถี่ยิบยามเจ้าตัวพยายามปรับความรู้สึกวุ่นวายในใจให้สงบลง
“ผมรู้ว่ามันยากที่จะทำใจเชื่อ แต่สำหรับผมแล้ว...ผมชัดเจนในความรู้สึกตัวเองเสมอ อะไรที่ไม่ใช่คือไม่ใช่ อะไรที่ชอบผมก็พร้อมตอบรับความรู้สึกตัวเอง”
“แต่ลดาเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา”
“สำหรับคนอื่นอาจใช่ แต่สำหรับผมคุณคือนางฟ้า คือความงดงามในชีวิตผม”
อีกครั้งที่คำพูดของเขาทำเอาเธอนิ่งอึ้ง หัวใจปวดหนึบคล้ายจะอิ่มอุ่นไปด้วยคำพูดหวานหูนั้น คีตาลดาสลัดศีรษะเบาๆ เธออยากจะเชื่อหมดใจในคำพูดของเขาแต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังอดหวาดระแวงไม่ได้
“ไม่เป็นไรคีตาลดา ไม่เป็นไร...วันนี้คุณยังทำใจเชื่อไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมบอกแล้วต่อให้รอคุณทั้งชีวิตผมก็รอได้ ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เถอะนะ เพื่อว่าวันหนึ่งคุณจะเชื่อใจผมแบบไร้ข้อกังขา”
“ขอบคุณนะคะ...ขอบคุณ”
คิรินยิ้มอ่อนแววตาเจือด้วยแววหวานยามจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่กลมซึ่งขังคลอด้วยหยาดน้ำตาอุ่นใส เขาไล้ปลายนิ้วกับพวงแก้มนุ่มนิ่มก่อนโน้มใบหน้าเข้าใกล้ทีละนิด คีตาลดากระพริบตาปริบๆ รอคอยจุมพิตหวามหวานของเขาอย่างหวาดหวั่น พอปลายจมูกโด่งของเขาชิดติดกับปลายจมูกเล็กของเธอ คีตาลดาก็ปิดเปลือกตาพริ้ม
พลัน...ความหวาดหวั่นนั้นก็มลายคลายไปเมื่อเธอพบว่าริมฝีปากร้อนระอุของเขาจรดจูบลงกลางหน้าผากมนแทนริมฝีปากสั่นระริกของเธอ
“ผมบอกแล้วว่าผมรอได้...ผมจะรอจนกว่าคุณพร้อมตอบรับความสัมพันธ์ระหว่างเราคีตาลดา” เขาบอกแล้วกอดกระชับเธอแนบแน่นดั่งหวงแหนเหลือเกิน คีตาลดาโอบกอดตอบรับความอบอุ่นนั้นเข้าสู่หัวใจ เธอเองก็หวังว่าเรื่องราวเหล่านี้จะไม่เป็นเพียงฝันกลางวัน เธอเองก็หวังว่าวันหนึ่งบาดแผลในหัวใจเธอจะหายสนิทปิดประตูความเจ็บปวดในอดีตแล้วเปิดประตูสู่ความสุขในชีวิตที่มีคิรินเคียงคู่ตลอดไป
------------------------------------
พ่อคนโหดอยู่ในโหมดตกหลุมรักอย่างจัง ใจเย็นๆค่อยๆเป็นไป ดีต่อใจมากๆค่ะ
หลายวันแล้วที่เธอไม่ได้เจอคิริน หลังจากวันนั้นเขาก็มีเหตุต้องเดินทางไกลไปต่างประเทศร่วมสัปดาห์ คีตาลดายอมรับว่าเธอรู้สึกคิดถึงเขาอย่างไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน แม้แต่กับทัชกรซึ่งเธอรักปักใจกับเขามานานถึง 7 ปี แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกพะว้าพะวงคิดถึงแบบนี้คีตาลดายังไม่อาจยอมรับได้เต็มหัวใจว่าเธอหลงรักท่านประธานใหญ่แห่ง เค.เค. กรุ๊ป เข้าแล้ว เธอได้แต่บอกตัวเองว่าอาจเป็นเพราะความอบอุ่นอ่อนโยนของเขาที่ทำให้เธออิ่มอุ่นในหัวใจจนเริ่มเสพติดความรู้สึกนี้ พอไม่มีเขาอยู่ใกล้ๆเธอจึงรู้สึกเหมือนคนไข้กำลังขาดยา‘คุณเหงาไหม คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า’เขาถามเธอแบบนี้ทุกครั้งที่โทรมาหา แล้วเธอเองก็ตอบกลับแบบคนปากแข็งทุกครั้งว่าเธอไม่รู้ว่าคำว่า ‘เหงา’ สะกดอย่างไร เธอรู้ว่าเขารู้ทันว่านั่นเป็นเพียงคำพูดเฉไฉของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าเขาเองก็คงรับรู้ได้ว่าเธอเองก็เหงาและคิดถึงเขาไม่น้อย‘ถ้าคุณเหงาจะมาหาผมก็ได้นะผมจะให้ชินโยจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้’‘ลดามีงานต้องทำนะคะ จะทิ้งงานไปเที่ยวตามใจได้ยังไง’‘ถ้าอย่างนั้นผมเลิกจ้างคุณดีไหม คุณจะได้ไม่ต้องทิ้งงานเพื่อมาหาผม’‘ถ้าเคเคจะเลิกจ้างลดาเมื่อไรก็บอกล่วงหน้าด้
“ยังไม่ครบกำหนดเดินทางกลับไม่ใช่เหรอคะ แล้วเคเคกลับมาได้ยังไงคะ” คีตาลดาถามเมื่อเขาพาเธอกลับมาส่งที่คอนโดมิเนียม แม้คิรินจะหว่านล้อมสารพัดให้เธอย้ายไปอยู่คอนโดฯของเขา แต่คีตาลดาก็ยังยืนกรานจะอยู่ที่นี่ดังเดิม คิรินจึงจำยอมอย่างไม่เต็มใจนัก“มีพรายกระซิบบอกว่าคุณตกอยู่ในอันตรายผมเลยต้องรีบกลับมา” เขาตอบยิ้มๆ คีตาลดาค้อนขวับพร้อมกับดันตัวออกจากอ้อมกอดเขา แต่คิรินไม่ยอมปล่อยง่ายๆ เขากระชับวงแขนแน่นเข้าแล้วรั้งร่างเธอขึ้นนั่งบนตักแกร่ง“เคเค”“เชื่อใจผมคีตาลดา ผมบอกแล้วว่าจะรอจนกว่าคุณจะพร้อมเปิดใจรับ”คีตาลดาเม้มปาก ใช่ว่าเธอจะไม่อยากเปิดใจให้เขา แต่ระยะเวลาในความสัมพันธ์ขั้นนั้นมันยังเร็วเกินไป และวันนี้คำพูดของทัชกรก็ตอกย้ำเตือนให้เธอรู้ว่าอดีตแสนเจ็บปวดยังคงติดตรึงในหัวใจและมันยากเหลือเกินที่จะพาตัวเองก้าวออกมา‘ผู้หญิงบ้านๆอย่างคุณจะเขี่ยทิ้งเมื่อไรก็ได้’“คิดอะไรอยู่ครับ”คีตาลดาสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิด หญิงสาวช้อนสายตามองคิรินนิ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงลังเล“เคเคคะ อย่ารอลดาอีกเลยค่ะ ลดาคิดว่า...”“คุณยังรัก
เธอไม่รู้จริงๆว่าเธอต้องทำอย่างไรกับชีวิตนับจากนี้ไป ทุกอย่างมันดูมืดมนไปหมด เธอมองไม่เห็นอะไรเลยนอกความมืดมิด เธอต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบไม่คาดคิด ผู้ชายที่เธอรักและวาดหวังฝากชีวิตไว้กับเขา ท้ายสุดแล้วก็เป็นเพียงผู้ชายเลวๆคนหนึ่ง เลวสุดใจแบบที่เธอไม่คิดว่าตัวเองจะมองคนผิดพลาดได้มากขนาดนี้‘ไม่เห็นต้องเรื่องมากเลยลดา ผมไม่เห็นว่าคุณจะเสียหายตรงไหนมีแต่ได้กับได้’‘คุณจะบอกว่าการที่ลดาขึ้นเตียงกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ลดาไม่เสียหายอย่างนั้นเหรอคะ’‘คุณคิดมากเกินไปลดา ผมเห็นแต่ว่าคุณจะมีแต่สนุกแล้วก็ได้เงิน’‘ทัช! ลดาเป็นแฟนคุณนะ คุณคิดแบบนี้ได้ยังไงคะ’‘คุณเลิกความคิดคร่ำครึหัวโบราณเสียทีได้ไหมลดา ผมเป็นแฟน เป็นผู้ชายแท้ๆผมยังรับได้แล้วคุณจะเรื่องมากให้มันวุ่นวายไปทำไมฮะ’หยุด! หยุดได้แล้ว! หยุดคิดถึงคนชั่วช้านั่นเสียที ยิ่งเธอคิดก็ยิ่งมีแต่เจ็บปวดรวดร้าว เธอจะปล่อยให้เรื่องราวเหล่านั้นมาบั่นทอนชีวิตเธอต่อไปอีกนานแค่ไหนกันพอแล้ว! พอเสียที อย่าทำร้ายหัวใจตัวเองอีกต่อไปเลย เพียงเท่านี้หัวใจเธอก็เจ็บปวดร้าวลึกจวนเจียนจะขาดใจตายเสียให้ได้ นั่นสิ! เธอแทบจะแดดิ้นตายด้วยความเจ็บปวดครั้งแล้ว
“เคเคครับ ได้เบาะแสของผู้หญิงคนนั้นแล้วครับ”“เจอเธอที่ไหน”“เธอเป็นนักเปียโนใหม่เพิ่งมาเล่นที่ เค.เค.รอยัลเมื่อวานนี้ครับ”“สั่งการลงไป ให้เธอไปรายงานตัวที่ เค.เค. รอยัล คลับ ฉันจะไปรอเธอที่นั่น”“ครับเคเค”เมื่อสั่งการเสร็จท่านประธานก็เอนกายหนาพิงพนักเก้าอี้ผู้บริหารตัวใหญ่ทอดสายตาคมกริบผ่านผนังกระจกใสเบื้องหน้าไปยังทิวทัศน์ของเมืองกรุง ห้องทำงานของเขาเป็นห้องที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมหรูอันดับหนึ่งจึงมองเห็นทัศนียภาพไกลสุดหูสุดตาตัดขอบฟ้าใส หัวใจแกร่งของเขาวันนี้เหมือนจะเต้นเร็วขึ้นกว่าปกติจนเจ้าตัวรู้สึกได้ เขาผ่อนลมหายใจเบาๆเมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ตื่นตัวภายใน‘หึ! ฉันตามหาเธอมาเกือบเดือน ไม่คิดว่าจู่ๆเธอก็เดินเข้ามาหาฉันเอง’ริมฝีปากหยักสวยราวอิสตรียกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ข่าวที่ได้รับวันนี้ทำให้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ดวงหน้าสวยหวานละมุนของคนในห้วงมโนนึกผุดพรายขึ้นกลางเวิ้งฟ้าเบื้องหน้า ชวนให้เขาคิดถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น‘ช่วยฉัน แล้วฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ’เขาพูดแล้วย่อมคำไหนคำนั้น เขารักษาคำพูดเสมอ“ฉันจัดการพวกที่ทำร้ายเธอวันนั้น แก้แค้นแทนเธอแล้ว” ประธานใหญ่ยก
คีตาลดารู้สึกประหลาดใจเมื่อผู้จัดการโรงแรมบอกให้เธอไปรายงานตัวกับท่านประธานใหญ่ที่ เค.เค. รอยัล คลับ เธอเป็นเพียงนักเล่นเปียโนพาร์ทไทม์ตัวเล็กๆธรรมดาคนหนึ่ง แต่เพราะอะไรถึงต้องรายงานตัวตรงต่อประธานใหญ่ของเค.เค. กรุ๊ป แม้ในหัวจะเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ความสงสัยมากอยู่ แต่เธอก็ได้แต่ทำตามคำสั่งโดยไม่ขัดข้อง‘หึ! คำสั่งท่านประธาน มีหรือที่เธอจะหาญกล้า อย่าว่าแต่เธอเลย เป็นใครก็ไม่กล้าขัดด้วยกันทั้งนั้น’คีตาลดาหยุดความคิดตัวเองเพียงเท่านั้นเมื่อเธอมาถึงพนักงานต้อนรับของคลับก็พาเธอมายังห้องรับรองสุดหรูของที่นั่น พนักงานที่พาเธอมาส่งเคาะประตูห้องแล้วเปิดออกก่อนผายมือเชื้อเชิญให้เธอเข้าไปข้างใน คีตาลดาอดใจสั่นไม่ได้เมื่อเท้าเล็กๆก้าวเข้าไปในห้อง หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าจนลึกสุดเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง“นักเปียโนใหม่ที่ท่านเรียกพบมาแล้วครับ”พนักงานคนนั้นรายงานแล้วถอยกลับออกไป คีตาลดามองไปยังคนที่นั่งหันหลังให้เธอ ขนาดว่าพนักเก้าอี้ที่เขานั่งทั้งสูงและใหญ่แต่เธอก็ยังเห็นศีรษะของเขาโผล่พ้นพนักเก้าอี้กว่าครึ่งหัว เธอเดาโดยประมาณว่าเขาน่าจะสูงเกิน 190 เซนติเมตรน่าจะได้ เธอเคยได้ยินมาบ้างว่าทายาทค
คีตาลดานั่งอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เบื้องหน้าของเธอคือกระจกเงาบานใหญ่ ในห้องพักนักดนตรีของโรงแรมตอนนี้มีเธอเพียงคนเดียว หญิงสาวมองดูตัวเองในกระจกนิ่งดั่งคนกำลังตกอยู่ในภวังค์ ความคิดดิ่งลึกนึกถึงช่วงเวลาก่อนที่เธอจะก้าวออกมาจากห้องรับรองนั้น“คุณแน่ใจนะว่าเราไม่เคยเจอกันมาก่อนหน้านี้”แปลก... น้ำเสียงนุ่มทุ้มต่ำลึกที่กระซิบข้างหลัง เธอช่างคุ้นหูเธอเหลือเกิน ตอนแรกที่เขาถามเธอไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอถูกถามย้ำอีกครั้งในระยะประชิดตัวแบบนี้ เธอก็อดหวนคิดถึงฝันร้ายแสนหวามในค่ำคืนนั้นไม่ได้บ้าจริง! คิดแบบนั้นได้ยังไงกันนะลดา ท่านประธานจะเป็นผู้ชายคนนั้นได้ยังไง ต่อให้เกิดเหตุในโรงแรมของเขาก็เถอะ แต่ทายาทคุปต์อนันต์อย่างเขาจะไม่เลือกกินขนาดลากใครที่ไหนขึ้นเตียงแบบนั้น มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้“ท่านประธานถามแบบนี้ กำลังจะบอกว่าเคยเจอดิฉันมาก่อนหน้านี้เหรอคะ” เธอถามออกไปแล้วกลั้นใจรอคำตอบ หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด หากใช่ล่ะ?“คุณอยู่ในสถานะที่ควรย้อนถามผมอย่างนั้นเหรอ”คำถามของเขาทำเอาใจเธอหล่นวูบ นั่นสินะ เธอเป็นใครถึงอาจหาญย้อนถามเขาไปแบบนั้น“ขอประทานโทษค่ะ ดิฉันล่วงเกินท่านแล้ว ดิฉัน
เมื่อได้นั่งไล่ปลายนิ้วไปตามคีย์เปียโนคีตาลดาก็ไม่คิดถึงสิ่งใดนอกจากส่งมอบเสียงเพลงแห่งความสุขให้แก่คนฟัง นานเท่านานที่เธอปล่อยความคิดจิตใจเคลียคลอไปกับเสียงเปียโน ความรู้สึกอิ่มอุ่นในหัวใจ ความสุขสดใสที่เธอถ่ายทอดผ่านปลายนิ้วไล่สัมผัสไปกับคีย์เปียโนนั้นทรงพลังตราตรึงในหัวใจคนฟังมานักต่อนัก วันนี้เป็นอีกวันที่เธอสร้างความประทับใจให้แก่แขกที่มารับประมานอาหารใน เค.เค.รอยัล คลับ แห่งนี้คีตาลดาโค้งคำนับรับเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมหลังเสียงเพลงสุดท้ายของวันนี้สิ้นสุดลง หญิงสาวยิ้มกว้างยามกวาดสายตามองไปโดยรอบ หัวใจดวงน้อยกวัดแกว่งอย่างแปลกประหลาดเมื่อเห็นว่าโต๊ะหน้าเวทีไร้เงาของคิริน‘เขาไม่ชอบอย่างนั้นเหรอ’ คีตาลดาปัดความคิดนั้นออกจากหัวแล้วค้อมกายโค้งคำนับบรรดาแขกในห้องอาหารนั้น อีกครั้งแล้วหันหลังกลับก้าวลงด้านหลังเวที แม้จะพยายามตัดความคิดเกี่ยวกับทายาทคุปต์อนันต์ออกไปแต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ หากประธานใหญ่ไม่ชื่นชอบผลงานการแสดงของเธอแล้ว เธออาจถูกเลิกจ้างก็เป็นไปได้“วันนี้คุณยอดเยี่ยมมากครับคีตาลดา”“ผู้จัดการชมเกินไปแล้วค่ะ”แม้หัวใจดวงน้อยจะฟองฟู่กับคำชมของวีกิจผู้จัดการห้องอาหาร แต
เอี๊ยดดด!!คีตาลดาหัวทิ่มโขลกกับคอนโซลรถด้านหน้า เพราะจู่ๆก็มีรถสปอร์ตสีดำขับปาดตัดหน้าจนทัชกรเบรกรถจนตัวโก่ง แรงกระแทกทำเอาเธอถึงกับมึนงงไปชั่วขณะ แต่ก็ยังพอรับรู้ได้ถึงความเกรี้ยวกราดของทัชกร“ไอ้ห่าเอ๊ย! ขับรถประสาอะไรวะ”คีตาลดาได้ยินทัชกรสบถด่าลั่นก่อนที่เขาจะเปิดประตูก้าวลงไป หญิงสาวพยายามดึงสติหวังอาศัยช่วงจังหวะนั้นหลบหนีเอาตัวรอด แต่เธอรู้สึกมึนงงมาก รอบด้านพร่าเลือนมองอะไรไม่ชัดจึงพยายามใช้มือคลำหาที่จับเปิดประตูรถสะเปะสะปะ พอจะเปิดก็เปิดไม่ออกเพราะเป็นระบบล็อคอัตโนมัติด้านนอก ทัชกรที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงกับยืนตะลึงเมื่อพบว่ารถสปอร์ตที่ขับปาดหน้าตนคือใคร เขากลืนน้ำลายลงคอฝืดเฝื่อนก่อนจะฝืนยิ้มเจื่อนทักทายจนตรงหน้า“คุณคิรินนั่นเอง ผมทัชกร”ผัวะ!หมัดหนักๆที่ซัดเข้าตรงโหนกแก้มซ้ายของเขาคือคำทักทายตอบ แรงอัดกระแทกแบบไม่ทันตั้งรับทำเอาทัชกรถึงกับถลาล้มหน้าคะมำ“คุณคิริน คุณชกหน้าผมแบบนี้หมายความว่ายังไง ผมไปทำอะไรให้คุณ”ผัวะ!หมัดที่สองตามมาติดๆแบบที่ทัชกรไม่มีโอกาสต่อต้าน ยิ่งเห็นแววเกรี้ยวกราดในดวงตาสีดำสนิทของคิรินแล้ว คนขลาดอย่างทัชกรก็หงอไม่กล้าต่อกรกลับ“หมัดแรกสั่งสอนท
“ยังไม่ครบกำหนดเดินทางกลับไม่ใช่เหรอคะ แล้วเคเคกลับมาได้ยังไงคะ” คีตาลดาถามเมื่อเขาพาเธอกลับมาส่งที่คอนโดมิเนียม แม้คิรินจะหว่านล้อมสารพัดให้เธอย้ายไปอยู่คอนโดฯของเขา แต่คีตาลดาก็ยังยืนกรานจะอยู่ที่นี่ดังเดิม คิรินจึงจำยอมอย่างไม่เต็มใจนัก“มีพรายกระซิบบอกว่าคุณตกอยู่ในอันตรายผมเลยต้องรีบกลับมา” เขาตอบยิ้มๆ คีตาลดาค้อนขวับพร้อมกับดันตัวออกจากอ้อมกอดเขา แต่คิรินไม่ยอมปล่อยง่ายๆ เขากระชับวงแขนแน่นเข้าแล้วรั้งร่างเธอขึ้นนั่งบนตักแกร่ง“เคเค”“เชื่อใจผมคีตาลดา ผมบอกแล้วว่าจะรอจนกว่าคุณจะพร้อมเปิดใจรับ”คีตาลดาเม้มปาก ใช่ว่าเธอจะไม่อยากเปิดใจให้เขา แต่ระยะเวลาในความสัมพันธ์ขั้นนั้นมันยังเร็วเกินไป และวันนี้คำพูดของทัชกรก็ตอกย้ำเตือนให้เธอรู้ว่าอดีตแสนเจ็บปวดยังคงติดตรึงในหัวใจและมันยากเหลือเกินที่จะพาตัวเองก้าวออกมา‘ผู้หญิงบ้านๆอย่างคุณจะเขี่ยทิ้งเมื่อไรก็ได้’“คิดอะไรอยู่ครับ”คีตาลดาสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิด หญิงสาวช้อนสายตามองคิรินนิ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงลังเล“เคเคคะ อย่ารอลดาอีกเลยค่ะ ลดาคิดว่า...”“คุณยังรัก
หลายวันแล้วที่เธอไม่ได้เจอคิริน หลังจากวันนั้นเขาก็มีเหตุต้องเดินทางไกลไปต่างประเทศร่วมสัปดาห์ คีตาลดายอมรับว่าเธอรู้สึกคิดถึงเขาอย่างไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน แม้แต่กับทัชกรซึ่งเธอรักปักใจกับเขามานานถึง 7 ปี แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกพะว้าพะวงคิดถึงแบบนี้คีตาลดายังไม่อาจยอมรับได้เต็มหัวใจว่าเธอหลงรักท่านประธานใหญ่แห่ง เค.เค. กรุ๊ป เข้าแล้ว เธอได้แต่บอกตัวเองว่าอาจเป็นเพราะความอบอุ่นอ่อนโยนของเขาที่ทำให้เธออิ่มอุ่นในหัวใจจนเริ่มเสพติดความรู้สึกนี้ พอไม่มีเขาอยู่ใกล้ๆเธอจึงรู้สึกเหมือนคนไข้กำลังขาดยา‘คุณเหงาไหม คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า’เขาถามเธอแบบนี้ทุกครั้งที่โทรมาหา แล้วเธอเองก็ตอบกลับแบบคนปากแข็งทุกครั้งว่าเธอไม่รู้ว่าคำว่า ‘เหงา’ สะกดอย่างไร เธอรู้ว่าเขารู้ทันว่านั่นเป็นเพียงคำพูดเฉไฉของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าเขาเองก็คงรับรู้ได้ว่าเธอเองก็เหงาและคิดถึงเขาไม่น้อย‘ถ้าคุณเหงาจะมาหาผมก็ได้นะผมจะให้ชินโยจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้’‘ลดามีงานต้องทำนะคะ จะทิ้งงานไปเที่ยวตามใจได้ยังไง’‘ถ้าอย่างนั้นผมเลิกจ้างคุณดีไหม คุณจะได้ไม่ต้องทิ้งงานเพื่อมาหาผม’‘ถ้าเคเคจะเลิกจ้างลดาเมื่อไรก็บอกล่วงหน้าด้
“คีตาลดาผมต้องการคุณ” คิรินพึมพำชิดริมฝีปากอิ่ม ระเรื่อเสียงกระเส่าราวกำลังละเมอ เขาเอ่ยความรู้สึกลึกล้ำในใจแล้วจรดริมฝีปากบดจูบเธอหนักๆแล้วถอนจูบ...วนเวียนอยู่แบบนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า คีตาลดาหอบหายใจถี่กระชั้นกับความหวามหวานซาบซ่านนั้น“คุณเองก็ต้องการผมเช่นกันใช่หรือเปล่า” เขาถามแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่กลม สองมือของเขาประคองดวงหน้าหวานละมุนอย่างทะนุถนอม ไล้ปลายนิ้วโป้งสัมผัสความเนียนนุ่มของผิวแก้มด้วยความเสน่หาจับหัวใจ“ตอบผม...คำถามนี้ผมต้องการคำตอบ” เขาพูดเหมือนออกคำสั่ง แต่เป็นคำสั่งที่เต็มไปด้วยความเว้าวอนออดอ้อน ร้องขอ คีตาลดาตาพร่าพรายหัวใจของเธอเต้นระรัว ยิ่งยามปลายนิ้วของเขาเลื่อนไล้มาทาบลงบนริมฝีปากอิ่มระเรื่อของเธอบดคลึงราวต้องการกระตุ้นย้ำเตือนว่าเขาแทบจะทนรั้งรอคำตอบไม่ไหว คีตาลดาก็ยิ่งหวามไหวรุนแรง“คำถามยากเกินไปใช่ไหม”คีตาลดาส่ายหน้าเธอไม่ได้ตอบเขาด้วยวาจาแต่ใช้ภาษากายแทนคำตอบ หญิงสาวปิดเปลือกตาลง วางมือเล็กทาบบนหลังมือเขาแล้วเลื่อนลงจับยึดข้อมือแกร่งขณะแหงนเงยดวงหน้าขึ้นเผยอแย้มริมฝีปากสั่นระริกราวลูกนกรอคอยพ่อนกป้อนเหยื่อให้กัดกลืน
คิรินเฝ้ามองคนนอนหลับสนิทบนเตียงกว้างด้วยความพะว้าพะวง ตลอดเวลากว่าสี่สิบนาทีที่เขาเฝ้าดูอาการเธอคิรินก็ผุดลุกผุดนั่งอยู่ไม่สุข แม้หมอประจำตัวที่เขาตามให้มาตรวจจะบอกว่าเธอแค่เป็นลมหมดสติเพราะตกใจมากเกินไป นอนหลับพักฟื้นสักหน่อยเดี๋ยวก็ฟื้นตื่นดีถึงกระนั้นเขาก็ยังอดกังวลไม่ได้“เคเค...เคเค...”คิรินหูผึ่งทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกเขาพึมพำเล็ดลอดออกจากริมฝีปากอิ่มระเรื่อที่เผยอแย้มเล็กๆของคนบนเตียง ท่านประธานใหญ่รีบโผเข้าไปหาคว้าเอามือน้อยมากอบกุมไว้แล้วเรียกเธอด้วยความดีอกดีใจ“คีตาลดา เด็กดี ผมอยู่นี่แล้ว” เขาพูดพร้อมกับจ้องมองดวงหน้าหวานที่เริ่มส่ายไปมาราวเจ้าตัวกำลังฝันร้าย คิรินบีบกระชับมือน้อยแน่นเข้าราวต้องการปลอบขวัญ พลันร่างอรชรของคีตาลดาก็ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งพร้อมกับเจ้าตัวตะโกนก้องออกมาลั่นห้อง“ไม่นะ! ไม่!”“คีตาลดา” คิรินเรียกเธอเสียงดังดึงให้คืนสติ หญิงสาวหันขวับมามองคนนั่งข้างๆ พอเห็นเขาชัดเจนเต็มสองตาเธอก็ผวาเฮือกกระถดกายถอยหนีห่างออกไป“คีตาลดา อย่ากลัวผม ได้โปรด...”“อย่าเข้ามา! อย่าเข้ามาใกล้ลดา”คิรินสะอึกอึ้ง
“คีตาลดาคุณมาได้ยังไง ไหนท่านประธานบอกว่าคุณไม่สบายต้องหยุดสักระยะ”“อะไรนะคะ” คีตาลดาถึงกับอึ้งกับคำทักทายของผู้จัดการภัตตาคาร หญิงสาวใช้สายตาคาดคั้นเอาคำตอบแต่วีกิจก็ยักไหล่ทำไม้ทำมือแบบไม่รู้จะอธิบายอย่างไร อย่าว่าแต่ คีตาลดาจะมึนงงเขาเองก็ยังงงไม่ต่างจากเธอ“คุณมีอะไรก็ไปทำเถอะวีกิจทางนี้ผมจัดการเอง”คีตาลดากับวีกิจหันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกัน ผู้จัดการห้องอาหารขยับจะอ้าปากถามแต่พอสบสายตาคมดุของเจ้านายใหญ่เขาก็รีบชิ่งหลบไปตามคำสั่งทันที“เดี๋ยวสิคะคุณวีกิจแล้วคิวเล่นเปียโนของฉันวันนี้ล่ะคะ”“คิดถึงผลได้ผลเสียภาพรวมบ้างคีตาลดา ถ้าคุณล้มพับไปกลางเวทีแขกเหรื่อจะตกใจขนาดไหน ชื่อเสียงเค.เค.รอยัลจะเป็นยังไง คุณรับผิดชอบไหวเหรอ”“แต่ถ้าฉันไม่ทำงานแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาคืนท่านประธานล่ะคะ”“อยากชดใช้มากขนาดนั้นเชียว”“เงินไม่ใช่น้อยๆจะให้ฉันนิ่งนอนใจได้ยังไงกัน ฉันไม่ใช่คนที่จะยอมรับอะไรจากใครฟรีๆนี่คะ”“ได้! อยากชดใช้นักก็ได้! ถ้าอย่างนั้นมานี่”คิรินพูดแล้วก็อุ้มคีตาลดาจับพาดบ่าเดินลัดเลาะไปช่องทางลับด้านหนึ่งซึ่งมีไว
“เคเค...”“จากนี้ไปคุณคือผู้หญิงของผมคีตาลดา” เขากระซิบชิดริมฝีปากก่อนทาบปิดลงมาอีกครั้งแล้วบดจูบคลอเคล้าราวหิวกระหาย ความเร่าเร้อนออดอ้อนที่เขาถ่ายสอดผ่านจูบแสนหวามทำเอาความรู้สึกนึกคิดของคีตาลดาตีกันวุ่นวายไปหมด‘อยู่กับเขา เป็นผู้หญิงของเขาอย่างนั้นเหรอ นี่เหรอความปรารถนาดีที่เขามอบให้’“ไม่! ฉันไม่ต้องการ ฉันไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงของคุณ”คีตาลดารีบปฏิเสธรัวเร็วทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระ ถ้อยคำที่เธอเอ่ยออกมาทำเอาคิรินชะงักกึก หญิงสาวฉวยโอกาสนั้นผลักไสเขาแล้วพลิกกายหนี คิรินแววตาหล่นวูบเมื่อเห็นคีตาลดาแสดงท่าทีราวหวาดกลัวเขาจับใจ“คีตาลดา...ผมขอโทษ”“ฉันอยากกลับบ้าน ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่” คีตาลดาบอกเสียงสั่นน้ำตาไหลพราก คิรินกำหมัดแน่นเจ็บใจตัวเองที่บุ่มบ่ามทำให้เธอหวาดกลัว เขายื่นมือไปหมายดึงร่างน้อยมากอดปลอบขวัญแต่คีตาลดาก็ถอยร่นหนีไปไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้“โอเคครับ กลับก็กลับผมจะไปส่งคุณเอง” คิรินบอกเสียงอ่อนก่อนถอยห่างออกมา คีตาลดาใช้มือสางผมและจับเสื้อผ้าให้เข้าทีแล้วรีบลงจากเตียงเดินนำเขาออกจากห้องไปทันที คิรินเดินตามไปห่างๆ เว้นช่องว่างให้คีตาลดาลดอาการหวาดระแวง หัวใจแกร่งของคิริ
“เคเคคะ คอนโดฯของลดาไม่ได้ไปทางนี้ค่ะ” คีตาลดารีบหันมาบอกคิรินทันทีที่เห็นว่าคนขับรถของเขาขับเลยทางแยกไปคอนโดมิเนียมของเธอ“ผมรู้”“เคเครู้ แล้วไงคะ หรือว่าคุณคนขับรถไม่รู้” คีตาลดาหันมาถามชินโยซึ่งทำหน้าที่คนขับรถ เธอเห็นเขาทำทองไม่รู้ร้อนก็นึกขัดใจ“คุณคะเดี๋ยวถึงจุดกลับรถข้างหน้าคุณก็ยูเทิร์นกลับนะคะ แล้ว...”“ขับตรงไปตามเดิมแหละชินโย” คิรินแทรกขึ้นก่อนที่คีตาลดาจะทันพูดจบ หญิงสาวหันขวับมามองเขาแล้วเลิกคิ้วขณะถาม“เมื่อกี้นี้เคเคพูดว่าอะไรนะคะ”“ผมบอกให้ชินโยขับตรงไปไม่ต้องยูเทิร์น”“แต่มันเลยทางไปคอนโดฯลดาแล้วนะคะ ไม่กลับรถแล้วจะไปทางไหน”“แล้วใครบอกว่าจะไปคอนโดฯ คุณล่ะ”คำพูดแนวนี้ ซีนประมาณนี้เธอเคยเห็นในละครรักแทบจะทุกเรื่องแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงของเธอคีตาลดาขบฟันจ้องเขาพลางกระพริบตาปริบๆ หลังจากคิรินพูดยิ้มๆ เขาก็หันไปสนใจอ่านอะไรในสมาร์ทโฟนของตัวเองไม่ได้หันมามองหน้าเธอสักนิด“คุณคะ ช่วยจอดรถตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าด้วยนะคะ” เมื่อเขาเอาแต่สนใจอ่านอะไรในสมาร์ทโฟนของเขาไม่มีทีท่าสนใจเธอ คีตาลดาก็หันมาทางชินโย แต่เธอก็ต้องหงุดหงิดเมื่อชินโยก็ทำท่าไม่รับรู้เหมือนเดิม“เค
ก๊อกๆ ก๊อกๆเสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ คีตาลดาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกที่มีคนเข้ามาแทรก แต่เหมือนท่านประธานใหญ่จะขัดอกขัดใจ เธอทันได้เห็นแววขุ่นเคืองวาววับในดวงตาคู่คมก่อนจะหายไปกลายเป็นนิ่งสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์“มีอะไรว่ามา” น้ำเสียงเขาช่างดุเข้มทรงพลังอำนาจในความรู้สึกของคีตาลดา หญิงสาวลอบมองคนเพิ่งเข้ามาในห้องด้วยความเป็นห่วง แต่เห็นอีกฝ่ายสีหน้านิ่งสนิทไม่หวั่นเกรงใดๆ เธอก็เลิกห่วงใย อดนึกค่อนขอดในใจไม่ได้ว่าเจ้านายลูกน้องช่างเหมือนกันราวโคลนนิ่งกันมา“คุณนิธิยื่นคำขาดมาว่าถ้าเคเคไม่ไปเจรจาเรื่องลงทุนโครงการใหม่ภายในครึ่งชั่วโมง คุณนิธิจะยกเลิกความร่วมมือกับเคเคทุกโครงการครับ”“ตอบกลับไปว่าฉันจะไปถึงที่นั่นภายในครึ่งชั่วโมงแน่นอน” คิรินสั่งการอย่างไม่ต้องหยุดคิด ชินโยรับคำแล้วออกจากห้องไปทำตามคำสั่ง พอประตูห้องปิดสนิทคิรินก็ดึงสายตากลับมามองคนบนเตียงเห็นเธอกำลังจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว คิรินยิ้มอ่อนเมื่อเห็นแววตาสีหน้ารู้สึกผิดของเธอ“อย่ากังวลไปเลยคีตาลดา เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ เป็นผมเองที่เต็มใจและยินดีช่วยคุณให้พ้นอันตราย ต่อให้มีนัดที่สำคัญกว่านี้ผมก็ไม่เสียใจที่เลือกตามไปช่วย
เอี๊ยดดด!!คีตาลดาหัวทิ่มโขลกกับคอนโซลรถด้านหน้า เพราะจู่ๆก็มีรถสปอร์ตสีดำขับปาดตัดหน้าจนทัชกรเบรกรถจนตัวโก่ง แรงกระแทกทำเอาเธอถึงกับมึนงงไปชั่วขณะ แต่ก็ยังพอรับรู้ได้ถึงความเกรี้ยวกราดของทัชกร“ไอ้ห่าเอ๊ย! ขับรถประสาอะไรวะ”คีตาลดาได้ยินทัชกรสบถด่าลั่นก่อนที่เขาจะเปิดประตูก้าวลงไป หญิงสาวพยายามดึงสติหวังอาศัยช่วงจังหวะนั้นหลบหนีเอาตัวรอด แต่เธอรู้สึกมึนงงมาก รอบด้านพร่าเลือนมองอะไรไม่ชัดจึงพยายามใช้มือคลำหาที่จับเปิดประตูรถสะเปะสะปะ พอจะเปิดก็เปิดไม่ออกเพราะเป็นระบบล็อคอัตโนมัติด้านนอก ทัชกรที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงกับยืนตะลึงเมื่อพบว่ารถสปอร์ตที่ขับปาดหน้าตนคือใคร เขากลืนน้ำลายลงคอฝืดเฝื่อนก่อนจะฝืนยิ้มเจื่อนทักทายจนตรงหน้า“คุณคิรินนั่นเอง ผมทัชกร”ผัวะ!หมัดหนักๆที่ซัดเข้าตรงโหนกแก้มซ้ายของเขาคือคำทักทายตอบ แรงอัดกระแทกแบบไม่ทันตั้งรับทำเอาทัชกรถึงกับถลาล้มหน้าคะมำ“คุณคิริน คุณชกหน้าผมแบบนี้หมายความว่ายังไง ผมไปทำอะไรให้คุณ”ผัวะ!หมัดที่สองตามมาติดๆแบบที่ทัชกรไม่มีโอกาสต่อต้าน ยิ่งเห็นแววเกรี้ยวกราดในดวงตาสีดำสนิทของคิรินแล้ว คนขลาดอย่างทัชกรก็หงอไม่กล้าต่อกรกลับ“หมัดแรกสั่งสอนท