หลายวันแล้วที่เธอไม่ได้เจอคิริน หลังจากวันนั้นเขาก็มีเหตุต้องเดินทางไกลไปต่างประเทศร่วมสัปดาห์ คีตาลดายอมรับว่าเธอรู้สึกคิดถึงเขาอย่างไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน แม้แต่กับทัชกรซึ่งเธอรักปักใจกับเขามานานถึง 7 ปี แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกพะว้าพะวงคิดถึงแบบนี้
คีตาลดายังไม่อาจยอมรับได้เต็มหัวใจว่าเธอหลงรักท่านประธานใหญ่แห่ง เค.เค. กรุ๊ป เข้าแล้ว เธอได้แต่บอกตัวเองว่าอาจเป็นเพราะความอบอุ่นอ่อนโยนของเขาที่ทำให้เธออิ่มอุ่นในหัวใจจนเริ่มเสพติดความรู้สึกนี้ พอไม่มีเขาอยู่ใกล้ๆเธอจึงรู้สึกเหมือนคนไข้กำลังขาดยา
‘คุณเหงาไหม คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า’
เขาถามเธอแบบนี้ทุกครั้งที่โทรมาหา แล้วเธอเองก็ตอบกลับแบบคนปากแข็งทุกครั้งว่าเธอไม่รู้ว่าคำว่า ‘เหงา’ สะกดอย่างไร เธอรู้ว่าเขารู้ทันว่านั่นเป็นเพียงคำพูดเฉไฉของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าเขาเองก็คงรับรู้ได้ว่าเธอเองก็เหงาและคิดถึงเขาไม่น้อย
‘ถ้าคุณเหงาจะมาหาผมก็ได้นะผมจะให้ชินโยจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้’
‘ลดามีงานต้องทำนะคะ จะทิ้งงานไปเที่ยวตามใจได้ยังไง’
‘ถ้าอย่างนั้นผมเลิกจ้างคุณดีไหม คุณจะได้ไม่ต้องทิ้งงานเพื่อมาหาผม’
‘ถ้าเคเคจะเลิกจ้างลดาเมื่อไรก็บอกล่วงหน้าด้วยนะคะ ลดาจะได้เตรียมหาที่ทำงานใหม่’
เธอจำได้ว่าพอเธอพูดออกไปแบบนั้นเขาก็เสียงฉุนทันที คิรินดูร้อนรนยามตัดพ้อเธอ
‘คุณไม่สนใจเลยเหรอว่าถ้าคุณไม่อยู่แล้วผมจะรู้สึกยังไงคีตาลดา’
‘เคเคเองยังคิดจะเลิกจ้างไม่สนใจลดาเลยนี่คะว่าลดาจะใช้ชีวิตต่อยังไง ลดาต้องกินต้องใช้นะคะ ไหนจะค่ารักษาที่เคเคออกให้ก่อน ถ้าเคเคเลิกจ้างลดาแล้วลดาไม่หางานใหม่ ลดาจะเอาเงินที่ไหนคืนเคเคล่ะคะ ไหนยังจะต้องเลี้ยงดูตัวเองอีก’
‘ก็ไม่ต้องคืนสิครับ แล้วก็มาอยู่กับผมให้ผมเลี้ยงดูคุณเอง’
คีตาลดาอมยิ้มเมื่อคิดถึงคำพูดของเขา ปากก็บอกว่ารอเธอได้เสมอ แต่ก็พยายามหาทางต้อนเธอเข้ากรงทองทุกครั้งที่มีโอกาส บางครั้งเธอเองก็กลัวว่าเขาจะหาว่าเธอเล่นตัวจนเกินงาม แต่เขาไม่เป็นเธอไม่เข้าใจหรอกคนเคยบาดเจ็บสาหัสเพราะความรักความไว้เนื้อเชื่อใจ พอจะเปิดใจเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับใครสักคนมันไม่ง่ายเลยสักนิด
ตื๊ดดดด... ตื๊ดดดด...
คีตาลดาหยิบสมาร์ทโฟนในกระเป๋าเสื้อออกมาดูพอเห็นว่าใครโทรหาก็ยิ้มกว้าง เขารู้หรือไงนะว่าเธอกำลังคิดถึงเขา
“คีตาลดา”
หญิงสาวหันไปตามเสียงเรียกเมื่อได้ยินเสียงทักแทรกขึ้นมาก่อนที่เธอจะทันได้รับสายคิริน พอเห็นว่าเป็นทัชกรรอยยิ้มค้างก็พลันหายไป
“คุณจะรีบไปไหนล่ะคีตาลดาไม่คิดจะทักทายคนเคยรักกันอย่างผมบ้างเหรอ หรือว่าตอนนี้กลายเป็นผู้หญิงลับๆของท่านประธานใหญ่เค.เค.กรุ๊ปแล้วเลยถือตัว”
“พูดบ้าอะไรของคุณ”
“จนป่านนี้ยังทำใสซื่อไร้เดียงสาอยู่อีกเหรอคีตาลดา เสียดายจริงๆที่ผมโง่มาตั้งนานมองคนอย่างคุณไม่ออกว่าหิวเงินมากแค่ไหน”
คีตาลดาเงื้อมือหมายจะฟาดลงบนใบหน้ายียวนของ ทัชกรให้สาแก่ความโกรธ แต่พลาดท่าถูกทัชกรคว้าแขนแล้วกระชากเธอเข้าไปกอด คีตาลดาหวีดลั่นอย่างโมโห แต่ทัชกรกลับหัวเราะอย่างสมใจ
“ปล่อยนะทัชกร ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“ปล่อยให้โง่เหรอ กว่าจะเข้าถึงตัวคุณได้ คุณคิดว่าผมจะยอมพลาดโอกาสงามๆแบบนี้เหรอ”
“คุณพูดเองไม่ใช่เหรอว่าฉันเป็นผู้หญิงของคิริน ถ้าคุณทำร้ายฉัน คุณคิดว่าเขาจะปล่อยให้คุณลอยนวลเหรอ”
“จุ๊ๆ คุณมั่นอกมั่นใจเกินไปหรือเปล่าคีตาลดา คนอย่างคิรินเนี่ยนะจะให้ความสำคัญคุณมากขนาดนั้น”
“คุณก็รู้เห็นด้วยตัวเองแล้วนี่ว่าเขาให้ความสำคัญกับฉันมากแค่ไหน หรือว่าคุณลืมรสชาติหมัดหนักๆของเขาไปแล้ว”
ทัชกรขบกรามกรอด ดวงตาสีน้ำตาลวาววับบ่งบอกความโกรธ เพราะเขาจดจำรสชาติกำปั้นทายาทคุปต์อนันต์ได้น่ะสิ เขาถึงได้แค้นฝังหุ่นอยากกระชากหัวใจของมันมาสับให้แหลกคามือ
“ฉันขอเตือนด้วยความหวังดีอีกครั้งนะทัชกร ปล่อยฉัน อย่ามาวุ่นวายกับฉันอีก ถ้าคุณไม่อยากเดือดร้อน”
“คุณเป็นใครคีตาลดา ผู้หญิงบ้านๆอย่างคุณก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราวที่จะถูกเขี่ยทิ้งเมื่อไรก็ได้อย่าสำคัญตัวมากนักเลย”
“ผู้หญิงบ้านๆ ฮึ! คุณคิดแบบนี้สินะทัชกร ตลอดเวลาที่คุณคบกับฉันคุณคิดแบบนี้มาตลอด เพราะงั้นคุณถึงคิดว่าจะทำยังไงกับฉันก็ได้” คีตาลดาสบถสุดเสียง หยาดน้ำตาแห่งความเจ็บแค้นคับแน่นอกไหลพราก
ทัชกรเห็นแล้วถึงกับใจอ่อนยวบ วงแขนที่รึงรัดร่างอ้อนแอ้นของคีตาลดาตกลงข้างกายทันที
คีตาลดาฉวยจังหวะนั้นผลักทัชกรเต็มแรงแล้วถอยหนีออกมาเร็วๆ ทัชกรได้สติรีบคว้าแขนดึงเธอเอาไว้ แต่คราวนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนครั้งก่อน คีตาลดาสลัดแขนสุดกำลังพร้อมกับถีบเต็มแรงเข้ากลางท้องของทัชกร
“คีตาลดามันจะมากเกินไปแล้วนะ” ทัชกรสบถรีบหยัดกายลุกขึ้นถลาเข้าไปคว้าแขนฉุดกระชากคีตาลดา แต่จู่ๆเขาก็ถูกกระชากไหล่อย่างแรงจากด้านหลัง ทัชกรหันมาตะคอกใส่หมายข่มขู่คนเข้ามาวุ่นวาย
“มึงเป็นใครมาเสือกเรื่องกู”
ผัวะ!
กำปั้นหนักๆซัดเข้าครึ่งปากครึ่งจมูกแทนคำตอบ
คีตาลดาเห็นว่าคนมาช่วยเป็นใครหญิงสาวก็โผกายเข้าหาด้วยความดีใจ
“เคเคเป็นคุณจริงๆ”
“ผมขอโทษคีตาลดา ผมมาช้าไปคุณถึงถูกรังแกแบบนี้”
คีตาลดาโอกอดคิรินแน่น เขาคือที่พึ่งที่พักพิงแสนอบอุ่น หากไม่ใช่เขาคีตาลดาไม่รู้เลยว่าชีวิตของเธอในค่ำคืนนั้นจนถึงวันนี้จะเป็นเช่นไร
“ขอบคุณค่ะเคเค ขอบคุณที่มา”
“ผมบอกแล้วว่าคุณคือชีวิต คือจิตใจผมจะไม่ยอมให้ใครรังแกคุณ”
ทัชกรเขม้นมองคิรินโอบกอดคีตาลดาด้วยความแค้นเคือง เขาหยัดกายลุกขึ้นยืนใช้มือปาดเช็ดหยดเลือดมุมปาก พอเห็นคิรินตวัดสายตาคมดุจ้องมองมาก็ยิ้มเยาะยียวน
“ฮ่าๆๆ ไม่คิดว่าคิรินผู้ยิ่งใหญ่จะยอมกินของเหลือเดนที่คนอื่นคายทิ้งแบบนี้”
คิรินกัดกรามกรอด ดวงตาดำสนิทวาววับโกรธเคือง เขาตวัดสายตาสั่งบอดี้การ์ดที่ยืนคุมเชิงอยู่ก่อนกระชับอ้อมกอดแกร่งแน่นเข้าอย่างหวงแหนแล้วกระซิบบอกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“กลับบ้านกันนะคีตาลดา” เขาบอกแล้วโอบกอดพาเธอเดินจากไปราวกับไม่สนใจในคำพูดเย้ยหยันของทัชกร พอคล้อยหลังบอดี้การ์ดก็ลงมือสั่งสอนคนปากดีตามคำสั่งเจ้านายทันที คีตาลดาขยับจะหันไปมองด้านหลัง แต่เสียงของคิรินก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน
“อย่าหันไปมองอะไรที่ไม่จรรโลงใจเลยคีตาลดา”
“แต่ว่า...”
“ห่วงเขาเหรอ”
คีตาลดาส่ายหน้าพร้อมกับแก้ต่างโดยเร็ว
“ลดาเป็นห่วงเคเคต่างหาก ถ้าเขาเป็นอะไรไป เคเค...”
“ชู่ว...อย่าคิดมากเลยคนดี แค่นั้นไม่ถึงตายหรอก ก็แค่จัดการสั่งสอนผู้ชายปากหมานั่น มันจะได้ไม่กล้ามาตอแยคุณอีก”
คีตาลดาเงยหน้ามองคนตัวโตด้วยความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เห็นเขายิ้มละมุนทอดสายตาอบอุ่นมองมาความเจ็บปวดในหัวใจดวงเล็กๆก็เบาบางลง
---------------------------------------
เคเคมาทันตลอดกาล ฮ่าๆๆๆ ถึงตอนนี้รู้สึกสงสารทัชกรบ้างแล้ว เข้าฉากทีไรโดนเตะต่อยน่วมทุกตอนเลย ฮ่าๆๆ
“ยังไม่ครบกำหนดเดินทางกลับไม่ใช่เหรอคะ แล้วเคเคกลับมาได้ยังไงคะ” คีตาลดาถามเมื่อเขาพาเธอกลับมาส่งที่คอนโดมิเนียม แม้คิรินจะหว่านล้อมสารพัดให้เธอย้ายไปอยู่คอนโดฯของเขา แต่คีตาลดาก็ยังยืนกรานจะอยู่ที่นี่ดังเดิม คิรินจึงจำยอมอย่างไม่เต็มใจนัก“มีพรายกระซิบบอกว่าคุณตกอยู่ในอันตรายผมเลยต้องรีบกลับมา” เขาตอบยิ้มๆ คีตาลดาค้อนขวับพร้อมกับดันตัวออกจากอ้อมกอดเขา แต่คิรินไม่ยอมปล่อยง่ายๆ เขากระชับวงแขนแน่นเข้าแล้วรั้งร่างเธอขึ้นนั่งบนตักแกร่ง“เคเค”“เชื่อใจผมคีตาลดา ผมบอกแล้วว่าจะรอจนกว่าคุณจะพร้อมเปิดใจรับ”คีตาลดาเม้มปาก ใช่ว่าเธอจะไม่อยากเปิดใจให้เขา แต่ระยะเวลาในความสัมพันธ์ขั้นนั้นมันยังเร็วเกินไป และวันนี้คำพูดของทัชกรก็ตอกย้ำเตือนให้เธอรู้ว่าอดีตแสนเจ็บปวดยังคงติดตรึงในหัวใจและมันยากเหลือเกินที่จะพาตัวเองก้าวออกมา‘ผู้หญิงบ้านๆอย่างคุณจะเขี่ยทิ้งเมื่อไรก็ได้’“คิดอะไรอยู่ครับ”คีตาลดาสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิด หญิงสาวช้อนสายตามองคิรินนิ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงลังเล“เคเคคะ อย่ารอลดาอีกเลยค่ะ ลดาคิดว่า...”“คุณยังรัก
คิรินมองคนตัวเล็กที่นอนหลับพริ้มอยู่ข้างๆด้วยความรู้สึกแสนรักและหวงแหน ภาพเธอถูกคนปากหมานั่นกอดรัดยังแจ่มชัดในห้วงความคิด ภาพเธอดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิตทำให้เขาเคืองแค้นสุดแสน ในเมื่อมันบังอาจแตะต้องผู้หญิงของเขาก็จงรอรับผลกรรมที่มันกระทำได้เลย“จัดการตามที่ฉันสั่งแล้วใช่ไหม”“เรียบร้อยครับเคเค”“ดีมาก...จากนี้ไปส่งคนติดตามคุ้มกันนายหญิงให้รัดกุมกว่านี้ หวังว่านายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะชินโย”“ครับเคเค ผมจะไม่ให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นอีก”“ฉันเชื่อใจนายชินโย”คิรินวางสายหลังจากคุยกันคนสนิทเรียบร้อย เขาทอดสายตามองดวงหน้าสวยหวานของคีตาลดาแล้วถอนหายใจอีกครั้งหากวันนี้เขากลับมาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้นเขาไม่อยากคิด เกิดมาหนึ่งชีวิตเพื่อเจอเธอ หากเธอเป็นอะไรไปเขาคงมีชีวิตอยู่ต่อแบบร่างไร้วิญญาณ“ผมรักคุณคีตาลดา รักคุณหมดหัวใจ” พูดออกไปแล้วเขาก็รู้สึกตลกตัวเอง เวลาเธอมีสติเขากลับปากหนักไม่เอ่ยคำนี้ ยามเธอหลับใหลเขากลับกล้าพูดมันออกมา เพราะอะไรกัน?เพราะเขาไม่มั่นใจในความรู้สึกเหรอ...เปล่าหรอก เขามั่นใจและชัดเจนในความรู้สึกตัวเองเสมอ เพียงแต่เขา
คีตาลดาตื่นตะลึงกับข่าวใหญ่ในเช้าวันใหม่ หญิงสาวรีบโทรหาคิรินทันที เธอมั่นใจว่าเขาต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอน“โทรหาผมแต่เช้านึกว่าคิดถึง ที่แท้ก็เป็นห่วงไอ้หมอนั่น”“อย่าเฉไฉสิคะ เคเคก็รู้ว่าทัชกรไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับลดาแล้ว ที่ลดาโทรมาก็แค่อยากรู้ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือเคเคใช่หรือเปล่า”“ถ้าผมบอกว่าไม่ใช่”“โกหก”“ก็รู้อยู่แล้วนี่ครับ แล้วจะถามผมอีกทำไมนะ หรือว่าจริงๆแล้วคิดถึงผมจึงหาเรื่องโทรหาเป็นข้ออ้างแก้เขิน”คีตาลดาไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้ว จู่ๆเขาก็เกี้ยวเธอจนเธอขัดเขินพูดอะไรไม่ออก พอได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดีดังมาตามสายคีตาลดาก็รู้สึกหมั่นไส้“วันนี้มาทำงานใช่ไหมครับ รอผมนะผมกำลังจะไปรับ”คีตาลดาขยับจะท้วงแต่คิรินก็ตัดสายไปแล้ว หญิงสาวได้แต่ขบกดัฟันช้อนสายตามองตัวเองในกระจกแล้วอมยิ้มด้วยความรู้สึกอิ่มสุข ความทุกข์ตรมซึ่งครอบงำจิตใจจนหม่นไหม้ดูจะคลายลงไปมากเกินครึ่ง แต่เศษส่วนความรู้สึกปวดหนึบนั้นยังซุกซ่อนอยู่ในใจ‘เมื่อคืนนี้ตำรวจบุกตรวจค้นคฤหาสน์ตระกูลทัดเทวากลางดึก ออกหมายค้นข้อหามี
“คืนนั้นอาจเป็นฝันร้าย แต่วันนี้ผมจะทำให้ทุกอย่างกลายเป็นฝันดีของคุณคีตาลดา” เขากระซิบบอกแล้วสอดประสานกายเขาและเธอเข้าด้วยกัน คีตาลดาหวีดเสียงหวานราวกับทุกข์ทรมานสุดแสน คิรินมองร่างอ้อนแอนแอ่นอกยกร่างตอบรับกับการล่วงล้ำของเขาอย่างพึงพอใจ“คีตาลดา”“ขา”“ผมรักคุณ” เขาบอกเสียงอ่อนนุ่มแต่หนักแน่นเหลือเกินในความรู้สึกของคีตาลดา คำพูดของเขาทำเอาเธอฝืนเปิดปรือเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมองเห็นดวงหน้าคมของเขาลอยเด่นอยู่ชิดใกล้ หญิงสาวคลี่ยิ้มหวานขานรับกับคำบอกรักนั้นด้วยความรู้สึกอิ่มอุ่นในหัวใจ ดวงตาของเขายามทอดมองมาช่างหวานล้ำนัก แต่ท่วงทำนองรักที่ขับขานหวานล้ำยิ่งกว่า หวานหวามซาบซ่านจนเธอดิ้นพล่านอย่างไม่อาจหักห้ามใจได้“ผมรักคุณ รักคุณจนหมดใจคีตาลดา รักเหลือเกิน”คำบอกรักพลั่งพลูออกจากริมฝีปากหยักระรัวจนหัวใจของคีตาลดาแบ่งบานขานรับจะไม่ไหว ปากเขาพร่ำบอกรัก ความแข็งแกร่งแห่งชายชาตรีของเขาก็กระหน่ำตอกย้ำหน่วงหนักราวต้องการยืนยันว่าคำบอกรักนั้นมาจากใจอย่างแท้จริง“คุณจำได้ไหมคีตาลดา...ผมเคยบอกว่านับจากคืนนั้นทุกค่ำคืนในฝันของผมก็มีแต่คุณ”“จำได้ค่
คิรินงัดเอาสารพัดเหตุผลมาหว่านล้อมจนหญิงสาวยอมมาอยู่คอนโดมิเนียมของเขา คิรินค่อยรู้สึกเบาใจขึ้นมาบ้างเพราะทัชกรยังหนีหายไร้ร่องรอย เขาเกรงว่าหมอนั่นจะซุ่มลอบทำร้ายเธอหมาจนตรอกมันกัดไม่เลือก เขาจึงไม่วางใจให้เธออยู่ไกลจากสายตาวันนี้เป็นวันแรกที่คีตาลดาเดินทางไปทำงานหลังจากหยุดพักมาสองวัน ความไม่คุ้นชินเส้นทางหญิงสาวจึงออกจากคอนโคมิเนียมเร็วกว่าปกติ แม้ว่าคิรินจะสั่งให้คนของเขาคอยรับส่งเธอ แต่คีตาลดาก็ปฏิเสธเพราะกลัวจะเป็นเป้าสายตาให้ใครเก็บไปนินทา คิรินจึงจำยอมอย่างไม่เต็มใจนัก“ช่วยด้วยคนเป็นลม” เสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือดังมาจากโถงด้านล่าง คีตาลดาที่เพิ่งก้าวออกจากลิฟต์รีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือทันที หญิงสาวเห็นหยิงวัยกลางคนนอนหายใจหอบถี่ อ้าปากพงาบๆราวจะบอกอะไรสักอย่าง พอเห็นนางชี้ไปทางกระเป๋าถือที่ตกอยู่ไม่ไกล คีตาลดาก็รู้โดยสัญชาตญาณหญิงสาวรีบหยิบกระเป๋าถือมาเปิดดูเห็นขวดยาอยู่ในนั้น เธอรีบอ่านฉลากเห็นเป็นยารักษาโรคหัวใจก็รีบเปิดขวดเอายากรอกใส่ปากให้คนนอนหายใจรวยริน โชคดีที่เธอเคยดูแลบิดาที่ป่วยเป็นโรคหัวใจเหมือนกันเธอจึงรู้วิธีช่วยชีวิตเบื้องต้นในนาทีวิกฤต
“ฉันได้ยินมาว่านอกจากเธอเล่นเปียโนเก่งแล้วยังอ่อยผู้ชายเก่งอีกด้วย”“คุณเรียกฉันมาพบเพียงเพื่อชมแค่นี้เหรอคะ” คีตาลดาถามยิ้มๆ ท่าทีของเธอดูเป็นคนใจเย็นทั้งที่ภายในดิ้นเร่าด้วยความเกรี้ยวกราดที่ถูกหยามเกียรติ“หน้าด้าน ด่าขนาดนี้ยังมีหน้ามายืดอกมั่นใจ”“แต่ก็คงน้อยกว่าคุณที่หน้าด้านเที่ยวมาอ้างตัวว่าเป็นคู่หมั้นท่านประธานทั้งที่เขาไม่เคยเหลียวแล”“แก! แกกล้าด่าฉัน”“ทำไมคะโดนด่ากลับแค่นี้ทำรับไม่ได้ ทีเวลาด่าคนอื่นทั้งที่ไม่รู้อะไรเลยทำไมไม่คิดล่ะคะ”“ฮึ! แกคิดว่าอ่อยพี่คิรินจนอยู่หมัดสินะถึงได้มั่นหน้ามั่นโหนกขนาดนี้”“ก็นิดนึงค่ะ ไม่เชื่อคุณก็ลองถามใครๆที่คาบข่าวมาบอกคุณสิคะว่าเขาเสพติดฉันมากแค่ไหน”ซ่า!!คีตาลดาฉุนจัดเมื่อถูกนรียาสาดน้ำเย็นใส่เต็มหน้าแบบไม่ทันตั้งตัว แถมยังพ่นวาจาเหยียดยามกระตุ้นความโกรธที่เธอพยายามเก็บกดให้พุ่งพล่าน“จำใส่กระโหลกไว้ ผู้หญิงอย่างแกก็ไม่ต่างอะไรจากกะหรี่ที่พอเห็นเป็นผู้ชายมีเงินก็แหวกขาอ้ารับ”เพียะ!“ว้าย!” นรียาหวีดลั่นด้วยความตกใจเมื่อถูกคีตาลดาฟาดฝ่ามือเผียะเข้า
“ระหว่างผมกับนรียามันมีความเกี่ยวโยงกันแค่นั้นจริงๆคีตาลดา นอกเหนือจากนั้นผมไม่เคยเห็นเขาในสายตาเลยสักนิด”“แต่เขาพูดเต็มปากมั่นใจเกินร้อยเลยนะคะ” คีตาลดาไม่วายท้วง แม้จะเชื่อใจเขาเกินครึ่งแต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ คิรินถอนหายแล้ว โอบกระชับรั้งไหล่แบบบางดึงร่างเธอมากอดแน่นเข้าแล้วถาม“คุณไม่เคยเจอคนพูดเองเออเองคิดไปเองเหรอครับคีตาลดา”“ของแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังนะคะ”“ผมไม่เคยร่วมตบมือร่วมกับใครนอกจากคุณ”คีตาลดาจ้องดวงตาคมกริบซึ่งเจือด้วยแววรักหวานซึ้ง“เชื่อใจผมนะครับ อย่าไปรับเอาคำพูดของคนไร้สติแบบนั้นมาคิดมากเลย”คีตาลดาถอนหายใจก่อนบ่นพึมพำ“ลดาก็ไม่อยากคิดมากหรอกค่ะ แต่เรื่องเพิ่งเกิดก็อดขุ่นเคืองไม่ได้”“เอาแบบนี้...ผมมีวิธีทำให้คุณหายโกรธ”คีตาลดาเลิกคิ้วถาม“ยังไงคะ”“มาเถอะครับ ผมจะพาไประบายมันออกมา”คีตาลดาลุกเดินตามอย่างว่าง่าย แม้จะไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหนแต่ก็ยังดีกว่านั่งอึดอัดอยู่ในห้องนี้“ปกติแล้วคุณระบายความโกรธด้วยวิธีไหนนะ” เขาชวนคุยเมื่อขึ้นนั่งบนรถสปอร์ตคันโก้ของเข
“คุณแม่ท่านเป็นอะไรเหรอคะทำไมถึงเข้าโรงพยาบาล” คีตาลดาชวนคุยระหว่างนั่งอยู่ในรถ คิรินยิ้มอ่อนก่อนเล่าให้ฟัง“จู่ๆ วันนี้ท่านก็โรคหัวใจกำเริบ โชคดีที่มีคนพบแล้วช่วยเหลือพาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลาไม่อย่างนั้นผมก็คง...”“ไม่เป็นไรนะคะ ตอนนี้ท่านปลอดภัยแล้วนะ” คีตาลดาบีบกระชับมือแกร่งถ่ายทอดความอบอุ่นปลอบประโลมคิรินมองคนรักด้วยความรู้สึกขอบคุณ คีตาลดาเหมือนจะเปราะบางแต่เอาเข้าจริงเขากลับรู้สึกว่าเธอเข้มแข็งกว่าที่เขาคิดมากนัก“เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสขอบคุณคนที่ช่วยเหลือคุณแม่ พอมาถึงโรงพยาบาลเธอก็ไปแล้ว”คีตาลดานิ่วหน้าเล็กๆ เธอรู้สึกแปลกที่เรื่องราวมันคลับคล้ายคลับคลาราวกับว่าเป็นเรื่องเดียวกันกับเธอในวันนี้ หญิงสาวยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อรถสปอร์ตของคิรินก็เลี้ยวเข้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาล คีตาลดาแหงนเงยหน้ามองดูป้ายชื่อโรงพยาบาล เห็นแล้วก็ยิ่งครุ่นคิดหนักเข้าเพราะมันเป็นโรงพยาบาลเดียวกันกับที่เธอพาคุณป้าคนนั้นมาส่งวันนี้“มาเถอะคุณแม่รออยู่” คิรินบอกเมื่อรถเทียบจอดตรงลานจอดรถโซนวีไอพีของโรงพยาบาล คีตาลดาเปิดประตูก้าวลงไปโดยไม่รอให้เขามาเปิดให้ หญ
คีตาลดานั่งมองกล่องของขวัญใบย่อมที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย กล่องใบนี้เธอตั้งชื่อให้มันว่ากล่องแห่งความทรงจำ กล่องที่เธอเก็บเรื่องราวไว้ในนั้นมากมายหญิงสาวค่อยๆเปิดกล่องนั้นออกแล้วหยิบของในนั้นออกมาทีละชิ้น มองดูแล้วยิ้มน้อยๆ ก่อนวางลงข้างกล่องแล้วหยิบชิ้นอื่นๆออกมาทีละชิ้นๆ จนถึงชิ้นสุดท้ายซึ่งเป็นรูปคู่รูปแรกของเธอกับทัชกรคีตาลดามองดูแล้วน้ำตารื้น พอคิดถึงคืนวันเก่าๆแล้วไม่อยากคิดเลยว่าเธอและเขาจะเดินมาถึงจุดสิ้นสุดในวันนี้‘ผมรักคุณนะลดา รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ผมตัดสินใจนานมากกว่าจะทำใจกล้าบอกรักคุณ’คีตาลดาแค่นยิ้มเมื่อคิดถึงคำพูดและสีหน้าของทัชกรในวันนั้น หญิงสาวผ่อนลมหายใจเมื่อคิดถึงคำพูดสุดท้ายที่เธอเขาพูดกับเธอก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุจนเธอเกือบไม่รอดชีวิต‘ผมรักคุณนะลดา ผมอาจเป็นคนเลวในสายตาคุณ แต่ผู้ชายชั่วช้าคนนี้แหละที่หัวใจมันมีแต่คุณ’คีตาลดาปาดน้ำตาซึ่งไหลพราก แล้วตัดใจฉีกรูปถ่ายใบนั้นดั่งต้องการฉีกเธอและทัชกรออกจากกันชั่วกัปชั่วกาล“ฉันไม่รู้ว่ารักของคุณคือเรื่องจริงหรือลวง ฉันรู้แค่วันนี้ฉันมีคนที่
หลายวันแล้วที่คีตาลดายังคงนอนหมดสติอยู่ในห้อง ไอ.ซี.ยู คิรินได้เพียงเฝ้ามองเธออยู่นอกห้องผ่านกระจกใส น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้ม หัวใจแกร่งปวดหนึบที่ตัวเองช่วยอะไรเธอไม่ได้ทำได้เพียงแค่ยืนมอง“หมดเวลาเยี่ยมไข้แล้วค่ะ”เสียงพยาบาลเตือนมาเช่นทุกครั้งที่เขาเอาแต่ยืนมองคีตาลดานิ่งจนวินาทีสุดท้ายที่หมออนุญาตให้เยี่ยมได้ เขาเฝ้าภาวนาหวังสักครั้งว่าจะได้เห็นเธอเปิดปรือเปลือกตาขึ้นมา เขาหวังเหลือใจว่าจะได้เห็นรอยยิ้มได้ยินเสียงหัวเราะของเธอในเร็ววัน“คีตาลดาคุณนอนหลับนานเกินไปแล้วรีบตื่นได้แล้ว ผมคิดถึงคุณจนไม่เป็นอันหลับนอนแล้วรู้ไหมครับ”“คิรินกลับบ้านก่อนเถอะลูก กลับไปนอนพักผ่อนสักหน่อย แม่รู้ว่าคิรินเป็นห่วงน้อง แต่ถ้าน้องตื่นมาเห็นคิรินสภาพนี้น้องคงเสียใจนะลูก” คุณภนิดาอดกังวลไม่ได้ นางกลัวบุตรชายจะทรุดลงไปอีกคน แม้ร่างกายของคิรินจะแข็งแรงแต่อาการบาดเจ็บในวันนั้นก็สรางความบอบช้ำให้ไม่น้อย“พรุ่งนี้เราค่อยมาเยี่ยมน้องกันใหม่นะลูกนะ”“ครับแม่ ผมจะกลับเดี๋ยวนี้ แต่ผมขอไปนอนที่คอนโดฯเหมือนเดิมนะครับ ผมอยากอยู่ในที่ที่เคยอยู่กับคีตาลดา”คุณภนิดา
คีตาลดาครึ่งหลับครึ่งตื่น หญิงสาวพยายามฝืนดึงสติ โชคดีที่เธอกลั้นหายใจจึงสูดไอเย็นชื้นนั่นไม่มาก ไม่กี่นาทีเธอจึงคืนสติแม้จะยังไม่สมบูรณ์แต่ก็พอรู้ตัวว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น“ทัชกรคุณจับตัวฉันมาทำไม” หญิงสาวถามเสียงเครียดพยายามดิ้นหวังให้หลุดจากพันธนาการแต่เชือกที่มัดข้อมือเธอก็แน่นเกินกว่าจะหลุดออกได้“คุณกำลังคิดจะหลบหนีสินะ” คีตาลดาตั้งสติถาม เธอระลึกได้ว่าสร้อยจี้รูปหัวใจนอกจากจะเป็นจีพีเอสติดตามตัวเธอแล้วยังซ่อนไมค์เล็กๆไว้อัดเสียงอีกด้วย หากว่าเธอเป็นอะไรไปอย่างน้อยนี่น่าจะเป็นหลักฐานมัดตัวทัชกรได้“เพราะคุณฉลาดแบบนี้ไงผมถึงรักคุณลดา”“คุณรักแต่ตัวเองต่างหากทัชกร ถ้าคุณรักฉันจริงคุณไม่มีวันจับฉันมาเป็นตัวประกันแบบนี้หรอก”“จุ๊ๆ ใครว่าผมจับคุณมาเป็นตัวประกันล่ะ ผมจะพาคุณหนีไปด้วยกันกับผมต่างหาก”“อย่าหวังว่าฉันจะยินยอมง่ายๆ ฉันไม่มีวันไปกับคุณ” คีตาลดาพูดจบก็ใช้เท้ายันตัวเองขึ้นดันร่างหวังให้หลุดพ้นจากเข็มขัดนิรภัย ทัชกรตกใจกับการกระทำบ้าระห่ำนั่น“คุณทำบ้าอะไรลดากลับไปนั่งที่เดิมเดี๋ยวนี้”คีตาลดาไม่ฟัง หญิงสาวพยายามพุ
“ไม่ต้องมาหัวเราะแม่เลยนะพ่อตัวดี”“ผมบอกแล้วว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม เมียผม...ผมหาเองได้”“ย่ะ!” คุณภนิดาไม่วายค้อนก่อนหันมาทางคีตาลดาบีบไม้บีบมือหญิงสาวแล้วเอื้อนเอ่ยด้วยความยินดี“ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ ตอนหนูบอกป้าว่ามีคนรักอยู่แล้วป้านี่เสียดายจะแย่ ที่แท้คนรักหนูก็คือลูกชายป้านี่เอง”หญิงสาวอมยิ้มขัดเขินขณะเลื่อนผ้าห่มมาคลุมอกให้มารดาของคิริน คุณภนิดามองความอ่อนโยนน่ารักนั้นด้วยความรู้สึกปลื้มปีติ“ถ้าพาหนูลดามาให้แม่รู้จักเร็วกว่านี้ แม่ก็ไม่ต้องมานอนปวดหัวอยู่แบบนี้หรอกคิริน”“ครับคุณแม่ผมผิดเองครับ” คิรินตอบรับแสนทะเล้นแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีถอยห่างออกไปยืนกอดอกมองผู้หญิงที่รักทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนิทสนมคิรินรู้สึกขอบคุณโชคชะตาที่พาให้คีตาลดาเป็นคนช่วยชีวิตมารดาของเขาเอาไว้ อะไรๆจึงลงตัวง่ายขึ้น“คิรินพาน้องกลับไปพักผ่อนเถอะลูกเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”“คุณป้าจะอยู่คนเดียวได้ยังไง ให้ลดาอยู่เป็นเพื่อนดีกว่านะคะ”“คิรินจ้างพยาบาลพิเศษให้อยู่เป็นเพื่อนแล้วหนูกลับไปพักเถอะลดา แล้วต่อไปอย่าเรียกป้าเลยนะ
“คุณแม่ท่านเป็นอะไรเหรอคะทำไมถึงเข้าโรงพยาบาล” คีตาลดาชวนคุยระหว่างนั่งอยู่ในรถ คิรินยิ้มอ่อนก่อนเล่าให้ฟัง“จู่ๆ วันนี้ท่านก็โรคหัวใจกำเริบ โชคดีที่มีคนพบแล้วช่วยเหลือพาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลาไม่อย่างนั้นผมก็คง...”“ไม่เป็นไรนะคะ ตอนนี้ท่านปลอดภัยแล้วนะ” คีตาลดาบีบกระชับมือแกร่งถ่ายทอดความอบอุ่นปลอบประโลมคิรินมองคนรักด้วยความรู้สึกขอบคุณ คีตาลดาเหมือนจะเปราะบางแต่เอาเข้าจริงเขากลับรู้สึกว่าเธอเข้มแข็งกว่าที่เขาคิดมากนัก“เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสขอบคุณคนที่ช่วยเหลือคุณแม่ พอมาถึงโรงพยาบาลเธอก็ไปแล้ว”คีตาลดานิ่วหน้าเล็กๆ เธอรู้สึกแปลกที่เรื่องราวมันคลับคล้ายคลับคลาราวกับว่าเป็นเรื่องเดียวกันกับเธอในวันนี้ หญิงสาวยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อรถสปอร์ตของคิรินก็เลี้ยวเข้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาล คีตาลดาแหงนเงยหน้ามองดูป้ายชื่อโรงพยาบาล เห็นแล้วก็ยิ่งครุ่นคิดหนักเข้าเพราะมันเป็นโรงพยาบาลเดียวกันกับที่เธอพาคุณป้าคนนั้นมาส่งวันนี้“มาเถอะคุณแม่รออยู่” คิรินบอกเมื่อรถเทียบจอดตรงลานจอดรถโซนวีไอพีของโรงพยาบาล คีตาลดาเปิดประตูก้าวลงไปโดยไม่รอให้เขามาเปิดให้ หญ
“ระหว่างผมกับนรียามันมีความเกี่ยวโยงกันแค่นั้นจริงๆคีตาลดา นอกเหนือจากนั้นผมไม่เคยเห็นเขาในสายตาเลยสักนิด”“แต่เขาพูดเต็มปากมั่นใจเกินร้อยเลยนะคะ” คีตาลดาไม่วายท้วง แม้จะเชื่อใจเขาเกินครึ่งแต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ คิรินถอนหายแล้ว โอบกระชับรั้งไหล่แบบบางดึงร่างเธอมากอดแน่นเข้าแล้วถาม“คุณไม่เคยเจอคนพูดเองเออเองคิดไปเองเหรอครับคีตาลดา”“ของแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังนะคะ”“ผมไม่เคยร่วมตบมือร่วมกับใครนอกจากคุณ”คีตาลดาจ้องดวงตาคมกริบซึ่งเจือด้วยแววรักหวานซึ้ง“เชื่อใจผมนะครับ อย่าไปรับเอาคำพูดของคนไร้สติแบบนั้นมาคิดมากเลย”คีตาลดาถอนหายใจก่อนบ่นพึมพำ“ลดาก็ไม่อยากคิดมากหรอกค่ะ แต่เรื่องเพิ่งเกิดก็อดขุ่นเคืองไม่ได้”“เอาแบบนี้...ผมมีวิธีทำให้คุณหายโกรธ”คีตาลดาเลิกคิ้วถาม“ยังไงคะ”“มาเถอะครับ ผมจะพาไประบายมันออกมา”คีตาลดาลุกเดินตามอย่างว่าง่าย แม้จะไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหนแต่ก็ยังดีกว่านั่งอึดอัดอยู่ในห้องนี้“ปกติแล้วคุณระบายความโกรธด้วยวิธีไหนนะ” เขาชวนคุยเมื่อขึ้นนั่งบนรถสปอร์ตคันโก้ของเข
“ฉันได้ยินมาว่านอกจากเธอเล่นเปียโนเก่งแล้วยังอ่อยผู้ชายเก่งอีกด้วย”“คุณเรียกฉันมาพบเพียงเพื่อชมแค่นี้เหรอคะ” คีตาลดาถามยิ้มๆ ท่าทีของเธอดูเป็นคนใจเย็นทั้งที่ภายในดิ้นเร่าด้วยความเกรี้ยวกราดที่ถูกหยามเกียรติ“หน้าด้าน ด่าขนาดนี้ยังมีหน้ามายืดอกมั่นใจ”“แต่ก็คงน้อยกว่าคุณที่หน้าด้านเที่ยวมาอ้างตัวว่าเป็นคู่หมั้นท่านประธานทั้งที่เขาไม่เคยเหลียวแล”“แก! แกกล้าด่าฉัน”“ทำไมคะโดนด่ากลับแค่นี้ทำรับไม่ได้ ทีเวลาด่าคนอื่นทั้งที่ไม่รู้อะไรเลยทำไมไม่คิดล่ะคะ”“ฮึ! แกคิดว่าอ่อยพี่คิรินจนอยู่หมัดสินะถึงได้มั่นหน้ามั่นโหนกขนาดนี้”“ก็นิดนึงค่ะ ไม่เชื่อคุณก็ลองถามใครๆที่คาบข่าวมาบอกคุณสิคะว่าเขาเสพติดฉันมากแค่ไหน”ซ่า!!คีตาลดาฉุนจัดเมื่อถูกนรียาสาดน้ำเย็นใส่เต็มหน้าแบบไม่ทันตั้งตัว แถมยังพ่นวาจาเหยียดยามกระตุ้นความโกรธที่เธอพยายามเก็บกดให้พุ่งพล่าน“จำใส่กระโหลกไว้ ผู้หญิงอย่างแกก็ไม่ต่างอะไรจากกะหรี่ที่พอเห็นเป็นผู้ชายมีเงินก็แหวกขาอ้ารับ”เพียะ!“ว้าย!” นรียาหวีดลั่นด้วยความตกใจเมื่อถูกคีตาลดาฟาดฝ่ามือเผียะเข้า
คิรินงัดเอาสารพัดเหตุผลมาหว่านล้อมจนหญิงสาวยอมมาอยู่คอนโดมิเนียมของเขา คิรินค่อยรู้สึกเบาใจขึ้นมาบ้างเพราะทัชกรยังหนีหายไร้ร่องรอย เขาเกรงว่าหมอนั่นจะซุ่มลอบทำร้ายเธอหมาจนตรอกมันกัดไม่เลือก เขาจึงไม่วางใจให้เธออยู่ไกลจากสายตาวันนี้เป็นวันแรกที่คีตาลดาเดินทางไปทำงานหลังจากหยุดพักมาสองวัน ความไม่คุ้นชินเส้นทางหญิงสาวจึงออกจากคอนโคมิเนียมเร็วกว่าปกติ แม้ว่าคิรินจะสั่งให้คนของเขาคอยรับส่งเธอ แต่คีตาลดาก็ปฏิเสธเพราะกลัวจะเป็นเป้าสายตาให้ใครเก็บไปนินทา คิรินจึงจำยอมอย่างไม่เต็มใจนัก“ช่วยด้วยคนเป็นลม” เสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือดังมาจากโถงด้านล่าง คีตาลดาที่เพิ่งก้าวออกจากลิฟต์รีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือทันที หญิงสาวเห็นหยิงวัยกลางคนนอนหายใจหอบถี่ อ้าปากพงาบๆราวจะบอกอะไรสักอย่าง พอเห็นนางชี้ไปทางกระเป๋าถือที่ตกอยู่ไม่ไกล คีตาลดาก็รู้โดยสัญชาตญาณหญิงสาวรีบหยิบกระเป๋าถือมาเปิดดูเห็นขวดยาอยู่ในนั้น เธอรีบอ่านฉลากเห็นเป็นยารักษาโรคหัวใจก็รีบเปิดขวดเอายากรอกใส่ปากให้คนนอนหายใจรวยริน โชคดีที่เธอเคยดูแลบิดาที่ป่วยเป็นโรคหัวใจเหมือนกันเธอจึงรู้วิธีช่วยชีวิตเบื้องต้นในนาทีวิกฤต
“คืนนั้นอาจเป็นฝันร้าย แต่วันนี้ผมจะทำให้ทุกอย่างกลายเป็นฝันดีของคุณคีตาลดา” เขากระซิบบอกแล้วสอดประสานกายเขาและเธอเข้าด้วยกัน คีตาลดาหวีดเสียงหวานราวกับทุกข์ทรมานสุดแสน คิรินมองร่างอ้อนแอนแอ่นอกยกร่างตอบรับกับการล่วงล้ำของเขาอย่างพึงพอใจ“คีตาลดา”“ขา”“ผมรักคุณ” เขาบอกเสียงอ่อนนุ่มแต่หนักแน่นเหลือเกินในความรู้สึกของคีตาลดา คำพูดของเขาทำเอาเธอฝืนเปิดปรือเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมองเห็นดวงหน้าคมของเขาลอยเด่นอยู่ชิดใกล้ หญิงสาวคลี่ยิ้มหวานขานรับกับคำบอกรักนั้นด้วยความรู้สึกอิ่มอุ่นในหัวใจ ดวงตาของเขายามทอดมองมาช่างหวานล้ำนัก แต่ท่วงทำนองรักที่ขับขานหวานล้ำยิ่งกว่า หวานหวามซาบซ่านจนเธอดิ้นพล่านอย่างไม่อาจหักห้ามใจได้“ผมรักคุณ รักคุณจนหมดใจคีตาลดา รักเหลือเกิน”คำบอกรักพลั่งพลูออกจากริมฝีปากหยักระรัวจนหัวใจของคีตาลดาแบ่งบานขานรับจะไม่ไหว ปากเขาพร่ำบอกรัก ความแข็งแกร่งแห่งชายชาตรีของเขาก็กระหน่ำตอกย้ำหน่วงหนักราวต้องการยืนยันว่าคำบอกรักนั้นมาจากใจอย่างแท้จริง“คุณจำได้ไหมคีตาลดา...ผมเคยบอกว่านับจากคืนนั้นทุกค่ำคืนในฝันของผมก็มีแต่คุณ”“จำได้ค่