แชร์

6

 เมื่อมันอักเสบชอกช้ำรุนแรงมันก็ยังทิ้งแผลที่เพียงตกสะเก็ด กับรอยแผลเป็น ทำให้เขามองความรู้สึกในอดีตอย่างเจ็บเคืองจึงพยายามปรับเปลี่ยนสีหน้า ทำให้ดูเป็นปกติ

        ด้วยการหันใบหน้าคมคายหล่อเหลายิ้มให้กับมารดา             “อากาศยามเช้านี้สดใสเหลือเกิน ไม่มีอะไรมากครับ  ผมแค่อยากจะไปทำงานช้าสักวันหนึ่ง แต่ไม่สายหรอกนะครับ เพราะเดี๋ยวผมจะไปแล้ว” 

        ประหลาดใจในคำพูดและกิริยาของบุตรชาย แต่ถึงอย่างไรเธอก็วางเงียบ แต่ก็อดตอบไม่ได้

        “ยังงั้นหรือ แม่ก็นึกว่าจะไม่สบายเสียอีก หน้าตาของลูกสองวันมานี้ก็ดูเซียวซูบเหลือเกิน เหมือนคนไม่ได้นอนเต็มที่แม่ก็อยากจะให้ถนอมสุขภาพให้มากๆหน่อย อย่างไรก็ตามลูกก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงคนหนึ่งในฐานะพี่ชายของน้อง”

        เขาพยักหน้าเป็นคำที่น่าฟังอย่างยิ่งแก่มารดา ที่ประโลมเข้าไปในหัวใจของเขา ทำให้เขาเข้าใจหน้าที่แท้จริงของคนเป็นพี่ 

จากนั้นคุณภวานันท์ขอตัวก้าวไปทางอื่น เห็นเดินออกทางประตูหลังบ้าน คงเข้าไปในสวน ส่วนจอมภูนั้นก็เป็นเวลาพอดีที่เขาจะก้าวเท้าตรงไปที่โรงจอดรถกลับปะทะสายตาคนที่เดินตรงมาเหมือนกัน ดวงตามันดุ  เหมือนไม่พอใจอย่างยิ่ง เลยเอ่ยทักก่อน

        “ไง เจ้าพล”ภูวพลไม่อยากจะเอ่ยตอบพี่ชายสักเท่าไหร่ เขาจึงตีสีหน้าเมินเฉย เหมือนไม่รับฟัง

        “พี่คิดว่าแกคงเข้าไปคุยกับคุณแม่แล้วก็คุณพ่อแล้ว เรื่องที่รายงานให้ฉันฟังแล้วความฝันของแกก็ล่มกลางอากาศ”

        “นี่ ไม่ต้องมาเยาะเย้ยผม  ผมไม่อยากจะพูดกับพี่”              ภูวพลเอ่ยใส่พี่ชายด้วยสีหน้าเคือง

        “แล้วนี่ แกจะออกไปไหน จบแล้วนี่ ก็รีบๆหางานทำ ไม่ก็ทำที่บริษัทด้วยกัน”

        “ผมไม่มีทางทำงานร่วมกับพี่จอมแน่”

        น้องชายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด พลางผลุนผลันเดินหนีจากไป

        “ก็เรื่องของแก ไม่ได้มีใครบังคับนี่หรือถ้าแกจะกลับไปมีความรักแบบกัดก้อนเกลือกิน”

        ภูวพลปิดหูอีกครั้งไม่อยากจะฟัง ลุกเดินหนี ทำไมเป่าหูและคิดไม่ดีกับเขาเลยพี่ชายคนนี้ อุปนิสัยของพี่ชายนับวันเขารู้สึกรังเกียจ นี่คือความอิจฉาหรือเปล่า

        หุนหันพลันแล่นด้วยอารมณ์อีกที พร้อมกับลุกคว้ากีต้าร์ตัวโปรดติดมือด้วย

จอมภูมองด้วยสายตาที่ยิ้มเยาะ กับน้องชายที่ไม่อยู่ในโอวาท

ดังนั้นเมื่อเห็นภูวพลก้าวออกไปจากบ้าน เดินตามริมฟุตบาท จอมภูก็ขับรถออกไปที่ทำงาน ระหว่างทางเห็นน้องเขาบีบแตร แต่คนเดินไม่สนใจ เร่งเดินอย่างเดียว พร้อมกับฝีเท้า

แทบไม่สนใจเสียงแตรที่บีบเหมือนคนกวนประสาทนับวันพี่ชายเริ่มจะฝังความเกลียดชังในใจเขาเพิ่มมากขึ้น

 เมื่อเขาไม่ตอบสนอง รถยนต์ของจอมภูเลยแล่นจากไป พอพี่ชายจากไปแล้วเขามองด้วยสายตาเคือง จนกระทั่งถึงปากซอย 

        ตัดสินใจรอรถสองแถว เพื่อไปลงที่ปากทางถนนใหญ่ เพื่อนั่งรถเมล์ ไปหาเพื่อนสนิท ซึ่งเขาตัดสินใจจะไปซ้อมกีต้าร์ ที่บ้านของฐานะยศ หรือไอ้ฐา เพื่อนรัก ซึ่งเพิ่งโทร.ไปและเพื่อนก็ตอบรับคำ

        “ฉันไม่รู้จะไปที่ไหน”

เอ่ยบอกเพื่อนสนิทที่คบหาเรียนด้วยกันตั้งแต่ชั้นอนุบาลรวมทั้งชั้นประถมในละแวกบ้านพัก แยกย้ายจากกันเมื่อเรียนมหาวิทยาลัย ที่อยู่กันคนละคณะและมหาวิทยาลัย

 น้ำเสียงเศร้าทำให้อีกฝ่ายคาดเดาว่า

        “ทะเลาะกับพี่จอมอีกแล้วสิ”

จึงพยักหน้า

        “ฉันพอเข้าใจว่ะ เรามันวัยรุ่น พี่แกก็อายุมากโขแล้ว อารมณ์มันต่างกัน”ก็ได้แต่เพียงพยักหน้ากับเพื่อน

        “วันนี้ฉันอยู่บ้านทั้งวัน ก็เพิ่งจะจบ สัปดาห์หน้าน้าของฉันจะฝากงานให้ทำอยู่แถว ถนนพระรามสี่”

        พูดถึงงานก็ดีใจที่เพื่อนอย่างฐานะยศซึ่งเพิ่งจบคณะนิติศาสตร์ เจ้าตัวคิดจะเรียนต่อเนติอีกเพื่อสอบเข้าเป็นผู้พิพากษา ตอนนี้กำลังสอบตั๋วเป็นทนายความ แต่ว่าน้าชายดันมาชวนให้เป็นพนักงานในบริษัท ฐานะยศอยู่ในระหว่างตกปากรับคำ แต่เมื่อน้าแท้ๆชวนอย่างนี้ เห็นจะปฏิเสธยาก เพราะคำของน้าก็เอ่ยว่า

        “จบแล้วก็จริง แต่งานทนายความมันก็หายาก ถ้าไม่มีเส้นสายหรือคนรู้จัก งานมันต้องทำงานอยู่ในสำนักงานกฎหมายไม่ใช่หรือ”

ฐานะยศถอนหายใจ

        เขาจดจำคำพูดของน้าได้

        “น้าเองก็ไม่มีเพื่อนทางนี้ เอ็งต้องหาสมัครเอาเองล่ะหรือจะสอบเข้าราชการพวกเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี หรือพนักงานเทศกิจเงินเดือนตามวุฒิปริญญาตรี เลือกเอา แกจะตามใจน้า หรือไม่ตาม”

        นี่แหละก็เหมือนกับเป็นความประสงค์ของน้าด้วย

ภูวพลดีใจกับเพื่อนที่ เขาสามารถหางานทำได้

        “ส่วนเรายังเลยจะลองไปสมัครทิ้งดูอีกวัน ที่สมัครไว้อาทิตย์ก่อน ยังไม่เรียกตัวเลย”

        ทั้งสองมีหัวใจเป็นดนตรีเช่นกันศิลปะความงามที่ประดิษฐ์คิดค้นในใจเพื่อคลายเครียด ผ่อนคลายจากความเครียดเหนื่อยล้า เสียงเพลงก่อให้เกิดความสุขสุขสรร เพราะกล่อมขับออกมาจากพลังภายในปอด

        ทั้งสองชอบเสียงเพลง ชอบร้องและแต่งเพลงเล่นจึงเข้าขากันเป็นอย่างมาก

        “ยัยมิ้ง น้องสาวของนายอยู่บ้านด้วยหรือเปล่า”

        ไม่รู้เป็นไงเอ่ยถึงเรื่องนี้ ทั้งที่ทราบอยู่ว่า ภูวพลมีแฟนสาวแล้ว เรียนอยู่ด้วยกัน จบพร้อมกันด้วย

เพราะภูวพลมักคุยอวดโอ่กับเพื่อนฝูงถึงหญิงสาวหน้าหวานที่งดงามคนนั้น เวลาพากันออกไปเที่ยวข้างนอก ที่ผับหรือช่วงวันสุดสัปดาห์ในโรงหนัง ก็ได้เห็นหน้าค่าตาแล้ว

ฐานะยศมีคนรักเหมือนกันเรียกเป็นแฟนชื่อ กอฝ้าย             

        “ถามทำไมถึงน้องสาวฉัน นายก็มีแฟนนี่หว่ามีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”

        “เปล่าที่ฉันถามก็เห็นว่าน้องสาวนายดูท่าจะไม่ชอบฉันสักเท่าไหร่”

        “คิดมากไปได้”

        “แต่ฉันคิดอย่างนั้น”

        “อ้าว งั้นเอาอย่างนี้ เลี่ยงนายไม่ให้เจอยัยมิ้งจอมจุ้นอย่างน้องสาวของฉัน เออมีที่หนึ่งว่ะที่เหมาะกับซ้อมดนตรีมากที่สุด”

        “ตรงไหนวะ”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status