ฮึ ทำให้หนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่นั้นเดือดจัด ด้วยดวงตาที่วาวเข้มที่น้องชายคนเดียวนั้นก็ไม่เชื่อฟัง หลงมืดมัวถลำบอดไปกับความรักของมัน
ฮึ ความรักที่กัดก้อนเกลือกินของทั้งคู่นะสิ หากแต่จอมภูกลั้นใจทนฟังต่อ และกายไม่เคลื่อนไหวใดอันจะทำให้น้องชายจับผิดได้เพราะเขาก็ซุ่มตัวอยู่เงียบๆในเวลานี้
“พลแทบจะคิดถึงณีมากนี่ คิดถึงจนลมหายใจเข้าออกเลยนะเอ้อนี่ถามณีหน่อยเรื่องสมัครงาน เขาโทร.มาตามอีกบ้างหรือเปล่า”
เมื่อภูวพลเอ่ยถามเรื่องนี้ มณีรัชดาเงียบไปครู่และหม่นลงด้วยสีหน้าที่ผิดหวังขึ้นมา
“ยังจ้ะ ไม่เห็นเรียกตัวเลยสักที่”
คำตอบของแฟนสาวทำให้เขาเงียบไปครู่ก่อนจะให้กำลังใจ “ก็พลบอกณีแล้วว่า จะช่วยหาให้ บริษัทเพื่อนของพ่อ ณีก็ไม่เอา เห็นไหม อวดเก่งกับความสามารถของตัวเองนัก สุดท้ายก็ไม่ได้งาน” เขาบ่นที่มณีรัชดายึดมั่นถือมั่นในตัวเองมากเกินไปจนชวดงาน
EP 6
เพราะหล่อนอยากหาด้วยตัวเอง หญิงสาวคิดเช่นนั้น
“พลเคยบอกแล้วให้เชื่อพลแล้วก็ใจอ่อนเสีย บริษัทเพื่อนของพ่อพลมี แต่ณีก็ใจแข็ง”
ใช่หล่อนยอมรับว่าหล่อนดื้อในเรื่องนี้ เพราะไม่อยากพึ่งเขา
“ใช่ค่ะ ณียอมรับว่าเชื่อตัวเองมากเกินไป มั่นใจตัวเองมากเกินด้วยซ้ำ ตอนนี้รู้รสชาติแล้วค่ะ”
หล่อนเอ่ยตอบเขาเสียงอ่อนในตอนท้าย
ทำให้อีกฝ่ายยิ้มวาบ
“งั้น ณียอมเชื่อพลแล้วสิ คงจะยอมใจอ่อนกับงานที่พลจะหาให้”
“ถ้าเป็นงานที่น่าสนใจ ณีก็จะรับพิจารณา อยากทำค่ะว่าแต่งานอะไรละคะพล”
ฟังแล้วมันทำให้เขาแสนจะนึกหมั่นไส้ในสุ้มเสียงหวานต่อหวานออดอ้อนใส่กันแบบนี้
และเขานั้น ชายหนุ่มมือที่สามทำตาขวางแสยะยิ้ม
ส่วนในขณะที่ผู้เป็นน้องชายยิ้มปรอยด้วยฝันหวาน กับรักที่เขาทุ่มเทและได้รับปฏิกิริยาตอบจากมณีรัชดา
“เอ้อ บริษัทไงจ้ะ งานที่ทำน่าจะเกี่ยวกับบัญชี หรือพนักงานคีย์ข้อมูล”
ถ้าเป็นยังงั้นหล่อนก็ยอมรับละ ยังไงขอให้ได้งานไว้ก่อน
“ขอบคุณค่ะ”
อดถามภูวพลไม่ได้ เขาก็สมัครงานไว้ด้วยไม่ใช่หรือ แล้วนี่เขาหาทางช่วยหล่อน
ตัวเขาเองมีงานทำแล้วหรือยัง
“แล้วพลล่ะ เรื่องที่สมัครงานเอาไว้”
“เอ้อ สำหรับพลนั้นสบายจ้ะ ณี เพราะพลไม่พึ่งหรือหวังเอาจากพวกบริษัทโบรกเกอร์หรือตลาดหุ้นพวกนั้นหรอก แล้วไม่ไหวเส้นเรามันแค่เส้นก๊วยจั๊บ สู้พวกเส้นใหญ่หนาไม่ได้หรอกเลยเบนมาทำงานที่บริษัทของคุณอาดีกว่า”
ภูวพลตัดสินใจแล้วว่าเขาจะเบนออกจากงานที่เขาอยากจะทำคือบริษัทเกี่ยวกับเงินทุนหลักทรัพย์ มาทำงานกับคุณอาพิจิตรอาแท้ๆของเขา
ที่เป็นเช่นนี้เพิ่งนึกคิดขึ้นได้ เพราะแต่ทีแรกแล้ว เขาคิดว่าจะไม่คิดพึ่งพาเงินในกงสีหรือเครือญาติ เพราะอยากจะแสดงความสามารถของตัวเองว่าโตแล้ว มีวุฒิภาวะเพียงพอ
หากแต่ความสามารถของเขานั้น ทางบริษัทภายนอกไม่มองเห็นถึงคุณสมบัติและคุณค่ามากพอที่จะรับเขาไว้เป็นพนักงาน และสังเกตได้จาก มีการปัดผัดอยู่ตลอดเวลาว่าสักพักจะโทร.ไป แต่กลับเงียบหายไปเหมือนไม่มีปี่มีขลุ่ยอีกเลย
เขาไม่อยากจะนั่งรอความหวังอีก ดังนั้นเลยเปลี่ยนใจเอาดื้อๆ มณีรัชดาก็ดีใจแทนคนรักที่เขาจะได้งานทำแล้ว
หากสำหรับหล่อนนั้นคิดว่าภูวพลอยากจะได้ทำงานไม่ยากหรอก และเขาไม่ต้องมาเดินสมัครงานไปทิ้งไว้ที่บริษัทต่างๆ
ส่วนภูวพล เนื่องจากเขาเป็นคนที่มีฐานะทางเครือญาติของเขา ก็พร้อมที่จะยื่นมือเข้าช่วยได้ เพียงแต่ภูวพลไม่เคยตัดสินใจเข้าไปง้องอนหรืออ้อนวอน แต่คราวนี้ยินยอม เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วภูวพลฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า
“ไม่แน่ละ พลจะเข้าไปขอร้องกับคุณอาอีกครั้ง..ฉวยเกิดว่างานว่างอีกตำแหน่ง จะได้ให้ณี เข้าไปทำเลยไงจ้ะ”
ภูวพลวาดหวังเสมอว่า อยู่ที่ไหนก็ตาม เขาอยากจะอยู่ใกล้หล่อน
ในขณะที่อีกฝ่าย ผู้เป็นพี่ชายนั้นทำท่าเข่นเขี้ยวจัดใส่ เมื่อน้องชายตัวดีนั้นเที่ยวเสนอหน้าที่การงานให้สาวสวยต่างฐานะอย่างใจป้ำ
หากฟังคำของชายคนรักนั้น ก็พลอยทำให้มณีรัชดาปลาบปลื้มใจไปด้วย ถ้างั้นก็ดีละ ถ้าหล่อนมีช่องทางได้งานทำพ่อแม่จะได้หมดห่วง
และหล่อนจะได้หยุดความกระวนกระวายใจอ่อนล้าทั้งกายและใจที่ตกงานมานานพอสมควร
“งั้นเอาตามนี้นะจ้ะณี พลสัญญาว่าจะรับปากหางานให้ณีให้ได้”
“ขอบคุณค่ะ พล”
ซึ่งมณีรัชดาตอบเขาอีกครั้งก่อนจะปิดเครื่องด้วยใจที่ยิ้มชื่น
และฝ่ายหนุ่มคนน้องนั้นเขาก็ยิ้มชื่นปลื้มกับตัวเองใส่มือถือตรงหน้า ที่นอกจากได้คุยกับคนรัก
ได้ยินเสียงหวานของหล่อน คนมีความรักอย่างเขาก็สุขใจมากล้น
จนประกายปีติยินดีของเขานั้นกลับไปสร้างความขุ่นข้องเดือดดาลในใจของจอมภู ผู้เป็นพี่ชายเหมือนไฟไหม้ป่า
เพราะเขายืนจังก้าอย่างไม่พอใจ
จนขยับฝีเท้าหนีไปอย่างเงียบๆ หากแววตาครุ่นด้วยเคืองแค้นกับผู้หญิงคนนั้น ที่เขาต้องจัดการให้เด็ดขาด
หล่อนมาอ่อยเหยื่อหว่านเสน่ห์ให้กับน้องชายของเขามากเกินไปแล้ว ฮึ ก็แบบนี้เหยื่ออย่างน้องชายของเขานั้นมันจะไม่ติดใจจนกลายเป็นเบ็ดกับดักที่หล่อนทำสำเร็จเชียวหรือ
จะตามไล่ทันคนอื่นเสียที่ไหนเล่าน้องชายเขา มัวแต่เซ่อ
แต่ผู้หญิงคนนี้เขามาครุ่นคิดอีกครั้ง เพราะนี่ไม่คิดจะหลับนอน แต่เที่ยวมาบริหารเสน่ห์ให้ผู้ชายคิดถึงก่อนนอนอย่างนี้นี่เอง ซึ่งมองดูลึกๆหล่อนก็ร้ายพอสมควรนี่ เขาคิดว่าคนเราถ้าอยากจะได้อะไร ที่มันเป็นความทะเยอทะยาน ใฝ่สูงเกินตัว เขาเปรียบหล่อนนั้นก็ไม่ต่างจากคนประเภทนี้เท่าใดหรอก
จอมภูก็ยังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียวอีกครั้ง แม้น้องชายจะเอ่ยธุระจบ สีหน้ายิ้มแย้มเหมือนสุขใจ หากแต่เขาผู้เป็นพี่ชายกลับหน้าตึง หรี่ดวงตาเงยมองน้องชาย “นี่แกจะออกไปไหนอีก.. ออกไปข้างนอกหรือเปล่า” จอมภูเอ่ยเสียงเข้มแววตาหมิ่นเยาะไปยังน้องชาย ภูวพลสะบัดเหมือนจะไม่แคร์สนใจในสิ่งที่พี่ชายเอ่ย เขายังทำตัวผ่าเผยยักไหล่แบบไม่แคร์ ก้าวเดินหนีอีก “นี่ ฉันถามแกดี..แกจะออกไปไหนอีก แล้วเมื่อกี้ใครโทร.มาหาแก” “ธุระของผม มันเป็นเรื่องส่วนตัว จะออกไปไหนหรือไม่ออก ผมเคยบอกแล้วว่า พี่ใหญ่อย่ามายุ่งกับชีวิตของผม”เขาก็เสียงเข้มเอ่ยโต้กลับไปทันควัน แสยะใบหน้าใส่อย่างไม่พอใจ จนจอมภูนึกเดือดดาลยิ่งนักกับท่าทีแข็งกระด้างของน้องชาย ทั้งที่เขาแอบฟังคนทั้งสองสนทนา แต่ก็อยากจะรู้ลึกลงไปกว่านั้น “ฮึ นี่นะ ถ้าแม่กับพ่อไม่ฝากให้ฉันดูแลแกล่ะก็ จ้างให้ฉันก็ไม่แยแสเลย ว่าแกนั้นจะตกนรกหมกไหม้ยังไงก็เชิญ เพราะแกมันดื้อ ไม่เคยเชื่อฉัน” นับว่าเป็นคำพูดที่ร้ายกาจทิ้งขว้างและไม่ไยดีพอสมควรสำหรับคนเป็นพี่ชาย เมื่อเขาเอ่ยถึงน้องชาย หากคนฟังนั้นใจเจ็บแปลบ
ครั้นพอเข้าไปดูใกล้ๆ ที่มือถือซึ่งปรากฏมีเบอร์โทร.เข้ามา และในขณะที่หล่อนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อที่จะออกไปข้างนอกอีกครั้ง ก็มีมือถือดังขึ้นอีกครั้ง ด้วยอารามดีใจ ก็ทำให้เธอรีบคว้าเข้ามาแนบหูเอ่ยถามทันที “มณีรัชดาพูดค่ะ จากไหนคะ” หากว่าเสียงนุ่มทุ้มตอบด้วยอารมณ์ดีใจที่หล่อนยอมรับสาย และโดยไม่ทำให้เขานั้นหน้าหงิกหน้างอหงุดหงิดอย่างเมื่อครู่ “ผม วิภัส ครับ คนที่คุณพบเจอเมื่อตอนกลางวันที่สวนลุม สักสามวันได้แล้วครับ เอ้อ โทร.มาสอบถามว่า คุณสนใจที่จะทำงานตามนามบัตรที่ผมระบุไว้มั๊ยครับ” เสียงนุ่มทุ้มที่เคยคุ้น อ๋อหล่อนจำได้แล้วใจหล่อนแฟบลง นึกว่าฝ่ายบุคคลของบริษัทที่หล่อนสมัครงานทิ้งไว้โทร.มาตาม เมื่อรู้ว่าเป็นเขา แล้วหล่อนก็ถอนใจ พยายามนึกถึงชายหนุ่มรูปร่างสูงใบหน้าคมคาย ที่มณีรัชดานึกคิดว่า ท่าทางเขาแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ เป็นเพราะหล่อนไม่ไว้ใจนะสิ แต่ก็ยอมเอ่ยพูดด้วย เหตุผลเพราะเขาพูดกับหล่อนดี และน้ำใจของมณีรัชดาคือ หากใครพูดตอบหล่อนมาดี หล่อนก็จะตอบด้วยสิ่งที่ดี อันบ่งบอกถึงมารยาทจากใจ “ค่ะ ดิฉันจำได้ ว่าไงนะคะ จะให้ดิฉันเข้
“คุณมณีรัชดา”สุ้มเสียงนั้นเอ่ยชื่อหล่อนเมื่อหล่อนมาถึงที่นัดหมายด้วยความกล้ากึ่งกลัวในหัวใจ.. แต่มณีรัชดาพยายามจะสลัดอารมณ์เหล่านี้ทิ้ง ถ้าหล่อนมัวแต่กลัว ก็คงไม่ได้งานนะสิ เพราะอยากทำงานมากกว่า ตกงาน “ค่ะ” “ผมจราดลนะครับ ไอ้ภัสเพื่อนผม คงแนะนำแล้วว่า มันบอกผมว่าคุณเต็มใจจะร่วมงานกับเรา งั้นเชิญมาทางนี้ครับ” เขาผายมือเชื้อเชิญมณีรัชดาแต่หล่อนอึ้ง ยังไม่กล้าลุกก้าวตามไป อะไรกันเขาเรียกให้ลุก นี่ หล่อนก็จะลุกแล้วหรือ เนื่องจากหล่อนกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ไม่ดี และกลัวนัก แล้วนี่ ปล่อยให้หล่อนอยู่ตามลำพังกับเขาทั้งสองต่อสองหรือ แล้วผู้หญิง ผู้ชายคนอื่นหายไปไหนหมด หล่อนยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจ เดินตามเขาไปหรอกนะ ยังอึกอักและลังเลใจ “อ้าว ตามผมมาสิครับ.. มัวนั่งอยู่ทำไม” หล่อนอึ้ง จะตอบเขาอย่างไรดี จราดลเลยบอก “ผมต้องเทสต์งาน คุณอย่ากลัวเลยครับ ถ้ากลัวคงไม่ต้องทำงานนี้หรอก ข้างในยังมีช่างภาพ ช่างไฟ อยู่อีกสามสี่คน ช่างแต่งหน้าด้วย เขาเป็นผู้หญิงเหมือนคุณ”แบบนี้มณีรัชดาค่อยถอนใจอย่างโล่งอก ยอมเดินตามเขาไป “
จอมภูคิดในใจเพราะหล่อนใจร้อนจริงๆถ้าไม่สบใจหล่อนและความพึงพอใจของหล่อนก็จากไปทันที..แต่ยังหรอกแผนของเขายังไม่สัมฤทธิ์ และจะไม่ยอมให้หล่อนหลุดจากตรงนี้ไปได้ง่ายหรอก อีกอย่างเพราะเขาทราบมาว่าน้องชายของเขากำลังจะหางานทำให้หล่อนโดยฝากญาติ และคนรู้จักเขาไม่ต้องการให้คนอย่างมณีรัชดาเหยียบเข้าไปทำงานกับเครือญาติของเขา และงานที่นี่ดูจะเหมาะกับเธอ เป็นงานด้านบัญชี หรือเป็นผู้ช่วยพี่สาวของจราดลก็ได้ และอีกอย่างฝ่ายคอสตูมดูแลเสื้อผ้าของนักแสดงหรือเลือกเฟ้นนักแสดงกับปันณชาหากเพราะในเวลานี้ มณีรัชดาไม่อยากจะรอเพราะหล่อนไม่มีความอดทนมากถึงขนาดนั้นยิ่งด้วยเขาทำให้หล่อนอารมณ์เสียและรู้สึกว่ามาเก้อ และถูกหลอกยิ่งได้มาเจอหน้าวิภัสชายหนุ่มที่หล่อนจำหน้าเขาได้ชายหนุ่มหล่อเงยหน้ามองอีกครั้ง เขาพยายามใจเย็นให้มากที่สุดขณะที่สาวสวยตรงหน้า เห็นชัดว่าหล่อนกำลังอึดอัดอย่างที่สุด “เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณเองครับ แต่ขอรับปากว่า คุณได้งานทำแน่ ถ้าหากไม่เลือกมาก” หญิงสาวเงยหน้าหวานคม จ้องเขา ที่ดวงตาของหล่อนนั้นระยับวับวาว “งานอะไรกัน..งานสกปรกที่คุณกับเพื่อนคุณกำลังจะหลอ
จราดลเอ่ยใส่หน้าเพื่อนเขาแทบจะหัวเราะเยาะใส่จราดลในทันที “บ้า ไอ้ดล ตลกแค่คำขู่ผู้หญิงคนนี้ นายก็กลัวแล้วหรือไงสำหรับคนอย่างไอ้จอมภู นะ ไม่โว้ย..ฉันมีวิธีของตัวเอง” “หมายความว่าวะ ที่อยากจะตอแย หาเรื่องหล่อนอีกว่างั้นเหอะ” จอมภูหรี่ดวงตาคม ไปทางเพื่อน เอ่ยเยาะ “ไม่ใช่กงการอะไรของนาย..ฮึหรือว่านายเกิดสนใจ” “แน่นอนล่ะ สวยขนาดนี้ นี่ถ้าไม่มีป้ายแขวนคอติดไว้จากน้องชายของนาย ฉันกระโดดเข้าไปตะครุบแล้ว.. แต่ท่าทางต่อยหนักฤทธิ์เยอะ..แต่ฉันก็ชอบเธอน่าคบหาด้วย”แล้วเอ่ยอีก “นายไปเจอที่ไหนวะ ถึงรู้ว่าเป็นเอ้อ แฟนของน้องชายนาย” “เจอกันครั้งสุดท้ายที่สวนลุม แต่ว่าก่อนหน้านั้น ฉันแอบติดตามสะกดรอยมาสักระยะแล้วเพิ่งรู้ว่าหล่อนตกงาน หางานทำไม่ได้” “อ้าว งั้น เข้าทางพอดีล่ะ ไอ้เสือที่อยากกินลูกแกะอย่างนาย มันก็เข้ามาสวมรอยเสียเลยใช่ไหมวะเพื่อน” “ก็ใช่สิวะ”จอมภูตอบอย่างไม่เห็นมีปัญหาอะไร เขาขมุบขมิบปากยังเข่นเขี้ยวไปถึงสาวสวยที่เพิ่งจากไป หมั่นไส้ด้วยกับท่าทางหยิ่งจองหอง ทั้งที่ฐานะไม่มีอะไรจะเทียบชั้นเขาได้ “หล่อนเป็นประเภท
ท่านจะได้รับทราบว่าเขาเป็นคนที่ไม่ถือตัว และคิดอย่างไรกับมณีรัชดาคนรักลูกหลานของท่าน อีกอย่างครอบครัวของหล่อนจะได้เปิดโอกาสให้เขาและหล่อนคบหากันอย่างเปิดเผยมากกว่าเดิมฃ ในสิ่งที่ภูวพลต้องการ คือไปไหนมาไหนกับหล่อนโดยไม่มีใครกีดกันและขัดขวาง และเขาจะสบายใจอย่างมากถ้าพ่อแม่ของหล่อนเปิดไฟเขียวให้อีกทีนั่นคือความรักของเขา ที่จะขยับไปใกล้กับความสมหวังเข้าถึงทุกขณะซึ่งอยากจะพูดกับมณีรัชดาอีกครั้งว่า เขาอยากจะแต่งงานกับหล่อนให้เร็วอย่างที่สุด คิดว่าจะออกจากบ้านแล้วก็เช่าที่พักอยู่กันตามลำพังสองคน เขาก็สามารถทำได้ ทำเพื่อความรักของเขาและหล่อน ภูวพลฝันเพ้ออีกครั้ง เมื่อมณีรัชดากลับเข้ามาถึงบ้านแล้วนั้น มารดาจึงเอ่ยทัก“อ้าวกลับมาแล้วยัยณี ได้ความว่ายังไงบ้างลูกเรื่องงาน” มณีรัชดายิ้มให้กับผู้เป็นมารดา “ได้จ้ะแม่ คราวนี้ ณีได้งานทำแล้วค่ะ” “เหรอลูก” นางรัชนีกับไพจิตรน้าสาวพลอยตื่นเต้นไปด้วยพร้อมกับละมือที่กำลังคลุกถั่วเหลืองนึ่งใส่แป้งเพื่อทำถั่วแปบ “เอ้อ แม่กับน้าจะได้หายห่วงซะที” “จ้ะแม่ เขาให้ทำวันพฤหัส” ตอบมารดาอย่างอาร
อีกครั้งที่ภูวพลดีใจอย่างมาก ที่เมื่อรับโทร.จากมณีรัชดานั้น แต่หล่อนกลับมาบอกเขาว่า ได้งานทำแล้ว ซึ่งเขาแปลกใจ แม้เขาจะรู้สึกเสียดายอยู่บ้างที่หล่อนไม่ได้เลือกงานในบริษัทของญาติที่เขาคุยตกลงไว้อย่างดิบดี โธ่ บทจะได้ก็ได้เสียปุบปับอย่างนี้ ไม่คาดฝัน “พลอุตส่าห์ไปร้องขอกับคุณลุงนะครับ ให้ท่านช่วยกั๊กไว้ให้ตำแหน่งนึง ก็พอดีมันว่างไง.. นี่ถ้าณีไม่ตัดสินใจเลือก คงแย่ล่ะ เพราะตำแหน่งนี้ต้องมีคนอื่นรับเอาไป” หากแต่มณีรัชดาก็ตอบเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ค่ะ ก็ปล่อยให้เขารับคนอื่นไปสิจ้ะ พล เพราะณีเพิ่งได้งานกะทันหัน และอังคารนี้จะต้องไปทำแล้วล่ะ” ภูวพลถอนใจ แม้จะรู้สึกน้อยใจแกมผิดหวัง แต่ก็ดีใจกับหล่อนเพราะท่าทางน้ำเสียงของมณีรัชดานั้นตื่นเต้นอย่างดีใจ หล่อนคงชื่นชอบกับงานนี้มาก “ว่าแต่งานเกี่ยวกับอะไรหรือณี เห็นท่าทางตื่นเต้นเหลือเกิน” “ค่ะ งานเกี่ยวกับกองถ่ายจ้ะพล เป็นงานที่ณีรู้สึกตื่นเต้น ที่จะได้เห็นคลุกคลีกับพวกดาราละครทีวี” มณีรัชดาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงและดูแจ่มใส ความจริงงานเกี่ยวกับเบื้องหลังที่ใกล้ชิดกับ
“ใช่ครับ ก็ผมรู้ว่ามีเงินเก็บ เป็นเงินก้อน แต่ว่าผมต้องการจะใช้นี่” เพราะว่าเขาดื้อรั้นที่จะเถียงและเอาให้ได้ดั่งใจ เลยทำให้นางภวานันท์ถอนใจ อ่อนอกอ่อนใจยิ่ง เรื่องนี้ถ้าจะเป็นเรื่องหนักเสียแล้วสำหรับนางนี่เกิดอะไรขึ้นกับลูกชาย นางจึงเอ่ยเสียงแข็งอย่างเด็ดขาด “ไม่ได้นะ และแม่จะไม่อนุญาตให้แกไปเบิกเงินสดออกมามากมายขนาดนั้นหรอก เพื่อทำอะไรตามใจแก” และในเวลานั้น สีหน้าของเขาผิดหวังอย่างมาก ด้วยแววตาที่สลด พร้อมกับคำตีโพยตีพายพร่ำออกมาด้วยสีหน้าที่เศร้า “ฮึ อะไรก็ไม่ได้ๆ สำหรับผมทุกทีเลย แต่ทีกะพี่ใหญ่ โน่น ทำไมครับ แม่ถึงคิดประเคนให้มันทั้งหมดเลย อยากได้อะไร ก็ไม่เคยขัดห้ามสักเลยนิด” และเขาทำท่าเหมือนจะร้องไห้มีน้ำตาคลอออกมา “ทีพี่ใหญ่อะไรๆก็ประเคนให้หมด..แล้วผมล่ะผมไม่ใช่ลูกหรือยังไง ผมก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน อยากทำอะไรเพื่อตัวเอง ที่มันเป็นอิสระ เพื่อที่ทุกคนจะได้มองเห็นว่า ผมโตพอแล้วที่จะเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนมองเห็นผมเป็นแค่เด็กอนุบาล” เขาเผลอเกรี้ยวกราดเอากับคุณภวานันท์ที่นางกำลังตกใจใหญ่พร้อมกับสีหน้าตึง