ความจริงที่ว่าคือเขารักมณีรัชดาอย่างมาก ต้องการครองคู่ อยู่กับหล่อนตลอดไปในเส้นทางอนาคต ทำให้จอมภูต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของมารดาคลายลงจากคำพูดที่น้องชายเอ่ยออกมาพร้อมแฟนสาวช่วยสนับสนุนในรักครั้งนี้ของเขา อีกทั้งช่วยแก้ต่าง ให้กับมณีรัชดา ภรรยาของเขาให้พ้นผิดด้วย เพราะภรรยาของเขานั้น หล่อนไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนกำลังกล่าวหาสักนิด หล่อนสะอาดและบริสุทธิ์เสมอ อย่างที่เขาเองก็นึกไม่ถึงเช่นกัน ในอดีตเขาเคยร่ำร้อง ที่จะเดียดฉันท์ โกรธอาฆาตแค้นหล่อนที่กลายเป็นนางแม่มดเจ้าเสน่ห์เพื่อหลอกล่อให้น้องชายของเขามาตกหลุมรักเพราะหวังในความสุขสบาย เพราะภูวพลมีฐานะร่ำรวยเป็นทายาท ของนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย นี่คือความโง่เขลาอย่างมากที่สุดที่เขาได้ทำมา จนจอมภูอยากเขกหัวของตัวเอง ย้อนหลังกลับไปสองร้อยกว่าครั้งถึงจะสาสม กับความผิด และความโง่ของเขาด้วยซ้ำ เวลาเนิ่นนานที่เขามีอคติต่อหล่อน กลายเป็นคนที่โง่บรมโง่ เหลือเกิน ยอมรับว่าเขาหูตามืดมัวเพราะรักและห่วงน้องชาย คนเดียวที่กลัวจะตกเป็นเหยื่อและเป็นคำสั่งของมารดา ที่ท่านต้องการจะกีดกันทั้
“เขาให้แม่มาไกล่เกลี่ยหรือไงคะ”มณีรัชดาเอ่ยโดยไม่ยอมเอ่ยชื่อเขา นางรัชนีถอนใจ กับลูกสาวที่เริ่มจะทิฐิขึ้นมา“นี่แม่นะนี่แม่ของแก จะดีจะชั่วยังไงก็ยอมรับว่าแกเป็นลูก” มณีรัชดากำลังทำใจอย่างหนัก การที่มารดามาที่นี่เหมือนท่านบุกเข้ามาหาหล่อนที่คอนโดไม่เคยมีใครทราบมาก่อน และเขาคนเดียวเท่านั้นที่พามา มันเป็นเรื่อง ที่ตัดสินใจลำบากทั้งเรื่องส่วนตัวเหตุผลอีกทั้งความรัก รวมทั้งความเจ็บแค้นที่ผสมผสานกันและความผิดของเขาเกิดขึ้นมานาน และสะสมสั่งเอาไว้พอกพูนจนมันเต็มไปด้วยอัตราของความแค้นที่เหมือนไฟเผาผลาญจู่ๆหล่อน จะมาอภัยให้เขาง่ายๆในสิ่งที่เขาทำกับหล่อนอย่างเจ็บปวด “แม่ไปถามผู้ชายคนที่เขาบอกที่อยู่ของหนูสิคะว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง” มณีรัชดากลับตอบไปอย่างนั้นทำให้รัชนีเงียบ และเริ่มเข้าใจถึงสภาพจิตใจของบุตรสาว “ถึงอย่างไรแม่ก็ไม่อยากให้แก หนีแม่ไปอีก อย่าไปเลยนะลูก เมืองนงเมืองนอก แม่ห่วง ไปดูหมอเขาทักไว้ว่า ลูกไม่ควรเดินทางออกไปต่างประเทศ อย่าขึ้นเครื่องบิน” มณีรัชดาตกใจอย่างมากที่สุดกับคำกล่าวของมารดาไม่เคยทราบด้วยว่า ท่านจะเอาดวงของหล่อนไปให้ห
จนกระทั่งมณีรัชดาคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเป็นลูกสาวในอีกสามวันต่อมา ประเทศที่หล่อนอาศัยอยู่ณบัดนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หนาวเหน็บจัดพร้อมด้วยหิมะโปรยปราย จอมภูพยายามใช้การกระทำของเขามากกว่าคำพูด ให้มันราดรดในดวงใจของหล่อนถึงความซื่อสัตย์และภักดีตลอดกาล เพื่อทดแทนสิ่งที่ผิดพลาด ณเสี้ยวหนึ่งของหัวใจหล่อนรับทราบแล้วว่า เขาเป็นคนที่ดีมากพอ แต่ในด้านเลวร้ายนั่นล่ะ ซาตานดีๆนี่เอง หล่อนจะไม่พยายามคิด เมื่อเขาชี้แจงว่า “ผมมาจากเมืองไทยที่อยู่ทราบจากคุณรังสินัย” เมื่อเอ่ยอ้างถึงหลานชายของหล่อน ทำให้คุณนันทนิจรับทราบ “ผมมีปัญหาบางอย่างที่ต้องปรับใจกับณี” เขาเอ่ย ทำให้คุณนันทนิจเข้าใจทันที “มณีรัชดา” หล่อนอุทาน “ใช่ครับ ผมเป็นสามี เธอหนีจากผมมา” “หนีหรือคะ” “ผมขออนุญาตได้ไหม”เขาเอ่ยหลังจากที่ชี้แจง ไม่มีการบอกกล่าวมาล่วงหน้าเพื่อตรวจดูความผิดพลาด คุณนันทนิจขอตัวโทร.ทางไกลไปเมืองไทยเพื่อถามหลานชาย ได้รับคำตอบแบบเดียวกันคือ ยืนยันถึงความเป็นสามีของลูกจ้างสาว “ดิฉันไม่ทราบหรอกนะคะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลานชายต้องการพึ่งพา ให้พา
เขาประคองมณีรัชดาเป็นความผูกพันลึกซึ้งยามอยู่ห่างไกลบ้าน มณีรัชดาคิดถึงพ่อแม่คิดถึงกรุงเทพ แต่แน่นอนละภาวะของหล่อนคือคนมีครรภ์อดฟุ้งซ่านไม่ได้และจอมภูพยายามทำดีกับหล่อนสารพัดทุกอย่าง ที่เขาแสนจะเอาใจ จนมณีรัชดายากที่จะปฏิเสธได้ หล่อนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หากจอมภูถึงกับเสียสละทุกอย่าง บางทีทิฐิมันเหมือนกับน้ำกรดราดรดดวงใจตัวเองเหมือนกัน หล่อนครุ่นคิด แต่ถึงกระนั้น หล่อนก็ควรที่จะให้บทเรียนอันแสนจะเจ็บปวดให้เขาด้วยเหมือนกันจนกระทั่งมณีรัชดาคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเป็นลูกสาวในอีกสามวันต่อมา ประเทศที่หล่อนอาศัยอยู่ณบัดนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หนาวเหน็บจัดพร้อมด้วยหิมะโปรยปราย จอมภูพยายามใช้การกระทำของเขามากกว่าคำพูด ให้มันราดรดในดวงใจของหล่อนถึงความซื่อสัตย์และภักดีตลอดกาล เพื่อทดแทนสิ่งที่ผิดพลาด ณเสี้ยวหนึ่งของหัวใจหล่อนรับทราบแล้วว่า เขาเป็นคนที่ดีมากพอ แต่ในด้านเลวร้ายนั่นล่ะ ซาตานดีๆนี่เอง หล่อนจะไม่พยายามคิดในเมื่อความดีของเขาก็ราดรดลงไปในหัวใจของหล่อน ให้ความอบอุ่นดูแลลูกสาว ในฐานะของพ่อเกินที่มณีรัชดาจะท้วงหรือปราม เขาทำไปด้วยความสุจริตใจหล่อนรับรู้ตลอดเวลาที่มีเ
“ณี ครับทางนี้ พลอยู่นี่”เสียงตะโกนเรียกดังขึ้นพร้อมกับการยกมือโบกให้ทำให้ร่างบางหันไปมองทางนั้นทันทีเขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ม้านั่งหินอ่อนกลางสวนสาธารณะ ใจกลางกรุงแห่งนี้ “เพราะพลไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรานัดกันมาเจอที่นี่” มณีรัชดาพยักหน้าคาดเดาเอาว่าพี่ชายของเขาที่มีอคติ และเป็นผู้ชายที่ใจร้ายเห็นแก่ตัว มณีรัชดารู้สึกเกลียดผู้ชายแบบนี้ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลอีกด้านหนึ่ง ทั้งคู่ไม่รู้เรื่องเลยการสะกดรอยตามเพื่อให้ทราบความจริง เพราะภาพนั้นจอมภูได้เฝ้าสะกดรอยตามน้องชายเพื่อให้รู้แน่ชัด อย่างที่ใจสงสัยเขาเป็นคนที่ชอบจุ้นจ้านกับชีวิตของส่วนตัวของน้องชายมานานแล้ว ในฐานะที่เป็นพี่ชาย พร้อมเขารู้ด้วยว่านี่ภูวพลแอบเข้าไปจอดรถหลบอยู่ที่อาคารตรงกันข้ามกับสวนสาธารณะแห่งนี้เจ้าน้องชายตัวดี ฮึ มันแอบนัดพบกับผู้หญิงแบบนี้นี่เองที่แม่ของเขาคาดการไม่ผิดเป็นผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเสียด้วย พ่อแม่ต้องการให้ภูวพลไปเรียนต่อที่ต่างประเทศมากกว่า ตอนนี้เขาอยากเห็นหน้าค่าตา ผู้หญิงคนนี้เหลือเกินแล้วหล่อนคิดยังไงกับน้องชายของเขาบ้างทำให้จอมภูครุ่นคิดขมวดและกำลังจะพุ
สมองครุ่นคิด แล้วจอมภูใช้ไหวพริบตอบ “อ๋อ สนามหลวงครับ เอ้อ ผมเพิ่งมาจากต่างจังหวัด แล้วก็ไม่รู้ว่ารถเมล์สายไหนผ่านบ้าง นะฮะช่วยบอกหน่อย เผอิญผมมีธุระ ที่จะต้องไปหาญาติทางนั้น” เขาพูดโกหกได้แนบเนียน และหล่อนต้องหลงติดกับดักของเขา ก็พอดีเลยกับรถเมล์คันหนึ่ง ที่แล่นโผล่หัวเข้ามาเป็นเส้นทาง ไปบ้านของหล่อนนั่นเอง “เอ้อ ต้องขอโทษนะคะคุณ ฉันคงต้องไปก่อนแล้วล่ะค่ะ” เมื่อเอ่ยจบหล่อนรีบผละไปจากเขาทันทีและเขานั้นก็รีบตามหล่อนไปทันที ซึ่งมีคนรอขึ้นอีกสามคนและมณีรัชดาไม่ได้สนใจมองดูด้วยซ้ำ จากนั้นเขาเดินตามหลังมาเงียบ บนรถเมล์ที่นั่งว่างและค่อนข้างโล่ง แปลกใจเหมือนกันอาจจะเป็นเพราะก่อนนั้นคนที่นั่งมาลงป้ายสวนสาธารณะนี้มีทั้งหมดสิบกว่าคนที่นั่งจึงดูโล่ง สวนสาธารณะแห่งนี้ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจคนกรุงเทพ หากแต่มณีรัชดาไม่ทันสังเกต ขณะที่เธอทรุดนั่งเบาะสายตามองตรงแต่พอรถแล่นสักพัก ผู้ที่ทรุดนั่งเบาะหลังขยับตัว และยกมือขึ้นเปิดหน้าต่างกระจกพอเขายกมือเปิดหน้าต่าง ข้างขอบอีกด้านหนึ่งอยู่ฝั่งของหล่อน มณีรัชดาจึงคิดยกมือช่วย เพราะหล่อนต้องการให้ลมพั
ช่วงวินาทีนั้นจอมภูก็ถอนหายใจอย่างหนักหน่วงลุ้นตาม พอสักพักถนนโล่ง มอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวจึงแล่นพรวดเข้าไปทันที รถแท็กซี่มีรถเก๋งจะเลี้ยวเข้าไปในซอยเช่นกัน กั้นหน้า แต่ก็ขับแล่นตามมาติด มองเห็นมอเตอร์ไซค์วินคันเดียว แล่นผ่านถนนในซอยชะลอหยุดที่ตรงลูกระนาด ในที่สุดตามมาทัน จอมภูพยายามเบี่ยงหลบเพื่อไม่ให้มณีรัชดามองเห็นร่างเขา ทีนี้เห็นชัดแล้ว เกือบท้ายซอยนี่เอง ที่หล่อนลงจากรถแล้วควักเงินจ่ายค่าโดยสาร หนุ่มมอเตอร์ไซค์ตีรถกลับ รถแท็กซี่ตามคำสั่งของชายหนุ่ม จอมภูกวาดสายตาเมื่อเห็นหญิงสาวก้าวเข้าไปในบ้านที่เป็นลักษณะทาวเฮาส์ ค่อนข้างเก่า มีรั้วอัลลอยด์แบบเก่า หล่อนก้าวเข้าไปในประตูเล็ก ทีนี้รู้แล้วอยู่บ้านหลังนี้นี่เอง จอมภูบันทึกภาพลงสมองคนขับเอ่ยถามอีกครั้ง “ว่าไงครับ คุณ จะลงตรงนี้หรือเปล่า” จอมภูสั่นหน้า “ไม่ครับ ผมแค่รู้ก็พอแล้ววันหลังจะตามมาที่นี่เองกลับเถอะไปส่งผมที่” จอมภูบอกเส้นทางกลับบ้านที่เป็นคฤหาสน์หลังงามแถวถนนศรีนครินทร์หัวหมาก แต่ลืมไปว่ารถคันหรูตัวเองก็เอามา ด้วยเช่นกันหากแต่เขาจอดหลบไว้ที่อาคารจอดรถของ บริษัท เพื่อนแถวสีลม
โดยที่วางสีหน้าราบเรียบ เมื่อจ้องใบหน้าเข้มเบนส่งไปหาน้องชายที่อารมณ์กำลังดีด้วยการหยิบกีต้าร์ตัวโปรด ภูวพลแทบไม่รู้สักนิดว่าพี่ชายจ้องด้วยสีหน้าเข้ม เพราะเจ้าตัวกำลังฮัมเพลงคลอไปด้วยการใช้มือที่ไล้เกาขึ้นลง อย่างคนที่อารมณ์เปรมปรีดานักหนา แต่คนที่กระฟัดกระเฟียดนักคือพี่ชายคนโตซึ่งรู้ดีที่สุดและยังคงสนใจกับเสียงเพลงและอารมณ์มันของตนเอง จนแทบไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองพี่ชายเพื่อตอบ ขณะที่จอมภูส่งคำถามเข้มขึ้นมา “วันนี้แกออกไปไหนมาทั้งวัน นายพล” ภูวพลนั้นความที่อารมณ์จดจ่อกับเสียงเพลง จึงไม่ได้เงี่ยหูฟังและสนใจพี่ชาย จนร่างสูงของพี่ชายเดินเข้ามาตะคอกใส่เสียงดัง “นี่นายพล แกได้ยินฉันพูดหรือเปล่า วันนี้ทั้งวันแกไปไหนมา” เห็นสีหน้าตึงขึงขังของพี่ชายทำให้ภูวพลนิ่งครุ่นคิดเมื่อตาคมปลาบของพี่ชายพุ่งตรงมาพร้อมคำถามเขามีความรู้สึกว่าพี่ชายเข้ามาขัดจังหวะนัก แล้วทำไมต้องตีสีหน้ายักษ์ใส่รุนแรงเหมือนเขาทำความผิดอย่างนั้นเกิดข้อกังขาในใจของภูวพล “ทำไมครับพี่ใหญ่สนใจด้วยหรือว่าผมจะไปไหนมาไหน” เลยเกิดอยากกวนพี่ชายเมื่อเห็นเขาอารมณ์เครียดสีหน้าตึงก็อยากจะเย้าแ