ช่วงวินาทีนั้นจอมภูก็ถอนหายใจอย่างหนักหน่วงลุ้นตาม พอสักพักถนนโล่ง
มอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวจึงแล่นพรวดเข้าไปทันที รถแท็กซี่มีรถเก๋งจะเลี้ยวเข้าไปในซอยเช่นกัน กั้นหน้า แต่ก็ขับแล่นตามมาติด มองเห็นมอเตอร์ไซค์วินคันเดียว แล่นผ่านถนนในซอย
ชะลอหยุดที่ตรงลูกระนาด ในที่สุดตามมาทัน จอมภูพยายามเบี่ยงหลบเพื่อไม่ให้มณีรัชดามองเห็นร่างเขา
ทีนี้เห็นชัดแล้ว เกือบท้ายซอยนี่เอง ที่หล่อนลงจากรถแล้วควักเงินจ่ายค่าโดยสาร หนุ่มมอเตอร์ไซค์ตีรถกลับ
รถแท็กซี่ตามคำสั่งของชายหนุ่ม จอมภูกวาดสายตาเมื่อเห็นหญิงสาวก้าวเข้าไปในบ้านที่เป็นลักษณะทาวเฮาส์ ค่อนข้างเก่า มีรั้วอัลลอยด์แบบเก่า หล่อนก้าวเข้าไปในประตูเล็ก
ทีนี้รู้แล้วอยู่บ้านหลังนี้นี่เอง จอมภูบันทึกภาพลงสมอง
คนขับเอ่ยถามอีกครั้ง
“ว่าไงครับ คุณ จะลงตรงนี้หรือเปล่า”
จอมภูสั่นหน้า
“ไม่ครับ ผมแค่รู้ก็พอแล้ววันหลังจะตามมาที่นี่เองกลับเถอะไปส่งผมที่”
จอมภูบอกเส้นทางกลับบ้านที่เป็นคฤหาสน์หลังงามแถวถนนศรีนครินทร์หัวหมาก แต่ลืมไปว่ารถคันหรูตัวเองก็เอามา ด้วยเช่นกันหากแต่เขาจอดหลบไว้ที่อาคารจอดรถของ บริษัท เพื่อนแถวสีลมเพิ่งฉุกใจคิดขึ้นได้
“เฮ้ย นี่ ผมจำได้ว่าเอารถมาเหมือนกัน อยู่ที่อาคารสำนักงานสีลม ตายจริง เกือบลืม วานลุงช่วยไปส่งผมที่นั่นก่อน”
คนขับตามใจผู้โดยสารอย่างเขาทันที และพอไปที่อาคารของเพื่อนจอมภูควักเงินค่าโดยสารแถมทิปด้วย ค่ารถประมาณ สองร้อย เขาให้ทิปเพิ่มอีกหนึ่งร้อยจากนั้นก็ผลุบหายเข้าไปข้างใน
**************
เมื่อสถากรเพื่อนรักนั้นทักขึ้น
“เฮ้ย นี่ นายไปไหนมาวะไอ้เสือท่าทางเหมือนคนหอบเหนื่อยกลับมา” สถากรจ้องหน้าเพื่อนแล้วรู้สึกขำ
“แกไม่ต้องถามหรอกว่ะ มีธุระนิดหน่อยและฉันต้องติดตามเรื่องนี้ เพราะมันสำคัญ”
จอมภูจ้องหน้าเพื่อนอย่างหมั่นไส้เบรกห้ามด้วยการยกมือไว้เพราะคนเพิ่งมาถึงรู้สึกเหนื่อย ไม่อยากจะตอบอะไรทั้งสิ้น
แต่สถากรที่แหย่เพื่อนรักก็ถามอีก
“เอ้า ใครกันวะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แล้วมันจำเป็นมากแค่ไหนสำหรับแกล่ะ”
สถากรยิ่งแหย่เพื่อน และเขาก็กลับตามเซ้าซี้เพื่อที่อยากจะรู้อีก ทำให้เพื่อนสนิท แสนรำคาญใจอย่างยิ่ง แต่ก็เอ่ยตอบ
“หล่อนเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยหรือไม่สวย ก็ตาม แต่ก็ทำให้น้องชายของฉันนั้นมันหลงหัวปักหัวปำแล้วล่ะ สัญญาว่าจะแต่งงานด้วย นี่ ฉันไม่ยอมนะ ที่ไอ้พลทำแบบนี้ เพราะน้องชายของฉันมีคนที่เหมาะสมที่คุณแม่แล้วก็ฉันหาให้แล้ว ฉันเลย ต้องมาจัดการกับผู้หญิงคนนี้ให้เลิกยุ่ง กับน้องชายของฉันเสียที”
“แล้วได้ผลไหม? หล่อนเลิกยุ่งหรือเปล่า”
“เปล่า ยังไม่ได้ตกลงทำอะไรทั้งสิ้น รอโอกาสหน้า แต่ฉันสะกดรอยไปเพื่อให้รู้จักบ้านเท่านั้น”
“แล้วนายจะทำอะไรต่อไปอีกล่ะ จะรุกคืบติดตามหล่อนหรือไง”
“ใช่ล่ะนั่นคือแผนการขั้นเด็ดขาด”
เขาพยักหน้าตอบเพื่อน
“ที่จะทำให้ผู้หญิงคนนี้เลิกยุ่งเกี่ยวจากน้องชายของฉันให้ได้ เพราะว่าฉันกลัวว่า หล่อนจะเข้ามาปอกลอกเจ้าพลมากกว่า”
จอมภูชี้แจงพร้อมประกาศลั่นกับเพื่อนสนิท
สถากรจึงเห็นหัวสมองปัญญาอ่อนของเพื่อน ที่เอาเวลามาใส่ใจเรื่องนี้ คงจะเป็นเรื่องสำคัญของมันนั่นล่ะ เขาไม่อยากขัดคอ ท่าทางตั้งหวังและมุ่งหวังเหลือเกินนี่
เมื่อหล่อนกลับมาถึงบ้าน น้าสาวของหล่อน ไพจิตร กับรัชนีมารดาก็ทัก “อ้าวยัยณี กลับมาแล้วหรือ”
มณีรัชดาเงยหน้าสบสายตาทั้งมารดาและผู้เป็นน้าที่กำลังสาละวนและยุ่งอยู่หน้าเตาเพื่อทำขนมขายในวันพรุ่งนี้ มีการเตรียมแป้งเพื่อทำขนมครองแครง และนวดแป้งเพื่อปั้นขนมบัวลอย รวมทั้งเส้นรวมมิตรสิงคโปร์ที่ว่างเมื่อไหร่มณีรัชดา เป็นต้องเข้าไปช่วยทุกครั้ง
นี่เป็นอาชีพของครอบครัวถือว่ายังหาเช้ากินค่ำ แต่เป็นอาชีพที่สุจริตและต้องขยัน ดังนั้นฐานะทางครอบครัวของมณีรัชดาถือว่าเป็นชนชั้นล่างที่พ่อแม่ต้องลำบากในการหาเงินเพื่อจุนเจือ เมื่อจบการศึกษาอย่างนี้แล้ว
มณีรัชดาจึงอยากแบ่งเบาภาระของครอบครัว ด้วยการเริ่มต้นหางานทำเสียที การเรียนนั้นคือความยากลำบากอย่างหนึ่ง ที่เธอมุ่งมั่นเพื่ออนาคตและบัดนี้มณีรัชดาทำตามความฝันสำเร็จมีแต่งานที่ต้องสมัครอีกรอบ
นางรัชนีรู้สึกดีใจแทนลูกสาวมณีรัชดาเลือกคณะบริหารธุรกิจเพื่อจบมาจะได้สมัครงานในตำแหน่งพนักงานบัญชียิ่งในละแวกนี้ต่างพากันชื่นชมถึงความอุตสาหะ บากบั่นฝ่าฟันจนกระทั่งคว้าปริญญามาให้พ่อแม่เชยชมสมใจ
แต่มณีรัชดาบอกกับตัวเองว่าตั้งแต่เธอเรียนในมหาวิทยาลัย เป็นการเรียนที่ยากและเหนื่อยสุด ครั้นเธอออกมาทำงานแล้ว ก็วาดหวังถึงงานที่จะสุขสบาย แต่มณีรัชดายังไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก
เพราะเธอได้รู้รสชาติจากการตระเวนสมัครงานแล้วทั้งแดดที่แผดเปรี้ยง แต่บอกตัวเองว่าต้องอดทนอย่างเดียว หากว่าภูวพลได้นัด เพื่อพบกับหล่อน
และหล่อนนึกถึงเขาในภาพความรู้สึกคิดอย่างเดียวว่าภูวพลเป็นคนดี น่ารัก เขาสุภาพเหมาะที่หล่อนจะฝากอนาคตทั้งกายใจให้เขา
หากทว่ามันก็ต้องมีเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน มณีรัชดาเป็นคนที่ไม่อยากใฝ่ฝันเกินตัว แค่ฐานะของหล่อนกับเขามันก็ต่างชั้น แต่ถ้าภูวพลรักเธอ และพร้อมที่พิสูจน์ทำให้เป็นไปได้
มณีรัชดาก็คล้อยตาม ให้เขาพิสูจน์จริงเถอะว่า เขารักหล่อน โดยไม่เกี่ยวข้องกับครอบครัวเขา อย่างที่บอกว่า ถ้ากัดก้อนเกลือกินกับเขา หล่อนก็ยอมเพราะว่านี่คือรักแท้
ดังนั้นมณีรัชดาจึงขอตัวกับมารดา
จะเข้าห้องเพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายอาบน้ำ เพราะในวันนี้รู้สึกล้าไปหมด แล้วจะลงมากินข้าวกับทุกคน
ในห้องหับส่วนตัวกว้างขวางพอสมควรสำหรับหล่อน
ที่นอนอยู่คนเดียวนางรัชนีเองก็พอรู้ว่าลูกสาวกลับมาด้วยอาการที่เหน็ดเหนื่อย
จอมภูก็เดินทางกลับมาถึงบ้านอีกครั้ง ในเวลาหนึ่งชั่วโมงต่อมาขณะนั้นเวลาคืบคลานและปาเข้าทุ่มครึ่งพอดี
โดยที่วางสีหน้าราบเรียบ เมื่อจ้องใบหน้าเข้มเบนส่งไปหาน้องชายที่อารมณ์กำลังดีด้วยการหยิบกีต้าร์ตัวโปรด ภูวพลแทบไม่รู้สักนิดว่าพี่ชายจ้องด้วยสีหน้าเข้ม เพราะเจ้าตัวกำลังฮัมเพลงคลอไปด้วยการใช้มือที่ไล้เกาขึ้นลง อย่างคนที่อารมณ์เปรมปรีดานักหนา แต่คนที่กระฟัดกระเฟียดนักคือพี่ชายคนโตซึ่งรู้ดีที่สุดและยังคงสนใจกับเสียงเพลงและอารมณ์มันของตนเอง จนแทบไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองพี่ชายเพื่อตอบ ขณะที่จอมภูส่งคำถามเข้มขึ้นมา “วันนี้แกออกไปไหนมาทั้งวัน นายพล” ภูวพลนั้นความที่อารมณ์จดจ่อกับเสียงเพลง จึงไม่ได้เงี่ยหูฟังและสนใจพี่ชาย จนร่างสูงของพี่ชายเดินเข้ามาตะคอกใส่เสียงดัง “นี่นายพล แกได้ยินฉันพูดหรือเปล่า วันนี้ทั้งวันแกไปไหนมา” เห็นสีหน้าตึงขึงขังของพี่ชายทำให้ภูวพลนิ่งครุ่นคิดเมื่อตาคมปลาบของพี่ชายพุ่งตรงมาพร้อมคำถามเขามีความรู้สึกว่าพี่ชายเข้ามาขัดจังหวะนัก แล้วทำไมต้องตีสีหน้ายักษ์ใส่รุนแรงเหมือนเขาทำความผิดอย่างนั้นเกิดข้อกังขาในใจของภูวพล “ทำไมครับพี่ใหญ่สนใจด้วยหรือว่าผมจะไปไหนมาไหน” เลยเกิดอยากกวนพี่ชายเมื่อเห็นเขาอารมณ์เครียดสีหน้าตึงก็อยากจะเย้าแ
ยิ่งน่าคิดเหมือนกันว่าพี่ชายของเขาคาดเดาได้อย่างไร ว่าแฟนสาวของเขาคือใคร แน่นอนภูวพลไม่เคยเปิดปากบอกใครเรื่องนี้สักนิด จึงตั้งใจเป็นครั้งแรกด้วยความกล้าหาญแบบลูกผู้ชายคือต้องบอกกับบิดาและมารดาให้ทราบเสียก่อนว่าเขาจะมีแฟน แค่นี้ล่ะเหมือนเกริ่นบอก เขาคิดว่าพี่ชายคงไม่รวดเร็วที่จะชิงบอกในเรื่องนี้ มันเรื่องของเขาเองแท้พี่ชายก็ยุ่งไม่เข้าท่าภูวพลไม่ค่อยพอใจพี่ชายยิ่งนัก อารมณ์เขายังปั้นปึ่งอยู่ ยิ่งพูดถึงหน้าพี่จอมภู เขาไม่อยากนึกและเอ่ยถึงสั่นไหม? ยอมรับกับตัวเองเหมือนกันเมื่อกล้าเข้ามาหาบิดา และหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าสูดลมหายใจเข้าปอดสักหน่อย เพื่อเรียกกำลังที่เข้มแข็งของตนเอง ก่อนจะกระแอมในลำคอเพื่อให้รู้ว่าเขามีจุดประสงค์บางอย่าง เพื่อให้บิดารับรู้ นายภาสเงยสายตาขึ้นมองละสายตาจากหนังสือพิมพ์รอบเช้าในมือ ขาประจำก่อนเอ่ยถาม “อ้าว เจ้าพลนี่เอง มีอะไรจะคุยกับพ่อหรือยังไงแกถึงเดินมาที่นี่” เพราะปกตินั้นนอกจากภูวพลจะตื่นสายแล้วไม่ค่อยกรายย่างมาที่โซฟารับแขกสักเท่าไร เขามักจะเลี่ยงเข้าครัวเพื่อหาอะไรดื่มทานไปตามประสา พวกอาหารเสริมยามเช้าบ้าง นมอุ่นๆที่ค
เมื่อมันอักเสบชอกช้ำรุนแรงมันก็ยังทิ้งแผลที่เพียงตกสะเก็ด กับรอยแผลเป็น ทำให้เขามองความรู้สึกในอดีตอย่างเจ็บเคืองจึงพยายามปรับเปลี่ยนสีหน้า ทำให้ดูเป็นปกติ ด้วยการหันใบหน้าคมคายหล่อเหลายิ้มให้กับมารดา “อากาศยามเช้านี้สดใสเหลือเกิน ไม่มีอะไรมากครับ ผมแค่อยากจะไปทำงานช้าสักวันหนึ่ง แต่ไม่สายหรอกนะครับ เพราะเดี๋ยวผมจะไปแล้ว” ประหลาดใจในคำพูดและกิริยาของบุตรชาย แต่ถึงอย่างไรเธอก็วางเงียบ แต่ก็อดตอบไม่ได้ “ยังงั้นหรือ แม่ก็นึกว่าจะไม่สบายเสียอีก หน้าตาของลูกสองวันมานี้ก็ดูเซียวซูบเหลือเกิน เหมือนคนไม่ได้นอนเต็มที่แม่ก็อยากจะให้ถนอมสุขภาพให้มากๆหน่อย อย่างไรก็ตามลูกก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงคนหนึ่งในฐานะพี่ชายของน้อง” เขาพยักหน้าเป็นคำที่น่าฟังอย่างยิ่งแก่มารดา ที่ประโลมเข้าไปในหัวใจของเขา ทำให้เขาเข้าใจหน้าที่แท้จริงของคนเป็นพี่ จากนั้นคุณภวานันท์ขอตัวก้าวไปทางอื่น เห็นเดินออกทางประตูหลังบ้าน คงเข้าไปในสวน ส่วนจอมภูนั้นก็เป็นเวลาพอดีที่เขาจะก้าวเท้าตรงไปที่โรงจอดรถกลับปะทะสายตาคนที่เดินตรงมาเหมือนกัน ดวงตามันดุ เหมือนไม่พอใจอย่างยิ่ง เลยเอ่ยทักก่
“สุดซอยบ้านของฉันไง มันมีลานโล่งวะเอาเสื่อไปปูด้วย ตรงนั้นเป็นบ้านร้าง ติดคลอง ดีซะอีกไม่มีคนรบกวน” ภูวพลเห็นว่าเข้าท่าเหมือนกัน เลยตกลง เลือกเอาสถานที่ซึ่งเป็นท้ายซอยติดคลองมีดงโสนกับกอผักบุ้ง และกระท่อมร้างที่เหมาะเจาะสำหรับนั่งเล่นกีร์ต้าร้องเพลง ใจของฐานะยศคิดโลดแล่นไปไกลเพราะเขาอยากจะเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงได้บันทึกเสียงวันนี้ภูวพลจึงขอทำใจสงบสักวัน แล้วเขาต้องแบกตัวเองไปพบกับปัญหาทางบ้าน ปัญหาการกีดกันทางรักที่แก้ไขไม่ได้ซักที เมื่ออยู่ในโลกส่วนตัวเช่นนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองสงบ ปล่อยใจไปกับการจินตนาการผ่านอารมณ์เสียงที่เปล่งเป็นธรรมชาติจากกระบังลมผ่านลำคอ เขาพยายามที่จะฝึกออกเสียงร้องเพลงที่ถูกต้อง ตามการร่ำเรียนจากรุ่นพี่ที่พอจะทราบบ้างว่า การร้องเพลงที่ถูกต้องนั้นร้องแบบไหนรวมทั้งการฝึกวอร์มเสียง ทำให้เสียงเกิดพลัง สำหรับภูวพลหรือพลก็คิดถึงเช่นกัน มณีรัชดาไงแม้ว่าจะฮัมเพลงในขณะนี้จิตใจยังไพล่ไปนึกถึงแฟนสาวแสนสวยนั่นจนได้ฐานะยศก็มองออกและเขาไม่ได้ว่าเพื่อนหรือเย้าแต่อย่างใด อาจจะเป็นเพราะว่าเขารู้ว่าเพื่อนคนนี้เจอแรงกระทบรอบด้านมามากเ
“คุณเนี่ยนะ มาเดินเล่นที่สวนลุม” มณีรัชดาเริ่มสีหน้าไม่พอใจบ้างนี่มันเรื่องของหล่อน แล้วแววตาของหล่อนบึ้ง ทำไมล่ะเขามากักกันสิทธิ์ของหล่อนหรือยังไง จึงย้อนถาม “ทำไมคะผู้หญิงเข้ามาเดินสวนลุมเป็นยังไงหรือ ผิดด้วยหรือคะ” “มันดูไม่ดี เขาจะกล่าวหาว่ามาอ่อยเหยื่อล่อเอ้อ ดักผู้ชายแถวนี้ไงครับ”เขาต้องหนีบความสุภาพเอาไว้ก่อนวาจาร้ายแดกดันคอยเอาไว้ใช้เฉพาะยามที่ต้องการแค่นี้ ต้องการให้นางสมันน้อยตายใจก่อน มณีรัชดาแปลกใจกับผู้ชายคนนี้ เหมือนเขาประชดหล่อน หากแต่หล่อนไม่สนใจหรอก แค่คนแปลกหน้าที่เผอิญมาพบเจอกันครั้งที่สอง “คุณคงทำงานอยู่แถวนี้ แต่มีเวลาเหลือเฟือมาเดินเล่นหรือคะ” “เป็นเพราะผมนัดลูกค้าเอาไว้ แต่ยังไม่ถึงเวลานัดครับ”เขาจำใจปดหล่อน มณีรัชดาก็มีสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อนักหรอก หากแต่ก็พยักหน้า “ค่ะคุณเลยมีเวลาว่างถมเถ” วาจาหล่อนย้อนเหน็บก็ไม่เบานี่ “แล้วคุณล่ะ ทำงานที่ไหนครับ” “เอ้อฉันตกงานอยู่ค่ะ”มณีรัชดาหันมาตอบเขา“ “ยังหางานทำไม่ได้”ตอบแล้วก็เบือนหน้าไปทางอื่นชายหนุ่มทราบแต่เขาก็เอ่ย
เห็นเพื่อนสีหน้าตึงอย่างนี้ จตุทิศเอ่ยพร้อมกับขมวดคิ้ว “งั้น ก็เท่ากับหล่อนจะกลายเป็นว่าที่น้องสะใภ้ของนายล่ะสิ” เลยทำให้อีกฝ่ายกลับเหยียดริมฝีปากบิดเบ้ใต้กรอบดวงหน้าคมคายหล่อเหลา จนเพื่อนรับรู้เมื่อเขาย้อนคำเหยียด “เป็นน้องสะใภ้นะหรือ เฮอะ ฝันไปไกลแล้วมั้ง ไม่มีทาง ฉันนี่ละ จะกีดกันผู้หญิงคนนี้ทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้เข้าใกล้น้องชายฉัน” และจอมภูก็เผลอเสียงเข้มประกาศออกมาให้เพื่อนช่วยรับรู้ ครั้นเมื่อจตุทิศรู้ว่าอารมณ์ที่ฮึดฮัดของเพื่อนรักในยามนี้นั้นมันประจุด้วยไฟแค้นที่โชนลึกในดวงตายามแสดงออกมาแววตาเขาแดงก่ำและ ถมึงทึง “หล่อนชื่ออะไร” “มณีรัชดา” “ชื่อเพราะนี่”เพื่อนรักนึกชม “ชื่อเพราะ แต่จิตใจไม่เพราะเหมือนชื่อก็ได้..พอเห็นน้องชายฉันมีเงินก็เอาตัวเองมาหว่านเสน่ห์ใกล้ๆแต่นายรู้มั๊ยฉันมีแผนแล้ว” หันมาตอบเพื่อนแล้วมุมฝีปากขยับยิ้มเหยียด ก่อนหรี่ดวงตาหันมามองเพื่อนอีกครั้ง “ฉันจะให้เจ้าดลช่วย” ทำให้เพื่อนสนิทเลยอุทานออกมา “เฮ้ยไอ้ดล นั่นถนัดภาพนู้ดนะเว้ยจอม” จอมภูยังเอ่ยตอบสีหน้าเ
ฮึ ทำให้หนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่นั้นเดือดจัด ด้วยดวงตาที่วาวเข้มที่น้องชายคนเดียวนั้นก็ไม่เชื่อฟัง หลงมืดมัวถลำบอดไปกับความรักของมัน ฮึ ความรักที่กัดก้อนเกลือกินของทั้งคู่นะสิ หากแต่จอมภูกลั้นใจทนฟังต่อ และกายไม่เคลื่อนไหวใดอันจะทำให้น้องชายจับผิดได้เพราะเขาก็ซุ่มตัวอยู่เงียบๆในเวลานี้ “พลแทบจะคิดถึงณีมากนี่ คิดถึงจนลมหายใจเข้าออกเลยนะเอ้อนี่ถามณีหน่อยเรื่องสมัครงาน เขาโทร.มาตามอีกบ้างหรือเปล่า” เมื่อภูวพลเอ่ยถามเรื่องนี้ มณีรัชดาเงียบไปครู่และหม่นลงด้วยสีหน้าที่ผิดหวังขึ้นมา “ยังจ้ะ ไม่เห็นเรียกตัวเลยสักที่” คำตอบของแฟนสาวทำให้เขาเงียบไปครู่ก่อนจะให้กำลังใจ “ก็พลบอกณีแล้วว่า จะช่วยหาให้ บริษัทเพื่อนของพ่อ ณีก็ไม่เอา เห็นไหม อวดเก่งกับความสามารถของตัวเองนัก สุดท้ายก็ไม่ได้งาน” เขาบ่นที่มณีรัชดายึดมั่นถือมั่นในตัวเองมากเกินไปจนชวดงาน EP 6เพราะหล่อนอยากหาด้วยตัวเอง หญิงสาวคิดเช่นนั้น “พลเคยบอกแล้วให้เชื่อพลแล้วก็ใจอ่อนเสีย บริษัทเพื่อนของพ่อพลมี แต่ณีก็ใจแข็ง” ใช่หล่อนยอมรับว่าหล่อนดื้อในเรื่องนี้ เพราะไม่อยากพึ่งเขา
จอมภูก็ยังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียวอีกครั้ง แม้น้องชายจะเอ่ยธุระจบ สีหน้ายิ้มแย้มเหมือนสุขใจ หากแต่เขาผู้เป็นพี่ชายกลับหน้าตึง หรี่ดวงตาเงยมองน้องชาย “นี่แกจะออกไปไหนอีก.. ออกไปข้างนอกหรือเปล่า” จอมภูเอ่ยเสียงเข้มแววตาหมิ่นเยาะไปยังน้องชาย ภูวพลสะบัดเหมือนจะไม่แคร์สนใจในสิ่งที่พี่ชายเอ่ย เขายังทำตัวผ่าเผยยักไหล่แบบไม่แคร์ ก้าวเดินหนีอีก “นี่ ฉันถามแกดี..แกจะออกไปไหนอีก แล้วเมื่อกี้ใครโทร.มาหาแก” “ธุระของผม มันเป็นเรื่องส่วนตัว จะออกไปไหนหรือไม่ออก ผมเคยบอกแล้วว่า พี่ใหญ่อย่ามายุ่งกับชีวิตของผม”เขาก็เสียงเข้มเอ่ยโต้กลับไปทันควัน แสยะใบหน้าใส่อย่างไม่พอใจ จนจอมภูนึกเดือดดาลยิ่งนักกับท่าทีแข็งกระด้างของน้องชาย ทั้งที่เขาแอบฟังคนทั้งสองสนทนา แต่ก็อยากจะรู้ลึกลงไปกว่านั้น “ฮึ นี่นะ ถ้าแม่กับพ่อไม่ฝากให้ฉันดูแลแกล่ะก็ จ้างให้ฉันก็ไม่แยแสเลย ว่าแกนั้นจะตกนรกหมกไหม้ยังไงก็เชิญ เพราะแกมันดื้อ ไม่เคยเชื่อฉัน” นับว่าเป็นคำพูดที่ร้ายกาจทิ้งขว้างและไม่ไยดีพอสมควรสำหรับคนเป็นพี่ชาย เมื่อเขาเอ่ยถึงน้องชาย หากคนฟังนั้นใจเจ็บแปลบ