จอมภูก็ยังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียวอีกครั้ง
แม้น้องชายจะเอ่ยธุระจบ สีหน้ายิ้มแย้มเหมือนสุขใจ
หากแต่เขาผู้เป็นพี่ชายกลับหน้าตึง หรี่ดวงตาเงยมองน้องชาย
“นี่แกจะออกไปไหนอีก.. ออกไปข้างนอกหรือเปล่า”
จอมภูเอ่ยเสียงเข้มแววตาหมิ่นเยาะไปยังน้องชาย
ภูวพลสะบัดเหมือนจะไม่แคร์สนใจในสิ่งที่พี่ชายเอ่ย เขายังทำตัวผ่าเผยยักไหล่แบบไม่แคร์ ก้าวเดินหนีอีก
“นี่ ฉันถามแกดี..แกจะออกไปไหนอีก แล้วเมื่อกี้ใครโทร.มาหาแก”
“ธุระของผม มันเป็นเรื่องส่วนตัว จะออกไปไหนหรือไม่ออก ผมเคยบอกแล้วว่า พี่ใหญ่อย่ามายุ่งกับชีวิตของผม”
เขาก็เสียงเข้มเอ่ยโต้กลับไปทันควัน แสยะใบหน้าใส่อย่างไม่พอใจ
จนจอมภูนึกเดือดดาลยิ่งนักกับท่าทีแข็งกระด้างของน้องชาย ทั้งที่เขาแอบฟังคนทั้งสองสนทนา แต่ก็อยากจะรู้ลึกลงไปกว่านั้น
“ฮึ นี่นะ ถ้าแม่กับพ่อไม่ฝากให้ฉันดูแลแกล่ะก็ จ้างให้ฉันก็ไม่แยแสเลย ว่าแกนั้นจะตกนรกหมกไหม้ยังไงก็เชิญ เพราะแกมันดื้อ ไม่เคยเชื่อฉัน”
นับว่าเป็นคำพูดที่ร้ายกาจทิ้งขว้างและไม่ไยดีพอสมควรสำหรับคนเป็นพี่ชาย เมื่อเขาเอ่ยถึงน้องชาย
หากคนฟังนั้นใจเจ็บแปลบ แต่จะทำอย่างไรได้ ทิฐิมันหนักและแน่นกว่า เลยตะบึงตะบอนดื้อดึงตามประสา และอยากเอาชนะพี่ชายจอมบงการตลอดเวลา เพราะเขาคิดว่าเขาโตแล้ว เขาต้องการอิสระ เขาไม่ใช่เด็กอมมือ
“ก็เลิกสนใจชีวิตของผมเสียที แล้วพี่จะทำอะไรก็ไปทำเถอะ” เอ่ยแล้วหรี่ดวงตามองพี่ชายบ้าง
“จะหาแฟนเพื่อหมั้นแต่งเป็นสะใภ้ของพ่อแม่ ก็รีบหาไป..เดี๋ยวเถอะจะชวด กลายขึ้นคานเมื่อไหร่จะรู้สึกอายุพี่ก็มากขึ้นแล้ว”
นั่นกลับกลายเป็นว่าเจ้าน้องชายกระแทกเสียงผ่านมาทางเขา
เมื่อจอมภูฟังน้องชายแล้ว ก็สะอึกเหมือนกัน จนเขากัดฟันขบแน่น
“นี่ แกก็เหมือนกันนะ และไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน ฉันเป็นพี่แก ไอ้พล ไม่ใช่น้อง” เสียงเข้มตะคอกดังอีก
“ใช่ผมรู้ แต่ผมไม่อยากได้นักปฎิวัติบ้าอำนาจอย่างพี่ เป็นพี่ชายหรอก ที่เอะอะก็ตะคอกชี้หน้าสั่งตามใจชอบ”
ดูเหมือนภูวพลท้าทายอวดดีกับเขามากเกินไปแล้ว ถ้ามันไม่ใช่น้องชายคนเดียวเขาก็จะไม่คิดจะแยแสสักนิด
จอมภูจึงทำได้เพียงอย่างเดียวคือเบี่ยงตัวเองผลุนผลันออกไปจากที่นั่นเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะคารมที่ดูเหมือนจะบานปลายรุนแรงไปมากกว่านั้น
เขาถอนหายใจอีกครั้ง มันคงเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นแน่ ที่เสี้ยมสอนให้น้องชายของเขานั้นแข็งกร้าว มึนตึงใส่ แล้วก็เถียงคำชนิดไม่ตกฟาก..มันกำลังตาบอดเพราะความรัก
เขาอยากจะพิสูจน์เหมือนกันว่าผู้หญิงคนนั้น หล่อนจะรักน้องชายของเขาจริงหรือเปล่า
ฝ่ายน้องชาย คือภูวพลก็ถอนใจออกมา เมื่อรู้สึกตัวเองเพราะคราวนี้เขาโต้คารมเถียงกับพี่ชาย ภูวพลไม่ค่อยที่จะใช้อารมณ์แบบนี้กับพี่ชายสักเท่าไหร่
ถ้าหากเขาไม่เหลือทนนั่นเพราะความยำเกรง แต่นี่ที่เขากล้าโต้ฝีปากข้นๆสดๆ คิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมเขาจะต้องมาหงอพี่ชายด้วย
แม้จะเป็นคำสั่งของบุพการี แต่เขาก็ควรจะมีขอบเขตในการดและตักเตือนว่ากล่าวสั่งสอนน้อง ไม่ใช่ ว่าพอมีอำนาจ ก็ใช้อย่างเต็มที่และควบคุมให้เขาอยู่ในมือ
นั่นมันเผด็จการชัดๆ และนี่มันยามดึกแล้ว ภูวพลก็คงไม่ออกไปไหนหรอก นอกจากเข้าไปนอน เพื่อให้หลับฝันดี ฝันถึงสาวสวย ที่ชื่อ มณีรัชดาของเขาอีก
จอมภูยังครุ่นคิด ผู้หญิงคนนั้นทำให้น้องชายของเขายืดอก และเอ่ยปากกล้าต่อกรท้าทายพี่ชายอย่างเขา
ภายในห้องเมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจอมภูยังปากคอสั่น นึกถึงภาพกลางวันเมื่อช่วงที่ผ่านมา ถือว่าได้สักประมาณสองสามวัน ที่ผ่านมา
ครั้นเมื่อเจอหล่อน เขานั้นไม่ได้มองหล่อนที่ความสวย แต่มองถึงจิตใจสกปรก ที่คิดใฝ่สูง อยากจะจับลูกชายมหาเศรษฐีมากกว่า
เพราะตัวหล่อนเองมีบ้านเหมือนอยู่ในสลัมหรือเรียกให้ดีหน่อยก็เป็นชุมชนค่อนข้างแคบเป็นบ้านเช่า
อาชีพหาเช้ากินค่ำ ทำขนมขาย
จอมภูคิดอย่างนั้นเพราะเขาเดาเอาว่านี่เองเป็นเหตุผลของความทะเยอทะยานของหญิงสาวชนชั้นรากหญ้าคนนั้น ที่ไม่มีสมบัติพัสถานเหมือนผู้ดีมาแต่กำเนิดอย่างเช่นน้องชายของเขา
ดังนั้นหล่อนถึงต้องใช้วิธีแบบนี้ เพื่อให้ตัวเองมีหน้ามีตาในสังคม และครอบครัวก็ลืมตาอ้าปากได้ เป็นการชุบตัวเองจากสลัมเป็นผู้ดี ฮึ
นึกหรือไงว่า จอมภู จะรู้ไม่เท่าทันผู้หญิงพวกนี้ เพราะรู้เท่าทัน เขาจึงดักหล่อนเอาไว้ก่อน
ในรุ่งเช้าของอีกวัน จอมภูตื่นแต่เช้า เพื่อที่จะทำธุระบางอย่าง เพราะว่าเขานั้น รอคอยหล่อนเนิ่นนาน จนแล้วจนรอดทั้งคืนก็ตาม หล่อนก็ไม่โทร.กลับมาหาเขา ด้วยซ้ำ
มันเลยทำให้เขาต้องเดินออกจากบ้าน ตรงไปยังตู้โทร.สาธารณะ เพราะมันกลบเกลื่อนพิรุธและปิดบังได้ดีกว่าจะใช้เครื่องมือถือของตัวเอง
และที่สำคัญสำหรับจอมภูแล้ว เขาคิดว่ามันเนียนที่สุด
หล่อนคงไม่เป็นแม่สายบัวนอนเก้อ เพราะนี่มันสายแล้ว ตามประสาคนที่ไม่มีการงานซึ่งมันต้องกระวีกระวาดกระกระปรี้กระเปร่า
นี่เวลาแปดโมงครึ่งแล้ว หล่อนอาจจะคิดว่า เป็นเบอร์ของทางบริษัทที่สนใจเรียกตัวหล่อนเข้าไปทำงานแล้วก็เป็นได้
นั่นจอมภูก็ตระเตรียมแผนการเอาไว้แล้ว เป็นบริษัทเพื่อนสนิท เป็นเพราะเขาเตี้ยมไว้กับจราดลแล้ว ว่ามีนางแบบนู้ดใจถึงคนใหม่สมัครงานเข้ามาผ่านเขา
ส่วนถ้าสำเร็จ เขาก็จะขับรถตรงดิ่งไปรอทันที พร้อมกับดีดนิ้วเปาะแล้วฟังเสียงรอสายจากโทร.ของหล่อน แต่รู้สึกชวนหงุดหงิดรำคาญใจเหมือนกัน รับเสียทีสิ เขาต้องการให้รับหล่อนเดี๋ยวนี้
เขามันใจร้อน..เพราะจอมภูวางแผนการแล้วนั้น เขาอยากจะให้มันสำเร็จ
ส่วนมณีรัชดาหล่อนก็ฉุกคิดเหมือนกัน ในขณะนี้หญิงสาวเพิ่งอกมาจากห้องน้ำ แต่กลับมีเสียงโทร.ดังขึ้น
ในครั้งแรกนั้นหญิงสาวไม่ได้ยินเพราะใช้แบบตั้งสั่น
ครั้นพอเข้าไปดูใกล้ๆ ที่มือถือซึ่งปรากฏมีเบอร์โทร.เข้ามา และในขณะที่หล่อนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อที่จะออกไปข้างนอกอีกครั้ง ก็มีมือถือดังขึ้นอีกครั้ง ด้วยอารามดีใจ ก็ทำให้เธอรีบคว้าเข้ามาแนบหูเอ่ยถามทันที “มณีรัชดาพูดค่ะ จากไหนคะ” หากว่าเสียงนุ่มทุ้มตอบด้วยอารมณ์ดีใจที่หล่อนยอมรับสาย และโดยไม่ทำให้เขานั้นหน้าหงิกหน้างอหงุดหงิดอย่างเมื่อครู่ “ผม วิภัส ครับ คนที่คุณพบเจอเมื่อตอนกลางวันที่สวนลุม สักสามวันได้แล้วครับ เอ้อ โทร.มาสอบถามว่า คุณสนใจที่จะทำงานตามนามบัตรที่ผมระบุไว้มั๊ยครับ” เสียงนุ่มทุ้มที่เคยคุ้น อ๋อหล่อนจำได้แล้วใจหล่อนแฟบลง นึกว่าฝ่ายบุคคลของบริษัทที่หล่อนสมัครงานทิ้งไว้โทร.มาตาม เมื่อรู้ว่าเป็นเขา แล้วหล่อนก็ถอนใจ พยายามนึกถึงชายหนุ่มรูปร่างสูงใบหน้าคมคาย ที่มณีรัชดานึกคิดว่า ท่าทางเขาแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ เป็นเพราะหล่อนไม่ไว้ใจนะสิ แต่ก็ยอมเอ่ยพูดด้วย เหตุผลเพราะเขาพูดกับหล่อนดี และน้ำใจของมณีรัชดาคือ หากใครพูดตอบหล่อนมาดี หล่อนก็จะตอบด้วยสิ่งที่ดี อันบ่งบอกถึงมารยาทจากใจ “ค่ะ ดิฉันจำได้ ว่าไงนะคะ จะให้ดิฉันเข้
“คุณมณีรัชดา”สุ้มเสียงนั้นเอ่ยชื่อหล่อนเมื่อหล่อนมาถึงที่นัดหมายด้วยความกล้ากึ่งกลัวในหัวใจ.. แต่มณีรัชดาพยายามจะสลัดอารมณ์เหล่านี้ทิ้ง ถ้าหล่อนมัวแต่กลัว ก็คงไม่ได้งานนะสิ เพราะอยากทำงานมากกว่า ตกงาน “ค่ะ” “ผมจราดลนะครับ ไอ้ภัสเพื่อนผม คงแนะนำแล้วว่า มันบอกผมว่าคุณเต็มใจจะร่วมงานกับเรา งั้นเชิญมาทางนี้ครับ” เขาผายมือเชื้อเชิญมณีรัชดาแต่หล่อนอึ้ง ยังไม่กล้าลุกก้าวตามไป อะไรกันเขาเรียกให้ลุก นี่ หล่อนก็จะลุกแล้วหรือ เนื่องจากหล่อนกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ไม่ดี และกลัวนัก แล้วนี่ ปล่อยให้หล่อนอยู่ตามลำพังกับเขาทั้งสองต่อสองหรือ แล้วผู้หญิง ผู้ชายคนอื่นหายไปไหนหมด หล่อนยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจ เดินตามเขาไปหรอกนะ ยังอึกอักและลังเลใจ “อ้าว ตามผมมาสิครับ.. มัวนั่งอยู่ทำไม” หล่อนอึ้ง จะตอบเขาอย่างไรดี จราดลเลยบอก “ผมต้องเทสต์งาน คุณอย่ากลัวเลยครับ ถ้ากลัวคงไม่ต้องทำงานนี้หรอก ข้างในยังมีช่างภาพ ช่างไฟ อยู่อีกสามสี่คน ช่างแต่งหน้าด้วย เขาเป็นผู้หญิงเหมือนคุณ”แบบนี้มณีรัชดาค่อยถอนใจอย่างโล่งอก ยอมเดินตามเขาไป “
จอมภูคิดในใจเพราะหล่อนใจร้อนจริงๆถ้าไม่สบใจหล่อนและความพึงพอใจของหล่อนก็จากไปทันที..แต่ยังหรอกแผนของเขายังไม่สัมฤทธิ์ และจะไม่ยอมให้หล่อนหลุดจากตรงนี้ไปได้ง่ายหรอก อีกอย่างเพราะเขาทราบมาว่าน้องชายของเขากำลังจะหางานทำให้หล่อนโดยฝากญาติ และคนรู้จักเขาไม่ต้องการให้คนอย่างมณีรัชดาเหยียบเข้าไปทำงานกับเครือญาติของเขา และงานที่นี่ดูจะเหมาะกับเธอ เป็นงานด้านบัญชี หรือเป็นผู้ช่วยพี่สาวของจราดลก็ได้ และอีกอย่างฝ่ายคอสตูมดูแลเสื้อผ้าของนักแสดงหรือเลือกเฟ้นนักแสดงกับปันณชาหากเพราะในเวลานี้ มณีรัชดาไม่อยากจะรอเพราะหล่อนไม่มีความอดทนมากถึงขนาดนั้นยิ่งด้วยเขาทำให้หล่อนอารมณ์เสียและรู้สึกว่ามาเก้อ และถูกหลอกยิ่งได้มาเจอหน้าวิภัสชายหนุ่มที่หล่อนจำหน้าเขาได้ชายหนุ่มหล่อเงยหน้ามองอีกครั้ง เขาพยายามใจเย็นให้มากที่สุดขณะที่สาวสวยตรงหน้า เห็นชัดว่าหล่อนกำลังอึดอัดอย่างที่สุด “เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณเองครับ แต่ขอรับปากว่า คุณได้งานทำแน่ ถ้าหากไม่เลือกมาก” หญิงสาวเงยหน้าหวานคม จ้องเขา ที่ดวงตาของหล่อนนั้นระยับวับวาว “งานอะไรกัน..งานสกปรกที่คุณกับเพื่อนคุณกำลังจะหลอ
จราดลเอ่ยใส่หน้าเพื่อนเขาแทบจะหัวเราะเยาะใส่จราดลในทันที “บ้า ไอ้ดล ตลกแค่คำขู่ผู้หญิงคนนี้ นายก็กลัวแล้วหรือไงสำหรับคนอย่างไอ้จอมภู นะ ไม่โว้ย..ฉันมีวิธีของตัวเอง” “หมายความว่าวะ ที่อยากจะตอแย หาเรื่องหล่อนอีกว่างั้นเหอะ” จอมภูหรี่ดวงตาคม ไปทางเพื่อน เอ่ยเยาะ “ไม่ใช่กงการอะไรของนาย..ฮึหรือว่านายเกิดสนใจ” “แน่นอนล่ะ สวยขนาดนี้ นี่ถ้าไม่มีป้ายแขวนคอติดไว้จากน้องชายของนาย ฉันกระโดดเข้าไปตะครุบแล้ว.. แต่ท่าทางต่อยหนักฤทธิ์เยอะ..แต่ฉันก็ชอบเธอน่าคบหาด้วย”แล้วเอ่ยอีก “นายไปเจอที่ไหนวะ ถึงรู้ว่าเป็นเอ้อ แฟนของน้องชายนาย” “เจอกันครั้งสุดท้ายที่สวนลุม แต่ว่าก่อนหน้านั้น ฉันแอบติดตามสะกดรอยมาสักระยะแล้วเพิ่งรู้ว่าหล่อนตกงาน หางานทำไม่ได้” “อ้าว งั้น เข้าทางพอดีล่ะ ไอ้เสือที่อยากกินลูกแกะอย่างนาย มันก็เข้ามาสวมรอยเสียเลยใช่ไหมวะเพื่อน” “ก็ใช่สิวะ”จอมภูตอบอย่างไม่เห็นมีปัญหาอะไร เขาขมุบขมิบปากยังเข่นเขี้ยวไปถึงสาวสวยที่เพิ่งจากไป หมั่นไส้ด้วยกับท่าทางหยิ่งจองหอง ทั้งที่ฐานะไม่มีอะไรจะเทียบชั้นเขาได้ “หล่อนเป็นประเภท
ท่านจะได้รับทราบว่าเขาเป็นคนที่ไม่ถือตัว และคิดอย่างไรกับมณีรัชดาคนรักลูกหลานของท่าน อีกอย่างครอบครัวของหล่อนจะได้เปิดโอกาสให้เขาและหล่อนคบหากันอย่างเปิดเผยมากกว่าเดิมฃ ในสิ่งที่ภูวพลต้องการ คือไปไหนมาไหนกับหล่อนโดยไม่มีใครกีดกันและขัดขวาง และเขาจะสบายใจอย่างมากถ้าพ่อแม่ของหล่อนเปิดไฟเขียวให้อีกทีนั่นคือความรักของเขา ที่จะขยับไปใกล้กับความสมหวังเข้าถึงทุกขณะซึ่งอยากจะพูดกับมณีรัชดาอีกครั้งว่า เขาอยากจะแต่งงานกับหล่อนให้เร็วอย่างที่สุด คิดว่าจะออกจากบ้านแล้วก็เช่าที่พักอยู่กันตามลำพังสองคน เขาก็สามารถทำได้ ทำเพื่อความรักของเขาและหล่อน ภูวพลฝันเพ้ออีกครั้ง เมื่อมณีรัชดากลับเข้ามาถึงบ้านแล้วนั้น มารดาจึงเอ่ยทัก“อ้าวกลับมาแล้วยัยณี ได้ความว่ายังไงบ้างลูกเรื่องงาน” มณีรัชดายิ้มให้กับผู้เป็นมารดา “ได้จ้ะแม่ คราวนี้ ณีได้งานทำแล้วค่ะ” “เหรอลูก” นางรัชนีกับไพจิตรน้าสาวพลอยตื่นเต้นไปด้วยพร้อมกับละมือที่กำลังคลุกถั่วเหลืองนึ่งใส่แป้งเพื่อทำถั่วแปบ “เอ้อ แม่กับน้าจะได้หายห่วงซะที” “จ้ะแม่ เขาให้ทำวันพฤหัส” ตอบมารดาอย่างอาร
อีกครั้งที่ภูวพลดีใจอย่างมาก ที่เมื่อรับโทร.จากมณีรัชดานั้น แต่หล่อนกลับมาบอกเขาว่า ได้งานทำแล้ว ซึ่งเขาแปลกใจ แม้เขาจะรู้สึกเสียดายอยู่บ้างที่หล่อนไม่ได้เลือกงานในบริษัทของญาติที่เขาคุยตกลงไว้อย่างดิบดี โธ่ บทจะได้ก็ได้เสียปุบปับอย่างนี้ ไม่คาดฝัน “พลอุตส่าห์ไปร้องขอกับคุณลุงนะครับ ให้ท่านช่วยกั๊กไว้ให้ตำแหน่งนึง ก็พอดีมันว่างไง.. นี่ถ้าณีไม่ตัดสินใจเลือก คงแย่ล่ะ เพราะตำแหน่งนี้ต้องมีคนอื่นรับเอาไป” หากแต่มณีรัชดาก็ตอบเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ค่ะ ก็ปล่อยให้เขารับคนอื่นไปสิจ้ะ พล เพราะณีเพิ่งได้งานกะทันหัน และอังคารนี้จะต้องไปทำแล้วล่ะ” ภูวพลถอนใจ แม้จะรู้สึกน้อยใจแกมผิดหวัง แต่ก็ดีใจกับหล่อนเพราะท่าทางน้ำเสียงของมณีรัชดานั้นตื่นเต้นอย่างดีใจ หล่อนคงชื่นชอบกับงานนี้มาก “ว่าแต่งานเกี่ยวกับอะไรหรือณี เห็นท่าทางตื่นเต้นเหลือเกิน” “ค่ะ งานเกี่ยวกับกองถ่ายจ้ะพล เป็นงานที่ณีรู้สึกตื่นเต้น ที่จะได้เห็นคลุกคลีกับพวกดาราละครทีวี” มณีรัชดาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงและดูแจ่มใส ความจริงงานเกี่ยวกับเบื้องหลังที่ใกล้ชิดกับ
“ใช่ครับ ก็ผมรู้ว่ามีเงินเก็บ เป็นเงินก้อน แต่ว่าผมต้องการจะใช้นี่” เพราะว่าเขาดื้อรั้นที่จะเถียงและเอาให้ได้ดั่งใจ เลยทำให้นางภวานันท์ถอนใจ อ่อนอกอ่อนใจยิ่ง เรื่องนี้ถ้าจะเป็นเรื่องหนักเสียแล้วสำหรับนางนี่เกิดอะไรขึ้นกับลูกชาย นางจึงเอ่ยเสียงแข็งอย่างเด็ดขาด “ไม่ได้นะ และแม่จะไม่อนุญาตให้แกไปเบิกเงินสดออกมามากมายขนาดนั้นหรอก เพื่อทำอะไรตามใจแก” และในเวลานั้น สีหน้าของเขาผิดหวังอย่างมาก ด้วยแววตาที่สลด พร้อมกับคำตีโพยตีพายพร่ำออกมาด้วยสีหน้าที่เศร้า “ฮึ อะไรก็ไม่ได้ๆ สำหรับผมทุกทีเลย แต่ทีกะพี่ใหญ่ โน่น ทำไมครับ แม่ถึงคิดประเคนให้มันทั้งหมดเลย อยากได้อะไร ก็ไม่เคยขัดห้ามสักเลยนิด” และเขาทำท่าเหมือนจะร้องไห้มีน้ำตาคลอออกมา “ทีพี่ใหญ่อะไรๆก็ประเคนให้หมด..แล้วผมล่ะผมไม่ใช่ลูกหรือยังไง ผมก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน อยากทำอะไรเพื่อตัวเอง ที่มันเป็นอิสระ เพื่อที่ทุกคนจะได้มองเห็นว่า ผมโตพอแล้วที่จะเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนมองเห็นผมเป็นแค่เด็กอนุบาล” เขาเผลอเกรี้ยวกราดเอากับคุณภวานันท์ที่นางกำลังตกใจใหญ่พร้อมกับสีหน้าตึง
หล่อนตอบ และอีกอย่างไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเขาที่โทร.มาถาม “ที่ผมโทร.มาหาคุณ ก็เพราะความคิดถึงนั่นละครับ”เขาบอกกับพอดีกับที่หล่อนกำลังดึงปลั๊กไฟจากเต้าเสียบออก แต่ก็ต้องอึ้งเพราะคำของเขา คิดถึง คิดถึงหล่อนพูดหวานอีกแล้ว ก็น่าจะรู้ว่าเขาพูดจาเกี้ยวจีบหล่อนแบบนี้ หล่อนจึงเงียบไป “คุณณีได้ยินมั๊ยครับ” มณีรัชดาเลยต้องตอบ “ค่ะยังได้ยินอยู่ แล้วคุณวิภัสมีอะไรจะโทร.มาหานอกจากความคิดถึงนี้มั๊ย” เสียงของมณีรัชดาตอบออกมาเหมือนไม่พอใจ ทำให้เขาบดกรามเข้าหากัน ที่หล่อนเป็นฝ่ายรวนเขา แต่ยังหนีบความสุภาพเอาไว้กับตัว “แต่ถ้าผมมีอะไรอยากจะบอกคุณ นอกจากความคิดถึงละครับ” แววตาของจอมภูหรือวิภัสยิ้มกริ่มเมื่อท้าทาย “คืออะไรล่ะคะ” หล่อนตอบกลับมา “คือเย็นนี้ผมอยากจะนัดคุณณีไปทานข้าวด้วยกันนะครับ” “ดิฉันต้องขอปฏิเสธไว้ก่อนค่ะ” หล่อนสวนตอบทันทีทำเขาอึ้ง ผู้หญิงคนนี้เล่นตัวนัก ฉลาด ท่าจะพิษสงเยอะ มาแผนสูง แบบนี้ต้องการจับน้องชายของเขาให้อยู่หมัดแน่นายพลอ่อนยังกะอะไรดี คงตามไม่ทัน จากนั้นเขาเปลี่ยนแผนแกล้งตัดพ้อหล่อน “โธ่