ครั้นพอเข้าไปดูใกล้ๆ ที่มือถือซึ่งปรากฏมีเบอร์โทร.เข้ามา และในขณะที่หล่อนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อที่จะออกไปข้างนอกอีกครั้ง ก็มีมือถือดังขึ้นอีกครั้ง
ด้วยอารามดีใจ ก็ทำให้เธอรีบคว้าเข้ามาแนบหูเอ่ยถามทันที
“มณีรัชดาพูดค่ะ จากไหนคะ”
หากว่าเสียงนุ่มทุ้มตอบด้วยอารมณ์ดีใจ
ที่หล่อนยอมรับสาย และโดยไม่ทำให้เขานั้นหน้าหงิกหน้างอหงุดหงิดอย่างเมื่อครู่
“ผม วิภัส ครับ คนที่คุณพบเจอเมื่อตอนกลางวันที่สวนลุม สักสามวันได้แล้วครับ เอ้อ โทร.มาสอบถามว่า คุณสนใจที่จะทำงานตามนามบัตรที่ผมระบุไว้มั๊ยครับ”
เสียงนุ่มทุ้มที่เคยคุ้น อ๋อหล่อนจำได้แล้ว
ใจหล่อนแฟบลง นึกว่าฝ่ายบุคคลของบริษัทที่หล่อนสมัครงานทิ้งไว้โทร.มาตาม
เมื่อรู้ว่าเป็นเขา แล้วหล่อนก็ถอนใจ พยายามนึกถึงชายหนุ่มรูปร่างสูงใบหน้าคมคาย ที่มณีรัชดานึกคิดว่า ท่าทางเขาแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ เป็นเพราะหล่อนไม่ไว้ใจนะสิ
แต่ก็ยอมเอ่ยพูดด้วย เหตุผลเพราะเขาพูดกับหล่อนดี
และน้ำใจของมณีรัชดาคือ หากใครพูดตอบหล่อนมาดี หล่อนก็จะตอบด้วยสิ่งที่ดี อันบ่งบอกถึงมารยาทจากใจ
“ค่ะ ดิฉันจำได้ ว่าไงนะคะ จะให้ดิฉันเข้าไปสมัครงานตามที่คุณบอกงั้นหรือ”
เมื่อรับฟังเขาแล้วจึงเอ่ยตอบ
หากสาวสวยก็ยังนึกลังเล เพราะเขาเองก็เป็นชายหนุ่มแปลกหน้า ที่หล่อนก็ไม่ควรไว้ใจด้วยซ้ำ
หล่อนเลยตอบไปว่า
“ขอโทษค่ะ นามบัตรของคุณ ฉันฉีกทิ้งไปแล้ว”
มณีรัชดาตอบไม่แยแส
เมื่อรู้ว่าเขาจะมาแบบมีไม้เหลี่ยมเล่ห์ลูกเล่นกับหล่อน ที่สำคัญนั้นสำหรับคนแปลกหน้า
มณีรัชดาก็ยิ่งไว้ใจไม่ได้เลย หล่อนมักจะเตือนตัวเองแบบนี้เสมอ
มันก็เลยทำให้อีกฝ่ายนั้นอึ้งและกรามทั้งสองข้างของเขาก็ขบบดเข้าหากันอย่างเงียบกริบ
หากในใจนั้นเดือดพล่านราวกับน้ำเดือดไม่ปาน ที่หล่อนทำกับเขาอย่างนี้ ด้วยการฉีกนามบัตรทิ้งเหรอ
เธอเป็นใคร บังอาจนัก นี่แสดงว่าท้าทายเขามากไปแล้ว แต่ชายหนุ่มก็พยายามระงับสติไว้ ไม่อยากให้แผนเสีย เพราะยังไงเขายังไม่อยากให้เหยื่อไหวตัวก่อน ที่ทุกอย่างจะลงมือสำเร็จ
จึงกลบเกลื่อนแสร้งอำพรางเพื่อพูดดีตอบหล่อน
“แหม..คุณนี่ใจร้ายจังครับ ก็ผมอุตส่าห์หวังดีต่อคุณแท้ๆ”
“ค่ะ แหม..จะหาคนแปลกหน้าแล้วหวังดีมันก็คงจะยากหน่อยล่ะค่ะคุณ เพราะโลกนี้มันมีแต่สิบแปดมงกุฎ”
มณีรัชดาตอบอย่างนั้นตามที่สมองหล่อนคิด นับว่าหล่อนฉลาดทีเดียวและไม่ขาดเฉลียว
เพราะเหตุผลเดียวสำหรับมณีรัชดาคือ คนสมัยนี้ไว้ใจยาก ถึงแม้รู้หน้า แต่ก็ไม่อาจรู้ใจ
ดังนั้นหล่อนควรป้องกันเอาไว้ก่อน
“แต่คุณ ก็ไม่น่าที่จะตัดรอนผมถึงขนาดนั้น เอ้อ ช่วยไว้ใจผมหน่อยสิครับคุณ”
เขาเหมือนออดอ้อน
และเอ่ยคุยกับหล่อนเหมือนอ้อนวอน ด้วยน้ำเสียงหวานนุ่มปราศจากสิ่งเคลือบแคลงเจือปน
พอเจอคำพูดเช่นนี้เข้า มณีรัชดาก็ใจอ่อนลงไปเหมือนกัน
แต่มันก็เป็นจริงอีกล่ะ ที่หล่อนไม่เคยคิดจะยอมไว้ใจใครง่ายๆหรอก
“เอ้อ ครับ แต่ยังไงเราก็น่าจะคบหากันดูก่อน นี่ผมก็หวังดีต่อคุณมากเลยนะครับ คุณนี แม้ว่าเราจะเพิ่งพบเจอกันเพียงครั้งแรกก็ตาม เพราะพอคุณบอกว่า ตกงาน ผมก็รับอาสาช่วยเหลือคุณด้วยความเอ้อ เห็นใจครับ เพราะรู้ดีว่าคนตกงานนั้นทุกข์ทรมานมากแค่ไหน ก็รู้อยู่ว่า งานในกรุงเทพมันหายากพอสมควร”
เขาพยายามเอ่ยให้หล่อนเห็นใจ แล้วก็ใช้ลูกออดลูกอ้อนคารม
เลยทำให้มณีรัชดาอึ้งอีกครา
นั่นเขามีเหตุผลของเขา ที่น่าฟัง ถ้าเขาเห็นใจคนตกทุกข์ยากอย่างหล่อน และหล่อนจะสรรเสริญบูชาด้วยว่าเขาเป็นคนมีน้ำใจ
ซึ่งคนประเภทนี้ในโลกนี้ขาดแคลน และหายากอย่างมาก
นี่ มณีรัชดาไม่คิดว่า หล่อนจะได้พบเจอเข้าที่นี่
“ก็ขอบคุณ ในความมีน้ำใจของคุณนะคะ”
“งั้นก็ช่วยรับปากกับผมสิครับ”
เสียงหวานของเขาพยายามกล่อมและอ่อยเหยื่อเพื่อให้ตกหลุมพราง รวมทั้งลีลาออดอ้อนเอาใจสาวๆ
นี่จอมภูคิดว่าเขาทำได้ และทำได้ดีที่สุดแน่นอน
ปากเขาหวาน หากคิดจะออดอ้อนกับสาวๆคนไหน หล่อนเสร็จทุกรายล่ะ
แต่เขาไม่ค่อยจะใช้วิธีแบบนี้กับใครง่ายๆ เพราะไม่มีความจำเป็น
แต่นี่คือความจำเป็น ที่เขาจะต้องพิสูจน์เนื้อในของสาวสวยให้ได้ ว่าที่แท้จริงเนื้อตัวของหล่อน มีแต่หน้ากากอำพรางแล้วก็ความเน่าเหม็น
ทะเยอทะยานเพื่อให้ตัวเองได้ไปสู่ความร่ำรวยทางลัด
หากดูแล้วท่าทางลังเลของหล่อน ก็เหมือนพยายามเบนเข้าไปในทิศทางที่เขาต้องการ
“นะครับ รับปากผมสิ เพราะผมหวังดีต่อคุณมากนะ อยากจะให้ได้งานทำ กับบริษัทที่ผมรู้จักไง สามารถฝากเอาคุณเข้าทำงานได้..และเขากำลังขาดคนพอดีเลย”
เพื่อไม่ให้เสียเวลา เขาเอ่ยต่อเพื่อกล่อมเหยื่อให้หลงคล้อยตาม
เห็นอาการลังเลของมณีรัชดาแล้ว เขาเลยคิดว่าค่อนข้างได้ผล เนื่องจากเสียงนุ่มทุ้มสุภาพทำให้สาวหลงมาทุกราย
แล้วหล่อนเป็นใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ต้องเสร็จเขาอยู่ดี
“ครับ ถ้าคุณไม่รู้เส้นทางไป ไปกับผมก็ได้ ผมเองกำลังจะไปที่นั่นพอดี”
เมื่อรู้ว่าเขาใจกล้าขนาดจะขับรถมารับหล่อน
มณีรัชดาปฏิเสธบอกทันทีว่า
“ขอโทษค่ะ ถ้าฉันจะไปล่ะก็ ฉันจะขอไปของฉันเองได้ค่ะ และฉันไม่ต้องการมีสารถี เอารถมารับมาส่ง ที่สำคัญค่ะ รถเมล์ค่ะเพราะฉันต้องการนั่งรถเมล์ มากกว่ารถคันหรูที่ติดแอร์”
หล่อนเหมือนจะระมัดระวังตัวตลอดเวลา
ทำให้จอมภูขบกรามอีกครั้ง อย่างนึกหมั่นไส้ แต่แผนของเขาก็สำเร็จ ในเมื่อหล่อนคล้อยตามและตกลง ถึงแม้ไม่ให้เขามารับ แต่ก็ต้องเจอกันอยู่วันยังค่ำ
เขาจึงบอกเส้นทางอีกครั้ง และมณีรัชดาอดที่จะรับปากไม่ได้ เอาล่ะ ก็ต้องลองดูสักครั้งเถอะ
“คุณมณีรัชดา”สุ้มเสียงนั้นเอ่ยชื่อหล่อนเมื่อหล่อนมาถึงที่นัดหมายด้วยความกล้ากึ่งกลัวในหัวใจ.. แต่มณีรัชดาพยายามจะสลัดอารมณ์เหล่านี้ทิ้ง ถ้าหล่อนมัวแต่กลัว ก็คงไม่ได้งานนะสิ เพราะอยากทำงานมากกว่า ตกงาน “ค่ะ” “ผมจราดลนะครับ ไอ้ภัสเพื่อนผม คงแนะนำแล้วว่า มันบอกผมว่าคุณเต็มใจจะร่วมงานกับเรา งั้นเชิญมาทางนี้ครับ” เขาผายมือเชื้อเชิญมณีรัชดาแต่หล่อนอึ้ง ยังไม่กล้าลุกก้าวตามไป อะไรกันเขาเรียกให้ลุก นี่ หล่อนก็จะลุกแล้วหรือ เนื่องจากหล่อนกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ไม่ดี และกลัวนัก แล้วนี่ ปล่อยให้หล่อนอยู่ตามลำพังกับเขาทั้งสองต่อสองหรือ แล้วผู้หญิง ผู้ชายคนอื่นหายไปไหนหมด หล่อนยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจ เดินตามเขาไปหรอกนะ ยังอึกอักและลังเลใจ “อ้าว ตามผมมาสิครับ.. มัวนั่งอยู่ทำไม” หล่อนอึ้ง จะตอบเขาอย่างไรดี จราดลเลยบอก “ผมต้องเทสต์งาน คุณอย่ากลัวเลยครับ ถ้ากลัวคงไม่ต้องทำงานนี้หรอก ข้างในยังมีช่างภาพ ช่างไฟ อยู่อีกสามสี่คน ช่างแต่งหน้าด้วย เขาเป็นผู้หญิงเหมือนคุณ”แบบนี้มณีรัชดาค่อยถอนใจอย่างโล่งอก ยอมเดินตามเขาไป “
จอมภูคิดในใจเพราะหล่อนใจร้อนจริงๆถ้าไม่สบใจหล่อนและความพึงพอใจของหล่อนก็จากไปทันที..แต่ยังหรอกแผนของเขายังไม่สัมฤทธิ์ และจะไม่ยอมให้หล่อนหลุดจากตรงนี้ไปได้ง่ายหรอก อีกอย่างเพราะเขาทราบมาว่าน้องชายของเขากำลังจะหางานทำให้หล่อนโดยฝากญาติ และคนรู้จักเขาไม่ต้องการให้คนอย่างมณีรัชดาเหยียบเข้าไปทำงานกับเครือญาติของเขา และงานที่นี่ดูจะเหมาะกับเธอ เป็นงานด้านบัญชี หรือเป็นผู้ช่วยพี่สาวของจราดลก็ได้ และอีกอย่างฝ่ายคอสตูมดูแลเสื้อผ้าของนักแสดงหรือเลือกเฟ้นนักแสดงกับปันณชาหากเพราะในเวลานี้ มณีรัชดาไม่อยากจะรอเพราะหล่อนไม่มีความอดทนมากถึงขนาดนั้นยิ่งด้วยเขาทำให้หล่อนอารมณ์เสียและรู้สึกว่ามาเก้อ และถูกหลอกยิ่งได้มาเจอหน้าวิภัสชายหนุ่มที่หล่อนจำหน้าเขาได้ชายหนุ่มหล่อเงยหน้ามองอีกครั้ง เขาพยายามใจเย็นให้มากที่สุดขณะที่สาวสวยตรงหน้า เห็นชัดว่าหล่อนกำลังอึดอัดอย่างที่สุด “เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณเองครับ แต่ขอรับปากว่า คุณได้งานทำแน่ ถ้าหากไม่เลือกมาก” หญิงสาวเงยหน้าหวานคม จ้องเขา ที่ดวงตาของหล่อนนั้นระยับวับวาว “งานอะไรกัน..งานสกปรกที่คุณกับเพื่อนคุณกำลังจะหลอ
จราดลเอ่ยใส่หน้าเพื่อนเขาแทบจะหัวเราะเยาะใส่จราดลในทันที “บ้า ไอ้ดล ตลกแค่คำขู่ผู้หญิงคนนี้ นายก็กลัวแล้วหรือไงสำหรับคนอย่างไอ้จอมภู นะ ไม่โว้ย..ฉันมีวิธีของตัวเอง” “หมายความว่าวะ ที่อยากจะตอแย หาเรื่องหล่อนอีกว่างั้นเหอะ” จอมภูหรี่ดวงตาคม ไปทางเพื่อน เอ่ยเยาะ “ไม่ใช่กงการอะไรของนาย..ฮึหรือว่านายเกิดสนใจ” “แน่นอนล่ะ สวยขนาดนี้ นี่ถ้าไม่มีป้ายแขวนคอติดไว้จากน้องชายของนาย ฉันกระโดดเข้าไปตะครุบแล้ว.. แต่ท่าทางต่อยหนักฤทธิ์เยอะ..แต่ฉันก็ชอบเธอน่าคบหาด้วย”แล้วเอ่ยอีก “นายไปเจอที่ไหนวะ ถึงรู้ว่าเป็นเอ้อ แฟนของน้องชายนาย” “เจอกันครั้งสุดท้ายที่สวนลุม แต่ว่าก่อนหน้านั้น ฉันแอบติดตามสะกดรอยมาสักระยะแล้วเพิ่งรู้ว่าหล่อนตกงาน หางานทำไม่ได้” “อ้าว งั้น เข้าทางพอดีล่ะ ไอ้เสือที่อยากกินลูกแกะอย่างนาย มันก็เข้ามาสวมรอยเสียเลยใช่ไหมวะเพื่อน” “ก็ใช่สิวะ”จอมภูตอบอย่างไม่เห็นมีปัญหาอะไร เขาขมุบขมิบปากยังเข่นเขี้ยวไปถึงสาวสวยที่เพิ่งจากไป หมั่นไส้ด้วยกับท่าทางหยิ่งจองหอง ทั้งที่ฐานะไม่มีอะไรจะเทียบชั้นเขาได้ “หล่อนเป็นประเภท
ท่านจะได้รับทราบว่าเขาเป็นคนที่ไม่ถือตัว และคิดอย่างไรกับมณีรัชดาคนรักลูกหลานของท่าน อีกอย่างครอบครัวของหล่อนจะได้เปิดโอกาสให้เขาและหล่อนคบหากันอย่างเปิดเผยมากกว่าเดิมฃ ในสิ่งที่ภูวพลต้องการ คือไปไหนมาไหนกับหล่อนโดยไม่มีใครกีดกันและขัดขวาง และเขาจะสบายใจอย่างมากถ้าพ่อแม่ของหล่อนเปิดไฟเขียวให้อีกทีนั่นคือความรักของเขา ที่จะขยับไปใกล้กับความสมหวังเข้าถึงทุกขณะซึ่งอยากจะพูดกับมณีรัชดาอีกครั้งว่า เขาอยากจะแต่งงานกับหล่อนให้เร็วอย่างที่สุด คิดว่าจะออกจากบ้านแล้วก็เช่าที่พักอยู่กันตามลำพังสองคน เขาก็สามารถทำได้ ทำเพื่อความรักของเขาและหล่อน ภูวพลฝันเพ้ออีกครั้ง เมื่อมณีรัชดากลับเข้ามาถึงบ้านแล้วนั้น มารดาจึงเอ่ยทัก“อ้าวกลับมาแล้วยัยณี ได้ความว่ายังไงบ้างลูกเรื่องงาน” มณีรัชดายิ้มให้กับผู้เป็นมารดา “ได้จ้ะแม่ คราวนี้ ณีได้งานทำแล้วค่ะ” “เหรอลูก” นางรัชนีกับไพจิตรน้าสาวพลอยตื่นเต้นไปด้วยพร้อมกับละมือที่กำลังคลุกถั่วเหลืองนึ่งใส่แป้งเพื่อทำถั่วแปบ “เอ้อ แม่กับน้าจะได้หายห่วงซะที” “จ้ะแม่ เขาให้ทำวันพฤหัส” ตอบมารดาอย่างอาร
อีกครั้งที่ภูวพลดีใจอย่างมาก ที่เมื่อรับโทร.จากมณีรัชดานั้น แต่หล่อนกลับมาบอกเขาว่า ได้งานทำแล้ว ซึ่งเขาแปลกใจ แม้เขาจะรู้สึกเสียดายอยู่บ้างที่หล่อนไม่ได้เลือกงานในบริษัทของญาติที่เขาคุยตกลงไว้อย่างดิบดี โธ่ บทจะได้ก็ได้เสียปุบปับอย่างนี้ ไม่คาดฝัน “พลอุตส่าห์ไปร้องขอกับคุณลุงนะครับ ให้ท่านช่วยกั๊กไว้ให้ตำแหน่งนึง ก็พอดีมันว่างไง.. นี่ถ้าณีไม่ตัดสินใจเลือก คงแย่ล่ะ เพราะตำแหน่งนี้ต้องมีคนอื่นรับเอาไป” หากแต่มณีรัชดาก็ตอบเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ค่ะ ก็ปล่อยให้เขารับคนอื่นไปสิจ้ะ พล เพราะณีเพิ่งได้งานกะทันหัน และอังคารนี้จะต้องไปทำแล้วล่ะ” ภูวพลถอนใจ แม้จะรู้สึกน้อยใจแกมผิดหวัง แต่ก็ดีใจกับหล่อนเพราะท่าทางน้ำเสียงของมณีรัชดานั้นตื่นเต้นอย่างดีใจ หล่อนคงชื่นชอบกับงานนี้มาก “ว่าแต่งานเกี่ยวกับอะไรหรือณี เห็นท่าทางตื่นเต้นเหลือเกิน” “ค่ะ งานเกี่ยวกับกองถ่ายจ้ะพล เป็นงานที่ณีรู้สึกตื่นเต้น ที่จะได้เห็นคลุกคลีกับพวกดาราละครทีวี” มณีรัชดาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงและดูแจ่มใส ความจริงงานเกี่ยวกับเบื้องหลังที่ใกล้ชิดกับ
“ใช่ครับ ก็ผมรู้ว่ามีเงินเก็บ เป็นเงินก้อน แต่ว่าผมต้องการจะใช้นี่” เพราะว่าเขาดื้อรั้นที่จะเถียงและเอาให้ได้ดั่งใจ เลยทำให้นางภวานันท์ถอนใจ อ่อนอกอ่อนใจยิ่ง เรื่องนี้ถ้าจะเป็นเรื่องหนักเสียแล้วสำหรับนางนี่เกิดอะไรขึ้นกับลูกชาย นางจึงเอ่ยเสียงแข็งอย่างเด็ดขาด “ไม่ได้นะ และแม่จะไม่อนุญาตให้แกไปเบิกเงินสดออกมามากมายขนาดนั้นหรอก เพื่อทำอะไรตามใจแก” และในเวลานั้น สีหน้าของเขาผิดหวังอย่างมาก ด้วยแววตาที่สลด พร้อมกับคำตีโพยตีพายพร่ำออกมาด้วยสีหน้าที่เศร้า “ฮึ อะไรก็ไม่ได้ๆ สำหรับผมทุกทีเลย แต่ทีกะพี่ใหญ่ โน่น ทำไมครับ แม่ถึงคิดประเคนให้มันทั้งหมดเลย อยากได้อะไร ก็ไม่เคยขัดห้ามสักเลยนิด” และเขาทำท่าเหมือนจะร้องไห้มีน้ำตาคลอออกมา “ทีพี่ใหญ่อะไรๆก็ประเคนให้หมด..แล้วผมล่ะผมไม่ใช่ลูกหรือยังไง ผมก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน อยากทำอะไรเพื่อตัวเอง ที่มันเป็นอิสระ เพื่อที่ทุกคนจะได้มองเห็นว่า ผมโตพอแล้วที่จะเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนมองเห็นผมเป็นแค่เด็กอนุบาล” เขาเผลอเกรี้ยวกราดเอากับคุณภวานันท์ที่นางกำลังตกใจใหญ่พร้อมกับสีหน้าตึง
หล่อนตอบ และอีกอย่างไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเขาที่โทร.มาถาม “ที่ผมโทร.มาหาคุณ ก็เพราะความคิดถึงนั่นละครับ”เขาบอกกับพอดีกับที่หล่อนกำลังดึงปลั๊กไฟจากเต้าเสียบออก แต่ก็ต้องอึ้งเพราะคำของเขา คิดถึง คิดถึงหล่อนพูดหวานอีกแล้ว ก็น่าจะรู้ว่าเขาพูดจาเกี้ยวจีบหล่อนแบบนี้ หล่อนจึงเงียบไป “คุณณีได้ยินมั๊ยครับ” มณีรัชดาเลยต้องตอบ “ค่ะยังได้ยินอยู่ แล้วคุณวิภัสมีอะไรจะโทร.มาหานอกจากความคิดถึงนี้มั๊ย” เสียงของมณีรัชดาตอบออกมาเหมือนไม่พอใจ ทำให้เขาบดกรามเข้าหากัน ที่หล่อนเป็นฝ่ายรวนเขา แต่ยังหนีบความสุภาพเอาไว้กับตัว “แต่ถ้าผมมีอะไรอยากจะบอกคุณ นอกจากความคิดถึงละครับ” แววตาของจอมภูหรือวิภัสยิ้มกริ่มเมื่อท้าทาย “คืออะไรล่ะคะ” หล่อนตอบกลับมา “คือเย็นนี้ผมอยากจะนัดคุณณีไปทานข้าวด้วยกันนะครับ” “ดิฉันต้องขอปฏิเสธไว้ก่อนค่ะ” หล่อนสวนตอบทันทีทำเขาอึ้ง ผู้หญิงคนนี้เล่นตัวนัก ฉลาด ท่าจะพิษสงเยอะ มาแผนสูง แบบนี้ต้องการจับน้องชายของเขาให้อยู่หมัดแน่นายพลอ่อนยังกะอะไรดี คงตามไม่ทัน จากนั้นเขาเปลี่ยนแผนแกล้งตัดพ้อหล่อน “โธ่
นั่นเป็นเพราะหญิงสาวมัวแต่กังวลเครียดในเรื่องหางาน และตระเวนไปในที่ต่างๆ แต่พอรู้สึกว่าได้งานทำแล้ว นั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้น และอยากจะไปไหนมาไหนก็อิสระ จากนั้นมณีรัชดาก็หอบหิ้วเอาข้าวของจำเป็น และพวกขันน้ำกับที่วางสบู่ผ้าขนหนูผืนเล็กกับวุ้นในลูกมะพร้าว เพราะนึกอยากทาน ตั้งใจจะซื้อไปแช่ไว้ในตู้เย็นขณะที่น้าสาวแวะเข้าร้านชำด้านหน้า เพื่อซื้อถ่านทำขนมสักสองสามถุง เพราะว่าไหนๆเดินผ่านแวะร้านพอดีก็หิ้วกลับเสียเลย ถึงยังไงก็ต้องแวะผ่านมาอยู่ดี หญิงสาวยืนอยู่ริมฟุตบาธ เนื่องจากร้านส้มตำตั้งอยู่บริเวณริมถนน ร้านอาหารรถเข็นอีกสามสี่ร้านจอดเรียงรายเป็นแถว แบ่งทางเดินให้เพียงเล็กน้อยเนื่องจากเป็นช่วงเย็นและผู้คนก็ขวักไขว่รวมทั้งเป็นเวลาเดินทางกลับบ้านของหนุ่มสาวพนักงานและออฟฟิศ ส่วนการจราจรก็คล่องตัวบางช่วง และบางช่วงก็ติดขัด ที่แล่นปรู๊ดปร๊าดได้ตลอดก็คือรถมอเตอร์ไซค์ เสร็จแล้ว หล่อนต้องยืนรอคิวสามคิว จนกระทั่งเสร็จสรรพ ระหว่างที่รอไม่ได้รู้สึกท้อบ่นใดๆ เพราะเดินเที่ยวตลาดนัดจนอิ่มนึกอยากจะทานส้มตำ เอากลับไปบ้านเผื่อให้มารดาด้วย หล่อนจึงต้องสั่งสองครก ทั้งส้มตำไทยกับตำปูปลาร้า