“คุณมณีรัชดา”
สุ้มเสียงนั้นเอ่ยชื่อหล่อน
เมื่อหล่อนมาถึงที่นัดหมายด้วยความกล้ากึ่งกลัวในหัวใจ..
แต่มณีรัชดาพยายามจะสลัดอารมณ์เหล่านี้ทิ้ง ถ้าหล่อนมัวแต่กลัว ก็คงไม่ได้งานนะสิ เพราะอยากทำงานมากกว่า ตกงาน “ค่ะ”
“ผมจราดลนะครับ ไอ้ภัสเพื่อนผม คงแนะนำแล้วว่า มันบอกผมว่าคุณเต็มใจจะร่วมงานกับเรา งั้นเชิญมาทางนี้ครับ”
เขาผายมือเชื้อเชิญมณีรัชดา
แต่หล่อนอึ้ง ยังไม่กล้าลุกก้าวตามไป อะไรกัน
เขาเรียกให้ลุก นี่ หล่อนก็จะลุกแล้วหรือ
เนื่องจากหล่อนกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ไม่ดี และกลัวนัก
แล้วนี่ ปล่อยให้หล่อนอยู่ตามลำพังกับเขาทั้งสองต่อสองหรือ
แล้วผู้หญิง ผู้ชายคนอื่นหายไปไหนหมด
หล่อนยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจ เดินตามเขาไปหรอกนะ ยังอึกอักและลังเลใจ
“อ้าว ตามผมมาสิครับ.. มัวนั่งอยู่ทำไม”
หล่อนอึ้ง จะตอบเขาอย่างไรดี
จราดลเลยบอก
“ผมต้องเทสต์งาน คุณอย่ากลัวเลยครับ ถ้ากลัวคงไม่ต้องทำงานนี้หรอก ข้างในยังมีช่างภาพ ช่างไฟ อยู่อีกสามสี่คน ช่างแต่งหน้าด้วย เขาเป็นผู้หญิงเหมือนคุณ”
แบบนี้มณีรัชดาค่อยถอนใจอย่างโล่งอก ยอมเดินตามเขาไป
“นี่มันงานเกี่ยวกับอะไรคะ งานที่ว่า”
เสียงของมณีรัชดาออกสุ้มเสียงสูงแบบคนตกใจอย่างมาก
และเมื่อกวาดตามองดูแล้ว แต่ละคนรวมทั้งบรรยากาศการทำงานในภาพที่ตัดแปะรูปภาพนางแบบประเภทวาบหวิว เป็นที่สนใจของประเภทเฒ่าหัวงู ปลุกใจเสือป่า
ชวนให้หล่อนเนื้อตัวสั่นขนแขนลุก
และมณีรัชดาก็โวยวายขึ้นทันที
“บ้า จะให้ฉันมาถ่ายรูปโป๊ เป็นนางแบบนู้ดนี่หรือ ไม่ ฉันไม่เอาหรอก ไม่ได้สิ้นคิดถึงขนาดนั้น”
เสียงของหล่อนสร้างความโกลาหลให้แก่ผู้ที่ทำงานด้วยเช่นกัน ต่างหยุดทำงาน
แล้วหันมาจ้องมองหล่อนเหมือนตัวประหลาด
และมณีรัชดาไม่หยุดเพียงแค่นั้น สีหน้าของหล่อนบึ้งตึง ตาคมวาว หันหน้าไปหาเรื่องคนที่ชักชวนหล่อนมาก..
“ไหน เพื่อนคุณ ..ไอ้นายที่ชื่อ วิภัสนั่น”
หล่อนจำชื่อเขาได้ดี
เห็นหล่อนออกฤทธิ์หนักอย่างนี้
จราดล จำยอมสงบนิ่ง พยักหน้า
“รออีกห้านาที นายภัส เพิ่งออกไปข้างนอก เดี๋ยวกลับมา”
“ดี ฉันอยากจะเจอหน้าเขาเหมือนกัน จะได้ด่าว่าให้สมอยาก สกปรกสิ้นดี”
มณีรัชดาไม่หยุด หล่อนบริภาษต่ออย่างทนไม่ได้และเหลืออด
“เห็นฉันเป็นผู้หญิงต่ำๆพวกนั้นหรือไง ถึงฉันจะอดจะอยากไม่มีกิน แต่ฉันก็ไม่ขายศักดิ์ศรีตัวเองด้วยการประจานถ่ายรูปแบบนี้ลงหนังสือให้ญาติพี่น้อง คนรู้จักฉันหัวเราะเยาะเอาหรอก”
มณีรัชดาฟิวส์ขาด เพราะหล่อนโกรธจัดนี่เอง
“ไหนคุณบอก ฉันว่าไม่ใช่งานแบบนั้น”
มณีรัชดาหันมาเล่นงานจราดล
หญิงสาวมีแววตาไม่พอใจอย่างมาก นี่เหมือนกับหลอกต้มหล่อน เพราะหล่อนไม่ยอมเสียรู้อย่างเด็ดขาด
“เพื่อนของคุณล่ะเขาหลอกฉันมาใช่ไหม..นี่หรืองานที่แนะนำให้ฉัน ฮึ ฉันว่ายอมเป็นงานแม่บ้านเช็ดถูลำบากยังดีกว่าเอาเนื้อเข้าปากเสืออย่างที่พวกคุณกระทำ..แค่นี้ล่ะ ฉันไปล่ะ ไม่ต้องอยู่พบหน้านายวิภัส เพื่อนของคุณหรอก จบกันที สตูดิโอเฮงซวย”
มณีรัชดาด่าตามหลังแล้วยังบ่นกะปอดกะแปดอีก หลายคำ
พอหญิงสาวขยับจะเปิดประตูเท่านั้น
หากแต่ประตูก็ถูกผลักเข้ามาก่อน
โดยคนร่างสูง ที่มณีรัชดามองจ้อง
แล้วหญิงสาวแทบจะกินเลือดกินเนื้อทีเดียว
ขณะที่วิภัสหรือจอมภูชะงักกึก พอจะอ่านรู้เรื่องแล้ว
ยิ้มให้หล่อน เอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่สนใจกับแววตาที่เอาเรื่องบึ้งตึงของหล่อน
ที่เหมือนโกรธเขาสุดขีดสุดเหวี่ยง แต่เขาพยายามทำใจดีใจเย็น ในเวลานี้ ไม่ใช่ตอนที่เขาอยากจะหักคอหล่อน หรือก่อเรื่องร้ายๆสำหรับหล่อน
เวลามันยังมีอีกเยอะมาก ที่จะเล่นเหลี่ยมหญิงสาวคนนี้เพื่อให้หล่อนตายใจ
“อ้าว คุณ ณี มาถึงนานแล้วหรือครับ เข้าไปข้างในก่อนสิ ผมเพิ่งมาถึง ขอโทษด้วย”
เขาทำท่ายืนขวางหล่อน เหมือนบังคับด้วยสายตา
ทำให้มณีรัชดาเงยหน้ามองตรงเอ่ยเสียงเข้ม
“หลีกหลีกเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้”
หากเขาพยายามใจเย็นสุขุมอีกครั้งและถอนใจ
เพราะอ่านแววตาดื้อรั้นของหล่อน
“มีอะไรไม่พอใจคุณหรือครับ งานการที่ผมเสนอให้ไม่พอใจคุณหรือไง”
“ใช่สิ งานต่ำๆแบบนั้น ใครจะทำ”
หล่อนโวยวาย
หากแต่เขานั้นขมวดคิ้วเรียวเข้ม พร้อมกับหรี่ดวงตาคมมองหล่อน
“ผมว่าเราคงเข้าใจผิดอะไรสักอย่างแล้วล่ะครับ.. เข้าไปข้างในก่อนเถอะ ไปคุยกัน แล้วผมจะบอกคุณเอง”
เพราะน้ำเสียงนุ่มของเขา
เลยทำให้มณีรัชดายังอิดเอื้อน แม้หล่อนจะไม่เชื่อก็ตาม
“ฉันไม่เชื่อหรอก”
“อย่าดื้อสิครับ คุณอยากได้งานหรือเปล่า..เพราะผมคิดว่างานการสำหรับคุณมันหายาก แล้วถ้าหากทางโน้นปฏิเสธอีก ผมไม่รู้ว่าคุณจะทำไหวมั้ย งานที่ผมว่านี้ ไม่งั้น คุณคงจะต้องเดินหางานจนรองเท้าสึกอีกคู่แน่”
และคำพูดของเขาก็มีเหตุผล แต่หวังดีกับหล่อนเพื่ออะไร
“คุณหวังดีกับดิฉันหรือหรือคะ”
เมื่อหล่อนหรี่ดวงตาคมตอบ แล้วเอ่ยต่อ
“ฮึ แต่ว่า ขออย่าให้หวังดีแต่คิดประสงค์ร้ายก็แล้วกัน ไม่งั้นฉันจะร้ายให้ถึงที่สุด เอาล่ะ ฉันจะยอมเชื่อ”
หล่อนยินยอมเดินกลับเข้าไปข้างใน
“งั้นคุณลองพูดถึงข้อเสนอของคุณออกมาค่ะ เพราะฉันใจร้อนไม่อยากอยู่ที่นี่นานนัก”
“เดี๋ยวก่อนสิครับคุณ ค่อยๆพูดกัน จะรีบใจร้อนไปไหน”
เขาพยายามเอ่ยกับหล่อนด้วยน้ำเสียงที่ดีเอาใจรอมชอม และทุ้มนุ่ม
จนสะกดร่างของมณีรัชดาได้ชะงัด เพราะหล่อนยอมนิ่งรับฟัง
จอมภูคิดในใจเพราะหล่อนใจร้อนจริงๆถ้าไม่สบใจหล่อนและความพึงพอใจของหล่อนก็จากไปทันที..แต่ยังหรอกแผนของเขายังไม่สัมฤทธิ์ และจะไม่ยอมให้หล่อนหลุดจากตรงนี้ไปได้ง่ายหรอก อีกอย่างเพราะเขาทราบมาว่าน้องชายของเขากำลังจะหางานทำให้หล่อนโดยฝากญาติ และคนรู้จักเขาไม่ต้องการให้คนอย่างมณีรัชดาเหยียบเข้าไปทำงานกับเครือญาติของเขา และงานที่นี่ดูจะเหมาะกับเธอ เป็นงานด้านบัญชี หรือเป็นผู้ช่วยพี่สาวของจราดลก็ได้ และอีกอย่างฝ่ายคอสตูมดูแลเสื้อผ้าของนักแสดงหรือเลือกเฟ้นนักแสดงกับปันณชาหากเพราะในเวลานี้ มณีรัชดาไม่อยากจะรอเพราะหล่อนไม่มีความอดทนมากถึงขนาดนั้นยิ่งด้วยเขาทำให้หล่อนอารมณ์เสียและรู้สึกว่ามาเก้อ และถูกหลอกยิ่งได้มาเจอหน้าวิภัสชายหนุ่มที่หล่อนจำหน้าเขาได้ชายหนุ่มหล่อเงยหน้ามองอีกครั้ง เขาพยายามใจเย็นให้มากที่สุดขณะที่สาวสวยตรงหน้า เห็นชัดว่าหล่อนกำลังอึดอัดอย่างที่สุด “เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณเองครับ แต่ขอรับปากว่า คุณได้งานทำแน่ ถ้าหากไม่เลือกมาก” หญิงสาวเงยหน้าหวานคม จ้องเขา ที่ดวงตาของหล่อนนั้นระยับวับวาว “งานอะไรกัน..งานสกปรกที่คุณกับเพื่อนคุณกำลังจะหลอ
จราดลเอ่ยใส่หน้าเพื่อนเขาแทบจะหัวเราะเยาะใส่จราดลในทันที “บ้า ไอ้ดล ตลกแค่คำขู่ผู้หญิงคนนี้ นายก็กลัวแล้วหรือไงสำหรับคนอย่างไอ้จอมภู นะ ไม่โว้ย..ฉันมีวิธีของตัวเอง” “หมายความว่าวะ ที่อยากจะตอแย หาเรื่องหล่อนอีกว่างั้นเหอะ” จอมภูหรี่ดวงตาคม ไปทางเพื่อน เอ่ยเยาะ “ไม่ใช่กงการอะไรของนาย..ฮึหรือว่านายเกิดสนใจ” “แน่นอนล่ะ สวยขนาดนี้ นี่ถ้าไม่มีป้ายแขวนคอติดไว้จากน้องชายของนาย ฉันกระโดดเข้าไปตะครุบแล้ว.. แต่ท่าทางต่อยหนักฤทธิ์เยอะ..แต่ฉันก็ชอบเธอน่าคบหาด้วย”แล้วเอ่ยอีก “นายไปเจอที่ไหนวะ ถึงรู้ว่าเป็นเอ้อ แฟนของน้องชายนาย” “เจอกันครั้งสุดท้ายที่สวนลุม แต่ว่าก่อนหน้านั้น ฉันแอบติดตามสะกดรอยมาสักระยะแล้วเพิ่งรู้ว่าหล่อนตกงาน หางานทำไม่ได้” “อ้าว งั้น เข้าทางพอดีล่ะ ไอ้เสือที่อยากกินลูกแกะอย่างนาย มันก็เข้ามาสวมรอยเสียเลยใช่ไหมวะเพื่อน” “ก็ใช่สิวะ”จอมภูตอบอย่างไม่เห็นมีปัญหาอะไร เขาขมุบขมิบปากยังเข่นเขี้ยวไปถึงสาวสวยที่เพิ่งจากไป หมั่นไส้ด้วยกับท่าทางหยิ่งจองหอง ทั้งที่ฐานะไม่มีอะไรจะเทียบชั้นเขาได้ “หล่อนเป็นประเภท
ท่านจะได้รับทราบว่าเขาเป็นคนที่ไม่ถือตัว และคิดอย่างไรกับมณีรัชดาคนรักลูกหลานของท่าน อีกอย่างครอบครัวของหล่อนจะได้เปิดโอกาสให้เขาและหล่อนคบหากันอย่างเปิดเผยมากกว่าเดิมฃ ในสิ่งที่ภูวพลต้องการ คือไปไหนมาไหนกับหล่อนโดยไม่มีใครกีดกันและขัดขวาง และเขาจะสบายใจอย่างมากถ้าพ่อแม่ของหล่อนเปิดไฟเขียวให้อีกทีนั่นคือความรักของเขา ที่จะขยับไปใกล้กับความสมหวังเข้าถึงทุกขณะซึ่งอยากจะพูดกับมณีรัชดาอีกครั้งว่า เขาอยากจะแต่งงานกับหล่อนให้เร็วอย่างที่สุด คิดว่าจะออกจากบ้านแล้วก็เช่าที่พักอยู่กันตามลำพังสองคน เขาก็สามารถทำได้ ทำเพื่อความรักของเขาและหล่อน ภูวพลฝันเพ้ออีกครั้ง เมื่อมณีรัชดากลับเข้ามาถึงบ้านแล้วนั้น มารดาจึงเอ่ยทัก“อ้าวกลับมาแล้วยัยณี ได้ความว่ายังไงบ้างลูกเรื่องงาน” มณีรัชดายิ้มให้กับผู้เป็นมารดา “ได้จ้ะแม่ คราวนี้ ณีได้งานทำแล้วค่ะ” “เหรอลูก” นางรัชนีกับไพจิตรน้าสาวพลอยตื่นเต้นไปด้วยพร้อมกับละมือที่กำลังคลุกถั่วเหลืองนึ่งใส่แป้งเพื่อทำถั่วแปบ “เอ้อ แม่กับน้าจะได้หายห่วงซะที” “จ้ะแม่ เขาให้ทำวันพฤหัส” ตอบมารดาอย่างอาร
อีกครั้งที่ภูวพลดีใจอย่างมาก ที่เมื่อรับโทร.จากมณีรัชดานั้น แต่หล่อนกลับมาบอกเขาว่า ได้งานทำแล้ว ซึ่งเขาแปลกใจ แม้เขาจะรู้สึกเสียดายอยู่บ้างที่หล่อนไม่ได้เลือกงานในบริษัทของญาติที่เขาคุยตกลงไว้อย่างดิบดี โธ่ บทจะได้ก็ได้เสียปุบปับอย่างนี้ ไม่คาดฝัน “พลอุตส่าห์ไปร้องขอกับคุณลุงนะครับ ให้ท่านช่วยกั๊กไว้ให้ตำแหน่งนึง ก็พอดีมันว่างไง.. นี่ถ้าณีไม่ตัดสินใจเลือก คงแย่ล่ะ เพราะตำแหน่งนี้ต้องมีคนอื่นรับเอาไป” หากแต่มณีรัชดาก็ตอบเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ค่ะ ก็ปล่อยให้เขารับคนอื่นไปสิจ้ะ พล เพราะณีเพิ่งได้งานกะทันหัน และอังคารนี้จะต้องไปทำแล้วล่ะ” ภูวพลถอนใจ แม้จะรู้สึกน้อยใจแกมผิดหวัง แต่ก็ดีใจกับหล่อนเพราะท่าทางน้ำเสียงของมณีรัชดานั้นตื่นเต้นอย่างดีใจ หล่อนคงชื่นชอบกับงานนี้มาก “ว่าแต่งานเกี่ยวกับอะไรหรือณี เห็นท่าทางตื่นเต้นเหลือเกิน” “ค่ะ งานเกี่ยวกับกองถ่ายจ้ะพล เป็นงานที่ณีรู้สึกตื่นเต้น ที่จะได้เห็นคลุกคลีกับพวกดาราละครทีวี” มณีรัชดาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงและดูแจ่มใส ความจริงงานเกี่ยวกับเบื้องหลังที่ใกล้ชิดกับ
“ใช่ครับ ก็ผมรู้ว่ามีเงินเก็บ เป็นเงินก้อน แต่ว่าผมต้องการจะใช้นี่” เพราะว่าเขาดื้อรั้นที่จะเถียงและเอาให้ได้ดั่งใจ เลยทำให้นางภวานันท์ถอนใจ อ่อนอกอ่อนใจยิ่ง เรื่องนี้ถ้าจะเป็นเรื่องหนักเสียแล้วสำหรับนางนี่เกิดอะไรขึ้นกับลูกชาย นางจึงเอ่ยเสียงแข็งอย่างเด็ดขาด “ไม่ได้นะ และแม่จะไม่อนุญาตให้แกไปเบิกเงินสดออกมามากมายขนาดนั้นหรอก เพื่อทำอะไรตามใจแก” และในเวลานั้น สีหน้าของเขาผิดหวังอย่างมาก ด้วยแววตาที่สลด พร้อมกับคำตีโพยตีพายพร่ำออกมาด้วยสีหน้าที่เศร้า “ฮึ อะไรก็ไม่ได้ๆ สำหรับผมทุกทีเลย แต่ทีกะพี่ใหญ่ โน่น ทำไมครับ แม่ถึงคิดประเคนให้มันทั้งหมดเลย อยากได้อะไร ก็ไม่เคยขัดห้ามสักเลยนิด” และเขาทำท่าเหมือนจะร้องไห้มีน้ำตาคลอออกมา “ทีพี่ใหญ่อะไรๆก็ประเคนให้หมด..แล้วผมล่ะผมไม่ใช่ลูกหรือยังไง ผมก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน อยากทำอะไรเพื่อตัวเอง ที่มันเป็นอิสระ เพื่อที่ทุกคนจะได้มองเห็นว่า ผมโตพอแล้วที่จะเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนมองเห็นผมเป็นแค่เด็กอนุบาล” เขาเผลอเกรี้ยวกราดเอากับคุณภวานันท์ที่นางกำลังตกใจใหญ่พร้อมกับสีหน้าตึง
หล่อนตอบ และอีกอย่างไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเขาที่โทร.มาถาม “ที่ผมโทร.มาหาคุณ ก็เพราะความคิดถึงนั่นละครับ”เขาบอกกับพอดีกับที่หล่อนกำลังดึงปลั๊กไฟจากเต้าเสียบออก แต่ก็ต้องอึ้งเพราะคำของเขา คิดถึง คิดถึงหล่อนพูดหวานอีกแล้ว ก็น่าจะรู้ว่าเขาพูดจาเกี้ยวจีบหล่อนแบบนี้ หล่อนจึงเงียบไป “คุณณีได้ยินมั๊ยครับ” มณีรัชดาเลยต้องตอบ “ค่ะยังได้ยินอยู่ แล้วคุณวิภัสมีอะไรจะโทร.มาหานอกจากความคิดถึงนี้มั๊ย” เสียงของมณีรัชดาตอบออกมาเหมือนไม่พอใจ ทำให้เขาบดกรามเข้าหากัน ที่หล่อนเป็นฝ่ายรวนเขา แต่ยังหนีบความสุภาพเอาไว้กับตัว “แต่ถ้าผมมีอะไรอยากจะบอกคุณ นอกจากความคิดถึงละครับ” แววตาของจอมภูหรือวิภัสยิ้มกริ่มเมื่อท้าทาย “คืออะไรล่ะคะ” หล่อนตอบกลับมา “คือเย็นนี้ผมอยากจะนัดคุณณีไปทานข้าวด้วยกันนะครับ” “ดิฉันต้องขอปฏิเสธไว้ก่อนค่ะ” หล่อนสวนตอบทันทีทำเขาอึ้ง ผู้หญิงคนนี้เล่นตัวนัก ฉลาด ท่าจะพิษสงเยอะ มาแผนสูง แบบนี้ต้องการจับน้องชายของเขาให้อยู่หมัดแน่นายพลอ่อนยังกะอะไรดี คงตามไม่ทัน จากนั้นเขาเปลี่ยนแผนแกล้งตัดพ้อหล่อน “โธ่
นั่นเป็นเพราะหญิงสาวมัวแต่กังวลเครียดในเรื่องหางาน และตระเวนไปในที่ต่างๆ แต่พอรู้สึกว่าได้งานทำแล้ว นั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้น และอยากจะไปไหนมาไหนก็อิสระ จากนั้นมณีรัชดาก็หอบหิ้วเอาข้าวของจำเป็น และพวกขันน้ำกับที่วางสบู่ผ้าขนหนูผืนเล็กกับวุ้นในลูกมะพร้าว เพราะนึกอยากทาน ตั้งใจจะซื้อไปแช่ไว้ในตู้เย็นขณะที่น้าสาวแวะเข้าร้านชำด้านหน้า เพื่อซื้อถ่านทำขนมสักสองสามถุง เพราะว่าไหนๆเดินผ่านแวะร้านพอดีก็หิ้วกลับเสียเลย ถึงยังไงก็ต้องแวะผ่านมาอยู่ดี หญิงสาวยืนอยู่ริมฟุตบาธ เนื่องจากร้านส้มตำตั้งอยู่บริเวณริมถนน ร้านอาหารรถเข็นอีกสามสี่ร้านจอดเรียงรายเป็นแถว แบ่งทางเดินให้เพียงเล็กน้อยเนื่องจากเป็นช่วงเย็นและผู้คนก็ขวักไขว่รวมทั้งเป็นเวลาเดินทางกลับบ้านของหนุ่มสาวพนักงานและออฟฟิศ ส่วนการจราจรก็คล่องตัวบางช่วง และบางช่วงก็ติดขัด ที่แล่นปรู๊ดปร๊าดได้ตลอดก็คือรถมอเตอร์ไซค์ เสร็จแล้ว หล่อนต้องยืนรอคิวสามคิว จนกระทั่งเสร็จสรรพ ระหว่างที่รอไม่ได้รู้สึกท้อบ่นใดๆ เพราะเดินเที่ยวตลาดนัดจนอิ่มนึกอยากจะทานส้มตำ เอากลับไปบ้านเผื่อให้มารดาด้วย หล่อนจึงต้องสั่งสองครก ทั้งส้มตำไทยกับตำปูปลาร้า
“เอางี้ดีกว่าครับ นี่เป็นนามบัตรของผม และบริษัท ถ้าเกิดว่าคุณมีแผลอักเสบหรือต้องการเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลโทร.มาตามเบอร์นี้นะครับ” “ตกลง นี่คุณจะไม่เข้าไปตรวจดูอาการที่คลินิกใช่ไหม คือผมอยากจะให้แน่ใจนะครับ” และท่าทางเขานั้นคงจะหวังดีต่อหล่อนเป็นอย่างมาก และเป็นผู้ผิดที่เป็นห่วงเป็นใย ต่ออาการบาดเจ็บของหล่อนด้วยเหตุนี้ มณีรัชดาจึงยอมพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ” ดังนั้นจึงเปิดประตูให้หล่อนก้าวเข้าไปนั่งพอถึงคลินิกเจ้าของร้านก็รีบเปิดประตูออกมา พร้อมด้วยลูกน้องและผู้ช่วยอีกสองคน ถามไถ่อาการจากนั้นพามณีรัชดานั่งรถเข็น กระทั่งให้หล่อนนอนบนเตียงในห้องฉุกเฉิน เพื่อเอกซเรย์ดูอวัยวะภายในที่สำคัญชิ้นกระดูกแขนและขาว่าตรงไหนมีร้าวหรือหัก จะได้ทำการรักษาต่อ และในครึ่งชั่วโมงต่อมา จึงได้รับคำตอบจากนายแพทย์เจ้าของคลินิกเอ่ย ”หมอได้เอกซเรย์ดูทุกจุดในร่างกายแล้วนะครับ ปรากฏว่าไม่มีอาการที่น่าเป็นห่วง คนไข้สามารถกลับบ้านได้ ไม่มีส่วนไหนที่บอกว่ากระดูกร้าวหรือหักอวัยวะทุกส่วนยังอยู่ครบดีครับ ไม่เป็นอันตราย ถือว่าคุณโชคดี” ซึ่งนายแพทย์หันมาเอ่ยกับหล่อน