แชร์

7

“สุดซอยบ้านของฉันไง มันมีลานโล่งวะเอาเสื่อไปปูด้วย ตรงนั้นเป็นบ้านร้าง ติดคลอง ดีซะอีกไม่มีคนรบกวน”

        ภูวพลเห็นว่าเข้าท่าเหมือนกัน เลยตกลง เลือกเอาสถานที่ซึ่งเป็นท้ายซอยติดคลองมีดงโสนกับกอผักบุ้ง และกระท่อมร้างที่เหมาะเจาะสำหรับนั่งเล่นกีร์ต้าร้องเพลง

        ใจของฐานะยศคิดโลดแล่นไปไกลเพราะเขาอยากจะเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงได้บันทึกเสียง

วันนี้ภูวพลจึงขอทำใจสงบสักวัน แล้วเขาต้องแบกตัวเองไปพบกับปัญหาทางบ้าน ปัญหาการกีดกันทางรักที่แก้ไขไม่ได้ซักที 

        เมื่ออยู่ในโลกส่วนตัวเช่นนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองสงบ ปล่อยใจไปกับการจินตนาการผ่านอารมณ์เสียงที่เปล่งเป็นธรรมชาติจากกระบังลมผ่านลำคอ เขาพยายามที่จะฝึกออกเสียงร้องเพลงที่ถูกต้อง

       

        ตามการร่ำเรียนจากรุ่นพี่ที่พอจะทราบบ้างว่า การร้องเพลงที่ถูกต้องนั้นร้องแบบไหนรวมทั้งการฝึกวอร์มเสียง ทำให้เสียงเกิดพลัง

        สำหรับภูวพลหรือพลก็คิดถึงเช่นกัน มณีรัชดาไง

แม้ว่าจะฮัมเพลงในขณะนี้จิตใจยังไพล่ไปนึกถึงแฟนสาวแสนสวยนั่นจนได้

ฐานะยศก็มองออกและเขาไม่ได้ว่าเพื่อนหรือเย้าแต่อย่างใด อาจจะเป็นเพราะว่าเขารู้ว่าเพื่อนคนนี้เจอแรงกระทบรอบด้านมามากเพียงพอแล้ว เลยมองด้วยความรู้สึกสงสารและเห็นใจมากกว่า จากนั้นจึงชะงักวางมือทิ้งที่สายกีต้าร์

        “คิดถึงแฟน”

ฐานะยศหลุดพูดออกมาคำหนึ่งมองเห็นอารมณ์เหงาๆกับใจที่ว้างๆ เหมือนคนยังเหม่อลอยอยู่ 

อีกฝ่ายแม้ไม่หันมาตอบทีเดียวแต่ก็พยักหน้า

        “แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง  เห็นบอกว่าจบแล้วนี่”

        “ใช่ จบแล้ว พร้อมกันกำลังหางานทำนี่ล่ะ” 

        หันมาพูดกับเพื่อนแล้วก็ยังทำสีหน้าเซ็งพร้อมหนักใจตอบ       “มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอกนะ เท่าที่ลองสมัครดูแล้วหลายที่ มันเงียบไปหมด ทำให้ฉันรู้ว่างานนี่มันหายากเหมือนกัน ที่เขาบอกว่าจบๆกันมาแล้ว หางานทำไม่ได้ ตกงานก็เพิ่งมาเจอกับตัวเอง”      

        ฟังเพื่อนอธิบายเล่าให้ฟังฐานะยศรู้สึกเห็นด้วย 

แต่เขาก็ไม่รู้ที่จะช่วยยังไง  เพราะตัวเองยังไม่ได้ทำงานเช่นกัน 

        มัวแต่ฝึกซ้อมร้องเพลง เพราะความฝันที่ถูกแปลนอยู่ในหัวสมอง

        หากมณีรัชดาไม่รู้จะออกไปไหน เพราะกรุงเทพไม่เหมาะสำหรับเธอเดินเที่ยวหรอก อีกทั้งมันกว้างขวาง ลำพังแค่เดินย่ำหางานจนรองเท้าแทบจะสึกไปหลายคู่

หนำซ้ำมาเจอแดดจัดจ้าอย่างนี้ด้วย ไม่รู้จะอ้าวอบไปถึงไหน  ผิวของหล่อนถูกแผดเผาจนแทบว่าจะไหม้เกรียมด้วยซ้ำ แต่ไม่อยากบ่นมาก บ่นไปก็เท่านั้น        

        นั่งในรถเมล์นานแสนนานรู้สึกอึดอัด พอลงจากรถได้รู้สึกโล่งไปหมด  มณีรัชดานึกถึงงานในหัวสมอง ทำไมมันช่างหาได้ยากเย็นนัก  เรียนจบมาแทบตาย ยังจะต้องเดินหางานหัวหกก้นขวิด กระทั่งรองเท้าสึกไปแล้วคู่หนึ่ง

ถอนใจอีกครั้ง พรุ่งนี้คงเป็นเช่นเดิม แต่ในยามที่เธอนึกเบื่อมากเข้า มณีรัชดามักจะชอบแวะมาที่เดิม

คือสถานที่หล่อนนัดพบกับภูวพล

        สถานที่กลางแจ้งซึ่งมีผู้คนมากมายหลากหลายอาชีพมาทำกิจกรรม  สวมลุมพินีแห่งนี้ เห็นต้นไม้ใหญ่ทอดเงาร่มครื้ม น่าเดินเล่นพักผ่อน ใบสีเขียวทำให้สดใสและสดชื่นสายตา

หล่อนชอบที่จะเดินเล่นเรื่อยเปื่อยรอบสระน้ำ

มณีรัชดาเหมือนกับไม่มีที่ไป หญิงสาวเห็นว่าปอดใหญ่กลางกรุงแห่งนี้เป็นสถานที่น่าแวะมา ทั้งที่ฝั่งธนใกล้บ้านก็มีสวยธนบุรีรื่นรมย์แต่หล่อนก็ยังอยากลำบากนั่งรถเมล์มาที่สวนลุม

        หญิงสาวทรุดนั่งที่ม้านั่งว่าง อาจจะเริ่มบ่ายสองโมง ในสวนจึงไม่ได้ดูเหงา แต่ก็มีมีหนุ่มสาวที่เดินผ่านประตูเข้ามาเรื่อย บางคู่สวนกลับออกไป อาจจะกลับบ้านหรือซื้อขนมขบเคี้ยวผลไม้รถเข็นที่มีขายอยู่ข้างนอก

        แถวนี้เป็นย่านธุรกิจการค้ากลางเมืองหลวงใหญ่ แต่หล่อนไม่สามารถหางานทำได้ มณีรัชดาคิดจะทำอย่างไรดี ความคิดของหล่อนไม่ล้มเหลวหรอก ที่จะต้องหางานทำให้ได้

เขากวาดตามองดูหญิงสาวที่เดินผ่านมา เลือกที่แต่งกายแล้วมั่นใจว่าเป็นพนักงานบริษัทในละแวกนี้

        หนุ่มหล่อดวงตาคมเดินตามหล่อนมา เขาเห็นหลังหล่อนไว ไม่นึกว่าจะได้พบ จอมพลว่างงานเหมือนเคย มีเวลาว่างมักจะแวะมาหาเพื่อนที่ทำงานอยู่ในละแวกนี้ 

และเขาชอบเดินเตร่แถวสวนลุมฆ่าเวลาเล่นดูนั่นนี่พอให้สมองปลอดโปร่งบริษัทของเพื่อนสนิทอยู่ตรงข้ามสวยลุมนี่เอง ตึกใหญ่หรูหรา ติดกันสองสามตึก สูงสามสิบชั้นขึ้นไป บนถนนพระราม สี่

        มณีรัชดาเลยแปลกใจ หล่อนจำหน้าเขาได้ เพราะว่าเคยคุ้น จึงทักก่อน

เพราะร่างของเขามุ่งประสงค์มาทางหล่อน       

“คุณ”

เขายิ้มให้

        “ครับผมเอง คิดว่าคงจำได้”

จอมภูอยากบอกว่าเคยพบเจอกันแล้วต่างหาก โดยเฉพาะเรื่องราวส่วนตัวของเธอเขาจำเป็นต้องติดตาม 

เพราะคิดว่าทำไมต้องมาเกาะแกะอยู่กับน้องชายของเขา 

       

        หากในดวงตาของเขาแฝงความเจ้าเล่ห์กระด้างที่หล่อนมองลึกไม่ถึง  มณีรัชดานิ่ง คิดว่าเคยเห็นหน้าเพียงแค่ครั้งเดียวเอง จะว่าเคยคุ้นไม่ถูกจัดว่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับหล่อนด้วยซ้ำ

        “ฉันจำได้ว่า เคยเจอคุณบนรถเมล์”

        ความจำหล่อนแม่นจนเขาต้องพยักหน้า

        “ครับผมเอง”เขาพยักหน้า

        หญิงสาวใช้สายตาสังเกตชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง  เขาแต่งกายดีกว่าคนที่หล่อนพบในครั้งนั้น

        “ดูเหมือน ..ไม่น่าจะใช่ คุณแต่งตัวดีผิดไปจากคนที่ดิฉันเห็น”

        “ใช่ครับคนเดียวกันดูเหมือนผมจะได้งานทำแล้ว”ดวงตาของหล่อนเบิกกว้าง

        “หรือคะดีใจด้วย”

        ส่วนหล่อนเองยังหางานทำไม่ได้ด้วยซ้ำ  แต่หล่อนไม่เคยรู้เลยว่าผู้ชายตรงหน้าโกหก เพราะว่า เขาจะต้องหางานทำไปทำไม ในเมื่อเขาเป็นเจ้าของบริษัท  มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารใหญ่โต เทียบกับหล่อนแล้วมันกระจอก

        “แล้วคุณล่ะมาทำอะไรที่นี่”

        เขาเงยหน้าขึ้นมองหล่อนขมวดคิ้ว

        “ฉันไม่มีที่ไปค่ะ เลยมาเดินเล่นที่นี่”

        มาเดินเล่นหรืออ่อยเหยื่อรายใหม่ เขาจึงแปลกใจอุทานเสียงสูงเหมือนไม่เชื่อ

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status