“สุดซอยบ้านของฉันไง มันมีลานโล่งวะเอาเสื่อไปปูด้วย ตรงนั้นเป็นบ้านร้าง ติดคลอง ดีซะอีกไม่มีคนรบกวน”
ภูวพลเห็นว่าเข้าท่าเหมือนกัน เลยตกลง เลือกเอาสถานที่ซึ่งเป็นท้ายซอยติดคลองมีดงโสนกับกอผักบุ้ง และกระท่อมร้างที่เหมาะเจาะสำหรับนั่งเล่นกีร์ต้าร้องเพลง
ใจของฐานะยศคิดโลดแล่นไปไกลเพราะเขาอยากจะเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงได้บันทึกเสียง
วันนี้ภูวพลจึงขอทำใจสงบสักวัน แล้วเขาต้องแบกตัวเองไปพบกับปัญหาทางบ้าน ปัญหาการกีดกันทางรักที่แก้ไขไม่ได้ซักที
เมื่ออยู่ในโลกส่วนตัวเช่นนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองสงบ ปล่อยใจไปกับการจินตนาการผ่านอารมณ์เสียงที่เปล่งเป็นธรรมชาติจากกระบังลมผ่านลำคอ เขาพยายามที่จะฝึกออกเสียงร้องเพลงที่ถูกต้อง
ตามการร่ำเรียนจากรุ่นพี่ที่พอจะทราบบ้างว่า การร้องเพลงที่ถูกต้องนั้นร้องแบบไหนรวมทั้งการฝึกวอร์มเสียง ทำให้เสียงเกิดพลัง
สำหรับภูวพลหรือพลก็คิดถึงเช่นกัน มณีรัชดาไง
แม้ว่าจะฮัมเพลงในขณะนี้จิตใจยังไพล่ไปนึกถึงแฟนสาวแสนสวยนั่นจนได้
ฐานะยศก็มองออกและเขาไม่ได้ว่าเพื่อนหรือเย้าแต่อย่างใด อาจจะเป็นเพราะว่าเขารู้ว่าเพื่อนคนนี้เจอแรงกระทบรอบด้านมามากเพียงพอแล้ว เลยมองด้วยความรู้สึกสงสารและเห็นใจมากกว่า จากนั้นจึงชะงักวางมือทิ้งที่สายกีต้าร์
“คิดถึงแฟน”
ฐานะยศหลุดพูดออกมาคำหนึ่งมองเห็นอารมณ์เหงาๆกับใจที่ว้างๆ เหมือนคนยังเหม่อลอยอยู่
อีกฝ่ายแม้ไม่หันมาตอบทีเดียวแต่ก็พยักหน้า
“แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เห็นบอกว่าจบแล้วนี่”
“ใช่ จบแล้ว พร้อมกันกำลังหางานทำนี่ล่ะ”
หันมาพูดกับเพื่อนแล้วก็ยังทำสีหน้าเซ็งพร้อมหนักใจตอบ “มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอกนะ เท่าที่ลองสมัครดูแล้วหลายที่ มันเงียบไปหมด ทำให้ฉันรู้ว่างานนี่มันหายากเหมือนกัน ที่เขาบอกว่าจบๆกันมาแล้ว หางานทำไม่ได้ ตกงานก็เพิ่งมาเจอกับตัวเอง”
ฟังเพื่อนอธิบายเล่าให้ฟังฐานะยศรู้สึกเห็นด้วย
แต่เขาก็ไม่รู้ที่จะช่วยยังไง เพราะตัวเองยังไม่ได้ทำงานเช่นกัน
มัวแต่ฝึกซ้อมร้องเพลง เพราะความฝันที่ถูกแปลนอยู่ในหัวสมอง
หากมณีรัชดาไม่รู้จะออกไปไหน เพราะกรุงเทพไม่เหมาะสำหรับเธอเดินเที่ยวหรอก อีกทั้งมันกว้างขวาง ลำพังแค่เดินย่ำหางานจนรองเท้าแทบจะสึกไปหลายคู่
หนำซ้ำมาเจอแดดจัดจ้าอย่างนี้ด้วย ไม่รู้จะอ้าวอบไปถึงไหน ผิวของหล่อนถูกแผดเผาจนแทบว่าจะไหม้เกรียมด้วยซ้ำ แต่ไม่อยากบ่นมาก บ่นไปก็เท่านั้น
นั่งในรถเมล์นานแสนนานรู้สึกอึดอัด พอลงจากรถได้รู้สึกโล่งไปหมด มณีรัชดานึกถึงงานในหัวสมอง ทำไมมันช่างหาได้ยากเย็นนัก เรียนจบมาแทบตาย ยังจะต้องเดินหางานหัวหกก้นขวิด กระทั่งรองเท้าสึกไปแล้วคู่หนึ่ง
ถอนใจอีกครั้ง พรุ่งนี้คงเป็นเช่นเดิม แต่ในยามที่เธอนึกเบื่อมากเข้า มณีรัชดามักจะชอบแวะมาที่เดิม
คือสถานที่หล่อนนัดพบกับภูวพล
สถานที่กลางแจ้งซึ่งมีผู้คนมากมายหลากหลายอาชีพมาทำกิจกรรม สวมลุมพินีแห่งนี้ เห็นต้นไม้ใหญ่ทอดเงาร่มครื้ม น่าเดินเล่นพักผ่อน ใบสีเขียวทำให้สดใสและสดชื่นสายตา
หล่อนชอบที่จะเดินเล่นเรื่อยเปื่อยรอบสระน้ำ
มณีรัชดาเหมือนกับไม่มีที่ไป หญิงสาวเห็นว่าปอดใหญ่กลางกรุงแห่งนี้เป็นสถานที่น่าแวะมา ทั้งที่ฝั่งธนใกล้บ้านก็มีสวยธนบุรีรื่นรมย์แต่หล่อนก็ยังอยากลำบากนั่งรถเมล์มาที่สวนลุม
หญิงสาวทรุดนั่งที่ม้านั่งว่าง อาจจะเริ่มบ่ายสองโมง ในสวนจึงไม่ได้ดูเหงา แต่ก็มีมีหนุ่มสาวที่เดินผ่านประตูเข้ามาเรื่อย บางคู่สวนกลับออกไป อาจจะกลับบ้านหรือซื้อขนมขบเคี้ยวผลไม้รถเข็นที่มีขายอยู่ข้างนอก
แถวนี้เป็นย่านธุรกิจการค้ากลางเมืองหลวงใหญ่ แต่หล่อนไม่สามารถหางานทำได้ มณีรัชดาคิดจะทำอย่างไรดี ความคิดของหล่อนไม่ล้มเหลวหรอก ที่จะต้องหางานทำให้ได้
เขากวาดตามองดูหญิงสาวที่เดินผ่านมา เลือกที่แต่งกายแล้วมั่นใจว่าเป็นพนักงานบริษัทในละแวกนี้
หนุ่มหล่อดวงตาคมเดินตามหล่อนมา เขาเห็นหลังหล่อนไว ไม่นึกว่าจะได้พบ จอมพลว่างงานเหมือนเคย มีเวลาว่างมักจะแวะมาหาเพื่อนที่ทำงานอยู่ในละแวกนี้
และเขาชอบเดินเตร่แถวสวนลุมฆ่าเวลาเล่นดูนั่นนี่พอให้สมองปลอดโปร่งบริษัทของเพื่อนสนิทอยู่ตรงข้ามสวยลุมนี่เอง ตึกใหญ่หรูหรา ติดกันสองสามตึก สูงสามสิบชั้นขึ้นไป บนถนนพระราม สี่
มณีรัชดาเลยแปลกใจ หล่อนจำหน้าเขาได้ เพราะว่าเคยคุ้น จึงทักก่อน
เพราะร่างของเขามุ่งประสงค์มาทางหล่อน
“คุณ”
เขายิ้มให้
“ครับผมเอง คิดว่าคงจำได้”
จอมภูอยากบอกว่าเคยพบเจอกันแล้วต่างหาก โดยเฉพาะเรื่องราวส่วนตัวของเธอเขาจำเป็นต้องติดตาม
เพราะคิดว่าทำไมต้องมาเกาะแกะอยู่กับน้องชายของเขา
หากในดวงตาของเขาแฝงความเจ้าเล่ห์กระด้างที่หล่อนมองลึกไม่ถึง มณีรัชดานิ่ง คิดว่าเคยเห็นหน้าเพียงแค่ครั้งเดียวเอง จะว่าเคยคุ้นไม่ถูกจัดว่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับหล่อนด้วยซ้ำ
“ฉันจำได้ว่า เคยเจอคุณบนรถเมล์”
ความจำหล่อนแม่นจนเขาต้องพยักหน้า
“ครับผมเอง”เขาพยักหน้า
หญิงสาวใช้สายตาสังเกตชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง เขาแต่งกายดีกว่าคนที่หล่อนพบในครั้งนั้น
“ดูเหมือน ..ไม่น่าจะใช่ คุณแต่งตัวดีผิดไปจากคนที่ดิฉันเห็น”
“ใช่ครับคนเดียวกันดูเหมือนผมจะได้งานทำแล้ว”ดวงตาของหล่อนเบิกกว้าง
“หรือคะดีใจด้วย”
ส่วนหล่อนเองยังหางานทำไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่หล่อนไม่เคยรู้เลยว่าผู้ชายตรงหน้าโกหก เพราะว่า เขาจะต้องหางานทำไปทำไม ในเมื่อเขาเป็นเจ้าของบริษัท มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารใหญ่โต เทียบกับหล่อนแล้วมันกระจอก
“แล้วคุณล่ะมาทำอะไรที่นี่”
เขาเงยหน้าขึ้นมองหล่อนขมวดคิ้ว
“ฉันไม่มีที่ไปค่ะ เลยมาเดินเล่นที่นี่”
มาเดินเล่นหรืออ่อยเหยื่อรายใหม่ เขาจึงแปลกใจอุทานเสียงสูงเหมือนไม่เชื่อ
“คุณเนี่ยนะ มาเดินเล่นที่สวนลุม” มณีรัชดาเริ่มสีหน้าไม่พอใจบ้างนี่มันเรื่องของหล่อน แล้วแววตาของหล่อนบึ้ง ทำไมล่ะเขามากักกันสิทธิ์ของหล่อนหรือยังไง จึงย้อนถาม “ทำไมคะผู้หญิงเข้ามาเดินสวนลุมเป็นยังไงหรือ ผิดด้วยหรือคะ” “มันดูไม่ดี เขาจะกล่าวหาว่ามาอ่อยเหยื่อล่อเอ้อ ดักผู้ชายแถวนี้ไงครับ”เขาต้องหนีบความสุภาพเอาไว้ก่อนวาจาร้ายแดกดันคอยเอาไว้ใช้เฉพาะยามที่ต้องการแค่นี้ ต้องการให้นางสมันน้อยตายใจก่อน มณีรัชดาแปลกใจกับผู้ชายคนนี้ เหมือนเขาประชดหล่อน หากแต่หล่อนไม่สนใจหรอก แค่คนแปลกหน้าที่เผอิญมาพบเจอกันครั้งที่สอง “คุณคงทำงานอยู่แถวนี้ แต่มีเวลาเหลือเฟือมาเดินเล่นหรือคะ” “เป็นเพราะผมนัดลูกค้าเอาไว้ แต่ยังไม่ถึงเวลานัดครับ”เขาจำใจปดหล่อน มณีรัชดาก็มีสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อนักหรอก หากแต่ก็พยักหน้า “ค่ะคุณเลยมีเวลาว่างถมเถ” วาจาหล่อนย้อนเหน็บก็ไม่เบานี่ “แล้วคุณล่ะ ทำงานที่ไหนครับ” “เอ้อฉันตกงานอยู่ค่ะ”มณีรัชดาหันมาตอบเขา“ “ยังหางานทำไม่ได้”ตอบแล้วก็เบือนหน้าไปทางอื่นชายหนุ่มทราบแต่เขาก็เอ่ย
เห็นเพื่อนสีหน้าตึงอย่างนี้ จตุทิศเอ่ยพร้อมกับขมวดคิ้ว “งั้น ก็เท่ากับหล่อนจะกลายเป็นว่าที่น้องสะใภ้ของนายล่ะสิ” เลยทำให้อีกฝ่ายกลับเหยียดริมฝีปากบิดเบ้ใต้กรอบดวงหน้าคมคายหล่อเหลา จนเพื่อนรับรู้เมื่อเขาย้อนคำเหยียด “เป็นน้องสะใภ้นะหรือ เฮอะ ฝันไปไกลแล้วมั้ง ไม่มีทาง ฉันนี่ละ จะกีดกันผู้หญิงคนนี้ทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้เข้าใกล้น้องชายฉัน” และจอมภูก็เผลอเสียงเข้มประกาศออกมาให้เพื่อนช่วยรับรู้ ครั้นเมื่อจตุทิศรู้ว่าอารมณ์ที่ฮึดฮัดของเพื่อนรักในยามนี้นั้นมันประจุด้วยไฟแค้นที่โชนลึกในดวงตายามแสดงออกมาแววตาเขาแดงก่ำและ ถมึงทึง “หล่อนชื่ออะไร” “มณีรัชดา” “ชื่อเพราะนี่”เพื่อนรักนึกชม “ชื่อเพราะ แต่จิตใจไม่เพราะเหมือนชื่อก็ได้..พอเห็นน้องชายฉันมีเงินก็เอาตัวเองมาหว่านเสน่ห์ใกล้ๆแต่นายรู้มั๊ยฉันมีแผนแล้ว” หันมาตอบเพื่อนแล้วมุมฝีปากขยับยิ้มเหยียด ก่อนหรี่ดวงตาหันมามองเพื่อนอีกครั้ง “ฉันจะให้เจ้าดลช่วย” ทำให้เพื่อนสนิทเลยอุทานออกมา “เฮ้ยไอ้ดล นั่นถนัดภาพนู้ดนะเว้ยจอม” จอมภูยังเอ่ยตอบสีหน้าเ
ฮึ ทำให้หนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่นั้นเดือดจัด ด้วยดวงตาที่วาวเข้มที่น้องชายคนเดียวนั้นก็ไม่เชื่อฟัง หลงมืดมัวถลำบอดไปกับความรักของมัน ฮึ ความรักที่กัดก้อนเกลือกินของทั้งคู่นะสิ หากแต่จอมภูกลั้นใจทนฟังต่อ และกายไม่เคลื่อนไหวใดอันจะทำให้น้องชายจับผิดได้เพราะเขาก็ซุ่มตัวอยู่เงียบๆในเวลานี้ “พลแทบจะคิดถึงณีมากนี่ คิดถึงจนลมหายใจเข้าออกเลยนะเอ้อนี่ถามณีหน่อยเรื่องสมัครงาน เขาโทร.มาตามอีกบ้างหรือเปล่า” เมื่อภูวพลเอ่ยถามเรื่องนี้ มณีรัชดาเงียบไปครู่และหม่นลงด้วยสีหน้าที่ผิดหวังขึ้นมา “ยังจ้ะ ไม่เห็นเรียกตัวเลยสักที่” คำตอบของแฟนสาวทำให้เขาเงียบไปครู่ก่อนจะให้กำลังใจ “ก็พลบอกณีแล้วว่า จะช่วยหาให้ บริษัทเพื่อนของพ่อ ณีก็ไม่เอา เห็นไหม อวดเก่งกับความสามารถของตัวเองนัก สุดท้ายก็ไม่ได้งาน” เขาบ่นที่มณีรัชดายึดมั่นถือมั่นในตัวเองมากเกินไปจนชวดงาน EP 6เพราะหล่อนอยากหาด้วยตัวเอง หญิงสาวคิดเช่นนั้น “พลเคยบอกแล้วให้เชื่อพลแล้วก็ใจอ่อนเสีย บริษัทเพื่อนของพ่อพลมี แต่ณีก็ใจแข็ง” ใช่หล่อนยอมรับว่าหล่อนดื้อในเรื่องนี้ เพราะไม่อยากพึ่งเขา
จอมภูก็ยังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียวอีกครั้ง แม้น้องชายจะเอ่ยธุระจบ สีหน้ายิ้มแย้มเหมือนสุขใจ หากแต่เขาผู้เป็นพี่ชายกลับหน้าตึง หรี่ดวงตาเงยมองน้องชาย “นี่แกจะออกไปไหนอีก.. ออกไปข้างนอกหรือเปล่า” จอมภูเอ่ยเสียงเข้มแววตาหมิ่นเยาะไปยังน้องชาย ภูวพลสะบัดเหมือนจะไม่แคร์สนใจในสิ่งที่พี่ชายเอ่ย เขายังทำตัวผ่าเผยยักไหล่แบบไม่แคร์ ก้าวเดินหนีอีก “นี่ ฉันถามแกดี..แกจะออกไปไหนอีก แล้วเมื่อกี้ใครโทร.มาหาแก” “ธุระของผม มันเป็นเรื่องส่วนตัว จะออกไปไหนหรือไม่ออก ผมเคยบอกแล้วว่า พี่ใหญ่อย่ามายุ่งกับชีวิตของผม”เขาก็เสียงเข้มเอ่ยโต้กลับไปทันควัน แสยะใบหน้าใส่อย่างไม่พอใจ จนจอมภูนึกเดือดดาลยิ่งนักกับท่าทีแข็งกระด้างของน้องชาย ทั้งที่เขาแอบฟังคนทั้งสองสนทนา แต่ก็อยากจะรู้ลึกลงไปกว่านั้น “ฮึ นี่นะ ถ้าแม่กับพ่อไม่ฝากให้ฉันดูแลแกล่ะก็ จ้างให้ฉันก็ไม่แยแสเลย ว่าแกนั้นจะตกนรกหมกไหม้ยังไงก็เชิญ เพราะแกมันดื้อ ไม่เคยเชื่อฉัน” นับว่าเป็นคำพูดที่ร้ายกาจทิ้งขว้างและไม่ไยดีพอสมควรสำหรับคนเป็นพี่ชาย เมื่อเขาเอ่ยถึงน้องชาย หากคนฟังนั้นใจเจ็บแปลบ
ครั้นพอเข้าไปดูใกล้ๆ ที่มือถือซึ่งปรากฏมีเบอร์โทร.เข้ามา และในขณะที่หล่อนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อที่จะออกไปข้างนอกอีกครั้ง ก็มีมือถือดังขึ้นอีกครั้ง ด้วยอารามดีใจ ก็ทำให้เธอรีบคว้าเข้ามาแนบหูเอ่ยถามทันที “มณีรัชดาพูดค่ะ จากไหนคะ” หากว่าเสียงนุ่มทุ้มตอบด้วยอารมณ์ดีใจที่หล่อนยอมรับสาย และโดยไม่ทำให้เขานั้นหน้าหงิกหน้างอหงุดหงิดอย่างเมื่อครู่ “ผม วิภัส ครับ คนที่คุณพบเจอเมื่อตอนกลางวันที่สวนลุม สักสามวันได้แล้วครับ เอ้อ โทร.มาสอบถามว่า คุณสนใจที่จะทำงานตามนามบัตรที่ผมระบุไว้มั๊ยครับ” เสียงนุ่มทุ้มที่เคยคุ้น อ๋อหล่อนจำได้แล้วใจหล่อนแฟบลง นึกว่าฝ่ายบุคคลของบริษัทที่หล่อนสมัครงานทิ้งไว้โทร.มาตาม เมื่อรู้ว่าเป็นเขา แล้วหล่อนก็ถอนใจ พยายามนึกถึงชายหนุ่มรูปร่างสูงใบหน้าคมคาย ที่มณีรัชดานึกคิดว่า ท่าทางเขาแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ เป็นเพราะหล่อนไม่ไว้ใจนะสิ แต่ก็ยอมเอ่ยพูดด้วย เหตุผลเพราะเขาพูดกับหล่อนดี และน้ำใจของมณีรัชดาคือ หากใครพูดตอบหล่อนมาดี หล่อนก็จะตอบด้วยสิ่งที่ดี อันบ่งบอกถึงมารยาทจากใจ “ค่ะ ดิฉันจำได้ ว่าไงนะคะ จะให้ดิฉันเข้
“คุณมณีรัชดา”สุ้มเสียงนั้นเอ่ยชื่อหล่อนเมื่อหล่อนมาถึงที่นัดหมายด้วยความกล้ากึ่งกลัวในหัวใจ.. แต่มณีรัชดาพยายามจะสลัดอารมณ์เหล่านี้ทิ้ง ถ้าหล่อนมัวแต่กลัว ก็คงไม่ได้งานนะสิ เพราะอยากทำงานมากกว่า ตกงาน “ค่ะ” “ผมจราดลนะครับ ไอ้ภัสเพื่อนผม คงแนะนำแล้วว่า มันบอกผมว่าคุณเต็มใจจะร่วมงานกับเรา งั้นเชิญมาทางนี้ครับ” เขาผายมือเชื้อเชิญมณีรัชดาแต่หล่อนอึ้ง ยังไม่กล้าลุกก้าวตามไป อะไรกันเขาเรียกให้ลุก นี่ หล่อนก็จะลุกแล้วหรือ เนื่องจากหล่อนกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ไม่ดี และกลัวนัก แล้วนี่ ปล่อยให้หล่อนอยู่ตามลำพังกับเขาทั้งสองต่อสองหรือ แล้วผู้หญิง ผู้ชายคนอื่นหายไปไหนหมด หล่อนยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจ เดินตามเขาไปหรอกนะ ยังอึกอักและลังเลใจ “อ้าว ตามผมมาสิครับ.. มัวนั่งอยู่ทำไม” หล่อนอึ้ง จะตอบเขาอย่างไรดี จราดลเลยบอก “ผมต้องเทสต์งาน คุณอย่ากลัวเลยครับ ถ้ากลัวคงไม่ต้องทำงานนี้หรอก ข้างในยังมีช่างภาพ ช่างไฟ อยู่อีกสามสี่คน ช่างแต่งหน้าด้วย เขาเป็นผู้หญิงเหมือนคุณ”แบบนี้มณีรัชดาค่อยถอนใจอย่างโล่งอก ยอมเดินตามเขาไป “
จอมภูคิดในใจเพราะหล่อนใจร้อนจริงๆถ้าไม่สบใจหล่อนและความพึงพอใจของหล่อนก็จากไปทันที..แต่ยังหรอกแผนของเขายังไม่สัมฤทธิ์ และจะไม่ยอมให้หล่อนหลุดจากตรงนี้ไปได้ง่ายหรอก อีกอย่างเพราะเขาทราบมาว่าน้องชายของเขากำลังจะหางานทำให้หล่อนโดยฝากญาติ และคนรู้จักเขาไม่ต้องการให้คนอย่างมณีรัชดาเหยียบเข้าไปทำงานกับเครือญาติของเขา และงานที่นี่ดูจะเหมาะกับเธอ เป็นงานด้านบัญชี หรือเป็นผู้ช่วยพี่สาวของจราดลก็ได้ และอีกอย่างฝ่ายคอสตูมดูแลเสื้อผ้าของนักแสดงหรือเลือกเฟ้นนักแสดงกับปันณชาหากเพราะในเวลานี้ มณีรัชดาไม่อยากจะรอเพราะหล่อนไม่มีความอดทนมากถึงขนาดนั้นยิ่งด้วยเขาทำให้หล่อนอารมณ์เสียและรู้สึกว่ามาเก้อ และถูกหลอกยิ่งได้มาเจอหน้าวิภัสชายหนุ่มที่หล่อนจำหน้าเขาได้ชายหนุ่มหล่อเงยหน้ามองอีกครั้ง เขาพยายามใจเย็นให้มากที่สุดขณะที่สาวสวยตรงหน้า เห็นชัดว่าหล่อนกำลังอึดอัดอย่างที่สุด “เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณเองครับ แต่ขอรับปากว่า คุณได้งานทำแน่ ถ้าหากไม่เลือกมาก” หญิงสาวเงยหน้าหวานคม จ้องเขา ที่ดวงตาของหล่อนนั้นระยับวับวาว “งานอะไรกัน..งานสกปรกที่คุณกับเพื่อนคุณกำลังจะหลอ
จราดลเอ่ยใส่หน้าเพื่อนเขาแทบจะหัวเราะเยาะใส่จราดลในทันที “บ้า ไอ้ดล ตลกแค่คำขู่ผู้หญิงคนนี้ นายก็กลัวแล้วหรือไงสำหรับคนอย่างไอ้จอมภู นะ ไม่โว้ย..ฉันมีวิธีของตัวเอง” “หมายความว่าวะ ที่อยากจะตอแย หาเรื่องหล่อนอีกว่างั้นเหอะ” จอมภูหรี่ดวงตาคม ไปทางเพื่อน เอ่ยเยาะ “ไม่ใช่กงการอะไรของนาย..ฮึหรือว่านายเกิดสนใจ” “แน่นอนล่ะ สวยขนาดนี้ นี่ถ้าไม่มีป้ายแขวนคอติดไว้จากน้องชายของนาย ฉันกระโดดเข้าไปตะครุบแล้ว.. แต่ท่าทางต่อยหนักฤทธิ์เยอะ..แต่ฉันก็ชอบเธอน่าคบหาด้วย”แล้วเอ่ยอีก “นายไปเจอที่ไหนวะ ถึงรู้ว่าเป็นเอ้อ แฟนของน้องชายนาย” “เจอกันครั้งสุดท้ายที่สวนลุม แต่ว่าก่อนหน้านั้น ฉันแอบติดตามสะกดรอยมาสักระยะแล้วเพิ่งรู้ว่าหล่อนตกงาน หางานทำไม่ได้” “อ้าว งั้น เข้าทางพอดีล่ะ ไอ้เสือที่อยากกินลูกแกะอย่างนาย มันก็เข้ามาสวมรอยเสียเลยใช่ไหมวะเพื่อน” “ก็ใช่สิวะ”จอมภูตอบอย่างไม่เห็นมีปัญหาอะไร เขาขมุบขมิบปากยังเข่นเขี้ยวไปถึงสาวสวยที่เพิ่งจากไป หมั่นไส้ด้วยกับท่าทางหยิ่งจองหอง ทั้งที่ฐานะไม่มีอะไรจะเทียบชั้นเขาได้ “หล่อนเป็นประเภท