เห็นเพื่อนสีหน้าตึงอย่างนี้ จตุทิศเอ่ยพร้อมกับขมวดคิ้ว
“งั้น ก็เท่ากับหล่อนจะกลายเป็นว่าที่น้องสะใภ้ของนายล่ะสิ”
เลยทำให้อีกฝ่ายกลับเหยียดริมฝีปากบิดเบ้ใต้กรอบดวงหน้าคมคายหล่อเหลา
จนเพื่อนรับรู้เมื่อเขาย้อนคำเหยียด
“เป็นน้องสะใภ้นะหรือ เฮอะ ฝันไปไกลแล้วมั้ง ไม่มีทาง ฉันนี่ละ จะกีดกันผู้หญิงคนนี้ทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้เข้าใกล้น้องชายฉัน” และจอมภูก็เผลอเสียงเข้มประกาศออกมาให้เพื่อนช่วยรับรู้
ครั้นเมื่อจตุทิศรู้ว่าอารมณ์ที่ฮึดฮัดของเพื่อนรักในยามนี้นั้นมันประจุด้วยไฟแค้นที่โชนลึกในดวงตายามแสดงออกมาแววตาเขาแดงก่ำและ ถมึงทึง
“หล่อนชื่ออะไร”
“มณีรัชดา”
“ชื่อเพราะนี่”เพื่อนรักนึกชม
“ชื่อเพราะ แต่จิตใจไม่เพราะเหมือนชื่อก็ได้..พอเห็นน้องชายฉันมีเงินก็เอาตัวเองมาหว่านเสน่ห์ใกล้ๆแต่นายรู้มั๊ยฉันมีแผนแล้ว” หันมาตอบเพื่อนแล้วมุมฝีปากขยับยิ้มเหยียด ก่อนหรี่ดวงตาหันมามองเพื่อนอีกครั้ง
“ฉันจะให้เจ้าดลช่วย”
ทำให้เพื่อนสนิทเลยอุทานออกมา
“เฮ้ยไอ้ดล นั่นถนัดภาพนู้ดนะเว้ยจอม”
จอมภูยังเอ่ยตอบสีหน้าเหยียดหยันได้
“เฮอะ ใช่ แล้วมันจะแตกต่างอะไรกันล่ะ ก็ให้พี่ปันช่วยดูแลอีกคน คนตกงาน อยากได้งาน”
และเขาหมายถึงพี่สาวของจราดลอีกคน
“ก็รู้หรอกเขาก็เป็นนักปั้นศิลปินอยู่แล้วเป็นออแกไนเซอร์รับจัดงานแล้วพวกเด็กสาวๆหนุ่มๆที่ชอบคลั่งไคล้ดารา ฮึ ..มันอยากจะพาตัวเองมามีชื่อเสียงจะตายพวกนี้”
จอมภูกระแทกเสียงเหมือนรู้ตื้นลึกหนาบางในวงการนี้พอสมควรล่ะ ถึงกล้าพูด
“แล้วเจ้าหล่อนจะยอมหรือยังไงวะ ก็นายเล่นไม่บอกหล่อนล่วงหน้าก่อน”
สีหน้าของจอมภูนั้นเครียดอย่างไม่พอใจ เอ่ยตอบเหมือนกับคำรามตะคอกใส่
“ฮึ เรื่องอะไรจะบอกหล่อนล่ะ ขืนบอกก็จบเห่สิ ไม่งั้นฉันจะคิดแผนพวกนี้เพื่ออะไรล่ะ ถ้าไม่คิดจะต้อนเหยื่อเพื่อให้ติดกับเท่านั้น” จตุทิศก็ไม่รู้ว่าเพื่อนเขาจะร้ายกาจเพียงนี้
แต่ก็ต้องปล่อยวางเพราะไปชี้แจงเพื่อนมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ลองจอมภูปักใจอย่างนั้นจนหัวชนฝาแบบนี้ ใครก็ค้านไม่ได้แล้ว
เมื่อเขาแวะมาหาเพื่อนได้ชั่วโมงเดียว จากนั้นจอมภูก็เดินทางกลับ
ฝ่ายมณีรัชดานั้น เมื่อกลับถึงบ้านก็เข้าช่วยทำขนมต่อ และบรรดาน้าเขยกับน้าสาวกำลังยกซึ้งนึ่งฟักทองไส้สังขยา กับฟักทองเชื่อม ส่วนมารดา กับไพจิตรน้าสาวอีกคนกำลังปั้นแป้งเป็นลูกวงกลมเพื่อทอดไข่นกกระทากับบัวลอยไข่หวาน
จึงทรุดนั่งไหว้ทักพ่อแม่แล้วก็น้าๆแล้วขยับตัวเข้ามาช่วยปั้นแป้ง นางรัชนีเอ่ยถาม
“ได้งานทำแล้วหรือยังล่ะลูก”
สีหน้าเซียวซีดบวกกับเหนื่อยเพลียที่เพิ่งกลับมาลดสายตาลงต่ำอย่างรู้สึกไม่ดีนัก เอ่ยตอบเสียงอ่อย
“ยังจ้ะแม่” คำตอบของบุตรสาวทำให้นางรัชนีเงยหน้ามองด้วยความรู้สึกและสายตาที่ทอดมองอย่างอ่อนโยนก่อนเอ่ย
“แม่เข้าใจดี ลูกเอ้ย งานการมันก็หายากธรรมดาล่ะ ..ถ้างั้นก็อยู่ช่วยแม่ทำขนมขายขนมไปก่อน”
มารดานั้น ไม่มีอะไรนอกจากเอ่ยคำนี้
มณีรัชดาก็พยักหน้า ใจเธอเองอยากจะทำงานในบริษัท ที่พึ่งพาความสามารถของตัวเองมากกว่าจะอยู่ช่วยผลาญเงินทองของพ่อแม่ เพราะยามอยู่กับบ้าน ไม่มีอะไร มณีรัชดาจึงขอเงินกับพ่อแม่มาใช้จ่าย
แต่ว่าการหางานทำได้แสดงว่าจะได้งานและได้เงิน สิ่งนี้น่าจะทำให้มารดาปลื้มใจมากกว่า หล่อนแบมือขอ
“แม่จ๋าณีขอโทษนะจ้ะ ที่ผ่านไปหลายเดือนแล้ว ณีก็ยังหางานทำตามที่รับปากกับตัวเองไม่ได้เลย”
นางรัชนีเงยสีหน้ามองบุตรสาวอีกครั้งอย่างเข้าใจ สีหน้าคลายลง “ไม่เป็นไร แม่เข้าใจลูก ก็อย่างที่แม่บอก งานการมันไม่ได้หาง่ายเหมือนขายขนมอย่างเรา”
เมื่อรู้ว่าหล่อนทำไม่ได้ ไม่อยากให้มารดาผิดหวังในตัว
และมณีรัชดาก็มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
“เอ้อ แต่หนู สัญญากับแม่และกับทุกคนไว้แล้ว”
ทำไมหนอ ก็หล่อนอุตส่าห์เรียนจนกว่าจะจบใช้เวลาสองสามปีเสียทั้งเวลาและเสียเงินค่าเทอมแต่ไม่มีงานการเข้ามารองรับ เป็นหลักประกันได้เลย เป็นโครงการนโยบายขายฝันของรัฐบาลผู้นำประเทศทุกปีตลอดศกก็ว่าได้
ที่ปั้นได้แค่ความฝันแต่ไม่เคยเป็นจริงเป็นจังให้ได้สัมผัส ถึงอย่างไรมณีรัชดาก็ยังไม่สบายใจ เธอต้องพากเพียรหางานทำให้ได้อย่างแน่นอน เอาเถอะงานอะไรเธอไม่เกี่ยงหรอก ขออย่าให้มันลดคุณค่าความมีศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงก็แล้วกัน และดูไม่ต่ำต้อยสำหรับตัวเองเกินไป
ครั้นเมื่อมณีรัชดากลับเข้าห้องของตัวเองอีกครั้ง ก็กดเบอร์รับ
เมื่อเหลือบสายตาดูเป็นเบอร์ของภูวพล หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย
เสียงถามนุ่มทุ้มจากชายหนุ่มคนรักอ่อนโยน
“ณี ครับ นี่พลนะพลคิดถึงณี ถึงโทร.มาหา”
หญิงสาวรับรู้กับน้ำคำหวานของเขา มณีรัชดาชินแล้ว
ภูวพลจัดว่าเป็นผู้ชายที่สุภาพคนหนึ่ง และหล่อนคบหาเขาได้เพราะความสม่ำเสมอในนิสัยใจคอ แม้เขาจะเป็นคนโผงผางอารมณ์ร้อนวู่วามไปบางครั้ง
หากมณีรัชดาเข้าใจอารมณ์ขึ้นลงของเขาอยู่พอสมควร
“ณีทำอะไรอยู่เอ่ย”
หล่อนรู้สึกใจอ่อนลงบ้าง กับน้ำสียงของเขาที่ถามอย่างอนาทร
“ณีอยู่ในห้องค่ะ ตอนนี้อาบน้ำเสร็จแล้วค่ะ และกำลังจะเข้านอน” ตอบด้วยรอยยิ้มเหมือนกัน เบื้องหลังน้ำเสียงที่ได้ยินการสนทนาของทั้งคู่นั้น บริเวณด้านหลังเสาของบ้าน มีบุคคลที่ทั้งสองไม่ปรารถนาให้มารับรู้ ร่วมฟังด้วย
คือพี่ชายของภูวพลที่ยืนเงี่ยหูฟังน้ำเสียงจิ๊จ้ะหวานแหววของน้องชายกับหญิงสาวคนนั้น
จอมพลจำเสียงนั่นได้คงโทร.มาออดอ้อนน้องชายเขาอีกล่ะสิ มารยาของผู้หญิงคงอยากจะจับเหยื่อให้อยู่หมัดแน่นอน
ฮึ ทำให้หนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่นั้นเดือดจัด ด้วยดวงตาที่วาวเข้มที่น้องชายคนเดียวนั้นก็ไม่เชื่อฟัง หลงมืดมัวถลำบอดไปกับความรักของมัน ฮึ ความรักที่กัดก้อนเกลือกินของทั้งคู่นะสิ หากแต่จอมภูกลั้นใจทนฟังต่อ และกายไม่เคลื่อนไหวใดอันจะทำให้น้องชายจับผิดได้เพราะเขาก็ซุ่มตัวอยู่เงียบๆในเวลานี้ “พลแทบจะคิดถึงณีมากนี่ คิดถึงจนลมหายใจเข้าออกเลยนะเอ้อนี่ถามณีหน่อยเรื่องสมัครงาน เขาโทร.มาตามอีกบ้างหรือเปล่า” เมื่อภูวพลเอ่ยถามเรื่องนี้ มณีรัชดาเงียบไปครู่และหม่นลงด้วยสีหน้าที่ผิดหวังขึ้นมา “ยังจ้ะ ไม่เห็นเรียกตัวเลยสักที่” คำตอบของแฟนสาวทำให้เขาเงียบไปครู่ก่อนจะให้กำลังใจ “ก็พลบอกณีแล้วว่า จะช่วยหาให้ บริษัทเพื่อนของพ่อ ณีก็ไม่เอา เห็นไหม อวดเก่งกับความสามารถของตัวเองนัก สุดท้ายก็ไม่ได้งาน” เขาบ่นที่มณีรัชดายึดมั่นถือมั่นในตัวเองมากเกินไปจนชวดงาน EP 6เพราะหล่อนอยากหาด้วยตัวเอง หญิงสาวคิดเช่นนั้น “พลเคยบอกแล้วให้เชื่อพลแล้วก็ใจอ่อนเสีย บริษัทเพื่อนของพ่อพลมี แต่ณีก็ใจแข็ง” ใช่หล่อนยอมรับว่าหล่อนดื้อในเรื่องนี้ เพราะไม่อยากพึ่งเขา
จอมภูก็ยังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียวอีกครั้ง แม้น้องชายจะเอ่ยธุระจบ สีหน้ายิ้มแย้มเหมือนสุขใจ หากแต่เขาผู้เป็นพี่ชายกลับหน้าตึง หรี่ดวงตาเงยมองน้องชาย “นี่แกจะออกไปไหนอีก.. ออกไปข้างนอกหรือเปล่า” จอมภูเอ่ยเสียงเข้มแววตาหมิ่นเยาะไปยังน้องชาย ภูวพลสะบัดเหมือนจะไม่แคร์สนใจในสิ่งที่พี่ชายเอ่ย เขายังทำตัวผ่าเผยยักไหล่แบบไม่แคร์ ก้าวเดินหนีอีก “นี่ ฉันถามแกดี..แกจะออกไปไหนอีก แล้วเมื่อกี้ใครโทร.มาหาแก” “ธุระของผม มันเป็นเรื่องส่วนตัว จะออกไปไหนหรือไม่ออก ผมเคยบอกแล้วว่า พี่ใหญ่อย่ามายุ่งกับชีวิตของผม”เขาก็เสียงเข้มเอ่ยโต้กลับไปทันควัน แสยะใบหน้าใส่อย่างไม่พอใจ จนจอมภูนึกเดือดดาลยิ่งนักกับท่าทีแข็งกระด้างของน้องชาย ทั้งที่เขาแอบฟังคนทั้งสองสนทนา แต่ก็อยากจะรู้ลึกลงไปกว่านั้น “ฮึ นี่นะ ถ้าแม่กับพ่อไม่ฝากให้ฉันดูแลแกล่ะก็ จ้างให้ฉันก็ไม่แยแสเลย ว่าแกนั้นจะตกนรกหมกไหม้ยังไงก็เชิญ เพราะแกมันดื้อ ไม่เคยเชื่อฉัน” นับว่าเป็นคำพูดที่ร้ายกาจทิ้งขว้างและไม่ไยดีพอสมควรสำหรับคนเป็นพี่ชาย เมื่อเขาเอ่ยถึงน้องชาย หากคนฟังนั้นใจเจ็บแปลบ
ครั้นพอเข้าไปดูใกล้ๆ ที่มือถือซึ่งปรากฏมีเบอร์โทร.เข้ามา และในขณะที่หล่อนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อที่จะออกไปข้างนอกอีกครั้ง ก็มีมือถือดังขึ้นอีกครั้ง ด้วยอารามดีใจ ก็ทำให้เธอรีบคว้าเข้ามาแนบหูเอ่ยถามทันที “มณีรัชดาพูดค่ะ จากไหนคะ” หากว่าเสียงนุ่มทุ้มตอบด้วยอารมณ์ดีใจที่หล่อนยอมรับสาย และโดยไม่ทำให้เขานั้นหน้าหงิกหน้างอหงุดหงิดอย่างเมื่อครู่ “ผม วิภัส ครับ คนที่คุณพบเจอเมื่อตอนกลางวันที่สวนลุม สักสามวันได้แล้วครับ เอ้อ โทร.มาสอบถามว่า คุณสนใจที่จะทำงานตามนามบัตรที่ผมระบุไว้มั๊ยครับ” เสียงนุ่มทุ้มที่เคยคุ้น อ๋อหล่อนจำได้แล้วใจหล่อนแฟบลง นึกว่าฝ่ายบุคคลของบริษัทที่หล่อนสมัครงานทิ้งไว้โทร.มาตาม เมื่อรู้ว่าเป็นเขา แล้วหล่อนก็ถอนใจ พยายามนึกถึงชายหนุ่มรูปร่างสูงใบหน้าคมคาย ที่มณีรัชดานึกคิดว่า ท่าทางเขาแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ เป็นเพราะหล่อนไม่ไว้ใจนะสิ แต่ก็ยอมเอ่ยพูดด้วย เหตุผลเพราะเขาพูดกับหล่อนดี และน้ำใจของมณีรัชดาคือ หากใครพูดตอบหล่อนมาดี หล่อนก็จะตอบด้วยสิ่งที่ดี อันบ่งบอกถึงมารยาทจากใจ “ค่ะ ดิฉันจำได้ ว่าไงนะคะ จะให้ดิฉันเข้
“คุณมณีรัชดา”สุ้มเสียงนั้นเอ่ยชื่อหล่อนเมื่อหล่อนมาถึงที่นัดหมายด้วยความกล้ากึ่งกลัวในหัวใจ.. แต่มณีรัชดาพยายามจะสลัดอารมณ์เหล่านี้ทิ้ง ถ้าหล่อนมัวแต่กลัว ก็คงไม่ได้งานนะสิ เพราะอยากทำงานมากกว่า ตกงาน “ค่ะ” “ผมจราดลนะครับ ไอ้ภัสเพื่อนผม คงแนะนำแล้วว่า มันบอกผมว่าคุณเต็มใจจะร่วมงานกับเรา งั้นเชิญมาทางนี้ครับ” เขาผายมือเชื้อเชิญมณีรัชดาแต่หล่อนอึ้ง ยังไม่กล้าลุกก้าวตามไป อะไรกันเขาเรียกให้ลุก นี่ หล่อนก็จะลุกแล้วหรือ เนื่องจากหล่อนกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ไม่ดี และกลัวนัก แล้วนี่ ปล่อยให้หล่อนอยู่ตามลำพังกับเขาทั้งสองต่อสองหรือ แล้วผู้หญิง ผู้ชายคนอื่นหายไปไหนหมด หล่อนยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจ เดินตามเขาไปหรอกนะ ยังอึกอักและลังเลใจ “อ้าว ตามผมมาสิครับ.. มัวนั่งอยู่ทำไม” หล่อนอึ้ง จะตอบเขาอย่างไรดี จราดลเลยบอก “ผมต้องเทสต์งาน คุณอย่ากลัวเลยครับ ถ้ากลัวคงไม่ต้องทำงานนี้หรอก ข้างในยังมีช่างภาพ ช่างไฟ อยู่อีกสามสี่คน ช่างแต่งหน้าด้วย เขาเป็นผู้หญิงเหมือนคุณ”แบบนี้มณีรัชดาค่อยถอนใจอย่างโล่งอก ยอมเดินตามเขาไป “
จอมภูคิดในใจเพราะหล่อนใจร้อนจริงๆถ้าไม่สบใจหล่อนและความพึงพอใจของหล่อนก็จากไปทันที..แต่ยังหรอกแผนของเขายังไม่สัมฤทธิ์ และจะไม่ยอมให้หล่อนหลุดจากตรงนี้ไปได้ง่ายหรอก อีกอย่างเพราะเขาทราบมาว่าน้องชายของเขากำลังจะหางานทำให้หล่อนโดยฝากญาติ และคนรู้จักเขาไม่ต้องการให้คนอย่างมณีรัชดาเหยียบเข้าไปทำงานกับเครือญาติของเขา และงานที่นี่ดูจะเหมาะกับเธอ เป็นงานด้านบัญชี หรือเป็นผู้ช่วยพี่สาวของจราดลก็ได้ และอีกอย่างฝ่ายคอสตูมดูแลเสื้อผ้าของนักแสดงหรือเลือกเฟ้นนักแสดงกับปันณชาหากเพราะในเวลานี้ มณีรัชดาไม่อยากจะรอเพราะหล่อนไม่มีความอดทนมากถึงขนาดนั้นยิ่งด้วยเขาทำให้หล่อนอารมณ์เสียและรู้สึกว่ามาเก้อ และถูกหลอกยิ่งได้มาเจอหน้าวิภัสชายหนุ่มที่หล่อนจำหน้าเขาได้ชายหนุ่มหล่อเงยหน้ามองอีกครั้ง เขาพยายามใจเย็นให้มากที่สุดขณะที่สาวสวยตรงหน้า เห็นชัดว่าหล่อนกำลังอึดอัดอย่างที่สุด “เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณเองครับ แต่ขอรับปากว่า คุณได้งานทำแน่ ถ้าหากไม่เลือกมาก” หญิงสาวเงยหน้าหวานคม จ้องเขา ที่ดวงตาของหล่อนนั้นระยับวับวาว “งานอะไรกัน..งานสกปรกที่คุณกับเพื่อนคุณกำลังจะหลอ
จราดลเอ่ยใส่หน้าเพื่อนเขาแทบจะหัวเราะเยาะใส่จราดลในทันที “บ้า ไอ้ดล ตลกแค่คำขู่ผู้หญิงคนนี้ นายก็กลัวแล้วหรือไงสำหรับคนอย่างไอ้จอมภู นะ ไม่โว้ย..ฉันมีวิธีของตัวเอง” “หมายความว่าวะ ที่อยากจะตอแย หาเรื่องหล่อนอีกว่างั้นเหอะ” จอมภูหรี่ดวงตาคม ไปทางเพื่อน เอ่ยเยาะ “ไม่ใช่กงการอะไรของนาย..ฮึหรือว่านายเกิดสนใจ” “แน่นอนล่ะ สวยขนาดนี้ นี่ถ้าไม่มีป้ายแขวนคอติดไว้จากน้องชายของนาย ฉันกระโดดเข้าไปตะครุบแล้ว.. แต่ท่าทางต่อยหนักฤทธิ์เยอะ..แต่ฉันก็ชอบเธอน่าคบหาด้วย”แล้วเอ่ยอีก “นายไปเจอที่ไหนวะ ถึงรู้ว่าเป็นเอ้อ แฟนของน้องชายนาย” “เจอกันครั้งสุดท้ายที่สวนลุม แต่ว่าก่อนหน้านั้น ฉันแอบติดตามสะกดรอยมาสักระยะแล้วเพิ่งรู้ว่าหล่อนตกงาน หางานทำไม่ได้” “อ้าว งั้น เข้าทางพอดีล่ะ ไอ้เสือที่อยากกินลูกแกะอย่างนาย มันก็เข้ามาสวมรอยเสียเลยใช่ไหมวะเพื่อน” “ก็ใช่สิวะ”จอมภูตอบอย่างไม่เห็นมีปัญหาอะไร เขาขมุบขมิบปากยังเข่นเขี้ยวไปถึงสาวสวยที่เพิ่งจากไป หมั่นไส้ด้วยกับท่าทางหยิ่งจองหอง ทั้งที่ฐานะไม่มีอะไรจะเทียบชั้นเขาได้ “หล่อนเป็นประเภท
ท่านจะได้รับทราบว่าเขาเป็นคนที่ไม่ถือตัว และคิดอย่างไรกับมณีรัชดาคนรักลูกหลานของท่าน อีกอย่างครอบครัวของหล่อนจะได้เปิดโอกาสให้เขาและหล่อนคบหากันอย่างเปิดเผยมากกว่าเดิมฃ ในสิ่งที่ภูวพลต้องการ คือไปไหนมาไหนกับหล่อนโดยไม่มีใครกีดกันและขัดขวาง และเขาจะสบายใจอย่างมากถ้าพ่อแม่ของหล่อนเปิดไฟเขียวให้อีกทีนั่นคือความรักของเขา ที่จะขยับไปใกล้กับความสมหวังเข้าถึงทุกขณะซึ่งอยากจะพูดกับมณีรัชดาอีกครั้งว่า เขาอยากจะแต่งงานกับหล่อนให้เร็วอย่างที่สุด คิดว่าจะออกจากบ้านแล้วก็เช่าที่พักอยู่กันตามลำพังสองคน เขาก็สามารถทำได้ ทำเพื่อความรักของเขาและหล่อน ภูวพลฝันเพ้ออีกครั้ง เมื่อมณีรัชดากลับเข้ามาถึงบ้านแล้วนั้น มารดาจึงเอ่ยทัก“อ้าวกลับมาแล้วยัยณี ได้ความว่ายังไงบ้างลูกเรื่องงาน” มณีรัชดายิ้มให้กับผู้เป็นมารดา “ได้จ้ะแม่ คราวนี้ ณีได้งานทำแล้วค่ะ” “เหรอลูก” นางรัชนีกับไพจิตรน้าสาวพลอยตื่นเต้นไปด้วยพร้อมกับละมือที่กำลังคลุกถั่วเหลืองนึ่งใส่แป้งเพื่อทำถั่วแปบ “เอ้อ แม่กับน้าจะได้หายห่วงซะที” “จ้ะแม่ เขาให้ทำวันพฤหัส” ตอบมารดาอย่างอาร
อีกครั้งที่ภูวพลดีใจอย่างมาก ที่เมื่อรับโทร.จากมณีรัชดานั้น แต่หล่อนกลับมาบอกเขาว่า ได้งานทำแล้ว ซึ่งเขาแปลกใจ แม้เขาจะรู้สึกเสียดายอยู่บ้างที่หล่อนไม่ได้เลือกงานในบริษัทของญาติที่เขาคุยตกลงไว้อย่างดิบดี โธ่ บทจะได้ก็ได้เสียปุบปับอย่างนี้ ไม่คาดฝัน “พลอุตส่าห์ไปร้องขอกับคุณลุงนะครับ ให้ท่านช่วยกั๊กไว้ให้ตำแหน่งนึง ก็พอดีมันว่างไง.. นี่ถ้าณีไม่ตัดสินใจเลือก คงแย่ล่ะ เพราะตำแหน่งนี้ต้องมีคนอื่นรับเอาไป” หากแต่มณีรัชดาก็ตอบเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ค่ะ ก็ปล่อยให้เขารับคนอื่นไปสิจ้ะ พล เพราะณีเพิ่งได้งานกะทันหัน และอังคารนี้จะต้องไปทำแล้วล่ะ” ภูวพลถอนใจ แม้จะรู้สึกน้อยใจแกมผิดหวัง แต่ก็ดีใจกับหล่อนเพราะท่าทางน้ำเสียงของมณีรัชดานั้นตื่นเต้นอย่างดีใจ หล่อนคงชื่นชอบกับงานนี้มาก “ว่าแต่งานเกี่ยวกับอะไรหรือณี เห็นท่าทางตื่นเต้นเหลือเกิน” “ค่ะ งานเกี่ยวกับกองถ่ายจ้ะพล เป็นงานที่ณีรู้สึกตื่นเต้น ที่จะได้เห็นคลุกคลีกับพวกดาราละครทีวี” มณีรัชดาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงและดูแจ่มใส ความจริงงานเกี่ยวกับเบื้องหลังที่ใกล้ชิดกับ