เขาผู้ไม่เชื่อในรัก แต่ความสัมพันธ์ครั้งเดียวกลับเปลี่ยนเขาไปตลอดกาล ธาริกา สาวน้อยแสนสวยที่ดันไปเข้าตา จักรินทร์ คุณหมอที่ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นคาสซาโนว่า เธอเป็นคุณหนูที่ถูกพ่อแม่เลี้ยงดูมาราวกับไข่ในหิน ซึ่งความรักของพ่อแม่ที่คอยปกป้องดูแลอย่างไม่ให้คลาดสายตาทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด เธอไม่สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระโดยไม่แจ้งให้พ่อแม่ได้รับรู้ ด้วยเหตุนี้ประสบการณ์รักเหมือนเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันจึงเป็นศูนย์ แน่นอนว่าเรื่องนั้น...เธอยังคงความบริสุทธิ์ผุดผ่อง เขาเป็นคุณหมอหนุ่มที่ไม่เชื่อเรื่องความรัก เมื่อเขาเจอเธอ เขาถูกความงามของเธอดึงดูดจนไม่อาจปล่อยวางได้ เขาต้องได้เธอ เขาใช้ประสบการณ์อันโชกโชนล่อลวงสาวน้อยที่หมายปองได้สำเร็จ โดยการทำข้อแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน เขาจะสอนประสบการณ์บนเตียงให้เธอ แต่ทั้งหมดนี้ ไม่มีเรื่องหัวใจมาเกี่ยวข้อง ทว่าเหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อความหวั่นไหวเกิดขึ้นในใจ ด้วยอายุที่หางกันมาก อีกทั้งสถานะทางสังคม กลับเป็นอุปสรรคขัดขวางเส้นทางรักของทั้งคู่ สุดท้ายแล้วเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร โปรดไปติดตามกันค่ะ
View More“ดีมาก เพราะฉันเองก็อยากจะย้ายก้นยั่ว ๆ ของเธอมาวางบนโต๊ะทำงานของฉันเต็มทีแล้ว” เขาเว้นจังหวะ “ผมจะเอาเธอจากด้านหลัง”“อืม...”ธาริกาครางฮือในลำคอเบา ๆ รับรู้ได้ถึงความชื้นแฉะที่เพิ่มมากขึ้นในบริเวณส่วนนั้น“คลำหาปุ่มเสียวของเธอสิ” จักรินทร์ออกคำสั่งอีกครั้ง พลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เพื่อที่จะได้มองเห็นทุกกิริยาของหญิงสาวได้อย่างชัดเจนเต็มตา “เล่นกับมัน กดคลึงมัน บีบ หรือจะทำอะไรก็ได้ ที่ทำให้เธอรู้สึกดีที่สุด”ธาริกาไม่รอให้เขาต้องย้ำคำสั่งเป็นครั้งที่สองปุ่มเนื้อเล็ก ๆ ใจกลางความสาวกำลังร่ำร้อง โหยหาการกระตุ้นที่มากยิ่งขึ้น เธอรู้สึกได้ว่าลมหายใจของตนเริ่มถี่กระชั้นขึ้น เมื่อเริ่มลงมือปรนเปรอความสุขให้แก่ตนเองการที่จักรินทร์กำลังจ้องมองมายังทุกอิริยาบถของเธอ กลับยิ่งทำให้ความรู้สึกเสียวซ่านทวีคูณมากยิ่งขึ้นไปอีกในตอนนี้ เธอรู้สึกถึงชุ่มชื้นมากพอที่จะคลึ
สีหน้าของจักรินทร์แสดงถึงความพึงพอใจ“ใช่ นั่นแหละ ฉันคิดว่าฉันชอบมันมาก” เขาค่อย ๆ ยื่นมือมาเชยคางเธอเบา ๆ บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นมองตาเขา “จากนี้ไป เมื่อเราอยู่ในที่ส่วนตัว เธอต้องเรียกฉันว่าแด๊ดดี้ เข้าใจไหม”ธาริกาพยักหน้าเบา ๆ การสัมผัสที่แน่นแต่ไม่เจ็บของเขาทำให้ความรู้สึกแปลก ๆ ไหลวนไปทั่วร่างกาย เธออยากให้เขาออกคำสั่งเธอมากขึ้น บอกให้เธอทำในสิ่งที่เขาต้องการ“พูดสิ” จักรินทร์กระตุ้นเธออีกครั้ง“ค่ะ...แด๊ดดี้” ธาริกาพูดด้วยเสียงเบาแต่ชัดเจน“เด็กดี” เขาปล่อยมือจากปลายคางมนและนั่งพิงหลังอย่างผ่อนคลาย ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดถึงขั้นตอนต่อไป “รู้ไหม มีสิ่งที่เราทำได้โดยไม่ต้องสัมผัสกันเลยตอนนี้ ถ้าเธออยากจะลอง”“อะไรคะ?” ธาริกาถามด้วยความสงสัย เอียงหัวเล็กน้อยอย่างน่ารัก“อย่างแรก มีวิธีที่เธอ และเธอเพียงคนเดียว สามารถทำให
ทั้งสองรับประทานอาหารกันเงียบ ๆ แม้ว่าธาริกาจะสัมผัสได้ว่าจักรินทร์อาจมีเรื่องอยากพูด แต่เธอเลือกที่จะตักแพนเค้กที่ราดน้ำเชื่อมเมเปิลเข้าปากไปเรื่อย ๆเมื่อท้องเริ่มอิ่มและจังหวะการทานช้าลง จักรินทร์จึงหันมาหาหญิงสาว พร้อมที่จะเริ่มบทสนทนาที่เขารอคอยมาตลอดเช้า“เมื่อคืนเธอพูดอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ...”ธาริกาเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย “อะไรหรือคะ?”“เธอบอกว่าเพื่อนเธอยุให้เธอลอง” จักรินทร์ทวนคำ “และที่สำคัญกว่านั้น…เธออยากจะลองกับฉัน”ธาริกาก้มหน้างุด พยายามควบคุมเลือดลมที่สูบฉีดขึ้นมาบนใบหน้า“ค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่ว“จริงหรือ?”“คือ… คุณหมอก็รู้นี่คะว่า...ฉันไม่มีประสบการณ์” ธาริกาอ้อมแอ้ม“แล้วเธออยากมีรึเปล่า”ธาริกาครุ่นคิด เธอต้องการเช่นนั้นจริง ๆ หรื
แสงแดดยามเช้าที่สะท้อนเข้ามาทำให้คนที่กำลังนอนหลับอยู่ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น ธาริกาต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะปรับโฟกัสสายตาได้ เนื่องจากอาการปวดศีรษะจู่โจมอย่างหนัก ความทรงจำในค่ำคืนที่ผ่านมาเลือนราง ราวกับหมอกควัน บ่งบอกว่าเธอคงจะดื่มหนักเกินไปจนขาดสติในที่สุดเปลือกตาก็เปิดขึ้นเต็มที่ เธอจึงก็เริ่มสำรวจสภาพแวดล้อมรอบกายทว่าสถานที่ที่เธอเห็นนั้น ไม่ใช่คอนโดของเอวา ดังที่คาดการณ์ไว้ และก็ไม่ใช่ห้องที่บ้านของเธอเองเช่นกัน เธอตื่นนอนขึ้นมาในสถานที่ที่ไม่รู้จัก ต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะประมวลผลสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทันใดนั้น ร่างบางก็ดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว คว้าผ้านวมเนื้อนุ่มมากอดไว้แนบอก ชุดราตรีที่เธอสวมใส่เมื่อคืนวานไม่ได้อยู่บนร่างกายอีกต่อไป หากแต่เปลี่ยนเป็นชุดวอร์มเนื้อดี และเสื้อยืดคอกลมสีอ่อนสัมผัสนุ่มสบายความจริงบางอย่างเริ่มกระจ่างชัด ทว่าเธอกลับไม่อยากที่จะครุ่นคิดถึงมันสายตาของธาริกากวาดมองสำรวจสภ
“ฉันไม่ติดอะไรว่ะ” อิทธิพัทธ์เอ่ยพลางยักไหล่ แล้วยกแก้วขึ้นจิบ“พวกนายทนดื่มลงคอได้ยังไงกัน” จักรินทร์ถาม มองเพื่อนทั้งสองด้วยความเหลือเชื่อ“มันก็แค่น้ำผลไม้โซดาซ่า ที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่นิดหน่อยเองนี่หว่า จะดื่มไม่ได้ตรงไหน” อิทธิพัทธ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉยเมยจักรินทร์ส่ายหน้า “ฉันละไม่เก็ทพวกนายจริง ๆ เลยว่ะ”ชัชชนกับหญิงสาวที่ควงมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอีกตัว เริ่มนัวเนียกันอย่างออกนอกหน้า และอิทธิพัทธ์ยังคงกวาดสายตาสำรวจผู้คนรอบกายต่อไป ส่วนจักรินทร์นั่งเอนหลังพิงพนักโซฟา ครุ่นคิดถึงสิ่งที่ควรจะทำต่อไปในค่ำคืนนี้และในขณะนั้นเอง สายตาของเขาก็พลันเหลือบไปเห็นใครบางคนที่คุ้นเคยคุ้นเคย…เกินไปแล้ว...ใจของจักรินทร์เต้นกระหน่ำราวกับกลองศึก ไม่แน่ใจว่าตนกำลังตาฝาดไปหรือไม่นั่นมัน… ธาริกา…หญิงสาวกำลังเริ
สิ่งที่จักรินทร์ต้องการมากที่สุดในเวลานี้ คืออะไรสักอย่างที่ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ ในใจเขาตอนนี้มีแต่ภายหญิงสาวใบหน้าสวย หุ่นกระชากใจ และริมฝีปากหวานจิ้มลิ้มน่าจูบ เขาสลัดเธอออกไปจากห้วงความคิดไม่ได้เลย ดังนั้นขอเพียงแค่ได้ลืมเรื่องทุกอย่างไปได้สักคืนก็ยังด้วยความคิดนั้น จักรินทร์จึงรีบส่งข้อความหาเพื่อนสนิทอย่างอิทธิพัทธ์และชัชชน ชวนพวกเขาทั้งสองไปดื่มผ่อนคลายกันยังร้านประจำข้อความตอบกลับจากเพื่อนทั้งสองถูกส่งมาแทบจะทันทีชัชชนตอบกลับมาด้วยคำสั้น ๆ ว่า “เจอกัน!”ส่วนอิทธิพัทธ์ส่งข้อความมาถามด้วยความสงสัย “นี่นายยังเฮิร์ทเรื่องน้องธาริกาไม่หายอีกเหรอเนี่ย”จักรินทร์ส่งข้อความตอบกลับชัชชนไปว่า “เจอกันที่เดิม อีกครึ่งชั่วโมง”ส่วนข้อความของอิทธิพัทธ์ เขาตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ ว่า “ใช่…แต่ช่างมันเถอะน่า เจอกันที่นั่น อีกสามสิบนาที”จักรินทร์ถอนหายใจยาว เอนหลังพิง
ในอีกชั่วโมงต่อมาสองสาวก็พร้อมสำหรับการท่องราตรีในลุคที่สวยเฉียบ มั่นใจ และสไตล์ที่แตกต่างกันของทั้งคู่ กลับยิ่งขับเน้นเสน่ห์เฉพาะตัวให้โดดเด่นยิ่งขึ้น“ฉันว่าคืนนี้เราไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าดริ๊งค์เองแน่” เอวากล่าว พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “หนุ่ม ๆ คงแย่งกันเสนอดริ๊งค์ให้เราไม่หวาดไม่ไหว”“ฉันว่าพวกเขาคงสนใจเธอมากกว่ามั้ง ขาเธอเรียวสวยมาก คงมีแต่คนมอง” ธาริกาแซว“ไม่ต้องพูดเกินจริงไปหน่อยเลยน่าแสตมป์ ฉันว่าถ้าตกเป็นเป้าสายตา เอาเข้าจริงฉันคงทำตัวไม่ถูกหรอก” เอวาว่า พลางหัวเราะเบาๆ“ไม่ต้องมาพูดแบบนี้เลย เธอชอบเป็นจุดสนใจจะตายไป” ธาริกาย้อน“ฉันว่าน่าจะเป็นเธอมากกว่านะที่ชอบ” เอวายิ้มขำ แล้วคล้องแขนเพื่อน “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”**********เมื่อเดินไปถึงหน้าประตู พนักงานร่างใหญ่ก็ทักทายด้วยรอยย
ธาริกานั่งลงบนโซฟา พร้อมกับกวักมือเรียกเจ้าปริ๊นซ์เสียงหวาน “มานี่สิเจ้าเหมียว”แต่เจ้าแมวตัวนั้นเพียงแค่เหลือบมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยามก่อนจะกลับไปเลียขนตัวเองต่อ“วันนี้มันอารมณ์ไม่ดีน่ะ เมื่อวานฉันพามันไปหาหมอ มันถูกจับอาบน้ำและตัดเล็บด้วย ฉันว่ามันคงโกรธฉันอยู่” เอวาอธิบายขณะนั่งลงข้าง ๆ ธาริกา“แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่มันจะโกรธฉันนี่ ฉันไม่ได้เป็นคนพามันไปหาหมอซักหน่อย”“ไม่ต้องบ่นเลย เธอก็รู้ว่าเจ้าแมวตัวนี้เกลียดทุกคนบนโลก มันคงจะเดินมาหาเราเวลาที่เราเตรียมตัวเสร็จพอดี แค่เพื่อจะกวนเราเท่านั้น แล้วขนของมันก็จะติดเต็มชุดเธอไปหมด”“ไม่แน่นอน” ธาริกายืนกราน “ปริ๊นซ์ ถ้าแกอยากได้รับความสนใจ ก็มานี่เดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นฉันจะไม่สนใจแกแล้ว” เธอไขว้แขนเพื่อแสดงให้เจ้าแมวรู้ว่าเธอจริงจัง แต่มันก็ยังไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเอวาถอนหายใจ“มันไม่ฟังเธอหรอก มาเถอะ ไปเตร
หากมีสิ่งหนึ่งที่ธาริกาปรารถนาในขณะนี้ ก็คือสิ่งที่จะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของเธอไปจากเรื่องราวว้าวุ่นในใจ เธอคิดว่าเอวาเองก็เข้าใจความต้องการนี้ของเธอดีกว่าใคร และนั่นคงเป็นเหตุผลที่เอวาชักชวนเธอไปที่บ้านในคืนนั้น โดยอ้างว่าจะไปค้างคืนสังสรรค์กันตามประสาเพื่อนฝูงแต่ในความเป็นจริง จุดหมายปลายทางที่แท้จริงของพวกเธอก็คือการเที่ยวกลางคืน สิ่งที่ธาริการู้ดีว่าบิดามารดาของเธอไม่มีวันอนุญาตให้ย่างกรายเข้าไปอย่างแน่นอน และหาพวกท่านรู้อาจมองว่าเอวาเป็นเพื่อนที่ไม่ดี ที่ชักนำเธอไปในทางเสื่อมเสียทว่าความจริงกลับมิได้เป็นเช่นนั้น เอวาเพียงแต่รับรู้และเข้าใจถึงสิ่งที่ธาริกาโหยหา และตัวธาริกาเองต่างหากที่เป็นผู้ริเริ่มความคิดที่จะไปเที่ยวกลางคืนในคืนนี้ธาริกาไม่ใคร่ชอบใจนักกับการต้องทำอะไรลับหลังพ่อกับแม่ แต่ในบางครั้ง การกระทำเช่นนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มิฉะนั้นแล้วเธอจะสามารถใช้ชีวิตเฉกเช่นเด็กสาววัยรุ่นทั่วไปได้อย่างไรถึงกระนั้น ก็ยังมีบางส
ร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ แห่งนี้ดูอบอุ่นและน่ารักตั้งแต่ก้าวแรกที่ ธาริกา เดินเข้าไป กลิ่นหอมหวานของขนมอบสดใหม่อวบอวลแทรกอยู่ในอากาศ ผนังร้านทาสีโทนพาสเทลอ่อน ๆ ให้ความรู้สึกสบายตา ชั้นวางขนมเรียงรายอยู่ด้านหน้า เต็มไปด้วยครัวซองต์สีทองกรอบ ชิ้นพายผลไม้ที่ดูน่าทาน และเค้กชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ตกแต่งอย่างประณีตธาริกาเลือกนั่งยังที่นั่งริมหน้าต่างบานใหญ่ ที่ประดับด้วยผ้าม่านลายดอกไม้สีอ่อน เก้าอี้เบาะนุ่มสีครีมและโต๊ะไม้เล็ก ๆ ถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย เหมาะแก่การนั่งจิบชาและเพลิดเพลินกับขนมอบร้อน ๆ เสียงเพลงแจ๊สเบา ๆ ดังลอยมาจากลำโพง ทำให้บรรยากาศในร้านรู้สึกผ่อนคลายและเป็นส่วนตัววันนี้เธอนัดเจอกับเพื่อนสนิทหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายสัปดาห์เนื่องจากเธอวุ่นอยู่กับการสอบปลายภาคและการสำเร็จการศึกษาเธอมีเรื่องราวมากมายที่ต้องการเล่าและอัปเดตให้กับ เอวา เพื่อนของเธอให้ได้ฟังไม่นานก็ปรากฏหญิงสาวที่เดินมาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ผมยาวสยายพลิ้วไหลเคลียไปบนไหล่ เสื้อยืดที่สวมมีร่อยรอยเปรอะเปื้อนรอยสี แต่นั่นไม่ได้ทำให้ดูสกปรกหรือน่ารังเกียจ กลับกัน มันสะท้อนความคิดสร้างสรรค์และอิสระอันเต็มเปี่ยมของเธอ...
Comments