ร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ แห่งนี้ดูอบอุ่นและน่ารักตั้งแต่ก้าวแรกที่ ธาริกา เดินเข้าไป กลิ่นหอมหวานของขนมอบสดใหม่อวบอวลแทรกอยู่ในอากาศ ผนังร้านทาสีโทนพาสเทลอ่อน ๆ ให้ความรู้สึกสบายตา ชั้นวางขนมเรียงรายอยู่ด้านหน้า เต็มไปด้วยครัวซองต์สีทองกรอบ ชิ้นพายผลไม้ที่ดูน่าทาน และเค้กชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ตกแต่งอย่างประณีต
ธาริกาเลือกนั่งยังที่นั่งริมหน้าต่างบานใหญ่ ที่ประดับด้วยผ้าม่านลายดอกไม้สีอ่อน เก้าอี้เบาะนุ่มสีครีมและโต๊ะไม้เล็ก ๆ ถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย เหมาะแก่การนั่งจิบชาและเพลิดเพลินกับขนมอบร้อน ๆ เสียงเพลงแจ๊สเบา ๆ ดังลอยมาจากลำโพง ทำให้บรรยากาศในร้านรู้สึกผ่อนคลายและเป็นส่วนตัว
วันนี้เธอนัดเจอกับเพื่อนสนิทหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายสัปดาห์เนื่องจากเธอวุ่นอยู่กับการสอบปลายภาคและการสำเร็จการศึกษา
เธอมีเรื่องราวมากมายที่ต้องการเล่าและอัปเดตให้กับ เอวา เพื่อนของเธอให้ได้ฟัง
ไม่นานก็ปรากฏหญิงสาวที่เดินมาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ผมยาวสยายพลิ้วไหลเคลียไปบนไหล่ เสื้อยืดที่สวมมีร่อยรอยเปรอะเปื้อนรอยสี แต่นั่นไม่ได้ทำให้ดูสกปรกหรือน่ารังเกียจ กลับกัน มันสะท้อนความคิดสร้างสรรค์และอิสระอันเต็มเปี่ยมของเธอในทุกย่างก้าวที่เดิน
หญิงสาวเดินไปสั่งอาหารและลาเต้ก่อนที่จะหันกลับมามองยังที่หมาย เธอยิ้มสดใสพร้อมกับเดินมานั่งลงที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามกับธาริกา
“ฉันกะแล้วว่าเธอจะต้องนั่งตรงนี้ นี่มันที่ประจำเธอ”
ธาริกายิ้มพลางกัดครัวซองต์ที่อยู่ในมือ “แล้วช่วงนี้เธอเป็นยังไงบ้าง ฉันมัวแต่ยุ่ง ๆ เรื่องเรียนจบ เลยไม่ได้คุยกันเลย”
“อ๋อ อย่างที่เคยน่ะ ฉันกลับมาวาดรูปอีกครั้งตามที่แม่เธอแนะนำ ท่านได้ช่วยให้ฉันได้เข้าร่วมงานนิทรรศการจัดแสดงศิลปะต่าง ๆ แล้วครั้งที่จะถึงนี้ฉันอยากให้เธอมาร่วมงานเปิดนิทรรศการด้วย ไม่รู้ว่าวันเสาร์นี้เธอจะว่างรึเปล่า”
“ว่างสิ ฉันอยากไปมากเลย!” ธาริกาตอบด้วยความตื่นเต้นทันที เธอชอบไปงานแสดงศิลปะกับเอวา และยิ่งชอบผลงานของเพื่อน เพราะเหมือนได้ถ่ายทอดจินตนาการให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างแท้จริง
นั่นก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่แม่ของเธอ ผู้หลงใหลในศิลปะและเป็นเจ้าของแกลเลอรี่ ได้สนับสนุนเอวาอยู่เสมอ หากไม่มีการสนับสนุนนี้ เอวาอาจต้องหางานจริงจัง เพื่อหาเลี้ยงชีพแทนที่จะได้ตามความฝันที่เธอรัก
“งั้นฉันจะไปรับเธอเอง เธอไม่ได้มีแพลนจะไปไหนใช่ไหม”
ธาริกายักไหล่ คิดในใจว่าเธอจะไปไหนได้ พ่อแม่แม้จะสนับสนุนเธอทุกอย่าง เธอสามารถมีทุกสิ่งที่ต้องการ มีความเป็นอยู่สุขสบาย เรียกได้ว่าใช้ชีวิตเป็นคุณหนูอย่างแท้จริง แต่กลับถูกตีกรอบไว้เสมอ เธอก็ยังไม่แน่ชัดว่าพ่อแม่จะมองเธอเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ หรือไม่
“ไม่มี แต่ฉันกำลังจะเริ่มทำงานแล้วนะ หรือบางทีอาจจะเป็นการฝึกงาน…ยังไม่แน่ว่าเป็นแบบไหน”
“ยังไง? แล้วที่ไหนล่ะ?” เอวาถามพลางโน้มตัวเข้ามาใกล้ “เธอกำลังจะทิ้งฉันไปหรือ?”
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะ เธอรู้จักคุณหมอจักรินทร์ไหม พ่อแม่ฉันเป็นเพื่อนกับเขา เลยจะฝากให้ฉันไปทำงานที่โรงพยาบาลเขาสักระยะหนึ่ง พวกท่านบอกว่าคุณหมอเป็นคนเก่งและอยากให้ฉันมีประสบการณ์จริง แต่ฉันว่ามันเป็นเพราะโรงพยาบาลนั้นอยู่ใกล้บ้านมากกว่า พวกท่านจะได้วางใจ”
“อืม ก็ถูกของเธอ” เอวาถอนหายใจ เข้าใจความรู้สึกเพื่อน “แต่จะวางใจได้จริงหรือ คุณหมอจักรินทร์น่ะ...”
“ทำไมหรือ” ธาริกาถามด้วยความอยากรู้เกี่ยวกับนายจ้างในอนาคตของเธอ
“ฉันไม่แน่ใจว่าการที่คุณลุงคุณป้าจะไว้วางใจให้คุณหมอจักรินทร์คอยดูแลเธอนั้นจะเป็นความคิดที่ดีหรือเปล่าน่ะสิ” เอวาเอ่ยก่อนจะลดเสียงลง “ฉันได้ยินมาว่าเขาขึ้นชื่อในเรื่อง...บางอย่างอยู่”
“เรื่องอะไรอะ” ธาริกายิ่งอยากรู้ “ที่จริงคืนนี้ฉันจะต้องไปร่วมงานเลี้ยงที่เขาจัดอยู่เหมือนกัน พ่อแม่อยากแนะนำฉันให้รู้จักเขาด้วย”
“ฉันได้ยินมาว่าคุณหมอจักรินทร์เป็นคาสซาโนว่าตัวพ่อ” เอวาโน้มหน้ามากระซิบ
“จริงหรอ!”
“ก็เท่าที่ฉันได้ยินมามันก็ประมาณนั้นแหละ เขาจัดงานเลี้ยงแล้วเชิญคนไปร่วมบ่อย ๆ พวกผู้หญิงอยากไปงานนั่นจะตาย เพราะเขาหล่อและรวยมาก แต่ว่านะ เขาเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยจะตาย พอเบื่อก็สลัดทิ้งแบบไม่ใยดี เธอเองก็ต้องระวังตัวไว้นะยัยแสตมป์”
ธาริการู้สึกกังวลเล็กน้อย
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาในแบบนั้นหรอก เขาอายุมากกว่าฉันพอสมควรนะ แล้วคุณหมอเขาก็เป็นเพื่อนกับพ่อแม่ฉัน”
ไม่ต้องตกใจนะคะ ไรต์ได้ทำการรีไรต์และเริ่มลงเนื้อหาฉบับรีไรต์ให้อ่านตั้งแต่แรกค่ะ
หญิงสาวนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มที่เธอแม้จะไม่เคยเจอตัวจริงแต่เคยเห็นตามสื่อโซเชียลนายแพทย์จักรินทร์ สิทธิรักษ์ เป็นหนึ่งในสูตินรีแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ เขามีหน้าตาที่หล่อเหลาคมเข้ม อายุแค่สามสิบหก และเป็นที่คลั่งไคล้ของสาว ๆ มากมาย แต่เรื่องนั้นไม่ได้อยู่ในหัวเธอเลย“นี่แสตมป์ ฉันยังได้ยินมาอีกนะว่าคุณหมอเขาชอบเด็กสาว ๆ เธอต้องสัญญานะ ว่าจะดูแลตัวเองให้ดี”“รู้แล้วน่าเอวา เธอก็รู้ว่าฉันไม่มีวันยอมให้เขามายุ่งกับฉันในแบบนั้นหรอก”เอวายิ้มอบอุ่น เอื้อมมือมาบีบมือของธาริกาที่วางอยู่บนโต๊ะ“ดีแล้ว ฉันแค่อยากเตือนเธอให้รู้ไว้ก่อนน่ะ ฉันไม่อยากให้เธอเข้าไปในถ้ำเสือโดยที่ไม่มีใครเตือน”“เวอร์ไปรึเปล่าเอวา”“ใครจะรู้?” เอวาเลิกคิ้วล้อ “บางทีเขาอาจจะจับเธอกินทันทีที่เห็นก็ได้นะ”“อุ๊ย ไม่หรอก ฉันจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่”“อย่างที่ฉันบอก แค่รู้ไว้ก็พอ เฮ้อ...ฉันอยากไปกับเธอด้วยจริง ๆ แต่คืนนี้ฉันมีงานต้องทำ แล้วงานเลี้ยงพวกนั้นก็เข้มงวดและเฉพาะกลุ่มมาก คนที่ไม่ได้รับเชิญไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมหรอก”“แล้วถ้าฉันโทรหาพ่อขอให้เธอไปด้วยล่ะ”เอวาส่ายหัว “ไม่ล่ะ คืนนี้ฉันมีงานค้างที่ต้องทำให้เ
จักรินทร์ มองผู้คนมากมายที่ต่างเดินวุ่นวายไปมาอยู่รอบตัว ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้อยู่แล้ว เนื่องจากคืนนี้เขาจัดงานเลี้ยงขึ้นที่คฤหาสน์ส่วนตัว มันเป็นงานปาร์ตี้สังสรรค์เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่าน ๆ มา และเขาก็เป็นคนเชิญคนเหล่านี้มาทั้งหมด แต่กระนั้น มันก็ยังทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจอยู่ดีแต่ทว่าไม่ว่าเขาจะเติมเต็มคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ด้วยผู้คนกี่สักครั้ง มันก็ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่ชวนอึดอัดเขาไม่ชอบข้องแวะกับผู้คนมากนัก ที่จัดงานขึ้นที่คฤหาสน์ก็เพียงเพื่อเติมเต็มพื้นที่ว่างเปล่าไม่ให้เงียบเหงาเกินไปก็แค่นั้นอย่างไรก็ตามเขาก็รับมือกับงานเลี้ยงแบบนี้ได้ เพราะมันจัดขึ้นแค่ทุกสองสัปดาห์ เขายังสามารถสนุกไปกับมันได้เสียอีก มันทำให้เขามีโอกาสได้คลุกคลีกับคนสำคัญโดยไม่ต้องอยู่ในบทบาทของหมอ มันทำให้เขาได้เห็นอีกด้านหนึ่งของตัวตนของคนเหล่านั้น และพวกเขาก็ได้เห็นอีกด้านของเขาด้วยนอกจากนี้ มันยังเป็นแหล่งล่าที่ดีเยี่ยมเมื่อเขาต้องการใครสักคนมาเติมเต็มช่องว่างในชีวิตเขารู้ดีว่าเขามีชื่อเสียงในหมู่ผู้หญิง ฉายาคุณหมอคาสซาโนว่า ดูเหมือนว่าจะมาจากการที่เขาจะเปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อย ๆ เหมือนเป
“ถ้าอย่างนั้นให้เธอไปทำงานที่โรงพยาบาลผมก็ได้ครับ” เขาเสนอขึ้นแล้วหันไปพูดกับธาริกาโดยตรง ต้องการให้แน่ใจว่าเป็นสิ่งที่เธอต้องการจริง ๆ “ถ้าเธอสนใจ เราสามารถเริ่มต้นด้วยตำแหน่งทดลองงานก่อนได้”“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย แสตมป์ว่าไงลูก โรงพยาบาลของหมอไนล์ก็ไม่ไกลจากบ้านด้วย” มารินีหันไปถามลูกสาว“ขอบคุณมากนะคะ”จักรินทร์จับตามองที่ธาริกา และเขาสามารถบอกได้จากสีหน้าของเธอว่า เธอพูดจริง แม้จะอยู่ในสถานการณ์มัดมือชกแบบนี้ก็ตาม บางทีเธออาจกำลังอยากห่างจากพ่อแม่ของเธอ“งั้นก็ตกลงแล้วนะ” บวรพจน์ยืนยันกับเพื่อนรุ่นน้อง“ครับ” จักรินทร์รับคำ แล้วหันมาคุยกับหญิงสาวต่อ “มาที่โรงพยาบาลพรุ่งนี้เลย แล้วเราจะจัดการเรื่องเอกสารกัน”จากนั้นเขาจะได้รู้ว่าเธอจริงจังกับเรื่องนี้แค่ไหน เขาไม่อยากเสนองานที่โรงพยาบาลของเขาแก่ใครก็ได้ แม้ว่าเธอจะสวยหยาดเยิ้มแค่ไหนก็ตาม เขาใส่ใจลูกค้าและประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับ ตั้งแต่พนักงานต้อนรับไปจนถึงการดูแลของแพทย์แต่ละคนแม้ว่าเขาจะไม่จริงจังกับหลายสิ่งหลายอย่าง แต่เขาจริงจังกับงานของเขาอย่างมาก“ขอบใจนายมากหมอไนล์” บวรพจน์เอ่ย ยิ้มพอใจ ดึงลูกสาวมาโอบไว้ข้างตัว “เราอยากเห็น
“ถ้างั้น แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอสนใจภาพวาดเก่า ๆ ฝุ่นเขรอะนี่” เขารู้สึกว่าคำพูดของตัวเองเริ่มไม่ชัดเจน จึงจิบไวน์ไปหนึ่งอึก “ฉันไม่เห็นเหตุผลดี ๆ อื่นใดนอกจากว่าเธอกำลังให้ท่าฉัน”ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และก้มหน้ามองลงไปที่เท้าของตัวเอง พร้อมกับประสานนิ้วเข้าด้วยกัน ภาพตรงหน้าเรียกความตื่นเต้นในสายตาชายหนุ่มมันจะต้องสนุกแน่ถ้าได้เล่นกับเธอ!“ไม่ใช่แน่นอน” ธาริการีบโพล่งคำปฏิเสธ“อ้อ ถ้าอย่างนั้น...แล้วอะไรล่ะ”“ฉันแค่...ได้ยินมาว่าที่นี่มีผี” เธอเงยหน้ามองสบดวงตาคมที่เป็นประกายกล้า และความอยากรู้อยากเห็นในสายตาของเธอก็สดใสจนจักรินทร์อยากหัวเราะออกมา“มีผี? จริงเหรอ?”“เพื่อนฉันได้ยินข่าวลือมาบ้าง”“ข่าวลือ? อืม...นั่นก็น่าเชื่อได้นะ”“อย่ามาทำเป็นดูถูกฉันนะคะ”“แล้วฉันควรทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้ล่ะ”เธอยักไหล่ “ฉันไม่รู้ มีอะไรแปลก ๆ ในบ้านหลังนี้บ้างไหมคะ”“เธอหมายถึงเรื่องไหนล่ะ” จักรินทร์หยอกล้ออย่างนึกสนุกมองหญิงสาวที่ยกมือขึ้นกอดอก“คุณรู้ดีว่าฉันหมายความว่ายังไง”“ฉันคิดว่าฉันรู้ ฉันไม่เห็นมีอะไรที่คล้ายกับผีในบ้านหลังนี้เลย ฉันว่าเพื่อนเธอ
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ธาริกาเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า เธอรวบผมขึ้นเป็นมวยเรียบง่าย ปล่อยปอยผมด้านข้าง ก่อนจะติดกิ๊บประดับเพชรเม็ดเล็ก ซึ่งเป็นของขวัญที่เธอได้รับเนื่องในวันคล้ายวันเกิดเมื่อปีก่อน เธอสวมชุดเดรสเข้ารูปสีเหลืองอ่อนมีขลิบสีขาวซึ่งเน้นให้ดูภูมิฐานเป็นมืออาชีพ แล้วจึงเลือกรองเท้าหนังสีขาวแบบส้นเตี้ยคู่ใหม่เนื่องจากเธอยังไม่ต้องเริ่มงานในวันนั้น ธาริกาจึงไม่จำเป็นต้องสวมชุดพยาบาลสีอันเป็นเครื่องแบบส่วนหนึ่งในใจเธอปรารถนาที่จะสร้างความประทับใจแก่ทุกคนที่โรงพยาบาล แต่ในส่วนลึกของจิตใจ ธาริกากลับต้องการพิสูจน์บางสิ่งบางอย่างให้คุณหมอจักรินทร์เห็น ว่า ใช่ เธอสวยและแต่งตัวดี ทว่าเธอจะไม่แสดงอาการคลั่งไคล้เขา เพียงเพราะจูบเมื่อคืนความร้อนแล่นมาที่แก้มเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เธอหลับตาลงแล้วตบเบา ๆ ที่แก้มทั้งสองข้างเพื่อไล่ความทรงจำนั้นออกไปจากความคิดเธอเหลือบมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ทาลิปกลอสที่เธอรู้ดีว่าจะต้องทาซ้ำแน่ ๆ จากนั้นก
เมื่อธาริกาเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ก็มุ่งตรงไปยังแผนกที่คุณหมอจักรินทร์นัดหมายทันที ภายในแผนกดูเงียบสงบ ไร้ผู้คนสัญจรผ่านไปมา ขณะที่กำลังมองสำรวจโดยรอบ พลันร่างสูงสง่าของจักรินทร์ก็ปรากฏขึ้น วันนี้เขาสวมเสื้อกาวน์สีขาวของแพทย์ ทำให้ดูน่าเคารพนับ ต่างกับภาพลักษณ์ที่ได้เจอเมื่อคืนลิบลับ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อของเขาลดลงเลย“มาแล้วเหรอ ฉันกำลังรอเธออยู่ แต่ไม่รู้ว่าเธอจะมาเมื่อไหร่”“สวัสดีค่ะคุณหมอจักรินทร์” เธอเอ่ยทัก แล้วมองรอบ ๆ อีกครั้ง “ที่นี่ดูเงียบเหงาจังนะคะ”“วันนี้เรามีคนไข้น้อย แล้วเช้านี้ฉันไม่มีนัด เลยให้พนักงานพัก และกำลังรอเธออยู่” คุณหมอหนุ่มอธิบายน้ำเสียงของเขาทำให้ขนกายเธอลุกชันแปลก ๆ แต่เธออาจคิดมากไปเอง มันอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่บางอย่างในใจเธอกลับคิดว่าว่าคุณหมอจักรินทร์คนนี้ต้องการอยู่กับเธอตามลำพัง ความนัยน์ของประโยคมีมากมาก แต่หากเป็นเรื่องนั้นเธอจะไม่มีวันยอมให้มันสำฤ
“ฉันจบมาด้วยคะแนนสูงสุดของชั้น ตอนเรียนฉันเคยไปฝึกงาน แล้วก็ได้รับการประเมินในแง่ดีมาตลอด ถ้าคุณต้องการ ฉันจะให้เบอร์โทรของเจ้านายเก่าให้คุณโทรไปสอบถามดูก็ได้”“ไม่จำเป็นหรอก ฉันเห็นความกระตือรือร้นและพร้อมที่จะทำงาน นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการรู้ แต่เธอยังต้องพิสูจน์ตัวเอง”“ฉันทำได้ค่ะ ฉันสัญญา”“เราจะดูกัน” เขามองเธอจากหัวจรดเท้าอีกครั้ง “แต่มีบางอย่างที่ฉันยังสงสัยอยู่”“อะไรคะ?”“ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงเลือกเรียนพยาบาล แล้วทำไมถึงอยากทำงานที่นี่”ธาริกาลังเล นี่เป็นคำถามที่ยากสำหรับเธอเสมอ ตอนแรกมันเป็นคำแนะนำของแม่ เมื่อเธอบอกว่าเธออยากเรียนอะไรสักอย่าง แม่บอกว่าการเป็นพยาบาลเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และมันยังเป็นการเตรียมเธอไว้สำหรับการมีลูกในอนาคต อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่แม่บอกแต่นั่นไม่
การถูกปฏิเสธไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาชอบ และมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยด้วยดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรเมื่อธาริการีบปฏิเสธและปิดกั้นต่อการเข้าหาของเขาอย่างหมดสิ้นเธอเดินออกจากไปด้วยบั้นท้ายที่กวัดแกว่งไปมา มันทำให้จักรินทร์อยากจะกักเธอไว้ในวงแขนแล้วถามให้รู้เรื่องว่า เธอไม่ได้สนใจเขาหรือ แล้วทำไมเมื่อคืนเธอถึงตอบรับจูบเขานี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก เขารู้ดีว่าจะต้องปัดตกเรื่องเธอโดยเร็วที่สุด แต่ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่เขาชื่นชอบ นั่นคือการไล่ล่าเธอไม่ใช่สิ่งที่เขาควรไล่ล่า ไม่ใช่เลย แต่นั่นกลับทำให้มันน่าสนุกมากขึ้นเขาคิดว่าเธอจะมีสีหน้าอย่างไรเมื่อเขาสามารถสยบเธอได้ เธอจะเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างไร และจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่เขาจะเบื่อเธอวันทั้งวันคุณหมอหนุ่มเอาแต่คิดถึงเรื่องหญิงสาวจนไม่เป็นอันทำงาน เขาจึงตัดสินใจว่า จะต้องการสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจเมื่อค
อิทธิพัทธ์เหล่มองเพื่อน “โดนบ้าโดนบออะไรไอ้ชัช พูดแบบนี้แล้วทำให้นายดูแก่ฉิบ”“แต่ฉันยังไม่แก่โว้ย!”“เออ งั้นนายก็หยุดทำตัวเหมือนปู่หลุดโลกได้แล้ว”จักรินทร์ส่ายหัว “จริง ๆ นะ ชัช แบบนี้นายดึงดูดผู้หญิงได้ยังไงวะ”ชัชชนยืดตัวตรงแล้วยิ้ม “ก็ด้วยหน้าตาหล่อเหลากับรอยยิ้มมีเสน่ห์ของฉันไง”“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้นี่ ดึงดูดปัญหาละสิ” อิทธิพัทธ์หัวเราะกร๊าก ก่อนที่จะหันมาถามจักรินทร์อย่างจริงจัง “สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ”“พวกนายต้องหัวเราะฉันแน่ ๆ เรื่องของเรื่องคือ...ฉันคิดว่าฉันโดนสาวปฏิเสธ”“โดนปฏิเสธ? นายเหรอ?” ชัชชนหัวเราะออกมา “เป็นไปได้ยังไงวะ เล่าให้พวกฉันฟังเดี๋ยวนี้เลย”จักรินทร์เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืนที่ผ่านมา และวันนี้ พย
อิทธิพัทธ์หันมาสบตากับจักรินทร์“นี่ไงคือเหตุผลที่เจ้านี่มักจะโชคร้ายเรื่องผู้หญิง ถ้านายไม่รู้วิธีเลือกไวน์ดี ๆ แล้วนายจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนไหนเหมาะกับนายจริง ๆ”จักรินทร์หัวเราะออกมาในขณะที่ชัชชนคัดค้าน“ความสัมพันธ์ครั้งล่าสุดของฉันไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกอย่าง”“ฮ่า ๆ แต่มันก็ยังเลวร้ายอยู่ดี” อิทธิพัทธ์ตอกย้ำ“ไอ้หมอไนล์ก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันเท่าไหร่หรอก” ชัชชนพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่จักรินทร์“แต่ฉันไม่คิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนเหมือนนาย แล้วก็ไม่ได้เป็นบ้าสติแตกหลังจากจบกัน” จักรินทร์ยิ้มสบาย ๆอิทธิพัทธ์พยักหน้าเห็นด้วย “ไอ้หมอนายมันเป็นฝ่ายหักอกผู้หญิง ไม่เหมือนนายที่เป็นฝ่ายถูกหักอก”ชัชชนคว้าขวดไวน์จากจักรินทร์แล้วก้าวเดินฉับ ๆ ออกไปอย่างโกรธเคือง ท่าทางแง่งอนเหมือ
การถูกปฏิเสธไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาชอบ และมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยด้วยดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรเมื่อธาริการีบปฏิเสธและปิดกั้นต่อการเข้าหาของเขาอย่างหมดสิ้นเธอเดินออกจากไปด้วยบั้นท้ายที่กวัดแกว่งไปมา มันทำให้จักรินทร์อยากจะกักเธอไว้ในวงแขนแล้วถามให้รู้เรื่องว่า เธอไม่ได้สนใจเขาหรือ แล้วทำไมเมื่อคืนเธอถึงตอบรับจูบเขานี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก เขารู้ดีว่าจะต้องปัดตกเรื่องเธอโดยเร็วที่สุด แต่ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่เขาชื่นชอบ นั่นคือการไล่ล่าเธอไม่ใช่สิ่งที่เขาควรไล่ล่า ไม่ใช่เลย แต่นั่นกลับทำให้มันน่าสนุกมากขึ้นเขาคิดว่าเธอจะมีสีหน้าอย่างไรเมื่อเขาสามารถสยบเธอได้ เธอจะเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างไร และจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่เขาจะเบื่อเธอวันทั้งวันคุณหมอหนุ่มเอาแต่คิดถึงเรื่องหญิงสาวจนไม่เป็นอันทำงาน เขาจึงตัดสินใจว่า จะต้องการสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจเมื่อค
“ฉันจบมาด้วยคะแนนสูงสุดของชั้น ตอนเรียนฉันเคยไปฝึกงาน แล้วก็ได้รับการประเมินในแง่ดีมาตลอด ถ้าคุณต้องการ ฉันจะให้เบอร์โทรของเจ้านายเก่าให้คุณโทรไปสอบถามดูก็ได้”“ไม่จำเป็นหรอก ฉันเห็นความกระตือรือร้นและพร้อมที่จะทำงาน นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการรู้ แต่เธอยังต้องพิสูจน์ตัวเอง”“ฉันทำได้ค่ะ ฉันสัญญา”“เราจะดูกัน” เขามองเธอจากหัวจรดเท้าอีกครั้ง “แต่มีบางอย่างที่ฉันยังสงสัยอยู่”“อะไรคะ?”“ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงเลือกเรียนพยาบาล แล้วทำไมถึงอยากทำงานที่นี่”ธาริกาลังเล นี่เป็นคำถามที่ยากสำหรับเธอเสมอ ตอนแรกมันเป็นคำแนะนำของแม่ เมื่อเธอบอกว่าเธออยากเรียนอะไรสักอย่าง แม่บอกว่าการเป็นพยาบาลเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และมันยังเป็นการเตรียมเธอไว้สำหรับการมีลูกในอนาคต อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่แม่บอกแต่นั่นไม่
เมื่อธาริกาเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ก็มุ่งตรงไปยังแผนกที่คุณหมอจักรินทร์นัดหมายทันที ภายในแผนกดูเงียบสงบ ไร้ผู้คนสัญจรผ่านไปมา ขณะที่กำลังมองสำรวจโดยรอบ พลันร่างสูงสง่าของจักรินทร์ก็ปรากฏขึ้น วันนี้เขาสวมเสื้อกาวน์สีขาวของแพทย์ ทำให้ดูน่าเคารพนับ ต่างกับภาพลักษณ์ที่ได้เจอเมื่อคืนลิบลับ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อของเขาลดลงเลย“มาแล้วเหรอ ฉันกำลังรอเธออยู่ แต่ไม่รู้ว่าเธอจะมาเมื่อไหร่”“สวัสดีค่ะคุณหมอจักรินทร์” เธอเอ่ยทัก แล้วมองรอบ ๆ อีกครั้ง “ที่นี่ดูเงียบเหงาจังนะคะ”“วันนี้เรามีคนไข้น้อย แล้วเช้านี้ฉันไม่มีนัด เลยให้พนักงานพัก และกำลังรอเธออยู่” คุณหมอหนุ่มอธิบายน้ำเสียงของเขาทำให้ขนกายเธอลุกชันแปลก ๆ แต่เธออาจคิดมากไปเอง มันอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่บางอย่างในใจเธอกลับคิดว่าว่าคุณหมอจักรินทร์คนนี้ต้องการอยู่กับเธอตามลำพัง ความนัยน์ของประโยคมีมากมาก แต่หากเป็นเรื่องนั้นเธอจะไม่มีวันยอมให้มันสำฤ
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ธาริกาเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า เธอรวบผมขึ้นเป็นมวยเรียบง่าย ปล่อยปอยผมด้านข้าง ก่อนจะติดกิ๊บประดับเพชรเม็ดเล็ก ซึ่งเป็นของขวัญที่เธอได้รับเนื่องในวันคล้ายวันเกิดเมื่อปีก่อน เธอสวมชุดเดรสเข้ารูปสีเหลืองอ่อนมีขลิบสีขาวซึ่งเน้นให้ดูภูมิฐานเป็นมืออาชีพ แล้วจึงเลือกรองเท้าหนังสีขาวแบบส้นเตี้ยคู่ใหม่เนื่องจากเธอยังไม่ต้องเริ่มงานในวันนั้น ธาริกาจึงไม่จำเป็นต้องสวมชุดพยาบาลสีอันเป็นเครื่องแบบส่วนหนึ่งในใจเธอปรารถนาที่จะสร้างความประทับใจแก่ทุกคนที่โรงพยาบาล แต่ในส่วนลึกของจิตใจ ธาริกากลับต้องการพิสูจน์บางสิ่งบางอย่างให้คุณหมอจักรินทร์เห็น ว่า ใช่ เธอสวยและแต่งตัวดี ทว่าเธอจะไม่แสดงอาการคลั่งไคล้เขา เพียงเพราะจูบเมื่อคืนความร้อนแล่นมาที่แก้มเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เธอหลับตาลงแล้วตบเบา ๆ ที่แก้มทั้งสองข้างเพื่อไล่ความทรงจำนั้นออกไปจากความคิดเธอเหลือบมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ทาลิปกลอสที่เธอรู้ดีว่าจะต้องทาซ้ำแน่ ๆ จากนั้นก
“ถ้างั้น แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอสนใจภาพวาดเก่า ๆ ฝุ่นเขรอะนี่” เขารู้สึกว่าคำพูดของตัวเองเริ่มไม่ชัดเจน จึงจิบไวน์ไปหนึ่งอึก “ฉันไม่เห็นเหตุผลดี ๆ อื่นใดนอกจากว่าเธอกำลังให้ท่าฉัน”ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และก้มหน้ามองลงไปที่เท้าของตัวเอง พร้อมกับประสานนิ้วเข้าด้วยกัน ภาพตรงหน้าเรียกความตื่นเต้นในสายตาชายหนุ่มมันจะต้องสนุกแน่ถ้าได้เล่นกับเธอ!“ไม่ใช่แน่นอน” ธาริการีบโพล่งคำปฏิเสธ“อ้อ ถ้าอย่างนั้น...แล้วอะไรล่ะ”“ฉันแค่...ได้ยินมาว่าที่นี่มีผี” เธอเงยหน้ามองสบดวงตาคมที่เป็นประกายกล้า และความอยากรู้อยากเห็นในสายตาของเธอก็สดใสจนจักรินทร์อยากหัวเราะออกมา“มีผี? จริงเหรอ?”“เพื่อนฉันได้ยินข่าวลือมาบ้าง”“ข่าวลือ? อืม...นั่นก็น่าเชื่อได้นะ”“อย่ามาทำเป็นดูถูกฉันนะคะ”“แล้วฉันควรทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้ล่ะ”เธอยักไหล่ “ฉันไม่รู้ มีอะไรแปลก ๆ ในบ้านหลังนี้บ้างไหมคะ”“เธอหมายถึงเรื่องไหนล่ะ” จักรินทร์หยอกล้ออย่างนึกสนุกมองหญิงสาวที่ยกมือขึ้นกอดอก“คุณรู้ดีว่าฉันหมายความว่ายังไง”“ฉันคิดว่าฉันรู้ ฉันไม่เห็นมีอะไรที่คล้ายกับผีในบ้านหลังนี้เลย ฉันว่าเพื่อนเธอ
“ถ้าอย่างนั้นให้เธอไปทำงานที่โรงพยาบาลผมก็ได้ครับ” เขาเสนอขึ้นแล้วหันไปพูดกับธาริกาโดยตรง ต้องการให้แน่ใจว่าเป็นสิ่งที่เธอต้องการจริง ๆ “ถ้าเธอสนใจ เราสามารถเริ่มต้นด้วยตำแหน่งทดลองงานก่อนได้”“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย แสตมป์ว่าไงลูก โรงพยาบาลของหมอไนล์ก็ไม่ไกลจากบ้านด้วย” มารินีหันไปถามลูกสาว“ขอบคุณมากนะคะ”จักรินทร์จับตามองที่ธาริกา และเขาสามารถบอกได้จากสีหน้าของเธอว่า เธอพูดจริง แม้จะอยู่ในสถานการณ์มัดมือชกแบบนี้ก็ตาม บางทีเธออาจกำลังอยากห่างจากพ่อแม่ของเธอ“งั้นก็ตกลงแล้วนะ” บวรพจน์ยืนยันกับเพื่อนรุ่นน้อง“ครับ” จักรินทร์รับคำ แล้วหันมาคุยกับหญิงสาวต่อ “มาที่โรงพยาบาลพรุ่งนี้เลย แล้วเราจะจัดการเรื่องเอกสารกัน”จากนั้นเขาจะได้รู้ว่าเธอจริงจังกับเรื่องนี้แค่ไหน เขาไม่อยากเสนองานที่โรงพยาบาลของเขาแก่ใครก็ได้ แม้ว่าเธอจะสวยหยาดเยิ้มแค่ไหนก็ตาม เขาใส่ใจลูกค้าและประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับ ตั้งแต่พนักงานต้อนรับไปจนถึงการดูแลของแพทย์แต่ละคนแม้ว่าเขาจะไม่จริงจังกับหลายสิ่งหลายอย่าง แต่เขาจริงจังกับงานของเขาอย่างมาก“ขอบใจนายมากหมอไนล์” บวรพจน์เอ่ย ยิ้มพอใจ ดึงลูกสาวมาโอบไว้ข้างตัว “เราอยากเห็น
จักรินทร์ มองผู้คนมากมายที่ต่างเดินวุ่นวายไปมาอยู่รอบตัว ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้อยู่แล้ว เนื่องจากคืนนี้เขาจัดงานเลี้ยงขึ้นที่คฤหาสน์ส่วนตัว มันเป็นงานปาร์ตี้สังสรรค์เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่าน ๆ มา และเขาก็เป็นคนเชิญคนเหล่านี้มาทั้งหมด แต่กระนั้น มันก็ยังทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจอยู่ดีแต่ทว่าไม่ว่าเขาจะเติมเต็มคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ด้วยผู้คนกี่สักครั้ง มันก็ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่ชวนอึดอัดเขาไม่ชอบข้องแวะกับผู้คนมากนัก ที่จัดงานขึ้นที่คฤหาสน์ก็เพียงเพื่อเติมเต็มพื้นที่ว่างเปล่าไม่ให้เงียบเหงาเกินไปก็แค่นั้นอย่างไรก็ตามเขาก็รับมือกับงานเลี้ยงแบบนี้ได้ เพราะมันจัดขึ้นแค่ทุกสองสัปดาห์ เขายังสามารถสนุกไปกับมันได้เสียอีก มันทำให้เขามีโอกาสได้คลุกคลีกับคนสำคัญโดยไม่ต้องอยู่ในบทบาทของหมอ มันทำให้เขาได้เห็นอีกด้านหนึ่งของตัวตนของคนเหล่านั้น และพวกเขาก็ได้เห็นอีกด้านของเขาด้วยนอกจากนี้ มันยังเป็นแหล่งล่าที่ดีเยี่ยมเมื่อเขาต้องการใครสักคนมาเติมเต็มช่องว่างในชีวิตเขารู้ดีว่าเขามีชื่อเสียงในหมู่ผู้หญิง ฉายาคุณหมอคาสซาโนว่า ดูเหมือนว่าจะมาจากการที่เขาจะเปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อย ๆ เหมือนเป