จักรินทร์ มองผู้คนมากมายที่ต่างเดินวุ่นวายไปมาอยู่รอบตัว ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้อยู่แล้ว เนื่องจากคืนนี้เขาจัดงานเลี้ยงขึ้นที่คฤหาสน์ส่วนตัว มันเป็นงานปาร์ตี้สังสรรค์เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่าน ๆ มา และเขาก็เป็นคนเชิญคนเหล่านี้มาทั้งหมด แต่กระนั้น มันก็ยังทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจอยู่ดี
แต่ทว่าไม่ว่าเขาจะเติมเต็มคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ด้วยผู้คนกี่สักครั้ง มันก็ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่ชวนอึดอัด
เขาไม่ชอบข้องแวะกับผู้คนมากนัก ที่จัดงานขึ้นที่คฤหาสน์ก็เพียงเพื่อเติมเต็มพื้นที่ว่างเปล่าไม่ให้เงียบเหงาเกินไปก็แค่นั้น
อย่างไรก็ตามเขาก็รับมือกับงานเลี้ยงแบบนี้ได้ เพราะมันจัดขึ้นแค่ทุกสองสัปดาห์ เขายังสามารถสนุกไปกับมันได้เสียอีก มันทำให้เขามีโอกาสได้คลุกคลีกับคนสำคัญโดยไม่ต้องอยู่ในบทบาทของหมอ มันทำให้เขาได้เห็นอีกด้านหนึ่งของตัวตนของคนเหล่านั้น และพวกเขาก็ได้เห็นอีกด้านของเขาด้วย
นอกจากนี้ มันยังเป็นแหล่งล่าที่ดีเยี่ยมเมื่อเขาต้องการใครสักคนมาเติมเต็มช่องว่างในชีวิต
เขารู้ดีว่าเขามีชื่อเสียงในหมู่ผู้หญิง ฉายาคุณหมอคาสซาโนว่า ดูเหมือนว่าจะมาจากการที่เขาจะเปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อย ๆ เหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือเหมือนผู้หญิงที่ตามเทรนด์แฟชั่น เขาคิดว่าเขายังเปลี่ยนเร็วกว่านั้นอีก
เขาเบื่อง่าย และเบื่อเร็ว ดังนั้น เขาจึงไม่เคยอยู่กับผู้หญิงคนไหนนานเกินหนึ่งเดือน บางครั้งเขาก็ทิ้งพวกเธอไปหลังจากเพียงวันเดียว และแล้วก็อาจจะผ่านไปอีกสัปดาห์ก่อนที่เขาจะเริ่มล่าคนใหม่
เขาตระหนักดีถึงความต้องการที่จะตอบสนองสัญชาตญาณดิบของร่างกาย แต่เขากลับไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องมีพันธะทางใจ
ทำไมเขาจะต้องมีล่ะ เขาหล่อ ยังหนุ่ม และค่อนข้างร่ำรวย เขามีสิทธิ์เลือกผู้หญิงได้ตามใจต้องการ จึงไม่มีเวลามาเสียอารมณ์กับเรื่องพวกนั้น
เขาไม่เคยเป็นคนโรแมนติกอยู่แล้ว
ในทางทฤษฎี ผู้คนที่มางานเลี้ยงเหล่านี้ต่างก็รู้จักชื่อเสียงของเขาเป็นอย่างดี ดังนั้นหากพวกเขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเขา พวกเขาก็เข้าใจดีว่ากำลังเจออะไรอยู่ และการตัดความสัมพันธ์ก็ย่อมเป็นเรื่องง่ายกว่า แต่มันก็เป็นในทางทฤษฎีเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้ว สิ่งต่าง ๆ มักจบลงด้วยน้ำตาบ่อยครั้ง แต่ไม่ใช่สำหรับเขา
จักรินทร์เดินท่องไปในงานเลี้ยงด้วยความรู้สึกสบาย ๆ แบบเคลิบเคลิ้ม แก้วแชมเปญอยู่ในมือ พร้อมกับพิจารณาตัวเลือกมากมายที่อยู่ตรงหน้า จนกระทั่งมีเพื่อนเก่าคนหนึ่งเดินเข้ามาหา
“พี่บวร” เขาเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงยินดี เปลี่ยนสีหน้าเป็นการต้อนรับทันที
บวรพจน์เป็นเพื่อนรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกันกับเขา รู้จักกันตอนไปงานเลี้ยงประจำปีของโรงเรียน แม้ว่าอีกฝ่ายจะอาวุโสกว่าเขามาก แต่ก็คบหากันมาตั้งแต่นั้น
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ช่วงนี้เป็นไงบ้างล่ะหมอไนล์”
จักรินทร์หัวเราะ “ก็แค่สองอาทิตย์นับจากครั้งล่าสุดที่เราเจอกันเองไม่ใช่หรือครับพี่”
บวรพจน์ส่ายหัวพร้อมกับยิ้ม “สองอาทิตย์ก็ยังรู้สึกว่านานเกินไปเลย แล้ววันนี้ฉันพาลูกสาวมาด้วย”
จักรินทร์เลื่อนสายตาไปด้านข้างเพื่อนรุ่นพี่ เขามาพร้อมกับมารินี ภรรยาของเขา และสาวสวยรูปร่างบอบบางที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน คาดว่าคงจะเป็นลูกสาวของพวกเขา
เธอสวยสะดุดตา มีใบเรียวเล็กแบบที่เป็นธรรมชาติไม่ได้ผ่านการทำศัลยกรรมตามสมัยนิยม ดวงตากลมโตเป็นประกายเหมือนตากวาง ขนตายาวเป็นแพล้อมกรอบตาไว้ และผมสีดำปล่อยยาวสยายเต็มแผ่นหลัง เธอสวมชุดเดรสสีเทาที่แนบไปกับลำตัว ขับเน้นส่วนโค้งเว้าของร่างกายอย่างชัดเจน เธอเป็นคนตัวเล็กกระทัดรัด และเอวคอดเล็กของเธอยิ่งขับเน้นหน้าอกและสะโพกให้โดดเด่นขึ้น
พูดสั้น ๆ คือ หญิงสาวตรงหน้าคือความงดงามที่สุดที่เขาได้เคยเห็นมา และด้วยสีหน้าที่ดูไร้เดียงสาของเธอ มันยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณนักล่าที่อยู่ในกายเขาให้พลุ่งพล่าน เขาอดรู้สึกไม่ได้ว่ามันน่าสนุกที่จะได้เล่นกับเธอ
ตราบใดที่พ่อแม่ของเธอไม่รู้เรื่อง ก็คงไม่มีปัญหาอะไร
“มานี่สิแสตมป์” บวรโบกมือเรียกลูกสาว “หมอไนล์ ฉันอยากแนะนำลูกสาวฉันให้รู้จัก เธอชื่อว่าธาริกา หรือแสตมป์”
หญิงสาวก้าวเข้ามา เธอยกมือไหว้เขา พร้อมกับยิ้มอย่างน่าประทับใจ แต่มีบางสิ่งในสายตาของเธอที่บอกว่าเธอไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนภาพลักษณ์ที่เห็น
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณหมอจักรินทร์”
เขายิ้ม “เรียกผมว่าหมอไนล์ได้เลย”
“หมอไนล์” บวรพจน์พูดแทรกขึ้นมา “แสตมป์เพิ่งเรียนจบพยาบาลมา”
มารินีที่ยืนอยู่ข้างกันพยักหน้า “ใช่แล้ว เธอจบด้วยคะแนนสูงสุดของชั้นด้วย ตอนนี้เธอกำลังหางานอยู่”
จักรินทร์เข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการสื่ออยู่ทันที
“ถ้าอย่างนั้นให้เธอไปทำงานที่โรงพยาบาลผมก็ได้ครับ” เขาเสนอขึ้นแล้วหันไปพูดกับธาริกาโดยตรง ต้องการให้แน่ใจว่าเป็นสิ่งที่เธอต้องการจริง ๆ “ถ้าเธอสนใจ เราสามารถเริ่มต้นด้วยตำแหน่งทดลองงานก่อนได้”“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย แสตมป์ว่าไงลูก โรงพยาบาลของหมอไนล์ก็ไม่ไกลจากบ้านด้วย” มารินีหันไปถามลูกสาว“ขอบคุณมากนะคะ”จักรินทร์จับตามองที่ธาริกา และเขาสามารถบอกได้จากสีหน้าของเธอว่า เธอพูดจริง แม้จะอยู่ในสถานการณ์มัดมือชกแบบนี้ก็ตาม บางทีเธออาจกำลังอยากห่างจากพ่อแม่ของเธอ“งั้นก็ตกลงแล้วนะ” บวรพจน์ยืนยันกับเพื่อนรุ่นน้อง“ครับ” จักรินทร์รับคำ แล้วหันมาคุยกับหญิงสาวต่อ “มาที่โรงพยาบาลพรุ่งนี้เลย แล้วเราจะจัดการเรื่องเอกสารกัน”จากนั้นเขาจะได้รู้ว่าเธอจริงจังกับเรื่องนี้แค่ไหน เขาไม่อยากเสนองานที่โรงพยาบาลของเขาแก่ใครก็ได้ แม้ว่าเธอจะสวยหยาดเยิ้มแค่ไหนก็ตาม เขาใส่ใจลูกค้าและประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับ ตั้งแต่พนักงานต้อนรับไปจนถึงการดูแลของแพทย์แต่ละคนแม้ว่าเขาจะไม่จริงจังกับหลายสิ่งหลายอย่าง แต่เขาจริงจังกับงานของเขาอย่างมาก“ขอบใจนายมากหมอไนล์” บวรพจน์เอ่ย ยิ้มพอใจ ดึงลูกสาวมาโอบไว้ข้างตัว “เราอยากเห็น
“ถ้างั้น แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอสนใจภาพวาดเก่า ๆ ฝุ่นเขรอะนี่” เขารู้สึกว่าคำพูดของตัวเองเริ่มไม่ชัดเจน จึงจิบไวน์ไปหนึ่งอึก “ฉันไม่เห็นเหตุผลดี ๆ อื่นใดนอกจากว่าเธอกำลังให้ท่าฉัน”ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และก้มหน้ามองลงไปที่เท้าของตัวเอง พร้อมกับประสานนิ้วเข้าด้วยกัน ภาพตรงหน้าเรียกความตื่นเต้นในสายตาชายหนุ่มมันจะต้องสนุกแน่ถ้าได้เล่นกับเธอ!“ไม่ใช่แน่นอน” ธาริการีบโพล่งคำปฏิเสธ“อ้อ ถ้าอย่างนั้น...แล้วอะไรล่ะ”“ฉันแค่...ได้ยินมาว่าที่นี่มีผี” เธอเงยหน้ามองสบดวงตาคมที่เป็นประกายกล้า และความอยากรู้อยากเห็นในสายตาของเธอก็สดใสจนจักรินทร์อยากหัวเราะออกมา“มีผี? จริงเหรอ?”“เพื่อนฉันได้ยินข่าวลือมาบ้าง”“ข่าวลือ? อืม...นั่นก็น่าเชื่อได้นะ”“อย่ามาทำเป็นดูถูกฉันนะคะ”“แล้วฉันควรทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้ล่ะ”เธอยักไหล่ “ฉันไม่รู้ มีอะไรแปลก ๆ ในบ้านหลังนี้บ้างไหมคะ”“เธอหมายถึงเรื่องไหนล่ะ” จักรินทร์หยอกล้ออย่างนึกสนุกมองหญิงสาวที่ยกมือขึ้นกอดอก“คุณรู้ดีว่าฉันหมายความว่ายังไง”“ฉันคิดว่าฉันรู้ ฉันไม่เห็นมีอะไรที่คล้ายกับผีในบ้านหลังนี้เลย ฉันว่าเพื่อนเธอ
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ธาริกาเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า เธอรวบผมขึ้นเป็นมวยเรียบง่าย ปล่อยปอยผมด้านข้าง ก่อนจะติดกิ๊บประดับเพชรเม็ดเล็ก ซึ่งเป็นของขวัญที่เธอได้รับเนื่องในวันคล้ายวันเกิดเมื่อปีก่อน เธอสวมชุดเดรสเข้ารูปสีเหลืองอ่อนมีขลิบสีขาวซึ่งเน้นให้ดูภูมิฐานเป็นมืออาชีพ แล้วจึงเลือกรองเท้าหนังสีขาวแบบส้นเตี้ยคู่ใหม่เนื่องจากเธอยังไม่ต้องเริ่มงานในวันนั้น ธาริกาจึงไม่จำเป็นต้องสวมชุดพยาบาลสีอันเป็นเครื่องแบบส่วนหนึ่งในใจเธอปรารถนาที่จะสร้างความประทับใจแก่ทุกคนที่โรงพยาบาล แต่ในส่วนลึกของจิตใจ ธาริกากลับต้องการพิสูจน์บางสิ่งบางอย่างให้คุณหมอจักรินทร์เห็น ว่า ใช่ เธอสวยและแต่งตัวดี ทว่าเธอจะไม่แสดงอาการคลั่งไคล้เขา เพียงเพราะจูบเมื่อคืนความร้อนแล่นมาที่แก้มเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เธอหลับตาลงแล้วตบเบา ๆ ที่แก้มทั้งสองข้างเพื่อไล่ความทรงจำนั้นออกไปจากความคิดเธอเหลือบมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ทาลิปกลอสที่เธอรู้ดีว่าจะต้องทาซ้ำแน่ ๆ จากนั้นก
เมื่อธาริกาเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ก็มุ่งตรงไปยังแผนกที่คุณหมอจักรินทร์นัดหมายทันที ภายในแผนกดูเงียบสงบ ไร้ผู้คนสัญจรผ่านไปมา ขณะที่กำลังมองสำรวจโดยรอบ พลันร่างสูงสง่าของจักรินทร์ก็ปรากฏขึ้น วันนี้เขาสวมเสื้อกาวน์สีขาวของแพทย์ ทำให้ดูน่าเคารพนับ ต่างกับภาพลักษณ์ที่ได้เจอเมื่อคืนลิบลับ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อของเขาลดลงเลย“มาแล้วเหรอ ฉันกำลังรอเธออยู่ แต่ไม่รู้ว่าเธอจะมาเมื่อไหร่”“สวัสดีค่ะคุณหมอจักรินทร์” เธอเอ่ยทัก แล้วมองรอบ ๆ อีกครั้ง “ที่นี่ดูเงียบเหงาจังนะคะ”“วันนี้เรามีคนไข้น้อย แล้วเช้านี้ฉันไม่มีนัด เลยให้พนักงานพัก และกำลังรอเธออยู่” คุณหมอหนุ่มอธิบายน้ำเสียงของเขาทำให้ขนกายเธอลุกชันแปลก ๆ แต่เธออาจคิดมากไปเอง มันอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่บางอย่างในใจเธอกลับคิดว่าว่าคุณหมอจักรินทร์คนนี้ต้องการอยู่กับเธอตามลำพัง ความนัยน์ของประโยคมีมากมาก แต่หากเป็นเรื่องนั้นเธอจะไม่มีวันยอมให้มันสำฤ
“ฉันจบมาด้วยคะแนนสูงสุดของชั้น ตอนเรียนฉันเคยไปฝึกงาน แล้วก็ได้รับการประเมินในแง่ดีมาตลอด ถ้าคุณต้องการ ฉันจะให้เบอร์โทรของเจ้านายเก่าให้คุณโทรไปสอบถามดูก็ได้”“ไม่จำเป็นหรอก ฉันเห็นความกระตือรือร้นและพร้อมที่จะทำงาน นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการรู้ แต่เธอยังต้องพิสูจน์ตัวเอง”“ฉันทำได้ค่ะ ฉันสัญญา”“เราจะดูกัน” เขามองเธอจากหัวจรดเท้าอีกครั้ง “แต่มีบางอย่างที่ฉันยังสงสัยอยู่”“อะไรคะ?”“ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงเลือกเรียนพยาบาล แล้วทำไมถึงอยากทำงานที่นี่”ธาริกาลังเล นี่เป็นคำถามที่ยากสำหรับเธอเสมอ ตอนแรกมันเป็นคำแนะนำของแม่ เมื่อเธอบอกว่าเธออยากเรียนอะไรสักอย่าง แม่บอกว่าการเป็นพยาบาลเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และมันยังเป็นการเตรียมเธอไว้สำหรับการมีลูกในอนาคต อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่แม่บอกแต่นั่นไม่
การถูกปฏิเสธไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาชอบ และมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยด้วยดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรเมื่อธาริการีบปฏิเสธและปิดกั้นต่อการเข้าหาของเขาอย่างหมดสิ้นเธอเดินออกจากไปด้วยบั้นท้ายที่กวัดแกว่งไปมา มันทำให้จักรินทร์อยากจะกักเธอไว้ในวงแขนแล้วถามให้รู้เรื่องว่า เธอไม่ได้สนใจเขาหรือ แล้วทำไมเมื่อคืนเธอถึงตอบรับจูบเขานี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก เขารู้ดีว่าจะต้องปัดตกเรื่องเธอโดยเร็วที่สุด แต่ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่เขาชื่นชอบ นั่นคือการไล่ล่าเธอไม่ใช่สิ่งที่เขาควรไล่ล่า ไม่ใช่เลย แต่นั่นกลับทำให้มันน่าสนุกมากขึ้นเขาคิดว่าเธอจะมีสีหน้าอย่างไรเมื่อเขาสามารถสยบเธอได้ เธอจะเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างไร และจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่เขาจะเบื่อเธอวันทั้งวันคุณหมอหนุ่มเอาแต่คิดถึงเรื่องหญิงสาวจนไม่เป็นอันทำงาน เขาจึงตัดสินใจว่า จะต้องการสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจเมื่อค
อิทธิพัทธ์หันมาสบตากับจักรินทร์“นี่ไงคือเหตุผลที่เจ้านี่มักจะโชคร้ายเรื่องผู้หญิง ถ้านายไม่รู้วิธีเลือกไวน์ดี ๆ แล้วนายจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนไหนเหมาะกับนายจริง ๆ”จักรินทร์หัวเราะออกมาในขณะที่ชัชชนคัดค้าน“ความสัมพันธ์ครั้งล่าสุดของฉันไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกอย่าง”“ฮ่า ๆ แต่มันก็ยังเลวร้ายอยู่ดี” อิทธิพัทธ์ตอกย้ำ“ไอ้หมอไนล์ก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันเท่าไหร่หรอก” ชัชชนพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่จักรินทร์“แต่ฉันไม่คิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนเหมือนนาย แล้วก็ไม่ได้เป็นบ้าสติแตกหลังจากจบกัน” จักรินทร์ยิ้มสบาย ๆอิทธิพัทธ์พยักหน้าเห็นด้วย “ไอ้หมอนายมันเป็นฝ่ายหักอกผู้หญิง ไม่เหมือนนายที่เป็นฝ่ายถูกหักอก”ชัชชนคว้าขวดไวน์จากจักรินทร์แล้วก้าวเดินฉับ ๆ ออกไปอย่างโกรธเคือง ท่าทางแง่งอนเหมือ
อิทธิพัทธ์เหล่มองเพื่อน “โดนบ้าโดนบออะไรไอ้ชัช พูดแบบนี้แล้วทำให้นายดูแก่ฉิบ”“แต่ฉันยังไม่แก่โว้ย!”“เออ งั้นนายก็หยุดทำตัวเหมือนปู่หลุดโลกได้แล้ว”จักรินทร์ส่ายหัว “จริง ๆ นะ ชัช แบบนี้นายดึงดูดผู้หญิงได้ยังไงวะ”ชัชชนยืดตัวตรงแล้วยิ้ม “ก็ด้วยหน้าตาหล่อเหลากับรอยยิ้มมีเสน่ห์ของฉันไง”“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้นี่ ดึงดูดปัญหาละสิ” อิทธิพัทธ์หัวเราะกร๊าก ก่อนที่จะหันมาถามจักรินทร์อย่างจริงจัง “สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ”“พวกนายต้องหัวเราะฉันแน่ ๆ เรื่องของเรื่องคือ...ฉันคิดว่าฉันโดนสาวปฏิเสธ”“โดนปฏิเสธ? นายเหรอ?” ชัชชนหัวเราะออกมา “เป็นไปได้ยังไงวะ เล่าให้พวกฉันฟังเดี๋ยวนี้เลย”จักรินทร์เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืนที่ผ่านมา และวันนี้ พย
อิทธิพัทธ์เหล่มองเพื่อน “โดนบ้าโดนบออะไรไอ้ชัช พูดแบบนี้แล้วทำให้นายดูแก่ฉิบ”“แต่ฉันยังไม่แก่โว้ย!”“เออ งั้นนายก็หยุดทำตัวเหมือนปู่หลุดโลกได้แล้ว”จักรินทร์ส่ายหัว “จริง ๆ นะ ชัช แบบนี้นายดึงดูดผู้หญิงได้ยังไงวะ”ชัชชนยืดตัวตรงแล้วยิ้ม “ก็ด้วยหน้าตาหล่อเหลากับรอยยิ้มมีเสน่ห์ของฉันไง”“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้นี่ ดึงดูดปัญหาละสิ” อิทธิพัทธ์หัวเราะกร๊าก ก่อนที่จะหันมาถามจักรินทร์อย่างจริงจัง “สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ”“พวกนายต้องหัวเราะฉันแน่ ๆ เรื่องของเรื่องคือ...ฉันคิดว่าฉันโดนสาวปฏิเสธ”“โดนปฏิเสธ? นายเหรอ?” ชัชชนหัวเราะออกมา “เป็นไปได้ยังไงวะ เล่าให้พวกฉันฟังเดี๋ยวนี้เลย”จักรินทร์เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืนที่ผ่านมา และวันนี้ พย
อิทธิพัทธ์หันมาสบตากับจักรินทร์“นี่ไงคือเหตุผลที่เจ้านี่มักจะโชคร้ายเรื่องผู้หญิง ถ้านายไม่รู้วิธีเลือกไวน์ดี ๆ แล้วนายจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนไหนเหมาะกับนายจริง ๆ”จักรินทร์หัวเราะออกมาในขณะที่ชัชชนคัดค้าน“ความสัมพันธ์ครั้งล่าสุดของฉันไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกอย่าง”“ฮ่า ๆ แต่มันก็ยังเลวร้ายอยู่ดี” อิทธิพัทธ์ตอกย้ำ“ไอ้หมอไนล์ก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันเท่าไหร่หรอก” ชัชชนพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่จักรินทร์“แต่ฉันไม่คิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนเหมือนนาย แล้วก็ไม่ได้เป็นบ้าสติแตกหลังจากจบกัน” จักรินทร์ยิ้มสบาย ๆอิทธิพัทธ์พยักหน้าเห็นด้วย “ไอ้หมอนายมันเป็นฝ่ายหักอกผู้หญิง ไม่เหมือนนายที่เป็นฝ่ายถูกหักอก”ชัชชนคว้าขวดไวน์จากจักรินทร์แล้วก้าวเดินฉับ ๆ ออกไปอย่างโกรธเคือง ท่าทางแง่งอนเหมือ
การถูกปฏิเสธไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาชอบ และมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยด้วยดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรเมื่อธาริการีบปฏิเสธและปิดกั้นต่อการเข้าหาของเขาอย่างหมดสิ้นเธอเดินออกจากไปด้วยบั้นท้ายที่กวัดแกว่งไปมา มันทำให้จักรินทร์อยากจะกักเธอไว้ในวงแขนแล้วถามให้รู้เรื่องว่า เธอไม่ได้สนใจเขาหรือ แล้วทำไมเมื่อคืนเธอถึงตอบรับจูบเขานี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก เขารู้ดีว่าจะต้องปัดตกเรื่องเธอโดยเร็วที่สุด แต่ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่เขาชื่นชอบ นั่นคือการไล่ล่าเธอไม่ใช่สิ่งที่เขาควรไล่ล่า ไม่ใช่เลย แต่นั่นกลับทำให้มันน่าสนุกมากขึ้นเขาคิดว่าเธอจะมีสีหน้าอย่างไรเมื่อเขาสามารถสยบเธอได้ เธอจะเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างไร และจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่เขาจะเบื่อเธอวันทั้งวันคุณหมอหนุ่มเอาแต่คิดถึงเรื่องหญิงสาวจนไม่เป็นอันทำงาน เขาจึงตัดสินใจว่า จะต้องการสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจเมื่อค
“ฉันจบมาด้วยคะแนนสูงสุดของชั้น ตอนเรียนฉันเคยไปฝึกงาน แล้วก็ได้รับการประเมินในแง่ดีมาตลอด ถ้าคุณต้องการ ฉันจะให้เบอร์โทรของเจ้านายเก่าให้คุณโทรไปสอบถามดูก็ได้”“ไม่จำเป็นหรอก ฉันเห็นความกระตือรือร้นและพร้อมที่จะทำงาน นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการรู้ แต่เธอยังต้องพิสูจน์ตัวเอง”“ฉันทำได้ค่ะ ฉันสัญญา”“เราจะดูกัน” เขามองเธอจากหัวจรดเท้าอีกครั้ง “แต่มีบางอย่างที่ฉันยังสงสัยอยู่”“อะไรคะ?”“ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงเลือกเรียนพยาบาล แล้วทำไมถึงอยากทำงานที่นี่”ธาริกาลังเล นี่เป็นคำถามที่ยากสำหรับเธอเสมอ ตอนแรกมันเป็นคำแนะนำของแม่ เมื่อเธอบอกว่าเธออยากเรียนอะไรสักอย่าง แม่บอกว่าการเป็นพยาบาลเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และมันยังเป็นการเตรียมเธอไว้สำหรับการมีลูกในอนาคต อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่แม่บอกแต่นั่นไม่
เมื่อธาริกาเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ก็มุ่งตรงไปยังแผนกที่คุณหมอจักรินทร์นัดหมายทันที ภายในแผนกดูเงียบสงบ ไร้ผู้คนสัญจรผ่านไปมา ขณะที่กำลังมองสำรวจโดยรอบ พลันร่างสูงสง่าของจักรินทร์ก็ปรากฏขึ้น วันนี้เขาสวมเสื้อกาวน์สีขาวของแพทย์ ทำให้ดูน่าเคารพนับ ต่างกับภาพลักษณ์ที่ได้เจอเมื่อคืนลิบลับ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อของเขาลดลงเลย“มาแล้วเหรอ ฉันกำลังรอเธออยู่ แต่ไม่รู้ว่าเธอจะมาเมื่อไหร่”“สวัสดีค่ะคุณหมอจักรินทร์” เธอเอ่ยทัก แล้วมองรอบ ๆ อีกครั้ง “ที่นี่ดูเงียบเหงาจังนะคะ”“วันนี้เรามีคนไข้น้อย แล้วเช้านี้ฉันไม่มีนัด เลยให้พนักงานพัก และกำลังรอเธออยู่” คุณหมอหนุ่มอธิบายน้ำเสียงของเขาทำให้ขนกายเธอลุกชันแปลก ๆ แต่เธออาจคิดมากไปเอง มันอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่บางอย่างในใจเธอกลับคิดว่าว่าคุณหมอจักรินทร์คนนี้ต้องการอยู่กับเธอตามลำพัง ความนัยน์ของประโยคมีมากมาก แต่หากเป็นเรื่องนั้นเธอจะไม่มีวันยอมให้มันสำฤ
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ธาริกาเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า เธอรวบผมขึ้นเป็นมวยเรียบง่าย ปล่อยปอยผมด้านข้าง ก่อนจะติดกิ๊บประดับเพชรเม็ดเล็ก ซึ่งเป็นของขวัญที่เธอได้รับเนื่องในวันคล้ายวันเกิดเมื่อปีก่อน เธอสวมชุดเดรสเข้ารูปสีเหลืองอ่อนมีขลิบสีขาวซึ่งเน้นให้ดูภูมิฐานเป็นมืออาชีพ แล้วจึงเลือกรองเท้าหนังสีขาวแบบส้นเตี้ยคู่ใหม่เนื่องจากเธอยังไม่ต้องเริ่มงานในวันนั้น ธาริกาจึงไม่จำเป็นต้องสวมชุดพยาบาลสีอันเป็นเครื่องแบบส่วนหนึ่งในใจเธอปรารถนาที่จะสร้างความประทับใจแก่ทุกคนที่โรงพยาบาล แต่ในส่วนลึกของจิตใจ ธาริกากลับต้องการพิสูจน์บางสิ่งบางอย่างให้คุณหมอจักรินทร์เห็น ว่า ใช่ เธอสวยและแต่งตัวดี ทว่าเธอจะไม่แสดงอาการคลั่งไคล้เขา เพียงเพราะจูบเมื่อคืนความร้อนแล่นมาที่แก้มเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เธอหลับตาลงแล้วตบเบา ๆ ที่แก้มทั้งสองข้างเพื่อไล่ความทรงจำนั้นออกไปจากความคิดเธอเหลือบมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ทาลิปกลอสที่เธอรู้ดีว่าจะต้องทาซ้ำแน่ ๆ จากนั้นก
“ถ้างั้น แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอสนใจภาพวาดเก่า ๆ ฝุ่นเขรอะนี่” เขารู้สึกว่าคำพูดของตัวเองเริ่มไม่ชัดเจน จึงจิบไวน์ไปหนึ่งอึก “ฉันไม่เห็นเหตุผลดี ๆ อื่นใดนอกจากว่าเธอกำลังให้ท่าฉัน”ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และก้มหน้ามองลงไปที่เท้าของตัวเอง พร้อมกับประสานนิ้วเข้าด้วยกัน ภาพตรงหน้าเรียกความตื่นเต้นในสายตาชายหนุ่มมันจะต้องสนุกแน่ถ้าได้เล่นกับเธอ!“ไม่ใช่แน่นอน” ธาริการีบโพล่งคำปฏิเสธ“อ้อ ถ้าอย่างนั้น...แล้วอะไรล่ะ”“ฉันแค่...ได้ยินมาว่าที่นี่มีผี” เธอเงยหน้ามองสบดวงตาคมที่เป็นประกายกล้า และความอยากรู้อยากเห็นในสายตาของเธอก็สดใสจนจักรินทร์อยากหัวเราะออกมา“มีผี? จริงเหรอ?”“เพื่อนฉันได้ยินข่าวลือมาบ้าง”“ข่าวลือ? อืม...นั่นก็น่าเชื่อได้นะ”“อย่ามาทำเป็นดูถูกฉันนะคะ”“แล้วฉันควรทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้ล่ะ”เธอยักไหล่ “ฉันไม่รู้ มีอะไรแปลก ๆ ในบ้านหลังนี้บ้างไหมคะ”“เธอหมายถึงเรื่องไหนล่ะ” จักรินทร์หยอกล้ออย่างนึกสนุกมองหญิงสาวที่ยกมือขึ้นกอดอก“คุณรู้ดีว่าฉันหมายความว่ายังไง”“ฉันคิดว่าฉันรู้ ฉันไม่เห็นมีอะไรที่คล้ายกับผีในบ้านหลังนี้เลย ฉันว่าเพื่อนเธอ
“ถ้าอย่างนั้นให้เธอไปทำงานที่โรงพยาบาลผมก็ได้ครับ” เขาเสนอขึ้นแล้วหันไปพูดกับธาริกาโดยตรง ต้องการให้แน่ใจว่าเป็นสิ่งที่เธอต้องการจริง ๆ “ถ้าเธอสนใจ เราสามารถเริ่มต้นด้วยตำแหน่งทดลองงานก่อนได้”“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย แสตมป์ว่าไงลูก โรงพยาบาลของหมอไนล์ก็ไม่ไกลจากบ้านด้วย” มารินีหันไปถามลูกสาว“ขอบคุณมากนะคะ”จักรินทร์จับตามองที่ธาริกา และเขาสามารถบอกได้จากสีหน้าของเธอว่า เธอพูดจริง แม้จะอยู่ในสถานการณ์มัดมือชกแบบนี้ก็ตาม บางทีเธออาจกำลังอยากห่างจากพ่อแม่ของเธอ“งั้นก็ตกลงแล้วนะ” บวรพจน์ยืนยันกับเพื่อนรุ่นน้อง“ครับ” จักรินทร์รับคำ แล้วหันมาคุยกับหญิงสาวต่อ “มาที่โรงพยาบาลพรุ่งนี้เลย แล้วเราจะจัดการเรื่องเอกสารกัน”จากนั้นเขาจะได้รู้ว่าเธอจริงจังกับเรื่องนี้แค่ไหน เขาไม่อยากเสนองานที่โรงพยาบาลของเขาแก่ใครก็ได้ แม้ว่าเธอจะสวยหยาดเยิ้มแค่ไหนก็ตาม เขาใส่ใจลูกค้าและประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับ ตั้งแต่พนักงานต้อนรับไปจนถึงการดูแลของแพทย์แต่ละคนแม้ว่าเขาจะไม่จริงจังกับหลายสิ่งหลายอย่าง แต่เขาจริงจังกับงานของเขาอย่างมาก“ขอบใจนายมากหมอไนล์” บวรพจน์เอ่ย ยิ้มพอใจ ดึงลูกสาวมาโอบไว้ข้างตัว “เราอยากเห็น
จักรินทร์ มองผู้คนมากมายที่ต่างเดินวุ่นวายไปมาอยู่รอบตัว ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้อยู่แล้ว เนื่องจากคืนนี้เขาจัดงานเลี้ยงขึ้นที่คฤหาสน์ส่วนตัว มันเป็นงานปาร์ตี้สังสรรค์เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่าน ๆ มา และเขาก็เป็นคนเชิญคนเหล่านี้มาทั้งหมด แต่กระนั้น มันก็ยังทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจอยู่ดีแต่ทว่าไม่ว่าเขาจะเติมเต็มคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ด้วยผู้คนกี่สักครั้ง มันก็ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่ชวนอึดอัดเขาไม่ชอบข้องแวะกับผู้คนมากนัก ที่จัดงานขึ้นที่คฤหาสน์ก็เพียงเพื่อเติมเต็มพื้นที่ว่างเปล่าไม่ให้เงียบเหงาเกินไปก็แค่นั้นอย่างไรก็ตามเขาก็รับมือกับงานเลี้ยงแบบนี้ได้ เพราะมันจัดขึ้นแค่ทุกสองสัปดาห์ เขายังสามารถสนุกไปกับมันได้เสียอีก มันทำให้เขามีโอกาสได้คลุกคลีกับคนสำคัญโดยไม่ต้องอยู่ในบทบาทของหมอ มันทำให้เขาได้เห็นอีกด้านหนึ่งของตัวตนของคนเหล่านั้น และพวกเขาก็ได้เห็นอีกด้านของเขาด้วยนอกจากนี้ มันยังเป็นแหล่งล่าที่ดีเยี่ยมเมื่อเขาต้องการใครสักคนมาเติมเต็มช่องว่างในชีวิตเขารู้ดีว่าเขามีชื่อเสียงในหมู่ผู้หญิง ฉายาคุณหมอคาสซาโนว่า ดูเหมือนว่าจะมาจากการที่เขาจะเปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อย ๆ เหมือนเป