ในเช้าวันรุ่งขึ้น ธาริกาเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า เธอรวบผมขึ้นเป็นมวยเรียบง่าย ปล่อยปอยผมด้านข้าง ก่อนจะติดกิ๊บประดับเพชรเม็ดเล็ก ซึ่งเป็นของขวัญที่เธอได้รับเนื่องในวันคล้ายวันเกิดเมื่อปีก่อน เธอสวมชุดเดรสเข้ารูปสีเหลืองอ่อนมีขลิบสีขาวซึ่งเน้นให้ดูภูมิฐานเป็นมืออาชีพ แล้วจึงเลือกรองเท้าหนังสีขาวแบบส้นเตี้ยคู่ใหม่
เนื่องจากเธอยังไม่ต้องเริ่มงานในวันนั้น ธาริกาจึงไม่จำเป็นต้องสวมชุดพยาบาลสีอันเป็นเครื่องแบบ
ส่วนหนึ่งในใจเธอปรารถนาที่จะสร้างความประทับใจแก่ทุกคนที่โรงพยาบาล แต่ในส่วนลึกของจิตใจ ธาริกากลับต้องการพิสูจน์บางสิ่งบางอย่างให้คุณหมอจักรินทร์เห็น ว่า ใช่ เธอสวยและแต่งตัวดี ทว่าเธอจะไม่แสดงอาการคลั่งไคล้เขา เพียงเพราะจูบเมื่อคืน
ความร้อนแล่นมาที่แก้มเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เธอหลับตาลงแล้วตบเบา ๆ ที่แก้มทั้งสองข้างเพื่อไล่ความทรงจำนั้นออกไปจากความคิด
เธอเหลือบมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ทาลิปกลอสที่เธอรู้ดีว่าจะต้องทาซ้ำแน่ ๆ จากนั้นก็เดินลงไปชั้นล่าง
ณ ห้องรับประทานอาหาร บิดามารดาของธาริกากำลังรออยู่ บนโต๊ะอาหารมีข้าวต้มร้อน ๆ ซึ่งเป็นอาหารเช้าฝีมือแม่ครัวประจำบ้าน
“ลูกจะกินข้าวก่อนออกไปใช่ไหม” แม่ถามพร้อมกับยิ้ม
“ค่ะแม่ วันนี้มีข้างต้มทรงเครื่องโบราณด้วย หนูไม่พลาดหรอกค่ะ”
เธอนั่งลงยังที่นั่งของตัวเอง จากนั้นแม่บ้านก็นำข้าวต้มทรงเครื่องร้อน ๆ ควันลอยหอมฉุยมาเสิร์ฟตรงหน้าพร้อมกับน้ำส้มค้นสดที่คุณหนูของบ้านจะต้องดื่มทุกเช้า
ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารเช้าแสนอร่อย พ่อวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วพูดขึ้น “วันนี้ลูกต้องไปโรงพยาบาลเพื่อที่จะรายงานตัวให้ถูกต้องใช่ไหม”
ธาริกากลืนอาหารลงคอก่อนตอบ “ค่ะ หนูจะไปหลังกินข้าวเช้าเสร็จ”
“พ่อไปด้วยได้นะ ถ้าลูกต้องการ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด” บวรพจน์เสนอ
“ไม่เป็นไร่ค่ะ” เธอตอบ พยายามเก็บซ่อนความตื่นตระหนกที่คิดถึงเรื่องเมื่อคืน ถ้าหากพ่อรู้ คงไม่ยอมให้เธอทำงานที่นั่นแน่ แล้วอิสระนิดหน่อย ๆ ที่จะได้รับก็จะหายไปด้วย นอกจากนี้ เธอจะไม่มีวันยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นคงจะไม่เป็นปัญหาอะไร
“แน่ใจนะ ให้พ่อกับแม่ไปคุยให้ก่อนก็ได้นะ” มารินีถามย้ำ
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ หนูว่าหนูควรหัดทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง”
“จ้ะ แต่ก็ไม่ต้องอายที่จะขอความช่วยเหลือหรือการสนับสนุนนะ” แม่พูด
“หนูรู้ค่ะ” ธาริกากินอาหารเช้าให้เสร็จ จากนั้นก็ไปหยิบกระเป๋าและกุญแจรถ “หนูไปแล้วนะคะ”
“ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรมาบอกพ่อกับแม่นะ” มารินีย้ำกับลูกสาวอีกที
ธาริกาโบกมือลาพ่อกับแม่ก่อนที่จะขึ้นรถแล้วขับออกมา เธอถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ตอนแรกคิดแน่นอนว่าพ่อจะยืนกรานที่จะไปกับเธอ แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาเริ่มให้อิสระกับเธอมากขึ้น
เพราะฉะนั้นเธอแค่ต้องทำให้แน่ใจว่าเธอจะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวัง
**********
เมื่อธาริกาเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ก็มุ่งตรงไปยังแผนกที่คุณหมอจักรินทร์นัดหมายทันที ภายในแผนกดูเงียบสงบ ไร้ผู้คนสัญจรผ่านไปมา ขณะที่กำลังมองสำรวจโดยรอบ พลันร่างสูงสง่าของจักรินทร์ก็ปรากฏขึ้น วันนี้เขาสวมเสื้อกาวน์สีขาวของแพทย์ ทำให้ดูน่าเคารพนับ ต่างกับภาพลักษณ์ที่ได้เจอเมื่อคืนลิบลับ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อของเขาลดลงเลย“มาแล้วเหรอ ฉันกำลังรอเธออยู่ แต่ไม่รู้ว่าเธอจะมาเมื่อไหร่”“สวัสดีค่ะคุณหมอจักรินทร์” เธอเอ่ยทัก แล้วมองรอบ ๆ อีกครั้ง “ที่นี่ดูเงียบเหงาจังนะคะ”“วันนี้เรามีคนไข้น้อย แล้วเช้านี้ฉันไม่มีนัด เลยให้พนักงานพัก และกำลังรอเธออยู่” คุณหมอหนุ่มอธิบายน้ำเสียงของเขาทำให้ขนกายเธอลุกชันแปลก ๆ แต่เธออาจคิดมากไปเอง มันอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่บางอย่างในใจเธอกลับคิดว่าว่าคุณหมอจักรินทร์คนนี้ต้องการอยู่กับเธอตามลำพัง ความนัยน์ของประโยคมีมากมาก แต่หากเป็นเรื่องนั้นเธอจะไม่มีวันยอมให้มันสำฤ
“ฉันจบมาด้วยคะแนนสูงสุดของชั้น ตอนเรียนฉันเคยไปฝึกงาน แล้วก็ได้รับการประเมินในแง่ดีมาตลอด ถ้าคุณต้องการ ฉันจะให้เบอร์โทรของเจ้านายเก่าให้คุณโทรไปสอบถามดูก็ได้”“ไม่จำเป็นหรอก ฉันเห็นความกระตือรือร้นและพร้อมที่จะทำงาน นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการรู้ แต่เธอยังต้องพิสูจน์ตัวเอง”“ฉันทำได้ค่ะ ฉันสัญญา”“เราจะดูกัน” เขามองเธอจากหัวจรดเท้าอีกครั้ง “แต่มีบางอย่างที่ฉันยังสงสัยอยู่”“อะไรคะ?”“ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงเลือกเรียนพยาบาล แล้วทำไมถึงอยากทำงานที่นี่”ธาริกาลังเล นี่เป็นคำถามที่ยากสำหรับเธอเสมอ ตอนแรกมันเป็นคำแนะนำของแม่ เมื่อเธอบอกว่าเธออยากเรียนอะไรสักอย่าง แม่บอกว่าการเป็นพยาบาลเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และมันยังเป็นการเตรียมเธอไว้สำหรับการมีลูกในอนาคต อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่แม่บอกแต่นั่นไม่
การถูกปฏิเสธไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาชอบ และมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยด้วยดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรเมื่อธาริการีบปฏิเสธและปิดกั้นต่อการเข้าหาของเขาอย่างหมดสิ้นเธอเดินออกจากไปด้วยบั้นท้ายที่กวัดแกว่งไปมา มันทำให้จักรินทร์อยากจะกักเธอไว้ในวงแขนแล้วถามให้รู้เรื่องว่า เธอไม่ได้สนใจเขาหรือ แล้วทำไมเมื่อคืนเธอถึงตอบรับจูบเขานี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก เขารู้ดีว่าจะต้องปัดตกเรื่องเธอโดยเร็วที่สุด แต่ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่เขาชื่นชอบ นั่นคือการไล่ล่าเธอไม่ใช่สิ่งที่เขาควรไล่ล่า ไม่ใช่เลย แต่นั่นกลับทำให้มันน่าสนุกมากขึ้นเขาคิดว่าเธอจะมีสีหน้าอย่างไรเมื่อเขาสามารถสยบเธอได้ เธอจะเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างไร และจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่เขาจะเบื่อเธอวันทั้งวันคุณหมอหนุ่มเอาแต่คิดถึงเรื่องหญิงสาวจนไม่เป็นอันทำงาน เขาจึงตัดสินใจว่า จะต้องการสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจเมื่อค
อิทธิพัทธ์หันมาสบตากับจักรินทร์“นี่ไงคือเหตุผลที่เจ้านี่มักจะโชคร้ายเรื่องผู้หญิง ถ้านายไม่รู้วิธีเลือกไวน์ดี ๆ แล้วนายจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนไหนเหมาะกับนายจริง ๆ”จักรินทร์หัวเราะออกมาในขณะที่ชัชชนคัดค้าน“ความสัมพันธ์ครั้งล่าสุดของฉันไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกอย่าง”“ฮ่า ๆ แต่มันก็ยังเลวร้ายอยู่ดี” อิทธิพัทธ์ตอกย้ำ“ไอ้หมอไนล์ก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันเท่าไหร่หรอก” ชัชชนพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่จักรินทร์“แต่ฉันไม่คิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนเหมือนนาย แล้วก็ไม่ได้เป็นบ้าสติแตกหลังจากจบกัน” จักรินทร์ยิ้มสบาย ๆอิทธิพัทธ์พยักหน้าเห็นด้วย “ไอ้หมอนายมันเป็นฝ่ายหักอกผู้หญิง ไม่เหมือนนายที่เป็นฝ่ายถูกหักอก”ชัชชนคว้าขวดไวน์จากจักรินทร์แล้วก้าวเดินฉับ ๆ ออกไปอย่างโกรธเคือง ท่าทางแง่งอนเหมือ
อิทธิพัทธ์เหล่มองเพื่อน “โดนบ้าโดนบออะไรไอ้ชัช พูดแบบนี้แล้วทำให้นายดูแก่ฉิบ”“แต่ฉันยังไม่แก่โว้ย!”“เออ งั้นนายก็หยุดทำตัวเหมือนปู่หลุดโลกได้แล้ว”จักรินทร์ส่ายหัว “จริง ๆ นะ ชัช แบบนี้นายดึงดูดผู้หญิงได้ยังไงวะ”ชัชชนยืดตัวตรงแล้วยิ้ม “ก็ด้วยหน้าตาหล่อเหลากับรอยยิ้มมีเสน่ห์ของฉันไง”“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้นี่ ดึงดูดปัญหาละสิ” อิทธิพัทธ์หัวเราะกร๊าก ก่อนที่จะหันมาถามจักรินทร์อย่างจริงจัง “สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ”“พวกนายต้องหัวเราะฉันแน่ ๆ เรื่องของเรื่องคือ...ฉันคิดว่าฉันโดนสาวปฏิเสธ”“โดนปฏิเสธ? นายเหรอ?” ชัชชนหัวเราะออกมา “เป็นไปได้ยังไงวะ เล่าให้พวกฉันฟังเดี๋ยวนี้เลย”จักรินทร์เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืนที่ผ่านมา และวันนี้ พย
เช้าวันนั้น ธาริกาตื่นขึ้นพร้อมความรู้สึกกังวลประหลาด เหตุผลกลใดมิทราบแน่ชัด แต่ความรู้สึกหนักอึ้งในใจกลับมิอาจสลัดให้หลุดพ้น พ่อแม่ของเธอยังไม่ตื่น เธอจึงลงมารับประทานอาหารเช้าเพียงคนเดียวเมื่ออิ่มท้อง ร่างระหงก็ก้าวออกจากบ้านไปยังรถยนต์ที่จอดรออยู่ ในมือถือถุงผ้าบรรจุชุดพยาบาลสีขาวสะอาด ตั้งใจว่าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงพยาบาล การสวมชุดพยาบาลออกไปข้างนอกโดยไม่จำเป็น มิใช่วิสัยที่เธอชอบ อีกทั้งยังเป็นนโยบายของโรงพยาบาลที่ต้องการให้ชุดเครื่องแบบของบุคลากรสะอาดหมดจดอยู่เสมอหญิงสาวมาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลาประมาณสิบห้านาที ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม เธอยื่นเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ หล่อนยิ้มต้อนรับเธออย่างอบอุ่นหลังจากจัดการธุระเบื้องต้น ธาริการีบไปยังห้องพักสำหรับเจ้าหน้าที่ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเครื่องแบบพยาบาล เมื่อแต่งกายเรียบร้อย จึงนำกระเป๋าสัมภาระเก็บไว้ในห้องพัก เสร็จแล้วก็ยืนหันรีหันขวางอย่างทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าจะเริ่มอะไรตรงไหนดี จนกระทั่งพยาบาลคน
แม้จะเป็นพยาบาล แต่ธาริกายอมรับว่าไม่พิศวาสกับอะไรแบบนี้ เธอไม่ชอบให้อะไรเข้าไปในจุดนั้น โดยเฉพาะเครื่องมือทางการแพทย์ที่เย็นเฉียบแต่วิธีที่จักรินทร์ปฏิบัติต่อผู้ป่วยช่างอ่อนโยนมาก นิ้วของเขานุ่มนวล และเขาทำให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เขาสวมถุงมือ ทาครีมหล่อลื่นบนนิ้วสองนิ้ว แล้วค่อย ๆ สอดเข้าไปในช่องคลอดของคนไข้ มืออีกข้างกดลงบนท้องของเธอ เพื่อหาสิ่งผิดปกติการได้เห็นวิธีที่คุณหมอหนุ่มปฏิบัติกับคนไข้ทำให้ธาริการู้สึกเหมือนถูกปลุกเร้า แม้จะรู้ว่าการตรวจนี้ไม่ได้มีเกี่ยงข้องกับเรื่องทางเพศใด ๆ แต่กลับอดคิดไม่ได้จะรู้สึกอย่างไรหากนิ้วเรียวนี้เข้าไปอยู่ในตัวเธอ เขาจะจัดการกับเธออย่างไร เขาจะค่อย ๆ นำเธอไปสู่จุดสุดยอดอย่างไรหลังจากตรวจเสร็จจักรินทร์ก็ช่วยประคองให้คนไข้ลุกขึ้นนั่ง“โอเคไหมครับ” เขาถามเพราะรู้ว่าคนไข้รายนี้กลัวการตรวจภายใน“ยิ่งกว่าโอเคอีกค่ะ คุณหมอมือเบาม
จักรินทร์จ้องมองหญิงสาวตรงหน้า ธาริกาดูอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด จนเขานึกสงสัยว่านี่เป็นภาพที่ไม่คุ้นตาเธอมาก่อนกระนั้นหรือ แม้เขาจะพูดในเชิงทีเล่นทีจริง หากแต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าปฏิกิริยาของเธอจะแสดงออกถึงความกระอักกระอ่วนถึงเพียงนี้เขาเพียงต้องการสาธิตให้เธอประจักษ์ว่าเขาสามารถอ่อนโยนได้เพียงใด...และปรารถนาจะอ่อนโยนกับเธอมากเพียงไหน อีกทั้งยังเป็นการทดสอบกลาย ๆ ว่าเธอพร้อมแล้วจริงหรือที่จะเป็นพยาบาลในแผนกสูตินรีเวชแห่งนี้“ธาริกา เธอไม่เคยเข้ารับการตรวจภายในมาก่อนเลยหรือ” เขาเอ่ยถามใบหน้าของเธอแดงปลั่ง และก้มหน้างุดลง“ไม่ค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่วแทบไม่ได้ยินด้วยปัญหาสุขภาพของมารดาธาริกา เขาย่อมคาดหมายว่าบิดามารดาของเธอคงจะกระตือรือร้นมากกว่านี้ในการพาบุตรีเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ“เธอไม่เคยเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีเลยหรือ” เขาซักถามธาริกาส่ายหน้าปฏิเสธ “ตรวจคะ ยกเว้นการตรวจภายใน”“ไม่เคยสักครั้งเลยหรือ” เขายังคงถามต่อด้วยความสงสัย“ไม่ค่ะ ประจำเดือนของดิฉันมาสม่ำเสมอ และ เอ่อ…ฉันไม่เคยมีความจำเป็นต้องใช้ยาคุมกำเนิด พ่อแม่ของฉันไม่ต้องการให้ฉันใช้ยาเหล่านั้น”“เช่นนั้นก็หมายความว่าเ
“ฉันก็ไม่ได้จะให้เธอแสร้งทำสักหน่อย นี่เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันต้องการจะสื่อจริง ๆ หรือ ใช่…พวกเราจำเป็นที่จะต้องรักษาระยะห่างที่เหมาะสมในสถานที่ทำงาน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะต้องหลบหน้าฉันถึงขนาดนี้”“ฉัน…ไม่แน่ใจว่าคุณหมอเข้าใจความรู้สึกของฉันจริง ๆ หรือเปล่านะคะ”ในใจของธาริกายังคงไม่ปรารถนาที่จะเอื้อนเอ่ยออกไปว่า เธอเริ่มคิดว่าตนเองกำลังมีความรู้สึกพิเศษให้เขา เพราะมั่นใจว่า หากเขาล่วงรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ เขาจะต้องผละถอยห่างจากเธอไปอย่างแน่นอนและนั่นก็คือสิ่งสุดท้ายที่เธอปรารถนาจะให้เกิดขึ้น“ถ้าอย่างนั้นก็อธิบายให้ฉันฟังหน่อย” น้ำเสียงของจักรินทร์อ่อนลง“เอ่อ...ฉันว่าเราไปนั่งคุยกันได้ไหมคะ” ธาริกาเสนอ“ไปสิ”จักรินทร์ตอบรับในทันที เขาผุดลุกขึ้น และดึงเก้าอี้ตัวข้าง ๆ ให้หญิงสาว จากนั้นจึงค่อยเลื่อนเก้าอี้ของตนเองมาข้าง ๆ เพื่อจะได้น
มันเป็นความรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องไปทำงานในวันรุ่งขึ้น ธาริการู้ว่าการที่เธอกับจักรินทร์ลางานพร้อมกันไม่ได้เป็นที่สงสัย แต่เธอก็ยังอดกังวลไม่ได้มีสิ่งหนึ่งคือปฏิกิริยาของเธอในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม จะต้องปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนเป็นแน่ แค่การที่เขาเป็นผู้ชายคนแรก ก็ถือเป็นเหตุผลที่มากเพียงพอแล้วเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจแต่ประการใด ประสบการณ์ในค่ำคืนที่ผ่านมา ช่างยอดเยี่ยมเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดได้ทั้งหมด และจักรินทร์ก็อ่อนโยนต่อเธออย่างน่าประทับใจทว่าในใจของธาริกากลับมีความกังวลขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะจริงจังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม หลังจากการใกล้ชิดกันถึงเพียงนั้นเธอสงสัยว่าเธออาจจะกำลังเริ่มหลงรักเขาเข้าให้แล้วจริง ๆ ก็เป็นได้และหากมันเป็นเช่นนั้นจริง มันก็คงจะเป็นหายนะครั้งใหญ่ในชีวิตของเธออย่างแน่นอนเธอไม่รู้ว่าเธอควรจะจัดการกับสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วน
จักรินทร์วางของลงกับพื้น พลางถอนหายใจออกมาเบา ๆ และยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจเหนือศีรษะในขณะเดียวกันอิทธิพัทธ์ก็เตรียมพร้อมที่จะยิงธนูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขากำลังขึ้นสายธนูและเล็งไปยังเป้าที่ตั้งอยู่ไกลที่สุด จากนั้นก็ปล่อยมือ ลูกธนูวิ่งฝ่าอากาศออกไป ทว่ามิได้เข้าเป้าตรงกลางเป้าตามที่หวัง แต่ก็ยังคงโดนเป้าอยู่ดี นับว่าเป็นการยิงที่น่าประทับใจไม่น้อย“แล้วตกลงว่านายมีเรื่องอะไรจะพูดหรือไอ้หมอ” อิทธิพัทธ์เอ่ยถาม หันหน้ามามองจักรินทร์จักรินทร์หยิบลูกธนูขึ้นมา และถือคันธนูในท่า เตรียมพร้อมยิง“ฉันไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี”“ก็เริ่มเล่าจากตรงที่แกค้างเอาไว้นั่นแหละ” ชัชชนเสนอแนะ พลางยกยิ้ม เขาใช้เวลานานเป็นพิเศษในการเล็งเป้าที่ตั้งอยู่ใกล้ที่สุด จากนั้นจึงค่อยปล่อยลูกธนูออกจากคันธนู และลูกธนูก็ปักเข้าไปในเป้า...ทว่ากลับเป็นเพียงแค่บริเวณขอบนอกของเป้าเท่านั้น“ก็...ดีมากแล้วนี่” อิทธิพัทธ์เอ่ย
จักรินทร์รู้สึกพึงพอใจในผลลัพธ์ เพราะได้ทำทุกสิ่งตามที่ตั้งใจไว้ เขาทำให้ธาริการู้สึกดีอย่างถึงที่สุด และทำให้ครั้งแรกของเธอกลายเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำไปตลอดกาลแต่เหตุใดในใจของเขายังคงรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติไป...ในเมื่อเขาก็ได้สิ่งที่ต้องการมาครอบครองแล้วมิใช่หรือเขาได้ช่วงชิงความบริสุทธิ์ของเธอมาแล้ว และถึงเวลาแล้วมิใช่หรือ ที่ความตื่นเต้นเร้าใจ ความต้องการเป็นผู้ครอบครองนี้ จะค่อย ๆ จางหายไปแต่เหตุใดกันเล่า เขาถึงยังคงต้องการเธออยู่ช่างแปลกประหลาดยิ่งที่ในตอนนี้เขากลับโหยหาในตัวเธอมากยิ่งกว่าเดิมเสียอีกหรืออาจเป็นเพราะเขายังคงมองว่าเธอยังคงเป็นของต้องห้ามที่กระตุ้นให้และท้าทายต่อกิเลสที่ต้องการครอบครอง แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ หรือแท้จริงแล้วมันอาจจะมีอะไรที่ลึกซึ้งไปกว่านั้นกันแน่หรือบางที…อาจจะไม่ใช่ ทั้งสองอย่างเ
“เธอสวยมากรู้มั้ย ฉันไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่สวยไปทุกสัดส่วนเท่าเธอมาก่อน”ธาริกายิ้มและดึงเขาเข้ามาใกล้ “งั้นก็แสดงให้ดูสิคะ ฉันต้องการคุณในตัวฉัน ฉันรอนานพอแล้ว”เขาเลิกคิ้ว “รอนานเหรอ ฉันคิดว่าเธอลืมไปแล้วว่าฉันรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่”“แต่ฉันรู้ดีว่าฉันต้องการอะไร”“แน่ใจเหรอ” เขาถามด้วยเสียงต่ำเกือบจะเป็นเสียงคำราม “เธอรู้จริง ๆ เหรอว่ากำลังพูดอะไรอยู่”เธอมองเขาอย่างท้าทาย “แน่นอน ฉันต้องการคุณ และฉันต้องการคุณตอนนี้”“ขอดี ๆ สิ ที่รัก”“แด๊ดดี้ขา ฉันต้องการคุณ ได้โปรด”“แล้วเธอต้องการให้ฉันอยู่ที่ไหน”ถามพร้อมกับขยี้ไข่มุกกับปุ่มเนื้ออ่อนไหว เธอส่งเสียงเฮือก คิดอะไรไม่ออก“ในตัวฉัน แด๊ดดี้ อ๊า...”“เด็กดี”จัก
‘คุณเริ่มต้นด้วยการถอดเสื้อผ้าของคุณออกไปก่อนเลย’แต่สิ่งที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของเธอ กลับเป็นเพียงแค่เสียงครางในลำคอ และการพยักหน้ารับ เมื่อเขาจูบเธออีกครั้งอย่างดูดดื่มรสจูบของจักรินทร์ช่างหอมหวานเกินจะต้านทาน ในอดีตธาริกาเคยหัวเราะเยาะความคิดที่ว่า มนุษย์เราจะสามารถรับรู้ถึงรสชาติที่แสนวิเศษจากรสจูบของกันและกัน ตามที่เคยอ่านพบในนิยายรักเล่มโปรด ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นจริงดังนั้นรสจูบของจักรินทร์หวานละมุน และชวนให้โหยหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และยังอบอวลไปด้วยรสชาติบางอย่างที่เธอเองก็มิอาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ มันแผ่ซ่าน แทรกซึมไปทั่วทุกอณูของร่างกายเธอ ราวกับไวน์รสเลิศ ที่ทำเธอละลายแทบจะทั้งตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาเธอพร้อมที่จะจูบเขาไปทั้งคืน หากเขาปรารถนา เริ่มรู้สึกเสียใจ ที่เคยผละถอยห่างจากเขาในคืนนั้นฝ่ามือแข็งแรงค่อย ๆ เลื่อนลงมาโอบล้อมแผ่นหลังบอบบาง และเคลื่อนต่ำลงมายังสะโพกผาย แล้วบีบเคล้น กระชับแน่น เพ
“ของขวัญอะไรหรือคะแด๊ดดี้” ธาริกาเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ พลางก้าวเท้าเข้าใกล้เขามากยิ่งขึ้น และเอื้อมมือไปแตะสัมผัสที่ท่อนแขนแกร่งเบา ๆแต่ชายหนุ่มกลับขยับกายถอยห่างออกไป“น้ำเสียงออดอ้อนแบบนั้นของเธอ...” เขาพูดพลางส่ายหน้า “จะทำให้คนยอมเธอทุกอย่าง แต่ฉันจะไม่ยอมให้เซอร์ไพรส์ของฉันหมดสนุกหรอก” เขาเว้นจังหวะ “มาเถอะ…ไปกันดีกว่า”ว่าแล้วก็เดินนำออกจากห้องไป ธาริกาจึงเดินตามร่างสูงออกไปจนถึงลานจอดรถ ซึ่งเป็นที่เฉพาะสำหรับผู้บริหารทำให้มีความเป็นส่วนตัวไม่มีคนพลุกพล่านจักรินทร์เปิดประตูรถให้หญิงสา รอให้เธอนั่งลงก่อนจะปิดประตูและเดินไปอีกด้านเพื่อขึ้นรถขณะที่รถเคลื่อนตัว ธาริการู้สึกได้ถึงความตึงเครียดระหว่างพวกเขา เนื่องจากเขาหลบเลี่ยงการสัมผัสของเธอเมื่อครู่ เธอจึงไม่กล้าแตะเขาอีก แม้เธออยากทำมากแค่ไหนก็ตามเธอรู้สึกได้ถึงทุกเส้นขนบนร่างกายที่ตั้งชันท่ามกลางความเงียบภายในห้องโดยสาร เธอลอบส
สัปดาห์นั้นผ่านไปอย่างช้า ๆ แต่ก็รวดเร็วเกินคาดสำหรับธาริกา มันเป็นช่วงเวลาที่ทั้งยาวนานและเร็วเกินกว่าที่เธอคาดการณ์ไว้ จักรินทร์ยังคงสอนบทเรียนใหม่ ๆ ให้ และเธอก็พบว่าเธอสนุกกับการเรียนรู้มาก เขารู้ดีว่าร่างกายของเธอต้องการอะไร และสามารถให้สิ่งนั้นได้โดยไม่ต้องสัมผัสเธอเลยตลอดเจ็ดวันนั้น พวกเขาลองสิ่งใหม่ ๆ กันหลายอย่างจักรินทร์สอนให้เธอสำรวจจุดอ่อนไหวบนร่างกาย และลองใช้ไวเบรเตอร์เพื่อกระตุ้นให้เธอถึงจุดสุดยอดได้อย่างรวดเร็วแม้เธอจะสนุกกับการใช้ของเล่น แต่ก็รู้สึกว่ามันจบเร็วเกินไป เธอจึงชอบใช้มือของตัวเองมากกว่า เพราะเธออยากให้ช่วงเวลากับจักรินทร์ยืดยาวออกไป แม้จะไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมในวันหยุด ธาริกาบอกพ่อแม่ว่าเธอต้องทำงานควบกะและเลิกดึกและจะพักที่บ้านของเอวา เพื่อนของเธอยินดีช่วยปกปิด แต่ก็ไม่ปิดบังความกังวลที่มี“แสตมป์ ฉันรู้ว่าฉันบอกให้เธอทดลองอะไรใหม่ ๆ แต่ฉันไม่ได้หมายความให้เธอทดลองกับเจ้านายของเธ
เขาคงจะสนุกไม่น้อยหากได้ออกคำสั่งชี้นำเธออีกครั้งเฉกเช่นที่เขารับรู้ว่า ธาริกาเองก็ปรารถนา ที่จะถูกเขาสั่งการเช่นกันจักรินทร์มิใคร่อยากจะนำพาความสัมพันธ์ส่วนตัวมายุ่งเกี่ยวในที่ทำงาน แต่เขาก็คิดว่าการหยอกเย้าด้วยการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ และการพูดจาสองแง่สามง่ามเพื่อกระตุ้นหญิงสาว คงมิใช่เรื่องเสียหายอันใดคนไข้รายต่อไปของจักรินทร์เป็นหญิงสาวที่มาพบเขาอย่างสม่ำเสมอ หลังจากเธอเข้าห้องตรวจ จักรินทร์ก็เดินเข้าไปพร้อมกับความหวังว่าเธอจะยอมรับคำขอที่อาจฟังดูแปลกไปสักหน่อย“สวัสดีค่ะคุณหมอ” เธอทักทายด้วยรอยยิ้มกว้าง“สวัสดีครับคุณจันทร์เพ็ญ เป็นยังไงบ้างครับ”“ดีค่ะ”“ครับ เอ่อ...วันนี้ผมมีเรื่องจะขอร้องคุณนิดหน่อย อาจฟังแปลกไปบ้าง แต่ไม่ต้องรู้สึกกดดันนะครับถ้าคุณไม่ยินยอม”“อะไรคะคุณหมอ” คนไข้สาวถาม พร้อมกับเอนตัวมาข้างหน้า สายตาเต็มไปด