“ถ้างั้น แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอสนใจภาพวาดเก่า ๆ ฝุ่นเขรอะนี่” เขารู้สึกว่าคำพูดของตัวเองเริ่มไม่ชัดเจน จึงจิบไวน์ไปหนึ่งอึก “ฉันไม่เห็นเหตุผลดี ๆ อื่นใดนอกจากว่าเธอกำลังให้ท่าฉัน”
ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และก้มหน้ามองลงไปที่เท้าของตัวเอง พร้อมกับประสานนิ้วเข้าด้วยกัน ภาพตรงหน้าเรียกความตื่นเต้นในสายตาชายหนุ่ม
มันจะต้องสนุกแน่ถ้าได้เล่นกับเธอ!
“ไม่ใช่แน่นอน” ธาริการีบโพล่งคำปฏิเสธ
“อ้อ ถ้าอย่างนั้น...แล้วอะไรล่ะ”
“ฉันแค่...ได้ยินมาว่าที่นี่มีผี” เธอเงยหน้ามองสบดวงตาคมที่เป็นประกายกล้า และความอยากรู้อยากเห็นในสายตาของเธอก็สดใสจนจักรินทร์อยากหัวเราะออกมา
“มีผี? จริงเหรอ?”
“เพื่อนฉันได้ยินข่าวลือมาบ้าง”
“ข่าวลือ? อืม...นั่นก็น่าเชื่อได้นะ”
“อย่ามาทำเป็นดูถูกฉันนะคะ”
“แล้วฉันควรทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้ล่ะ”
เธอยักไหล่ “ฉันไม่รู้ มีอะไรแปลก ๆ ในบ้านหลังนี้บ้างไหมคะ”
“เธอหมายถึงเรื่องไหนล่ะ” จักรินทร์หยอกล้ออย่างนึกสนุกมองหญิงสาวที่ยกมือขึ้นกอดอก
“คุณรู้ดีว่าฉันหมายความว่ายังไง”
“ฉันคิดว่าฉันรู้ ฉันไม่เห็นมีอะไรที่คล้ายกับผีในบ้านหลังนี้เลย ฉันว่าเพื่อนเธออาจจะหลงใหลในจินตนาการถึงคฤหาสน์เก่า ของเขาในบ้าน ที่จะต้องมีเรื่องอะไรลี้ลับเข้ามาเกี่ยวข้อง อะไรพวกนี้มากกว่า”
“นั่นก็น่าจะจริง”
“โชคไม่ดี ที่นี่ไม่มีเรื่องพวกนั้น ขอโทษที่ทำให้เพื่อนเธอผิดหวัง”
“ฉันว่าเธอคงจะเชื่อในสิ่งที่เธออยากเชื่อต่อไป โดยเฉพาะว่ามีบางสิ่งไม่ดีซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังนี้”
จักรินทร์ยิ้มและก้าวเข้าไปใกล้หญิงสาวอีกครั้ง คราวนี้เธอไม่ถอยหนี แต่ยืนตรงต่อหน้าเขา สายตาสองคู่สบกัน และเธอมองเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“สิ่งไม่ดีเดียวในบ้านหลังนี้ก็คือฉัน ฉันว่าเธอคงจะรู้อยู่แล้ว”
ทันในนั้นเขาก็กดเธอเข้ากับผนังและจุมพิตเธออย่างนุ่มนวล ใช้ประสบการณ์ที่มีทำให้เธอตอบรับ เมื่อร่างบางโน้มตัวเข้ามาหาเขาด้วยความปรารถนาอันรุนแรงที่ถูกปลุกขึ้น เขาก็ยิ่งล่วงลึกเข้าไป สอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากหวาน เกี่ยวพันกับลิ้นเล็ก ๆ ส่วนมือก็ค่อย ๆ ลูบขึ้นไปตามต้นขา
บางทีอาจเป็นเพราะแอลกอฮอล์ในร่างกายของเขาก็ได้ เขารู้ว่าสิ่งนี้ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อเขาอาจจะกลายเป็นเจ้านายเธอในไม่ช้านี้ แต่เขาก็อดไม่ได้ เธอสวยสะดุดตา และเมื่อสิ่งที่เขาต้องการอยู่ตรงหน้า เขามักจะคว้ามันมาไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม
“อื้อ...”
เสียงหวานครางเบา ๆ ใต้ฝ่ามือที่คล่องแคล่วของชายหนุ่มทำลูบไล้อยู่บริเวณต้นขาและค่อย ๆ ถลกกระโปรงของเธอขึ้น จากนั้นก็จุมพิตลงไปที่แนวกรามและค่อย ๆ กัดคอของเธออย่างนุ่มนวล เมื่อนิ้วของเขาแตะถึงขอบกางเกงในของเธอ วินาทีนั้นธาริกาก็สะดุ้งเหมือนจะรู้สึกตัวว่าได้ทำอะไรลงไป เธอจึงรีบผลักร่างแกร่งออกไป
“ฉันไม่ควรทำแบบนี้” เสียงที่เปล่งออกมาเบาหวิว
จักรินทร์ยิ้มอย่างเกียจคร้าน ทว่ามันกลับดูยั่วยวนน่าหลงใหลและมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ เขามั่นใจว่าเขาสามารถโน้มน้าวให้เธอกลับมาในอ้อมแขนของเขาได้
“ทำไมล่ะ มันชัดเจนว่าเธอต้องการมัน”
ธาริกากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องราวกับกำลังมองหาข้ออ้างเพื่อจากไป
“พ่อแม่ฉันคงกำลังหาฉันอยู่”
“ยังมีเวลาอีกสองสามชั่วโมงก่อนที่พวกเขาจะเหนื่อยกับการสังสรรรค์”
“พวกท่านจะต้องสังเกตว่าฉันหายตัวไป” ธาริกาหลบการรุกก้าวของชายหนุ่ม “ลืมเรื่องนี้ไปเถอะนะคะ”
จักรินทร์มองตามร่างเล็กที่หันหลังหายกลับไปตามทางเดิน เขาไม่รู้ว่าเขาจะทำได้หรือไม่
**********
ระหว่างทางที่เดินกลับเข้างานเลี้ยง ธาริกาคิดมาตลอดทางว่า เธอไม่อาจเอ่ยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ได้ มิใช่เพียงเพราะท่านทั้งสองจะโกรธ แต่เพราะเธอรู้สึกอับอายมาก
ความจริงแล้ว มีหลายปัจจัยที่ผลักดันให้เธอตอบรับจุมพิตจากคุณหมอจักรินทร์ ไม่ว่าจะเป็นฤทธิ์แอลกอฮอล์จากแชมเปญรสซ่าที่ดื่มไปพอสมควร แรงกระตุ้นจากจิตใจที่โหยหาอิสระและรสชาติของความขบถ อีกทั้งบรรยากาศในคฤหาสน์อันโอ่อ่า ทว่าแฝงเร้นความมืดสลัวในทางเดิน กลับกลายเป็นฉากที่ประดับประดาความรู้สึกให้ดูราวกับต้องมนตร์เสน่ห์อันแสนโรแมนติก
กระนั้นก็ตาม ธาริกาก็ตั้งมั่นในหัวใจอย่างเด็ดเดี่ยว ว่าเรื่องราวเช่นนี้...จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด
ถึงแม้คุณหมอจักรินทร์จะหล่อเหลาสง่างาม มีนัยน์ตาสีดำขลับลุ่มลึก ทว่าในความเป็นจริง เขาก็มีอายุมากกว่าเธอถึงรอบเศษ และกำลังกลายเป็นเจ้านายเธอ หากทุกสิ่งเป็นไปตามที่วางไว้
ยิ่งไปกว่านั้น คำบอกเล่าของเอวายังสะท้อนก้องอยู่ในหูเธออย่างชัดเจน ถึงพฤติกรรมของคุณหมอในเรื่องของผู้หญิง
เธอจะไม่ยอมให้เขาเข้ามาหยอกล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอเป็นอันขาด หัวใจดวงน้อยนี้ กว่าจะฟูมฟักรักษามาได้จนถึงวันนี้ เธอจะไม่ยอมพ่ายแพ้และยกให้ใครมาครอบครองโดยง่ายดายอย่างแน่นอน
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ธาริกาเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า เธอรวบผมขึ้นเป็นมวยเรียบง่าย ปล่อยปอยผมด้านข้าง ก่อนจะติดกิ๊บประดับเพชรเม็ดเล็ก ซึ่งเป็นของขวัญที่เธอได้รับเนื่องในวันคล้ายวันเกิดเมื่อปีก่อน เธอสวมชุดเดรสเข้ารูปสีเหลืองอ่อนมีขลิบสีขาวซึ่งเน้นให้ดูภูมิฐานเป็นมืออาชีพ แล้วจึงเลือกรองเท้าหนังสีขาวแบบส้นเตี้ยคู่ใหม่เนื่องจากเธอยังไม่ต้องเริ่มงานในวันนั้น ธาริกาจึงไม่จำเป็นต้องสวมชุดพยาบาลสีอันเป็นเครื่องแบบส่วนหนึ่งในใจเธอปรารถนาที่จะสร้างความประทับใจแก่ทุกคนที่โรงพยาบาล แต่ในส่วนลึกของจิตใจ ธาริกากลับต้องการพิสูจน์บางสิ่งบางอย่างให้คุณหมอจักรินทร์เห็น ว่า ใช่ เธอสวยและแต่งตัวดี ทว่าเธอจะไม่แสดงอาการคลั่งไคล้เขา เพียงเพราะจูบเมื่อคืนความร้อนแล่นมาที่แก้มเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เธอหลับตาลงแล้วตบเบา ๆ ที่แก้มทั้งสองข้างเพื่อไล่ความทรงจำนั้นออกไปจากความคิดเธอเหลือบมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ทาลิปกลอสที่เธอรู้ดีว่าจะต้องทาซ้ำแน่ ๆ จากนั้นก
เมื่อธาริกาเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ก็มุ่งตรงไปยังแผนกที่คุณหมอจักรินทร์นัดหมายทันที ภายในแผนกดูเงียบสงบ ไร้ผู้คนสัญจรผ่านไปมา ขณะที่กำลังมองสำรวจโดยรอบ พลันร่างสูงสง่าของจักรินทร์ก็ปรากฏขึ้น วันนี้เขาสวมเสื้อกาวน์สีขาวของแพทย์ ทำให้ดูน่าเคารพนับ ต่างกับภาพลักษณ์ที่ได้เจอเมื่อคืนลิบลับ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อของเขาลดลงเลย“มาแล้วเหรอ ฉันกำลังรอเธออยู่ แต่ไม่รู้ว่าเธอจะมาเมื่อไหร่”“สวัสดีค่ะคุณหมอจักรินทร์” เธอเอ่ยทัก แล้วมองรอบ ๆ อีกครั้ง “ที่นี่ดูเงียบเหงาจังนะคะ”“วันนี้เรามีคนไข้น้อย แล้วเช้านี้ฉันไม่มีนัด เลยให้พนักงานพัก และกำลังรอเธออยู่” คุณหมอหนุ่มอธิบายน้ำเสียงของเขาทำให้ขนกายเธอลุกชันแปลก ๆ แต่เธออาจคิดมากไปเอง มันอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่บางอย่างในใจเธอกลับคิดว่าว่าคุณหมอจักรินทร์คนนี้ต้องการอยู่กับเธอตามลำพัง ความนัยน์ของประโยคมีมากมาก แต่หากเป็นเรื่องนั้นเธอจะไม่มีวันยอมให้มันสำฤ
“ฉันจบมาด้วยคะแนนสูงสุดของชั้น ตอนเรียนฉันเคยไปฝึกงาน แล้วก็ได้รับการประเมินในแง่ดีมาตลอด ถ้าคุณต้องการ ฉันจะให้เบอร์โทรของเจ้านายเก่าให้คุณโทรไปสอบถามดูก็ได้”“ไม่จำเป็นหรอก ฉันเห็นความกระตือรือร้นและพร้อมที่จะทำงาน นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการรู้ แต่เธอยังต้องพิสูจน์ตัวเอง”“ฉันทำได้ค่ะ ฉันสัญญา”“เราจะดูกัน” เขามองเธอจากหัวจรดเท้าอีกครั้ง “แต่มีบางอย่างที่ฉันยังสงสัยอยู่”“อะไรคะ?”“ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงเลือกเรียนพยาบาล แล้วทำไมถึงอยากทำงานที่นี่”ธาริกาลังเล นี่เป็นคำถามที่ยากสำหรับเธอเสมอ ตอนแรกมันเป็นคำแนะนำของแม่ เมื่อเธอบอกว่าเธออยากเรียนอะไรสักอย่าง แม่บอกว่าการเป็นพยาบาลเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และมันยังเป็นการเตรียมเธอไว้สำหรับการมีลูกในอนาคต อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่แม่บอกแต่นั่นไม่
การถูกปฏิเสธไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาชอบ และมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยด้วยดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรเมื่อธาริการีบปฏิเสธและปิดกั้นต่อการเข้าหาของเขาอย่างหมดสิ้นเธอเดินออกจากไปด้วยบั้นท้ายที่กวัดแกว่งไปมา มันทำให้จักรินทร์อยากจะกักเธอไว้ในวงแขนแล้วถามให้รู้เรื่องว่า เธอไม่ได้สนใจเขาหรือ แล้วทำไมเมื่อคืนเธอถึงตอบรับจูบเขานี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก เขารู้ดีว่าจะต้องปัดตกเรื่องเธอโดยเร็วที่สุด แต่ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่เขาชื่นชอบ นั่นคือการไล่ล่าเธอไม่ใช่สิ่งที่เขาควรไล่ล่า ไม่ใช่เลย แต่นั่นกลับทำให้มันน่าสนุกมากขึ้นเขาคิดว่าเธอจะมีสีหน้าอย่างไรเมื่อเขาสามารถสยบเธอได้ เธอจะเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างไร และจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่เขาจะเบื่อเธอวันทั้งวันคุณหมอหนุ่มเอาแต่คิดถึงเรื่องหญิงสาวจนไม่เป็นอันทำงาน เขาจึงตัดสินใจว่า จะต้องการสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจเมื่อค
อิทธิพัทธ์หันมาสบตากับจักรินทร์“นี่ไงคือเหตุผลที่เจ้านี่มักจะโชคร้ายเรื่องผู้หญิง ถ้านายไม่รู้วิธีเลือกไวน์ดี ๆ แล้วนายจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนไหนเหมาะกับนายจริง ๆ”จักรินทร์หัวเราะออกมาในขณะที่ชัชชนคัดค้าน“ความสัมพันธ์ครั้งล่าสุดของฉันไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกอย่าง”“ฮ่า ๆ แต่มันก็ยังเลวร้ายอยู่ดี” อิทธิพัทธ์ตอกย้ำ“ไอ้หมอไนล์ก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันเท่าไหร่หรอก” ชัชชนพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่จักรินทร์“แต่ฉันไม่คิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนเหมือนนาย แล้วก็ไม่ได้เป็นบ้าสติแตกหลังจากจบกัน” จักรินทร์ยิ้มสบาย ๆอิทธิพัทธ์พยักหน้าเห็นด้วย “ไอ้หมอนายมันเป็นฝ่ายหักอกผู้หญิง ไม่เหมือนนายที่เป็นฝ่ายถูกหักอก”ชัชชนคว้าขวดไวน์จากจักรินทร์แล้วก้าวเดินฉับ ๆ ออกไปอย่างโกรธเคือง ท่าทางแง่งอนเหมือ
อิทธิพัทธ์เหล่มองเพื่อน “โดนบ้าโดนบออะไรไอ้ชัช พูดแบบนี้แล้วทำให้นายดูแก่ฉิบ”“แต่ฉันยังไม่แก่โว้ย!”“เออ งั้นนายก็หยุดทำตัวเหมือนปู่หลุดโลกได้แล้ว”จักรินทร์ส่ายหัว “จริง ๆ นะ ชัช แบบนี้นายดึงดูดผู้หญิงได้ยังไงวะ”ชัชชนยืดตัวตรงแล้วยิ้ม “ก็ด้วยหน้าตาหล่อเหลากับรอยยิ้มมีเสน่ห์ของฉันไง”“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้นี่ ดึงดูดปัญหาละสิ” อิทธิพัทธ์หัวเราะกร๊าก ก่อนที่จะหันมาถามจักรินทร์อย่างจริงจัง “สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ”“พวกนายต้องหัวเราะฉันแน่ ๆ เรื่องของเรื่องคือ...ฉันคิดว่าฉันโดนสาวปฏิเสธ”“โดนปฏิเสธ? นายเหรอ?” ชัชชนหัวเราะออกมา “เป็นไปได้ยังไงวะ เล่าให้พวกฉันฟังเดี๋ยวนี้เลย”จักรินทร์เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืนที่ผ่านมา และวันนี้ พย
ร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ แห่งนี้ดูอบอุ่นและน่ารักตั้งแต่ก้าวแรกที่ ธาริกา เดินเข้าไป กลิ่นหอมหวานของขนมอบสดใหม่อวบอวลแทรกอยู่ในอากาศ ผนังร้านทาสีโทนพาสเทลอ่อน ๆ ให้ความรู้สึกสบายตา ชั้นวางขนมเรียงรายอยู่ด้านหน้า เต็มไปด้วยครัวซองต์สีทองกรอบ ชิ้นพายผลไม้ที่ดูน่าทาน และเค้กชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ตกแต่งอย่างประณีตธาริกาเลือกนั่งยังที่นั่งริมหน้าต่างบานใหญ่ ที่ประดับด้วยผ้าม่านลายดอกไม้สีอ่อน เก้าอี้เบาะนุ่มสีครีมและโต๊ะไม้เล็ก ๆ ถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย เหมาะแก่การนั่งจิบชาและเพลิดเพลินกับขนมอบร้อน ๆ เสียงเพลงแจ๊สเบา ๆ ดังลอยมาจากลำโพง ทำให้บรรยากาศในร้านรู้สึกผ่อนคลายและเป็นส่วนตัววันนี้เธอนัดเจอกับเพื่อนสนิทหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายสัปดาห์เนื่องจากเธอวุ่นอยู่กับการสอบปลายภาคและการสำเร็จการศึกษาเธอมีเรื่องราวมากมายที่ต้องการเล่าและอัปเดตให้กับ เอวา เพื่อนของเธอให้ได้ฟังไม่นานก็ปรากฏหญิงสาวที่เดินมาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ผมยาวสยายพลิ้วไหลเคลียไปบนไหล่ เสื้อยืดที่สวมมีร่อยรอยเปรอะเปื้อนรอยสี แต่นั่นไม่ได้ทำให้ดูสกปรกหรือน่ารังเกียจ กลับกัน มันสะท้อนความคิดสร้างสรรค์และอิสระอันเต็มเปี่ยมของเธอ
หญิงสาวนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มที่เธอแม้จะไม่เคยเจอตัวจริงแต่เคยเห็นตามสื่อโซเชียลนายแพทย์จักรินทร์ สิทธิรักษ์ เป็นหนึ่งในสูตินรีแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ เขามีหน้าตาที่หล่อเหลาคมเข้ม อายุแค่สามสิบหก และเป็นที่คลั่งไคล้ของสาว ๆ มากมาย แต่เรื่องนั้นไม่ได้อยู่ในหัวเธอเลย“นี่แสตมป์ ฉันยังได้ยินมาอีกนะว่าคุณหมอเขาชอบเด็กสาว ๆ เธอต้องสัญญานะ ว่าจะดูแลตัวเองให้ดี”“รู้แล้วน่าเอวา เธอก็รู้ว่าฉันไม่มีวันยอมให้เขามายุ่งกับฉันในแบบนั้นหรอก”เอวายิ้มอบอุ่น เอื้อมมือมาบีบมือของธาริกาที่วางอยู่บนโต๊ะ“ดีแล้ว ฉันแค่อยากเตือนเธอให้รู้ไว้ก่อนน่ะ ฉันไม่อยากให้เธอเข้าไปในถ้ำเสือโดยที่ไม่มีใครเตือน”“เวอร์ไปรึเปล่าเอวา”“ใครจะรู้?” เอวาเลิกคิ้วล้อ “บางทีเขาอาจจะจับเธอกินทันทีที่เห็นก็ได้นะ”“อุ๊ย ไม่หรอก ฉันจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่”“อย่างที่ฉันบอก แค่รู้ไว้ก็พอ เฮ้อ...ฉันอยากไปกับเธอด้วยจริง ๆ แต่คืนนี้ฉันมีงานต้องทำ แล้วงานเลี้ยงพวกนั้นก็เข้มงวดและเฉพาะกลุ่มมาก คนที่ไม่ได้รับเชิญไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมหรอก”“แล้วถ้าฉันโทรหาพ่อขอให้เธอไปด้วยล่ะ”เอวาส่ายหัว “ไม่ล่ะ คืนนี้ฉันมีงานค้างที่ต้องทำให้เ
อิทธิพัทธ์เหล่มองเพื่อน “โดนบ้าโดนบออะไรไอ้ชัช พูดแบบนี้แล้วทำให้นายดูแก่ฉิบ”“แต่ฉันยังไม่แก่โว้ย!”“เออ งั้นนายก็หยุดทำตัวเหมือนปู่หลุดโลกได้แล้ว”จักรินทร์ส่ายหัว “จริง ๆ นะ ชัช แบบนี้นายดึงดูดผู้หญิงได้ยังไงวะ”ชัชชนยืดตัวตรงแล้วยิ้ม “ก็ด้วยหน้าตาหล่อเหลากับรอยยิ้มมีเสน่ห์ของฉันไง”“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้นี่ ดึงดูดปัญหาละสิ” อิทธิพัทธ์หัวเราะกร๊าก ก่อนที่จะหันมาถามจักรินทร์อย่างจริงจัง “สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ”“พวกนายต้องหัวเราะฉันแน่ ๆ เรื่องของเรื่องคือ...ฉันคิดว่าฉันโดนสาวปฏิเสธ”“โดนปฏิเสธ? นายเหรอ?” ชัชชนหัวเราะออกมา “เป็นไปได้ยังไงวะ เล่าให้พวกฉันฟังเดี๋ยวนี้เลย”จักรินทร์เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืนที่ผ่านมา และวันนี้ พย
อิทธิพัทธ์หันมาสบตากับจักรินทร์“นี่ไงคือเหตุผลที่เจ้านี่มักจะโชคร้ายเรื่องผู้หญิง ถ้านายไม่รู้วิธีเลือกไวน์ดี ๆ แล้วนายจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนไหนเหมาะกับนายจริง ๆ”จักรินทร์หัวเราะออกมาในขณะที่ชัชชนคัดค้าน“ความสัมพันธ์ครั้งล่าสุดของฉันไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกอย่าง”“ฮ่า ๆ แต่มันก็ยังเลวร้ายอยู่ดี” อิทธิพัทธ์ตอกย้ำ“ไอ้หมอไนล์ก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันเท่าไหร่หรอก” ชัชชนพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่จักรินทร์“แต่ฉันไม่คิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนเหมือนนาย แล้วก็ไม่ได้เป็นบ้าสติแตกหลังจากจบกัน” จักรินทร์ยิ้มสบาย ๆอิทธิพัทธ์พยักหน้าเห็นด้วย “ไอ้หมอนายมันเป็นฝ่ายหักอกผู้หญิง ไม่เหมือนนายที่เป็นฝ่ายถูกหักอก”ชัชชนคว้าขวดไวน์จากจักรินทร์แล้วก้าวเดินฉับ ๆ ออกไปอย่างโกรธเคือง ท่าทางแง่งอนเหมือ
การถูกปฏิเสธไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาชอบ และมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยด้วยดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรเมื่อธาริการีบปฏิเสธและปิดกั้นต่อการเข้าหาของเขาอย่างหมดสิ้นเธอเดินออกจากไปด้วยบั้นท้ายที่กวัดแกว่งไปมา มันทำให้จักรินทร์อยากจะกักเธอไว้ในวงแขนแล้วถามให้รู้เรื่องว่า เธอไม่ได้สนใจเขาหรือ แล้วทำไมเมื่อคืนเธอถึงตอบรับจูบเขานี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก เขารู้ดีว่าจะต้องปัดตกเรื่องเธอโดยเร็วที่สุด แต่ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่เขาชื่นชอบ นั่นคือการไล่ล่าเธอไม่ใช่สิ่งที่เขาควรไล่ล่า ไม่ใช่เลย แต่นั่นกลับทำให้มันน่าสนุกมากขึ้นเขาคิดว่าเธอจะมีสีหน้าอย่างไรเมื่อเขาสามารถสยบเธอได้ เธอจะเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างไร และจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่เขาจะเบื่อเธอวันทั้งวันคุณหมอหนุ่มเอาแต่คิดถึงเรื่องหญิงสาวจนไม่เป็นอันทำงาน เขาจึงตัดสินใจว่า จะต้องการสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจเมื่อค
“ฉันจบมาด้วยคะแนนสูงสุดของชั้น ตอนเรียนฉันเคยไปฝึกงาน แล้วก็ได้รับการประเมินในแง่ดีมาตลอด ถ้าคุณต้องการ ฉันจะให้เบอร์โทรของเจ้านายเก่าให้คุณโทรไปสอบถามดูก็ได้”“ไม่จำเป็นหรอก ฉันเห็นความกระตือรือร้นและพร้อมที่จะทำงาน นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการรู้ แต่เธอยังต้องพิสูจน์ตัวเอง”“ฉันทำได้ค่ะ ฉันสัญญา”“เราจะดูกัน” เขามองเธอจากหัวจรดเท้าอีกครั้ง “แต่มีบางอย่างที่ฉันยังสงสัยอยู่”“อะไรคะ?”“ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงเลือกเรียนพยาบาล แล้วทำไมถึงอยากทำงานที่นี่”ธาริกาลังเล นี่เป็นคำถามที่ยากสำหรับเธอเสมอ ตอนแรกมันเป็นคำแนะนำของแม่ เมื่อเธอบอกว่าเธออยากเรียนอะไรสักอย่าง แม่บอกว่าการเป็นพยาบาลเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และมันยังเป็นการเตรียมเธอไว้สำหรับการมีลูกในอนาคต อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่แม่บอกแต่นั่นไม่
เมื่อธาริกาเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ก็มุ่งตรงไปยังแผนกที่คุณหมอจักรินทร์นัดหมายทันที ภายในแผนกดูเงียบสงบ ไร้ผู้คนสัญจรผ่านไปมา ขณะที่กำลังมองสำรวจโดยรอบ พลันร่างสูงสง่าของจักรินทร์ก็ปรากฏขึ้น วันนี้เขาสวมเสื้อกาวน์สีขาวของแพทย์ ทำให้ดูน่าเคารพนับ ต่างกับภาพลักษณ์ที่ได้เจอเมื่อคืนลิบลับ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อของเขาลดลงเลย“มาแล้วเหรอ ฉันกำลังรอเธออยู่ แต่ไม่รู้ว่าเธอจะมาเมื่อไหร่”“สวัสดีค่ะคุณหมอจักรินทร์” เธอเอ่ยทัก แล้วมองรอบ ๆ อีกครั้ง “ที่นี่ดูเงียบเหงาจังนะคะ”“วันนี้เรามีคนไข้น้อย แล้วเช้านี้ฉันไม่มีนัด เลยให้พนักงานพัก และกำลังรอเธออยู่” คุณหมอหนุ่มอธิบายน้ำเสียงของเขาทำให้ขนกายเธอลุกชันแปลก ๆ แต่เธออาจคิดมากไปเอง มันอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่บางอย่างในใจเธอกลับคิดว่าว่าคุณหมอจักรินทร์คนนี้ต้องการอยู่กับเธอตามลำพัง ความนัยน์ของประโยคมีมากมาก แต่หากเป็นเรื่องนั้นเธอจะไม่มีวันยอมให้มันสำฤ
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ธาริกาเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า เธอรวบผมขึ้นเป็นมวยเรียบง่าย ปล่อยปอยผมด้านข้าง ก่อนจะติดกิ๊บประดับเพชรเม็ดเล็ก ซึ่งเป็นของขวัญที่เธอได้รับเนื่องในวันคล้ายวันเกิดเมื่อปีก่อน เธอสวมชุดเดรสเข้ารูปสีเหลืองอ่อนมีขลิบสีขาวซึ่งเน้นให้ดูภูมิฐานเป็นมืออาชีพ แล้วจึงเลือกรองเท้าหนังสีขาวแบบส้นเตี้ยคู่ใหม่เนื่องจากเธอยังไม่ต้องเริ่มงานในวันนั้น ธาริกาจึงไม่จำเป็นต้องสวมชุดพยาบาลสีอันเป็นเครื่องแบบส่วนหนึ่งในใจเธอปรารถนาที่จะสร้างความประทับใจแก่ทุกคนที่โรงพยาบาล แต่ในส่วนลึกของจิตใจ ธาริกากลับต้องการพิสูจน์บางสิ่งบางอย่างให้คุณหมอจักรินทร์เห็น ว่า ใช่ เธอสวยและแต่งตัวดี ทว่าเธอจะไม่แสดงอาการคลั่งไคล้เขา เพียงเพราะจูบเมื่อคืนความร้อนแล่นมาที่แก้มเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เธอหลับตาลงแล้วตบเบา ๆ ที่แก้มทั้งสองข้างเพื่อไล่ความทรงจำนั้นออกไปจากความคิดเธอเหลือบมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ทาลิปกลอสที่เธอรู้ดีว่าจะต้องทาซ้ำแน่ ๆ จากนั้นก
“ถ้างั้น แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอสนใจภาพวาดเก่า ๆ ฝุ่นเขรอะนี่” เขารู้สึกว่าคำพูดของตัวเองเริ่มไม่ชัดเจน จึงจิบไวน์ไปหนึ่งอึก “ฉันไม่เห็นเหตุผลดี ๆ อื่นใดนอกจากว่าเธอกำลังให้ท่าฉัน”ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และก้มหน้ามองลงไปที่เท้าของตัวเอง พร้อมกับประสานนิ้วเข้าด้วยกัน ภาพตรงหน้าเรียกความตื่นเต้นในสายตาชายหนุ่มมันจะต้องสนุกแน่ถ้าได้เล่นกับเธอ!“ไม่ใช่แน่นอน” ธาริการีบโพล่งคำปฏิเสธ“อ้อ ถ้าอย่างนั้น...แล้วอะไรล่ะ”“ฉันแค่...ได้ยินมาว่าที่นี่มีผี” เธอเงยหน้ามองสบดวงตาคมที่เป็นประกายกล้า และความอยากรู้อยากเห็นในสายตาของเธอก็สดใสจนจักรินทร์อยากหัวเราะออกมา“มีผี? จริงเหรอ?”“เพื่อนฉันได้ยินข่าวลือมาบ้าง”“ข่าวลือ? อืม...นั่นก็น่าเชื่อได้นะ”“อย่ามาทำเป็นดูถูกฉันนะคะ”“แล้วฉันควรทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้ล่ะ”เธอยักไหล่ “ฉันไม่รู้ มีอะไรแปลก ๆ ในบ้านหลังนี้บ้างไหมคะ”“เธอหมายถึงเรื่องไหนล่ะ” จักรินทร์หยอกล้ออย่างนึกสนุกมองหญิงสาวที่ยกมือขึ้นกอดอก“คุณรู้ดีว่าฉันหมายความว่ายังไง”“ฉันคิดว่าฉันรู้ ฉันไม่เห็นมีอะไรที่คล้ายกับผีในบ้านหลังนี้เลย ฉันว่าเพื่อนเธอ
“ถ้าอย่างนั้นให้เธอไปทำงานที่โรงพยาบาลผมก็ได้ครับ” เขาเสนอขึ้นแล้วหันไปพูดกับธาริกาโดยตรง ต้องการให้แน่ใจว่าเป็นสิ่งที่เธอต้องการจริง ๆ “ถ้าเธอสนใจ เราสามารถเริ่มต้นด้วยตำแหน่งทดลองงานก่อนได้”“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย แสตมป์ว่าไงลูก โรงพยาบาลของหมอไนล์ก็ไม่ไกลจากบ้านด้วย” มารินีหันไปถามลูกสาว“ขอบคุณมากนะคะ”จักรินทร์จับตามองที่ธาริกา และเขาสามารถบอกได้จากสีหน้าของเธอว่า เธอพูดจริง แม้จะอยู่ในสถานการณ์มัดมือชกแบบนี้ก็ตาม บางทีเธออาจกำลังอยากห่างจากพ่อแม่ของเธอ“งั้นก็ตกลงแล้วนะ” บวรพจน์ยืนยันกับเพื่อนรุ่นน้อง“ครับ” จักรินทร์รับคำ แล้วหันมาคุยกับหญิงสาวต่อ “มาที่โรงพยาบาลพรุ่งนี้เลย แล้วเราจะจัดการเรื่องเอกสารกัน”จากนั้นเขาจะได้รู้ว่าเธอจริงจังกับเรื่องนี้แค่ไหน เขาไม่อยากเสนองานที่โรงพยาบาลของเขาแก่ใครก็ได้ แม้ว่าเธอจะสวยหยาดเยิ้มแค่ไหนก็ตาม เขาใส่ใจลูกค้าและประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับ ตั้งแต่พนักงานต้อนรับไปจนถึงการดูแลของแพทย์แต่ละคนแม้ว่าเขาจะไม่จริงจังกับหลายสิ่งหลายอย่าง แต่เขาจริงจังกับงานของเขาอย่างมาก“ขอบใจนายมากหมอไนล์” บวรพจน์เอ่ย ยิ้มพอใจ ดึงลูกสาวมาโอบไว้ข้างตัว “เราอยากเห็น
จักรินทร์ มองผู้คนมากมายที่ต่างเดินวุ่นวายไปมาอยู่รอบตัว ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้อยู่แล้ว เนื่องจากคืนนี้เขาจัดงานเลี้ยงขึ้นที่คฤหาสน์ส่วนตัว มันเป็นงานปาร์ตี้สังสรรค์เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่าน ๆ มา และเขาก็เป็นคนเชิญคนเหล่านี้มาทั้งหมด แต่กระนั้น มันก็ยังทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจอยู่ดีแต่ทว่าไม่ว่าเขาจะเติมเต็มคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ด้วยผู้คนกี่สักครั้ง มันก็ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่ชวนอึดอัดเขาไม่ชอบข้องแวะกับผู้คนมากนัก ที่จัดงานขึ้นที่คฤหาสน์ก็เพียงเพื่อเติมเต็มพื้นที่ว่างเปล่าไม่ให้เงียบเหงาเกินไปก็แค่นั้นอย่างไรก็ตามเขาก็รับมือกับงานเลี้ยงแบบนี้ได้ เพราะมันจัดขึ้นแค่ทุกสองสัปดาห์ เขายังสามารถสนุกไปกับมันได้เสียอีก มันทำให้เขามีโอกาสได้คลุกคลีกับคนสำคัญโดยไม่ต้องอยู่ในบทบาทของหมอ มันทำให้เขาได้เห็นอีกด้านหนึ่งของตัวตนของคนเหล่านั้น และพวกเขาก็ได้เห็นอีกด้านของเขาด้วยนอกจากนี้ มันยังเป็นแหล่งล่าที่ดีเยี่ยมเมื่อเขาต้องการใครสักคนมาเติมเต็มช่องว่างในชีวิตเขารู้ดีว่าเขามีชื่อเสียงในหมู่ผู้หญิง ฉายาคุณหมอคาสซาโนว่า ดูเหมือนว่าจะมาจากการที่เขาจะเปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อย ๆ เหมือนเป