อิทธิพัทธ์หันมาสบตากับจักรินทร์
“นี่ไงคือเหตุผลที่เจ้านี่มักจะโชคร้ายเรื่องผู้หญิง ถ้านายไม่รู้วิธีเลือกไวน์ดี ๆ แล้วนายจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนไหนเหมาะกับนายจริง ๆ”
จักรินทร์หัวเราะออกมาในขณะที่ชัชชนคัดค้าน
“ความสัมพันธ์ครั้งล่าสุดของฉันไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกอย่าง”
“ฮ่า ๆ แต่มันก็ยังเลวร้ายอยู่ดี” อิทธิพัทธ์ตอกย้ำ
“ไอ้หมอไนล์ก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันเท่าไหร่หรอก” ชัชชนพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่จักรินทร์
“แต่ฉันไม่คิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนเหมือนนาย แล้วก็ไม่ได้เป็นบ้าสติแตกหลังจากจบกัน” จักรินทร์ยิ้มสบาย ๆ
อิทธิพัทธ์พยักหน้าเห็นด้วย “ไอ้หมอนายมันเป็นฝ่ายหักอกผู้หญิง ไม่เหมือนนายที่เป็นฝ่ายถูกหักอก”
ชัชชนคว้าขวดไวน์จากจักรินทร์แล้วก้าวเดินฉับ ๆ ออกไปอย่างโกรธเคือง ท่าทางแง่งอนเหมือ
อิทธิพัทธ์เหล่มองเพื่อน “โดนบ้าโดนบออะไรไอ้ชัช พูดแบบนี้แล้วทำให้นายดูแก่ฉิบ”“แต่ฉันยังไม่แก่โว้ย!”“เออ งั้นนายก็หยุดทำตัวเหมือนปู่หลุดโลกได้แล้ว”จักรินทร์ส่ายหัว “จริง ๆ นะ ชัช แบบนี้นายดึงดูดผู้หญิงได้ยังไงวะ”ชัชชนยืดตัวตรงแล้วยิ้ม “ก็ด้วยหน้าตาหล่อเหลากับรอยยิ้มมีเสน่ห์ของฉันไง”“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้นี่ ดึงดูดปัญหาละสิ” อิทธิพัทธ์หัวเราะกร๊าก ก่อนที่จะหันมาถามจักรินทร์อย่างจริงจัง “สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ”“พวกนายต้องหัวเราะฉันแน่ ๆ เรื่องของเรื่องคือ...ฉันคิดว่าฉันโดนสาวปฏิเสธ”“โดนปฏิเสธ? นายเหรอ?” ชัชชนหัวเราะออกมา “เป็นไปได้ยังไงวะ เล่าให้พวกฉันฟังเดี๋ยวนี้เลย”จักรินทร์เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืนที่ผ่านมา และวันนี้ พย
เช้าวันนั้น ธาริกาตื่นขึ้นพร้อมความรู้สึกกังวลประหลาด เหตุผลกลใดมิทราบแน่ชัด แต่ความรู้สึกหนักอึ้งในใจกลับมิอาจสลัดให้หลุดพ้น พ่อแม่ของเธอยังไม่ตื่น เธอจึงลงมารับประทานอาหารเช้าเพียงคนเดียวเมื่ออิ่มท้อง ร่างระหงก็ก้าวออกจากบ้านไปยังรถยนต์ที่จอดรออยู่ ในมือถือถุงผ้าบรรจุชุดพยาบาลสีขาวสะอาด ตั้งใจว่าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงพยาบาล การสวมชุดพยาบาลออกไปข้างนอกโดยไม่จำเป็น มิใช่วิสัยที่เธอชอบ อีกทั้งยังเป็นนโยบายของโรงพยาบาลที่ต้องการให้ชุดเครื่องแบบของบุคลากรสะอาดหมดจดอยู่เสมอหญิงสาวมาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลาประมาณสิบห้านาที ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม เธอยื่นเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ หล่อนยิ้มต้อนรับเธออย่างอบอุ่นหลังจากจัดการธุระเบื้องต้น ธาริการีบไปยังห้องพักสำหรับเจ้าหน้าที่ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเครื่องแบบพยาบาล เมื่อแต่งกายเรียบร้อย จึงนำกระเป๋าสัมภาระเก็บไว้ในห้องพัก เสร็จแล้วก็ยืนหันรีหันขวางอย่างทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าจะเริ่มอะไรตรงไหนดี จนกระทั่งพยาบาลคน
แม้จะเป็นพยาบาล แต่ธาริกายอมรับว่าไม่พิศวาสกับอะไรแบบนี้ เธอไม่ชอบให้อะไรเข้าไปในจุดนั้น โดยเฉพาะเครื่องมือทางการแพทย์ที่เย็นเฉียบแต่วิธีที่จักรินทร์ปฏิบัติต่อผู้ป่วยช่างอ่อนโยนมาก นิ้วของเขานุ่มนวล และเขาทำให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เขาสวมถุงมือ ทาครีมหล่อลื่นบนนิ้วสองนิ้ว แล้วค่อย ๆ สอดเข้าไปในช่องคลอดของคนไข้ มืออีกข้างกดลงบนท้องของเธอ เพื่อหาสิ่งผิดปกติการได้เห็นวิธีที่คุณหมอหนุ่มปฏิบัติกับคนไข้ทำให้ธาริการู้สึกเหมือนถูกปลุกเร้า แม้จะรู้ว่าการตรวจนี้ไม่ได้มีเกี่ยงข้องกับเรื่องทางเพศใด ๆ แต่กลับอดคิดไม่ได้จะรู้สึกอย่างไรหากนิ้วเรียวนี้เข้าไปอยู่ในตัวเธอ เขาจะจัดการกับเธออย่างไร เขาจะค่อย ๆ นำเธอไปสู่จุดสุดยอดอย่างไรหลังจากตรวจเสร็จจักรินทร์ก็ช่วยประคองให้คนไข้ลุกขึ้นนั่ง“โอเคไหมครับ” เขาถามเพราะรู้ว่าคนไข้รายนี้กลัวการตรวจภายใน“ยิ่งกว่าโอเคอีกค่ะ คุณหมอมือเบาม
จักรินทร์จ้องมองหญิงสาวตรงหน้า ธาริกาดูอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด จนเขานึกสงสัยว่านี่เป็นภาพที่ไม่คุ้นตาเธอมาก่อนกระนั้นหรือ แม้เขาจะพูดในเชิงทีเล่นทีจริง หากแต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าปฏิกิริยาของเธอจะแสดงออกถึงความกระอักกระอ่วนถึงเพียงนี้เขาเพียงต้องการสาธิตให้เธอประจักษ์ว่าเขาสามารถอ่อนโยนได้เพียงใด...และปรารถนาจะอ่อนโยนกับเธอมากเพียงไหน อีกทั้งยังเป็นการทดสอบกลาย ๆ ว่าเธอพร้อมแล้วจริงหรือที่จะเป็นพยาบาลในแผนกสูตินรีเวชแห่งนี้“ธาริกา เธอไม่เคยเข้ารับการตรวจภายในมาก่อนเลยหรือ” เขาเอ่ยถามใบหน้าของเธอแดงปลั่ง และก้มหน้างุดลง“ไม่ค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่วแทบไม่ได้ยินด้วยปัญหาสุขภาพของมารดาธาริกา เขาย่อมคาดหมายว่าบิดามารดาของเธอคงจะกระตือรือร้นมากกว่านี้ในการพาบุตรีเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ“เธอไม่เคยเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีเลยหรือ” เขาซักถามธาริกาส่ายหน้าปฏิเสธ “ตรวจคะ ยกเว้นการตรวจภายใน”“ไม่เคยสักครั้งเลยหรือ” เขายังคงถามต่อด้วยความสงสัย“ไม่ค่ะ ประจำเดือนของดิฉันมาสม่ำเสมอ และ เอ่อ…ฉันไม่เคยมีความจำเป็นต้องใช้ยาคุมกำเนิด พ่อแม่ของฉันไม่ต้องการให้ฉันใช้ยาเหล่านั้น”“เช่นนั้นก็หมายความว่าเ
หากมีสิ่งหนึ่งที่ธาริกาปรารถนาในขณะนี้ ก็คือสิ่งที่จะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของเธอไปจากเรื่องราวว้าวุ่นในใจ เธอคิดว่าเอวาเองก็เข้าใจความต้องการนี้ของเธอดีกว่าใคร และนั่นคงเป็นเหตุผลที่เอวาชักชวนเธอไปที่บ้านในคืนนั้น โดยอ้างว่าจะไปค้างคืนสังสรรค์กันตามประสาเพื่อนฝูงแต่ในความเป็นจริง จุดหมายปลายทางที่แท้จริงของพวกเธอก็คือการเที่ยวกลางคืน สิ่งที่ธาริการู้ดีว่าบิดามารดาของเธอไม่มีวันอนุญาตให้ย่างกรายเข้าไปอย่างแน่นอน และหาพวกท่านรู้อาจมองว่าเอวาเป็นเพื่อนที่ไม่ดี ที่ชักนำเธอไปในทางเสื่อมเสียทว่าความจริงกลับมิได้เป็นเช่นนั้น เอวาเพียงแต่รับรู้และเข้าใจถึงสิ่งที่ธาริกาโหยหา และตัวธาริกาเองต่างหากที่เป็นผู้ริเริ่มความคิดที่จะไปเที่ยวกลางคืนในคืนนี้ธาริกาไม่ใคร่ชอบใจนักกับการต้องทำอะไรลับหลังพ่อกับแม่ แต่ในบางครั้ง การกระทำเช่นนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มิฉะนั้นแล้วเธอจะสามารถใช้ชีวิตเฉกเช่นเด็กสาววัยรุ่นทั่วไปได้อย่างไรถึงกระนั้น ก็ยังมีบางส
ธาริกานั่งลงบนโซฟา พร้อมกับกวักมือเรียกเจ้าปริ๊นซ์เสียงหวาน “มานี่สิเจ้าเหมียว”แต่เจ้าแมวตัวนั้นเพียงแค่เหลือบมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยามก่อนจะกลับไปเลียขนตัวเองต่อ“วันนี้มันอารมณ์ไม่ดีน่ะ เมื่อวานฉันพามันไปหาหมอ มันถูกจับอาบน้ำและตัดเล็บด้วย ฉันว่ามันคงโกรธฉันอยู่” เอวาอธิบายขณะนั่งลงข้าง ๆ ธาริกา“แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่มันจะโกรธฉันนี่ ฉันไม่ได้เป็นคนพามันไปหาหมอซักหน่อย”“ไม่ต้องบ่นเลย เธอก็รู้ว่าเจ้าแมวตัวนี้เกลียดทุกคนบนโลก มันคงจะเดินมาหาเราเวลาที่เราเตรียมตัวเสร็จพอดี แค่เพื่อจะกวนเราเท่านั้น แล้วขนของมันก็จะติดเต็มชุดเธอไปหมด”“ไม่แน่นอน” ธาริกายืนกราน “ปริ๊นซ์ ถ้าแกอยากได้รับความสนใจ ก็มานี่เดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นฉันจะไม่สนใจแกแล้ว” เธอไขว้แขนเพื่อแสดงให้เจ้าแมวรู้ว่าเธอจริงจัง แต่มันก็ยังไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเอวาถอนหายใจ“มันไม่ฟังเธอหรอก มาเถอะ ไปเตร
ในอีกชั่วโมงต่อมาสองสาวก็พร้อมสำหรับการท่องราตรีในลุคที่สวยเฉียบ มั่นใจ และสไตล์ที่แตกต่างกันของทั้งคู่ กลับยิ่งขับเน้นเสน่ห์เฉพาะตัวให้โดดเด่นยิ่งขึ้น“ฉันว่าคืนนี้เราไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าดริ๊งค์เองแน่” เอวากล่าว พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “หนุ่ม ๆ คงแย่งกันเสนอดริ๊งค์ให้เราไม่หวาดไม่ไหว”“ฉันว่าพวกเขาคงสนใจเธอมากกว่ามั้ง ขาเธอเรียวสวยมาก คงมีแต่คนมอง” ธาริกาแซว“ไม่ต้องพูดเกินจริงไปหน่อยเลยน่าแสตมป์ ฉันว่าถ้าตกเป็นเป้าสายตา เอาเข้าจริงฉันคงทำตัวไม่ถูกหรอก” เอวาว่า พลางหัวเราะเบาๆ“ไม่ต้องมาพูดแบบนี้เลย เธอชอบเป็นจุดสนใจจะตายไป” ธาริกาย้อน“ฉันว่าน่าจะเป็นเธอมากกว่านะที่ชอบ” เอวายิ้มขำ แล้วคล้องแขนเพื่อน “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”**********เมื่อเดินไปถึงหน้าประตู พนักงานร่างใหญ่ก็ทักทายด้วยรอยย
สิ่งที่จักรินทร์ต้องการมากที่สุดในเวลานี้ คืออะไรสักอย่างที่ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ ในใจเขาตอนนี้มีแต่ภายหญิงสาวใบหน้าสวย หุ่นกระชากใจ และริมฝีปากหวานจิ้มลิ้มน่าจูบ เขาสลัดเธอออกไปจากห้วงความคิดไม่ได้เลย ดังนั้นขอเพียงแค่ได้ลืมเรื่องทุกอย่างไปได้สักคืนก็ยังด้วยความคิดนั้น จักรินทร์จึงรีบส่งข้อความหาเพื่อนสนิทอย่างอิทธิพัทธ์และชัชชน ชวนพวกเขาทั้งสองไปดื่มผ่อนคลายกันยังร้านประจำข้อความตอบกลับจากเพื่อนทั้งสองถูกส่งมาแทบจะทันทีชัชชนตอบกลับมาด้วยคำสั้น ๆ ว่า “เจอกัน!”ส่วนอิทธิพัทธ์ส่งข้อความมาถามด้วยความสงสัย “นี่นายยังเฮิร์ทเรื่องน้องธาริกาไม่หายอีกเหรอเนี่ย”จักรินทร์ส่งข้อความตอบกลับชัชชนไปว่า “เจอกันที่เดิม อีกครึ่งชั่วโมง”ส่วนข้อความของอิทธิพัทธ์ เขาตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ ว่า “ใช่…แต่ช่างมันเถอะน่า เจอกันที่นั่น อีกสามสิบนาที”จักรินทร์ถอนหายใจยาว เอนหลังพิง
“ฉันก็ไม่ได้จะให้เธอแสร้งทำสักหน่อย นี่เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันต้องการจะสื่อจริง ๆ หรือ ใช่…พวกเราจำเป็นที่จะต้องรักษาระยะห่างที่เหมาะสมในสถานที่ทำงาน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะต้องหลบหน้าฉันถึงขนาดนี้”“ฉัน…ไม่แน่ใจว่าคุณหมอเข้าใจความรู้สึกของฉันจริง ๆ หรือเปล่านะคะ”ในใจของธาริกายังคงไม่ปรารถนาที่จะเอื้อนเอ่ยออกไปว่า เธอเริ่มคิดว่าตนเองกำลังมีความรู้สึกพิเศษให้เขา เพราะมั่นใจว่า หากเขาล่วงรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ เขาจะต้องผละถอยห่างจากเธอไปอย่างแน่นอนและนั่นก็คือสิ่งสุดท้ายที่เธอปรารถนาจะให้เกิดขึ้น“ถ้าอย่างนั้นก็อธิบายให้ฉันฟังหน่อย” น้ำเสียงของจักรินทร์อ่อนลง“เอ่อ...ฉันว่าเราไปนั่งคุยกันได้ไหมคะ” ธาริกาเสนอ“ไปสิ”จักรินทร์ตอบรับในทันที เขาผุดลุกขึ้น และดึงเก้าอี้ตัวข้าง ๆ ให้หญิงสาว จากนั้นจึงค่อยเลื่อนเก้าอี้ของตนเองมาข้าง ๆ เพื่อจะได้น
มันเป็นความรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องไปทำงานในวันรุ่งขึ้น ธาริการู้ว่าการที่เธอกับจักรินทร์ลางานพร้อมกันไม่ได้เป็นที่สงสัย แต่เธอก็ยังอดกังวลไม่ได้มีสิ่งหนึ่งคือปฏิกิริยาของเธอในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม จะต้องปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนเป็นแน่ แค่การที่เขาเป็นผู้ชายคนแรก ก็ถือเป็นเหตุผลที่มากเพียงพอแล้วเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจแต่ประการใด ประสบการณ์ในค่ำคืนที่ผ่านมา ช่างยอดเยี่ยมเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดได้ทั้งหมด และจักรินทร์ก็อ่อนโยนต่อเธออย่างน่าประทับใจทว่าในใจของธาริกากลับมีความกังวลขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะจริงจังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม หลังจากการใกล้ชิดกันถึงเพียงนั้นเธอสงสัยว่าเธออาจจะกำลังเริ่มหลงรักเขาเข้าให้แล้วจริง ๆ ก็เป็นได้และหากมันเป็นเช่นนั้นจริง มันก็คงจะเป็นหายนะครั้งใหญ่ในชีวิตของเธออย่างแน่นอนเธอไม่รู้ว่าเธอควรจะจัดการกับสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วน
จักรินทร์วางของลงกับพื้น พลางถอนหายใจออกมาเบา ๆ และยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจเหนือศีรษะในขณะเดียวกันอิทธิพัทธ์ก็เตรียมพร้อมที่จะยิงธนูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขากำลังขึ้นสายธนูและเล็งไปยังเป้าที่ตั้งอยู่ไกลที่สุด จากนั้นก็ปล่อยมือ ลูกธนูวิ่งฝ่าอากาศออกไป ทว่ามิได้เข้าเป้าตรงกลางเป้าตามที่หวัง แต่ก็ยังคงโดนเป้าอยู่ดี นับว่าเป็นการยิงที่น่าประทับใจไม่น้อย“แล้วตกลงว่านายมีเรื่องอะไรจะพูดหรือไอ้หมอ” อิทธิพัทธ์เอ่ยถาม หันหน้ามามองจักรินทร์จักรินทร์หยิบลูกธนูขึ้นมา และถือคันธนูในท่า เตรียมพร้อมยิง“ฉันไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี”“ก็เริ่มเล่าจากตรงที่แกค้างเอาไว้นั่นแหละ” ชัชชนเสนอแนะ พลางยกยิ้ม เขาใช้เวลานานเป็นพิเศษในการเล็งเป้าที่ตั้งอยู่ใกล้ที่สุด จากนั้นจึงค่อยปล่อยลูกธนูออกจากคันธนู และลูกธนูก็ปักเข้าไปในเป้า...ทว่ากลับเป็นเพียงแค่บริเวณขอบนอกของเป้าเท่านั้น“ก็...ดีมากแล้วนี่” อิทธิพัทธ์เอ่ย
จักรินทร์รู้สึกพึงพอใจในผลลัพธ์ เพราะได้ทำทุกสิ่งตามที่ตั้งใจไว้ เขาทำให้ธาริการู้สึกดีอย่างถึงที่สุด และทำให้ครั้งแรกของเธอกลายเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำไปตลอดกาลแต่เหตุใดในใจของเขายังคงรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติไป...ในเมื่อเขาก็ได้สิ่งที่ต้องการมาครอบครองแล้วมิใช่หรือเขาได้ช่วงชิงความบริสุทธิ์ของเธอมาแล้ว และถึงเวลาแล้วมิใช่หรือ ที่ความตื่นเต้นเร้าใจ ความต้องการเป็นผู้ครอบครองนี้ จะค่อย ๆ จางหายไปแต่เหตุใดกันเล่า เขาถึงยังคงต้องการเธออยู่ช่างแปลกประหลาดยิ่งที่ในตอนนี้เขากลับโหยหาในตัวเธอมากยิ่งกว่าเดิมเสียอีกหรืออาจเป็นเพราะเขายังคงมองว่าเธอยังคงเป็นของต้องห้ามที่กระตุ้นให้และท้าทายต่อกิเลสที่ต้องการครอบครอง แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ หรือแท้จริงแล้วมันอาจจะมีอะไรที่ลึกซึ้งไปกว่านั้นกันแน่หรือบางที…อาจจะไม่ใช่ ทั้งสองอย่างเ
“เธอสวยมากรู้มั้ย ฉันไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่สวยไปทุกสัดส่วนเท่าเธอมาก่อน”ธาริกายิ้มและดึงเขาเข้ามาใกล้ “งั้นก็แสดงให้ดูสิคะ ฉันต้องการคุณในตัวฉัน ฉันรอนานพอแล้ว”เขาเลิกคิ้ว “รอนานเหรอ ฉันคิดว่าเธอลืมไปแล้วว่าฉันรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่”“แต่ฉันรู้ดีว่าฉันต้องการอะไร”“แน่ใจเหรอ” เขาถามด้วยเสียงต่ำเกือบจะเป็นเสียงคำราม “เธอรู้จริง ๆ เหรอว่ากำลังพูดอะไรอยู่”เธอมองเขาอย่างท้าทาย “แน่นอน ฉันต้องการคุณ และฉันต้องการคุณตอนนี้”“ขอดี ๆ สิ ที่รัก”“แด๊ดดี้ขา ฉันต้องการคุณ ได้โปรด”“แล้วเธอต้องการให้ฉันอยู่ที่ไหน”ถามพร้อมกับขยี้ไข่มุกกับปุ่มเนื้ออ่อนไหว เธอส่งเสียงเฮือก คิดอะไรไม่ออก“ในตัวฉัน แด๊ดดี้ อ๊า...”“เด็กดี”จัก
‘คุณเริ่มต้นด้วยการถอดเสื้อผ้าของคุณออกไปก่อนเลย’แต่สิ่งที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของเธอ กลับเป็นเพียงแค่เสียงครางในลำคอ และการพยักหน้ารับ เมื่อเขาจูบเธออีกครั้งอย่างดูดดื่มรสจูบของจักรินทร์ช่างหอมหวานเกินจะต้านทาน ในอดีตธาริกาเคยหัวเราะเยาะความคิดที่ว่า มนุษย์เราจะสามารถรับรู้ถึงรสชาติที่แสนวิเศษจากรสจูบของกันและกัน ตามที่เคยอ่านพบในนิยายรักเล่มโปรด ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นจริงดังนั้นรสจูบของจักรินทร์หวานละมุน และชวนให้โหยหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และยังอบอวลไปด้วยรสชาติบางอย่างที่เธอเองก็มิอาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ มันแผ่ซ่าน แทรกซึมไปทั่วทุกอณูของร่างกายเธอ ราวกับไวน์รสเลิศ ที่ทำเธอละลายแทบจะทั้งตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาเธอพร้อมที่จะจูบเขาไปทั้งคืน หากเขาปรารถนา เริ่มรู้สึกเสียใจ ที่เคยผละถอยห่างจากเขาในคืนนั้นฝ่ามือแข็งแรงค่อย ๆ เลื่อนลงมาโอบล้อมแผ่นหลังบอบบาง และเคลื่อนต่ำลงมายังสะโพกผาย แล้วบีบเคล้น กระชับแน่น เพ
“ของขวัญอะไรหรือคะแด๊ดดี้” ธาริกาเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ พลางก้าวเท้าเข้าใกล้เขามากยิ่งขึ้น และเอื้อมมือไปแตะสัมผัสที่ท่อนแขนแกร่งเบา ๆแต่ชายหนุ่มกลับขยับกายถอยห่างออกไป“น้ำเสียงออดอ้อนแบบนั้นของเธอ...” เขาพูดพลางส่ายหน้า “จะทำให้คนยอมเธอทุกอย่าง แต่ฉันจะไม่ยอมให้เซอร์ไพรส์ของฉันหมดสนุกหรอก” เขาเว้นจังหวะ “มาเถอะ…ไปกันดีกว่า”ว่าแล้วก็เดินนำออกจากห้องไป ธาริกาจึงเดินตามร่างสูงออกไปจนถึงลานจอดรถ ซึ่งเป็นที่เฉพาะสำหรับผู้บริหารทำให้มีความเป็นส่วนตัวไม่มีคนพลุกพล่านจักรินทร์เปิดประตูรถให้หญิงสา รอให้เธอนั่งลงก่อนจะปิดประตูและเดินไปอีกด้านเพื่อขึ้นรถขณะที่รถเคลื่อนตัว ธาริการู้สึกได้ถึงความตึงเครียดระหว่างพวกเขา เนื่องจากเขาหลบเลี่ยงการสัมผัสของเธอเมื่อครู่ เธอจึงไม่กล้าแตะเขาอีก แม้เธออยากทำมากแค่ไหนก็ตามเธอรู้สึกได้ถึงทุกเส้นขนบนร่างกายที่ตั้งชันท่ามกลางความเงียบภายในห้องโดยสาร เธอลอบส
สัปดาห์นั้นผ่านไปอย่างช้า ๆ แต่ก็รวดเร็วเกินคาดสำหรับธาริกา มันเป็นช่วงเวลาที่ทั้งยาวนานและเร็วเกินกว่าที่เธอคาดการณ์ไว้ จักรินทร์ยังคงสอนบทเรียนใหม่ ๆ ให้ และเธอก็พบว่าเธอสนุกกับการเรียนรู้มาก เขารู้ดีว่าร่างกายของเธอต้องการอะไร และสามารถให้สิ่งนั้นได้โดยไม่ต้องสัมผัสเธอเลยตลอดเจ็ดวันนั้น พวกเขาลองสิ่งใหม่ ๆ กันหลายอย่างจักรินทร์สอนให้เธอสำรวจจุดอ่อนไหวบนร่างกาย และลองใช้ไวเบรเตอร์เพื่อกระตุ้นให้เธอถึงจุดสุดยอดได้อย่างรวดเร็วแม้เธอจะสนุกกับการใช้ของเล่น แต่ก็รู้สึกว่ามันจบเร็วเกินไป เธอจึงชอบใช้มือของตัวเองมากกว่า เพราะเธออยากให้ช่วงเวลากับจักรินทร์ยืดยาวออกไป แม้จะไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมในวันหยุด ธาริกาบอกพ่อแม่ว่าเธอต้องทำงานควบกะและเลิกดึกและจะพักที่บ้านของเอวา เพื่อนของเธอยินดีช่วยปกปิด แต่ก็ไม่ปิดบังความกังวลที่มี“แสตมป์ ฉันรู้ว่าฉันบอกให้เธอทดลองอะไรใหม่ ๆ แต่ฉันไม่ได้หมายความให้เธอทดลองกับเจ้านายของเธ
เขาคงจะสนุกไม่น้อยหากได้ออกคำสั่งชี้นำเธออีกครั้งเฉกเช่นที่เขารับรู้ว่า ธาริกาเองก็ปรารถนา ที่จะถูกเขาสั่งการเช่นกันจักรินทร์มิใคร่อยากจะนำพาความสัมพันธ์ส่วนตัวมายุ่งเกี่ยวในที่ทำงาน แต่เขาก็คิดว่าการหยอกเย้าด้วยการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ และการพูดจาสองแง่สามง่ามเพื่อกระตุ้นหญิงสาว คงมิใช่เรื่องเสียหายอันใดคนไข้รายต่อไปของจักรินทร์เป็นหญิงสาวที่มาพบเขาอย่างสม่ำเสมอ หลังจากเธอเข้าห้องตรวจ จักรินทร์ก็เดินเข้าไปพร้อมกับความหวังว่าเธอจะยอมรับคำขอที่อาจฟังดูแปลกไปสักหน่อย“สวัสดีค่ะคุณหมอ” เธอทักทายด้วยรอยยิ้มกว้าง“สวัสดีครับคุณจันทร์เพ็ญ เป็นยังไงบ้างครับ”“ดีค่ะ”“ครับ เอ่อ...วันนี้ผมมีเรื่องจะขอร้องคุณนิดหน่อย อาจฟังแปลกไปบ้าง แต่ไม่ต้องรู้สึกกดดันนะครับถ้าคุณไม่ยินยอม”“อะไรคะคุณหมอ” คนไข้สาวถาม พร้อมกับเอนตัวมาข้างหน้า สายตาเต็มไปด