ยิ่งน่าคิดเหมือนกันว่าพี่ชายของเขาคาดเดาได้อย่างไร ว่าแฟนสาวของเขาคือใคร แน่นอนภูวพลไม่เคยเปิดปากบอกใครเรื่องนี้สักนิด จึงตั้งใจเป็นครั้งแรกด้วยความกล้าหาญแบบลูกผู้ชาย
คือต้องบอกกับบิดาและมารดาให้ทราบเสียก่อนว่าเขาจะมีแฟน
แค่นี้ล่ะเหมือนเกริ่นบอก เขาคิดว่าพี่ชายคงไม่รวดเร็วที่จะชิงบอกในเรื่องนี้ มันเรื่องของเขาเองแท้พี่ชายก็ยุ่งไม่เข้าท่า
ภูวพลไม่ค่อยพอใจพี่ชายยิ่งนัก อารมณ์เขายังปั้นปึ่งอยู่ ยิ่งพูดถึงหน้าพี่จอมภู เขาไม่อยากนึกและเอ่ยถึง
สั่นไหม? ยอมรับกับตัวเองเหมือนกัน
เมื่อกล้าเข้ามาหาบิดา และหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าสูดลมหายใจเข้าปอดสักหน่อย เพื่อเรียกกำลังที่เข้มแข็งของตนเอง ก่อนจะกระแอมในลำคอเพื่อให้รู้ว่าเขามีจุดประสงค์บางอย่าง เพื่อให้บิดารับรู้
นายภาสเงยสายตาขึ้นมองละสายตาจากหนังสือพิมพ์รอบเช้าในมือ ขาประจำก่อนเอ่ยถาม
“อ้าว เจ้าพลนี่เอง มีอะไรจะคุยกับพ่อหรือยังไงแกถึงเดินมาที่นี่” เพราะปกตินั้นนอกจากภูวพลจะตื่นสายแล้วไม่ค่อยกรายย่างมาที่โซฟารับแขกสักเท่าไร เขามักจะเลี่ยงเข้าครัวเพื่อหาอะไรดื่มทานไปตามประสา พวกอาหารเสริมยามเช้าบ้าง นมอุ่นๆที่คนใช้ทำให้เสร็จสรรพ เขายืนเอามือไขว้หลัง แต่มือก็อยู่ไม่นิ่งไม่สุขเหมือนคนหลุกหลิกเอามือถูไถ
เพราะเริ่มจะนึกถึงเรื่องพูดว่าเขาควรจะเอ่ยอย่างไรก่อนดี
“คือป๊าครับ ป๊าจะรู้สึกยังไงมั๊ยครับ ถ้าเกิดเอ้อ พลมีแฟนแล้ว” คำเอ่ยของภูวพลทำให้ผู้เป็นบิดาเงยหน้ารู้สึกแปลกใจกับคำสารภาพในวันนี้ของบุตรชายคนรอง
จึงชำเลืองสายตามองครู่หนึ่ง
“แกคิดยังไงกับเรื่องนี้ แกถามแม่ของแกแล้วหรือยัง ป๊าเคยบอกสั่งลูกไว้แล้วไม่ใช่หรือ เรียนจบทำงานมีอนาคตก่อนแล้วค่อยคิด” คำของบิดาไม่ถึงกับทำให้เขาใจฝ่อ แต่ใจก็แฟบลงเช่นกัน กึ่งความหวังนั้นมีอยู่แค่สองสามเปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่เรื่องถูกกีดกันไม่เห็นด้วยอาจจะอยู่เก้าสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์
แบบนี้ทำให้เขาถึงกับซึมและหน้าจ๋อยคำพูดของบิดาก็คงไม่แตกต่างไปจากมารดานัก เพราะท่านทั้งสองตกลงเอาไว้เช่นนี้ ภูวพลรับทราบ
ดังนั้นเมื่อแบกหน้าไปหามารดา คำตอบก็เช่นเดิม
เมื่อรู้คำตอบ ทำให้เดินหน้าซึมกลับเข้าไปในห้อง กักขังตัวเองอยู่ในนั้น เหมือนกับว่าประท้วงทุกคน ที่ไม่เห็นความสำคัญของคนมีความรัก
หากวันนี้สายมากแล้ว จอมภูเพิ่งตื่นนอนและเขารีบอาบน้ำใช้เวลาอีกยี่สิบนาทีหนุ่มหล่อ เนี้ยบหรูในเสื้อกางเกงชุดทันสมัยเข้ากับยุคก็โผล่กายลงมาที่ข้างล่าง
เขาแทบจะลืมว่า พูดอะไรไปกับน้องชาย ไปบ้าง เป็นเพราะความคะนองปาก
แต่เจตนาของจอมภูต้องการให้เป็นอย่างนั้น และคิดว่าคนที่มีฐานะต่ำต้อยกว่า โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้น คิดว่าเมื่อเห็นฝ่ายชายมั่งมีทรัพย์ตระกูล จะมองส่วนใดล่ะถ้าไม่มองส่วนนี้เช่นหญิงสาวที่น้องชายกำลังคั่วอยู่
และเรียกมันว่าความรัก ฮึ จอมภูเข้าใจดีโธ่เอ๋ย ไอ้น้องชายนายมันชั่วโมงบินน้อยกว่าฉันเพราะจอมภูเคยผ่านความรักมาแล้วหลายรูปแบบ และสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดมากที่สุด คือผู้หญิงที่ชื่อ อาภาพิไล ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เคยลืมชื่อนี้ มันฝังอยู่ทุกส่วนของร่างกาย
เมื่อนึกแล้วรู้สึกเจ็บ จนชาไปหมด ในเรื่องที่หล่อนสอนสั่งเขาเรื่องความรัก หล่อนผละไปจากเขา และไปหาชายหนุ่มที่เพอร์เฟกต์ทั้งฐานะชื่อเสียงในสังคมในตระกูลภูฐาบริรักษ์นั่น
และเขาเก็บซ่อนความรู้สึกเหล่านี้ ลึกลงไว้ใต้บึ้งใจของตนเองมากที่สุด คนในครอบครัวไม่มีใครระแคะระคายเลยเพียงนิดที่ใจของเขาจู่นั้นก็ดิบเถื่อนขึ้นมาโดยเฉพาะผู้หญิง
นี่ก็คือต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมด ภูวพลเป็นน้องชาย
เขารักมันมาก และความรักแบบเขานั้น น้องชายสัมผัสมันไม่ถึงหรอก และนี่เองคือความรักที่เขาจะบอกมัน และให้มันจึงไม่อยากให้น้องชายคิดว่าเขาหวังดีต่อน้อง เพราะโตๆกันแล้ว สอนเตือนอะไรคงไม่ได้ แต่ถ้ามันทำใจตัวเองมากเกินไป
เหมือนเขาในวัยหนุ่มที่คุกรุ่นด้วยไฟรัก แต่แล้วมันก็แหลกสลายลงอย่างเงียบๆ แต่รุนแรงในอกของเขา
จอมภูทรมานอย่างแสนสาหัสแต่ไม่เคยบอกใคร เขาจึงให้ความเจ็บช้ำพิษรักกัดกร่อนใจ และมันกระหน่ำซ้ำเขาจนแทบเอาชีวิตไม่รอด คนที่ตั้งหวังในความรักและเมื่อผิดหวังมามันเป็นเช่นนั้นเอง
ทุกสิ่งทุกอย่างจึงอัดสุมเข้าไปในใจจนพอกแน่น และเขาทำไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งที่ตนเองเจ็บเจียนตาย
เขาไม่รู้ว่าทำถูกหรือผิด แต่เมื่อรู้ว่าเรียนผูกแล้วต้องเรียนแก้ เป็นเพราะหัวใจของเขาใฝ่คะนอง และคะนึงหาความรักโดยไม่รู้ว่า ในสนามนี้มันมีการต่อสู้ และคนที่เขารัก หล่อนเลือกปันใจ ให้คนอื่น
มันก็แค่นี้เองความรัก ทำให้เขาอกเดาะผิดหวัง แต่เป็นความผิดหวังที่ร้าวรานใจก่อความพยาบาทโดยเฉพาะผู้หญิง ยิ่งสาวและสวยมาจากฐานะชั้นล่าง เขาชิงชัง รังเกียจอย่างสุด
นี่เองถึงทำให้เขาอยากจะหาเรื่องจองล้างและกีดกัน ความรักของน้องชาย เขาไม่ได้มองถึงความจริง แต่มองย้อนไปที่ตัวเองเคยเจอ เขาคิดว่าผู้หญิงประเภทนี้ไม่มีรักแท้ จึงไม่แปลกเจอหน้าผู้หญิงสาวสวยคนนั้น เขาจึงแค้นเคืองไปถึงอดีตรัก
หล่อนมีความสวย และสวยต่างแบบไปจากอาภาพิไล ผู้หญิงที่สอนให้เขารู้จักความรัก แล้วหล่อนสลัดตัดทิ้งอย่างไม่ไยดี
แต่ลึกๆผู้หญิงใหม่ที่เขาเพิ่งได้พบเจอ แค่เพราะหล่อนคิดมาเกาะแกะน้องชายของเขาเพื่อหวังเป็นน้องสะใภ้
อารมณ์ที่ไม่พอใจหญิงสาวสวยมาก่อนเรื่องนี้ทำให้เขาค้านสุดฤทธิ์ แต่ลึกๆไปแล้วผู้หญิงคนนี้สวยแบบทระนง
ขนาดที่จอมภูครุ่นคิดมองแล้วยังสะแยะยิ้มบ่นตามหลังว่า สวยแต่ทำตัวเย่อหยิ่งจองหอง
มันเหมือนกับว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการท้าทายเขาด้วย และไม่รู้สิว่า ทำไมจอมภูต้องคิดอย่างนี้
เพราะสวยนี่เอง เป็นเพราะจอมภูยังอ้อยอิ่ง ใช้เวลาขบคิดเรื่องราวในอดีตของตนเองมากเกินไป
จนคุณภวานันท์ผู้มารดาเองก็แปลกใจที่บุตรชายไม่ได้รีบร้อนที่จะไปทำงานเหมือนทุกวัน
แต่เห็นร่างสูงของบุตรชายยืนครุ่นคิดมือเกาะที่ขอบหน้าต่างมองออกไปนอกหน้าต่างกับยามสายที่สดใสไปหมด
คุณภวานันท์ก็ยังคิดว่า เช้านี้อากาศดีไปอีกวัน
“แม่คิดว่าจอมจะออกไปทำงานเสียแล้ว คิดอะไรอยู่หรือเปล่าลูก เห็นยืนคิดเหม่อตั้งนาน”
เมื่อเห็นมารดาสังเกตกริยาและอิริยาบถของเขา
ก็อึ้งไปเล็กน้อย ไฟร้อนในอารมณ์ที่เขาไม่เคยบอกกับมารดาและทุกคนว่า อดีตความรักทำให้เขาเจ็บปวดเหลือแสนเพียงใด แม้กาลเวลาผ่านไปนานแล้วก็ตาม
เมื่อมันอักเสบชอกช้ำรุนแรงมันก็ยังทิ้งแผลที่เพียงตกสะเก็ด กับรอยแผลเป็น ทำให้เขามองความรู้สึกในอดีตอย่างเจ็บเคืองจึงพยายามปรับเปลี่ยนสีหน้า ทำให้ดูเป็นปกติ ด้วยการหันใบหน้าคมคายหล่อเหลายิ้มให้กับมารดา “อากาศยามเช้านี้สดใสเหลือเกิน ไม่มีอะไรมากครับ ผมแค่อยากจะไปทำงานช้าสักวันหนึ่ง แต่ไม่สายหรอกนะครับ เพราะเดี๋ยวผมจะไปแล้ว” ประหลาดใจในคำพูดและกิริยาของบุตรชาย แต่ถึงอย่างไรเธอก็วางเงียบ แต่ก็อดตอบไม่ได้ “ยังงั้นหรือ แม่ก็นึกว่าจะไม่สบายเสียอีก หน้าตาของลูกสองวันมานี้ก็ดูเซียวซูบเหลือเกิน เหมือนคนไม่ได้นอนเต็มที่แม่ก็อยากจะให้ถนอมสุขภาพให้มากๆหน่อย อย่างไรก็ตามลูกก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงคนหนึ่งในฐานะพี่ชายของน้อง” เขาพยักหน้าเป็นคำที่น่าฟังอย่างยิ่งแก่มารดา ที่ประโลมเข้าไปในหัวใจของเขา ทำให้เขาเข้าใจหน้าที่แท้จริงของคนเป็นพี่ จากนั้นคุณภวานันท์ขอตัวก้าวไปทางอื่น เห็นเดินออกทางประตูหลังบ้าน คงเข้าไปในสวน ส่วนจอมภูนั้นก็เป็นเวลาพอดีที่เขาจะก้าวเท้าตรงไปที่โรงจอดรถกลับปะทะสายตาคนที่เดินตรงมาเหมือนกัน ดวงตามันดุ เหมือนไม่พอใจอย่างยิ่ง เลยเอ่ยทักก่
“สุดซอยบ้านของฉันไง มันมีลานโล่งวะเอาเสื่อไปปูด้วย ตรงนั้นเป็นบ้านร้าง ติดคลอง ดีซะอีกไม่มีคนรบกวน” ภูวพลเห็นว่าเข้าท่าเหมือนกัน เลยตกลง เลือกเอาสถานที่ซึ่งเป็นท้ายซอยติดคลองมีดงโสนกับกอผักบุ้ง และกระท่อมร้างที่เหมาะเจาะสำหรับนั่งเล่นกีร์ต้าร้องเพลง ใจของฐานะยศคิดโลดแล่นไปไกลเพราะเขาอยากจะเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงได้บันทึกเสียงวันนี้ภูวพลจึงขอทำใจสงบสักวัน แล้วเขาต้องแบกตัวเองไปพบกับปัญหาทางบ้าน ปัญหาการกีดกันทางรักที่แก้ไขไม่ได้ซักที เมื่ออยู่ในโลกส่วนตัวเช่นนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองสงบ ปล่อยใจไปกับการจินตนาการผ่านอารมณ์เสียงที่เปล่งเป็นธรรมชาติจากกระบังลมผ่านลำคอ เขาพยายามที่จะฝึกออกเสียงร้องเพลงที่ถูกต้อง ตามการร่ำเรียนจากรุ่นพี่ที่พอจะทราบบ้างว่า การร้องเพลงที่ถูกต้องนั้นร้องแบบไหนรวมทั้งการฝึกวอร์มเสียง ทำให้เสียงเกิดพลัง สำหรับภูวพลหรือพลก็คิดถึงเช่นกัน มณีรัชดาไงแม้ว่าจะฮัมเพลงในขณะนี้จิตใจยังไพล่ไปนึกถึงแฟนสาวแสนสวยนั่นจนได้ฐานะยศก็มองออกและเขาไม่ได้ว่าเพื่อนหรือเย้าแต่อย่างใด อาจจะเป็นเพราะว่าเขารู้ว่าเพื่อนคนนี้เจอแรงกระทบรอบด้านมามากเ
“คุณเนี่ยนะ มาเดินเล่นที่สวนลุม” มณีรัชดาเริ่มสีหน้าไม่พอใจบ้างนี่มันเรื่องของหล่อน แล้วแววตาของหล่อนบึ้ง ทำไมล่ะเขามากักกันสิทธิ์ของหล่อนหรือยังไง จึงย้อนถาม “ทำไมคะผู้หญิงเข้ามาเดินสวนลุมเป็นยังไงหรือ ผิดด้วยหรือคะ” “มันดูไม่ดี เขาจะกล่าวหาว่ามาอ่อยเหยื่อล่อเอ้อ ดักผู้ชายแถวนี้ไงครับ”เขาต้องหนีบความสุภาพเอาไว้ก่อนวาจาร้ายแดกดันคอยเอาไว้ใช้เฉพาะยามที่ต้องการแค่นี้ ต้องการให้นางสมันน้อยตายใจก่อน มณีรัชดาแปลกใจกับผู้ชายคนนี้ เหมือนเขาประชดหล่อน หากแต่หล่อนไม่สนใจหรอก แค่คนแปลกหน้าที่เผอิญมาพบเจอกันครั้งที่สอง “คุณคงทำงานอยู่แถวนี้ แต่มีเวลาเหลือเฟือมาเดินเล่นหรือคะ” “เป็นเพราะผมนัดลูกค้าเอาไว้ แต่ยังไม่ถึงเวลานัดครับ”เขาจำใจปดหล่อน มณีรัชดาก็มีสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อนักหรอก หากแต่ก็พยักหน้า “ค่ะคุณเลยมีเวลาว่างถมเถ” วาจาหล่อนย้อนเหน็บก็ไม่เบานี่ “แล้วคุณล่ะ ทำงานที่ไหนครับ” “เอ้อฉันตกงานอยู่ค่ะ”มณีรัชดาหันมาตอบเขา“ “ยังหางานทำไม่ได้”ตอบแล้วก็เบือนหน้าไปทางอื่นชายหนุ่มทราบแต่เขาก็เอ่ย
เห็นเพื่อนสีหน้าตึงอย่างนี้ จตุทิศเอ่ยพร้อมกับขมวดคิ้ว “งั้น ก็เท่ากับหล่อนจะกลายเป็นว่าที่น้องสะใภ้ของนายล่ะสิ” เลยทำให้อีกฝ่ายกลับเหยียดริมฝีปากบิดเบ้ใต้กรอบดวงหน้าคมคายหล่อเหลา จนเพื่อนรับรู้เมื่อเขาย้อนคำเหยียด “เป็นน้องสะใภ้นะหรือ เฮอะ ฝันไปไกลแล้วมั้ง ไม่มีทาง ฉันนี่ละ จะกีดกันผู้หญิงคนนี้ทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้เข้าใกล้น้องชายฉัน” และจอมภูก็เผลอเสียงเข้มประกาศออกมาให้เพื่อนช่วยรับรู้ ครั้นเมื่อจตุทิศรู้ว่าอารมณ์ที่ฮึดฮัดของเพื่อนรักในยามนี้นั้นมันประจุด้วยไฟแค้นที่โชนลึกในดวงตายามแสดงออกมาแววตาเขาแดงก่ำและ ถมึงทึง “หล่อนชื่ออะไร” “มณีรัชดา” “ชื่อเพราะนี่”เพื่อนรักนึกชม “ชื่อเพราะ แต่จิตใจไม่เพราะเหมือนชื่อก็ได้..พอเห็นน้องชายฉันมีเงินก็เอาตัวเองมาหว่านเสน่ห์ใกล้ๆแต่นายรู้มั๊ยฉันมีแผนแล้ว” หันมาตอบเพื่อนแล้วมุมฝีปากขยับยิ้มเหยียด ก่อนหรี่ดวงตาหันมามองเพื่อนอีกครั้ง “ฉันจะให้เจ้าดลช่วย” ทำให้เพื่อนสนิทเลยอุทานออกมา “เฮ้ยไอ้ดล นั่นถนัดภาพนู้ดนะเว้ยจอม” จอมภูยังเอ่ยตอบสีหน้าเ
ฮึ ทำให้หนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่นั้นเดือดจัด ด้วยดวงตาที่วาวเข้มที่น้องชายคนเดียวนั้นก็ไม่เชื่อฟัง หลงมืดมัวถลำบอดไปกับความรักของมัน ฮึ ความรักที่กัดก้อนเกลือกินของทั้งคู่นะสิ หากแต่จอมภูกลั้นใจทนฟังต่อ และกายไม่เคลื่อนไหวใดอันจะทำให้น้องชายจับผิดได้เพราะเขาก็ซุ่มตัวอยู่เงียบๆในเวลานี้ “พลแทบจะคิดถึงณีมากนี่ คิดถึงจนลมหายใจเข้าออกเลยนะเอ้อนี่ถามณีหน่อยเรื่องสมัครงาน เขาโทร.มาตามอีกบ้างหรือเปล่า” เมื่อภูวพลเอ่ยถามเรื่องนี้ มณีรัชดาเงียบไปครู่และหม่นลงด้วยสีหน้าที่ผิดหวังขึ้นมา “ยังจ้ะ ไม่เห็นเรียกตัวเลยสักที่” คำตอบของแฟนสาวทำให้เขาเงียบไปครู่ก่อนจะให้กำลังใจ “ก็พลบอกณีแล้วว่า จะช่วยหาให้ บริษัทเพื่อนของพ่อ ณีก็ไม่เอา เห็นไหม อวดเก่งกับความสามารถของตัวเองนัก สุดท้ายก็ไม่ได้งาน” เขาบ่นที่มณีรัชดายึดมั่นถือมั่นในตัวเองมากเกินไปจนชวดงาน EP 6เพราะหล่อนอยากหาด้วยตัวเอง หญิงสาวคิดเช่นนั้น “พลเคยบอกแล้วให้เชื่อพลแล้วก็ใจอ่อนเสีย บริษัทเพื่อนของพ่อพลมี แต่ณีก็ใจแข็ง” ใช่หล่อนยอมรับว่าหล่อนดื้อในเรื่องนี้ เพราะไม่อยากพึ่งเขา
จอมภูก็ยังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียวอีกครั้ง แม้น้องชายจะเอ่ยธุระจบ สีหน้ายิ้มแย้มเหมือนสุขใจ หากแต่เขาผู้เป็นพี่ชายกลับหน้าตึง หรี่ดวงตาเงยมองน้องชาย “นี่แกจะออกไปไหนอีก.. ออกไปข้างนอกหรือเปล่า” จอมภูเอ่ยเสียงเข้มแววตาหมิ่นเยาะไปยังน้องชาย ภูวพลสะบัดเหมือนจะไม่แคร์สนใจในสิ่งที่พี่ชายเอ่ย เขายังทำตัวผ่าเผยยักไหล่แบบไม่แคร์ ก้าวเดินหนีอีก “นี่ ฉันถามแกดี..แกจะออกไปไหนอีก แล้วเมื่อกี้ใครโทร.มาหาแก” “ธุระของผม มันเป็นเรื่องส่วนตัว จะออกไปไหนหรือไม่ออก ผมเคยบอกแล้วว่า พี่ใหญ่อย่ามายุ่งกับชีวิตของผม”เขาก็เสียงเข้มเอ่ยโต้กลับไปทันควัน แสยะใบหน้าใส่อย่างไม่พอใจ จนจอมภูนึกเดือดดาลยิ่งนักกับท่าทีแข็งกระด้างของน้องชาย ทั้งที่เขาแอบฟังคนทั้งสองสนทนา แต่ก็อยากจะรู้ลึกลงไปกว่านั้น “ฮึ นี่นะ ถ้าแม่กับพ่อไม่ฝากให้ฉันดูแลแกล่ะก็ จ้างให้ฉันก็ไม่แยแสเลย ว่าแกนั้นจะตกนรกหมกไหม้ยังไงก็เชิญ เพราะแกมันดื้อ ไม่เคยเชื่อฉัน” นับว่าเป็นคำพูดที่ร้ายกาจทิ้งขว้างและไม่ไยดีพอสมควรสำหรับคนเป็นพี่ชาย เมื่อเขาเอ่ยถึงน้องชาย หากคนฟังนั้นใจเจ็บแปลบ
ครั้นพอเข้าไปดูใกล้ๆ ที่มือถือซึ่งปรากฏมีเบอร์โทร.เข้ามา และในขณะที่หล่อนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อที่จะออกไปข้างนอกอีกครั้ง ก็มีมือถือดังขึ้นอีกครั้ง ด้วยอารามดีใจ ก็ทำให้เธอรีบคว้าเข้ามาแนบหูเอ่ยถามทันที “มณีรัชดาพูดค่ะ จากไหนคะ” หากว่าเสียงนุ่มทุ้มตอบด้วยอารมณ์ดีใจที่หล่อนยอมรับสาย และโดยไม่ทำให้เขานั้นหน้าหงิกหน้างอหงุดหงิดอย่างเมื่อครู่ “ผม วิภัส ครับ คนที่คุณพบเจอเมื่อตอนกลางวันที่สวนลุม สักสามวันได้แล้วครับ เอ้อ โทร.มาสอบถามว่า คุณสนใจที่จะทำงานตามนามบัตรที่ผมระบุไว้มั๊ยครับ” เสียงนุ่มทุ้มที่เคยคุ้น อ๋อหล่อนจำได้แล้วใจหล่อนแฟบลง นึกว่าฝ่ายบุคคลของบริษัทที่หล่อนสมัครงานทิ้งไว้โทร.มาตาม เมื่อรู้ว่าเป็นเขา แล้วหล่อนก็ถอนใจ พยายามนึกถึงชายหนุ่มรูปร่างสูงใบหน้าคมคาย ที่มณีรัชดานึกคิดว่า ท่าทางเขาแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ เป็นเพราะหล่อนไม่ไว้ใจนะสิ แต่ก็ยอมเอ่ยพูดด้วย เหตุผลเพราะเขาพูดกับหล่อนดี และน้ำใจของมณีรัชดาคือ หากใครพูดตอบหล่อนมาดี หล่อนก็จะตอบด้วยสิ่งที่ดี อันบ่งบอกถึงมารยาทจากใจ “ค่ะ ดิฉันจำได้ ว่าไงนะคะ จะให้ดิฉันเข้
“คุณมณีรัชดา”สุ้มเสียงนั้นเอ่ยชื่อหล่อนเมื่อหล่อนมาถึงที่นัดหมายด้วยความกล้ากึ่งกลัวในหัวใจ.. แต่มณีรัชดาพยายามจะสลัดอารมณ์เหล่านี้ทิ้ง ถ้าหล่อนมัวแต่กลัว ก็คงไม่ได้งานนะสิ เพราะอยากทำงานมากกว่า ตกงาน “ค่ะ” “ผมจราดลนะครับ ไอ้ภัสเพื่อนผม คงแนะนำแล้วว่า มันบอกผมว่าคุณเต็มใจจะร่วมงานกับเรา งั้นเชิญมาทางนี้ครับ” เขาผายมือเชื้อเชิญมณีรัชดาแต่หล่อนอึ้ง ยังไม่กล้าลุกก้าวตามไป อะไรกันเขาเรียกให้ลุก นี่ หล่อนก็จะลุกแล้วหรือ เนื่องจากหล่อนกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ไม่ดี และกลัวนัก แล้วนี่ ปล่อยให้หล่อนอยู่ตามลำพังกับเขาทั้งสองต่อสองหรือ แล้วผู้หญิง ผู้ชายคนอื่นหายไปไหนหมด หล่อนยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจ เดินตามเขาไปหรอกนะ ยังอึกอักและลังเลใจ “อ้าว ตามผมมาสิครับ.. มัวนั่งอยู่ทำไม” หล่อนอึ้ง จะตอบเขาอย่างไรดี จราดลเลยบอก “ผมต้องเทสต์งาน คุณอย่ากลัวเลยครับ ถ้ากลัวคงไม่ต้องทำงานนี้หรอก ข้างในยังมีช่างภาพ ช่างไฟ อยู่อีกสามสี่คน ช่างแต่งหน้าด้วย เขาเป็นผู้หญิงเหมือนคุณ”แบบนี้มณีรัชดาค่อยถอนใจอย่างโล่งอก ยอมเดินตามเขาไป “